ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    MY PETER PAN รักนี้มีบททดสอบ [END] || EXO SNSD

    ลำดับตอนที่ #28 : My Peter Pan: Chapter26

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 836
      3
      27 ม.ค. 60













                  ใช้เวลาไม่เพียงไม่นานทิฟฟานี่ เจสสิก้าและซันนี่ก็ขับมินิคูปเปอร์สีขาวมาจอดลงข้างทาง ตรงจุดที่เกิดเหตุ ตำรวจหลายคนเดินวนไปวนมาเพื่อตรวจสอบสาเหตุและเก็บกำหลักฐานข้อมูลต่าง ๆ ที่พวกเขาคิดว่ามันเป็นประโยชน์ ผู้คนมากหน้าหลายตาต่างยืนมุงดูอะไรสักอย่างที่น่าจะเป็นคนนอนแน่นิ่ง

     

    ข้าง ๆ รถตำรวจมีรถตู้สีขาวสภาพบุบพังยับไม่เหลือเค้าของความเป็นรถหรูแถมยังดูเปียกชื้นราวกับพึ่งถูกลากขึ้นมาจากน้ำ

     

    ไม่รอช้าให้เวลาผ่านไปเสียเปล่า ทิฟฟานี่เดินจ้ำอ้าวเข้าไปหาชายหนุ่มร่างสูงที่เธอก็คุ้นเคยดี เขากำลังคุยกับเจ้าหน้าที่ด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียดที่สุดเท่าที่เธอเคยเห็นมาเลย แบบนั้นมันยิ่งทำให้เธอใจหาย หวังว่าแทยอนจะปลอดภัย...แต่ภาวนาแบบนี้เป็นร้อย ๆ ครั้งแล้วตั้งแต่ที่ได้ยินว่าแทยอนประสบอุบัติเหตุ

     

    ทางด้านชานยอลที่เหลือบมาเห็นทิฟฟานี่พอดีก็รีบเดินเข้ามาหาอย่างเร็ว ปกติเวลาที่เจอชานยอล เขามักจะมาพร้อมรอยยิ้มที่ยียวนกวนอารมณ์เสมอแต่ครั้งนี้กลับไม่ได้เป็นเช่นนั้น คิ้วหนาขมวดเข้าหากันอยู่บนใบหน้าหล่อเหลาไม่เหลือเค้าเดิมของคนขี้เล่น

     

    “ ชานยอล แทยอนอยู่ไหน? เพื่อนฉันอยู่ไหน? เธอปลอดภัยใช่ไหม? บอกฉัน บอกฉันว่าแทยอนไม่ได้เป็นอะไร รถคันนั่นไม่ใช่รถของแทยอน...บอกมาสิชานยอล ” ทันทีที่ชานยอลเดินเข้ามาใกล้พอที่จะได้ยินเสียงของเธอได้ ทิฟฟานี่ก็รัวคำถามใส่ไม่ยั้งจนชานยอลต้องดึงเธอเข้ามากอดเพื่อที่จะหยุดคำพูดเหล่านั้นและมันก็ดูเหมือนจะได้ผลเสียด้วย

     

    “ ฟานี่เธอใจเย็น ๆ ตั้งสติไว้ แทยอนต้องปลอดภัย ”

     

    “ แล้ว... ตอนนี้เพื่อนฉันอยู่ไหน ”

     

    ฟานี่ถามเสียงสั่นด้วยหัวใจที่บีบรัดจนคับแน่นและเจ็บปวด แทยอนคือเพื่อนเพียงคนเดียวที่ร่วมทุกข์ร่วสุขกับเธอมาโดยตลอด แม้ในช่วงเวลาที่แย่ที่สุดในชีวิตของทิฟฟานี่ แทยอนก็ไม่เคยทิ้งเธอไปไหนมิหนำซ้ำยังคอยอย่ปลอบใจและทำให้เธอมีรอยยิ้มเสมอ

     

    แค่เพียงจากลากันไปในที่ไกล ๆ ยังทำเอาอีกฝ่ายหลั่งน้ำตา แต่ทว่าคราวนี้มันยิ่งกว่าจากลาไปในทีไกล ๆ เสียอีกต่างกันก็ตรงที่ว่ามันมีเส้นบาง ๆ ระหว่างคำว่าอยู่กับคำว่าจากไปก็เท่านั้น

     

    “ อยู่ไหนสักแห่ง...ใต้น้ำนั่น ”

     

    ชานยอลตอบไปตามความจริง ตอนนี้ยังไม่มีใครรู้เลยว่าแทยอนอยู่ที่ไหน สิ่งที่นำขึ้นมาจากน้ำได้ก็มีเพียงรถตู้กับคนขับเท่านั้น ส่วนแทยอน จนป่านนี้ก็ยังหากันไม่เจอเลยไม่รู้ว่าเธอตกหล่นไปอยู่ที่ไหนเป็นตายร้ายดียังไง ไม่มีใครรู้เลย...ไม่มีแม้แต่รอยเลือด

     

    “ นี่ยังไม่เจออีกเหรอ มันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่? กี่โมง? ”

     

    “ ตอนสิบโมง ” ถ้ารถเกิดอุบัติเหตุตอนสิบโมงนั่นก็แสดงว่านี่ผ่านมาสามชั่วโมงแล้วน่ะสิ สามชั่วโมงที่แทยอนติดอยู่ใต้น้ำ แทยอนว่ายน้ำไม่เป็นแทยอนไม่ถูกกับน้ำตั้งแต่เด็ก ๆ แล้วนี่มันก็ผ่านมาสามชั่วโมงแล้วด้วย ไม่มีใครทนได้ขนาดนั้นหรอก “ ฉันรู้นะฟานี่ว่าเธอคิดอะไรอยู่ แต่เชื่อฉันเถอะแทยอนจะไม่เป็นอะไร ”

     

    “ ถึงฉันจะอยากให้เป็นแบบที่นายพูด แต่ในความเป็นจริงมันไม่ใช่ ” ฟานี่ควบคุมเสียงที่สั่นเทา ถึงตอนนี้ชานยอลจะพยายามปลอบใจเธอด้วยคำพูดที่ดีแสนดีขนาดไหนแต่สมองเธอมันกลับคิดไปไกลในความเป็นจริงแล้ว “ แล้วอีกคนละ คนที่ชื่อคิม ซอกจิน นายนั่นเป็นยังไงบ้าง ”

     

    “ ฉันก็ไม่รู้... ”

     

    “ ให้ผมเข้าไปสิ! ผมว่ายน้ำแข็งนะ ผมจะลงไปหาเธอเอง...ปล่อยผม!

     

    “ ไม่ได้นะครับ ทำแบบนั้นตัวคุณจะเป็นอันตรายเพราะน้ำมันลึกมาก ”

     

    “ น้ำมันลึก ผมก็ยิ่งต้องช่วยเธอ แทยอนว่ายน้ำไม่เป็น...ปล่อยผมลงไปเถอะ ”

     

    “ ตอนนี้เจ้าหน้าที่ของเรากำลังพยายามช่วยเธออยู่...คุณใจเย็น ๆ ก่อนได้ไหม ”

     

    “ ช่วยบ้าอะไรนี่มันผ่านมาสามชั่วโมงแล้วนะ!

