ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    MY PETER PAN รักนี้มีบททดสอบ [END] || EXO SNSD

    ลำดับตอนที่ #11 : My Peter Pan: Chapter9

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.18K
      5
      27 ม.ค. 60











       
    XXX Club

     

    1:00 AM

     

    เสียงเพลงจังหวะเร็วบวกกับแสงสีหลากหลายสีสันเป็นแสงสลัว หนุ่มสาวมากหน้าหลายตาต่างอัดแน่นเบียดเสียดกันในคลับแห่งนี้ กลิ่นเหล้าคละคลุ้งกับกลิ่นบุหรี่ตลบอบอวรไปทั่วทุกพื้นที่...เอสจับมือแทยอนให้เดินฝ่าฝูงชนเข้าไปยังโซนวีไอพีด้วยความอยากลำบากเพราะจำนวนคนที่มากบวกกับนี่เป็นการเข้าผับครั้งแรกของแทอนจึงทำให้เธอเกิดอาการหวั่นนิด ๆ ในหัวใจ

     

    เอสเปลื่อยจากจับมือเป็นโอบไหล่ร่างเล็กไว้แน่นกันไม่ให้พวกขี้เมาทั้งหลายแตะต้องตัวเธอได้ แต่น่าแปลกที่อ้อมกอดของเอสไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยขึ้นมาเลยสักนิด กลับกันมันกับทำให้เธอยิ่งรู้สึกกลัวเข้าไปใหญ่เพราะถึงยังไงเอสก็ยังเป็นเอสอยู่วันยังค่ำ ต่อให้พูดดีแค่ไหน ทำดีแค่ไหนยังไงซาตานร้ายก็ยังเป็นซาตานอยู่ดี

     

    ก่วาเอสจะพาแทยอนออกมาจากวงล้อมได้ก็เล่นเอาเหงื่อตกไปตาม ๆ กัน...เอสยิ้มขำกับท่าทางของคนตัวเล็ก หลังจากนี้แทยอนคงจะทำท่าน่ารัก ๆ แบบนี้ไม่ได้ไปอีกสักพักใหญ่ ๆ เลยล่ะมั้ง ถ้าเธอเข้าไปหาแบคฮยอนในตอนนี้

     

    " ยัยตัวเล็ก เกือบโดนคนพวกนั้นเบียดแล้วรู้มั้ย สูงอยู่แค่นี้ถ้าหลงขึ้นมาคนอื่นเขาจะเข้าใจผิดเอานะว่ามีเด็กหลงเขามาในผับ "

     

    " เอ่อ ค่ะ ว่าแต่รุ่นพี่อยู่ห้องไหนหรอคะ พาแทไปได้หรือยัง "

     

    " ห้องนั้นไงครับ ที่เขียนว่าปีเตอร์แพนน่ะ...แทไปคนเดียวได้ใช่มั้ย พี่ไม่อยากหยุ่งกับมันเท่าไหร่กลัวกลั้นฝ่ามือไม่ได้ "

     

    " ค่ะ แทไปคนเดียวได้...ขอบคุณพี่เอสมากนะคะ "

     

    ร่างเล็กเดินไปตามที่เอสบอก ห้องที่เขาว่านั้นมันไม่ได้อยู่ไกลมากนัก ประตูบานใหญ่สีแดงเลือดนกเปิดแง้มออกมาเล็กน้อยทำให้เห็นสิ่งที่อยู่ภายในได้นิดหน่อย...แทยอนยืนกลั้นใจอยู่สักพักก่อนจะพลักประตูเข้าไป เพื่อที่จะได้คุยกับเขาให้รู้เรื่องเสียที

     

    ทว่าภาพที่เห็นทำให้ร่างเล็กชะงักกลางอากาศ ร่างกายเหมือนถูกแช่แข็ง ขอบตาเล็กเริ่มร้อนผ่าวอีกครั้ง มือไม้สั่นเครือเหมือนคนหมดเรี่ยวแรง หัวใจเต้นแรงผิดปกติ ตอนนี้สภาพจิตใจของเธอเหมือนคนที่โดนพายุลูกใหญ่เท่าดาวอังคารโหมกระหน่ำเสียจนพังยับเยินยิ่งกว่าโดยสิบล้อทับสามสี่รอบซะอีก

     

    " อะ...อื้ม "

     

    " บะ...แบค...แบคฮยอน "

     

    ร่างสูงของชายหนุ่มกำลังชุกไช้ใบหน้าลงตามชอกคอเลื่อนลงไปบนเนินหน้าอกของญิงสาว ไม่ต้องดูอะไรให้มากเธอรู้ว่าแบคฮยอนกำลังเมา แต่ทำไมถึงต้องทำอะไรแบบนี้กับยุนอาด้วยล่ะ...นั่นคือสิ่งที่แทยอนไม่เข้าใจ

     

    " รุ่นพี่... "

     

    แทยอนเอ่ยเสียงสั่น...พังแล้ว ทุกอย่างมันพังหมดแล้วจริง ๆ แบคฮยอนไม่เหลือแม้แต่เยื่อใยที่เคยมีให้เธอ ทำไมแบคฮยอนถึงเปลื่ยนใจได้รวดเร็วขนาดนี้ หรือในใจของเขาไม่เคยมีเธออยู่ตั้งแต่แรก

     

    แทยอนเธอน่าจะนึกถึงความจริงข้อนี้ที่ว่าคนเราไม่มีทางลืมรักแรกได้หรอก และแบคฮยอนเองเขาก็คงไม่อยากจะลืมมันด้วยซ้ำมั้ง

     

    แบคฮยอนที่ดูเหมือนจะขาดสติไปแล้วผละออกจากยุนอาก่อนจะยกแก้วขึ้นมากระดกเข้าปากรวดเดียวหมด พลันสายตาเหลือบมาเจอร่างเล็กที่ยืนกำชายกระโปรงตัวเองแน่น ร่างสูงเดินมาหาคนตัวเล็กที่ยังยืนน้ำตาคลอเบ้าอยู่ตรงประตู ส่วนยุนอาเองก็กำลังใส่กระดุมเสื้ออยู่พอใส่เสร็จแล้วจึงหันไปยกยิ้มมุมปากให้กับแทยอน ก่อนจะยกแก้ววายขึ้นมาถือไว้ในมือแล้วแกว่งไปมาอย่างสบายอารมณ์

     

    " เธอ...มาทำอะไรที่นี่! ฉันบอกแล้วใช่มั้ยว่าฉันไม่อยากเห็นหน้าเธออีก...ออกไปซะ! ”

     

    " ไม่ ฉันไม่ไปไหนทั้งนั้น...รุ่นพี่เอาแต่คิดไปเองโดยไม่สนใจว่าความจริงมันจะเป็นยังไง แล้วทำไมฉันต้องฟังด้วย! "

     

    " ฉันไม่สนว่าเธอจะแก้ตัวยังไง...แต่ฉันจะไม่ฟังคำโกหกหลอกลวงอะไรจากเธออีกแล้วเข้าใจมั้ย! " น้ำเสียงที่บ่งบอกว่าเขาเริ่มเมาแล้วทำให้คนตัวเล็กเริ่มมีน้ำโหที่เขาพูดแบบนี้อาจเป็นเพราะเขาดื่มเข้าไปมาก แต่ก็ใช่ว่าตอนนี้เขาจะไม่มีสตินี่นา

     

    " ฟังฉันบ้างได้มั้ยคะ รุ่นพี่คิดว่าที่ผ่านมาฉันโกหกหลอกลวงงั้นหรอ? ถ้าวันนี้รุ่นพี่เชื่อในสิ่งที่รุ่นพี่เห็น แล้วที่ผ่านมาตลอดเวลาที่ฉันอยู่กับรุ่นพี่ล่ะ?...รุ่นพี่ลองมองหน้าฉันดี ๆ สิคะแล้วบอกว่าผู้หญิงคนนี้กำลังโกหกหลอกลวงเล่นละครกับรุ่นพี่อยู่ มองสิคะรุ่นพี่จะหลบตาฉันทำไม ในเมื่อรุ่นพี่เชื่อในสิ่งที่ใจรุ่นพี่บอก งั้นก็ช่วยบอกฉันทีว่าตอนนี้หัวใจของรุ่นพี่มันบอกว่าไง "

     

    " หยุดสักทีได้มั้ย เธอจะพูดให้มันได้อะไรขึ้นมา อยากรู้ใช่มั้ยว่าตอนนี้ใจฉันมันพูดว่าไง ฉันจะบอกให้เอาบุญนะว่าตอนนี้ฉัน...เกลียดเธอ ฉันไม่อยากเห็นหน้าเธอ ออกไปจากชีวิตฉันซะ จะไปตายที่ไหนก็ไป ผู้หญิงมารยาอย่างเธอฉันไม่อยากจะคุยด้วยให้เสียสุขภาพจิต "

