ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    สะดุดรักกับยัยจอมเป๋อ

    ลำดับตอนที่ #2 : ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์จงคลุ้มครองให้นายนั่นไม่มีความสุขไปตลอดชีวิต

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 11
      0
      4 พ.ค. 49

    รถเบนซ์คันหรูวิ่งได้ไม่ถึงห้านาทีก็ถึงที่พักของธารดา   หล่อนรู้สึกชอบรถคันนี้จัง  แอร์ก็เย็น   เบาะก็แสนจะนิ่ม  สบายกว่าเตียงนอนในห้องพักหล่อนเสียอีก  ที่สำคัญสารถีขับรถก็รูปหล่อเหมือนเทพบุตรก็ไม่ปาน  ทุกอย่างสมบูรณ์เหมือนเทพนิยาย  แต่!!  เสียอย่างเดียวตรงที่หล่อนนี่แหละ  สภาพเหมือนกับนางซินไม่มีวันได้แปลงโฉมยังไงยังงั้น   ตื่นได้แล้วยายธารดาเอ๋ย  

    หล่อนสะบัดศีรษะเบาๆ

    แต่พระคุณครั้งนี้หล่อนจะไม่มีวันลืมเลยทีเดียว  แม้วันนี้จะเจอแต่เรื่องร้ายๆ  แต่ฟ้าก็ยังเป็นใจส่งเทพบุตรมาช่วยเหลือ

    คุณคะ   จอดตรงหน้านั่นแหละค่ะ  ตรงป้ายสีเหลืองใหญ่ๆ  หล่อนบอกสารถีที่หล่อปานเทพบุตรของหล่อนให้จอด   เมื่อรถใกล้ถึงที่พัก  

    แต่เขากลับเฉยทำเป็นไม่ได้ยิน  และรถยังคงวิ่งเร็วไม่มีทีท่าว่าจะชะลอ  จนเลยที่พักของหล่อนไปแล้วทำให้หญิงสาวเริ่มหน้าเสีย

    คุณคะ  จอดข้างหน้าให้ด้วยค่ะ 

    หล่อนพยายามจะใจเย็นให้ถึงที่สุด   แต่ดูเจ้าของรถจะไม่ทำตามที่หล่อนบอกแน่  แถมหน้าตาที่ยิ้มอย่างอารมณ์ดี   ในขณะที่หล่อนจะคลั่งตายนั่นอีก    ยิ่งทำให้หล่อนโมโหหนักขึ้นไปใหญ่

    นี่คุณ  จอดเดี๋ยวนี้นะ    ธารดาเริ่มเหวบ้าง  แต่ภูริวัตรก็ยังคงขับไปเรื่อยๆอย่างไม่สนใจคนข้างๆ

    เขาแค่อยากจะสอนให้หล่อนรู้ว่าคนสมัยนี้ไว้ใจไม่ได้อย่างที่หล่อนคิด    หากทำตัวสนิทสนมสุมสี่สุ่มห้าอาจจะโดนหลอกเอาง่ายๆ     อีกอย่างหล่อนก็ไม่ควรถือวิสาสะขึ้นรถคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่อนุญาตอย่างนี้  เขาไม่ใช่คนใจดีอะไรนักนี่

    ฉันบอกให้คุณหยุดรถ  คุณจะพาฉันไปไหน  ธารดาโวยขึ้นมาอีกครั้ง  ภูริวัตรสังเกตเห็นอารมณ์ร้อนของหญิงสาวอย่างพออกพอใจ

    ผมไม่ได้ขอให้คุณขึ้นมา  และอีกอย่างนี่ก็รถผม  ผมจะจอดหรือไม่จอดก็ได้  คุณอยากขึ้นรถหรูๆไม่ใช่เหรอ  