     

    เสียงเอะอะโวยวายที่ดังขึ้นทำให้ทั้งชานยอลและทิฟฟานี่หันไปมองต้นตอของเสียงนั่น ชายหนุ่มร่างสูงที่อยู่ในสภาพดีไร้ร่องรอยการขีดข่วนหรือร่องรอยที่เกิดจากอุบัติเหตุใด ๆ ซอกจินเขายังอยู่ เขาไม่ได้เป็นอะไร มันเป็นไปได้ยังไง...ทิฟฟานี่มองหน้าชานยอลด้วยความงุนงง ไหนเมื่อเช้านี้แทยอนบอกว่าจะออกไปกับจินไงแล้วไหงหมอนั่นถึงอยู่ในสภาพที่ปกติแบบนี้ล่ะ

     

     

    เมื่อเห็นเป็นเช่นนั้นทิฟฟานี่และชานยอลจึงรีบสาวเท้าเดินเข้าไปหาคิม ซอกจินทันทีอย่างไม่รีรอ ชานยอลรีบไปคว้าตัวชายหนุ่มเอาไว้ก่อนจะดึงออกมาให้ห่างจากพวกเจ้าหน้าที่ที่พยายามจะสกัดกั้นเขาเอาไว้ไม่ให้ลงน้ำ ซอกจินเองพอเห็นว่าเป็นชานยอลจึงสงบสติอารมณ์ตัวเองเอาไว้เพราะไม่อยากสร้างเรื่องให้มันบานปลายไปมากกว่านี้

     

    “ คิม ซอกจินทำไมนายไม่เป็นอะไร...ก็เมื่อเช้าแทยอนไปกับนาย ”

     

    “ ใช่ผมไปกับแทยอน...แต่หลังจากลองชุดเสร็จผมก็มีธุระที่ต้องไปต่อ ผมเลยโทรเรียกรถให้มารับให้แทยอนกลับก่อนส่วนผมก็แยกไปทำธุระ...แต่ไม่กี่ชั่วโมงต่อมาผมก็ได้รับแจ้งว่ามีอุบัติเหตุเกิดขึ้นกับรถที่แทยอนนั่งมาผมถึงรถมาที่นี่ไง...แต่มันก็ไม่ทัน ”

     

    ซอกจินพูดเสียงเศร้า บอกตามตรงเลยว่าเขารู้สึกไม่ดีจริง ๆ ถ้าเกิดว่าเขาไม่ปล่อยให้แทยอนกลับก่อนเรื่องพวกนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น ทั้งหมดเป็นเพราะเขาคนเดียว

     

    “ ผมขอโทษ...ถ้าผมไม่ปล่อยให้เธอกลับ ก่อนเรื่องพวกนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น ”

     

    “ นายอย่าโทษตัวเองเลย... พวกเราทุกคนก็ไม่มีใครอยากให้เรื่องพวกนี้เกิดขึ้นหรอก ” ชานยอลเอ่ยด้วยท่าทีสุขุมพรางตบบ่าซอกจินเบา ๆ เพื่อไม่ให้เขาคิดมากจนเกินไปจากเหตุการณ์ทีเกิดเมื่อสักครู่ก็น่าจะเป็นตัวบอกได้แล้วล่ะว่าเขาเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นเพียงใด

     

    “ แล้วนี่ทำไมพวกเขายังหาแทยอนไม่เจออีกล่ะ เวลามันผ่านมาตั้งสามชั่วโมงแล้วนะ พวกเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบบริเวณรอบ ๆ นี้หรือเปล่า บางทีแทยอนอาจจะหลุดออกจากรถตอนที่เกิดอุบัติเหตุก็ได้ ” ซอกจินเสมอความคิดเห็นด้วยแววตาที่ยังไม่สิ้นหวัง แต่ทว่าลึก ๆ แล้วนัยน์ตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความวิตกกังวลมากมายจนยากที่จะทำใจให้สงบได้

     

    “ พวกเขาหาทั่วแล้วแต่ไม่เจอ... จะมีก็แต่ใต้น้ำนั่นแหละเป็นทางเดียวที่เราจะพบแทยอน ”

     

    “ พวกเขาหาในระยะ100เมตรหรือ50เมตร ” คิม ซอกจินยังคงเอ่ยถามต่อโดยไม่ท้อถอยเขาไม่ยอมสิ้นหวังง่าย ๆ หรอก มันต้องมีสักทางที่จะเจอแทยอน

     

    200เมตร... ” ชานยอลตอบเสียงเรียบแต่ถ้าฟังดี ๆ ในน้ำเสียงที่เรียบเฉยนั่นมันก็เต็มไปด้วยความกังวลเช่นกัน

     

    “ ชานยอล ทุกคนที่เนเวอร์แลนด์รู้เรื่องนี้หรือยัง? ” ทิฟฟานี่เอ่ยถาม้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ตอนนี้อย่าว่าแต่เปร่งเสียงแหลม ๆ แบบที่เธอชอบทำเลยแค่จะยืนยังแทบจะไม่มีแรงแล้ว

     

    “ รู้หมดแล้ว... ”

     

    “ รวมถึง แบคฮยอนด้วยหรือเปล่า ”

     

    “ เปล่า... ฉันยังไม่ได้บอกมัน ฉันยังไม่อยากให้มันรู้ เห้อ... ปีนี้มันปีเวรปีกรรมอะไรของแบคฮยอนมันวะ เจอแต่เรื่องร้าย ๆ ”

     

    “ แต่คนที่ร้ายกว่าคือเพื่อนฉัน... ฉันไม่น่าปล่อยให้แทยอนกลับเกาหลีเลย ถ้าหาแทเจอเมื่อไหร่ฉันจะพายัยนั่นไปฝรั่งเศสทันที ”

     

    ทิฟฟานี่บอกพรางจ้องมองไปที่แม่น้ำขนาดเล็กไม่วางตา น้ำสีใสที่ไหลไปตามลวงอย่างนิ่งสงบ ลำธารสายนี้เป็นสาขาของแม่น้ำสายสำคัญของคนเกาหลีที่มักจะกลืนกินชีวิตของคนที่สิ้นหวังเสมอ นั่นก็คือแม่น้ำฮัน แต่ทิฟฟานี่ไม่คิดว่าหนึ่งในชีวิตที่จะต้องสูญหายในแม่น้ำแห่งนี้จะมีแทยอน

     

     

     

     

     

     

    *

     

     

     

     

     

     

    ผ่านมาสองชั่วโมงแล้วกับการที่พวกเขาต้องนั่งรอคอยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจผุดขึ้นมาจากน้ำพร้อมกับร่างของแทยอน แต่ก็ไม่เลย... ทุกครั้งที่พวกเขาโผล่หน้าขึ้นมาเหนือน้ำก็พบเพียงความว่างเปล่า ชานยอลรู้ดีว่ามันไม่มีหวังตั้งแต่หนึ่งชั่วโมงแรกที่แทยอนอยู่ใต้น้ำนั่นแล้ว แต่เขาขอแค่ร่างกาย ถึงจะเป็นแค่ร่างที่ไร้วิญญาณแต่เขาก็ยังต้องการที่จะพบ แต่นี่กลับไม่มีอะไรเลย

     