     

    " รุ่นพี่หยุดหลอกตัวเองซักทีเถอะ!  " ร่างเล็กแผดเสียงลั่นพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาราวเขื่อนแตก แทยอนรู้ตัวว่าตอนนี้เธอควบคุมสติของตัวเองไม่อยู่แล้วและถ้าจะเจ็บก็ต้องเอาให้เจ็บถึงที่สุด แบคฮยอนเป็นคนทำลายหัวใจเธอและเขาก็กำลังจะทำมันให้กลายเป็นผุยผงในไม่ช้า

     

    " รุ่นพี่จะหลอกฉันหรือหลอกใครก็ได้ แต่รุ่นพี่คิดหรอว่ารุ่นพี่หลอกตัวเองได้...ความจริงก็คือความจริงอยู่วันยังค่ำ ถ้าวันนึงรุ่นพี่มารู้ทีหลังในตอนที่ไม่มีฉันแล้วก็ขอให้รู้ไว้เลยนะว่ารุ่พี่ทำมันพังเอง และที่สำคัญคือฉันกับพี่เอสเราไม่มีอะไรกัน ฉันมีใจดวงเดียว มอบให้ใครก็จะเป็นของคนนั้นตลอดไป ไม่เหมือนรุ่นพี่ ถ้ายังรักรุ่นพี่ยุนอาอยู่แล้วมาทำให้ฉันรักทำไม มาดูแลมาใส่ใจมาให้ความหวังฉันทำไม! "

     

    " โธ่เว้ย! "

     

    เพล้ง!

     

    แบคฮยอนปาแก้วที่อยู่ในมือไปที่ฝาพนังตรงที่แทยอนยืนอยู่จนเธอสะดุ้งตัวด้วยความตกใจ ทำให้เอสรีบวิ่งเข้ามาทันทีเพราะเป็นห่วงความปอดภัยของคนตัวเล็ก เขาแค่ต้องการให้ทะเลาะกันเท่านั้นแต่ไม่คิดว่าแบคฮยอนจะขาดสะติได้ถึงขนาดนี้ บ้าไปแล้ว

     

    " ฉันจะพูดเป็นครั้งสุดท้าย...ออกไปซะ ถ้าจะให้ดีคือหายไปจากชีวิตฉันตลอดกาลเลยก็ได้ เพราะถ้าฉันเห็นหน้าเธออีกแค่ครั้งเดียวฉันอาจจะติดคุกข้อหาฆ่าคนตายก็ได้ และอีกอย่าง ขอร้องล่ะเลิกพูดว่ารักฉันสักที ฟังแล้วมันสะอิดสะเอียน "

     

    " เอาเลยสิค่ะ รุ่นพี่ฆ่าฉันเลยสิ ตอนนี้ฉันก็ไม่ต่างอะไรจากคนที่ตายแล้วนั่นแหละ ยืนอยู่ทำไมล่ะคะ เอาเลยสิ "

     

    " ... "

     

    " ได้ ถ้ารุ่นพี่อยากให้ฉันหายไปจากชีวิตนักล่ะก็ รุ่นพี่ก็จะไม่เห็นฉันอีก อยากให้ฉันเกลียดรุ่นพี่นักใช่มั้ย...ได้ ตอนนี้ฉันก็ชักจะเกลียดรุ่นพี่ขึ้นมาแล้วสิ เกลียดมาก เกลียดที่สุด ได้ยินมั้ยคะว่าเกลียด! "

     

    ร่างเล็กหันไปหาเอสแล้วโน้มคอร่างสูงลงมา ริมฝีปากบางประกบเข้าปากหนาของอีกฝ่าย ไม่นานนักแทยอนก็พลักเอสออกแล้ววิ่งออกด้านนอกโดยไม่หันมามองแบคฮยอนอีก...เธอทำไปเพราะขาดสติ แต่คนที่ยังมีสติกลับเจ็บปวดอย่างบอกไม่ถูก

     

    พลั่ก!

     

    เสียงก้อนเนื้อกระทบกับผนังทำให้เอสหันไปมองต้นตอของเสียงก็พบว่าแบคฮยอนกำลังต่อยฝาอยู่...เอสใช้นิ้วเกลี่ยตรงริมฝีปากก่อนจะยกยิ้มให้กับแบคฮยอนอย่างเยาะเย้ย และนั่นยิ่งเพิ่มโทสะให้แบคฮยอนรู้สึกอยากฆ่าคนมากยิ่งขึ้น

     

    " ไม่น่าล่ะแกถึงได้ติดใจ หอมหวานขนาดนี้ฉันไม่ปล่อยไปง่าย ๆ หรอกไอ้หน้าโง่! "

     

    เอสทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก่อนจะเดินตามแทยอนออกไป...ตอนนี้ในห้องมีเพียงแบคฮยอนและยุนอาแค่สองคน ร่างสูงทำท่าจะเดินออกไปแต่กลับถูกมือเรียวของยุนอาคว้าเอาไว้ทำให้เขาต้องหยุดและหันกลับมามองหน้าเธอด้วยความไม่พอใจ

     

    ยุนอายกมือข้างที่แบคฮยอนต่อยผนังขึ้นมาซับจูบทั่วบริเวณ...หญิงสาวใช้สายตาช้อนมองแบคฮยอนก่อนจะเอื้อนเอ่ยบางอย่างที่แบคฮยอนไม่อยากได้ยินซักเท่าไหร่ออกมา

     

    " เห็นแล้วใช่มั้ยว่าเด็กนั่นร้ายแค่ไหน ทีนี้รู้แล้วใช้มั้ยว่าใครรักคุณมากที่สุด ตาสว่างได้แล้วสินะ "

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    แทยอนวิ่งออกมาจากผับไม่รู้ว่าไกลเท่าไหร่แล้ว รู้ตัวอีกทีคือเธอมาหยุดอยู่ที่สะพานข้ามแม่น้ำฮัน ร่างเล็กทรุดลงตรงสะพาน ปล่อยให้น้ำตาแห่งความเจ็บปวดไหลออกมาอย่างเต็มที่โดยไม่คิดจะปกปิด...แสงสีส้มจากเสาไฟทำให้เธอยิ่งรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบกำลังจะแหลกสลายในอีกไม่ช้า สิ่งที่เธอต้องการในตอนนี้ไม่ใช่คำปลอบโยน ไม่ใช่คำหว่านล้อม แต่เธอขอแค่ใครซักคนที่คอยอยู่ข้าง ๆ เป็นเพื่อนเธอและเข้าใจเธอก็แค่นั้น

     

    ร่างเล็กได้แต่บอกกับตัวเองว่าเธอทำถูกแล้วที่พูดแบบนั้นออกไป ถ้าแบคฮยอนยังลืมยุนอาไม่ไดยังไงซะสักวันนึงเธอก็ต้องเสียใจอยู่ดี ไม่ว่าจะช้าหรือเร็วก็ตาม...แต่สิ่งที่เธอไม่เข้าใจคือทำไมแบคฮยอนต้องบอกว่าเธอเป็นคนขโมยเอกสารไปให้เอสเพียงเพื่อต้องการไล่เธอออกไปจากชีวิตแค่นั้นเองน่ะหรอ...แค่เขาพูด แค่เขาบอกตรง ๆ เธอก็พร้อมจะจากไปโดยไม่ต้องมีอะไรค้างคาใจทั้งนั้น

     

    ในเมื่อแบคฮยอนต้องการให้เธอออกไปจากจากชีวิตก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่เธอจะอยู่ที่นี่ต่อไป มันคงถึงเวลาที่เธอจะได้ทำหน้าที่ลูกที่ดีสักที บางทีการที่เธอตอบตกลงไปเรียนต่อที่ฝรั่งเศสกับทิฟฟานี่อาจจะช่วยให้เธอลืมเรื่องเลวร้ายพวกนนี้ก็ได้ และวันนี้ก็อาจจะเป็นวันสุดท้ายที่เธอจะได้มองหน้าคนที่เธอรักได้อย่างเต็มตา

     

