ศาลายาไม่มีนาฬิกา - นิยาย ศาลายาไม่มีนาฬิกา : Dek-D.com - Writer
×

    ศาลายาไม่มีนาฬิกา

    ก่อนอื่นผมต้องขอบอกก่อนว่า ผมเป็น"เณร" และนี้คือ บันทึกประสบการณ์การไปเข้าค่ายอบรมของผม เหตุการณ์ทั้งหมดคือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง บุคคลในเรื่องมีตัวตนจริงๆ ไม่ใช่ตัวแสดงแทน

    ผู้เข้าชมรวม

    52

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    52

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  ตลก-ขบขัน
    จำนวนตอน :  0 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  24 ส.ค. 58 / 00:04 น.
    e-receipt e-receipt
    loading
    กำลังโหลด...
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

     ก่อนอื่นผมต้องขอบอกก่อนว่า

    ผมเป็น"เณร"

    และนี้คือ บันทึกประสบการณ์การไปเข้าค่ายอบรมของผม

    เหตุการณ์ทั้งหมดคือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง

    บุคคลในเรื่องมีตัวตนจริงๆ

    ไม่ใช่ตัวแสดงแทน

    ==========================

     

       บ่าย3.30 ของวันที่5 

    ผมมีนัดที่สำคัญยิ่งในการเดินทางไปยังสถานีรถไฟ

    เพื่อที่จะไปตามนัด

    ผมขออุปโลคขึ้นมาเองเลยว่านั้นคือสถานที่ๆผมจะได้เจอเพื่อนที่ต่างจากผมแบบสุดลิ่มทิ่มประตู

    เป็นเวลา บ่าย3.29 ที่ผมกับเพื่อนได้มาถึงยังสถานีรถไฟ

    ตามใบตั๋วได้บอกว่าให้ไปขึ้นรถไฟที่ชานชาลาที่4 โบกี้ที่5

    แต่พอไปถึงชานชาลาที่4 ก็ทิ้งไว้แต่หมอนไม้อุ่นๆ กับควันเขม่าจางๆไว้เป็นเพื่อนกับเรา

    ผมกับเพื่อนลากกระเป๋าจากออกมาด้วยอารมณ์อึนๆ

    ไม่มีคำพูดใด นอกจากท่วงท่าที่ดูเชื่องช้า สื่อสารสอดสัมผัสกัน ได้ใจความว่า"จะเอายังไงต่อดีวะ"

    ผมกับเพื่อน ยืนอยู่หน้าสถานีรถไฟปล่อยให้อารมณ์มันค้างเติ้งอยู่อย่างนั้น

    โดยมีซาวด์แทร็คเป็นเสียงทัวร์จีน,ฝรั่ง สอดแทรกเข้ามาเป็นช่วงๆ

    ========================================

     

        จนแล้วจนรอด เราก็ได้ข้อสรุปมาแบบงงๆว่าจะไปรถทัวร์แทน

    ตัดสลับเวลามาเป็น21.00น. ผมกับเพื่อนก็พากันเคลื่อนกายมาโผล่อยู่บนรถทัวร์

    ที่มีความเย็นของแอร์เกือบเท่ากับช่องฟีชแช่ปลากระโห้เป็นที่เรียบร้อย

    ด้วยความโชคดีของผมทีได้นั่งตรงกับช่องแอร์ที่เป็นรูโหว่ ไม่มีที่ปรับองศา ไม่มีที่ปิดใดๆ

    ขนาดที่ว่าถ้าผมกระหายน้ำ ผมเอามือเข้าไปซุกไว้ข้างในรูแอร์สัก5นาที ผมคงได้เลียน้ำแข็งที่เกาะอยู่ตามมือแก้กระหายได้แน่ๆ

    ด้วยแอร์ที่เย็นขนาดนั้น และมีผ้าห่มผืนบางๆโง่ๆ มีขุยผ้ายุ่ยออกมาเป็นเส้นๆ ซึ่งไม่สามารถให้ความอบอุ่นเหี้ยอะไรได้เลย  

    นั่งไปสักพักนึงผมก็เกิดอาการปวดฉี่

    ยังไม่ทันได้ออกเขตเชียงใหม่เลยนะเนี้ยย

    ผมกลั้นฉี่จนท้องน้อยเริ่มป่อง ทุกช่วงขณะการหายใจผมคิดแต่ว่าจะฉี่แม่งตรงหลุมวางแก้วที่อยู่เบาะหน้านี่เลยดีมั๊ยวะ

    แต่ด้วยประสบการณ์ที่โชกโชนเรื่องการนอนหลับ

    ผมจึงข่มตาหลับจนถึงที่พักรถ

    ผมรีบลงจากรถ กึ่งเดินกึ่งวิ่ง ผ้าจีวรห้อยพะลุงพะลัง แต่ตอนนั้นผมไม่สนแล้วภาพพจน์

    จะถ่ายคลิปลงยูไลค์ก็เชิญเถอะ

    ยังดูดีกว่าผมยืนฉี่ใส่เบาะหน้าอีก

    =========================================

     

       หลังจากเหตุการณ์นั้นผ่านไปผมก็หลับปุย

    จนแสงแดดรอดผ่านกระจกข้างมาแยงตา

    ไม่นานนักผมกับเพื่อนก็มาถึงสถานีหมอชิต

    ซึ่งหลายครั้งที่ผมได้มายังที่นี้

    ผมก็ยังไม่เชื่อเลยว่านี้คือเขตเมืองหลวงของประเทศไทย

    สภาพเหมือนสถานีลักลอบขนส่งแรงงานต่างด้าว

    ฝุ่นคละคลุ้ง เขม่ารถลอยละลิ่วเป็นทิวหมอก เสียงโหวกเหวก โวยวาย 

    ตู้แช่ขายเครื่องดื่ม ฝุ่นเกาะจนผมนึกว่าจอมปลวก

    และมีพี่อยู่คนหนึ่งที่ผมประทับใจในการทำงานแกมาก

    ตั้งแต่ผมลงรถ พี่แกก็แหกปาก ตะโกนเรียกลูกค้าไม่ขาดสาย

    หัวหินค้าบบ  หัวหิน หัวหิน   หัวหินค้าบ หัวหิน!!!

    พี่แกตะโกนเรียกลูกค้าเสมือนว่า คสช.ออกคำสั่งให้รับลูกค้าเป็นเที่ยวสุดท้าย

    ผมก็ไม่ได้สนใจอะไร เพราะยังมึนๆงงๆอยู่

    ตะคริวก็เสือกแดกแขน เพราะตากแอร์รถทัวร์มาตลอดสาย

    จนผมเข้าห้องน้ำไปล้างหน้าแปรงฟัน ยืดเส้นยืดสาย

    เดินออกมา พี่คนเดิมก็ยังแหกปากตะโกนอยู่อย่างนั้น

    ในห้วงความคิดนั้นผมอยากจะซื้อสเตร็ปซิลไปให้แกอมเหลือเกิน

    สงสารหลอดคอพี่แกมาก 

    พี่แกตั้งใจทำงานมากๆจนผมอยากจะสร้างอนุสาวรีย์ให้พี่แกเลยทีเดียว

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น