    คิม ซอกจินกลับไปแล้วส่วนทิฟฟานี่ก็ร้องไห้ไม่รู้กี่ครั้งกี่หน ร้องจนผ็อยหลับไปอยู่ข้าง ๆ เขานี่ไง...ทำไมเรื่องบ้า ๆ พวกนี้มันต้องาเกิดขึ้นในเวลาที่ใกล้เคียงกันขนาดนี้ด้วย อีกแค่ไม่กี่วันงานเปิดโรงเรียนก็จะเริ่มขึ้น แต่ควีนของงานก็ดันเกิดอุบัติขึ้นเสียก่อนแล้วแบบนี้เขาจะทำยังไงดี ไหนจะต้องเตรียมรับมือกับแบคฮยอนเมื่อมันกลับแล้วรู้เรื่องพวกนี้อีก

     

    นี่มันงานนรกชัด ๆ

     

    “ คุณชานยอลครับ นับตั้งแต่เวลาเกิดเหตุจนถึงตอนนี้มันก็ผ่านมาห้าชั่วโมงแล้วนะครับ ทีมงานเขาก็เริ่มล้ากันหมดแล้วผมว่า... เราหยุดการค้นหากันแค่นี้เถอะครับ มันหมดหวังแล้ว ”

     

    เสียงนุ่มของชายมีอายุที่กล่าวกับชานยอลอย่างอ่อนโยน ทำให้ชานยอลตระนักว่าเขาควรจะคิดถึงคนอื่น ๆ มากกว่าความรู้สึกของตัวเอง เขาแค่ต้องการร่างของแทยอนแต่มันกลับทำให้ใครหลายคนต้องลำบาก ชานยอลพยักหน้าช้า ๆ ก่อนจะตอบกลับเลขาประจำตัวของแบคฮยอนไปด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเช่นกัน

     

    “ บอกทุกคนกลับบ้านเถอะครับ จริงอย่างที่คุณอาพูด... งั้นผมขอตัวกลับไปจัดการเรื่องที่เนเวอร์แลนด์ก่อนนะ ฝากคุณอาจัดการเรื่องทางนี้ด้วย ถ้าเจอแทยอนให้รีบโทรหาผมทันที ”

     

    “ ได้ครับ... ”

     

    เขาโค้งให้ชานยอลเช่นเดียวกับที่ชานยอลก้นหัวให้เขา ก่อนที่ร่างสูงจะหันไปช้อนตัวร่างบางให้อยู่ในอ้อมแขนแกร่ง เสียงสะอื้นเบา ๆ ยังคงได้ยินมาจากร่างบางที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาเป็นระยะ ๆ จมูกโด่งของร่างเล็กขึ้นสีแดงระเรื่อเพราะเธอพึ่งผ่านการร้องไห้ที่หนักหนามาพอสมควร

     

    ถึงเขาจะพึ่งรู้จักกับทิฟฟานี่เมื่อไม่นานมานี้ แต่เพราะมีเหตุให้ต้องอยู่ด้วยกันบ่อย ๆ เลยทำให้ชานยอลรู้ว่าทิฟฟานี่นั้นเป็นพวกปากร้ายใจดีแล้วเธอก็รักแทยอนเอามาก ๆ ด้วย ดูเหมือนอะไร ๆ ก็แทยอนเสมอ...ร่างสูงเดินมาเรื่อย ๆ จนจวนจะถึงรถ แต่ทว่าชานยอลกลับไปเยียบอะไรสักอย่างเข้าทำให้เขาต้องหยุดเดิน

     

    สร้อยข้อมือหินนำโชคสีม่วงอ่อน ทำให้ชานยอลต้องขมวดคิ้ว นี่มันของแทยอนหนิ แล้วทำไมถึงมาตกไกลขนาดนี้...ร่างสูงย่อตัวลงจะเก็บสร้อยเอาไว้แต่มันก็ลำบากพอสมควรเพราะในอ้อมแขนมีคนตัวเล็กที่น้ำหนักไม่เล็กตามตัวอยู่  ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าทิฟฟานี่ตัวหนักแต่ก็ไม่ได้เกินกำลังของเขา ให้อุ้มเดินไปไหนมาไหนทั้งวันยังทำได้เลย

     

    “ ถ้าฉันขอเธอเป็นแฟนได้เมื่อไหร่... ทิฟฟานี่ฉันจะพาเธออกกำลังทุกวันจนตัวแทบปลิวไปตามลมเลย ”

     

    ร่างสูงเปิดประตูฝั่งข้างคนขับแล้วยัดคนตัวเล็กที่ยังคงหลับไหลให้เข้าไปในรถก่อนจะปิดประตูแล้วเดินอ้อมไปที่ฝั่งคนขับ ชานยอลยัดตัวเองเข้าไปในรถแต่ทว่าเขากลับนั่งอยู่นิ่ง ๆ พรางดูสร้อยหินนำโชคที่อยู่ในมือ มันเหมือนกับสร้อยของแทยอนที่แบคฮยอนให้แทฮยองเอาไปให้แทยอนเลย

     

    แล้วมันมาตกอยู่ที่นี่ได้ไงล่ะ ถ้าจะว่าเป็นแค่ของที่หน้าตาเหมือนกันก็ไม่น่าใช่เพราะถ้าเป็นพวกเครื่องประดับแล้วแบคฮยอนมักจะสั่งทำเป็นพิเศษเสมอ เพราะมันถือคติว่าของพิเศษก็ต้องมีแค่ชิ้นเดียวและคนเดียวในโลก...แต่ตรงนี้กับจุดเดินอุบัติเหตุก็ไกลกันพอสมควร จะว่ากระเด็นมาก็ไม่น่าจะไกลขนาดนี้

     

    บางทีสร้อยเส้นนี้แทยอนอาจจะตั้งใจเขวี้ยงออกมาก็ได้ เผื่อว่าจะมีใครเก็บได้แล้วเอาไปให้แบคฮยอนอะไรทำนองนี้ และเมื่อไหร่ที่แบคฮยอนกลับมา ถึงเวลานั้นแม้จะยังหาตัวไม่เจอ สร้อยเส้นนี้ก็คงจะแทนตัวของแทยอนได้ อย่างน้อย ๆ มันก็เป็นสิ่งสุดท้ายที่อยู่กับเธอ

     

    “ เก็บเอาไว้ก่อนแล้วกัน...เก็บเอาไว้ให้เจ้าของของมันดูแล ”

     

    มือหนายัดสร้อยลงในกระเป๋ากางเกงก่อนจะหยิบเอาโทรศัพท์มือถืออกมากดหาเบอร์ที่เขาคุ้นเคย ตอนนี้ไม่ใช่แค่เขาหรือทิฟฟานี่หรอกที่กระวนกระวาใจจนทำอะไรไม่ถูก แต่เซฮุนเองก็เช่นกัน ไม่รู้ว่าตอนนี้มันจะรู้ข่าวหรือยัง ถ้ารู้แล้วทำไมถึงได้เงียบไปแบบนี้ล่ะ แล้วตอนนี้มันไปอยู่ที่ไหน?

     

    เสียงสัญญาณมือถือดังไม่ถึงสามครั้งปลายสายก็กดรับ แต่กลับไม่มีเสียงคนพูดทักทายหรือถามไถ่ต้นสายว่าโทรมามีธุระอะไรหรือเปล่า?

     

    “ ฮัลโหลเซฮุน.... ”

     

    [ ... ]

     

    “ นายฟังอยู่หรือเปล่าน่ะ... ตอนนี้นายอยู่ที่ไหน... แล้วรู้หรือยังว่า... ”

     

    [ แทยอนประสบอุบัติเหตุ...]

