คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #29 : My Peter Pan: Chapter27
“ ทำไมมาเอาป่านนี้วะ แล้วเป็นไงเจอยุนอาไหม ” ลู่หานเอ่ยถามอย่างอารมณ์ดีเมื่อเห็นแบคฮยอนเดินเข้ามาด้วยใบหน้าที่อ่อนล้าและไม่สบอารมณ์ยิ่งนัก ดูก็รู้ว่ามันคงทั้งเหนื่อยทั้งโกธรและคงไม่ต้องเดาว่ามันโมโหเรื่องอะไร
“ เจอแค่กระเป๋ากับรองเท้าส่วนคน...
ไม่เจอ... ”
“
ถ้าไม่เจอแล้วทำไมนายไม่กลับมาวะ...ทำไมมาเอาป่านนี้ ”
“ พายุเข้า...
”
แบคฮยอนตอบแค่นั้นก่อนจะเดินผ่านลู่หานไปนั่งลงบนเก้าอี้ด้วยความเหนื่อยล้าพรางหลับตาลงก่อนจะเอื้อมมือขึ้นมานวดตรงศรีษะ
ทันทีที่เครื่องลงถึงเกาหลีไม่รู้ว่าความเหนื่อยล้ามันมาจากไหนถึงได้เล่นงานเขาจนแบคฮยอนแทบจะทรงตัวไม่อยู่
แต่ด้วยความที่รู้ว่าวันนี้มันเป็นวันที่เขาต้องรับสึกหนัก
แน่นอนว่าเขาจะมัวนอนป่วยไม่ได้โดยเด็ดขาดบวกด้วยความที่เป็นห่วงแทยอนตั้งแต่วินาทีแรกที่รู้ว่ายุนอากลับเกาหลีตั้งนานแล้วมันเลยทำให้เขาต้องใจแข็งแบกสังขารมาเพื่อดูให้เห็นกับตาว่าแทยอนยังอยู่ดี
แต่ทว่ายังไม่ทันจะได้เห็นหน้าของแทยอนด้วยซ้ำเขาก็แทบล้มทั้งยืน
“ เห้ย... นี่แกไหวไหมเนี่ย ทำไมสีหน้าไม่ดีเลย ”
ชานยอลที่เห็นท่าไม่ดีรีบถามขึ้นพรางเดินเข้าไปใกล้ ๆ แบคฮยอน
“ ฉันไหว... แล้วนี่งานเริ่มกี่โมง ”
“ แปดโมง... แล้วตอนนี้แขกก็เริ่มมาแล้วด้วย
ถ้านายไม่ไหวเดี๋ยวพวกเราจะจัดการเอง นายไปพักเถอะ ” คราวนี้อี้ฟานเป็นคนตอบ
น้ำเสียงที่แสนเป็นห่วงเป็นใยของเพื่อน ๆ ทำให้แบคฮยอนยิ้มออกมาเล็กน้อย
“ ใช่ แกไปพักเถอะ ไม่ต้องห่วงทางนี้
พวกเราจัดการได้ ” ลู่หานเองก็ช่วยเสริมอีกคน เห็นแบคฮยอนเป็นแบบนี้แล้วบอกเลยว่าไม่มีใครคนไหนคิดจะบอกเขาเรื่องที่แทยอนประสบอุบัติเหตุหรอกเพราะกลัวว่าแบคฮยอนมันจะตามไปอีกคน
ถ้าเกิดบอกออกไปมีหวังแบคฮยอนได้อาละวาดงานล่มแน่
“ ฉันไหวหน่า แค่เพลีย ๆ
นิดหน่อยเอง...อีกอย่างถ้าปล่อยให้งานดำเนินโดยไม่มีฉัน
มีหวังพ่อกับแม่ได้เอาฉันตายแน่แค่บริษัทโดนโกงฉันก็จะตายอยู่แล้วนะ อย่าให้ผมต้องโดนกดดันจากเรื่องนี้เลย
”
“ แล้วนายจะทำยังไง สคริปต์นายก็ไม่เคยอ่าน
แผนการดำเนินงานนายก็ยังไม่ได้แตะแล้วนายจะทำได้เหรอ? ” อี้ฟานพูดขึ้นด้วยเสียงเรียบเมื่อเห็นท่าทีที่น่าจะไม่ยอมอ่อนง่าย
ๆ ของแบคฮยอน ถ้าเกิดแบคฮยอนฝืนตัวเองต่อไปแบบนี้มีหวังร่างกายของเขาไม่ไหวแน่ ๆ
“ สคริปต์คำพูดกล่าวเปิดงานแนะนำโรงเรียนอะไรนั่นไม่ต้องอ่านหรอก
ผมจะพูดสดเลย ส่วนขั้นตอนงานต่าง ๆ เอามาให้ผม ผมจะจัดการเอง ”
“ อะนี่ เอาไปอ่าน...แต่อย่าพึ่งอ่านตอนนี้
นายนั่งพักผ่อนไปก่อนเดี๋ยวฉันจะให้คนไปหายามาให้กิน ”
ลู่หานยื่นกระดาษปึกหนึ่งให้แบคฮยอนก่อนจะเดินเอามือล้วงกระเป๋าแล้วเดินออกไปจากห้องประชุมด้วยท่าทีสบาย
ๆ แบคฮยอนได้แต่มองตามแผ่นหลังของลู่หานก่อนจะนึกได้ว่าก่อนที่งานจะเริ่มคิงกับควีนของงานต้องมาที่ห้องนี้
แต่นี่ก็ใกล้เวลาแล้วแต่เขากลับไม่เห็นเงาของแทยอนกับไอ้นักเรียนที่ชื่อซอกจินนั่นเลย
“ ชานยอล...แทยอนกับซอกจินทำไมยังไม่มาอีก ”
ชานยอลรวมถึงคนอื่น ๆ ที่อยู่ในห้องประชุมสะอึกไปทันทีที่ได้ยินคำถามที่พวกเขาไม่อยากจะได้ยินออกมาจากปากแบคฮยอน
ชานยอลหันไปมองหน้าคนอื่น ๆ เพื่อขอความช่วยเหลือแต่ทว่าทุกคนก็มีสภาพไม่ค่อยจะต่างกันเท่าไหร่นัก
