ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : สู่บทเริ่มต้นครั้งใหม่
sakura say:
ฉันยืนมองญี่ปุ่นอย่างเต็มตา อืม... ไม่ได้กลับมาที่นี้กี่ปีแล้วนะ คั้งม.ต้นปีสอง... ถ้านับตามอายุ
แล้วตอนนี้ฉันคงอยู่ม.ปลายปีสอง ก็สองสามทีได้แล้วนะสินะ อะไรๆก็เปลี่ยนไปเยอะนะ แม้แต่
สนามบินที่นี้ ดูทันสมัยขึ้นเยอะเลย ท่าทางลุงคนขับรถจะยังไม่มาแหะ
ฉันยกแขนขึ้นมาเพื่อจะดูเวลาที่นาฬิกาข้อมือ สายมาสิบนาทีแล้วแหะ ฉันเดินออกมาจาก
เกทแล้วยืนมองหาชื่อตัวเองที่น่าจะมีคนชูป้ายตามหาฉันอยู่ ฉันไล่สายตาไปตามคนพลุกพล่าน
แต่ก็ไม่เจอ.. หรือฉันบอกวันผิด ก็ไม่นิ หรือฉันบอกวันของที่อเมริกาไป -_-?
-ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด-
ฉันสะดุ้งเล็กน้อยกับเสียงข้อความของโทรศัพท์ฉัน ฉันถอดสายเป้ที่อยู่ข้างหลังออกมา
ข้างหนึ่งแล้วเอื้อมมือไปจับมันมาไว้ข้างหน้าก่อนจะควานหาโทรศัพท์ที่จับยัดๆใส่มา ไหนฟะ
อ่ะ เจอละ
<-ถึงรึยังลูกสาว->
พ่อฉันนี้เอง - - ฉันกดพิมพ์ตอบข้อความพ่อไปแล้วเตรียมเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋า แต่ยัง
ไม่ทันจะปิดซิปดี โทรศัพท์ตัวดีก็ร้องเพลงออกมาอีกแล้ว แอบขี้เกียจรับแหะ ฉันได้แต่คิดแต่ก็
ล้วงหยิบมันขึ้นมาอีกครั้ง แล้วมองดูชื่อคนที่โทรเข้ามา
/ลุงคนขับรถ/
อ่า โทรมาแล้ว
"ฮัลโหลค่ะ"
ฉันกดรับก่อนจะกรอกเสียงทักทายไป ฉันเอาโทรศัพท์แนบไว้กับหูแล้วเอาไหล่หนีบมันเอา.
ไว้เพื่อจะหันไปปิดซิปกระเป๋าเป้แล้วสะพายมันกลับเข้าที่
(ฮัลโหลครับ คุณหนู ผมหาที่จอดรถไม่ได้เลย จะเป็นความกรุณามั้ยครับ ถ้าคุณหนูจะช่วยออก
มายืนรอที่หน้าประตู)
ฉันแอบหัวเราะกับคำที่ลุงคนขับรถใช้ ความกรุณาเนี่ยนะ เดี๋ยวนี้คนญี่ปุ่นเขาใช้คำที่อลังการ
ขนาดนี้เลยเหรอ
"ค่ะ เดี๋ยวซีออกไปรอข้างนอกนะค่ะ"
ฉันพูดแล้วหันไปเข็นรถที่เต็มไปด้วยกระเป๋าเสื้อผ้าด้วยมือข้างเดียวแล้วเดินออกไปจากที่คน
ยืนรอคนมารับ มาญี่ปุ่นอะไรกันเยอะแยะ จะบ้าตาย ปวดหัวจริง
(ได้เลยครับคุณหนู)
หลังจากลุงคนขับวางไปแล้วฉันก็เก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋ากางเกงตัวเอง ไม่เก็บเข้ากระเป๋า
