คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : My Peter Pan: Chapter9
XXX Club
1:00 AM
เสียงเพลงจังหวะเร็วบวกกับแสงสีหลากหลายสีสันเป็นแสงสลัว
หนุ่มสาวมากหน้าหลายตาต่างอัดแน่นเบียดเสียดกันในคลับแห่งนี้ กลิ่นเหล้าคละคลุ้งกับกลิ่นบุหรี่ตลบอบอวรไปทั่วทุกพื้นที่...เอสจับมือแทยอนให้เดินฝ่าฝูงชนเข้าไปยังโซนวีไอพีด้วยความอยากลำบากเพราะจำนวนคนที่มากบวกกับนี่เป็นการเข้าผับครั้งแรกของแทอนจึงทำให้เธอเกิดอาการหวั่นนิด
ๆ ในหัวใจ
เอสเปลื่อยจากจับมือเป็นโอบไหล่ร่างเล็กไว้แน่นกันไม่ให้พวกขี้เมาทั้งหลายแตะต้องตัวเธอได้
แต่น่าแปลกที่อ้อมกอดของเอสไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยขึ้นมาเลยสักนิด
กลับกันมันกับทำให้เธอยิ่งรู้สึกกลัวเข้าไปใหญ่เพราะถึงยังไงเอสก็ยังเป็นเอสอยู่วันยังค่ำ
ต่อให้พูดดีแค่ไหน ทำดีแค่ไหนยังไงซาตานร้ายก็ยังเป็นซาตานอยู่ดี
ก่วาเอสจะพาแทยอนออกมาจากวงล้อมได้ก็เล่นเอาเหงื่อตกไปตาม ๆ
กัน...เอสยิ้มขำกับท่าทางของคนตัวเล็ก หลังจากนี้แทยอนคงจะทำท่าน่ารัก ๆ
แบบนี้ไม่ได้ไปอีกสักพักใหญ่ ๆ เลยล่ะมั้ง ถ้าเธอเข้าไปหาแบคฮยอนในตอนนี้
" ยัยตัวเล็ก เกือบโดนคนพวกนั้นเบียดแล้วรู้มั้ย
สูงอยู่แค่นี้ถ้าหลงขึ้นมาคนอื่นเขาจะเข้าใจผิดเอานะว่ามีเด็กหลงเขามาในผับ "
" เอ่อ ค่ะ ว่าแต่รุ่นพี่อยู่ห้องไหนหรอคะ
พาแทไปได้หรือยัง "
" ห้องนั้นไงครับ
ที่เขียนว่าปีเตอร์แพนน่ะ...แทไปคนเดียวได้ใช่มั้ย
พี่ไม่อยากหยุ่งกับมันเท่าไหร่กลัวกลั้นฝ่ามือไม่ได้ "
" ค่ะ แทไปคนเดียวได้...ขอบคุณพี่เอสมากนะคะ "
ร่างเล็กเดินไปตามที่เอสบอก ห้องที่เขาว่านั้นมันไม่ได้อยู่ไกลมากนัก
ประตูบานใหญ่สีแดงเลือดนกเปิดแง้มออกมาเล็กน้อยทำให้เห็นสิ่งที่อยู่ภายในได้นิดหน่อย...แทยอนยืนกลั้นใจอยู่สักพักก่อนจะพลักประตูเข้าไป
เพื่อที่จะได้คุยกับเขาให้รู้เรื่องเสียที
ทว่าภาพที่เห็นทำให้ร่างเล็กชะงักกลางอากาศ ร่างกายเหมือนถูกแช่แข็ง
ขอบตาเล็กเริ่มร้อนผ่าวอีกครั้ง มือไม้สั่นเครือเหมือนคนหมดเรี่ยวแรง
หัวใจเต้นแรงผิดปกติ
ตอนนี้สภาพจิตใจของเธอเหมือนคนที่โดนพายุลูกใหญ่เท่าดาวอังคารโหมกระหน่ำเสียจนพังยับเยินยิ่งกว่าโดยสิบล้อทับสามสี่รอบซะอีก
" อะ...อื้ม "
" บะ...แบค...แบคฮยอน "
ร่างสูงของชายหนุ่มกำลังชุกไช้ใบหน้าลงตามชอกคอเลื่อนลงไปบนเนินหน้าอกของญิงสาว
ไม่ต้องดูอะไรให้มากเธอรู้ว่าแบคฮยอนกำลังเมา
แต่ทำไมถึงต้องทำอะไรแบบนี้กับยุนอาด้วยล่ะ...นั่นคือสิ่งที่แทยอนไม่เข้าใจ
" รุ่นพี่... "
แทยอนเอ่ยเสียงสั่น...พังแล้ว ทุกอย่างมันพังหมดแล้วจริง ๆ
แบคฮยอนไม่เหลือแม้แต่เยื่อใยที่เคยมีให้เธอ
ทำไมแบคฮยอนถึงเปลื่ยนใจได้รวดเร็วขนาดนี้
หรือในใจของเขาไม่เคยมีเธออยู่ตั้งแต่แรก
แทยอนเธอน่าจะนึกถึงความจริงข้อนี้ที่ว่าคนเราไม่มีทางลืมรักแรกได้หรอก
และแบคฮยอนเองเขาก็คงไม่อยากจะลืมมันด้วยซ้ำมั้ง
แบคฮยอนที่ดูเหมือนจะขาดสติไปแล้วผละออกจากยุนอาก่อนจะยกแก้วขึ้นมากระดกเข้าปากรวดเดียวหมด
พลันสายตาเหลือบมาเจอร่างเล็กที่ยืนกำชายกระโปรงตัวเองแน่น
ร่างสูงเดินมาหาคนตัวเล็กที่ยังยืนน้ำตาคลอเบ้าอยู่ตรงประตู
ส่วนยุนอาเองก็กำลังใส่กระดุมเสื้ออยู่พอใส่เสร็จแล้วจึงหันไปยกยิ้มมุมปากให้กับแทยอน
ก่อนจะยกแก้ววายขึ้นมาถือไว้ในมือแล้วแกว่งไปมาอย่างสบายอารมณ์
" เธอ...มาทำอะไรที่นี่! ฉันบอกแล้วใช่มั้ยว่าฉันไม่อยากเห็นหน้าเธออีก...ออกไปซะ!
”
" ไม่
ฉันไม่ไปไหนทั้งนั้น...รุ่นพี่เอาแต่คิดไปเองโดยไม่สนใจว่าความจริงมันจะเป็นยังไง
แล้วทำไมฉันต้องฟังด้วย! "
"
ฉันไม่สนว่าเธอจะแก้ตัวยังไง...แต่ฉันจะไม่ฟังคำโกหกหลอกลวงอะไรจากเธออีกแล้วเข้าใจมั้ย!
" น้ำเสียงที่บ่งบอกว่าเขาเริ่มเมาแล้วทำให้คนตัวเล็กเริ่มมีน้ำโหที่เขาพูดแบบนี้อาจเป็นเพราะเขาดื่มเข้าไปมาก
แต่ก็ใช่ว่าตอนนี้เขาจะไม่มีสตินี่นา
" ฟังฉันบ้างได้มั้ยคะ
รุ่นพี่คิดว่าที่ผ่านมาฉันโกหกหลอกลวงงั้นหรอ?