คือไม่มีใครอยากตอบแบคฮยอนเลยสักคน
“ ถาม... ทำไมไม่ตอบ ”
“ ถามหาสองคนนั่นทำไม ถ้าเป็นเรื่องคิงกับควีน
พวกเราเปลี่ยนเป็นจงอินกับซอฮยอนแล้ว ” อี้ฟานบอกแต่สายตากลับเสมองไปทางอื่นเพราะไม่อยากจะให้แบคฮยอนเห็นพิรุธ
เรื่องแบบนี้เขาปิดไม่มิดหรอก ฉะนั้นอย่าให้แบคฮยอนจับได้จะดีกว่า
“ เปลี่ยน? เปลี่ยนทำไม ”
“ ฉันเป็นคนเปลี่ยนเองแหละ แทยอนไม่อยากเป็นก็เลยให้ซอฮยอนมาแทนส่วนซอกจินเกิดอุบัตเหตุนิดหน่อยเลยไม่สามารถเป็นคิงได้
” ชานยอลบอกเสียงอ่อนก่อนจะทรุดตัวลงนั่งกับเก้าอี้
“
แกเปลี่ยนคิงและควีนของงานแล้วทำไมไม่บอกเรื่องนี้กับฉันสักคำ ”
แบคฮยอนพูดเสียงเรียบพรางจ้องมองไปยังชานยอลที่มีท่าทีเลิ่กลั่ก
ปกติถ้ามันต้องการจะโกหกชานยอลเป็นคนหนึ่งที่โกหกเก่งพอสมควรเลยล่ะ ถ้าเกิดมันคิดจะหลอกใครแล้วยากที่จะจับได้
แต่ครั้งนี้มันกลับมีพิรุธมากเหลือเกินจนน่าสงสัย ถ้าเรื่องที่มันปิดไม่ใหญ่จริง ๆ
ก็คงจะเป็นเรื่องที่มีผลกระทบต่อคนส่วนมากพอสมควรละถึงทำให้ชานยอลเก็บอาการได้ไม่อยู่ขนาดนี้
“
แบคนายอย่าพึ่งใส่ใจเรื่องนี้เถอะหน่า ถ้าหายดีแล้วก็รีบเข้าไปรับหน้าแขกเถอะ เดี๋ยวพองานจบฉันจะเล่าทุกอย่างให้นายฟังเอง
”
“ เกิดเรื่องอะไรไม่ดีขึ้นกับแทยอนใช่ไหม? ”
“ ... ”
“ ตอบดิ! ”
“ มันไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเพื่อนฉันทั้งนั้นแหละแบคฮยอน
นายเลิกคิเองเออเองแล้วกลับไปทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดเถอะ ”
เสียงเล็กของทิฟฟานี่ดังขึ้นทำให้ทุกคนหันไปที่ประตูห้องประชุมก็พบว่าตอนนี้ทั้งทิฟฟานี่ซันนี่แล้วก็เดินสิก้ากำลังหอบถุงชุดอะไรสักอย่างเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับเดินตรงมาที่แบคฮยอน
“ ทิ้งเพื่อนฉันแล้วก็เลิกหยุ่งกับเพื่อนฉันสักที...อย่าทำให้แทยอนเดือดร้อนเพราะนายอีก
”
“ ฉันก็แค่อยากรู้ ไม่ได้อยากจะหยุ่งหย่ามอะไรกับแทยอน
”
“ งั้นเหรอ แสดงให้ฉันเห็นสิ
แสดงให้เห็นว่าไม่ได้รู้สึกอะไรกับแทยอนอีกต่อไปแล้ว..อย่ามาเจ็บปวดหรืออะไรทั้งนั้นกับแทยอน
” ทิฟฟานี่พูดพรางวางกล่องอะไรสักอย่างที่คล้ายกับกล่องเครื่องสำเอาลงบนโต๊ะพร้อมด้วยถุงที่ใส่ชุดสูทสีน้ำเงินใหม่เอี่ยม
“ เธอพูดเรื่องอะไรน่ะทิฟฟานี่ ”
“ ยัยทิฟ... ” เจสสิก้ารีบดึงแขนเพื่อเรียกสติของทิฟฟานี่ไว้เมื่อเห็นว่าทิฟฟานี่เริ่มจะควบคุมคำพูดของตัวเองไม่ได้และกำลังจะต่อปากต่อคำกับแบคฮยอนอีกแล้ว
“ รีบ ๆ ทำงานของเธอเถอะ งานจะเริ่มแล้วนะ ”
“ อือ ๆ แบคฮยอน... นายรีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าสิ ฉันจะเติมหน้าให้
”
“ ทำไมฉันต้องแต่งหน้าด้วย ”
“ ฉันบอกให้ทำอะไรก็ทำไปเถอะหน่า ”
“ อืม... ”
พูดจบแบคฮยอนก็รับชุดมาจากทิฟฟานี่แล้วเดินออกไปข้างนอก บอกตามตรงเลยว่าเขาโคตรจะกังวลใจกว่าตอนแรกที่รู้ว่ายุนอากลับมาแล้วซะอีก
เพราะทุกคนมีพิรุธกันไปหมด คอยดูสิเขาต้องรู้ให้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับแทยอน...บางทีเซฮุนอาจจะไม่ปกปิดเขาเหมือนไอ้พวกนี้ก็ได้
*
“ โอ้ยนี่แบคฮยอน นายเลิกขมวดคิ้วสักทีได้ไหม
ฉันเติมคิ้วให้ไม่ได้ ”