     

    ไม่ทันที่ชานยอลจะได้พูดจบประโยคเสียงแหบพร่าราวกับคนที่ไร้วิญญาณก็พูดแทรกขึ้นในสิ่งที่เขาจะบอก เซฮุน เพียงแค่ฟังน้ำเสียงก็เดาออกแล้วว่าตอนนี้ปลายสายมีสีหน้าเป็นเช่นไร น้ำเสียงที่ไร้ความรู้สึกที่ส่งตรงมาจากหัวใจตายด้านที่มีเพียงเลือดสีสดไหลเวียน...เซฮุนกลับไปเป็นเหมือนเดิมอีกแล้ว

     

    “ นายรู้แล้วอย่างนั้นเหรอ? แล้วตอนนี้นายอยูที่ไหน ”

     

    [ ผมจะไปไหนได้ล่ะ...ผมก็ยังอยู่ในที่ของผมเนี่ยแหละ]

     

    “ แล้วนายรู้ไหมว่าตอนนี้สถานการณ์มันเป็นยังไง ทำไมนายถึงได้ดูไม่ร้อนรนอะไรเลย ”

     

    ชานยลเริ่มจะหงุดหงิดขึ้นมาเรื่อย ๆ เมื่อฮุนนั้นเย็นชาเกินไปแล้ว เกินกว่าที่ขีดจำกัดของอารมณ์เขาจะรับได้ ชานยอลได้ยินเสียงหายใจที่สม่ำเสมอมาจากปลายสายทำให้เขาได้รับกลิ่นอายของความเย็นชาที่แผ่ซ่านมาจากเซฮุน เขารู้ว่าเซฮุนเจ็บปวดแต่เขาอยากให้มันโวยวายมากกว่าการเงียบไปแบบนี้

     

    [ ร้อนรนไปแล้วทำให้อะไรดีขึ้นมาบ้างล่ะ ผมว่าเรื่องแบบนี้พี่ไม่น่าจะมาถามผมเลยนะ]

     

    “ เออ... ฉันไม่น่ามาถามแกเลย ที่ฉันโทรมาก็เพราะเป็นห่วงความรู้สึกแก เพราะฉันรู้ว่าแกรู้สึกยังไงกับแทยอน แต่ฉันไม่คิดเลยว่าแกจะตอบกลับความหวังดีของฉันด้วยคำพูดแบบนี้ แค่นี้แหละ! ” ชานยอลกระแทรกเสียงใส่ปลายสายก่อนจะกดตัดสายทิ้งพรางกระแทกหมัดไปที่พวงมาลัยรถแรง ๆ หลายทีให้หายโมโห

     

    เขาพยายามจะทำความเข้าใจแล้วว่าที่เซฮุนมันเย็นชาแบบนี้เพราะเป็นนิสัยส่วนตัวของมันเวลามันเครียดแต่ไม่คิดว่ามันจะแสดงอารมณ์ได้ไม่ถูกเวลาจนทำให้เขาต้องโมโหหนักมากขนาดนี้ ตอนแรกก็เห็นใจแต่ตอนนี้ชานยอลเข้าใจแจ่มแจ้งแล้วว่าทำไมถึงไม่อยากให้เซฮุนเป็นคนดูแลแทยอน เพราะทั้งแบคฮยอนและก็เซฮุนมันไม่ได้แตกต่างอะไรกันเลย

     

    ไม่ได้มีใครดีกว่าใคร ไม่มีใครดีสักคน

     

     

     

     

     

     

    *

     

     

     

     

     

     

     

     

    หลังจากถูกพี่ชายต่างสายเลือดกระแทกเสียงใส่และตัดสายทิ้ง ร่างสูงก็ถอนหายใจพรืดพรางโยนโทรศัพท์ลงไปบนที่นอนซึ่งเป็นส่วนเดียวของห้องที่ยังสภาพดีอยู่ ส่วนพื้นที่อื่น ๆ ในห้องแทบจะไม่เหลือช่องว่างพอให้เดิน เศษแก้วและแจกันที่แตกกระจายเกลื่อนพื้น หนังสือเล่นหนาหลายสิบเล่มที่เคยกองกันอยู่บนโต๊ะบัดนนี้กลับร่วงหล่นลงไปนอนอยู่ที่พื้น รวมไปถึงข้าวของต่าง ๆ ที่เคยวางอยู่เป็นระเบียบต้องลงมาระเนระนาดอยู่ที่พื้นห้องเพราะอารมณ์ของเจ้าของห้องล้วน ๆ

     

    เซฮุนทิ้งตัวลงบนฝูกนุ่มแต่ทว่าความรู้สึกของเขามันกลับไม่ต่างอะไรกับการที่นอนลงไปบนพรมที่มีหอกอันแหลมคมคอยทิ่มแทงอยู่ มันไม่ง่ายเลยที่เขาจะทำใจให้แข็งแกร่งดังเดิมเหมือนตอนก่อนหน้าที่เขาจะเจอแทยอน ตั้งแต่ที่ผู้หญิงคนนั้นเขามาหัวใจที่แสนจะแข็งกระด้างของเขามันก็อ่อนยวบลงจนกลายเป็นความอ่อนแอแบบที่เขาเป็นอยู่ตอนนี้ไง

     

    หมัดหนัก ๆ ทุบลงไปที่เตียงเต็มแรงหลาย ๆ ทีเพื่อนระบายควมอัดอั้นตันใจทีมีอยู่เต็มอก จู่ ๆ น้ำตาที่แสนจะน่าสมเพชของลูกผู้ชายคนหนึ่งก็ไหลออกมาผ่านความเงียบที่กัดกินจิตใขของเขา เซฮุนปล่อยตัวเองจมอยู่ในความเงียบแบบนี้มาหลายชั่วโมงแล้ว มันไม่ใช่แค่ตอนที่เขาได้รับข่าวว่าแทยอนประสบอุบัติเหตุ แต่เขากลายเป็นคนที่ไร้วิญญาณแบบนี้มาตั้งแต่คืนนั้นแล้วคืนที่เขาเผลอทำอะไรโง่ ๆ ออกไปให้แทยอนเสียใจ

     

    ร่างสูงก้มมองมือหยาบกร้านของตนที่มีรอยเลือดแห้ง ๆ โอบอยู่ผ่านความมืดของห้อง เขาไม่อยากออกไปไหน เขาไม่อยากรับรู้ไม่อยากได้ยินอะไรที่เกี่ยวกับอุบัติเหตุของแทยอนที่เกิดขึ้นในวันนี้ เพราะเขารู้ดีว่าสภาพของตัวเองตอนนี้มันไม่เข้มแข็งพอที่จะทำตัวให้นิ่งเฉยเวลารับฟังเรื่องพวกนี้

     

    ขนาดตอนที่คุยกับชานยอลเมือกี้เขายังแทบจะกระอักเลือดตาย ถ้าอิงตามหลักความเป็นจริงแล้วสิ่งที่เซฮุนรู้สึกมันไม่ได้เว่อร์ไปหรอกเพราะถ้าเราลองรักใครสักคนมาก ๆ จนสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้เพื่อเขา พอถึงวันนึงที่ต้องจากกันไปจริง ๆ ความรู้สึกที่เรียกได้ว่าเหมือนตายทั้งเป็นแบบนี้มันมักจะเกิดขึ้นเสมอแหละ

     

    “ ทำไมคนที่เธอรักถึงไม่เป็นฉัน ทำไมแทยอน ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน ไหนเธอสัญญากับฉันว่าจะไม่ทิ้งฉันไปไหนไง...กลับมาสิ กลับมาหาฉัน ”