ถ้าวันนี้รุ่นพี่เชื่อในสิ่งที่รุ่นพี่เห็น แล้วที่ผ่านมาตลอดเวลาที่ฉันอยู่กับรุ่นพี่ล่ะ?...รุ่นพี่ลองมองหน้าฉันดี
ๆ สิคะแล้วบอกว่าผู้หญิงคนนี้กำลังโกหกหลอกลวงเล่นละครกับรุ่นพี่อยู่
มองสิคะรุ่นพี่จะหลบตาฉันทำไม ในเมื่อรุ่นพี่เชื่อในสิ่งที่ใจรุ่นพี่บอก
งั้นก็ช่วยบอกฉันทีว่าตอนนี้หัวใจของรุ่นพี่มันบอกว่าไง "
" หยุดสักทีได้มั้ย เธอจะพูดให้มันได้อะไรขึ้นมา
อยากรู้ใช่มั้ยว่าตอนนี้ใจฉันมันพูดว่าไง
ฉันจะบอกให้เอาบุญนะว่าตอนนี้ฉัน...เกลียดเธอ ฉันไม่อยากเห็นหน้าเธอ
ออกไปจากชีวิตฉันซะ จะไปตายที่ไหนก็ไป
ผู้หญิงมารยาอย่างเธอฉันไม่อยากจะคุยด้วยให้เสียสุขภาพจิต "
" รุ่นพี่หยุดหลอกตัวเองซักทีเถอะ! "
ร่างเล็กแผดเสียงลั่นพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาราวเขื่อนแตก
แทยอนรู้ตัวว่าตอนนี้เธอควบคุมสติของตัวเองไม่อยู่แล้วและถ้าจะเจ็บก็ต้องเอาให้เจ็บถึงที่สุด
แบคฮยอนเป็นคนทำลายหัวใจเธอและเขาก็กำลังจะทำมันให้กลายเป็นผุยผงในไม่ช้า
" รุ่นพี่จะหลอกฉันหรือหลอกใครก็ได้
แต่รุ่นพี่คิดหรอว่ารุ่นพี่หลอกตัวเองได้...ความจริงก็คือความจริงอยู่วันยังค่ำ
ถ้าวันนึงรุ่นพี่มารู้ทีหลังในตอนที่ไม่มีฉันแล้วก็ขอให้รู้ไว้เลยนะว่ารุ่พี่ทำมันพังเอง
และที่สำคัญคือฉันกับพี่เอสเราไม่มีอะไรกัน ฉันมีใจดวงเดียว มอบให้ใครก็จะเป็นของคนนั้นตลอดไป
ไม่เหมือนรุ่นพี่ ถ้ายังรักรุ่นพี่ยุนอาอยู่แล้วมาทำให้ฉันรักทำไม
มาดูแลมาใส่ใจมาให้ความหวังฉันทำไม! "
" โธ่เว้ย! "
เพล้ง!
แบคฮยอนปาแก้วที่อยู่ในมือไปที่ฝาพนังตรงที่แทยอนยืนอยู่จนเธอสะดุ้งตัวด้วยความตกใจ
ทำให้เอสรีบวิ่งเข้ามาทันทีเพราะเป็นห่วงความปอดภัยของคนตัวเล็ก
เขาแค่ต้องการให้ทะเลาะกันเท่านั้นแต่ไม่คิดว่าแบคฮยอนจะขาดสะติได้ถึงขนาดนี้
บ้าไปแล้ว
" ฉันจะพูดเป็นครั้งสุดท้าย...ออกไปซะ
ถ้าจะให้ดีคือหายไปจากชีวิตฉันตลอดกาลเลยก็ได้
เพราะถ้าฉันเห็นหน้าเธออีกแค่ครั้งเดียวฉันอาจจะติดคุกข้อหาฆ่าคนตายก็ได้
และอีกอย่าง ขอร้องล่ะเลิกพูดว่ารักฉันสักที ฟังแล้วมันสะอิดสะเอียน "
" เอาเลยสิค่ะ รุ่นพี่ฆ่าฉันเลยสิ ตอนนี้ฉันก็ไม่ต่างอะไรจากคนที่ตายแล้วนั่นแหละ
ยืนอยู่ทำไมล่ะคะ เอาเลยสิ "
" ... "
" ได้ ถ้ารุ่นพี่อยากให้ฉันหายไปจากชีวิตนักล่ะก็
รุ่นพี่ก็จะไม่เห็นฉันอีก อยากให้ฉันเกลียดรุ่นพี่นักใช่มั้ย...ได้
ตอนนี้ฉันก็ชักจะเกลียดรุ่นพี่ขึ้นมาแล้วสิ เกลียดมาก เกลียดที่สุด
ได้ยินมั้ยคะว่าเกลียด! "
ร่างเล็กหันไปหาเอสแล้วโน้มคอร่างสูงลงมา
ริมฝีปากบางประกบเข้าปากหนาของอีกฝ่าย
ไม่นานนักแทยอนก็พลักเอสออกแล้ววิ่งออกด้านนอกโดยไม่หันมามองแบคฮยอนอีก...เธอทำไปเพราะขาดสติ
แต่คนที่ยังมีสติกลับเจ็บปวดอย่างบอกไม่ถูก
พลั่ก!
เสียงก้อนเนื้อกระทบกับผนังทำให้เอสหันไปมองต้นตอของเสียงก็พบว่าแบคฮยอนกำลังต่อยฝาอยู่...เอสใช้นิ้วเกลี่ยตรงริมฝีปากก่อนจะยกยิ้มให้กับแบคฮยอนอย่างเยาะเย้ย
และนั่นยิ่งเพิ่มโทสะให้แบคฮยอนรู้สึกอยากฆ่าคนมากยิ่งขึ้น
" ไม่น่าล่ะแกถึงได้ติดใจ
หอมหวานขนาดนี้ฉันไม่ปล่อยไปง่าย ๆ หรอกไอ้หน้าโง่! "
เอสทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก่อนจะเดินตามแทยอนออกไป...ตอนนี้ในห้องมีเพียงแบคฮยอนและยุนอาแค่สองคน
ร่างสูงทำท่าจะเดินออกไปแต่กลับถูกมือเรียวของยุนอาคว้าเอาไว้ทำให้เขาต้องหยุดและหันกลับมามองหน้าเธอด้วยความไม่พอใจ
ยุนอายกมือข้างที่แบคฮยอนต่อยผนังขึ้นมาซับจูบทั่วบริเวณ...หญิงสาวใช้สายตาช้อนมองแบคฮยอนก่อนจะเอื้อนเอ่ยบางอย่างที่แบคฮยอนไม่อยากได้ยินซักเท่าไหร่ออกมา
" เห็นแล้วใช่มั้ยว่าเด็กนั่นร้ายแค่ไหน
ทีนี้รู้แล้วใช้มั้ยว่าใครรักคุณมากที่สุด ตาสว่างได้แล้วสินะ "
แทยอนวิ่งออกมาจากผับไม่รู้ว่าไกลเท่าไหร่แล้ว
รู้ตัวอีกทีคือเธอมาหยุดอยู่ที่สะพานข้ามแม่น้ำฮัน ร่างเล็กทรุดลงตรงสะพาน
ปล่อยให้น้ำตาแห่งความเจ็บปวดไหลออกมาอย่างเต็มที่โดยไม่คิดจะปกปิด...แสงสีส้มจากเสาไฟทำให้เธอยิ่งรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบกำลังจะแหลกสลายในอีกไม่ช้า
สิ่งที่เธอต้องการในตอนนี้ไม่ใช่คำปลอบโยน ไม่ใช่คำหว่านล้อม
แต่เธอขอแค่ใครซักคนที่คอยอยู่ข้าง ๆ เป็นเพื่อนเธอและเข้าใจเธอก็แค่นั้น
ร่างเล็กได้แต่บอกกับตัวเองว่าเธอทำถูกแล้วที่พูดแบบนั้นออกไป
ถ้าแบคฮยอนยังลืมยุนอาไม่ไดยังไงซะสักวันนึงเธอก็ต้องเสียใจอยู่ดี
ไม่ว่าจะช้าหรือเร็วก็ตาม...แต่สิ่งที่เธอไม่เข้าใจคือทำไมแบคฮยอนต้องบอกว่าเธอเป็นคนขโมยเอกสารไปให้เอสเพียงเพื่อต้องการไล่เธอออกไปจากชีวิตแค่นั้นเองน่ะหรอ...แค่เขาพูด
แค่เขาบอกตรง ๆ เธอก็พร้อมจะจากไปโดยไม่ต้องมีอะไรค้างคาใจทั้งนั้น
ในเมื่อแบคฮยอนต้องการให้เธอออกไปจากจากชีวิตก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่เธอจะอยู่ที่นี่ต่อไป
มันคงถึงเวลาที่เธอจะได้ทำหน้าที่ลูกที่ดีสักที
บางทีการที่เธอตอบตกลงไปเรียนต่อที่ฝรั่งเศสกับทิฟฟานี่อาจจะช่วยให้เธอลืมเรื่องเลวร้ายพวกนนี้ก็ได้
และวันนี้ก็อาจจะเป็นวันสุดท้ายที่เธอจะได้มองหน้าคนที่เธอรักได้อย่างเต็มตา
เธอแค่อยากจะร่ำรา
ไม่ว่าวันนี้หรือวันพรุ่งนี้แบคฮยอนจะเกลียดเธอมากแค่ไหน
แต่เชื่อสิว่าแทยอนจะไม่มีทางเกลียดเขาได้
และเธอจะยังคงเป็นทิงเกอร์เบวของแบคฮยอนอยู่เสมอไป ไม่ว่าเขาจะเป็นเช่นไรก็ตาม...สิ่งที่เธอทำไปทั้งหมดส่วนนึงมันเป็นเพราะอารมณ์ชั่ววูบและส่วนนึงคือเธอไม่อยากเจ็บปวดไปมากกว่านี้อีกแล้ว
แค่ได้รู้ว่าแบคฮยอนยังรักยุนอาอยู่ความหนักหน่วงทั้งหมดก็ถาโถมเข้ามาสุมในจิตใจไม่หยุด
ลาก่อนนะคะปีเตอร์แพนของฉัน
ไม่ว่าจะวันนี้หรือวันไหน ๆ ฉันขอสัญญาว่าจะเป็นทิงเกอร์เบวของรุ่นพี่ตลอดไป จะรัก
จะคอยเฝ้ามองดูรุ่นพี่ด้วยใจแบบนี้ตลอดไป
ฉันสัญญาค่ะ
BAEKHYUN PARK '
ผมล่ะเกลียดไอ้แสงตะวันบ้านี่จริง
ๆ ทำไมมันต้องมาปลุกผมแต่เช้าด้วยเนี่ย คนกำลังนอนสบายมันไม่รู้บ้างรึไงว่ามันส่องแสงมาขัดความสุขของผมเนี่ย...ผมกระพริบตาขึ้นลงสองสามครั้งเพื่อปรับรูรับแสงที่ตาก่อนจะกว้านแขนไปข้าง
ๆ ตัวตรงที่มีร่างเล็กของใครบางคนนอนอยู่ แต่ก็พบกับความว่างเปล่า
แทยอน
ยัยตัวแสบเธอหายไปไหนอีกแล้ว!