ทิฟฟานี่หายใจฟึดฟัดเมื่อเธอพยายามจะเติมคิ้วให้แบคฮยอนหลายต่อหลายครั้งแต่มันก็ทำไมได้สักทีเมื่อเจ้าตัวเขาเอาแต่ขมวดคิ้วเข้าหากันอยู่แบบนี้
จนเธอชักจะโมโห
“ ฉันจะพูดตรง ๆ นะ...ฉันอยากเจอแทยอน ”
ทิฟฟานี่หยุดชะงักมือที่วุ่นอยู่กับการเติมคิ้วแบคฮยอนก่อนจะจ้องมองคนตรงหน้า
ไม่รู้ทำไมทุกครั้งที่มองแบคฮยอนภาพของแทยอนที่กำลังร้องไห้ด้วยความเจ็บปวด
แบคฮยอนทำกับแทยอนไว้มากแต่แทยอนก็ไม่เคยหยุดรักแบคฮยอนสักที
ทิฟฟานี่เองอยากจจะเกลียดแบคฮยอนแต่เธอกลับทำไม่ได้อาจจะเป็นเพราะคนตรงหน้าคือคนที่เพื่อนรัก
แต่ก็เป็นคน ๆ เดียวกับที่ทำให้เพื่อนของเธอตายทั้งเป็น ทิฟฟานี่ไม่เคยลืมว่าแทยอนร้องไห้และเจ็บปวดแค่ไหนกับผู้ชายคนนี้ไม่ว่าจะอดีตหรือปัจจุบัน
แทยอนก็ยังคงเดือดร้อนเพราะผู้ชายคนนี้เสมอ
“ ทำงานวันนี้ให้เสร็จ แล้วฉันจะพานายไปหาแทยอนทันที
”
“ มันไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับแทยอนใช่ไหม
บอกฉันสิว่าแทยอนสบายดี ”
“ แค่ทำตามที่ฉันบอกถ้าอยากเจอแทยอน ”
น้ำเสียงที่ติดจะเหวี่ยงนิด ๆ ของทิฟฟานี่ทำแบคฮยอนเลิกเซ้าซี้แล้วยอมนั่งนิ่ง ๆโดยไม่พูดอะไรให้ทิฟฟานี่จัดการใบหน้าของเขาต่อ
ก้อนเนื้อตรงอกข้างซ้ายของแบคฮยอนกำลังสั่นไหว มันไม่ใช่เพราะเขาตื่นเต้นกับงานเปิดโรงเรียนแต่เขากำลังกลัวความรู้สึกตัวเอง
ความรู้สึกหวิว ๆ เหมือนกับว่าแทยอนกำลังออกห่างจากตัวเขาไปเรื่อย ๆ
และจะไม่มีวันหวนกลับมาอีก มันยังเป็นความรู้สึกที่หลากหลายแต่มืดมัวราวกับหลุมดำจนทำให้เขากลัว
กลัวว่าจะไม่ได้เจอแทยอนอีก
หลังจากที่แต่งตัวเสร็จทิฟฟานี่ก็ขอตัวออกไปจัดการงานอื่น
ๆ ต่อส่วนคนอื่น ๆ ก็แยกย้ายกันไปทำตามหน้าที่ของตัวเองกันจนหมดแต่แบคฮยอนกลับยังนั่งอยู่ที่เดิมไม่ขยับเขยื้อนไปไหน
เขาไม่ได้กำลังอ่านสคริปต์หรือทำความเข้าใจกับตัวเลกของโรงเรียนอยู่
แต่เขากำลังนั่งอยู่นิ่ง ๆ ปล่อยให้สมองทำงานโดยการคิดถึงแทยอน
อาจจะเพราะคำขู่ของยุนอาที่เคยขู่เอาไว้เมื่อนานมาแล้วเลยทำให้แบคฮยอนกลัว
ถึงทิฟฟานี่จะพูดออมาแบบนั้นแต่เชื่อสิว่าภายในใจของแบคฮยอนมันไม่ได้ชื่นขึ้นเท่าไหร่นักหรอก
ถึงเขาจะพูดออกไปแล้วว่าจะไม่หยุ่งกับแทยอนอีกแต่เขาก็อยากจะเจอเธอ
อยากเห็นหน้าเธอให้รู้ว่าเธอยังสบายดีก็เท่านั้น
แต่นี่อะไรเขาไม่เห็นแม้แต่เงาของแทยอน แถมทุกคนยังพยายามที่จะหลีกเลี่ยงเขาเวลาที่ถามถึงแทยอนอีก
แบบนี้เขาจะหลอกตัวเองให้ไม่คิดอะไรได้ยังไง มันไม่มีทางเป็นไปได้หรอก
“ แบคฮยอน คุณมานั่งทำอะไรตรงนี้คะ...คุณพ่อคุณแม่มึงแล้วนะ
ทุกคนกำลังรอคุณอยู่ ” เสียงหวาน ๆ บวกกับรอยยิ้มที่แสนสวยของยุนอาปรากฏขึ้นทำให้แบคฮยอนหลุดจากภวังค์
ร่างสูงพยักหน้าช้า ๆ ก่อนจะลุกขึ้นเต็มความสูง
หยิบกระดาษสคริปต์แล้วเดินไปหายุนอา
“
ได้ข่าวว่าไปหายุนที่ฮาวายเหรอคะ? คุณไม่เห็นต้องไปตามเลย เพราะยุนกลับมาตั้งนานแล้ว
”
ยุนอาพูดพรางเอียงคอมองร่างสูงอย่างน่ารักก่อนจะเอื้อมมือไปควงแขนอีกคน
วันนี้ยุนอาสวมชุดเดรสยาวสีขาวเกาะอกปล่อยผมยาวเป็นลอนแต่งหน้าอ่อน ๆ ไม่ได้แต่งเติมอะไรมากแต่เธอกลับดูสวยโดดเด่นเป็นจุดต้องสายตาจนใครต่อใครที่เดินผ่านไปมาต่างก็เหลียวหลังมอง
“ ผมก็ไปวันเดียวกับที่ยุนนั่งเครื่องกลับนั่นแหละ
บางทีเครื่องที่เรานั่งอาจจะสวนกันระหว่างทางก็ได้นะครับ ”
แบคฮยอนบอกยิ้มแต่น้ำเสียงกลับบ่งบอกเป็นนัย ๆ ว่าเขากำลังประชดยังไงอย่างงั้น “
