คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : My Peter Pan: Chapter1
ร่างเล็กสวมเครื่องแบบสีแดงเลือดหมูซึ่งมีตราของมหาลัยตรงอกฝั่งช้ายเป็นรูปขลุ่ยแพนช้อนทับรูปดวงดาวตรงต้นแขนข้างเดียวกันนั้นเป็นรูปพระจันท์เสี้ยวสีเงินแถบทอง
ในส่วนของความรู้สึกเธอนั้นเครื่องแบบพวกนี้มันดูวิเศษเอามาก ๆ แต่มันก็ไม่สามารถทำให้เธอหายกังวลใจเรื่องโรงเรียนนั่นอยู่ดี
ตอนนี้เป็นเวลาเจ็ดโมงกว่า ๆ แสงแดดอ่อน
ๆ สีเหลืองทองยามเช้าสาดส่องกระทบเข้ากับใบหน้าสวยหวานของร่างเล็ก หลังจากที่ก้าวเท้าลงมาจากรถประจำตระกูลสุดหรู
เธอมีเพียงกระเป๋าเสื้อผ้าใบเดียวและกระเป๋าสะภายสีดำขนาดกลางที่ตอนนี้ถูกสวมเข้าที่หลังของเธอเป็นที่เรียบร้อย...บอกเลยว่ากว่าจะทำใจได้ก็ปาไปเที่ยงคืนกว่าแล้วแถมตอนเก็บของเข้ากระเป๋านี่ก็ปาไปตีสองได้นอนไม่กี่ชั่วโมงก็ต้องตื่นแต่เช้าเพื่อที่จะมาที่นี่
แม้จะไม่เต็มใจแต่เธอก็ขัดใครไม่ได้ทั้งนั้น
แทยอนจ้องมองภาพตรงหน้าโดยไม่คิดจะละสายตาเพราะมันสวย
สวยมากจริง ๆ สวยจนเธอไม่อยากจะเชื่อว่านี่คือมหาวิทยาลัย...ตอนที่เห็นในทีวีว่าสวยงามตระกาลตาแล้วแต่มันกลับเทียบไม่ติดกับสถานที่จริงเลยสักนิด
เหมือนกับปราสาทในเทพนิยายไม่มีผิดเพี้ยน
ด้านในมีคฤหาสน์สูงใหญ่หลายตึกด้วยกัน
แถมยังมีสวนดอกไม้สีสันสดใสสวยงามประดับสองข้างทางอีกด้วย หญ้าต้นเต้ยสีเขียวอ่อนที่บนยอดหญ้ามีหยดน้ำค้างพร่างพรมเมื่อสะท้อนกับแสงแดดยามเช้าจึงทำให้เกิดเป็นแสงสีขาวแววาวราวกับเพชรพลอยเปร่งประกายส่องสว่างขื้นมา
แทยอนไม่เคยเห็นอะไรที่สวยงามเหมือนดินแดนในฝันขนาดนี้มาก่อน เธอทั้งชอบและตื่นเต้นจนลืมเรื่องกังวลก่อนหน้านี้ออกไปจากหัวชั่วขณะ
“ จะให้ผมเดินเข้าไปส่งไหมครับ ”
เสียงทุ้มต่ำที่ดังขึ้นไล่หลังทำให้แทยอนหยุดชื่นชมกับสถานณ์ที่ตรงหน้าแล้วหันหลังกลับไปมองต้นตอของเสียงเรียกนั้น
“ ไม่เป็นไรดีกว่าค่ะ พี่โซยอนกลับไปเถอะ
แทเข้าไปคนเดียวได้ ”
“ แน่ใจนะครับ ”
แทยอนไม่ได้เอ่ยปากตอบอะไรออกไป เธอเพียงแค่ส่ายหน้าเบา
ๆ เป็นเชิงว่า ‘ไม่เป็นไร’ ก่อนจะหันไปสนใจกับภาพตรงหน้าต่อ
ที่นี่สวยกว่าที่คน ๆ นั้นเคยเล่าให้เธอฟังเสียอีก ได้ยินชื่อมาตั้งนานในที่สุดก็ได้มาเห็นของจริงเสียที