    เธอแค่อยากจะร่ำรา ไม่ว่าวันนี้หรือวันพรุ่งนี้แบคฮยอนจะเกลียดเธอมากแค่ไหน แต่เชื่อสิว่าแทยอนจะไม่มีทางเกลียดเขาได้ และเธอจะยังคงเป็นทิงเกอร์เบวของแบคฮยอนอยู่เสมอไป ไม่ว่าเขาจะเป็นเช่นไรก็ตาม...สิ่งที่เธอทำไปทั้งหมดส่วนนึงมันเป็นเพราะอารมณ์ชั่ววูบและส่วนนึงคือเธอไม่อยากเจ็บปวดไปมากกว่านี้อีกแล้ว แค่ได้รู้ว่าแบคฮยอนยังรักยุนอาอยู่ความหนักหน่วงทั้งหมดก็ถาโถมเข้ามาสุมในจิตใจไม่หยุด

     

    ลาก่อนนะคะปีเตอร์แพนของฉัน ไม่ว่าจะวันนี้หรือวันไหน ๆ ฉันขอสัญญาว่าจะเป็นทิงเกอร์เบวของรุ่นพี่ตลอดไป จะรัก จะคอยเฝ้ามองดูรุ่นพี่ด้วยใจแบบนี้ตลอดไป

     

    ฉันสัญญาค่ะ

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    BAEKHYUN PARK '

     

    ผมล่ะเกลียดไอ้แสงตะวันบ้านี่จริง ๆ ทำไมมันต้องมาปลุกผมแต่เช้าด้วยเนี่ย คนกำลังนอนสบายมันไม่รู้บ้างรึไงว่ามันส่องแสงมาขัดความสุขของผมเนี่ย...ผมกระพริบตาขึ้นลงสองสามครั้งเพื่อปรับรูรับแสงที่ตาก่อนจะกว้านแขนไปข้าง ๆ ตัวตรงที่มีร่างเล็กของใครบางคนนอนอยู่ แต่ก็พบกับความว่างเปล่า

     

    แทยอน ยัยตัวแสบเธอหายไปไหนอีกแล้ว!

     

    ผมผุดลุกขึ้นมานั่งทันที ความงัวเงียเมื่อกี้ก็หายไปจนหมด...ยัยนั่นกล้าดียังไงมาหนีผมไป คอยดูนะผมจะลงโทษให้เข็ดเลย พอมองดูนาฬิกาก็พบว่าตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงกว่า ๆ แล้วแสดงว่าแทยอนออกไปตั้งนานแล้วสินะ

     

     

    ผมเดินมาที่ห้องครัวเพื่อจะมากินน้ำแต่ทว่าก็ต้องชะงักเพราะสายตาของผมมันบังเอิญไปสะดุดเข้ากับชามข้าวต้มที่วางไว้บนโต๊ะ...อะไรนี่ยัยนั่นทำอาหารให้ผมหรอ ผมเปลี่ยนเป้าหมายจากตอนแรกที่จะเดินไปหาตู้เย็นก็เป็นเดินไปที่โต๊ะกินข้าวแทน บนโต๊ะมีโน้ตสีเหลืองสดแปะอยู่ด้วยตัวหนังสือที่เรียงรายสวยงามเดาไม่ยากเลยว่าของแทยอนแน่นอน ผมอ่านในใจโดยไม่ออกเสียงก่อนจะเผยยิ้มออกมาเพราะข้อความข้างในโน้ตนั่น

     

    ' ขอบคุณมากนะคะที่รุ่นพี่เฝ้าไข้ให้ฉัน ตอนนี้ฉันดีขึ้นแล้ว ฉันทำข้าวต้มไว้ให้ด้วย ฉันรู้ว่ายังไงรุ่นพี่ก็ต้องกินถึงรุ่นพี่จะบอกว่าไม่กินเอาไปเททิ้งแล้วแต่รุ่นพี่โกหกตัวเองไม่ได้หรอกค่ะ เพราะฉะนั้นกินซะนะ...อ้อ แล้วอีกอย่างรุ่นพี่น่ะทำผิดนะคะ บอกว่าเกลียดฉันแต่นอนกอดฉันทั้งคืนเนี่ยผิดเต็ม ๆ '

     

    " ยัยบ้า... "

     

    ผมยิ้มขำกับกระดาษโน้ตก่อนจะเอาไปเก็บไว้ที่โต๊ะหัวเตียงแล้วเดิมมานั่งลงที่โต๊ะกินข้าว ยัยเด็กนี่รู้ทันผมไปซะหมด...ถ้าจะให้นับก็นานแล้วนะที่ผมไม่ได้กินข้าวฝีมือของแทยอน จะเป็นอะไรไหม? ถ้าผมจะบอกว่าคิดถึงมันมากแค่ไหน ไม่ใช่แค่คิดถึงรถชาติ แต่ผมคิดถึงทุก ๆ อย่าง คิดถึงใบหน้าสวยหวาน คิดถึงรอยยิ้มที่สดใส คิดถึงความขี้อ้อนน่ารักและขี้เล่นของเธอ...คิดถึงคำพูดและอ้อมกอดอันแสนอบอุ่นของยัยตัวแสบที่มีให้ผมเสมอ

     

    แต่นั่นมันก็แค่เมื่อก่อน...แค่เมื่อก่อนเท่านั้น

     

    ตอนนี้ณ ปัจจุบันทุกอย่างมันไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป แม้จะต้องโกหกใจตัวอีกกี่ร้อยกี่พันครั้งก็ต้องโกหกแบบนั้นต่อไปเพราะมันเป็นทางเดียวที่ผมทำได้...ผมอาจจะเป็นคนโง่มากก็ได้นะที่ชอบวิ่งหนีใจตัวเอง ทั้ง ๆ ที่ผมแค่ลืมเรื่องในอดีตที่ผ่านมาแล้วยอมรับไปตรง ๆ ว่าผมยังรักแทยอนอยู่แค่นั้น...ผมเองก็จะไม่ต้องมาทนเจ็บปวดทุกครั้งที่คิดว่าสักวันนึงผมจะต้องเสียเธอไปและจะไม่ได้เห็นรอยยิ้มของเธออีก แต่มันก็ไม่ถูกไปซะหมดเพราะใจนึงผมก็เกลียดเธอ...ผมควรจะทำยังไงดี

     

    คิดแค่นี้...ทำไมมันถึงทำให้หัวใจของผมบีบรัดแน่นขนาดนี้ล่ะ

     

    ผมสบัดหัวแรง ๆ ไล่ความคิดฟุ้งซ่านออกจากหัวให้หมด นี่ผมกำลังคิดอะไรของผมอยู่ผมกำลังจะใจอ่อนกับแทยอนงั้นเรอะ...ไม่มีทาง!

     

    ผ้าสีดำยังไงสีดำก็คือสีดำมันไม่มีทางแปรเปลี่ยนเป็นสีขาวไปได้ เว้นซะแต่ว่า...ผมจะฟอกสีมัน

     

    ผมหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาก่อนจะจรดปลายนิ้วกดเบอร์ที่ผมรู้ดีว่าเป็นของใครแม้จะไม่เชฟชื่อก็ตาม...ผมจำเบอร์มันได้เสมอแหละไม่จำป็นต้องเมมไว้ในโทรศัพท์

     

    [ ฮัลโหล ว่าไงพี่...ลมอะไรพัดให้คุณชายแบคฮยอนโทรมาหาผมเนี่ย? ]

     

    " ไม่ต้องพูดมาก ฉันจะโทรมาถามเรื่องที่ฉันสั่งให้แกทำ ตกลงว่าไง "

     

    [ จะใช้งานทั้งทีพูดให้ดี ๆ หน่อยสิครับ...ตอนนี้ผมเจอเธอแล้วก็น่ารักดีนิ ไม่เห็นจะร้ายเหมือนที่พี่พูดเลย ]

     

    “ แกมองหน้าแล้วรู้นิสัยคนได้ตั้งแต่เมื่อไหร่? ”

     

    [ เออ โอเคร เธออาจจะเป็นพวกหน้าซื่อใจคดก็ได้พอใจยัง? ]

     

    “ แล้วตงลงงานที่ขอให้ช่วยอ่ะจะช่วยไหม? ”

     

    [ โห นี่คือขอแล้ว?...แต่ช่างเหอะ ผมตกลงก็แล้วกัน แต่ก่อนอื่นผมขอถามอะไรหน่อยสิ ]

     

    “ ว่ามา ”

     

    [ พี่แน่ใจนะว่าไม่ได้รักพี่สาวคนนั้นแล้วจริง ๆ อ่ะ ถ้าไม่ได้รู้สึกอะไรกับเขาแล้วพี่จะไปหยุ่งกับเขาทำไม ทำไมไม่ปล่อยเขาไปซะ ]

     

    ผมสตั้นไปหลายวิกับคำถามที่ผมก็ยังหาคำตอบไม่ได้...จะให้ผมตอบว่าอะไรล่ะ ถ้าถามว่ารักไหม? ก็ยังรักอยู่ แต่ถ้าถามว่าผมเกลียดไหม? ผมก็ไม่ถึงกับเกลียดหรอก...แค่ตอนนี้ผมยังปล่อยวางเรื่องในอดีตไม่ได้แค่นั้นเอง