ผมผุดลุกขึ้นมานั่งทันที
ความงัวเงียเมื่อกี้ก็หายไปจนหมด...ยัยนั่นกล้าดียังไงมาหนีผมไป คอยดูนะผมจะลงโทษให้เข็ดเลย
พอมองดูนาฬิกาก็พบว่าตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงกว่า ๆ แล้วแสดงว่าแทยอนออกไปตั้งนานแล้วสินะ
ผมเดินมาที่ห้องครัวเพื่อจะมากินน้ำแต่ทว่าก็ต้องชะงักเพราะสายตาของผมมันบังเอิญไปสะดุดเข้ากับชามข้าวต้มที่วางไว้บนโต๊ะ...อะไรนี่ยัยนั่นทำอาหารให้ผมหรอ
ผมเปลี่ยนเป้าหมายจากตอนแรกที่จะเดินไปหาตู้เย็นก็เป็นเดินไปที่โต๊ะกินข้าวแทน
บนโต๊ะมีโน้ตสีเหลืองสดแปะอยู่ด้วยตัวหนังสือที่เรียงรายสวยงามเดาไม่ยากเลยว่าของแทยอนแน่นอน
ผมอ่านในใจโดยไม่ออกเสียงก่อนจะเผยยิ้มออกมาเพราะข้อความข้างในโน้ตนั่น
' ขอบคุณมากนะคะที่รุ่นพี่เฝ้าไข้ให้ฉัน ตอนนี้ฉันดีขึ้นแล้ว ฉันทำข้าวต้มไว้ให้ด้วย
ฉันรู้ว่ายังไงรุ่นพี่ก็ต้องกินถึงรุ่นพี่จะบอกว่าไม่กินเอาไปเททิ้งแล้วแต่รุ่นพี่โกหกตัวเองไม่ได้หรอกค่ะ
เพราะฉะนั้นกินซะนะ...อ้อ แล้วอีกอย่างรุ่นพี่น่ะทำผิดนะคะ บอกว่าเกลียดฉันแต่นอนกอดฉันทั้งคืนเนี่ยผิดเต็ม
ๆ '
"
ยัยบ้า... "
ผมยิ้มขำกับกระดาษโน้ตก่อนจะเอาไปเก็บไว้ที่โต๊ะหัวเตียงแล้วเดิมมานั่งลงที่โต๊ะกินข้าว
ยัยเด็กนี่รู้ทันผมไปซะหมด...ถ้าจะให้นับก็นานแล้วนะที่ผมไม่ได้กินข้าวฝีมือของแทยอน
จะเป็นอะไรไหม? ถ้าผมจะบอกว่าคิดถึงมันมากแค่ไหน ไม่ใช่แค่คิดถึงรถชาติ แต่ผมคิดถึงทุก
ๆ อย่าง คิดถึงใบหน้าสวยหวาน คิดถึงรอยยิ้มที่สดใส คิดถึงความขี้อ้อนน่ารักและขี้เล่นของเธอ...คิดถึงคำพูดและอ้อมกอดอันแสนอบอุ่นของยัยตัวแสบที่มีให้ผมเสมอ
แต่นั่นมันก็แค่เมื่อก่อน...แค่เมื่อก่อนเท่านั้น
ตอนนี้ณ
ปัจจุบันทุกอย่างมันไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป แม้จะต้องโกหกใจตัวอีกกี่ร้อยกี่พันครั้งก็ต้องโกหกแบบนั้นต่อไปเพราะมันเป็นทางเดียวที่ผมทำได้...ผมอาจจะเป็นคนโง่มากก็ได้นะที่ชอบวิ่งหนีใจตัวเอง
ทั้ง ๆ ที่ผมแค่ลืมเรื่องในอดีตที่ผ่านมาแล้วยอมรับไปตรง ๆ ว่าผมยังรักแทยอนอยู่แค่นั้น...ผมเองก็จะไม่ต้องมาทนเจ็บปวดทุกครั้งที่คิดว่าสักวันนึงผมจะต้องเสียเธอไปและจะไม่ได้เห็นรอยยิ้มของเธออีก
แต่มันก็ไม่ถูกไปซะหมดเพราะใจนึงผมก็เกลียดเธอ...ผมควรจะทำยังไงดี
คิดแค่นี้...ทำไมมันถึงทำให้หัวใจของผมบีบรัดแน่นขนาดนี้ล่ะ
ผมสบัดหัวแรง
ๆ ไล่ความคิดฟุ้งซ่านออกจากหัวให้หมด นี่ผมกำลังคิดอะไรของผมอยู่ผมกำลังจะใจอ่อนกับแทยอนงั้นเรอะ...ไม่มีทาง!
ผ้าสีดำยังไงสีดำก็คือสีดำมันไม่มีทางแปรเปลี่ยนเป็นสีขาวไปได้
เว้นซะแต่ว่า...ผมจะฟอกสีมัน
ผมหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาก่อนจะจรดปลายนิ้วกดเบอร์ที่ผมรู้ดีว่าเป็นของใครแม้จะไม่เชฟชื่อก็ตาม...ผมจำเบอร์มันได้เสมอแหละไม่จำป็นต้องเมมไว้ในโทรศัพท์
[ ฮัลโหล ว่าไงพี่...ลมอะไรพัดให้คุณชายแบคฮยอนโทรมาหาผมเนี่ย? ]
"
ไม่ต้องพูดมาก ฉันจะโทรมาถามเรื่องที่ฉันสั่งให้แกทำ ตกลงว่าไง
"
[
จะใช้งานทั้งทีพูดให้ดี ๆ หน่อยสิครับ...ตอนนี้ผมเจอเธอแล้วก็น่ารักดีนิ ไม่เห็นจะร้ายเหมือนที่พี่พูดเลย
]
“
แกมองหน้าแล้วรู้นิสัยคนได้ตั้งแต่เมื่อไหร่? ”
[
เออ โอเคร เธออาจจะเป็นพวกหน้าซื่อใจคดก็ได้พอใจยัง? ]
“
แล้วตงลงงานที่ขอให้ช่วยอ่ะจะช่วยไหม? ”
[ โห
นี่คือขอแล้ว?...แต่ช่างเหอะ ผมตกลงก็แล้วกัน แต่ก่อนอื่นผมขอถามอะไรหน่อยสิ ]
“ ว่ามา
”
[ พี่แน่ใจนะว่าไม่ได้รักพี่สาวคนนั้นแล้วจริง
ๆ อ่ะ ถ้าไม่ได้รู้สึกอะไรกับเขาแล้วพี่จะไปหยุ่งกับเขาทำไม ทำไมไม่ปล่อยเขาไปซะ ]
ผมสตั้นไปหลายวิกับคำถามที่ผมก็ยังหาคำตอบไม่ได้...จะให้ผมตอบว่าอะไรล่ะ
ถ้าถามว่ารักไหม? ก็ยังรักอยู่ แต่ถ้าถามว่าผมเกลียดไหม? ผมก็ไม่ถึงกับเกลียดหรอก...แค่ตอนนี้ผมยังปล่อยวางเรื่องในอดีตไม่ได้แค่นั้นเอง
[ เงียบแบบนี้...นี่พี่ยังรักพี่สาวคนนั้นอยู่ใช่มั้ย? ถ้าไม่ใช่พี่จะให้ผมไปทำแบบนั้นทำไม
จริงไหมล่ะ? ]
“ ไม่ใช่!