ร่างเล็กกวาดตามองไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งสายตาของเธอไปสะดุดเข้ากับตัวหนังสือขนาดไม่ใหญ่มากนักถูกละเลงลงบนยอดประตูทางเข้าบานสูง
เธอมองไปยังตัวอักษรเหล่านั้นพรางพึมพำอ่านตามเบา ๆ
“ Neverland... ”
คำว่า เนเวอร์แลนด์ ไม่ว่าแทยอนจะได้ยินมันกี่ครั้ง เธอก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึง ปีเตอร์ แพน ของเธอ ใจนึงก็อยากจะเจอเขาแต่อีกใจนึงก็ยากจะหนีไปให้ไกลจากตรงนี้ แต่แน่นอนในเมื่อเธอเลือกที่จะเดินเข้ามาอยู่ที่นี่แล้วไม่ช้าหรือเร็วยังไงก็ต้องเจอเขาอยู่ดี
“ โชคดีนะครับ ดูแลตัวเองด้วย
ขาดเหลืออะไรก็โทร.หาผมได้ตลอดนะ ”
“ ค่ะ ”
แทยอนพยักหน้ารับคำพรางยืนมองดูแผ่นหลังของคนขับรถที่กำลังหันหลังกลับออกไป...จะว่าไปในใจของเธอตอนนี้มันก็ไม่ได้รู้สึกแย่ไปสะหมดหรอก
เพราะลึก ๆ แล้วเธอเองก็แอบรู้สึกดีที่เธอกำลังจะได้พบกับปีเตอร์แพนของเธอที่ไม่ได้เจอกันมานานกว่าสองปี
ตอนนี้เขาคนนั้นจะเป็นยังไงบ้างนะ?
ยังเกลียดเธออยู่รึเปล่า? ยังคงเป็นเหมือนเดิมอยู่ไหม? หรือว่าการเวลาได้เปลื่ยนเขาไปหมดแล้ว...
แทยอนก้าวเดินเข้ามาข้างในพรางกระชับกระเป๋าสะภายให้แน่นขื้น
ความตื่นเต้นที่มีในใจเรี่มเพิ่มทวีขึ้นทีละน้อยจนตอนนี้ความคิดต่าง ๆ นา ๆ ก็ผุดขื้นมาเป็นดอกเห็ดตีกันให้วุ่นไปหมดทั้งกลัว สับสน กังวล ตื่นเต้น บลา ๆ
ๆ คละเคล้ากันไป
การเจอหน้าคนรักเก่าที่ความหลังจบไม่ค่อยสวยเท่าไหร่นัก
ทำให้เธออยากจะบ้าตายเสียให้ได้ มันไม่ง่ายเลยที่จะทำใจกล้าหน้าด้านมาเสนอหน้าให้เขาเห็นทั้ง
ๆ ที่เขาก็เคยยื่นคำขาดแล้วว่าไม่อยากเห็นหน้าอีกและเธอก็ดันปากไวเกินไปที่ไปตกปากรับคำว่าจะไม่มาให้เขาเห็นหน้าอีก
แล้วแบบนี้ถ้าเจอหน้ากันเธอควรจะขุดหาคำพูดมาจากที่ไหนเพื่อที่จะได้ไม่โดนเขาต่อว่า
แทยอนถอนหายใจออกมาก่อนจะมองไปรอบ
ๆ โรงเรียนเพราะเธอก็ยังไม่รู้ว่าหอที่เธอจะต้องอยู่นั้นมันตั้งอยู่ส่วนไหนของโรงรียนนี่
เพียงแค่มองผ่าน ๆ ยังสัมผัสได้ว่าโรงเรียนแห่งนี้นี่มันต้องไม่ธรรมดาแน่ ๆ เพราะทั้งอาคาร
ทางเดิน สนามหญ้าข้างทาง ภาพลักษณ์โดยรวมทุกอย่างมันดูเพอร์เฟกต์ไปซะหมดและมีอีกอย่างที่พอจะเดาได้คือเจ็ดสิบห้าเปอร์เซ็นต์ของนักเรียนที่นี่มีนิสัยที่ไม่น่าคบหาเท่าไหร่แน่นอน
ฟึ่บ~