เป้ละ ขี้เกียจหยิบบ่อยๆ -_- อ่อ ลืมแนะนำตัว ฉัน "ฮารูโนะ ซากูระ" ส่วนซีที่ฉันแทนตัวเองเมื่อ
กี้เป็นชื่อที่ฉันใช้ตอนอยู่อเมริกานะ เพราะพวกฝรั่งออกเสียงชื่อญี่ปุ่นของฉันได้น่าเกลียดมาก
ฉันเลยให้พวกนั้นเรียกฉันว่า ซี แทน ง่ายดี - - อีกอย่างฉันไม่ชอบที่พวกฝรั่งหัวทองเรียกฉันว่า
พิงค์แพนเตอร์นะ ฉันแค่ผมสีชมพูนะ ไม่ได้ชมพูเหมือนไอแมวป่านั้นซะหน่อย โว๊ะ ฉันย้ายไปอยู่
ที่อเมริกาพร้อมกับพ่อเมื่อสองสามปีที่แล้วเพราะธุระกิจที่ญี่ปุ่นค่อนข้างมั่นคง พ่อเลยกะจะไป
ช่วยแม่ที่ดูแลธุระกิจที่อเมริกาแทน และตอนนี้ที่ญี่ปุ่นขาดผู้จัดการที่ปลดเกษียณออกไป ฉันเลย
โดนพระบิดาวาน (สั่ง) ให้มาดูงานที่นี้แทน ฉันไม่ได้อะไรถ้าจะให้กลับมาแต่แค่ เซ็งๆที่พอฉัน
เริ่มปรับตัวกับที่นู้นได้ก็โดนย้ายกลับมาที่เดิม มันน่าเบื่อนะรู้มั้ย ที่จะต้องย้ายไปย้่ายมา แต่ฉันก็
ไม่ได้พูดหรือโต้แย้งอะไรออกไปหรอก เพราะมันดีตรงที่ฉันได้อยู่คนเดียวเนี่ยละ สบายดี
ฉันเดินเข็นรถต่อไปโดยที่สายตาก็มองไปรอบๆอย่างอยากรู้อยากเห็น แค่สองสามปีที่นี้ดูดี
ขึ้นเยอะเลย ประเทศนี้ยังสะอาดไม่เปลี่ยน แต่ฉันเริ่มรู้สึกว่า... มีคนมองเยอะขึ้นเรื่อยๆนะ เฮ้ ฉัน
มีอะไรผิดปกติ หรือเสื้อฉันขาด กางเกงเป๋าปริหรือยังไง ฉันก้มมองตัวเองที่ตอนนี้อยู่ในชุดกาง
เกงยีนส์สีสนิม สวมเสื้อกล้ามสีขาวมีเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินอ่อนพับแขนสวมทับ รองเท้าผ้าใบสีขาวที่
ตอนนี้ออกดำหน่อยๆแล้ว เอ่อ... ก็ไม่มีไรปกตินิ เขามองฉันกันทำไม - -? หรือเพราะสีผม... อ่า
ผมของฉันเป็นสีชมพูซากูระนะ มันเป็นอย่างนี้มาตั้งแต่เกิด สงสัยจะเด่นไปหน่อย - -" (ไม่หน่อย
แล้วยะ) แต่ช่างเถอะ ฉันเดินออกมาถึงข้างหน้าสนามบินแล้ว ก่อนจะมองไปรอบๆเพื่อหารถ
ที่มารับ จนมาหยุดที่คุณลุงวัยกลางคนที่กำลังยืนโบกมือให้ฉันพร้อมกับชูป้ายชื่อฉันอยู่ ลุงแก
เองสินะ ฉันรีบเดินตรงไปหาลุงแก ก่อนจะผงะเล็กน้อยเมื่อลุงแค่ก้มหัวทำความเคารพฉัน เฮ่ยๆ
"เอ่อ.. ลุงค่ะ" ฉันเรียกลุงแกไว้ก่อนที่ลุงแกจะเดินไปหลังรถเพื่อเก็บกระเป๋าให้ฉัน
"ครับ คุณหนู"
"ที่หลังไม่ต้องทำขนาดนี้ก็ได้ค่ะ ซี.. เอ่อ หนูไม่ได้เคร่งขนาดนั้น - -" "