วันนี้คุณสวยจังเลยนะครับ แต่จะดีกว่ามากถ้าไม่โป๊ ”
“ หวงเหรอคะ? ช่วงนี้ออกตัวแรงนะ
ปกติคุณไม่เห็นสนใจฉันเลย ”
“ คุณเป็นคู่หมั้นผมหนิ ทำไมผมถึงจะไม่สนล่ะ ”
“ ฉันรู้คะว่าคุณมันเป็นพวกปากอย่างใจอย่าง แบคฮยอนคะวันก่อนฉันไปหาแทยอนมาค่ะ
”
จู่ ๆ ยุนอาก็โพล่งขึ้นเรื่องของแทยอนทำให้แบคฮยอนหยุดเดินแล้วหันกลับมามองยุนอาอย่างตั้งคำถาม
ยุนอาส่งยิ้มทื่อ ๆ ที่ดูไม่มีพิษมีภัยให้กับแบคฮยอน
ร่างสูงก้มลงสบตากับร่างเล็กหวังจะมองสิ่งที่อยู่ภายใต้ดวงตาคู่นั้น
แต่ทว่ามันกลับไม่มีอะไรอยู่เลย
ยุนอากลายเป็นคนที่ดูออกอยากแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่
ปกติเวลาที่เธอมีแผนอะไรมันก็จะออกมาทางแววตาให้พอเดาได้ตลอดแต่นี่อะไรกลับว่างเปล่าและเยือกเย็นเสียจนน่ากลัว
“ คุณไปหาแทยอนทำไม? ”
“ ฉันไปขอโทษ...ขอโทษที่เคยทำเรื่องไม่ดีกับเธอไว้
แล้วเธอก็ให้อภัยฉันด้วยค่ะ ”
“ เมื่อไหร่... ”
“ ทันทีที่กลับมาถึงเกาหลีค่ะ ตอนนั้นมันดึกมาก ๆ
ฉันกำลังจะกลับเข้าห้องแต่เห็นว่าชานยอลพึ่งออกมาจากห้องของแทยอน ฉันก็เลยคิดว่าแทยอนยังไม่นอยเลยเข้าไปหาเธอ
ขอโทษเธอ คุยอะไรกันนิดหน่อยแล้วก็กลับเข้าห้องไปนอนค่ะ ”
แบคฮยอนพยักหน้ารับช้า ๆ ไม่ได้พูดอะไรก่อนจะสาวเท้าตั้งหน้าตั้งตาเดินอย่างเดียวจนตัวเขาและยุนอามาถึงห้องโถงที่ตึกใหญ่ของโรงเรียน
ตามทางเดินถูกตกแต่งด้วยดอกไม้โทนสีขาวสีสันสวยงามด้วยความหรูหราสลับกับปูนปั้นรูปทิงเกอร์เบวสีขาว
นักเรียกทุกคนต่างแยกย้ายกันทำหน้าที่ของตัวเอง ทั้งประจำบูธขายของ ประจำบูธอาหารและร้านขายของที่ระรึกรวมไปถึงบูธใหญ่ของงานคือบูธการแสดง
ที่มีทั้งเต้น ร้องเพลงและแสดงประวัติต่าง ๆ ของโรงเรียน
“ แบคฮยอน! ”
เสียงเรียกที่แสนจะคุ้นหูดังขึ้นทำให้แบคฮยอนต้องหันหลังกลับไปมองก็พบกับร่างสมส่วนของซองกยู
ประธารนักเรียนสุดโหดที่กำลังถือสมุดโน๊ดอะไรบางอย่างมองมาทางเขา
“ คุณเข้าไปก่อนนะ
ผมขอไปหาซองกยูก่อนแล้วเดี๋ยวจะตามเข้าไปทีหลัง ”
“ ค่ะ... ”
ยุนอาตอบแค่นั้นก่อนจะปล่ยมือที่ควงแขนแบคฮยอนออกแล้วเดินเข้างานไป
ส่วนแบคฮยอนก็หันหลังกลับไปหาซองกยูที่ยืนทำหน้านิ่งมองมาที่เขาอยู่ ถ้าใครที่ไม่รู้จักหมอนี่ก็คงคิดว่าซองกยูแบดบอยนั่นแหละ
แต่ในความเป็นจริงมันกลับตรงกันข้ามเพราะซองกยูทั้งใจดีและซื่อสัตย์
จะติดก็ตรงที่มันชอบทำหน้านิ่งกวนอวัยวะเบื้องล่างของคนอื่นเนี่ยแหละ
“ ว่าไงครับคุณชาย...หายหัวไปไหนมาเอ่ย
ทำไมถึงให้ผมรับงานหนักอยู่คนเดียว ”
น้ำเสียงที่แสนกวนฝ่าเท้าถูกพ่นออกมาจากประธารนักเรียนผู้มีมาดสุดนิ่ง ซองกยูเท้าเอวมองอีกคนอย่างเอื่อยเฉื่อยเมื่อเห็นว่าแบคฮยอนทำหน้าเบื่อโลกและไม่มีอารมณ์ที่จะเล่นอะไรมากนักกับเขา
“ ไปตามคู่หมั้นสุดที่รักที่ฮาวาย... ”
“ ปากหมา...แล้วแทยอนล่ะ? ”
ซองกยูพูดทีเล่นทีจริงก่อนจะเปิดขวดน้ำแล้วกระดกกินพรางยื่นให้แบคฮยอนต่อ
อันที่จริงที่แบคฮยอนกล้าพูดอะไรแบบนี้กับเขาเป็นเพราะเขากับแบคฮยอนค่อนข้างสนิทกันพอสมควรเผลอ
ๆ อาจจะสนิทกว่าชานยอลและเซฮุนด้วยซ้ำ
เพราะไม่ว่าแบคฮยอนมันต้องการอะไรไม่พอใจอะไรมันก็ใช้เขาจนหมด
“ คนนั้นเมีย... ”
“ ถามจริงตอนอยู่กับคนอื่นแกพูดแบบนี้ป่าววะ...ปากหมาแบบนี้บ่อยไหม?
