คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : เงินจ๋า...ทำไมเจ้าจึงไม่อยากอยู่กับข้านัก
เหตุการณ์ตรงหน้าทำให้พนักทั้งสาวน้อยสาวใหญ่แตกตื่น ฮือฮา กับภาพของหนุ่มหน้าตี๋ แฟนสุดที่รักของเจ้าของบริษัทสาว(แก่)จอบเฮี้ยบ นอนจมกองเลือดอยู่ที่พื้น กับสาวหน้าใสวัย 26 ปี ที่หลายคนรู้จักคุ้นเคยดีในฐานะพนักงานคนหนึ่งของบริษัท ยืนถือแจกันเซรามิกที่แตกเพราะแรงปะทะกับศีรษะของใครบางคน ผมเผ้ารุงรังราวกับไปฟัดกับอะไรสักอย่างมา
“เกิดอะไรขึ้น เสียงดังอะไรกัน”
เสียงตวาดจากสาววัยสามสิบต้นๆแต่งตัวภูมิฐานดังมาเบื้องหลัง ก่อนจะตกใจแทบเต้น เมื่อเห็นแฟนหนุ่มสุดที่รักนอนจมกองเลือดอยู่ที่พื้น
“ตายแล้วนนท์ เกิดอะไรขึ้น ทำไมหัวแตกแบบนี้ล่ะ ใครทำอะไรนนท์”
“ก็อีบ้านี่น่ะสิ”
หนุ่มหน้าตี๋ยกมือชี้ไปที่ธารดาซึ่งยืนถือแจกันที่แตกเป็นเสี่ยงๆ หายใจหอบถี่อย่างสะกดกลั้นอารมณ์โกรธ
“แกแหละไอ้ตี๋บ้ากาม ไอ้ลามก หน็อย จะปล้ำฉันเหรอ รู้จักฉันน้อยไป” หล่อนสาดคำด่าใส่แทบจะทันที เจ้านายหล่อนมามองแฟนหนุ่มอย่างเอาเรื่อง
“เปล่านะจ๊ะที่รัก คุณก็รู้ว่าผมเป็นคนยังไง มันยั่วผม ไม่งั้นผมไม่ยุ่งกับมันหรอก”
แทบจะทันทีทันใด สายตาเอาเรื่องเมื่อครู่ก็เปลี่ยนจากหนุ่มหน้าตี๋หันมาทางธารดาแทน อารมณ์หึงเดือดพล่านทันควัน
“ทำงานดีๆไม่ชอบคิดจะรวยทางลัดงั้นเหรอ มายั่วแฟนฉัน คิดว่าแฟนฉันจะจริงจังกับแกรึไง ฉันจะไล่แกออก”
“ก็เอาสิ ฉันก็ไม่อยากอยู่นักหรอก ไอ้บริษัทเฮงซวยแบบนี้ ฉันลาออกเอง”
ไม่พูดเปล่า เจ้าหล่อนเก็บข้าวของใส่ลังแล้วเดินออกจากบริษัทที่หล่อนเรียกว่า ‘บริษัทเฮงซวย’ ทันที ท่ามกลางสายตาพนักงานหลายสิบคู่
ณ ป้ายรถเมล์ ที่แออัดไปด้วยผู้คนถึงแม้เวลาล่วงเลยมาเกือบห้าทุ่มแล้วก็ตาม ธารดา พยายามพาร่างอันอ่อนแรงของตนก้าวเท้าขึ้นรถเมล์ แต่ด้วยข้าวของที่พะรุงพะรังบวกกับเรี่ยวแรงที่เหลือน้อยเต็มที ทำให้หล่อนไม่สามารถจะเบียดเสียดกับผู้คนขึ้นไปบนรถเมล์ไปได้โดยง่าย
‘โธ่เอ๋ย คนกรุงเทพสะกดเป็นไหมหนอ คำว่าน้ำใจน่ะ’
หล่อนหงุดหงิดอยู่ในใจ หลังจากที่ท้อใจยอมปล่อยให้รถเมล์เที่ยวสุดท้ายจากไปอย่างหมดความพยายาม
ทำไมวันนี้มันซวยอย่างนี้นะ นี่ถ้าหล่อนพอมีเงินเหลือสักนิด จะไปทำบุญอาบน้ำมนต์ล้างซวยให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย แต่ติดตรงที่ทั้งเนื้อทั้งตัวเหลือเงินอยู่เพียงไม่กี่บาทนี่สิ ถ้าขืนเอาเงินไปทำบุญอีกมีหวังได้กินน้ำตาต่างข้าวแหงๆ นี่แหละน้าสาเหตุที่ทำให้จิตใจมนุษย์ตกต่ำลงทุกที