    เขาพูดราวกับรู้ความคิดของหล่อนเมื่อครู่   คนถูกว่าอารมณ์เดือดทันที

    ที่ฉันขออาศัยรถคุณมา   ก็ไม่ใช่ว่าฉันหวังจะขึ้นรถหรูๆของคุณหรอกนะ   ฉันแค่ไม่รู้ว่าจะกลับยังไง   ฉันพึ่งโดนไล่ออกจากที่ทำงานเพราะคนเห็นแก่ตัว   จนต้องหอบข้าวของพะรุงพะรังมาขึ้นรถเมล์ ก็ขึ้นไม่ได้เพราะคนเห็นแก่ตัว  คุณเองดูแล้วฐานะก็ดี...ไม่คิดว่าจะเห็นแก่ตัวอีกคน  ธารดาพูดออกมาและพยายามกลั้นน้ำตาไว้เต็มที่   ทำไมวันนี้หล่อนต้องเจอแต่คนแย่ๆนะ   ที่แท้วันนี้ฟ้าก็ไม่เป็นใจสักอย่าง

    โอเค  ผมขอโทษคุณแล้วกัน  แล้วผมจะเลี้ยวรถไปส่งคุณ   อย่าพึ่งร้องไห้นะผมไม่ชอบน้ำตาผู้หญิง  แต่รู้ไว้อีกอย่างว่าถ้าคุณไว้ใจคนง่ายอย่างนี้อีก  คุณโชคร้ายแน่ถ้าเจอคนเห็นแก่ตัวมากกว่าผม 

    ภูริวัตรจอดรถเพื่อจะรอเลี้ยวกลับ   แต่อยู่ดีๆธารดาก็ก้าวลงจากรถพร้อมกับหอบข้าวของลงไปด้วย  ก่อนจะชะโงกหน้ามาเหวใส่เทพบุตร(เมื่อห้านาทีที่แล้ว)อีกรอบ

    ฉันไม่ไปกับคุณแล้ว ขอบคุณนะคะที่อุตสาห์ให้ฉันได้มีโอกาสได้นั่งรถเบนซ์แสนแพงของคุณ   

    พูดจบหล่อนก็ก้าวฉับๆเดินจากไป  ทำเอาคนในรถเกิดอาการงงอีกรอบ  

    ผู้หญิงอะไรวะเนี่ย

    เขาสบถอย่างหัวเสีย  แล้วสายตาก็พลันเหลือบไปเห็นเหรียญสิบวางอยู่ตรงเบาะนั่งที่หญิงสาวพึ่งลุกออกไป 

    คงจะเป็นเหรียญสิบที่อุตสาห์เสี่ยงตายไปเก็บมาสินะ  หึ!!  สุดท้ายก็ต้องเสียมันไปจนได้

    ภูริวัตรจอดรถอยู่อย่างนั้นมองสาวแปลกหน้าเดินจากไปจนลับสายตา  

    ระยะทางจากตรงนี้กว่าจะถึงก็เกือบสามร้อยเมตรแถมของก็หนักอย่างนั้นอีก   ทางก็เปลี่ยว  เอาไงดีวะ

    เขานั่งคิดชั่งใจอยู่เกือบนาทีก็ตัดสินใจเลี้ยวรถ

    ยายบ้าเอ้ย   เขาสบถเบาๆกด้วยหงุดหงิดในใจ

    ภูริวัตรขับรถตามหญิงสาว (แปลกหน้า) โดยที่หล่อนไม่รู้    โชคดีที่ถนนมีสี่เลนและมีเกาะกลางกั้นทำให้ผู้หญิงที่มีพฤติกรรมแปลกๆที่เดินหอบของอยู่งกๆมองไม่เห็นเขา   อย่างน้อยเวลาเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาจะได้ช่วยทัน   ไม่รู้ว่าอะไรทำให้เขาเกิดรู้สึกเป็นห่วงหล่อนขึ้นมา   ความรู้สึกผิด  เพื่อมนุษยธรรม  หรือ  อะไรก็แล้วแต่   แต่เขาก็อยากให้อะไรที่ว่านั้นหายไปจากความคิดเขาโดยเร็ว   ทำไมเขาต้องมาขับรถตามผู้หญิงที่หน้าตาธรรมดาๆแถมมีนิสัยแปลกๆคนนี้ด้วย(วะ)  เขาลอบมองดูสาวร่างเล็กแต่ใจไม่เล็กเบื้องหน้า   เดินหอบของจนถึงที่พัก   นึกนับถืออยู่ในใจที่หล่อนสามารถเดินกลับมาถึงที่พักโดยปลอดภัยไม่เป็นลมไปกลางทางเสียก่อน 