"อ่า ได้ครับคุณหนู" ฉันพยักหน้ารับ แล้วเปิดประตูรถด้านหลังคนขับขึ้นไปนั่ง ชักจะ..ง่วงละแหะ
หลังจากขับรถออกจากสนามบินมาได้สักพัก ฉันเอนตัวลงพิงกับเบาะแล้วยกแขนมาเท้าไว้
กับประตูรถแล้วมองดูวิวไปรอบๆ คิดถึงจังแหะ ญี่ปุ่น.. บ้านเกิดของฉัน
"ถึงแล้วครับคุณหนู" ลุงคนขับหันมาบอกฉันหลังจากขับรถเข้าไปในรั่วบ้านขนาดใหญ่
ฉันเลื่อนสายตากลับมามองตรงไปที่กระจกรถด้านหน้า ภาพของบ้านหลังใหญ่ก็ปรากฏสู่
สายตาของฉัน ฉันคลี่ยิ้มบางๆออกมาเมื่อเห็นว่าบ้านหลังยังเหมือนเดิม อาจจะมีปรับปรุงให้ดู
ใหม่ขึ้น แต่ความรู้สึกที่อบอุ่นนี้ยังเหมือนเดิมแหะ
ฉันเดินลงจากรถแล้วสะพายเป้คู่ใจขึ้นหลัง แล้วเดินตรงเข้าไปในบ้านหลังใหญ่ที่ไม่ได้กลับ
มานาน
"ยินดีต้อนรับค่ะคุณหนู"
"เอ่อ..." ก่อนที่ฉันจะได้บรรยายเกี่ยวกับความทรงจำในบ้านหลังนี้ สิ่งที่อยู่ตรงหน้าฉันตอนนี้ก็
คือ บรรดาสาวใช้ทั้งหลายที่ยืนเรียงกันเป็นแถวตอนลึกยืนก้มหัวต้อนรับฉันอยู่ และปลายทางที่
ฉันกำลังเดินเข้าไปก็มีหญิงสูงวัยที่กำลังยืนส่งยิ้มอบอุ่นมาให้กับฉัน
"แม่นม..."
ฉันพูดแค่นั้นก็รีบเดินเข้าไปหาหญิงสูงวัยคนนั้นทันที ฉันก้มตัวลงสวมกอดแน่นกับหญิงสูง
วัยหรือแม่นมของฉันที่เปรียบเสมือนแม่แท้ๆที่เลี้ยงดูฉันมา
"คุณหนูซากูระของแม่นมจริงๆด้วย โตขึ้นเป็นสาว สวยกว่าเมื่อก่อนขึ้นเยอะเลยนะค่ะ" ฉันเงย
หน้าจากอ้อมกอดแล้วส่งยิ้มให้กับแม่นม อย่างน้อยแม่นมก็ยังอยู่
"แต่ก็ยังเป็นซากูระของแม่นมคนเดิมแหละค่ะ" ฉันหัวเราะออกมาน้อยๆ ก่อนจะหันไปบอกให้
บรรดาสาวใช้สลายตัวกันไป ฉันไม่ชอบอะไรที่มันดูเยอะๆแบบนี้นะ
"แม่นมจัดห้องไว้ให้แล้ว ขึ้นไปพักผ่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวพอถึงมื้อเย็นแล้วแม่นมจะขึ้นไปตาม"
"ได้เลยค่ะ"
ฉันส่งยิ้มให้แม่นมครั้งสุดท้ายแล้วเดินออกมา ก่อนจะเดินตรงไปที่บรรไดสีขาวขนาดใหญ่
ใจกลางบ้าน ฉันเดินตรงขึ้นไปที่ห้องประตูสีขาวที่เป็นห้องนอนของฉัน ฉันเปิดประตูเข้าไปช้าๆ
ภาพที่ฉันเห็นมันทำให้ฉันคิดถึงเมื่อหลายปีก่อนตอนที่อยู่ญี่ปุ่น ความทรงจำเก่าๆเริ่มกลับมา
เล็กน้อย... ฉันยิ้มออกมาบางๆ ก่อนจะเดินเข้าไปให้ห้องแล้วปิดประตูลง ฉันวางกระเป้ลงกับพื้น
ห้องข้างเตียงนอนแล้วล้มตัวลงนอน อืม...