”
“ ไม่อ่ะ...คิดถึงแทยอนว่ะ อยากเจอ อยากกอด
อยากคุยด้วย ไม่ได้เจอมาหลายวันแล้วโคตรคิดถึงเลย ”
แบคฮยอนพูดด้วยน้ำเสียงตัดพ้อพรางกระดกน้ำเข้าปากหลาย
ๆ อึกก็ทำให้รู้สึกชื่นขึ้นมานิดหน่อย บางทีซองกยูอาจจะเป็นคนใกล้ตัวเพียงคนเดียวที่รู้เรื่องของเขาดีที่สุดก็ได้
ทั้งเรื่องในอดีตและในปัจจุบัน
“ ฉันว่าแกควรตัดใจจากแทยอนได้แล้วนะ ไม่งั้นคนที่เจ็บที่สุดน่าจะเป็นแก
”
“ อะไรวะ...ทำไมวันนี้มีแต่คนพูดจาแปลก ๆ
ทำไมฉันต้องตัดใจอะไรบ้า ๆ นั่นด้วย ”
“ นี่พูดแบบนี้แสดงว่าแกยังไม่รู้เรื่องงั้นหรอ?
” ซองกยูมองแบคฮยอนด้วยสายตาที่ไม่อยากจะเชื่อสักเท่าไหร่
ไม่น่าละแบคอยอนถึงได้กล้าพูดถึงเรื่องแทยอนโดยไม่รู้สึกตะขิดตะขวางใจแบบนี้
เป็นเพราะยังไม่มีใครบอกถึงเรื่องที่แทยอนประสบอุบัติเหตุสินะ
“ อะไร เรื่องอะไร?
มีอะไรเกิดขึ้นกับแทยอนระหว่างที่ฉันไม่อยู่อย่างนั้นเหรอ? ”
“ เห้ยแบคฮยอน!
งานเริ่มแล้วว่ะ รีบเข้าไปในงานเถอะ ” ซองกยูดันหลังแบคฮยอนให้เดินเข้าไปในงานแต่ทว่าแบคฮยอนกลับขืนตัวเอาไว้สุดแรง
ทำไมเขาถึงรู้สึกใจหวิวขึ้นมาอีกแล้วล่ะ ตกลงว่าเกิดเรื่องกับแทยอนจริง ๆ ใช่ไหม
ทุกคนถึงได้มีท่าทีและพูจาแปลก ๆ กับเขาแบบนี้
“ เกิดอะไรขึ้นกับแทยอน! แกบอกมาสิ
เงียบทำไม! ได้ ถ้าแกไม่บอกฉันจะไปดูให้เห็นกับตาเอง ”
แบคฮยอนพูดจบก็ทำท่าจะวิ่งออกไปยังอีกทางที่เป็นทางตรงไปยังหอพักที่แทยอนพักอยู่ ทว่ากลับโดนรั้งตัวไว้ด้วยเสียงเย็นของผู้เป็นพ่อเสียก่อน
“ อย่าเป็นเด็กที่ไม่มีมารยาทพยอน แบคฮยอน แกกลับเขาไปในงานเดี๋ยวนี้
ตอนนี้คณะกรรมการกำลังถามหาแกอยู่ รีบเข้าไปซะก่อนที่พวกเขาจะไม่พอใจไปมากกว่านี้
”
“ พ่อ... ”
“ เออฉันเอง...ดีใจที่แกยังจำฉันได้นะ ช่วงนี้แกเป็นอะไรไป
ทำไมแกทำอะไรก็พลาดไปหมด ถ้าเกิดงานนี้แกทำฉันเสียหน้า
ฉันจะส่งมินอาไปเข้าโรงเรียนประจำที่จีน ”
เพราะโดนขู่ไปแบบนั้นทำให้แบคฮยอนจำใจต้องหันหลังกลับแล้วเดินกลับเข้าไปในงาน
ถ้างานวันนี้จะพัง เขาก็พร้อมที่จะโดนด่าโดนวิจารณ์โดนต่าง ๆ นา ๆ อยู่แล้วเพราะถึงงานจะล่มหรือไม่ล่มมันก็ไม่ได้แย่ไปกว่าที่เป็นอยู่หรอกต่างกันก็ตรงที่ว่าจะแย่ในระดับไหนก็เท่านั้นเอง
*
“ เธอ... โอเครไหม? ”
ชายหนุ่มร่างสูงเอ่ยถามร่างบอบบางของหญิงสาวที่นั่งหลับตาอยู่บนม้านั่งข้างบูธการแสดง
แต่ถึงไม่ถามเขาก็พอจะเดาออกแหละว่าเธอคงไม่โอเคร เพราะดูจากสีหน้าแล้วมันก็บ่งบอกทุกอย่าง
คนที่พึ่งเจอเรื่องที่คิดว่าแย่ที่สุดในชีวิตมาอย่างเธอจะเอาอะไรที่ไหนมาบอกว่าสบายดี
การที่พูดแบบนั้นมันเป็นการโกหกที่มีมีคำว่าโกหกตัวโต ๆ ติดอยู่บนหน้าผากนั่นแหละ
“ ฉันดูเหมือนคนที่โอเครเหรอปาร์ค ชานยอล... ”
“ งั้นเรื่องที่ฉันจะเล่าเก็บเอาไว้ก่อนแล้วกัน เมื่อไหร่ที่เธอดีขึ้นแล้วฉันจะเล่าให้ฟัง
”
“ มีอะไรที่แย่กว่านี้อีกเหรอ นายเล่ามาเถอะ
ฉันฟังได้...ถ้าให้ฉันเดาคงเป็นเรื่องของแทยอนใช่ไหมล่ะ ”
“ อืม.. ”
ชานยอลพยักหน้ารับก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งข้าง ๆ
ทิฟฟานี่พรางจะถอนหายใจออกมายาวเยียด เมื่อนึกถึงเรื่องที่เขาพึ่งได้ยินมาจากอี้ฟาน
สิ่งที่แย่กว่านี้คงไม่มีอีกแล้วอย่างที่ทิฟฟานี่บอกนั่นแหละและคนที่น่าสงสารที่สุดก็คงไม่พ้นตัวต้นเรื่องอย่างแทยอนกับแบคฮยอน
“ ระหว่างที่ฉันเล่า ฉันให้ยืมไหล่ ซบได้นะ ”
พูดจบก็ใช้มือหนาจับหัวอีกคนให้โน้มลงมาซบไหล่
จนกลายเป็นว่าตอนนี้ทิฟฟานี่กำลังซบชายยอลอยู่ซึ่งเธอก็ไม่ได้คิดจะขัดขืนหรือปฏิเสธแต่ประการใด
“ จำได้ไหมว่าก่อนหน้านี้เรากำลังพยายามทำอะไรกันอยู่...