    เขามองจนแน่ใจว่าหญิงสาวถึงที่พักอย่างปลอดภัย    ก่อนจะขับรถกลับบ้าน   งานเปิดตัวร้านเพชร  ที่ได้รับเชิญจากคุณนายท่านหนึ่งเป็นอันต้องล้มเลิก   พรุ่งนี้คุณนายเธอต้องโทรมาถามโน่นถามนี่จนหูชาเป็นแน่

     

     

     

    ธารดาเข้ามาถึงห้องพักขนาดย่อมที่หล่อนพึ่งจ่ายค่าเช่าไปเมื่อเช้าอย่างเหน็ดเหนื่อย    นับว่าเป็นโชคดีอย่างหนึ่งในโชคร้ายนับสิบของวันนี้      ที่อย่างน้อยหล่อนก็มีที่อยู่ไปจนถึงเดือนหน้า  ไม่ต้องมากังวลว่าต้องระเห็จออกไปนอนข้างถนน

    ห้องพักของหล่อนมีเนื้อที่ไม่กว้างนัก    แต่ทุกอย่างถูกจัดเป็นสัดส่วน   มีหนึ่งห้องนอน  หนึ่งห้องน้ำ   และก็ห้องครัวที่อยู่มุมเล็กๆของห้อง  ซึ่งหล่อนไม่ค่อยมีโอกาสได้ใช้มากนัก  เนื้อที่ที่เหลือ 10  ตารางเมตร  ใช้สำหลับโซฟาตัวเก่ากับโทรทัศน์ขนาด  24  นิ้ว   หรือที่หล่อนเรียกว่าห้องนั่งเล่นนั่นแหละ

    สิ่งแรกที่ธารดาทำหลังจากอาบน้ำคือการทายาแก้ปวดที่ขา    ชาตินี้หล่อนจะไม่มีทางลืมวันอันโหดร้ายวันนี้แน่    โดนไล่ออกจากงาน  ขึ้นรถเมล์ไม่ทัน  เกือบโดนรถชนตาย  แถมปิดท้ายด้วยผู้ชายเห็นแก่ตัว  

    ธารดานึกโมโหตัวต้นเหตุขึ้นมาอีก  หลังจากที่กล่นด่ามาตลอดทาง    ถ้ารู้ว่าต้องมาขอความช่วยเหลือจากคนพันธ์นั้น  หล่อนยอมเสียเงินค่าแท็กซี่เสียดีกว่า  

    นึกแล้วเจ็บใจชะมัด   คนอะไรหน้าตาก็ดีแต่ไร้น้ำใจ     สาธุ...ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์จงคุ้มครองให้นายนั่นไม่มีความสุขไปตลอดชีวิต   หล่อนยกมือไหวท่วมหัว  หวังให้คำสาปแช่งเป็นจริง

                     และสิ่งที่ธารดาต้องคิดต่อไปก็คือ  การหางานใหม่  ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องง่ายนัก  ยิ่งคิดก็ทำให้หล่อนยิ่งท้อใจ   

    หญิงสาวเอื้อมมือไปหยิบกรอบรูปที่มีใบหน้าของหญิงชราผู้หนึ่งซึ้งมีรอยยิ้มเอื้ออารีแต้มอยู่บนใบหน้าเสมอๆ          