และเพราะเงินที่เหลือน้อยอีกนั่นแหละทำให้ธารดาต้องอยู่ทำงานล่วงเวลาจนดึก หวังว่าจะได้เงินโบนัสตัวเลขสวยๆมาเชยชม แต่นอกจากจะทำให้หล่อนเกือบจะโดนแฟนเจ้านายจอมหื่นปล้ำเอาแล้ว ยังถูกไล่ออกโทษฐานยั่วยวนแฟนของเจ้านายอีก ‘ความยุติธรรมบนโลกนี้อยู่ที่ไหนกัน’ แต่หล่อนหาได้อ้อนวอนจะอยู่ต่อไม่ ตรงกันข้ามหล่อนรีบเก็บข้าวของออกมาจากบริษัท ขืนอยู่ต่อมีหวังติดคุกข้อหาฆ่าผู้ชายบ้ากามและทำร้ายร่างกายเจ้านายเป็นแน่
แต่พอก้าวออกจากบริษัทได้ไม่ถึงห้านาที ธารดาก็ต้องตกอยู่ในห้วงของความคิดที่มืดแปดด้าน เมื่อนึกถึงชีวิตครึ่งเดือนกับเงินที่เหลือไม่กี่บาท ไม่รู้ว่ากินข้าวคลุกน้ำปลาจะพอยาไส้ได้ทั้งอาทิตย์หรือเปล่า แล้วถ้าหล่อนยังหางานทำไม่ได้ เฮ้อ..ไม่อยากจะคิด
แล้วนี่ยังมาขึ้นรถเมล์ไม่ทันอีก ถ้าขึ้นแท็กซี่ก็ต้องเปลืองเงินไปอีกหลายบาท หรือว่าจะเดิน.....คงขาขาดตายพอดี หล่อนทรุดร่างอันอิดโรยนั่งบนลงขอบฟุตบาทพร้อมข้าวของพะรุงะรังรอบกายอย่างหมดหนทาง
“เงินจ๋าบอกข้าเถิด ทำไมเจ้าจึงไม่อยากอยู่กับข้านัก”
ธารดาหยิบเงินเหรียญสิบออกมาพินิจอย่างไร้อารมณ์ แต่อยู่ๆเหรียญเจ้ากรรมก็ดันหล่นจากมือราวกับตอกย้ำเจ้ากับของว่า ‘ข้าไม่อยากอยู่กับเจ้ายิ่งนัก’
หล่อนวิ่งไล่เก็บเหรียญสิบที่กลิ้งไกลออกไปบนถนนใหญ่อย่างไม่ คิดหน้าคิดหลัง และไม่คิดชีวิต
เอี๊ยดดดดดดดดด!!!
แสงไฟจ้าปะทะสายตาวาบ รถเบนซ์สีดำวิ่งพุ่งเข้าหาธารดาด้วยความเร็ว และเบรคอย่างกะทันหัน กันชนรถห่างจากตัวหล่อนไม่กี่คืบ
ทันทีทันใด เจ้าของรถร่างสูงในชุดสูทสีดำแต่งตัวเหมือนจะไปงานสำคัญอะไรสักอย่าง รีบก้าวลงจากรถด้วยความตระหนก ท่ามกลางการจราจรที่ขวักไขว่อยู่เต็มถนน ก่อนที่จะเดินมาดูตัวต้นเหตุที่ตอนนี้เจ้าตัวยังไม่รู้ว่าหล่อนควรจะเป็นลมหรือทำอะไรดี แต่แน่ล่ะมือข้างหนึ่งกำเหรียญสิบไว้แน่นทีเดียว
“เป็นอะไรของคุณ อยู่ดีๆก็วิ่งตัดหน้ารถอย่างนี้ ถ้าจะฆ่าตัวตายก็อย่าทำให้คนอื่นเดือดร้อนสิครับ”
ภูริวัตรแหวอย่างหงุดหงิดใส่หญิงสาวเบื้องหน้า ที่สภาพไม่ต่างจากไปตกบ่ออะไรสักอย่างมา ใบหน้าที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อและผมเผ้าที่ (ดูเหมือน) เคยถูกมัดอย่างเรียบร้อยตอนนี้หลุดลุ่ยยุ่งเหยิง บ่งบอกว่าหล่อนต้องไปเผชิญอะไรที่หนักหนามาพอดู
กว่าสติสัมปชัญญะจะกลับคืน ธารดาก็โดนผู้ชายตรงหน้าต่อว่าจนจบพอดี พอตั้งสติได้หล่อนก็รีบของโทษขอโพยเป็นการใหญ่
“ขอโทษจริงๆนะคะ คือฉันรีบวิ่งมาเก็บเหรียญน่ะคะไม่ได้คิดฆ่าตัวตาย”
ธารดาชูเหรียญสิบให้คนตรงหน้าดูด้วยหวังว่าเขาคงจะเข้าใจและหายโกรธ ก็เงินตั้งสิบบาทนี่นา (คิดบ้าอะไรอยู่เนี่ย) แต่หล่อนคิดผิดถนัด