     

    [ เงียบแบบนี้...นี่พี่ยังรักพี่สาวคนนั้นอยู่ใช่มั้ย? ถ้าไม่ใช่พี่จะให้ผมไปทำแบบนั้นทำไม จริงไหมล่ะ? ]

     

    “ ไม่ใช่! ฉันแค่อยากรู้ว่ายัยนั่นทำอะไรบ้างตอนอยู่ลับหลังฉัน ก็แค่นั้น ”

     

    [ แน่ใจนะ ]

     

    “ เออ...แล้วแกก็ช่วยเริ่มตั้งแต่วันนี้ด้วยนะ ถ้ามีอะไรผิดปกติก็ให้โทรหาได้ตลอด เข้าใจไหม? ”

     

    [ ถึงพี่ไม่บอกผมก็ตั้งใจว่าจะเริ่มวันนี้นี่แหละ...ว่าแต่ตอนนี้พี่สาวคนสวยยังอยู่กับพี่รึเปล่าครับ ]

     

    “ เปล่า แทยอนกลับไปแล้ว...แต่เดี๋ยวนะ! แกรู้ได้ยังไงว่าแทยอนอยู่กับฉัน ”

     

    [ เขาก็รู้กันทั้งโรงเรียนนั่นแหละครับว่าเมื่อวานพี่อุ้มพี่แทยอนออกมาจากสระว่ายน้ำ พี่เขาเพลียมากหรอครับถึงได้อุ้มกันออกมาดึกซะขนาดนั้น แถมเมื่อวานทั้งวันพี่ก็เอาแต่อยู่ในห้องไม่ยอมออกมาอีก คงหมดแรงอ่ะดิ ]

     

    โห นี่ทีมข่าวโรงเรียนมันเขียนข่าวขนาดนี้เลยหรอ? นี่ผมพยอน แบคฮยอนนะไม่มีความเกรงใจกันเลยรึยังไง คอยดูเถอะผมจะจัดการไอ้พวกนี้ให้เข็ดหลาบ...ป่านนี้คนเขาจะมองแทยอนยังไงวะเนี่ยโดยเฉพาะ ยุนอา ถ้ารู้เรื่องเข้าล่ะแย่แน่

     

    “ เรื่องนั้นช่างมันเหอะ ว่าแต่แกถามทำไมเหรอว่าแทยอนอยู่กับฉันรึเปล่า ”

     

    [ ก็ผมมาดักรอตั้งแต่เช้าแล้วยังไม่เห็นวี่แววของเขาเลยหนิครับ ก็เลยนึกว่ายังไม่ออกมาจากห้องของพี่ ]

     

    “ อะไรนะ! แทยอนไม่ได้อยู่ที่ห้องของตัวเองเหรอ? แล้วยัยนั่นหายไปไหน ”

     

    [ เอ้า! พี่มาถามผมแล้วจะให้ผมไปถามใครล่ะ ก็พี่อยู่กับเขาเป็นคนสุดท้ายไม่ใช่หรอ? ]

     

    “ มันจะเป็นไปได้ยังไงที่ยัยนั่นจะไม่ได้กลับห้องก็ในเมื่อแทยอนออกไปตั้งแต่เช้าแล้วนิ ทำไมยังไม่ถึงห้องอีกล่ะ ”

     

    [ แล้วผมจะไปรู้ได้ไง สงสัยเขาไปหาเพื่อนมั้ง ]

     

    “ งั้นแค่นี้แหละ ”

     

    [ เดี๋ยวก่อนครับพี่แบค! ] ผมกำลังจะกดวางสายเดี๋ยวความรีบร้อนแต่ทว่าดันถูกปลายทางเรียกไว้เสียก่อน...ไอ้บ้าเอ้ย! มันจะเรียกผมไว้ทำไมอีกวะ!

     

    “ อะไรวะ! ”

     

    [ ถ้าพี่เบื่อที่จะแก้แค้นพี่แทยอนเมื่อไหร่ ผู้หญิงคนนี้ผมขอนะครับ...ขอบคุณครับ ]

     

    “ ไอ้... ”

     

    ผมหยุดคำที่จะด่าไอ้น้องสารเลวไว้แค่นั้นก่อนจะถอนหายใจออกมาแรง ๆ พร้อมกับกดวางสาย นี่มันขอกันง่าย ๆ ขนาดนั้นเลยหรอ? ไอ้บ้าเอ้ย! นี่ผมคิดผิดหรือคิดถูกที่ให้มันทำงานให้เนี่ย...ถ้าเกิดมันชอบแทยอนขึ้นมาอีกคนละก็น่าดู...แค่เท่าที่มีตอนนี้ผมก็ปวดหัวจะตายอย่แล้ว อย่าสร้างปัญหาให้ผมเพิ่มอีกเลย

     

    ถึงผมจะไม่ได้รักเธอแต่ผมก็ทนไม่ได้ที่เห็นใครต่อใครมาควงเธอไปต่อหน้าต่อตา...ฉะนั้นตราบใดที่ผมยังอยู่และแทยอนยังไม่ไปไหน ใครหน้าไหนก็ไม่มีสิทธิ์ได้ตัวเธอไปทั้งนั้น

     

    ผมหวง!!!!

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ร่างเล็กเดินยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ออกมาจากห้องของแบคฮยอน ผู้ชายที่บอกว่าเกลียดเธอนักเกลียดเธอหนาจนแทยอนไม่อยากจะอยู่ใกล้ให้รู้สึกใจเสียเล่น...แต่ทว่าตอนนี้เธอรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูกที่เมื่อวานได้อยู่กับเขาทั้งวัน เดินไปยิ้มไปราวกับคนบ้าจนคนที่เดินผ่านไปมามองเธอด้วยสายตาแปลก ๆ

     

    นี่เธอกำลังฝันไปรึเปล่าที่อยู่ดี ๆ แบคฮยอนมาทำดีกับเธอ แต่ถ้านี่เป็นความฝันจริง ๆ มันก็คงจะเป็นฝันที่ดีที่สุดในรอบสองปีเลยล่ะเพราะเธอได้นอนข้าง ๆ แบคฮยอน ได้ทำอาหารเช้าให้เขากิน และที่สำคัญคือแบคฮยอนนอนเฝ้าไข้ให้เธอจนหายดี...ถ้าไม่ใช่ความคิดที่เข้าข้างตัวเองเกินไป การที่เขาทำแบบนั้นมันจะแปลเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้นอกจากแบคฮยอนกำลังเป็นห่วงเธอ

     

    ร่างบางเดินออกมาจากตึกซึ่งเป็นที่พักของเหล่าทายาทเรื่อย ๆ เธอไม่รู้เลยว่าที่นี่มันอยู่ส่วนไหนของโรงเรียน ผู้คนที่เดินผ่านไปมาก็น้อยมากจนแทบจะไม่มีเลยก็ว่าได้...จะว่าไปแล้วที่นี่ก็ไม่ต่างอะไรกับปราสาทในเทพนิยายดี ๆ นี่เองเพราะตัวคฤหาสน์ที่ถูกสร้างมาในรูปทรงที่สวยงามทำให้ดูอลังการ ต้นไม้หลากหลายสายพันธุ์ถูกบรรจุลงลงในพื้นหญ้าสีอ่อนที่ดูเข้ากับสภาพแวดล้อมส่งผลให้ทุกอย่างดูสวยงามอย่างไร้ที่ติ

     

    แทยอนเดาไม่ถูกจริง ๆ ว่าเธอควรจะไปทางไหนดีเพราะเส้นทางทุกสายที่รายล้อมรอบตัวมันก็เหมือนกันหมด เธอจึงตัดสินใจที่จะเดินไปทางด้านหลังของตึกเพราะคิดว่านั่นอาจจะเป็นทางเชื่อมไปยังหอพระจันท์ หอที่เธออยู่ก็เป็นได้

     

    แทยอนในชุดกระโปรงเลยเข่าสีขาวก้าวเท้าเข้าไปเรื่อย ๆ  แต่ยิ่งเดินก็เหมือนยิ่งออกมาไกลทุกที  รอบตัวเธอยังคงเป็นทุ่งหญ้าสีเขียวขจีเหมือนเดิมแต่ที่แปลกคือมันร้างผู้คนและดูเหมือนที่นี่จะเป็นสวนของโรงเรียนที่มีไว้ให้นักเรียนมานั่งเล่น แต่ทว่ากลับดูร้างมากกว่าเหมือนไม่ค่อยมีใครมาเลย

     

    “ ทำไมดูร้างจังแต่ก็ไม่ได้รกเท่าไหร่นี่นา ดูใหม่ออก ”

     

    ร่างเล็กพึมพำกับตัวเองเบา ๆ ก่อนเดินไปหยุดที่ริมลำธารขนาดเล็กพรางย่อนตัวลงใต้ร่มไม้ขนาดใหญ่ บรรยากาศโดยรอบกำลังดีมีลมพัดเบา ๆ ทำให้ทิวทัศน์แถวนี้น่ามองมากขึ้น แสงแดดอ่อน ๆ ยามเช้าทำให้เธออยากจะนั่งชมนกชมไม้แถวนี้นาน ๆ จนลืมเรื่องกลับหอไปซะสนิท...แทยอนมองไปรอบ ๆ ให้มั่นใจว่าที่นี่ปลอดคนแล้วจริง ๆ จึงเอนตัวลงนอน

     

    ถ้าหากที่เจ้าของที่แห่งนี้ไม่ว่าอะไรเธอขอใช้ที่นี่เป็นที่ประจำที่เธอจะมาอยู่เวลาที่ต้องการอยู่คนเดียวก็แล้วกันนะ...

