Father Joseph H. Maier
“มิตรแท้ของคนยาก”
‘สลัมคลองเตย’ แค่เอ่ยชื่อนี้หลายคนคงขยาด อย่าว่าแต่เหยียบย่างเข้าไป แค่ให้นับรู้เรื่องราวความเป็นไป บางคนคงขอเมินหน้าหนี แต่สลัมกลางมหานครแห่งนี้ กลับเป็นที่ ที่คุณพ่อJoseph H. Maier เลือกมาอยู่และอยู่มากกว่า30 ปี จากหน้าที่แรกคือการประกอบมิซซาให้แก่ชาวคริสต์ยากจน คุณพ่อโจเซฟหรือ”พ่อโจ”ของชาวคลองเตย ได้พิสูจน์ว่าท่มกลางเรื่องร้ายยังมีกำลังใจ ในวันที่เศร้ายังมีรอยยิ้ม และที่ที่คนเรียกขานว่า “นรก” ยังเป็นบ้านอันอบอุ่นของใครๆ ขอเพียงเราเป็นเพื่อนบ้านที่ดีของกันและกัน
คุณพ่อโจเซฟเกิดในครอบครัวที่นิยามว่า “จ๊นจน” มีพ่อเป็นผู้ชายอ่อนแอดื่มเหล้ามาก ไม่สนใจดูแลครอบครัว และที่สุดก็แยกทางไป ปล่อยให้แม่เลี้ยงดูลูกตามลำพัง เหล่านี้อาจเป็นปมในวัยเด็ก ที่ทำให้คุณพ่อเรียกตัวเองว่า “เป็นเด็กเศร้า” และกลายเป็นเรี่ยวแรงทำให้ท่านอุทิศชีวิตและการทำงานเพื่อเด็กในเวลาต่อมา
เมื่อเล่าถึงเหตุการณ์ณืที่ส่งมาประจำที่เมืองไทย ประเทศโลกที่สามไกลโพ้นจากอเมริกาถึง 13,000 ไมล์ พ่อโจมักบอกว่า ถูกพระผู้ใหญ่ลงโทษ ฐานที่เจ้าคำถามและมีพฤติกรรมไม่สำรวม เช่น ตั้งคำถามว่าทำไมพระสูบบุหรี่วันอาทิตย์ได้วันเดียว สงครามนั้นโหดร้ายแต่ทำไมอเมริกาจึงทำสงครามกับเวียดนาม แถมยังเป็นพระหนุ่มผู้หลงใหลเพลงร็อค ชอบฉีกยิ้ม และชอบซ่อมรถ
ผลจากการไปประจำหมู่บ้านคาทอลิกที่จังหวัดเลย และหมู่บ้านม้งในลาว ในช่วง3-4 ปีแรก ทุกวันนี้ ม้คุณพ่อจะพูดภาษาไทยได้โดยคล่อง ทำมิซซาเป็นภาษาไทย และงัดภาษิตไทยมาใช้ชนิดเด็กรุ่นหลังยังอาย แต่บางครั้งบางคราวแทนที่จะอุทานว่า “what”หรืออะไรกันนี่ พ่อโจกลับร้องว่า “ฮ่วย” ถึงอย่างอารมณ์และพร้อมจะย้อนอดีตเว้าลาวเสมอเมื่อสบโอกาส
คุณพ่อโจเซฟเข้ามาในคลองเตยครั้งแรก เพื่อประกอบพิธีมิซซาวันอาทิตย์ให้แก่ชาวคริสต์ในตรอกโรงหมู ซึ่งมีอยู่ประมาณ 30 ครอบครัว และส่วนใหญ่เป็นคนยากจน ทำงานรับจ้างฆ่าและชำแหละหมู เมื่อเห็นสภาพชีวิตของคนยากจนโดยเฉพาะเด็กเล็กที่ไม่มีโอกาสได้เข้าเรียน คุณพ่อจึงขออนุญาตบาทหลวงผู้ใหญ่ ย้ายเข้าไปประจำโบสถ์คริสต์เล็กๆซึ่งสมัยนั้นตั้งอยู่ใต้สะพานสามทหาร (ปัจจุบันคือวัดแม่พระปฎิสนธินิรมลแห่งเหรียญอัศจรรย์ ท่าเรือคลองเตย)