“อ๋อ!! นี่คุณเห็นชีวิตตัวเองมีค่าน้อยกว่าเงินสิบบาทงั้นเหรอ แล้วถ้าผมชนคุณตายล่ะ...ต้องเสียเท่าไหร่ เงินสิบบาทของคุณเกือบทำให้ผมขับรถชนคนตาย”
คำพูดของผู้ชายตรงหน้าทำเอาธารดาหน้าหดไปหลายนิ้ว ก็ไอ้ที่เขาพูดก็มีความจริงอยู่ไม่น้อย แต่เงินสิบบาทสำหรับเขากับหล่อนมันมีค่าต่างกันมากนี่นา คนที่ขับรถเบนซ์หรูๆอย่างเขา อย่าว่าแต่เงินสิบบาทเลย เงินทั้งหมดที่หล่อนมีอยู่ตอนนี้ ก็คงน้อยกว่าเศษเงินของเขาเสียอีก แต่สำหรับหล่อนมันคือมาม่า 2 ซองเชียวนา
“เอาเป็นว่าฉันขอโทษอีกครั้งแล้วกันนะคะ” ธารดาเสียงอ่อยอย่างสำนึกผิด แล้วก็พลันนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ หล่อนรี่ไปหยิบข้าวของที่วางอยู่ริบฟุตบาท
“ในข้อหาที่คุณทำให้ฉันตกใจ”
“อะไรนะ” คนโดนกล่าวหามีสีหน้างงงวยขึ้นทันที หล่อนกำลังกล่าวหาว่าเขาทำให้หล่อนตกใจอย่างนั้นหรือ
ธารดาเบิกตากว้างเมื่อเห็นแววตาเอาเรื่องของอีกฝ่าย รีบเปลี่ยนคำพูดก่อนที่จะนอนจมกองเลือดอยู่ริมถนน เพราะแรงโมโหของคนเบื้องหน้า
“ไม่ใช่คะ คือ...ในข้อหาที่ฉันทำให้คุณตกใจ” หล่อนยิ้มให้เขาหวานเจี๊ยบ แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ยินดีด้วย “ฉันขอติดรถคุณไปลงอพาตเมนท์ข้างหน้าได้มั้ยคะ คือฉันขึ้นรถเมล์ไม่ทันน่ะค่ะ”
ว่าแล้วหล่อนก็ถือวิสาสะเปิดรถประตูรถเบนซ์เข้าไปนั่งหน้าตาเฉย ทำเอาเจ้าของรถหน้าเหวอ
‘แหมดูหน้าตาท่าทางก็น่าจะเป็นคนมีจิตใจดีเรื่องแค่นี้เขาคงไม่ใจไม้ไส้ระกำหรอกมั้ง ก็แค่ขอติดรถไปไม่กี่ร้อยเมตรเอง เอาน่าหน้าด้านนิดหน่อยอย่างน้อยก็ได้ขึ้นรถฟรีประหยัดเงินได้อีก อิ อิ’
หญิงสาวลอบยิ้มในใจ
ปี้มๆ
เสียงบีบแตรไล่จากรถคันข้างหลังทำให้ภูริวัตรตื่นจากอาการงงงวย
“ผู้หญิงอะไรวะเนี่ย” เขาบ่นงึมงัมกับตัวเอง ก่อนเดินไปขึ้นรถฝั่งคนขับอย่างเสียไม่ได้
“นี่คุณครับ ผมไม่ได้อนุญาต คุณไปด้วยเลยนะ ผมมธุระที่ต้องทำ ไม่มีเวลามารับมาส่งคุณหรอก”
ภูริวัตรจ้องมองผู้หญิงตรงหน้าที่ตอนนี้หน้าตามอมแมมดูไม่ได้เอาเสียเลยอย่างคาดโทษ เขาเสียเวลากับเจ้าหล่อนมามากเกินพอ
“แหมคุณ ไหนๆคุณตรงไปก็ผ่านที่พักฉันอยู่แล้ว ฉันแค่ขอติดรถไปหน่อยเดียวเอง คนไทยหรือเปล่าคะ” หล่อนยิ้มให้เขาจนแก้มแทบฉีกถึงหู
“เรื่องแค่นี้ผมช่วยได้อยู่แล้ว แต่ถ้าคุณมีมารยาท ผมคงจะ.....”
ปี๊มมมมมม ปิ๊มมมมม
ไม่ทันที่ภูริวัตรจะพูดจบ เสียงแตรจากรถคันหลังก็ดังขึ้นอีกครั้ง ทำให้เขาต้องรีบออกรถโดยมีหญิงสาว(ที่ไหนก็ไม่รู้) นั่งไปด้วยหน้าตาเฉย
................................................................................
ความคิดเห็น