ฉันแค่อยากรู้ว่ายัยนั่นทำอะไรบ้างตอนอยู่ลับหลังฉัน ก็แค่นั้น ”
[ แน่ใจนะ
]
“ เออ...แล้วแกก็ช่วยเริ่มตั้งแต่วันนี้ด้วยนะ
ถ้ามีอะไรผิดปกติก็ให้โทรหาได้ตลอด เข้าใจไหม? ”
[ ถึงพี่ไม่บอกผมก็ตั้งใจว่าจะเริ่มวันนี้นี่แหละ...ว่าแต่ตอนนี้พี่สาวคนสวยยังอยู่กับพี่รึเปล่าครับ ]
“ เปล่า
แทยอนกลับไปแล้ว...แต่เดี๋ยวนะ! แกรู้ได้ยังไงว่าแทยอนอยู่กับฉัน ”
[ เขาก็รู้กันทั้งโรงเรียนนั่นแหละครับว่าเมื่อวานพี่อุ้มพี่แทยอนออกมาจากสระว่ายน้ำ
พี่เขาเพลียมากหรอครับถึงได้อุ้มกันออกมาดึกซะขนาดนั้น แถมเมื่อวานทั้งวันพี่ก็เอาแต่อยู่ในห้องไม่ยอมออกมาอีก
คงหมดแรงอ่ะดิ ]
โห นี่ทีมข่าวโรงเรียนมันเขียนข่าวขนาดนี้เลยหรอ?
นี่ผมพยอน แบคฮยอนนะไม่มีความเกรงใจกันเลยรึยังไง คอยดูเถอะผมจะจัดการไอ้พวกนี้ให้เข็ดหลาบ...ป่านนี้คนเขาจะมองแทยอนยังไงวะเนี่ยโดยเฉพาะ
ยุนอา ถ้ารู้เรื่องเข้าล่ะแย่แน่
“ เรื่องนั้นช่างมันเหอะ
ว่าแต่แกถามทำไมเหรอว่าแทยอนอยู่กับฉันรึเปล่า ”
[ ก็ผมมาดักรอตั้งแต่เช้าแล้วยังไม่เห็นวี่แววของเขาเลยหนิครับ
ก็เลยนึกว่ายังไม่ออกมาจากห้องของพี่ ]
“ อะไรนะ!
แทยอนไม่ได้อยู่ที่ห้องของตัวเองเหรอ? แล้วยัยนั่นหายไปไหน ”
[ เอ้า!
พี่มาถามผมแล้วจะให้ผมไปถามใครล่ะ ก็พี่อยู่กับเขาเป็นคนสุดท้ายไม่ใช่หรอ? ]
“ มันจะเป็นไปได้ยังไงที่ยัยนั่นจะไม่ได้กลับห้องก็ในเมื่อแทยอนออกไปตั้งแต่เช้าแล้วนิ
ทำไมยังไม่ถึงห้องอีกล่ะ ”
[
แล้วผมจะไปรู้ได้ไง สงสัยเขาไปหาเพื่อนมั้ง ]
“ งั้นแค่นี้แหละ
”
[ เดี๋ยวก่อนครับพี่แบค! ] ผมกำลังจะกดวางสายเดี๋ยวความรีบร้อนแต่ทว่าดันถูกปลายทางเรียกไว้เสียก่อน...ไอ้บ้าเอ้ย!
มันจะเรียกผมไว้ทำไมอีกวะ!
“ อะไรวะ!
”
[ ถ้าพี่เบื่อที่จะแก้แค้นพี่แทยอนเมื่อไหร่
ผู้หญิงคนนี้ผมขอนะครับ...ขอบคุณครับ ]
“ ไอ้...
”
ผมหยุดคำที่จะด่าไอ้น้องสารเลวไว้แค่นั้นก่อนจะถอนหายใจออกมาแรง
ๆ พร้อมกับกดวางสาย นี่มันขอกันง่าย ๆ ขนาดนั้นเลยหรอ? ไอ้บ้าเอ้ย! นี่ผมคิดผิดหรือคิดถูกที่ให้มันทำงานให้เนี่ย...ถ้าเกิดมันชอบแทยอนขึ้นมาอีกคนละก็น่าดู...แค่เท่าที่มีตอนนี้ผมก็ปวดหัวจะตายอย่แล้ว
อย่าสร้างปัญหาให้ผมเพิ่มอีกเลย
ถึงผมจะไม่ได้รักเธอแต่ผมก็ทนไม่ได้ที่เห็นใครต่อใครมาควงเธอไปต่อหน้าต่อตา...ฉะนั้นตราบใดที่ผมยังอยู่และแทยอนยังไม่ไปไหน
ใครหน้าไหนก็ไม่มีสิทธิ์ได้ตัวเธอไปทั้งนั้น
ผมหวง!!!!
ร่างเล็กเดินยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ออกมาจากห้องของแบคฮยอน
ผู้ชายที่บอกว่าเกลียดเธอนักเกลียดเธอหนาจนแทยอนไม่อยากจะอยู่ใกล้ให้รู้สึกใจเสียเล่น...แต่ทว่าตอนนี้เธอรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูกที่เมื่อวานได้อยู่กับเขาทั้งวัน
เดินไปยิ้มไปราวกับคนบ้าจนคนที่เดินผ่านไปมามองเธอด้วยสายตาแปลก ๆ
นี่เธอกำลังฝันไปรึเปล่าที่อยู่ดี
ๆ แบคฮยอนมาทำดีกับเธอ แต่ถ้านี่เป็นความฝันจริง ๆ มันก็คงจะเป็นฝันที่ดีที่สุดในรอบสองปีเลยล่ะเพราะเธอได้นอนข้าง
ๆ แบคฮยอน ได้ทำอาหารเช้าให้เขากิน และที่สำคัญคือแบคฮยอนนอนเฝ้าไข้ให้เธอจนหายดี...ถ้าไม่ใช่ความคิดที่เข้าข้างตัวเองเกินไป
การที่เขาทำแบบนั้นมันจะแปลเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้นอกจากแบคฮยอนกำลังเป็นห่วงเธอ
ร่างบางเดินออกมาจากตึกซึ่งเป็นที่พักของเหล่าทายาทเรื่อย
ๆ เธอไม่รู้เลยว่าที่นี่มันอยู่ส่วนไหนของโรงเรียน ผู้คนที่เดินผ่านไปมาก็น้อยมากจนแทบจะไม่มีเลยก็ว่าได้...จะว่าไปแล้วที่นี่ก็ไม่ต่างอะไรกับปราสาทในเทพนิยายดี
ๆ นี่เองเพราะตัวคฤหาสน์ที่ถูกสร้างมาในรูปทรงที่สวยงามทำให้ดูอลังการ ต้นไม้หลากหลายสายพันธุ์ถูกบรรจุลงลงในพื้นหญ้าสีอ่อนที่ดูเข้ากับสภาพแวดล้อมส่งผลให้ทุกอย่างดูสวยงามอย่างไร้ที่ติ
แทยอนเดาไม่ถูกจริง
ๆ ว่าเธอควรจะไปทางไหนดีเพราะเส้นทางทุกสายที่รายล้อมรอบตัวมันก็เหมือนกันหมด เธอจึงตัดสินใจที่จะเดินไปทางด้านหลังของตึกเพราะคิดว่านั่นอาจจะเป็นทางเชื่อมไปยังหอพระจันท์
หอที่เธออยู่ก็เป็นได้
แทยอนในชุดกระโปรงเลยเข่าสีขาวก้าวเท้าเข้าไปเรื่อย
ๆ แต่ยิ่งเดินก็เหมือนยิ่งออกมาไกลทุกที รอบตัวเธอยังคงเป็นทุ่งหญ้าสีเขียวขจีเหมือนเดิมแต่ที่แปลกคือมันร้างผู้คนและดูเหมือนที่นี่จะเป็นสวนของโรงเรียนที่มีไว้ให้นักเรียนมานั่งเล่น
แต่ทว่ากลับดูร้างมากกว่าเหมือนไม่ค่อยมีใครมาเลย
“
ทำไมดูร้างจังแต่ก็ไม่ได้รกเท่าไหร่นี่นา ดูใหม่ออก ”
ร่างเล็กพึมพำกับตัวเองเบา
ๆ ก่อนเดินไปหยุดที่ริมลำธารขนาดเล็กพรางย่อนตัวลงใต้ร่มไม้ขนาดใหญ่ บรรยากาศโดยรอบกำลังดีมีลมพัดเบา
ๆ ทำให้ทิวทัศน์แถวนี้น่ามองมากขึ้น แสงแดดอ่อน ๆ ยามเช้าทำให้เธออยากจะนั่งชมนกชมไม้แถวนี้นาน
ๆ จนลืมเรื่องกลับหอไปซะสนิท...แทยอนมองไปรอบ ๆ ให้มั่นใจว่าที่นี่ปลอดคนแล้วจริง ๆ
จึงเอนตัวลงนอน
ถ้าหากที่เจ้าของที่แห่งนี้ไม่ว่าอะไรเธอขอใช้ที่นี่เป็นที่ประจำที่เธอจะมาอยู่เวลาที่ต้องการอยู่คนเดียวก็แล้วกันนะ...