     

    เสียงแหบพร่าเอ่ยออกมาอย่างแผ่วเบา แต่ทว่าด้วยความเงียบงันของห้องมันเลยทำให้ได้ยินชัดเจนแจ่มแจ้ง การขอความรักจากแทยอนไม่ว่าเขาจะต้องพูดมันกี่ครั้ง ไม่ว่าเธอจะปฏิเสธมันสักกี่หนเขาก็จะพูดมันอีกซ้ำ ๆ อยู่อย่างงั้น เพราะมันเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้เซฮุนคิดว่าตัวเองยังมีความพยายามที่จะทำให้แทยอนใจอ่อน

     

    ร่างสูงพลิกตัวนอนหงายก่อนจะพ่นลมมันหายใจที่คละคลุ้งไปด้วยกลิ่นสุราออกมา เจ็บใจทั้งทีมันก็ต้องมีอะไรย้อมใจสักหน่อย แต่ไม่ว่าจะกินให้ตายยังไงก็ลบภาพของแทยอนออกไปไม่ได้แม้แต่วินาทีเดียว ทุกอย่างที่เป็นเธอยังฝังอยู่ในหัวเขาและยากที่จะลบออก

     

    “ พี่เซฮุนคะ... ”

     

    เสียงหวานของใครบางคนเอ่ยเรียกชื่อของเซฮุนท่ามกลางความมืด มันเป็นเสียงที่เหมือนว่าเขาจะคุ้นเคยและได้ยินบ่อย ๆ แต่ที่แน่ ๆ มันไม่ใช่เสียงของแทยอน เพราะถ้าเป็นเสียงของเธอคนนั้นเขาจำได้ดี ร่างสูงยันตัวลุกขึ้นจากเตียงพรางเพ่งมองไปยังร่างเล็กของใครบางคนผ่านความมืดของห้อง ทันทีที่สายตาคมเลื่อนไปเผลอสบตากับดวงตาคู่หวานมันทำให้ชื่อของใครคนหนึ่งเริ่มปรากฏขึ้นในหัวของเขา

     

    “ ซอฮยอน... คุณเข้ามาทำไม ”

     

    “ คือฉันไปหาพี่ที่ห้องเรียน...แต่ไม่มีใครเห็นพี่เลยสักคน ฉันก็เลยมาที่นี่ ”

     

    ซอฮยอนเอ่ยติด ๆ ขัด ๆ ด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความกังวล หญิงสาวร่างบอบบางในชุดเดรสยาวเลยเข่าส่งยิ้มให้กับเซฮุนอย่างเป็นมิตรก่อนจะเอื้อมมือไปยกสวิตซ์ไฟขึ้นทำให้ห้องทั้งห้องสว่างวาบขึ้นมา ซอฮยอนดูท่าทางจะตกใจไม่น้อยเมื่อเห็นสภาพห้องของเซฮุนชัด ๆ ก่อนจะเดินไปเก็บหนังสือเล่มหนาหลายเล่มที่หล่นอยู่ใกล้ตัวเธอขึ้นเก็บไว้บนโต๊ะตามเดิม

     

    “ แล้วคุณมาหาผมทำไม... ”

     

    “ ทำไมห้องพี่เละแบบนี้ล่ะคะ เกิดอะไรขึ้นเหรอ? ” ซอฮยอนพูดพรางเก็บของที่ตกอยู่บนพื้นไปเรื่อย ๆ โดยไม่สนใจในสิ่งที่เซฮุนถามเลยสักนิด ถ้าไม่ติดว่าเขากำลังรักษามารยาทอยู่ละก็ป่านนี้ซอฮยอนโดนโวยไปแล้วล่ะ

     

    “  มันไม่มีอะไรหรอก คุณไม่ต้องเก็บ! ออกไปคุยข้างนอกเหอะ ”

     

    ร่างสูงบอกพรางลุกออกจากเตียงแล้วเดินนำออกมายังห้องนั่งเล่นด้านนอนโดยมีซอฮยอนเดินตามด้วยรอยยิ้มที่เธอมักจะทำเสมอเวลาเจอหน้ากัน เซฮุนนั่งลงบนโซฟาสีดำสนิทอย่างไม่ค่อยจะสบอารมณ์เท่าไหร่นักแต่ก็ต้องฝืนปั้นหน้ายิ้มให้เล็กน้อยเพราะเขาไม่อยากเอาความโกรธมาลงกับคนที่ไม่รู้เรื่อง

     

    “ คุณมาหาผมมีเรื่องอะไรหรือเปล่า... แล้วเข้ามาได้ยังไง ”

     

    “ จงอินเขาเปิดให้น่ะ... เอะนั่นมือไปโดนอะไรมาคะทำไมมันมีคราบเลือดเป็นเขียวจ้ำ ๆ แบบบนั้นล่ะ ”

     

    ร่างเล็กพูดพรางฉวยมือของอีกคนมาดูอย่างสนอกสนใจ ร่างสูงชักมือกลับก่อนจะสูดหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อระงับสติอารมณ์ ทำไมซอฮยอนต้องมาทำตัวน่ารคาญตอนที่เขากำลังอารมณ์เสียด้วยเนี่ย...ในใจโอ เซฮุนอยากจะลากเธอออกไปแล้วตะโกนบอกคิม จงอินดัง ๆ ว่าให้เอาคนของมันกลับไปซะ

     

    “ อย่าสนใจมือผมเลย...เอาเป็นว่าเข้าเรื่องเถะ ผมจะถามเป็นครั้งสุดท้าย คุณมาหาผมมีธุระอะไร? ”

     

    “ ขอทำแผลในมือให้ก่อนแล้วฉันจะบอก ”

     

    “ ตามสบายคุณอยากจะทำอะไรก็ทำเลย...ผมไม่ห้าม ”

     

    ทันทีที่ร่างสูงพูดจบ หญิงสาวก็ยิ้มร่าก่อนจะเดินไปหยิบกล่องปฐมพยาบาลมาทำแผลให้ร่างสูงอย่างชำนิชำนาญ มือเรียวหยิบที่ชุ่มไปด้วยแอลกอฮอล์ล้างแผลค่อย ๆ บรรจงลงไปตรงจุดที่เซฮุนมีบาดแผล แค่ดูผ่าน ๆ โดยไม่ต้องพูดอะไรยังรู้เลยว่าแผลที่มือนี่ได้มาจากการชกกำแพงแน่นอนและไม่ต้องบอกสาเหตุก็พอจะเดาออกว่าเป็นเพราะอะไร

     

    “ คุณคงรู้เรื่องอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นวันนี้แล้วใช่ไหม...เพราะคนที่ติดอยู่ในรถคันนั้น คือคนที่จะมาเป็นควีนและคิงของงานเปิดโรงเรียนของเราในปีนี้ ฉะนั้นเลยจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนคิงและควีนใหม่ พอดีฉันก็เป็นหนึ่งในทีมงานของปีนี้ที่รู้หน้าที่ของทั้งสองตำแหน่งเป็นอย่างดี พวกเขาก็เลยให้ฉันรับหน้าที่นี้แทน แล้วฉันก็มองไม่เห็นใครที่จะเหมาะสมกับตำแหน่งนี้เท่าพี่ อ่าเสร็จแล้วค่ะ ”

     