-Just so you know this feelings takin control of me and i can't help it-
เสียงเพลงเรียกเข้าของโทรศัพท์ฉันดังขึ้น ฉันเอื้อมมือไปหยิบที่โทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋า
กางเกงออกมา หน้าจอของมันกำลังโชว์ชื่อพระบิดาของฉันอยู่ ท่าทางจะรู้จากแม่นมแล้วสินะ
"ฮัลโหล"
(เป็นไงบ้างลูก โอเคมั้ย)
"ก็ดีค่ะ เหมือนเดิม" ฉันพูดพร้อมกับมองไปรอบๆห้อง
(งั้นก็ดีแล้ว พ่อเตรียมโรงเรียนไว้ให้แล้วนะ พรุ่งนี้ทุกอย่างคงจะเรียบร้อย)
"พ่อคงไม่ลืมเรื่องที่หนูบอกหรอกใช่มั้ย"
(หื้ม เรื่องอะไรหว่า)
"-_- ก็ที่บอกให้เอาโรงเรียนที่ไม่ต้องรู้จักใครไง"
(อ่อ ฮ่าๆๆๆๆ) พ่อฉันหัวเราะดังขึ้นเรื่อยๆเป็นคำตอบ หมายความว่าไง
"พ่อ -_-"
(พ่อแค่อยากฝากฝั่งลูกไว้กับคนใกล้ตัวนะ - -")
"ฝากไว้ในละ" ลางสังหรณ์ชักไม่ดี เตรียมหนีเลยดีมั้ย?
(ฮ่าๆ โรงเรียนเดิมนะลูก แต่เป็นม.ปลายแทน...)
"-_-" เจริญเถอะ
(พ่อก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะมี เอ่อ.. เพื่อนเก่าลูกมั้ย)
"ช่างเถอะ" ฉันพูดอย่างปลงตก ก็แอบเตรียมใจไว้บ้างแต่ไม่คิดว่าจะจริง
(ลูกโอเคนะ)
"ก็โอเคนะ" ฉันว่างั้น แล้วหันไปหยิบกระเป๋าเป้ขึ้นมา
(ถ้าไม่โอเคอะไรรีบบอกพ่อเลยนะลูก)
"อืม.. พ่อ" ฉันเรียกพ่อไว้ ก่อนจะหยิบหนังสือบางอย่างขึ้นมาจากกระเป๋าเป้
(ว่าไงลูกสาว) -_- แอบสยองนะ
"ขอย้ายออกไปอยู่ข้างนอกได้มั้ย" ฉันบอกออกไปแล้วเตรียมรับเสียงอันหน้าตกใจของพ่อ ฉัน
เปิดหนังสือเล่มโปรดไปที่หน้ากลางที่มีบางอย่างคั้นไว้อยู่
(!!! ทำไมละลูก! เกิดไรขึ้น มีใครทำอะไรไม่ถูกใจรึเปล่า!!) พูดเบาๆก็ได้นะ ฉันยื้นโทรศัพท์
ออกจากหูเพื่อลดอัตราความเสียงของหูดับ
"เปล่าหรอก แค่ไม่ชอบอยู่ในที่คนเยอะๆ แล้วก็.. บ้านมันหลังใหญ่ไปนะ" ฉันพูดไปพร้อมกับดึง
รูปที่ฉันใช้คั้นกลางหนังสือเอาไว้ รูปของ "เขา"
(เฮ้อ เอางั้นก็ได้ เดี๋ยวพ่อจะจัดการให้นะ แล้วมีอะไรที่อยากได้อีกมั้ย)
"ไม่มีแล้วค่ะ พ่อกลับไปทำงานเถอะ สวัสดีค่ะ" ฉันกดวางสายก่อนที่พ่อจะพูดอะไรต่อ แล้ววาง
โทรศพท์ลงกับเตียงก่อนจะหันกลับมาสนใจรูปที่อยู่ในมือ ฉันหันไปทางหน้าต่างที่อยู่ทางขวา
มือแล้วมองออกไปที่ท้องฟ้าตอนนี้กำลังสดใส บางที...เรื่องบางเรื่อง เราก็ต้องปล่อยมันทิ้งไป
ฉันเดินลงจากเตียงแล้วเดินตรงไปที่ถังขยะที่อยู่หน้าประตู แล้วก้มลงมามองที่มือที่มีรูปของ
เขาอยู่เป็นครั้งสุดท้าย ฉันคลี่ยิ้มบางให้กับคนที่อยู่ในรูปก่อนจะปล่อยให้รูปที่เคยเป็นสิ่งสำคัญ
กับฉันมาตลอดลงไปในทั้งขยะที่ว่างเปล่า ใช่ เรื่องบางเรื่อง เราต้องทิ้งมันไป
ฉันยืนมองญี่ปุ่นอย่างเต็มตา อืม... ไม่ได้กลับมาที่นี้กี่ปีแล้วนะ คั้งม.ต้นปีสอง... ถ้านับตามอายุ
แล้วตอนนี้ฉันคงอยู่ม.ปลายปีสอง ก็สองสามทีได้แล้วนะสินะ อะไรๆก็เปลี่ยนไปเยอะนะ แม้แต่
สนามบินที่นี้ ดูทันสมัยขึ้นเยอะเลย ท่าทางลุงคนขับรถจะยังไม่มาแหะ
ฉันยกแขนขึ้นมาเพื่อจะดูเวลาที่นาฬิกาข้อมือ สายมาสิบนาทีแล้วแหะ ฉันเดินออกมาจาก
เกทแล้วยืนมองหาชื่อตัวเองที่น่าจะมีคนชูป้ายตามหาฉันอยู่ ฉันไล่สายตาไปตามคนพลุกพล่าน
แต่ก็ไม่เจอ.. หรือฉันบอกวันผิด ก็ไม่นิ หรือฉันบอกวันของที่อเมริกาไป -_-?
-ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด-
ฉันสะดุ้งเล็กน้อยกับเสียงข้อความของโทรศัพท์ฉัน ฉันถอดสายเป้ที่อยู่ข้างหลังออกมา
ข้างหนึ่งแล้วเอื้อมมือไปจับมันมาไว้ข้างหน้าก่อนจะควานหาโทรศัพท์ที่จับยัดๆใส่มา ไหนฟะ
อ่ะ เจอละ
<-ถึงรึยังลูกสาว->
พ่อฉันนี้เอง - - ฉันกดพิมพ์ตอบข้อความพ่อไปแล้วเตรียมเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋า แต่ยัง
ไม่ทันจะปิดซิปดี โทรศัพท์ตัวดีก็ร้องเพลงออกมาอีกแล้ว แอบขี้เกียจรับแหะ ฉันได้แต่คิดแต่ก็
ล้วงหยิบมันขึ้นมาอีกครั้ง แล้วมองดูชื่อคนที่โทรเข้ามา
/ลุงคนขับรถ/
อ่า โทรมาแล้ว
"ฮัลโหลค่ะ"
ฉันกดรับก่อนจะกรอกเสียงทักทายไป ฉันเอาโทรศัพท์แนบไว้กับหูแล้วเอาไหล่หนีบมันเอา.
ไว้เพื่อจะหันไปปิดซิปกระเป๋าเป้แล้วสะพายมันกลับเข้าที่
(ฮัลโหลครับ คุณหนู ผมหาที่จอดรถไม่ได้เลย จะเป็นความกรุณามั้ยครับ ถ้าคุณหนูจะช่วยออก
มายืนรอที่หน้าประตู)
ฉันแอบหัวเราะกับคำที่ลุงคนขับรถใช้ ความกรุณาเนี่ยนะ เดี๋ยวนี้คนญี่ปุ่นเขาใช้คำที่อลังการ
ขนาดนี้เลยเหรอ
"ค่ะ เดี๋ยวซีออกไปรอข้างนอกนะค่ะ"
ฉันพูดแล้วหันไปเข็นรถที่เต็มไปด้วยกระเป๋าเสื้อผ้าด้วยมือข้างเดียวแล้วเดินออกไปจากที่คน
ยืนรอคนมารับ มาญี่ปุ่นอะไรกันเยอะแยะ จะบ้าตาย ปวดหัวจริง
(ได้เลยครับคุณหนู)
หลังจากลุงคนขับวางไปแล้วฉันก็เก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋ากางเกงตัวเอง ไม่เก็บเข้ากระเป๋า
เป้ละ ขี้เกียจหยิบบ่อยๆ -_- อ่อ ลืมแนะนำตัว ฉัน "ฮารูโนะ ซากูระ" ส่วนซีที่ฉันแทนตัวเองเมื่อ
กี้เป็นชื่อที่ฉันใช้ตอนอยู่อเมริกานะ เพราะพวกฝรั่งออกเสียงชื่อญี่ปุ่นของฉันได้น่าเกลียดมาก
ฉันเลยให้พวกนั้นเรียกฉันว่า ซี แทน ง่ายดี - - อีกอย่างฉันไม่ชอบที่พวกฝรั่งหัวทองเรียกฉันว่า
พิงค์แพนเตอร์นะ ฉันแค่ผมสีชมพูนะ ไม่ได้ชมพูเหมือนไอแมวป่านั้นซะหน่อย โว๊ะ ฉันย้ายไปอยู่
ที่อเมริกาพร้อมกับพ่อเมื่อสองสามปีที่แล้วเพราะธุระกิจที่ญี่ปุ่นค่อนข้างมั่นคง พ่อเลยกะจะไป