”
“ ช่วยเพื่อนฉันให้พ้นข้อกล่าวหา แล้วก็เปิดโปงพวกยุนอา
”
“ ใช่... ตอนนี้เราทำสำเร็จแล้วนะ แต่ไม่ใช่เรื่องของแทยอน
เรามีหลักฐานมากพอที่จะจัดการกับพวกไอ้เอส คยูฮยอนแล้วก็ยุนอาแล้ว แต่เรื่องของแทยอนเมื่อสองปีก่อน
มันไม่ใช่เรื่องเข้าใจผิด แทยอนเป็นคนทำจริง ๆ ”
ชานยอลพูดเสียงแผ่วแต่ทิฟฟานี่กลับได้ยินมันเต็ม ๆ ราวกับว่าชานยอลกำลังตะโกนบอกเธอในระยะที่ใกล้จนมันก้องวนเวียนไปมาในหัวของเธอซ้ำ
ๆ
“ นายว่าไงนะ... แทยอนเนี่ยนะจะโกงแบคฮยอน
มันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ ๆ ”
“ ฉันก็อยากจะให้เป็นแบบนั้นนะทิฟฟานี่
แต่มันเป็นความจริง แทยอนทำมันจริง ๆ และแบคฮยอนมันก็รู้ด้วย และมันนั่นแหละเป็นคนที่เก็บหลักฐานทั้งหมดไว้
ไม่ให้ใครสาวเรื่องถึงตัวแทยอนได้...มันถึงได้เจ็บมากแล้วก็แค้นมากแบบนี้ไง ”
ชานยอลบอกเสียงอ่อน
ในตอนแรกที่เขาได้ยินเขาก็มีอารมณ์ที่ไม่ต่างจากทิฟฟานี่นักหรอกจนอี้ฟานเอาหลักฐานเอกสารพร้อมคลิปจากกล้องวงจรปิดที่ขโมยมาจากห้องทำงานของแบคฮยอนให้เขาดูเท่านั้นแหละ
เขาถึงได้เชื่อ...แบคฮยอนรักแทยอนมากถึงขนาดช่วยปกปิดความผิดให้
ไม่น่าล่ะถึงได้เจ็บฝังใจแบบนี้...
ถ้าเกิดเขาเป็นแบคฮยอน เขาก็คงจะโกรธแทยอนเอามาก ๆ
ที่มาหักหลังกันได้ แต่แน่นอนว่าแทยอนต้องมีเหตุผลอะไรสักอย่างที่ต้องทำแบบนั้นแน่
อีกอย่างคนที่มีแนวโน้มว่าจะโกงแบคฮยอนจริง ๆ นั่นก็คือยุนอาแต่กลับกลายเป็นว่าคือแทยอน
มันยิ่งไม่น่าเชื่อเข้าไปใหญ่
“ ฉันไม่รู้หรอกนะว่าแทยอนจะทำแบบนั้นไปทำไม
แต่ฉันเข้าใจว่าแบคฮยอนมันคงรักแทยอนมากอ่ะ
มันถึงได้ปิดเรื่องเอาไว้ถึงมันจะแค้นมากก็เถอะ ”
“ ใช่ เขารักเพื่อนฉันมาก เขาทรมาณเพื่อนฉัน ทำให้เพื่อนฉันต้องนอนร้องไห้
เขาทำให้เพื่อนฉันเดือดร้อนหลายต่อหลายครั้ง... ความรักของเขาเป็นแบบนี้ใชไหม ”
ทิฟฟานี่พูดเสียงสั่นเหมือนคนกลั้นร้องไห้ไว้เต็มที จนชานยอลกลืนน้ำลายอีกใหญ่ลงคตั้งแต่รู้จักทิฟฟานี่มาเขาไม่เคยเห็นทิฟฟานี่เยือกเย็นและอ่อนไหวขนาดนี้มาก่อนเลย
มันเลยทำให้เขายิ่งใจสั่น
“ ทิฟฟานี่... เรื่องนั้นมันผ่านมาแล้วนะ อย่าขุดอดีตที่มันผ่านไปแล้วขึ้นมาอีกเลย
”
“ ใช่สิ คนที่เจ็บคือเพื่อนฉันหนิ นายบอกว่าฉันขุดอดีต
นายต่างหากล่ะที่ขุดมันขึ้นมาพูด หาหลักฐานได้ตอนนี้แล้วไง ยังไงเพื่อนฉันก็ตายไปแล้ว
จะมาเอาอะไรกับแทยอนอีกหะ! ”
ร่างเล็กตะหวาดเสียงดังลั่นพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว
ตั้งแต่เกิดเรื่องวันนั้น
ทุกครั้งที่เอ่ยชื่อของแทยอนมันก็เหมือนมีก้อนอะไรมาจุกอยู่ที่ลำคอทำให้เธอพูดไม่ออกและเจ็บจุกอยู่ลึก
ๆ ในหัวใจราวกับโดนค้อนอันใหญ่ทุบลงตรงอกข้างซ้ายแรง ๆ จนเธอระบมไปทั้งใจ แทยอนไม่ใช่แค่เพื่อน
แต่แทยอนคือครอบครัว การจากไปของแทยอนไม่ได้มีแค่คนสองคนเท่านั้นที่เสียใจ
แต่มันคือทุกคนที่มีแทยอนอยู่ในความทรงจำต่างก็เจ็บปวดไปตาม ๆ กัน
“ ฉันเปล่านะฟานี่ ถ้าฉันทำให้เธอเสียใจฉันขอโทษ...