    ร่างเล็กพูดพรางปล่อยมือออกจากมือของร่างสูงทันทีที่เธอพันผ้าพันแผลที่มือของเขาเสร็จ ซอฮยอนเงยหน้าขึ้นช้อนตามองอีกคนก่อนจะเอียงคอพูดต่อ

     

    “ นี่ค่ะ... ตำแหน่งคิงของงานมันไม่ได้ซับซ้อนอะไรมากมายหรอก ”

     

    ร่างเล็กยื่นกระดาษอะไรสักอย่างที่มีตัวหนังสือยุกยิกอยู่ในนั้นให้กับเซฮุนซึ่งเขาก็รับมาดูแต่โดยดีเพราะยิ่งต่อปากต่อคำเขาก็ยิ่งรู้สึกรำคาญยังไงก็ไม่รู้

     

    “ เนเวอร์แลนด์มีนักเรียนทั้งหมดสองพันกว่าคน ซึ่งเกือบครึ่งก็เป็นผู้ชายทั้งหมด ผมคิดว่ามันไม่ยากนะถ้าคุณจะหา อีกอย่างคิม จงอินแฟนของคุณก็ไม่ได้น้อยหน้าใครเลย ผมว่าคุณเอางานนี้ไปให้เขาทำเถอะ ผมไม่สะดวก... ”

     

    “ ถ้าคนที่ได้เป็นควีนคือผู้หญิงที่ชื่อคิม แทยอนไม่ใช่ฉัน คุณคงจะตอบตกลงทันทีสินะคะ ”

     

    “ ก็คงงั้นล่ะมั้งครับ...ก็ผมรักแทยอนหนิ ” เซฮุนตอบเรียงเรียบพรางยกยิ้มที่ดูยังไง ๆ ก็ปั้นหน้ายิ้มชัด ๆ ให้กับซอฮยอน ความอดทนที่มีมันก็เริ่มจะลดลงทีละน้อยจนแทบจะหมดลงไปอยู่แล้ว

     

    “ รักทั้ง ๆ ที่เธอเป็น...ไม่สิ ทั้ง ๆ ที่เธออยู่ในความสัมพันแบบลึกซึ้งกับพี่ชายคุณเนี่ยนะคะ ”

     

    “ ก็อย่างที่คุณเข้าใจนั่นแหละครับ...ถ้าคุณจะมาแค่นี้ งั้นเชิญคุณกลับไปได้แล้ว ผมไม่เป็นคิงหรืออะไรทั้งนั้นและได้โปรดอย่าเข้ามาห้องผมโดยไม่ได้รับอนุญาติอีกเพราะมันดูไร้มารยาท อีกอย่างคุณเป็นแฟนของเพื่อนผมกรุณาอย่าทำตัวสนิทสนมแบบนี้กับผมอีก ผมไม่อยากมีปัญหากับเพื่อน... ”

     

    “ โดนไล่ซะแล้ว งั้นฉันขอตัวก่อนนะคะ...อย่าลืมทานยาแก้ปวดด้วยล่ะ ฉันเป็นห่วงนะคะ ”

     

    “ เชิญครับ... ”

     

    ซอฮยอนลุกเดินออกไปก่อนที่เสียงเปิดและปิดประตูจะดังขึ้นในวินาทีต่อมา เซฮุนพ่นลมหายใจออกจากปากก่อนจะเอนตัวนอนราบลงกับโซฟาด้วยความเหนื่อยอ่อน สมองก็เผลอคิดไปถึงเรื่องของแทยอน ถ้าเมื่อกี้คนที่เข้ามา คนที่ทำแผลให้เขา คนที่ดุเขาเป็นแทยอนโอ เซฮุนคงจะดูมีชีวิตชีวามากขึ้นกว่าเดินเป็นร้อยเท่า

     

    “ ก็แกเป็นซะแบบนี้ไง ถึงได้จมปลักอยู่แบบนี้... ”

     

     

     

     

     

     

     

     

    *

     

     

     

     

     

     

     

     

    ชายหนุ่มร่างสูงในชุดลำลองสีอ่อนนั่งรับลมอยู่ริมชายหาดอย่างเซ็ง ๆ เมื่อเขาต้องมาติดในเกาะบ้า ๆ นี่มาสองสามวันแล้ว ครั้งแรกที่ตัดสินใจลงเรือมา เขาเองก็เพียงแค่หวังว่าจะมาตามยุนอาให้กลับไปเกาหลีด้วยกัน แต่ทว่าพอมาถึงกลับไม่เจอแม้แต่เงาของยุนอาเจอแค่คยูฮยอนี่เดินลอยหน้าลอยตาบนชายหาด

     

    พอถามมันว่ายุนอาหายไปไหนมันก็กลับเล่นลิ้นเสียจนแบคฮยอนอยากจะจับมันมัดแล้วโยนลงน้ำทันที พอเขาจะกลับไอ้พายุบ้า ๆ ก็ดันมาเข้าอีกทำให้ออกเรือไม่ได้เลยต้องมาติดแหง็กอยู่ด้วยกันแบบนี้ไง

     

    แบคฮยอนถอนหายใจแล้วถอนหายใจอีกจนคยูฮยอนที่นอนข้าง ๆ ชักจะรำคาญ...ก็คนมันเซ็งนี่นา จะให้เขาทำอะไรได้ดีกว่านั่งถอนหายใจงั้นเหรอ? ถ้าคนขับเรือไม่บอกกับเขาว่าพายุจะเข้าเขาก็คงกลับเกาหลีไปตั้งแต่วันแรกที่มาเยียบที่นี่แล้วพบว่ายุนอาไม่อยู่แล้วล่ะ

     

    โทรศัพท์ก็ใช้ไม่ได้ อินเทอร์เน็ตก็ใช้ไม่ได้ นี่มันที่สำหรับคนที่ต้องการพักผ่อนและหลีกเหลี่ยงจากสังคมภายนอกชัด ๆ แต่ไม่ใช้เขาไม่ใช่ตอนนี้...ตอนนี้เขาต้องการโทรศัพท์ต้องการอินเทอร์เน็ตเพื่อที่จะได้ติดต่อไปถามไถ่เรื่องแทยอน แม้จะรู้ดีว่าไม่สามารถทำได้อย่างเมื่อก่อน

     

    ก็เขาตัดสินใจเลือกยุนอาไปแล้วหนิ มันแก้ไขอะไรไม่ได้อีกแล้ว คิดมาถึงตรงนี้ก็มีแต่จะทำให้เจ็บปวดเปล่า ๆ  แบคฮยอนสะบัดหัวไล่ความคิดออกไปก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่อีกครั้งแล้วเขวี้ยงกิ่งไม่แห้ง ๆ ออกไปข้างหน้าอย่างไร้จุดหมาย

     

    “ นี่แบคฮยอน แกจะถอนหายใจอะไรนักหนา...ข้างหน้าแกมันคือทะเลนะเว้ย! ทะเลอ่ะทะเล ทำไมแกทำหน้าเหมือนข้างหน้าแกเป็นกระทะทองแดงแบบนั้นด้วยวะ...ผ่อนคลายดิผ่อนคลาย ”

     

    คยูฮยอนบอกเสียงร่าก่อนจะผิวปากอารมณ์ดีอยู่บนเปลสายป่านแต่คนที่ถูกแซวกลับมองอีกคนตาขวาง สองวันที่ผ่านมามันไม่ได้เข้าใจอะไรเลยใช่ไหมว่าแบคฮยอนมาตามหายุนอาไม่ได้มาเที่ยวหรือพักผ่อนอะไรทั้งนั้น...แล้วมันยังมีหน้ามาเปรียบเทียบทะเลกับกระทะทองแดงอีก มันใกล้เคียงกันตรงไหนวะ เห็นหน้าแบคฮยอนแล้วนึกถึงกระทะทองแดงอะไรทำนองนั้นเหรอ?