ช่วยแม่ที่ดูแลธุระกิจที่อเมริกาแทน และตอนนี้ที่ญี่ปุ่นขาดผู้จัดการที่ปลดเกษียณออกไป ฉันเลย
โดนพระบิดาวาน (สั่ง) ให้มาดูงานที่นี้แทน ฉันไม่ได้อะไรถ้าจะให้กลับมาแต่แค่ เซ็งๆที่พอฉัน
เริ่มปรับตัวกับที่นู้นได้ก็โดนย้ายกลับมาที่เดิม มันน่าเบื่อนะรู้มั้ย ที่จะต้องย้ายไปย้่ายมา แต่ฉันก็
ไม่ได้พูดหรือโต้แย้งอะไรออกไปหรอก เพราะมันดีตรงที่ฉันได้อยู่คนเดียวเนี่ยละ สบายดี
ฉันเดินเข็นรถต่อไปโดยที่สายตาก็มองไปรอบๆอย่างอยากรู้อยากเห็น แค่สองสามปีที่นี้ดูดี
ขึ้นเยอะเลย ประเทศนี้ยังสะอาดไม่เปลี่ยน แต่ฉันเริ่มรู้สึกว่า... มีคนมองเยอะขึ้นเรื่อยๆนะ เฮ้ ฉัน
มีอะไรผิดปกติ หรือเสื้อฉันขาด กางเกงเป๋าปริหรือยังไง ฉันก้มมองตัวเองที่ตอนนี้อยู่ในชุดกาง
เกงยีนส์สีสนิม สวมเสื้อกล้ามสีขาวมีเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินอ่อนพับแขนสวมทับ รองเท้าผ้าใบสีขาวที่
ตอนนี้ออกดำหน่อยๆแล้ว เอ่อ... ก็ไม่มีไรปกตินิ เขามองฉันกันทำไม - -? หรือเพราะสีผม... อ่า
ผมของฉันเป็นสีชมพูซากูระนะ มันเป็นอย่างนี้มาตั้งแต่เกิด สงสัยจะเด่นไปหน่อย - -" (ไม่หน่อย
แล้วยะ) แต่ช่างเถอะ ฉันเดินออกมาถึงข้างหน้าสนามบินแล้ว ก่อนจะมองไปรอบๆเพื่อหารถ
ที่มารับ จนมาหยุดที่คุณลุงวัยกลางคนที่กำลังยืนโบกมือให้ฉันพร้อมกับชูป้ายชื่อฉันอยู่ ลุงแก
เองสินะ ฉันรีบเดินตรงไปหาลุงแก ก่อนจะผงะเล็กน้อยเมื่อลุงแค่ก้มหัวทำความเคารพฉัน เฮ่ยๆ
"เอ่อ.. ลุงค่ะ" ฉันเรียกลุงแกไว้ก่อนที่ลุงแกจะเดินไปหลังรถเพื่อเก็บกระเป๋าให้ฉัน
"ครับ คุณหนู"
"ที่หลังไม่ต้องทำขนาดนี้ก็ได้ค่ะ ซี.. เอ่อ หนูไม่ได้เคร่งขนาดนั้น - -" "
"อ่า ได้ครับคุณหนู" ฉันพยักหน้ารับ แล้วเปิดประตูรถด้านหลังคนขับขึ้นไปนั่ง ชักจะ..ง่วงละแหะ
หลังจากขับรถออกจากสนามบินมาได้สักพัก ฉันเอนตัวลงพิงกับเบาะแล้วยกแขนมาเท้าไว้
กับประตูรถแล้วมองดูวิวไปรอบๆ คิดถึงจังแหะ ญี่ปุ่น.. บ้านเกิดของฉัน