“ มองอะไรอยู่คะคนสวย
มีอะไรให้พี่ช่วยมั้ยเอ่ย? ”
“...” เพราะมัวแต่มองสภาพแวดล้อมรอบข้างจนไม่สนใจคนที่เดินผ่านไปผ่านมาจะมองเธอด้วยสายตายังไง
ร่างเล็กสะดุ้งตัวโหยงเมื่อพบว่ามีคนมากระชากแขนบางทำให้เธอปริวถลาไปตามแรงของคนแปลกหน้าจนทำให้ใบหน้าสวยหวานอยู่ในระดับเดียวกับหน้าอกแกร่งของชายหนุ่มผู้นั้น
“ ปล่อยฉันนะคะ ”
แทยอนพยายามสะบัดแขนออกจากการเกาะกุมของอีกฝ่าย
แต่ก็ไม่เป็นผลเพราะดูเหมือนเขาจะมีแรงเหนือกว่าอยู่มากโข ก็แน่ละแรงผู้หญิงจะไมสู้แรงก็ผู้ชายได้ยังไงมันไม่มีทางสมดุลกันอยู่แล้ว
“ เป็นเด็กใหม่
แถมยังหน้าตาน่ารักน่าชังเสียด้วย...อย่างนี้พี่ค่อยสนุกหน่อย ”
“ เชิญคุณสนุกไปคนเดียวเถอะค่ะ
ฉันไม่เล่นด้วย ”
“ ทำไมพูดจาห่างเหินกันจังเลยล่ะคะคนสวย
ไม่เอาน่ามาทำความรู้จักกันให้คุ้นเคยดีกว่านะ...เราสองคนยังต้องเจอกันอีกนานนะ ”
ชายแปลกหน้าใช้นิ้วหยาบกร้านเกลี่ยที่แก้มของแทยอนไปมาทำให้เธอยิ่งรู้สึกหวาดกลัว
แก้วตาสีนิลสั่นระริก ฝ่ามือที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อขยุ้มปลายกระโปงด้วยความกังวล ชายหนุ่มแปลกหน้าไม่หยุดอยู่แค่นั้นเขากำลังโน้มคอลงมาเตรียมจะขโมยจูบแสนหวานจากริมฝีปากบางที่ตอนนี้ซีดเผือก
ทว่ายังไม่ทันที่จะได้แตะต้งอะไรเลยด้วยซ้ำเขาก็โดนกระชากตัวออกไปอย่างแรงจากด้านหลังโดยบุคคลที่สามที่เข้ามาช่วย
พลั่ก! ตุ่บ! พวั๊ะ!
แทยอนได้ยินเสียงก้อนเนื้อกระทบกันอย่างรุนแรง
งานนี้ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเลือดต้องมาแน่ ๆ บอกเลยว่าทั้งกลัวและอายที่มาโรงเรียนวันแรกก็ต้องตกเป็นเป้าสายตาของคนทั่วไปเสียแล้ว
ทั้งที่เธอวางแผนไว้ว่าจะมีชีวิตที่สงบ ๆ ในโรงเรียนแห่งนี้แล้วแท้ ๆ
“ รีปไปให้พ้น ๆ ซะ ไม่งั้นฉันจะเปลื่ยนใจจัดการพวกนายตรงนี้ ”
“ ชิส์!!...แดซองลุกขึ้นมาเร็ว ๆ ดิเดี๋ยวแม่งก็โดนจับลงโทษหรอกมึง ”
“ มึงก็มาช่วยกูลุกดิวะ! ”
ทันทีที่แทยอนจ้องมองไปยังผู้มาใหม่
สิ่งแรกที่เธอเห็นคือแผ่นหลังของชายสองคนที่วิ่งไปด้วยความเร็วแสง เหลือเพียงชายหนุ่มสองคนท่ามีหน้าตาเข้าขั้นเทพบุตรบวกกับส่วนสูงที่เหมือนายแบบทั้งคู่
เขาทั้งสองสามารถเปร่งออร่าออกจากตัวได้ตลอดเวลาแม้กระทั่งตอนทำหน้าโหดเพื่อไล่ไอ้พวกหน้าตัวเมียสองตัวเมื่อสักครู่นี้ไปก็ยังเต็มไปด้วยออร่าที่ส่องประกายออกมาทิ่มแทงตาสาว