     

    “ อากาศสดชื่นดีจัง...รู้สึกดีที่สุดเลย! ” เมื่อสมองนึกอะไรดี ๆ ออกแทยอนจึงลุกขึ้ยยืนอีกครั้งแล้วมองไปยังท้องฟเก่อนจะตะโกนลั่นฝ่าสวนกว้างโดยไม่จำเป็นต้องกลัวว่าใครจะได้ยินเพราะมันไม่มีใครอยู่ตรงนี้ แทยอนยิ้มอย่างนึกสนุกรอยยิ้มเล็กผุดขึ้นบนใบหน้าสวยหวาน...ถ้าเกิดเธอด่าหรือระบายอะไรออกไปก็ไม่มีใครสามารถรับรู้ได้นะสิ

     

    “   ไอ้รุ่นพี่บ้า! บ้าที่สุด!! คิดว่าคนอื่นเขาเป็นก้อนหินเหมือนตัวเองรึไงถึงได้ชอบล้อเล่นกับความรู้สึกของคนอื่นแบบนี้น่ะ! ”

     

    “ อิตาบ้าแบคฮยอน ไอ้รุ่นพี่ขี้เก๊ก! บ้าจริง ๆ เลย ฉันไม่คิดเลยนะว่ายังจะมีคนแบบรุ่นพี่อยู่บนโลกใบนี้ด้วย คนอะไรหน้าตาอย่างกะเทพบุตรแต่นิสัยอย่างกะซาตาน...รุ่นพี่ใจร้ายมากเลยรู้มั้ยที่ทำแบบนี้กับฉัน! แกล้งกันแบบนี้ได้ยังไง ไหนบอกว่าจะไม่ทำร้ายฉันไงไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม แล้วตอนนี้มันคืออะไร ”

     

    ตอนแรกเธอแค่จะตะโกนเอาสนุกแต่ทว่าพอแทยอนพรั่งพรูมันออกมาความคิดทุกอย่างกลับจุดประกายให้เธอโกรธขึ้นมาจริง ๆ ซะงั้น...แต่ก็นะเธออยู่ที่นี่คนเดียว ฉะนั้นถึงร้องให้ตายยังไงแบคฮยอนก็ไม่ได้ยินอยู่ดี อีกอย่างเขาก็ใจร้ายอย่างที่พูดจริง ๆ นั่นแหละ เถียงไม่ได้หรอก

     

    “ ไอ้คนหลงตัวเอง! คิดว่าทำร้ายจิตใจคนอื่นแล้วตัวเองมีความสุขมากงั้นสิ ไอ้คนไม่มีหัวใจ! คอยดูเถอะ ฉันจะเกลียดรุ่นพี่ให้ดู...เดี๋ยวก็ดีเดี๋ยวก็ร้าย รู้มั้ยว่าฉันตามไม่ทันแล้ว ”

     

    “ คิดว่าฉันอยากจะมามากรึไงไอ้โรงเรียนบ้าเนี่ย...ฉันไม่ได้อยากมามากนักหรอกนะ เพราะว่าฉันทำอะไรก็ผิดไปซะหมดอีกหน่อยคงนั่งหายใจเฉย ๆ ก็ผิดแล้วมั้ง...พูดแล้วมันน่าโมโห ใช่สิ ฉันไม่ใช่รุ่นพี่ยุนอาหนิที่ทำอะไรก็ถูกไปซะหมด ถ้ารักกันมากจนเป็นคู่หมั้นกันแล้ว ทำไมไม่เอาไอ้สร้อยบ้า ๆ นี่ไปให้สุดที่รักของรุ่นพี่เลยล่ะ เอามาให้ฉันทำไมกัน! ”

     

    ร่างเล็กร่ายยาวอย่างหัวเสียเมื่อนึกไปถึงเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับเธอมากมายในโรงเรียนแห่งนี้...แทยอนเป็นพวกปากร้ายนะ แต่เธอแค่ไม่ค่อยชอบพูดก็เท่านั้น แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่เธอได้พูดหรือพร่ามด่าใครออกมาล่ะก็ เธอจะไม่สามารถควบคุมตัวเองได้เลยล่ะ หลายคนหรือแม้กระทั่งตัวเธอเองยังสับสนเลยว่าตกลงแล้วเธอเป็นคนยังไงกันแน่เพราะดูเหมือนว่าเธอจะมีหลากหลายมุมเหลือเกิน จนคนรอบข้างตามแทบไม่ทันบางครั้งก็ใจดีบางครั้งก็เข้มแข็งไม่ยอมคนง่าย ๆ

     

    แต่ไม่รู้ทำไมทุกครั้งที่อยู่ต่อหน้าหรือได้พูดคุยกับแบคฮยอนเธอจะกลายเป็นคนอ่อนแอในทันที

     

    “ ไอ้โรงเรียนบ้า! ไอ้โรงเรียนเฮงซวย! นักเรียนก็เฮงซวย หุ้นส่วนก็เฮง... ”

     

    ฟึ่บ

     

    ยังไม่ทันที่แทยอนจะได้พูดจบประโยคก็ต้องชะงักกลางอากาศเพราะจู่ ๆ ก็มีร่างสูงของชายหนุ่มโดดลงมาจากต้นไม้สูงใหญ่ตรงที่เธอยืนอยู่ ทำเอาแทยอนไปต่อไม่ถูกได้แต่ค้างอยู่อย่างนั้นเพราะไม่รู้จะพูดอะไรดี

     

    “ หุ้นส่วนก็อะไรหรอ? หืม? ”

     

    ชายหนุ่มร่างสูงจ้องมองมายังร่างเล็ก ดวงตาคมแฝงไปด้วยความน่าค้นหาชวนให้ผู้ที่พบเห็นใจสั่น  จมูกโด่งเป็นสันรับกับใบหน้าเรียวทำให้ดูดียิ่งขึ้น ปากหนาสีชมพูอ่อนน่าจุมพิตส่งผลให้ทุก ๆ ส่วนบนใบหน้าของเขาดูดีจนไร้ที่ติดุจดั่งเทพสร้าง ใบหน้าคมคาย ผิวขาวละเอียดอ่อนบวกกับความสูงที่เป็นที่หมายปองของหญิงสาวทั่วไปทำให้เขาคนนี้ดูฮอตสุด ๆ

     

    “ เอ่อ...คือว่า ” ร่างเล็กอึกอักที่จะตอบคำถาม ดวงตาคู่สวยหลุบลงต่ำไม่กล้าสู้หน้าเขา ใบหน้าหล่อเหลาที่เต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์ทำให้แทยอนรู้สึกหวั่นจนไม่กล้าแม้แต่จะสบตา ผู้ชายคนนี้ดูน่าเกรงขามอย่างบอกไม่ถูก

     

    “ ฉันคุยกับเธออยู่นะ ”

     

    ชายหนุ่มแปลกหน้าช้อนตามองร่างเล็กก่อนเปลี่ยนท่าทีจากที่ทำหน้านิ่งเป็นยิ้มหวานให้กับคนตัวเล็ก...ใบหน้าคมคายเลื่อนเข้ามาใกล้กับใบหน้าสวยหวานที่ตอนนี้เอาแต่ก้มหน้าก้มตาเพราะความกลัว เหงื่อเม็ดเล็ก ๆ ผุดขึ้นเต็มใบหน้าและฝามือจมชุ่มไปหมด มือเรียวกำชายกระโปงเอาไว้แหน่นเพราะเธอไม่คิดว่าที่แห่งนี้จะมีคนอยู่แถมไปนอนเล่นอยู่บนต้นไม้แบบนั้นยิ่งแล้วใหญ่