” ชานยอลเอ่ยเสียงแผ่วพรางดึงคนตัวเล็กเข้ามากอดปลอบมือหนาลูบที่กลุ่มผมนุ่มสลวยอย่างแผ่วเบา
ไม่รู้ทำไมเขาถึงได้รู้สึกเจ็บปวดไปตาทิฟฟานี่ทั้งที่มันก็ได้ได้เกี่ยวอะไรกับเขามากมายขนาดนั้น
“ นาย ฮึก จะมาขอโทษฉันทำไม ฮึก นายไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย...
”
“ เธอเลิกร้องไห้ได้แล้วนะ แล้วไปพักผ่อน...เย็นนี้ต้องไปงานศพไม่ใช่เหรอ
เก็บแรงเอาไว้เถอะอย่าพึ่งเป็นอะไรไปอีกคนล่ะ...ดูเหมือนว่าเย็นนี้เราต้องเจอศึกหนักนะ
”
“ ไม่ว่าจะช้าหรือเร็วยังไงแบคฮยอนก็ต้องรู้เรื่องนี้อยู่ดี
เราปิดเขาไม่ได้ตลอดหรอก ”
“ ชานยอล... ”
ทิฟฟานี่เอ่ยเรียกชื่อชานยอลเบา ๆ
อย่างคนที่มีอะไรในใจ ตอนนี้ในหัวของเธอมันมีอะไรหลาย ๆ อย่างที่ทำให้เธอกังวลกระวนกระวายใจไปหมด
มันไม่มีอะไรที่จะมาแบ่งเบาภาระความกังวลใจของเธอได้เลย
“ นายนึกภาพออกไหม
ว่าถ้าแบคฮยอนรู้เรื่องนี้มันจะเป็นยังไง... ”
“ มันก็คง... ”
*
Baekhyun’ Part
ตอนนี้เป็นเวลาหนึ่งทุ่มกว่า ๆ ผมกำลังจะเดินไปหาทิฟฟานี่ที่น่าจะรอผมอยู่ที่ห้องประชุมกับชานยอล...เธอบอกว่าจะพาผมไปหาแทยอนถ้างานวันนี้จบ
แต่กว่ามันจะจบก็ปาไปทุ่มกว่าอย่างที่ทุกคนเห็นเนี่ยแหละ
แถมงานวันนี้มันผ่านไปได้ด้วยดีซะที่ไหน มีใครหลาย ๆ คนที่จ้องจะเล่นงานผมโดยเอาข้อผิดพลาดแต่หนหลังขุดมาพูดใหม่
แต่เพราะผมเตรียมตัวมาดีจึงไม่ยากที่จะรับมือ
ถ้าถามว่ามเหนื่อยไหมเพลียไหมตอบเลยครับว่ามาก
แต่ผมอยากเจอแทยอนผมอยากจะเห็นหน้าเธอแค่เสี้ยวหลังก็ยังดี แค่ได้รู้ว่าเธอปลอดภัยดีผมว่ามันก็โอเครแล้ว
ผมไม่รู้หรอกว่าตอนนี้แทยอนอยู่ที่ไหนแต่ที่แน่ ๆ คือเธอไม่ด้อยู่เนเวอร์แลนด์แน่นอน
แถมตอนงานวันนี้เซฮุนและคนอื่น ๆ ที่เป็นเพื่อนของแทยอนยังทำหน้าหงอย ๆ ไม่เห็นสนุกกับงานวันนี้เลย
แบบนี้จะไม่ให้ผมคิดมากได้ไงล่ะ
ตอนนี้ผมล้าเต็มทนแล้ว ตานี่แทบจะปิดลงทุกทีที่เผลอ
ผมรู้สึกได้ถึงความร้อนตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย
คิดว่าเมื่อไหร่ที่ได้เห็นแทยอนปุ๊บผมคงจะทิ้งตัวลงนอนตรงนั้นแล้วปล่อยให้ชานยอลมันลากผมกลับบ้าน
ยิ่งใกล้จะได้เจอผมก็ยิ่งใจเต้นรู้สึกหวิว ๆ
ยิ่งกว่าการรอเจอแทยอนวันนั้นที่สวนสนุกเสียอีก
จริง ๆ วันนั้นผมตั้งใจจะขอเธอเป็นแฟนอีกครั้งต่อด้วยพิธีหมั้นเล็ก
ๆ อันที่จริงผมเตรียมทุกอย่างไว้แล้วแหละทั้งชุด สถานที่ ทั้งคน และ
พยานคนสำคัญที่ผมอย่างให้เธอรับรู้ว่าผมรักใคร ก็ยัยตัวน้อยมินอาไงล่ะ แต่แทยอนกลับปฎิเสธมันทำให้ผม...