นับแต่นั้นภาพฝรั่งในชุดฆราวาสที่ใช้ชีวิตแทรกอยู่เป็นเนื้อเดียวกับคนยากจน ก็ค่อยๆเป็นภาพที่ชาวคลองเตยคุ้นตา ไม่ว่าจะเห็นนั่งจิบโอวัลตินเย็นในวงเหล้า ลุ้นข้างสนามบอลในแมตชิงถ้วยตรอกโรงหมู ซ้อนท้ายมอเตอร์ไซด์เมื่อมีเหตุเดือดร้อนรีบด่วน หรือในงานบุญงานศพของพุทธ คริสต์ อิสลาม
ในคราวที่ให้สัมภาษณ์รายการสารคดี Religion Ethics Newsweekly คุณพ่อโจเซฟบอกตรงไปตรงมาตามสไตล์ว่า “ผมถูกส่งให้มาเป็นมิชชันนารี มาเผยแผ่ศาสนาคริสต์ แต่ผมกลับถูกเปลี่ยนศาสนา จะใครเสียอีกก็คนพุทธ คนอิสลาม หรืออาจจะพูดได้ว่าผมเข้าถึงคริสต์ศาสนา ผ่านความอดกลั้นและสงบและสันติของพวกเขา” ซึ่งมีแต่ชาวคลองเตยเท่านั้นที่รู้ว่า คุณพ่อไม่ได้เพียงแต่พูดให้ฟังดูสวยงาม หากร่วมทุกข็ร่วมสุขกับพวกเขาด้วยหัวใจเช่นนั้นมาโดยตลอด
จากโรงเรียนอนุบาลวันละบาท ที่ริเริ่มขึ้นสำหรับเด็กคริสต์ยากจนที่โรงหมูต่อมาชั้นเรียนวันละบาทของมุลนิธิส่งเสริมการพํฒนาของบุคคล ก็เปิดกว้างโอบรับเด็กยากจนเข้ามา โดยไม่เลือกศาสนา อีกทั้งขยายเปิดสอนในชุมชนแออัดต่างๆในกรุงเทพและปริมณฑล รวม 33 โรงเรียนให้การศึกษาปฐมวัยแก่เด็กปีละกว่า 4,000 คน
เช่นเดียวกับการยื่นมือเข้าไปแบ่งเบาสารพันปัญหาความเดือดร้อนของชุมชน ในรูปของบ้านพัก และโครงการต่างๆอาทิ คลินิกชุมชน โครงการที่ปรึกษาด้านกฎหมาย กองทุนออมทรัพย์และเงินกู้ของกลุ่มสตรีคลองเตย ศุนย์พิทักษ์และคุ้มครองสิทธิเด็ก โครงการช่วยเหลือคนพิการ อีกมากมาย รวมถึง “ศูนย์เมอร์ซี่” ซึ่งประกอบด้วยบ้านพัก 4 แห่ง สำหรับเด็กเร่ร่อน เด็กกำพร้า เด็กที่ส่งมาจากสถานพินิจ บ้านพักแม่และเด็ก และสถานดูแลผู้ป่วยเอดส์
สำหรับเรื่องที่อยู่อาศัยก็เป็นเรื่องใหญ่ของชาวคลองเตย มูลนิธิช่วยบูรณะและสร้างบ้านเรือนแก่ผู้สูงอายุ ผู้ยากไร้ รวมถึงบ้านเรือนที่เสียหายจากเหตุเพลิงไหม้ที่เกิดขึ้นบ่อยๆจนถึงทุกวันนี้รวมกว่า 10,000 หลังคาเรือน
คริสตจักรพระสิริของพระเจ้า
พระตรีเอกภาพ (พระบิดา พระบุตรและ พระจิต)
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น