“ อากาศสดชื่นดีจัง...รู้สึกดีที่สุดเลย!
” เมื่อสมองนึกอะไรดี ๆ ออกแทยอนจึงลุกขึ้ยยืนอีกครั้งแล้วมองไปยังท้องฟเก่อนจะตะโกนลั่นฝ่าสวนกว้างโดยไม่จำเป็นต้องกลัวว่าใครจะได้ยินเพราะมันไม่มีใครอยู่ตรงนี้
แทยอนยิ้มอย่างนึกสนุกรอยยิ้มเล็กผุดขึ้นบนใบหน้าสวยหวาน...ถ้าเกิดเธอด่าหรือระบายอะไรออกไปก็ไม่มีใครสามารถรับรู้ได้นะสิ
“ ไอ้รุ่นพี่บ้า! บ้าที่สุด!! คิดว่าคนอื่นเขาเป็นก้อนหินเหมือนตัวเองรึไงถึงได้ชอบล้อเล่นกับความรู้สึกของคนอื่นแบบนี้น่ะ!
”
“
อิตาบ้าแบคฮยอน ไอ้รุ่นพี่ขี้เก๊ก! บ้าจริง ๆ เลย ฉันไม่คิดเลยนะว่ายังจะมีคนแบบรุ่นพี่อยู่บนโลกใบนี้ด้วย
คนอะไรหน้าตาอย่างกะเทพบุตรแต่นิสัยอย่างกะซาตาน...รุ่นพี่ใจร้ายมากเลยรู้มั้ยที่ทำแบบนี้กับฉัน!
แกล้งกันแบบนี้ได้ยังไง ไหนบอกว่าจะไม่ทำร้ายฉันไงไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม
แล้วตอนนี้มันคืออะไร ”
ตอนแรกเธอแค่จะตะโกนเอาสนุกแต่ทว่าพอแทยอนพรั่งพรูมันออกมาความคิดทุกอย่างกลับจุดประกายให้เธอโกรธขึ้นมาจริง
ๆ ซะงั้น...แต่ก็นะเธออยู่ที่นี่คนเดียว ฉะนั้นถึงร้องให้ตายยังไงแบคฮยอนก็ไม่ได้ยินอยู่ดี
อีกอย่างเขาก็ใจร้ายอย่างที่พูดจริง ๆ นั่นแหละ เถียงไม่ได้หรอก
“ ไอ้คนหลงตัวเอง!
คิดว่าทำร้ายจิตใจคนอื่นแล้วตัวเองมีความสุขมากงั้นสิ ไอ้คนไม่มีหัวใจ! คอยดูเถอะ ฉันจะเกลียดรุ่นพี่ให้ดู...เดี๋ยวก็ดีเดี๋ยวก็ร้าย
รู้มั้ยว่าฉันตามไม่ทันแล้ว ”
“ คิดว่าฉันอยากจะมามากรึไงไอ้โรงเรียนบ้าเนี่ย...ฉันไม่ได้อยากมามากนักหรอกนะ
เพราะว่าฉันทำอะไรก็ผิดไปซะหมดอีกหน่อยคงนั่งหายใจเฉย ๆ ก็ผิดแล้วมั้ง...พูดแล้วมันน่าโมโห
ใช่สิ ฉันไม่ใช่รุ่นพี่ยุนอาหนิที่ทำอะไรก็ถูกไปซะหมด ถ้ารักกันมากจนเป็นคู่หมั้นกันแล้ว
ทำไมไม่เอาไอ้สร้อยบ้า ๆ นี่ไปให้สุดที่รักของรุ่นพี่เลยล่ะ เอามาให้ฉันทำไมกัน! ”
ร่างเล็กร่ายยาวอย่างหัวเสียเมื่อนึกไปถึงเรื่องราวต่าง
ๆ ที่เกิดขึ้นกับเธอมากมายในโรงเรียนแห่งนี้...แทยอนเป็นพวกปากร้ายนะ แต่เธอแค่ไม่ค่อยชอบพูดก็เท่านั้น
แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่เธอได้พูดหรือพร่ามด่าใครออกมาล่ะก็ เธอจะไม่สามารถควบคุมตัวเองได้เลยล่ะ
หลายคนหรือแม้กระทั่งตัวเธอเองยังสับสนเลยว่าตกลงแล้วเธอเป็นคนยังไงกันแน่เพราะดูเหมือนว่าเธอจะมีหลากหลายมุมเหลือเกิน
จนคนรอบข้างตามแทบไม่ทันบางครั้งก็ใจดีบางครั้งก็เข้มแข็งไม่ยอมคนง่าย ๆ
แต่ไม่รู้ทำไมทุกครั้งที่อยู่ต่อหน้าหรือได้พูดคุยกับแบคฮยอนเธอจะกลายเป็นคนอ่อนแอในทันที
“ ไอ้โรงเรียนบ้า!
ไอ้โรงเรียนเฮงซวย! นักเรียนก็เฮงซวย หุ้นส่วนก็เฮง... ”
ฟึ่บ
ยังไม่ทันที่แทยอนจะได้พูดจบประโยคก็ต้องชะงักกลางอากาศเพราะจู่
ๆ ก็มีร่างสูงของชายหนุ่มโดดลงมาจากต้นไม้สูงใหญ่ตรงที่เธอยืนอยู่ ทำเอาแทยอนไปต่อไม่ถูกได้แต่ค้างอยู่อย่างนั้นเพราะไม่รู้จะพูดอะไรดี
“ หุ้นส่วนก็อะไรหรอ?
หืม? ”
ชายหนุ่มร่างสูงจ้องมองมายังร่างเล็ก
ดวงตาคมแฝงไปด้วยความน่าค้นหาชวนให้ผู้ที่พบเห็นใจสั่น จมูกโด่งเป็นสันรับกับใบหน้าเรียวทำให้ดูดียิ่งขึ้น
ปากหนาสีชมพูอ่อนน่าจุมพิตส่งผลให้ทุก ๆ ส่วนบนใบหน้าของเขาดูดีจนไร้ที่ติดุจดั่งเทพสร้าง
ใบหน้าคมคาย ผิวขาวละเอียดอ่อนบวกกับความสูงที่เป็นที่หมายปองของหญิงสาวทั่วไปทำให้เขาคนนี้ดูฮอตสุด
ๆ
“ เอ่อ...คือว่า
” ร่างเล็กอึกอักที่จะตอบคำถาม ดวงตาคู่สวยหลุบลงต่ำไม่กล้าสู้หน้าเขา ใบหน้าหล่อเหลาที่เต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์ทำให้แทยอนรู้สึกหวั่นจนไม่กล้าแม้แต่จะสบตา
ผู้ชายคนนี้ดูน่าเกรงขามอย่างบอกไม่ถูก
“ ฉันคุยกับเธออยู่นะ
”
ชายหนุ่มแปลกหน้าช้อนตามองร่างเล็กก่อนเปลี่ยนท่าทีจากที่ทำหน้านิ่งเป็นยิ้มหวานให้กับคนตัวเล็ก...ใบหน้าคมคายเลื่อนเข้ามาใกล้กับใบหน้าสวยหวานที่ตอนนี้เอาแต่ก้มหน้าก้มตาเพราะความกลัว
เหงื่อเม็ดเล็ก ๆ ผุดขึ้นเต็มใบหน้าและฝามือจมชุ่มไปหมด มือเรียวกำชายกระโปงเอาไว้แหน่นเพราะเธอไม่คิดว่าที่แห่งนี้จะมีคนอยู่แถมไปนอนเล่นอยู่บนต้นไม้แบบนั้นยิ่งแล้วใหญ่
“ กลัวหรอ? พี่ไม่ทำอะไรเราหรอกน่า ก็แค่ล้อเล่นนิดเดียวเอง ตื่นตูมไปได้ ”
“ คะ?