ๆ ที่เดินผ่านไปมาแถวนี้
ทั้งคู่สวมชุดเครื่องแบบสีดำแถบขาวตรงอกข้างช้ายมีตราประจำโรงเรียนเหมือนกับของเธอแต่จะพิเศษกว่าตรงที่มันสลักตัวหนังสือสีทองเอาไว้ซึ่งน่าจะเป็นชื่อของพวกเขานั่นแหละ
ท่าทางจะเป็นคนสำคัญของโรงเรียนนี้
“ ไม่เป็นไรใช่มั้ยครับ? ”
' ไม่เป็นไรนะครับ...พี่มาช่วยแล้ว'
ภาพชายหนุ่มที่มาช่วยเธอวันนี้มันทำให้เธอหวนนึกถึงความทรงจำดี
ๆ ที่เธอเคยมีเมื่อสองปีก่อน แต่พอนึกถึงทีไรก็เหมือนมีปลายมีดแหลมๆมาปักตรงกลางอกทุกที
ทั้ง ๆ ที่สมองอยากลืมแต่ใจกลับจำมนได้แม่น
“ ขอบคุณมาก ๆ เลยนะคะ ที่มาช่วยฉันถ้าไม่ได้พวกคุณสองคนฉันคงแย่แน่เลย ”
ร่างเล็กยิ้มเจื่อน ๆ ให้ พอมองเห็นหน้าพวกเขาชัดเจนแล้วผู้ชายสองคนนี้หน้าตาหล่อเหลาเข้าขั้นไอดอลเลยทีเดียว
ท่าทางดูดีมีชาติตระกูลถ้าบอกว่าเป็นเชื้อพระวงค์เธอคงจะเชื่อแบบสนิทใจเพราะพวกเขาดูสง่างามมากจริง
ๆ ดูดีไปซะหมดโดยไม่มีที่ติแม้แต่น้อย
ผู้ชายตัวสูงที่หูกาง ๆ หน่อยหันมายิ้มอบอุ่นให้กับแทยอน....ส่วนอีกคนที่มีส่วนสูงใกล้เคียงกันกลับทำหน้าเรียบนิ่งไม่แสดงความรู้สึกอะไรออกมาทั้งนั้น
นัยน์แววตาดูว่างเปล่าจนเธอไม่กล้าแม้แต่จะมอง...อีกคนดูเป็นมิตรก็จริงแต่อีกคนกลับดูน่ากลัวเสียอย่างนั้น
“ ไม่เป็นไรหรอก
คราวหน้าก็ระวังตัวหน่อยแล้วกัน พึ่งมาใหม่แถมยังหน้าตาน่ารักแบบนี้อีกอันตรายนะ ”
“ ทำไมหรอคะ? ”
“ ก็เห็นอยู่เมื่อกี้
ไม่น่าถามเลยนะเรา ” ผู้ชายที่ตาโต ๆ หูกาง ๆ
หน่อยพึมพำกับคนตัวเล็กเบา ๆ ...แววตาของเขาชช่างดูอบอุ่นเสียจริง ๆ
แทยอนสัมผัสได้ถึงความใจดีที่ออกมาจากตัวของเขา และแน่นอนเขาต้องช่วยเธอได้แน่ ๆ
“ ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอกนะ
ไม่ต้องเกรงใจ ฉันกับเซฮุนยินดีที่จะช่วย ” เขาเอ่ยขึ้นอีกครั้งพรางหันหน้าไปทางผู้ชายอีกคนที่เขาเรียกว่าเซฮุนซึ่งตอนนี้สีหน้าของเขาก็ยังคงไม่เป็นมิตต่อสิ่งแวดล้อมตามเคย
ทำไมเขาถึงได้ทำหน้าไม่พอใจอยู่ตลอดเวลาแบบนั้นนะเขามีเรื่องให้เครียดนักหรือไง
“ จะดีหรอคะ? ” ร่างเล็กยิ้มเจื่อน ๆ ให้อีกครั้งพรางเลิกคิ้วข้างนึงถาม ชายหนุ่มทั้งสองพยักหน้าย่างหนักแน่นเพื่อย้ำให้เธอมั่นใจว่าเขานั้นพร้อมที่จะช่วยเธอทุกอย่าง