     

    “ ฉันบอกแล้วไงว่าฉันมาที่นี่เพื่อมาตามยุนอาไม่ได้มาเที่ยวพักผ่อนอะไรทั้งนั้น ”

     

    “ เอากระจกไหมเผื่อแกจะได้มองเห็นหน้าตัวเอง หน้าแกมันเหมือนคนโดนบังคับให้มามากกว่าคนี่เต็มใจมาอีก ”

     

    “ งั้นแกก็บอกฉันมาซะสิ ว่ายุนอาอยู่ที่ไหนฉันจะได้ตามคู่หมั้นสุดที่รักของฉันกลับสักที ”

     

    แบคฮยอนกระแทกเสียงใส่อีกคนแต่ทว่าคยูฮยอนกลับเงียบไปไม่ต่อล้อต่อเถียงหรือผิวปากอย่างที่เขาทำก่อนหน้านี้...แบคฮยอนหันกลับไปมองคนที่นอนอยู่ถัดไปก็พบกับใบหน้าเรียบเฉียบที่สวมแว่นดำแบรนด์ดังอยู่ เดาได้เลยว่ามันกำลังอารมณ์เสียอย่างแรง นี่เขาพูดอะไรผิดไปอย่างนั้นหรอ?

     

    “ นี่... ”

     

    “ แกอยากรู้ใช่ไหมว่ายุนอาอยู่ไหน ” อยู่ดี ๆ คยูฮยอนก็โพล่งขึ้นมาในขณะที่แบคฮยอนกำลังจะพูดทำให้เขาต้องเงียบปากไป...แบคฮยอนมองคยูฮยอนที่กำลังจะเดินจากไปอย่างไม่เข้าใจ “ ยุนอาอยู่ที่ทิดตะวันออกเฉียงเหนือ ”

     

    “ แกหมายความว่าไง... ”

     

    “ เรื่องง่าย ๆ แค่นี้แกก็ต้องให้ฉันแปลงั้นเหรอแบคฮยอน...ยุนอาอ่ะ กลับไปเกาหลีตั้งแต่วันที่แกขึ้นเครื่องมาที่นี่แล้ว ”

     

    “ แล้วทำไมแกไม่บอกฉัน... ” แบคฮยอนเอ่ยเสียงแข็ง ตอนนี้ในหัวของเขามีเพียงความโกรธ โกรธแล้วก็โกรธ มันตั้งใจหลอกเขา หลอกให้เขาอยู่ที่นี่ตั้งนาน แล้วไอ้เรื่องพายุก็คงโกหกเหมือนกันสินะ

     

    “ ฉันบอกแกแล้วแบคฮยอน... บอกตั้งแต่วันแรกที่แกมาถึงที่นี่... แกจำได้ไหม พอแกถามฉันว่ายุนอาอยู่ที่ไหน ฉันก็บอกแกไปแล้วไงว่ายุนอาไม่ได้อยู่ที่นี่  แต่แกมันโง่เอง...ช่วยไม่ได้ ”

     

    คยูฮยอนยักไหล่ตอบก่อนจะเดินไปโดยไม่สนใจเสียหายใจฟึดฟัดของแบคฮยอนเลยสักนิด ถ้าไม่ติดว่าแบคฮยอนอยู่ในโหมดโกรธจัดจนทำอะไรไม่ถูกอยู่ คยูฮยอนคงไม่ได้เดินไปแบบนั้นง่าย ๆ หรอก มันคงนอนจมกองเลือดตรงนี้ไปแล้ว

     

    “ โธ่เว้ย!!

     

    ไม่รู้ว่าโทสะนี้จะไปลงที่ใครดีแบคฮยอนจึงหันไปปล่อยลูกเตะแรง ๆ ใส่พื้นทรายสีอ่อนจนทำให้เม็ดทรายกระจายไปตามอากาศตามแรงเตะของคนตัวสูง หลงกลยุนอาจนได้ เมื่อนึกถึงยุนอาขึ้นมาแบคฮยอนก็ยิ่งร้อนใจอยากจะกลับเกาหลีให้เร็วที่สุด

     

    เพราะเขาเผลอทิ้งเวลาไว้ที่นี่มามากแล้วไม่รู้ว่ายุนอาจะกลับไปก่อเรื่องอะไรที่เนเวอร์แลนด์โดยเฉพาะกับแทยอน...เขาไม่อยากให้เกิดเรื่องร้าย ๆ กับแทยอนอีกแล้ว แค่ที่ผ่านมามันก็มากเกินพอที่แทยอนจะรับไหว ฝันร้ายของแทยอนมันควรจบลงตั้งนานแล้ว

     

     

     

    *

     

     

     

     

     

     

                    “ แบคฮยอนจะมาถึงกี่โมงวะ งานเริ่มตอนแปดโมงนะเว้ย พ่องานไม่อยู่แบบนี้คณะกรรมการจะพอใจเหรอ? ” เสียงทุ้มต่ำของอี้ฟานเอ่ยขึ้นอย่างหงุดหงิดเมื่อเขามองไปยังนาฬิกาเรือนใหญ่ที่ยังคงเดินต่อไปเรื่อย ๆ แต่ละวินาทีมันช่างผ่านไปอย่างรวดเร็วเหลือเกิน

     

                    “ ตอนนี้เครื่องคงลงจอดแล้วล่ะครับ ยังไงวันนี้แบคฮยอนก็มาทันแน่นอน ” ชานยอลเอ่ยตอบอย่างใจเย็นก่อนจะยกมือขึ้นไปกระชับเสื้อสูทสีเงินที่ใส่อยู่ให้เข้าที่ วันนี้พวกเขาแต่งตัวดีเป็นพิเศษเพราะมันเป็นวันงานเปิดโรงเรียนแต่ทว่าพ่องานของวันนี้กลับยังมาไม่ถึงงานเลยด้วยซ้ำ

     

                    “ เอ่อ ชานยอล. นายมั่นใจเหรอว่าถ้าแบคฮยอนมาถึงแล้วรู้เรื่องของแทยอนแล้วหมอนั่นจะยังปั้นหน้ายิ้มแล้วทำงานให้ราบลื่นได้น่ะ ” คยองซูพูดอย่างเป็นกังวล ก็แน่ล่ะตั้งแต่เกิดเรื่องมาแบคฮยอนยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำ คิดไม่ออกเหมือนกันว่าถ้ามันกลับมาแล้วรู้เรื่องเข้ามันจะเป็นยังไง

     

                    “ ผมรู้จักมันดี แบคฮยอนมันแยกแยะได้อันไหนงานอันไหนเรื่องส่วนตัว ”

     

                    “ แต่เรื่องส่วนตัวบางเรื่องเนี่ยผมคิดว่าพี่เขาไม่น่าจะควบคุมตัวเองได้นะครับ โดยเฉพาะเรื่องของแทยอน ” เซฮุนโพล่งขึ้นมาท่ามกลางความเงียบ ทำให้ทุกคนมีความคิดที่เป็นไปในทางเดียวกันนั้นก็คือแบคฮยอนต้องโมโหมากแน่ ๆ เมื่อรู้ว่าแทยอน...ไม่อยู่แล้ว