” ร่างเล็กค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นสบตากับร่างสูง มันยิ่งทำให้ใจเธอเต้นไม่เป็นจังหวะ เพราะใบหน้าคมคายอยู่ใกล้ชิดกับเธอจนสามารถรับรู้ได้ถึงลมหายใจอุ่น
ๆ ของกันและกัน...แทยอนใจเต้นไม่เป็นส่ำเพราะมีหลากหลายความรู้สึกปะปนกันอยู่ในจิตใจ
ตอนนี้เธอบอกไม่ถูกจริง ๆ ว่าตัวเองควรจะพูดหรือทำอะไรกันแน่
“ เรากลัวพี่จริง
ๆ ด้วย ” ชายหนุ่มแปลกหน้ายักไหล่เล็กน้อยก่อนจะเดินถอยหลังไปสองก้าว
เขาเสมองไปทางอื่นก่อนจะถอนพ่นลมหายใจออกมาทางปาก “ เป็นถึงลัคกี้ของแบคฮยอนแต่กลับมาตะโกนด่ามันแบบนี้...ถ้าแบคฮยอนรู้เข้าคงโกรธน่าดูเลยเนอะ
ว่าไหม? "
“ อย่าไปบอกรุ่นพี่แบคฮยอนนะคะ
” แทยอนโพล่งออกมาแทบจะทันที ความรู้สึกผิดที่เมื่อกี้เผลอไปทำตัวงี่เง่าค่อย ๆ
เล่นงานเธอทีละน้อยจนแทบทรุด “ นะคะ ฉันขอร้องล่ะอย่าเอาไปบอกรุ่นพี่นะคะ
เขาต้องโกรธมากแน่ ๆ ถ้ารู้ว่าฉันพูดอะไรไปบ้าง ”
“
ไม่รู้สิ ฉันอาจจะไม่บอก...หรืออาจจะบอกก็ได้ ”
“
โธ่ อย่าแกล้งฉันสิคะ แค่นี้เขาก็โกรธฉันจนไม่รู้จะโกรธยังไงแล้ว ”
“ ฉันไม่เอาเรื่องนี้ไปบอกเจ้าแบคมันหรอกหน่า
มันไม่ได้เกี่ยวกับฉันสักหน่อยทำไมฉันต้องทำให้ตัวเองเดือดร้อยโดยการเอาตัวเองไปหยุ่งกับพวกเธอสองคนด้วย...เธอเองก็เหมือนกัน
ระวังตัวเอาไว้หน่อยก็ดี เธอไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะพูดอะไรตามใจตัวเองได้นะ
โดยเฉพาะเรื่องของแบคฮยอน เข้าใจใช่ไหม? ”
“
เข้าใจค่ะ ต่อไปฉันสัญญาว่าจะไม่พูดแบบนี้อีก แต่ขอร้องนะคะอย่าเอาเรื่องนี้ไปบอกรุ่นพี่แบคฮยอนเลย
”
“ ก็ฉันบอกแล้วไงว่าจะไม่บอก
ไม่ต้องห่วงหรอกฉันไม่ใช่พวกปากมาก ไม่บอกก็คือไม่บอก...จะกลัวอะไรนักหนา ”
ชายหนุ่มแปลกหน้าพูดตัดรำคาญ
ร่างสูงยาวราวกับนายแบบที่ยืนนิ่ง ๆ
ทำให้แทยอนละสายตาไปที่อื่นไม่ได้นอกจากใบหน้าของเขา...มันเป็นธรรมดาของมนุษย์อยู่แล้วที่หญิงสาวจะเกิดอาการเช่นนี้เมื่อเจอชายหนุ่มที่มีหน้าตาเป็นสิ่งโดดเด่น
แทยอนยืนมองเขาอยู่สักพัก
เมื่อชายแปลกหน้าไม่มีทีท่าว่าจะพูดอะไรเธอจึงตัดสินใจที่จะเดินกลับเพราะพึ่งนึกได้ว่าในระแวกนี้มีแค่เธอกับเขาอยู่กันแค่สองคน
แทยอนไม่ได้กลัวว่าเรื่องอย่างว่ามันจะเกิดขึ้นเพราะดูจากหน้าตาและการพูดแล้วเขาคงไม่ใช่คนนิสัยแบบนั้นแต่ที่ต้องไปเพราะเธอไม่อยากจะอยู่ตรงนี้นาน
แทยอนกลัวว่าแบคฮยอนจะรู้เข้าแล้วมาโกรธเอา
“ เดี๋ยว
เธออย่าพึ่งกลับ ”
“ คะ? ”
“ อย่าพึ่งกลับตอนนี้ได้ไหม? ”
“ ทำไมหรอคะ? ” ร่างเล็กเลิกคิ้วด้วยความไม่เข้าใจ ความสงสัยก็ผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด
เขามีอะไรจะพูดกับเธออย่างนั้นเหรอ? หรือมีอะไรข้องใจต้องการที่จะคุยด้วย?
แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรแทยอนก็เต็มใจที่จะคุย
เพราะแทยอนสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นที่แผ่ออกมาจากตัวเขามากกว่าความร้ายกาจที่เธอไม่ควรเข้าใกล้
“ อยู่เป็นเพื่อนฉันน่ะ
ไม่มีใครหลงเขามาในนี้นานละ ฉันเหงา ”
“ ก็ได้ค่ะ
แต่คุณห้ามทำอะไรฉันนะ ”
“
อย่าเพ้อเจ้อ อ่านนิยายมากเกินไปแล้วหัดดูซีรี่ย์ซะบ้าง จะได้ไม่มีความคิดเชย ๆ
ในหัว ”
“
ฉันไม่ได้เชยสักหน่อย ไม่ได้อ่านนิยายด้วย
เรียนที่นี่มีเวลาให้นั่งอ่านนิยายซะที่ไหนเรียนหนักจะตาย ” แทยอนเบ้ปากเล็กน้อยก่อนจะคลี่ยิ้มออก
อันที่จริงก็อยากจะอ่านอยู่หรอกนิยายน่ะแต่เรียนที่นี่มันมีเวลาว่างให้เธอซะที่ไหน
เรียนบริหารธุรกิจหลักสูตรโรงเรียนเนเวอร์แลนด์มันหยุ่งยากจะตายหาเวลาดูทีวีสักสองชั่วโมงได้ก็ถือว่าเก่งแล้ว
“ ค่ะ ว่าแต่คุณชื่ออะไรเหรอคะ? ”
“
ชื่อจริงชื่อ อู๋ อี้ฟาน หรือเรียกสั้น ๆ ว่า พี่คริส ก็ได้
”
“
ค่ะพี่คริส...เอ่อว่าแต่ เมื่อกี้พี่คริสขึ้นไปทำอะไรบนต้นไม้หรอคะ ไปนอนเล่นหรอ?
”
“
อือ ฉันขึ้นไปนอนประจำอ่ะ ข้างบนมันเย็นดีไม่มีใครรบกวนด้วย...ว่าแต่เธอเถอะ
อยู่เป็นเพื่อนฉันได้แน่นะ? ”
“
ได้สิคะ วันนี้ฉันไม่มีเรียนอยู่แล้ว ”
“ งั้นมานั่งนี่สิ
” ร่างสูงเดินนำไปล้มตัวลงนั่งชังเข่าใต้ร่มต้นไม้ใหญ่ซึ่งเป็นต้นเดียวกับที่เขาปีนขึ้นไปนอนเล่น
พรางตบพื้นข้าง ๆ ตัวให้แทยอนลงไปนั่งด้วย “ อากาศที่นี่ดีเนอะ ” เขาเอ่ยพรางทอดสายตาไปยังลำธารที่อยู่ข้างหน้า
แววตาที่สุดแสนจะว่างเปล่าของเขาบัดนี้กลับเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข
อันที่จริงเขาก็มีความสุขทุกครั้งที่อยู่ที่นี่นั่นแหละ
“
ใช่ค่ะ อากาศที่นี่ดีมาก...ว่าแต่พี่คริสรู้จักฉันได้ยังไงเหรอคะ?