ผมแทบจะทรุดตังลงกับพื้นเลยล่ะเมื่อรู้ว่าเธอปฎิเสธมัน
ผมเข้าใจดีว่าแทยอนทำแบบนั้นทำไมเพราะเธอเห็นแก่ผม แต่เมื่อผมมีโอกาสอีกครั้งที่จะทำแบบนั้นผมกลับทำมันพังโดยการทิ้งเธอไว้ที่สวนสนุก
ผมทิ้งแม้กระทั้งมินอา ผมนี่มันใช้ไม่ได้จริง ๆ
ไม่ว่าจะการเป็นพ่อที่ดีหรือแฟนที่ดีก็ตามผมพลาดทั้งสองอย่างเลย
ใช้เวลาไม่นานผมก็เดินมาถึงห้องประชุมที่เปิดไฟสว่างท่ามกลางความืด
ท้องฟ้าสีดำสนิทที่มีพลอยระยิบระยับประดับอยู่มันช่างสวยและเงียบสงบจริง
แต่แน่นอนว่าสำหรับผมแล้วมันเทียบไม่ได้ครึ่งเลยกับผู้หญิงที่ผมกำลังจะไปหาในตอนนี้
“ ทำไมทุกคนถึงใส่ชุดสีดำกันหมดอ่ะ
ไว้ทุกข์ให้ใคร ใครตายเหรอ? ” ผมถามขึ้นเมื่อเห็นพวกมันทุกคนพร้อมใจกันใส่สุดสีดำ
ถ้าไม่บอกผมคิดว่าพวกมันกำลังไว้อาลัยให้ใครสักคนอยู่นะเนี่ย “ แต่จะใส่เพราะอะไรก็ช่าง
จะพาฉันไปหาแทยอนได้ยัง ”
เพราะผมอยากเจอแทยอนมากฉะนั้นผมไม่สนใจหรอกว่าพวกพี่
ๆ น้อง ๆ ของผมทั้งหลาย เพื่อนผมน้องผมแล้วก็พวกทิฟฟานี่จะใส่ชุดสีอะไรกันมันไม่เกี่ยวกับผมสักหน่อย
แต่ทำไมแค่พาผมไปหาแทยอนแค่นี้ต้องยกกันไปทั้งหมดนี่ด้วย พวกผมทั้งสิบสองคน
ทิฟฟานี่ เจสสิก้า ซันนี่ เยริ แล้วก็แทฮยองก็ด้วย ทำไมต้องยกกันไปหมด..
“ เออทำไมไปกัน... ”
“ จะไปไหม ถ้าไปอย่าถามมาก.. ”
ผมกำลังจะเอ่ยถามแต่ว่าทิฟฟานี่พูดขึ้นมาขัดผมซะก่อนทำให้ผมต้องจำใจเดินตามพวกเขาไป...ผมว่ามันต้องมีอะไรสักอย่างแน่
ๆ ผมชักจะใจไม่ดีแล้วสิ
“ แบคแกนอนไปนะ เดี๋ยวพอถึงฉันจะปลุกแกเอง ” ชานยอลมันบอกผมตอนที่เราเดินมาถึงรถแล้ว
เชื่อสิถึงมันไม่บอกผมก็นอนอยู่ดี เหนื่อยขนาดนี้แล้วยังไงผมก็ขอเอาแรงก่อนแล้วกัน
นอนให้เต็มตาก่อนที่จะได้เจอแทยอน ผมจะวิ่งเข้าไปกอดเธอแน่น ๆ เลยตอยดูสิ
“ ก่อนจะนอนฉันขอถามไรอย่างได้ไหม? ”
“ อะไรล่ะ... ”
“ แทยอนลาออกจากโรงเรียนเหรอ?
ทำไมแกต้องพาฉันไปเจอแทยอนนอกโรงเรียน แล้วทำไมถึงไปกันเยอะขนาดนี้
เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ? ”
“ ถามเยอะขนาดนี้แกกลัวไม่รู้เหรอแบคฮยอน... แกนอนไปเลยไป
กว่าจะไปถึงที่นั่นมันใช้เวลาพอสมควร ”
ชานยอลไม่ตอบคำถามของผมแต่กลับไล่ให้ไปนอนแทน
ผมจ้องหน้ามันผ่านกระจนหน้ารถทว่ามันหลบตาผมและเสมองไปที่อื่นแทน
เกิดอะไรขึ้นกันแน่ แฟนผมทั้งคนทำไมไม่มีใครคิดจะบอกอะไรให้ผมรับรู้
มันทำแบบนี้เท่ากับกีดกันผมให้กลายเป็นไอ้หน้าโง่เลยนะเว้ย ตั้งแต่เมื่อเช้าแล้วนะ...
แต่ผมจะทำอะไรได้ล่ะในเมื่อไม่มีใครยอมบอก
“ อืม... ”
ผมตอบมันแค่นั้นก่อนจะปิดเปลือกตาลง
ถึงตาผมจะปิดแต่ใจผมยังไม่หลับผมยังคงคิดไปเรื่อยเปื่อย จะให้ผมหลับลงได้ยังไงในเมื่อผมยังไม่รู้เลยว่าแทยอนเป็นตายร้ายดียังไง
พวกมันจะใจร้ายกับผมไปถึงไหนวะ
จู่ ๆ ผมก็ได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ จากสมุนไพรลอยมาเข้าจมูก
ให้เดานะไอ้ชานยอลมันรู้ว่าผมยังไม่ทันหลับมันเลยเอายาสลบสูตรธรรมชาติมาใช้กับผมแน่
ๆ เพราะผมรู้สึกได้ถึงละอองน้ำที่กระทบเข้าหน้าเต็ม ๆ
แต่ก่อนผมจะหลับผมก็ได้ยินมันพูดถึงผม
โดยที่ผมไม่เคยรู้ตัวมาก่อนว่าผมก็เป็นอย่างที่มันพูดด้วย
“ ตั้งแต่แทยอนเข้ามา นี่แกเปลี่ยไปเยอะเลยนะแบคฮยอน
อย่างน้อยชีวิตแกก็ไม่ได้เหมือนเมื่อก่อนว่ะ... ”
แต่ทว่าประโยคหลังนั้นมันกลับ...
“ แต่เสียใจด้วยเพื่อน ต่อไปนี้มันไม่ใช่แล้ว...
”
มันหมายความว่ายังไงกัน...ทำไมจู่ ๆ ในหัวผมมันถึงมีภาพงานศพของใครบางคนขึ้นมา
บีบหัวใจสุด ๆ ทำไมถึงได้โหดร้ายแบบนี้ แบคแทของชั้นควรมีความสุขได้แล้วไม่ใช่เหรอ ยัยไรท์เตอร์ใจร้าย
ความคิดเห็น