    ยายภาจ๋า  หนูเหนื่อยจังค่ะ  

    ธารดามองหน้าของหญิงชราญาติผู้ใหญ่เพียงคนเดียว   ที่โอบอุ้มชีวิตหล่อนมาตลอด 16  ปีหลังจากที่พ่อแม่ของหล่อนที่เสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุทางเครื่องบิน    ตอนนั้นหล่อนอายุได้เพียง  10  ปีเท่านั้น   ยายพาสอนให้หล่อนมีจิตใจดี  เข้มแข็ง  อดทน และมีเหตุผล  หล่อนเองก็เชื่อฟังที่ยายพาสอนทุกอย่าง    แน่นอนทั้งหมดนั้นเป็นนิสัยของหล่อน   หากครั้งนี้หล่อนท้อ  ก็คงไม่ได้ชื่อว่าเป็นหลานของยายพา  

    หญิงสาวคิดทบทวนอยู่หลายทางถึงอาชีพที่จะทำในอนาคต  แต่ทางออกที่ดีที่สุดก็คือ  การไปตระเวนสมัครงานเหมือนเมื่อครั้งที่เรียนจบใหม่ๆ  แม้หนทางที่จะได้งานมันเลือนลางเต็มที  

    เอาน่า  ใบปริญญาคงไม่ใช่แค่กระดาษใบเดียวหรอก  มันต้องมีสักที่ที่มองเห็นถึงความสามารถของเรา 

    ธารดาปลอบใจตนเองอย่างมีความหวัง  ก่อนจะล้มตัวลงนอนด้วยความเหน็ดเหนื่อย  อย่างดีก็ก็เก็บแรงไว้เดินหางานในวันพรุ่งนี้

     

     

     

    อีกด้านหนึ่งในเวลาเดียวกันนั้น   ที่คฤหาสน์หลังใหญ่   หากมีเพียงชายหนุ่มอายุ  29 ปี   ครอบครองแต่เพียงผู้เดียวถ้าไม่รวมบริวารนับสิบ   เขากำลังนึกถึงผู้หญิงหน้าตามอมแมม   ท่าทางเหนื่อยล้า   ที่อยู่ดีๆก็วิ่งตัดหน้ารถเพียงเพื่อจะเก็บเหรียญสิบ    เท่านั้นไม่พอยังกระโดดขึ้นรถเขาหน้าตาเฉย  แล้วก็กระโดดลงอย่างหน้าตาเฉยเช่นกันหลังจากสาดคำพูดใส่เขาจนรู้สึกผิด   แถมยังทิ้งเหรียญสิบที่หล่อนอุตสาห์เสี่ยงตายไปเก็บมาไว้ให้ดูตางหน้าอีก

    ที่ฉันขออาศัยรถคุณมา    ก็ไม่ใช่ว่าฉันหวังจะขึ้นรถหรูๆของคุณหรอกนะ    ฉันแค่ไม่รู้ว่าจะกลับยังไง    ฉันพึ่งโดนไล่ออกจากที่ทำงานเพราะคนเห็นแก่ตัว   จนต้องหอบข้าวของพะรุงพะรังมาขึ้นรถเมล์ก็ขึ้นไม่ได้เพราะคนเห็นแก่ตัว    คุณเองดูแล้วฐานะก็ดี...ไม่คิดว่าจะเห็นแก่ตัวอีกคน

    เขานึกถึงคำพูดของหล่อนก็นึกขำตัวเอง  ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยโดนใครต่อว่าขนานนี้มาก่อน   แต่กลับต้องมาโดนเด็กกะโปโลว่าเอาได้ให้ตายสิ

    ภูริวัตรพินิจเหรียญสิบในมือราวกับจะค้นหาอะไรบางอย่างจากมัน   รู้สึกเหมือนมีอะไรพิเศษบางอย่าง   แต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออกว่าเหรียญสิบเหรียญเดียวจะมีค่า  หรือความหมายอะไรได้    เขาวางมันลงบนหัวเตียงก่อนจะล้มตัวลงนอนและหลับไปในที่สุด      

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×