รู้ได้ไงว่าฉันเป็นใคร ”
“ มีใครบ้างในโรงเรียนนี้ที่ไม่รู้จักเธอ
เธอน่ะดังจะตาย เป็นเด็กใหม่ที่ฮอตสุด ๆ ไปเลย ”
เขาพูดติดตลกแต่สายตายังคงจ้องมองไปข้างหน้าเรื่อยเปื่อย
“ ขนาดนั้นเลยเหรอคะ
แล้วมันเป็นไปในทางที่ดีหรือไม่ดีล่ะคะ ”
“ ก็ทั้งคู่ล่ะมั้ง
แต่อย่าไปใส่ใจนักเลย
ใครมีปากก็พูดได้ทั้งนั้นแหละไม่มีใครในโลกนี้ที่ไม่เคยโดนนินทาหรอก
ฉันเองก็โดนอยู่บ่อย ๆ ”
“
นั่นสิเนอะ เรื่องที่ฉันโดนคงไม่พ้นเรื่องของรุ่นพี่แบคฮยอน
แล้วเรื่องของพี่คริสละคะ โดนนินทาว่าอะไรเหรอ? ”
“
อย่ารู้เลยมันไม่น่าฟังหรอก
แต่ถึงเธอจะไม่อยากรู้เดี๋ยวสักวันนึงเธอก็คงรู้อยู่ดีนั่นแหละ ”
“
หมายความง่ายังไงคะ ตกลงอยากให้ฉันรู้ หรือฉันไม่ควรรู้ ”
“
อ่า ฉันพูดไม่รู้เรื่องอีกแล้วสินะ...มันไม่มีอะไรหรอก แต่ฉันจะบอกอะไรเธอเอาไว้อย่าง
เรื่องบางเรื่องที่มันอยู่ในอดีต
ถ้ามันทำให้เธอต้องเจ็บปวดทุกครั้งที่นึกถึงก็ไม่ควรจะนึกถึงมันอีก
อย่าฝังตัวเองเอาไว้กับมัน ก้าวผ่านมันไปซะ
อย่าจมปลักกับมันไม่งั้นเธอจะไม่มีวันมีความสุขได้อย่างเต็มที่...เหมือนฉัน
”
จู่
ๆ แทยอนก็รู้สึกใจหวิวขึ้นมา
เมื่อกี้คริสอาจจะพูดถึงเรื่องตัวเองแต่ทำไมมันถึงตรงกับสิ่งที่เธอต้องเผชิญนักล่ะ
อดีตที่ทำให้เจ็บปวดงั้นหรอ? ต่อให้เธอจะหนีก็คงหนีไม่พ้นอีกแล้วล่ะเพราะแทยอนรู้ดีว่าไม่ว่าเธอพยายามจะลืมมันสักเท่าไหร่แบคฮยอนก็ยิ่งจะทำให้เธอจะมากขึ้นเท่านั้น
“
ในเมื่อพี่คริสรู้ตัวว่ากำลังจมอยู่ในอดีต ทำไมพี่ถึงไม่ก้าวออกมาจากตรงนั้นล่ะคะ
”
“
มันคือบทลงโทษน่ะ ฉันเลือกที่จะอยู่ตรงนี้เอง ฉันเลือกที่จะไม่ไปไหน
ฉันไม่ควรจะมีความสุขอีกนั่นคือสิ่งที่ฉันควรได้รับ ”
“
ไม่มีใครบนโลกสมควรได้รับความเจ็บปวดหรอกค่ะ แต่ก็ต้องยอมรับว่าความสุขกับความทุกข์มันเป็นของคู่กัน
ไม่เคยมีใครใช้ชีวิตโดยปราศจากความทุกข์หรอกค่ะ
แต่เราก็ไม่ควรปล่อยให้ความทุกข์อยู่กับเรานานเหมือนกัน ”
ร่างเล็กพูดไปมองหน้าอู๋
อี้ฟานไป ถึงแม้ตอนนี้เขาจะไม่ได้สบตากับเธอแต่แทยอนพอจะเดาออกว่าแววตาของเขาถ่ายทอดความเจ็บปวดออกมาชัดเจนขนาดไหน
ตอนนี้เธอเข้าใจแล้วว่าที่เขาต้องการให้เธออยู่ต่อไม่ใช่แค่การอยู่เป็นเพื่อน
แต่เพื่อปรับทุกข์ที่เขาอัดอั้นมานานกับหญิงสาวแปลกหน้าที่พึ่งเจอ
แทยอนไม่รู้ว่าควรจะปลอบใจเขายังไงเพราะเธอไม่รู้ว่าเขาต้องเผชิญกับอะไรมาบ้าง...สิ่งที่เธอทำได้ดีที่สุดคือให้คำแนะนำกับเขา
ซึ่งเป็นคำแนะนำที่เธอพูดได้แต่ไม่เคยใช้ได้กับปัญหาของตัวเองสักที
“
ฉันจะไม่ถามว่าเกิดอะไรขึ้น
แต่ในเมื่อเรื่องราวพวกนั้นมันได้เกิดขึ้นไปแล้วแก้ไขอะไรก็ไม่ได้ด้วย
ผูกใจเจ็บไปก็เท่านั้นมันช่วยอะไรไม่ได้หรอกค่ะ สิ่งที่ทำได้ดีที่สุดคือปล่อยวางแล้วทุกอย่างจะดีเองค่ะ
”
“
เข้าใจแล้วว่าทำไมเซฮุนกับชานยอลถึงได้ปกป้องเธอนัก ไอ้แบคเองก็หวงเธอมากด้วย
เพราะเธอเป็นแบบนี้นี่เอง ”
“
คะ? อะไรนะคะ? ”
“
เลิกพูดเรื่องดราม่าเถอะ ฉันมันพวกอ่อนไหวง่ายน่ะ ไม่อยากร้องไห้ต่อหน้าผู้หญิง...มันดูไม่แมน
” จู่ ๆ คริสก็เปลี่ยนเรื่องพูดกระทันหันทำเอาคนตัวเล็กตามแทบไม่ทัน
ร่างสูงยักไหล่เล็กน้อยก่อนจะเอนตัวลงนอนบนพื้นหญ้าสีเขียวโดยไม่นึกรังเกียจ “
เรามาคุยเรื่องอื่นกันเถอะ...เธอน่ะ มีอะไรอยากถามฉันมั้ย? ”
“
ไม่มีค่ะ ”
“
ช่วยแกล้งทำเป็นว่ามีหน่อยเถอะ ชวนฉันคุยหน่อย ”
“
งั้น...พี่คริสสนิทกับรุ่นพี่แบคฮยอนเหรอคะ กับพี่ชานยอลแล้วก็เซฮุนด้วย ”
“
ก็ต้องสนิทสิ
โตมาด้วยกันอ่ะถึงจะอายุไม่เท่ากันตอนมัธยมเรียนคนล่ะโรงเรียกันแต่ก็สนิทกันนะ
สนิทมาก ๆ ด้วย...แต่แค่กับชานยอลเซฮุนนะ ส่วนไอ้แบคนี่ไม่ค่อยเท่าไหร่
มันน่ากลัวจะตาย ” คริสพูดอย่างไม่ใส่ใจนักก่อนจะเอ่ยต่อ “
แล้วเธอล่ะไม่กลัวมันบ้างเหรอ? มันยิ่งเป็นคนอารมณ์แปรปรวนง่ายอยู่ด้วย ”
“
ไม่รู้สิคะ
กลัวมั้ง...ฉันเองก็ไม่เคยเห็นเขาอารมณ์ดีใส่เลยสักครั้งตั้งแต่มาที่นี่ ”
“
ทำไมล่ะ? ” คริสเกิดความใคร่รู้ขึ้นมาทันทีที่ได้ฟังสิ่งที่แทยอนพูดออกมา
ส่วนตัวเขาเองก็ไม่ได้รู้เบื้องลึกเบื้องหลังอะไรมากไปกว่าการที่แบคฮยอนมีแทยอนเป็นลัคกี้โดยที่มีว่าที่คู่หมั้นอยู่แล้วอย่างอิม
ยุนอา “ ตั้งแต่เมื่อกี้ที่ตะโกนด่ามันแล้ว ตกลงเธอสองคนมีเรื่องอะไรกันแน่ ”
“
เดี๋ยวถึงเวลาพี่ก็จะรู้เองนั่นแหละค่ะ ตอนนี้รู้แค่ว่าเขาเกลียดฉันมาก ๆ ก็พอ ” น้ำเสียงของแทยอนดูเศร้าลงอย่าเห็นได้ชัด
ทั้งสีหน้าและแววตาดูสลดลงจนคริสแปลกใจ...แค่พูดว่าแบคฮยอนเกลียดเธอ ทำไมมันถึงได้ปวดหนึบตรงหัวใจมากขนาดนี้ด้วยล่ะ
“