     

    “ กลัวหรอ? พี่ไม่ทำอะไรเราหรอกน่า ก็แค่ล้อเล่นนิดเดียวเอง ตื่นตูมไปได้ ”

     

    “ คะ? ” ร่างเล็กค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นสบตากับร่างสูง มันยิ่งทำให้ใจเธอเต้นไม่เป็นจังหวะ เพราะใบหน้าคมคายอยู่ใกล้ชิดกับเธอจนสามารถรับรู้ได้ถึงลมหายใจอุ่น ๆ ของกันและกัน...แทยอนใจเต้นไม่เป็นส่ำเพราะมีหลากหลายความรู้สึกปะปนกันอยู่ในจิตใจ ตอนนี้เธอบอกไม่ถูกจริง ๆ ว่าตัวเองควรจะพูดหรือทำอะไรกันแน่

     

    “ เรากลัวพี่จริง ๆ ด้วย ” ชายหนุ่มแปลกหน้ายักไหล่เล็กน้อยก่อนจะเดินถอยหลังไปสองก้าว เขาเสมองไปทางอื่นก่อนจะถอนพ่นลมหายใจออกมาทางปาก “ เป็นถึงลัคกี้ของแบคฮยอนแต่กลับมาตะโกนด่ามันแบบนี้...ถ้าแบคฮยอนรู้เข้าคงโกรธน่าดูเลยเนอะ ว่าไหม? "

     

    “ อย่าไปบอกรุ่นพี่แบคฮยอนนะคะ ” แทยอนโพล่งออกมาแทบจะทันที ความรู้สึกผิดที่เมื่อกี้เผลอไปทำตัวงี่เง่าค่อย ๆ เล่นงานเธอทีละน้อยจนแทบทรุด “ นะคะ ฉันขอร้องล่ะอย่าเอาไปบอกรุ่นพี่นะคะ เขาต้องโกรธมากแน่ ๆ ถ้ารู้ว่าฉันพูดอะไรไปบ้าง ”

     

    “ ไม่รู้สิ ฉันอาจจะไม่บอก...หรืออาจจะบอกก็ได้ ”

     

    “ โธ่ อย่าแกล้งฉันสิคะ แค่นี้เขาก็โกรธฉันจนไม่รู้จะโกรธยังไงแล้ว ”

     

    “ ฉันไม่เอาเรื่องนี้ไปบอกเจ้าแบคมันหรอกหน่า มันไม่ได้เกี่ยวกับฉันสักหน่อยทำไมฉันต้องทำให้ตัวเองเดือดร้อยโดยการเอาตัวเองไปหยุ่งกับพวกเธอสองคนด้วย...เธอเองก็เหมือนกัน ระวังตัวเอาไว้หน่อยก็ดี เธอไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะพูดอะไรตามใจตัวเองได้นะ โดยเฉพาะเรื่องของแบคฮยอน เข้าใจใช่ไหม? ”

     

    “ เข้าใจค่ะ ต่อไปฉันสัญญาว่าจะไม่พูดแบบนี้อีก แต่ขอร้องนะคะอย่าเอาเรื่องนี้ไปบอกรุ่นพี่แบคฮยอนเลย ”

     

    “ ก็ฉันบอกแล้วไงว่าจะไม่บอก ไม่ต้องห่วงหรอกฉันไม่ใช่พวกปากมาก ไม่บอกก็คือไม่บอก...จะกลัวอะไรนักหนา ”

     

                    ชายหนุ่มแปลกหน้าพูดตัดรำคาญ ร่างสูงยาวราวกับนายแบบที่ยืนนิ่ง ๆ ทำให้แทยอนละสายตาไปที่อื่นไม่ได้นอกจากใบหน้าของเขา...มันเป็นธรรมดาของมนุษย์อยู่แล้วที่หญิงสาวจะเกิดอาการเช่นนี้เมื่อเจอชายหนุ่มที่มีหน้าตาเป็นสิ่งโดดเด่น

     

                    แทยอนยืนมองเขาอยู่สักพัก เมื่อชายแปลกหน้าไม่มีทีท่าว่าจะพูดอะไรเธอจึงตัดสินใจที่จะเดินกลับเพราะพึ่งนึกได้ว่าในระแวกนี้มีแค่เธอกับเขาอยู่กันแค่สองคน แทยอนไม่ได้กลัวว่าเรื่องอย่างว่ามันจะเกิดขึ้นเพราะดูจากหน้าตาและการพูดแล้วเขาคงไม่ใช่คนนิสัยแบบนั้นแต่ที่ต้องไปเพราะเธอไม่อยากจะอยู่ตรงนี้นาน แทยอนกลัวว่าแบคฮยอนจะรู้เข้าแล้วมาโกรธเอา

     

    “ เดี๋ยว เธออย่าพึ่งกลับ ”

     

    “ คะ?

     

    “ อย่าพึ่งกลับตอนนี้ได้ไหม?

     

    “ ทำไมหรอคะ? ” ร่างเล็กเลิกคิ้วด้วยความไม่เข้าใจ ความสงสัยก็ผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด เขามีอะไรจะพูดกับเธออย่างนั้นเหรอ? หรือมีอะไรข้องใจต้องการที่จะคุยด้วย? แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรแทยอนก็เต็มใจที่จะคุย เพราะแทยอนสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นที่แผ่ออกมาจากตัวเขามากกว่าความร้ายกาจที่เธอไม่ควรเข้าใกล้

     

    “ อยู่เป็นเพื่อนฉันน่ะ ไม่มีใครหลงเขามาในนี้นานละ ฉันเหงา ”

     

    “ ก็ได้ค่ะ แต่คุณห้ามทำอะไรฉันนะ ”

     

    “ อย่าเพ้อเจ้อ อ่านนิยายมากเกินไปแล้วหัดดูซีรี่ย์ซะบ้าง จะได้ไม่มีความคิดเชย ๆ ในหัว ”

     

    “ ฉันไม่ได้เชยสักหน่อย ไม่ได้อ่านนิยายด้วย เรียนที่นี่มีเวลาให้นั่งอ่านนิยายซะที่ไหนเรียนหนักจะตาย ” แทยอนเบ้ปากเล็กน้อยก่อนจะคลี่ยิ้มออก อันที่จริงก็อยากจะอ่านอยู่หรอกนิยายน่ะแต่เรียนที่นี่มันมีเวลาว่างให้เธอซะที่ไหน เรียนบริหารธุรกิจหลักสูตรโรงเรียนเนเวอร์แลนด์มันหยุ่งยากจะตายหาเวลาดูทีวีสักสองชั่วโมงได้ก็ถือว่าเก่งแล้ว “ ค่ะ ว่าแต่คุณชื่ออะไรเหรอคะ? ”

     

    “ ชื่อจริงชื่อ อู๋ อี้ฟาน หรือเรียกสั้น ๆ ว่า พี่คริส ก็ได้ ”

     

    “ ค่ะพี่คริส...เอ่อว่าแต่ เมื่อกี้พี่คริสขึ้นไปทำอะไรบนต้นไม้หรอคะ ไปนอนเล่นหรอ? ”

     

    “ อือ ฉันขึ้นไปนอนประจำอ่ะ ข้างบนมันเย็นดีไม่มีใครรบกวนด้วย...ว่าแต่เธอเถอะ อยู่เป็นเพื่อนฉันได้แน่นะ? ”

     

    “ ได้สิคะ วันนี้ฉันไม่มีเรียนอยู่แล้ว ”

     

    “ งั้นมานั่งนี่สิ ” ร่างสูงเดินนำไปล้มตัวลงนั่งชังเข่าใต้ร่มต้นไม้ใหญ่ซึ่งเป็นต้นเดียวกับที่เขาปีนขึ้นไปนอนเล่น พรางตบพื้นข้าง ๆ ตัวให้แทยอนลงไปนั่งด้วย “ อากาศที่นี่ดีเนอะ ” เขาเอ่ยพรางทอดสายตาไปยังลำธารที่อยู่ข้างหน้า แววตาที่สุดแสนจะว่างเปล่าของเขาบัดนี้กลับเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข อันที่จริงเขาก็มีความสุขทุกครั้งที่อยู่ที่นี่นั่นแหละ

     

    “ ใช่ค่ะ อากาศที่นี่ดีมาก...ว่าแต่พี่คริสรู้จักฉันได้ยังไงเหรอคะ? รู้ได้ไงว่าฉันเป็นใคร ”

     