"ถึงแล้วครับคุณหนู" ลุงคนขับหันมาบอกฉันหลังจากขับรถเข้าไปในรั่วบ้านขนาดใหญ่
ฉันเลื่อนสายตากลับมามองตรงไปที่กระจกรถด้านหน้า ภาพของบ้านหลังใหญ่ก็ปรากฏสู่
สายตาของฉัน ฉันคลี่ยิ้มบางๆออกมาเมื่อเห็นว่าบ้านหลังยังเหมือนเดิม อาจจะมีปรับปรุงให้ดู
ใหม่ขึ้น แต่ความรู้สึกที่อบอุ่นนี้ยังเหมือนเดิมแหะ
ฉันเดินลงจากรถแล้วสะพายเป้คู่ใจขึ้นหลัง แล้วเดินตรงเข้าไปในบ้านหลังใหญ่ที่ไม่ได้กลับ
มานาน
"ยินดีต้อนรับค่ะคุณหนู"
"เอ่อ..." ก่อนที่ฉันจะได้บรรยายเกี่ยวกับความทรงจำในบ้านหลังนี้ สิ่งที่อยู่ตรงหน้าฉันตอนนี้ก็
คือ บรรดาสาวใช้ทั้งหลายที่ยืนเรียงกันเป็นแถวตอนลึกยืนก้มหัวต้อนรับฉันอยู่ และปลายทางที่
ฉันกำลังเดินเข้าไปก็มีหญิงสูงวัยที่กำลังยืนส่งยิ้มอบอุ่นมาให้กับฉัน
"แม่นม..."
ฉันพูดแค่นั้นก็รีบเดินเข้าไปหาหญิงสูงวัยคนนั้นทันที ฉันก้มตัวลงสวมกอดแน่นกับหญิงสูง
วัยหรือแม่นมของฉันที่เปรียบเสมือนแม่แท้ๆที่เลี้ยงดูฉันมา
"คุณหนูซากูระของแม่นมจริงๆด้วย โตขึ้นเป็นสาว สวยกว่าเมื่อก่อนขึ้นเยอะเลยนะค่ะ" ฉันเงย
หน้าจากอ้อมกอดแล้วส่งยิ้มให้กับแม่นม อย่างน้อยแม่นมก็ยังอยู่
"แต่ก็ยังเป็นซากูระของแม่นมคนเดิมแหละค่ะ" ฉันหัวเราะออกมาน้อยๆ ก่อนจะหันไปบอกให้
บรรดาสาวใช้สลายตัวกันไป ฉันไม่ชอบอะไรที่มันดูเยอะๆแบบนี้นะ
"แม่นมจัดห้องไว้ให้แล้ว ขึ้นไปพักผ่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวพอถึงมื้อเย็นแล้วแม่นมจะขึ้นไปตาม"
"ได้เลยค่ะ"
ฉันส่งยิ้มให้แม่นมครั้งสุดท้ายแล้วเดินออกมา ก่อนจะเดินตรงไปที่บรรไดสีขาวขนาดใหญ่
ใจกลางบ้าน ฉันเดินตรงขึ้นไปที่ห้องประตูสีขาวที่เป็นห้องนอนของฉัน ฉันเปิดประตูเข้าไปช้าๆ
ภาพที่ฉันเห็นมันทำให้ฉันคิดถึงเมื่อหลายปีก่อนตอนที่อยู่ญี่ปุ่น ความทรงจำเก่าๆเริ่มกลับมา
เล็กน้อย... ฉันยิ้มออกมาบางๆ ก่อนจะเดินเข้าไปให้ห้องแล้วปิดประตูลง ฉันวางกระเป้ลงกับพื้น
ห้องข้างเตียงนอนแล้วล้มตัวลงนอน อืม...