     

                    “ ตอนนี้เอาแค่ให้แบคฮยอนกลับมาให้ทันงานก่อน แล้วจะรับมือกับมันยังไงค่อยว่ากันอีกที ”

     

                    “ แฟนตายทั้งทีแต่มันกลับไม่รู้ พวกแกนี่เป็นเพื่อนที่ดีจังเลยเนอะ ” เสียงทุ้มต่ำที่แสนจะเยือกเย็นของใครบางคนดังขึ้นทำให้ทุกคนที่นั่งอยู่ในห้องประชุมขนาดเล็กที่ตั้งอยู่ในตึกใหญ่ของโรงเรียนหันไปมองผู้มาเยือนอย่างไม่ค่อยเป็นมิตรเท่าไหร่นัก

     

                    “ ไอ้เอส...นี่แกยังไม่ตายอีกหรอวะ? ” ชานยลชักสีหน้าถามเอสอย่างไม่ค่อยจะสบอารมณ์เท่าไหร่นัก บอกเลยว่าปกติก็อารมณ์ไม่ค่อยจะดีอยู่แล้วพอเห็นหน้ามันปุ๊บมันยิ่งอารมณ์เสียไปกันใหญ่

     

                    “ นี่คือคำทักทายของทายาทนักธุรกิจเหรอ? ฉันพึ่งรู้นะเนี่ยว่ามันหยาบคายขนาดนี้ ”

     

                    “ มาทำไม แกไสหัวของไปจากระยะสายตาของฉันเลยนะ ”

     

    และก็เป็นชานยอลอีกนั่นแหละที่เอาแต่โวยวายในขณะที่คนอื่นได้แค่เงียบและมองดูเท่านั้น เอสในชุดลำลองสบาย ๆ กางเกงขายาวสีดำกับเสื้อเชิ้ตสีขาวรองเท้าผ้าใบเดินล้วงกระเป๋าเข้ามาข้างในห้องประชุมด้วยหน้าตามึน ๆ ก่อนจะหัวเราะในลำคอเบา ๆ พร้อมกับยกยิ้มให้ชานยอล

     

                    “ ใจเย็นเพื่อนรัก ไม่ได้จะมาหาเรื่อง...ฉันก็แค่จะมาแจ้งว่าฉันจะพักการเรียนสักสองสามเดือนอ่ะ ส่วนใบพักการเรียนต่าง ๆ ฉันเขียนไว้ให้เรียบร้อยแล้ว ฝากไว้กับยุนอา...มาบอกแค่นี้แหละ บายนะ ”

     

                    “ เดี๋ยว... แกจะไปไหน? ” อี้ฟานเอ่ยถามทันทีที่เอสหันหลังเตรียมจะเดินออกไป

     

    แทยอนเคยเล่าให้เขาฟังว่าเอสมันชอบแทยอนเอามาก ๆ แต่ทว่าท่าทีของมันวันนี้กลับไม่มีวี่แววเศร้าหรือแสดงอาการอะไรเลย ถึงมันจะไม่ได้อารมณ์ดีแต่มันก็ไม่ได้เศร้า นี่นะเหรอความรู้สึกของคนที่รู้ว่าคนที่ชอบตาย มันไม่มีทางเป็นไปได้แน่ ๆ

     

                    “ จำเป็นต้องบอกด้วยหรือไง...มันเป็นความลับน่ะ ” เอสยักไหล่เบา ๆ ก่อนจะเดินควงกุญแจรถเดินออกไปท่ามกลางอาการหัวเสียของใครหลาย ๆ คนที่อยู่ในห้องประชุม พวกเขาไม่ได้มีอคติมากไปกับผู้ชายคนนี้หรอกแต่มันไม่มีดีอะไรให้รู้สึกตะขิดตะขวางใจที่เกลียดมันเลยด้วยซ้ำ

     

                    “ ไอ้นี่มันวอนชัด ๆ ” คิม จงอินสบออกมาอย่างหัวเสียเมื่อเอสเดินไปพ้นแล้ว

     

                    “ วอนที่ไหน... ก็เห็น ๆ อยู่ว่ามันคือเอสไม่ใช่วอน ” คยองซูตอบด้วยท่าทางที่เบื่อหน่ายเต็มทีก่อนจะยันตัวลุกขึ้นเต็มความสูงแล้วหันหลังกลับมามองพวกน้อง ๆ ที่มีสีหน้าข้องใจสุดขีดกับคำพูดของเขา

     

    “ ถ้าเรียกมาเพื่อรอแบคฮยอน ฉันขอตัวนะจะไปดูความเรียบร้อยของงานก่อนนะ อ่อมินซอก จงแดแล้วก็จุมมยอนมากับฉันนะ...ส่วนจื่อเทากับจงอินไปตรวจความเรียบร้อยของพวกนักเรียนแล้วก็ดูว่าทุกอย่างปลอดภัยดีไหม? ส่วนนายอี้ซิงไปตรวจสอบระบบเครื่องมือที่ห้องควบคุม ส่วนพี่อี้ฟาน ลู่หานแล้วก็ชานยอลรอรับมือกับไอ้แบคไปแล้วกันนะ ไปกันเถอะพวกเราเหลือเวลาไม่มากแล้ว ”

     

                    “ ครับ... ” ทุกคนที่ได้รับคำสั่งจากคยองซูต่างก็ตอบเป็นเสียงเดียวกันพรางลุกจากที่นั่ง มินซอกที่นั่งใกล้กับชานยอลก็เดินไปตบบ่าน้องสองสามทีก่อนจะเดินออกไป

     

                    “ คนที่รอแบคฮยอนน่ะ ไม่ใช่ว่าจะนั่งหายใจทิ้งเฉย ๆ นะตรวจสอบเอกสารที่จะใช้ในงานด้วย งานนี้ห้ามมีข้อผิดพลาดเด็ดขาด เล็กน้อยก็ไม่เอา เพราะฉันไม่อยากให้ไอ้แบคฮยอนมันตกที่นั่งลำบาก ” คยองซูหันมาสั่งอีกรอบก่อนจะหันหลังเดินออกไปแต่ทว่าคำพูดของลู่หานกลับทำให้เขาหันหลังกลับมาอีกรอบแล้วทำตาเหลือกใส่คนปากหมาอย่างลู่หาน

     

                    “ ที่แบคฮยอนมันตกที่นั่งลำบาก ก็เพราะตัวมันเองนั่นแหละจับปลาสองมือ มักมาก... ”

     

                    “ หลายทีแล้วนะลู่หาน ตั้งแต่ตอนที่ให้แบคฮยอนมันเลือกแล้วนะ นายจะอะไรนักหนากับชีวิตมันวะ...อย่าให้ฉันรู้นะว่านายคิดจะเอาคืนแบคฮยอนด้วยเรื่องเมื่อสองปีก่อน ไม่อย่างงั้นพี่น้องกันฉันก็ไม่เว้น... ”

     

    คยองซูพูดทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก่อนจะเดินออกไป และไม่กี่นาทีต่อมาก็มีร่างหนาคุ้นตาเดินเข้ามาด้วยสภาพที่อิดโรยสุดขีด...

     

    “ แบคฮยอน... ”

     

    “ โห... อย่างโทรมอ่ะ ”

     





    B E R L I N ❀
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×