    “ มีใครบ้างในโรงเรียนนี้ที่ไม่รู้จักเธอ เธอน่ะดังจะตาย เป็นเด็กใหม่ที่ฮอตสุด ๆ ไปเลย ” เขาพูดติดตลกแต่สายตายังคงจ้องมองไปข้างหน้าเรื่อยเปื่อย

     

    “ ขนาดนั้นเลยเหรอคะ แล้วมันเป็นไปในทางที่ดีหรือไม่ดีล่ะคะ ”

     

    “ ก็ทั้งคู่ล่ะมั้ง แต่อย่าไปใส่ใจนักเลย ใครมีปากก็พูดได้ทั้งนั้นแหละไม่มีใครในโลกนี้ที่ไม่เคยโดนนินทาหรอก ฉันเองก็โดนอยู่บ่อย ๆ ”

     

    “ นั่นสิเนอะ เรื่องที่ฉันโดนคงไม่พ้นเรื่องของรุ่นพี่แบคฮยอน แล้วเรื่องของพี่คริสละคะ โดนนินทาว่าอะไรเหรอ? ”

     

    “ อย่ารู้เลยมันไม่น่าฟังหรอก แต่ถึงเธอจะไม่อยากรู้เดี๋ยวสักวันนึงเธอก็คงรู้อยู่ดีนั่นแหละ ”

     

    “ หมายความง่ายังไงคะ ตกลงอยากให้ฉันรู้ หรือฉันไม่ควรรู้ ”

     

    “ อ่า ฉันพูดไม่รู้เรื่องอีกแล้วสินะ...มันไม่มีอะไรหรอก แต่ฉันจะบอกอะไรเธอเอาไว้อย่าง เรื่องบางเรื่องที่มันอยู่ในอดีต ถ้ามันทำให้เธอต้องเจ็บปวดทุกครั้งที่นึกถึงก็ไม่ควรจะนึกถึงมันอีก อย่าฝังตัวเองเอาไว้กับมัน ก้าวผ่านมันไปซะ อย่าจมปลักกับมันไม่งั้นเธอจะไม่มีวันมีความสุขได้อย่างเต็มที่...เหมือนฉัน

     

    จู่ ๆ แทยอนก็รู้สึกใจหวิวขึ้นมา เมื่อกี้คริสอาจจะพูดถึงเรื่องตัวเองแต่ทำไมมันถึงตรงกับสิ่งที่เธอต้องเผชิญนักล่ะ อดีตที่ทำให้เจ็บปวดงั้นหรอ? ต่อให้เธอจะหนีก็คงหนีไม่พ้นอีกแล้วล่ะเพราะแทยอนรู้ดีว่าไม่ว่าเธอพยายามจะลืมมันสักเท่าไหร่แบคฮยอนก็ยิ่งจะทำให้เธอจะมากขึ้นเท่านั้น

     

    “ ในเมื่อพี่คริสรู้ตัวว่ากำลังจมอยู่ในอดีต ทำไมพี่ถึงไม่ก้าวออกมาจากตรงนั้นล่ะคะ ”

     

    “ มันคือบทลงโทษน่ะ ฉันเลือกที่จะอยู่ตรงนี้เอง ฉันเลือกที่จะไม่ไปไหน ฉันไม่ควรจะมีความสุขอีกนั่นคือสิ่งที่ฉันควรได้รับ ”

     

    “ ไม่มีใครบนโลกสมควรได้รับความเจ็บปวดหรอกค่ะ แต่ก็ต้องยอมรับว่าความสุขกับความทุกข์มันเป็นของคู่กัน ไม่เคยมีใครใช้ชีวิตโดยปราศจากความทุกข์หรอกค่ะ แต่เราก็ไม่ควรปล่อยให้ความทุกข์อยู่กับเรานานเหมือนกัน ”

     

    ร่างเล็กพูดไปมองหน้าอู๋ อี้ฟานไป ถึงแม้ตอนนี้เขาจะไม่ได้สบตากับเธอแต่แทยอนพอจะเดาออกว่าแววตาของเขาถ่ายทอดความเจ็บปวดออกมาชัดเจนขนาดไหน ตอนนี้เธอเข้าใจแล้วว่าที่เขาต้องการให้เธออยู่ต่อไม่ใช่แค่การอยู่เป็นเพื่อน แต่เพื่อปรับทุกข์ที่เขาอัดอั้นมานานกับหญิงสาวแปลกหน้าที่พึ่งเจอ

     

    แทยอนไม่รู้ว่าควรจะปลอบใจเขายังไงเพราะเธอไม่รู้ว่าเขาต้องเผชิญกับอะไรมาบ้าง...สิ่งที่เธอทำได้ดีที่สุดคือให้คำแนะนำกับเขา ซึ่งเป็นคำแนะนำที่เธอพูดได้แต่ไม่เคยใช้ได้กับปัญหาของตัวเองสักที

     

    “ ฉันจะไม่ถามว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ในเมื่อเรื่องราวพวกนั้นมันได้เกิดขึ้นไปแล้วแก้ไขอะไรก็ไม่ได้ด้วย ผูกใจเจ็บไปก็เท่านั้นมันช่วยอะไรไม่ได้หรอกค่ะ สิ่งที่ทำได้ดีที่สุดคือปล่อยวางแล้วทุกอย่างจะดีเองค่ะ ”

     

    “ เข้าใจแล้วว่าทำไมเซฮุนกับชานยอลถึงได้ปกป้องเธอนัก ไอ้แบคเองก็หวงเธอมากด้วย เพราะเธอเป็นแบบนี้นี่เอง ”

     

    “ คะ? อะไรนะคะ? ”

     

    “ เลิกพูดเรื่องดราม่าเถอะ ฉันมันพวกอ่อนไหวง่ายน่ะ ไม่อยากร้องไห้ต่อหน้าผู้หญิง...มันดูไม่แมน ” จู่ ๆ คริสก็เปลี่ยนเรื่องพูดกระทันหันทำเอาคนตัวเล็กตามแทบไม่ทัน ร่างสูงยักไหล่เล็กน้อยก่อนจะเอนตัวลงนอนบนพื้นหญ้าสีเขียวโดยไม่นึกรังเกียจ “ เรามาคุยเรื่องอื่นกันเถอะ...เธอน่ะ มีอะไรอยากถามฉันมั้ย? ”

     

    “ ไม่มีค่ะ ”

     

    “ ช่วยแกล้งทำเป็นว่ามีหน่อยเถอะ ชวนฉันคุยหน่อย ”

     

    “ งั้น...พี่คริสสนิทกับรุ่นพี่แบคฮยอนเหรอคะ กับพี่ชานยอลแล้วก็เซฮุนด้วย ”

     

    “ ก็ต้องสนิทสิ โตมาด้วยกันอ่ะถึงจะอายุไม่เท่ากันตอนมัธยมเรียนคนล่ะโรงเรียกันแต่ก็สนิทกันนะ สนิทมาก ๆ ด้วย...แต่แค่กับชานยอลเซฮุนนะ ส่วนไอ้แบคนี่ไม่ค่อยเท่าไหร่ มันน่ากลัวจะตาย ” คริสพูดอย่างไม่ใส่ใจนักก่อนจะเอ่ยต่อ “ แล้วเธอล่ะไม่กลัวมันบ้างเหรอ? มันยิ่งเป็นคนอารมณ์แปรปรวนง่ายอยู่ด้วย ”

     

    “ ไม่รู้สิคะ กลัวมั้ง...ฉันเองก็ไม่เคยเห็นเขาอารมณ์ดีใส่เลยสักครั้งตั้งแต่มาที่นี่  ”

     

    “ ทำไมล่ะ? ” คริสเกิดความใคร่รู้ขึ้นมาทันทีที่ได้ฟังสิ่งที่แทยอนพูดออกมา ส่วนตัวเขาเองก็ไม่ได้รู้เบื้องลึกเบื้องหลังอะไรมากไปกว่าการที่แบคฮยอนมีแทยอนเป็นลัคกี้โดยที่มีว่าที่คู่หมั้นอยู่แล้วอย่างอิม ยุนอา “ ตั้งแต่เมื่อกี้ที่ตะโกนด่ามันแล้ว ตกลงเธอสองคนมีเรื่องอะไรกันแน่ ”

     

    “ เดี๋ยวถึงเวลาพี่ก็จะรู้เองนั่นแหละค่ะ ตอนนี้รู้แค่ว่าเขาเกลียดฉันมาก ๆ ก็พอ ” น้ำเสียงของแทยอนดูเศร้าลงอย่าเห็นได้ชัด ทั้งสีหน้าและแววตาดูสลดลงจนคริสแปลกใจ...แค่พูดว่าแบคฮยอนเกลียดเธอ ทำไมมันถึงได้ปวดหนึบตรงหัวใจมากขนาดนี้ด้วยล่ะ