นี่แทยอน ฉันมีอะไรจะเล่าให้ฟัง เธอรู้จักนิทานเรื่องปีเตอร์แพนรึเปล่า
ในตอนเกือบท้ายเรื่องที่ปีเตอร์แพนโกรธทิงเกอร์เบว จริง ๆ แล้วมันเป็นเพราะความเข้าใจผิด
ความเจ้าเล่ห์ของกัปตันฮุคทำให้ปีเตอร์แพนกับทินเกอร์เบวผิดใจกัน ”
“
... ”
“ ...ความเกลียดชังที่คนเราจะมีต่อกันน่ะมันมีที่มาที่ไปในตัวของมันเองอยู่แล้ว
มีรักก็ต้องมีเกลียดมันเป็นสัจธรรมของมนุษย์ สำหรับแบคฮยอน ถึงจะไม่ค่อยสนิทแต่พี่รู้ว่ามันมีความเป็นผู้ใหญ่มากพอและเป็นคนที่ฟังเหตุผลเป็นอันดับแรก
พี่ไม่รู้หรอกนะว่าแบคฮยอนทำอะไรหรือพูดอะไรกับเราเอาไว้บ้างเราถึงได้คิดว่ามันคือการเกลียดชัง
แต่การที่แบคฮยอนผูกมัดเธอเอาไว้แบบนี้พี่เชื่อว่ามันต้องมีเหตุผลอะไรบางอย่าง
คนอย่างแบคฮยอนถ้ามันจะเกลียดใครสักคนจริง ๆ
มันไม่ทำแบบนี้หรอกเพราะแม้แต่หน้ามันก็คงไม่อยากจะมอง ”
แทยอนนิ่งไปกับคำพูดที่ยาวเหยียดของคริส
ความรู้สึกที่หลากหลายมันปะปมไปหมด
ดูเหมือนว่าเขาจะเข้าใจสถานะการณ์ตอนนี้ที่แทยอนกำลังเผชิญอยู่
แทยอนรู้ว่าคริสมีอดีตคริสเองก็รู้ว่าแทยอนมีอดีตแต่ทั้งคู่ไม่รู้ว่าอดีตของกันและกันคืออะไร เพราะทั้งคู่น่าจะเคยผ่านอะไรที่คล้าย ๆ กันมาก่อนทำให้แทยอนกล้าที่จะบอกเล่าความในใจให้อีกฝ่ายได้ฟังส่วนคริสแองก็เหมือนได้ปลดปล่อยสิ่งที่ขังอยู่ในใจมานาน
มันอาจจะดูง่ายดายและรวดเร็วที่จะไว้ใจและเชื่อใจคนที่พึ่งเจอกันได้ไม่ถึงครึ่งวัน
แต่ก็ไม่เคยมีใครบอกว่าคนที่พึ่งเจอกันได้สามนาทีมันไว้ใจไม่ได้
บางคนใช้เวลาทำความรู้จักไปครึ่งชีวิตมันก็คงไม่เพียงพอที่จะให้ไว้ใจได้
ทุกอย่างมันอยู่ที่ใจไม่ได้อยู่ที่เวลาแค่อย่างเดียว สำหรับแทยอนแล้วเธอเชื่อความรู้สึกของตัวเองมากกว่ากดเกนบ้า
ๆ บอ ๆ ที่คนทั้งโลกร่วมกันสร้างขึ้น
ในเมื่อเขาจริงใจมาก็แค่จริงใจตอบมันไม่มีอะไรเสียหายอยู่แล้ว
“
เด็กโง่...ไม่รู้ตัวเลยเหรอว่าแบคฮยอนมันไม่เคยเฉียดใกล้เข้าคำว่าเกลียดเธอเลยแม้แต่นิดเดียว
”
“ ขอบคุณมาก
ๆ เลยนะคะที่มาส่ง ” แทยอนเอ่ยขึ้นหลังจากที่คริสเดินมาส่งเธอจนถึงหน้าห้อง
ริมฝีปากเรียวเล็กส่งยิ้มหวานให้กับชายหนุ่มร่างสูงพรางโค้งหัวขอบคุณไปหนึ่งที
“ ไม่จำเป็นต้องสุภาพขนาดนั้นก็ได้
พี่ไม่ซีเรียส ”
“
เอ่อว่าแต่พี่คริสคะ ถ้าฉันไปที่สวนหลังโรงเรียนอีก ฉันจะได้เจอพี่อีกมั้ยคะ? ”
“ ก็ถ้าพี่ว่าง
เราก็อาจจะได้เจอพี่นะ...แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่เราอยากเจอพี่จริง ๆ ก็โทรหาพี่แล้วกัน
”
“ ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ
แต่ยังไงก็ขอบคุณนะคะที่วันนี้ยอมรับฟังเรื่องไร้สาระของฉัน ”
“
อืม ไม่เป็นไร...เธอเข้าไปได้แล้ว เดี๋ยวพี่ต้องไปธุระต่อ ”
“
ค่ะ งั้นโชคดีนะคะ ”
คริสยื่นมือมายีหัวของแทยอนจนเธอต้องยกมือขึ้นมาลูบผมให้มันกลับเข้าที่เหมือนเดิม...คนตัวเล็กยืนมองแผ่นหลังของร่างสูงที่เดินออกไปไกลเรื่อย
ๆ จนลับสายตาแล้วจึงค่อยหันกลับมาเดินเข้าห้องไป
การได้คุยกับคริสในวันนี้ทำให้เธอได้รู้อะไรหลาย
ๆ อย่าง ทั้งเรื่องในโรงเรียนและเรื่องของแบคฮยอน
มันอาจจะดูน่าเกลียดที่เธอเอาแต่ถามเรื่องแบคฮยอนกับคนอื่นแต่เพราะมันเป็นเรื่องของคนที่เธอรักแทยอนจึงไม่ได้กระดากอายอะไรที่จะถาม...คริสยังได้เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับสวนแห่งนั้นให้แทยอนได้ฟังอีกด้วยแต่ทว่าเล่าไปได้แค่แป๊บเดียวเขาก็หยุดเล่าแล้วหันมาส่งยิ้มด้วยแววตาที่ฉายความเจ็บปวดอย่างชัดเจนให้กับเธอเอง
แทยอนจึงรู้ตัวทันทีว่าไม่ควรจะถามอะไรต่อ
อี้ฟานเป็นคนอบอุ่น เข้าอกเข้าใจแทยอนทุกอย่าง
เป็นทั้งที่ระบายและให้คำปรึกษาได้ดีทั้ง ๆ ที่พึ่งเจอกัน เขาทำให้แทยอนคิดว่าเราทั้งคู่ควรจะเจอกันให้เร็วกว่านี้เพราะอย่างน้อย
ๆ
เธอจะได้มีที่ที่ทำให้หลุดพ้นจากความเศร้าได้เวลาที่แบคฮยอนมาพูดจาทำร้ายจิตใจใส่
แทยอนสะบัดหัวไล่ความคิดออกไปก่อนจะหันไปล็อคห้องลงกลอนประตูให้เรียบร้อย
ทันทีที่เดินเข้ามาความเหนื่อยล้าก็เข้ามากัดกินพลังงานในร่างกายไปทีละน้อย
สิ่งแรกที่เธออยากจะทำคือการแช่ตัวลงบนน้ำอุ่น ๆ
ชำระร่างกายให้สะอาดแล้วพักผ่อนให้เต็มที่ก่อนที่พรุ่งนี้จะต้องเข้าเรียนตามปกติ
ฟึ่บ
เดรสสีขาวถูกปลดเปลื้องออกจากร่างบางของหญิงสาว
ก่อนจะหล่นลงไปกองอยู่บนพื้นโดยที่ร่างเล็กไม่ทันฉุกคิดและสนในจอะไรบางอย่างที่อยู่ในห้องแห่งนี้กับเธอเลยแม้แต่น้อย...แทยอนยังไม่ทันได้เอะใจในอะไรด้วยซ้ำ
จนกระทั่ง...
“
ฉันบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าทำตัวง่ายกับผู้ชายคนอื่น...ในขณะที่เธอกำลังเป็นของของฉันอยู่
”
ความคิดเห็น