-Just so you know this feelings takin control of me and i can't help it-
เสียงเพลงเรียกเข้าของโทรศัพท์ฉันดังขึ้น ฉันเอื้อมมือไปหยิบที่โทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋า
กางเกงออกมา หน้าจอของมันกำลังโชว์ชื่อพระบิดาของฉันอยู่ ท่าทางจะรู้จากแม่นมแล้วสินะ
"ฮัลโหล"
(เป็นไงบ้างลูก โอเคมั้ย)
"ก็ดีค่ะ เหมือนเดิม" ฉันพูดพร้อมกับมองไปรอบๆห้อง
(งั้นก็ดีแล้ว พ่อเตรียมโรงเรียนไว้ให้แล้วนะ พรุ่งนี้ทุกอย่างคงจะเรียบร้อย)
"พ่อคงไม่ลืมเรื่องที่หนูบอกหรอกใช่มั้ย"
(หื้ม เรื่องอะไรหว่า)
"-_- ก็ที่บอกให้เอาโรงเรียนที่ไม่ต้องรู้จักใครไง"
(อ่อ ฮ่าๆๆๆๆ) พ่อฉันหัวเราะดังขึ้นเรื่อยๆเป็นคำตอบ หมายความว่าไง
"พ่อ -_-"
(พ่อแค่อยากฝากฝั่งลูกไว้กับคนใกล้ตัวนะ - -")
"ฝากไว้ในละ" ลางสังหรณ์ชักไม่ดี เตรียมหนีเลยดีมั้ย?
(ฮ่าๆ โรงเรียนเดิมนะลูก แต่เป็นม.ปลายแทน...)
"-_-" เจริญเถอะ
(พ่อก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะมี เอ่อ.. เพื่อนเก่าลูกมั้ย)
"ช่างเถอะ" ฉันพูดอย่างปลงตก ก็แอบเตรียมใจไว้บ้างแต่ไม่คิดว่าจะจริง
(ลูกโอเคนะ)
"ก็โอเคนะ" ฉันว่างั้น แล้วหันไปหยิบกระเป๋าเป้ขึ้นมา
(ถ้าไม่โอเคอะไรรีบบอกพ่อเลยนะลูก)
"อืม.. พ่อ" ฉันเรียกพ่อไว้ ก่อนจะหยิบหนังสือบางอย่างขึ้นมาจากกระเป๋าเป้
(ว่าไงลูกสาว) -_- แอบสยองนะ
"ขอย้ายออกไปอยู่ข้างนอกได้มั้ย" ฉันบอกออกไปแล้วเตรียมรับเสียงอันหน้าตกใจของพ่อ ฉัน
เปิดหนังสือเล่มโปรดไปที่หน้ากลางที่มีบางอย่างคั้นไว้อยู่
(!!! ทำไมละลูก! เกิดไรขึ้น มีใครทำอะไรไม่ถูกใจรึเปล่า!!) พูดเบาๆก็ได้นะ ฉันยื้นโทรศัพท์
ออกจากหูเพื่อลดอัตราความเสียงของหูดับ
"เปล่าหรอก แค่ไม่ชอบอยู่ในที่คนเยอะๆ แล้วก็.. บ้านมันหลังใหญ่ไปนะ" ฉันพูดไปพร้อมกับดึง
รูปที่ฉันใช้คั้นกลางหนังสือเอาไว้ รูปของ "เขา"
(เฮ้อ เอางั้นก็ได้ เดี๋ยวพ่อจะจัดการให้นะ แล้วมีอะไรที่อยากได้อีกมั้ย)
"ไม่มีแล้วค่ะ พ่อกลับไปทำงานเถอะ สวัสดีค่ะ" ฉันกดวางสายก่อนที่พ่อจะพูดอะไรต่อ แล้ววาง
โทรศพท์ลงกับเตียงก่อนจะหันกลับมาสนใจรูปที่อยู่ในมือ ฉันหันไปทางหน้าต่างที่อยู่ทางขวา
มือแล้วมองออกไปที่ท้องฟ้าตอนนี้กำลังสดใส บางที...เรื่องบางเรื่อง เราก็ต้องปล่อยมันทิ้งไป
ฉันเดินลงจากเตียงแล้วเดินตรงไปที่ถังขยะที่อยู่หน้าประตู แล้วก้มลงมามองที่มือที่มีรูปของ
เขาอยู่เป็นครั้งสุดท้าย ฉันคลี่ยิ้มบางให้กับคนที่อยู่ในรูปก่อนจะปล่อยให้รูปที่เคยเป็นสิ่งสำคัญ
กับฉันมาตลอดลงไปในทั้งขยะที่ว่างเปล่า ใช่ เรื่องบางเรื่อง เราต้องทิ้งมันไป
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น