     

    “ นี่แทยอน ฉันมีอะไรจะเล่าให้ฟัง เธอรู้จักนิทานเรื่องปีเตอร์แพนรึเปล่า ในตอนเกือบท้ายเรื่องที่ปีเตอร์แพนโกรธทิงเกอร์เบว จริง ๆ แล้วมันเป็นเพราะความเข้าใจผิด ความเจ้าเล่ห์ของกัปตันฮุคทำให้ปีเตอร์แพนกับทินเกอร์เบวผิดใจกัน ”

     

    “ ... ”

     

    “ ...ความเกลียดชังที่คนเราจะมีต่อกันน่ะมันมีที่มาที่ไปในตัวของมันเองอยู่แล้ว มีรักก็ต้องมีเกลียดมันเป็นสัจธรรมของมนุษย์ สำหรับแบคฮยอน ถึงจะไม่ค่อยสนิทแต่พี่รู้ว่ามันมีความเป็นผู้ใหญ่มากพอและเป็นคนที่ฟังเหตุผลเป็นอันดับแรก พี่ไม่รู้หรอกนะว่าแบคฮยอนทำอะไรหรือพูดอะไรกับเราเอาไว้บ้างเราถึงได้คิดว่ามันคือการเกลียดชัง แต่การที่แบคฮยอนผูกมัดเธอเอาไว้แบบนี้พี่เชื่อว่ามันต้องมีเหตุผลอะไรบางอย่าง คนอย่างแบคฮยอนถ้ามันจะเกลียดใครสักคนจริง ๆ มันไม่ทำแบบนี้หรอกเพราะแม้แต่หน้ามันก็คงไม่อยากจะมอง ”

     

    แทยอนนิ่งไปกับคำพูดที่ยาวเหยียดของคริส ความรู้สึกที่หลากหลายมันปะปมไปหมด ดูเหมือนว่าเขาจะเข้าใจสถานะการณ์ตอนนี้ที่แทยอนกำลังเผชิญอยู่ แทยอนรู้ว่าคริสมีอดีตคริสเองก็รู้ว่าแทยอนมีอดีตแต่ทั้งคู่ไม่รู้ว่าอดีตของกันและกันคืออะไร  เพราะทั้งคู่น่าจะเคยผ่านอะไรที่คล้าย ๆ กันมาก่อนทำให้แทยอนกล้าที่จะบอกเล่าความในใจให้อีกฝ่ายได้ฟังส่วนคริสแองก็เหมือนได้ปลดปล่อยสิ่งที่ขังอยู่ในใจมานาน

     

    มันอาจจะดูง่ายดายและรวดเร็วที่จะไว้ใจและเชื่อใจคนที่พึ่งเจอกันได้ไม่ถึงครึ่งวัน แต่ก็ไม่เคยมีใครบอกว่าคนที่พึ่งเจอกันได้สามนาทีมันไว้ใจไม่ได้ บางคนใช้เวลาทำความรู้จักไปครึ่งชีวิตมันก็คงไม่เพียงพอที่จะให้ไว้ใจได้ ทุกอย่างมันอยู่ที่ใจไม่ได้อยู่ที่เวลาแค่อย่างเดียว สำหรับแทยอนแล้วเธอเชื่อความรู้สึกของตัวเองมากกว่ากดเกนบ้า ๆ บอ ๆ ที่คนทั้งโลกร่วมกันสร้างขึ้น ในเมื่อเขาจริงใจมาก็แค่จริงใจตอบมันไม่มีอะไรเสียหายอยู่แล้ว

     

    “ เด็กโง่...ไม่รู้ตัวเลยเหรอว่าแบคฮยอนมันไม่เคยเฉียดใกล้เข้าคำว่าเกลียดเธอเลยแม้แต่นิดเดียว ”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    “ ขอบคุณมาก ๆ เลยนะคะที่มาส่ง ” แทยอนเอ่ยขึ้นหลังจากที่คริสเดินมาส่งเธอจนถึงหน้าห้อง ริมฝีปากเรียวเล็กส่งยิ้มหวานให้กับชายหนุ่มร่างสูงพรางโค้งหัวขอบคุณไปหนึ่งที

     

    “ ไม่จำเป็นต้องสุภาพขนาดนั้นก็ได้ พี่ไม่ซีเรียส ”

     

    “ เอ่อว่าแต่พี่คริสคะ ถ้าฉันไปที่สวนหลังโรงเรียนอีก ฉันจะได้เจอพี่อีกมั้ยคะ?

     

    “ ก็ถ้าพี่ว่าง เราก็อาจจะได้เจอพี่นะ...แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่เราอยากเจอพี่จริง ๆ ก็โทรหาพี่แล้วกัน ”

     

    “ ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ แต่ยังไงก็ขอบคุณนะคะที่วันนี้ยอมรับฟังเรื่องไร้สาระของฉัน ”

     

    “ อืม ไม่เป็นไร...เธอเข้าไปได้แล้ว เดี๋ยวพี่ต้องไปธุระต่อ ”

     

    “ ค่ะ งั้นโชคดีนะคะ ”

     

    คริสยื่นมือมายีหัวของแทยอนจนเธอต้องยกมือขึ้นมาลูบผมให้มันกลับเข้าที่เหมือนเดิม...คนตัวเล็กยืนมองแผ่นหลังของร่างสูงที่เดินออกไปไกลเรื่อย ๆ จนลับสายตาแล้วจึงค่อยหันกลับมาเดินเข้าห้องไป

     

    การได้คุยกับคริสในวันนี้ทำให้เธอได้รู้อะไรหลาย ๆ อย่าง ทั้งเรื่องในโรงเรียนและเรื่องของแบคฮยอน มันอาจจะดูน่าเกลียดที่เธอเอาแต่ถามเรื่องแบคฮยอนกับคนอื่นแต่เพราะมันเป็นเรื่องของคนที่เธอรักแทยอนจึงไม่ได้กระดากอายอะไรที่จะถาม...คริสยังได้เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับสวนแห่งนั้นให้แทยอนได้ฟังอีกด้วยแต่ทว่าเล่าไปได้แค่แป๊บเดียวเขาก็หยุดเล่าแล้วหันมาส่งยิ้มด้วยแววตาที่ฉายความเจ็บปวดอย่างชัดเจนให้กับเธอเอง แทยอนจึงรู้ตัวทันทีว่าไม่ควรจะถามอะไรต่อ

     

     อี้ฟานเป็นคนอบอุ่น เข้าอกเข้าใจแทยอนทุกอย่าง เป็นทั้งที่ระบายและให้คำปรึกษาได้ดีทั้ง ๆ ที่พึ่งเจอกัน เขาทำให้แทยอนคิดว่าเราทั้งคู่ควรจะเจอกันให้เร็วกว่านี้เพราะอย่างน้อย ๆ เธอจะได้มีที่ที่ทำให้หลุดพ้นจากความเศร้าได้เวลาที่แบคฮยอนมาพูดจาทำร้ายจิตใจใส่

     

    แทยอนสะบัดหัวไล่ความคิดออกไปก่อนจะหันไปล็อคห้องลงกลอนประตูให้เรียบร้อย ทันทีที่เดินเข้ามาความเหนื่อยล้าก็เข้ามากัดกินพลังงานในร่างกายไปทีละน้อย สิ่งแรกที่เธออยากจะทำคือการแช่ตัวลงบนน้ำอุ่น ๆ ชำระร่างกายให้สะอาดแล้วพักผ่อนให้เต็มที่ก่อนที่พรุ่งนี้จะต้องเข้าเรียนตามปกติ

     

    ฟึ่บ

    เดรสสีขาวถูกปลดเปลื้องออกจากร่างบางของหญิงสาว ก่อนจะหล่นลงไปกองอยู่บนพื้นโดยที่ร่างเล็กไม่ทันฉุกคิดและสนในจอะไรบางอย่างที่อยู่ในห้องแห่งนี้กับเธอเลยแม้แต่น้อย...แทยอนยังไม่ทันได้เอะใจในอะไรด้วยซ้ำ จนกระทั่ง...

     

    ฉันบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าทำตัวง่ายกับผู้ชายคนอื่น...ในขณะที่เธอกำลังเป็นของของฉันอยู่

     

     

     

     

     

     

     


    โหดจริง ๆ ค่ะ โหดเหลือเกิน โหดจนน่าตี สักวันเถอะแบคฮยอนถ้าแทยอนไปรักคนอื่นเธอจะรู้สึก


     

     

    B E R L I N ❀
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×