ขอเพียงแค่คนตัวเล็กเอ่ยปากขอมาก็เท่านั้น “ ฉันไม่รู้ว่าหอของตัวเองอยู่ที่ไหนอ่ะค่ะ
รบกวนหน่อยได้มั้ยคะ? ”
“ เรื่องแค่นี้เอง
มันต้องได้อยู่แล้วเดี๋ยวไปส่งให้ถึงห้องเลยดีมั้ย? ” แทยอนดูสะตั้นเล็กน้อยกับประโยคตรงท้ายที่แสนจะกำกวมของชายหนุ่มผู้หวังดี
ก่อนจะทำใจหัวเราะออกมาแห้ง ๆ เพราะคิดว่ามันคนเป็นการเล่นมุขตลกของเขา
“ พี่ลืมไปแล้วหรอครับว่าเราต้องแวะไปที่ไหน
อีกอย่างนะครับเรามีประชุมตอนเก้าโมง...แล้วตอนนี้ก็แปดโมงแล้วด้วย ” เซฮุนพูดด้วยน้ำเสียงเรียบพรางจ้องมองมายังเธอด้วยแววตาที่คาดเดาได้ยากทำเอาแทยอนแทบจะมุดดินหนีหรือไม่ก็เดินหนีไปไกล
ๆ จากตรงนี้ให้เร็วที่สุดเพราะกลัวว่าอาจจะโดนสายตานั่นสาดยาพิษใส่เอา
“ อืม... ” ชานยอลทำท่าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะยกยิ้มบานแฉ่งให้ทั้งแทยอนและเซฮุนทำเอาทั้งสองคนงงเป็นไก่ตาแตกกับท่าทีที่แสนจะพิลึกของชานยอล
“ ก็ไปกินกันทั้งสามคนเนี่ยและ
แล้วค่อยเดินไปส่งผู้หญิงคนนี้...โอเครมั้ย ”
แทยอนได้แต่ยืนฟังด้วยความงุนงง
อะไรของเขาเนี่ยคุยเองตอบเองเสร็จสับ จะเฟรนลี่ไปไหน แต่ก็นะ เธอจะทำอะไรได้ยังไงผู้ชายสองคนนี้ก็คือคนที่ช่วยเธอไว้จากไอ้บ้านั่น
เขาทั้งสองคงไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรหรอกเผลอ ๆ อาจจะเป็นคนที่ดีมาก ๆ เลยก็ได้ถ้าได้คุยด้วย
แทยอนยกยิ้มบาง ๆ ให้กับชานยอลก่อนจะเหลือบไปมองชายหนุ่มอีกคนที่ยังคงทำหน้าเรียบเฉยเช่นเดิม
ทำไมเขาถึงได้นิ่งขนาดนี้นะ มันน่ากลัวจนเธอไม่กล้าแม้แต่จะมองไปยังเขาตรง ๆ ด้วยซ้ำ...เขาไม่พอใจอะไรเธอรึเปล่า?
“ เซฮุน....ยิ้มหน่อยสิ
นายกำลังทำให้เธอกลัวนะ ดูสิเหงื่อแตกหมดแล้ว ”
“ ช่างเธอ... ”
“ โอ เซฮุน ”
ไม่ทันที่เด็กหนุ่มร่างสูงจะได้พูดอะไรจบก็โดนผู้เป็นพี่เรียกชื่อด้วยเสียงทุ้มต่ำที่แสนน่าเกรงขามทำเอาแทยอนก้มหน้ามองพื้นดิน
เข้ามาวันแรกก็อยู่ยากเสียแล้ว
แล้วแบบนี้วันต่อ ๆ ไปจะเป็นยังไง
“
ฉันทำให้เธอกลัวหรอ...ขอโทษนะ ”
แทยอนพยักหน้ารัว ๆ แล้วก็ยิ้มแบบที่เธอคิดว่าเป็นมิตรที่สุดให้ทั้งสองคนไป
เซฮุนเองก็ส่งยิ้มให้เธอถึงจะดูฝืน ๆ แต่อย่างน้อยเขาก็ยิ้มล่ะน่า เวลาที่เขายิ้มน่ารักกว่าตอนทำหน้านิ่งเสียอีกมันน่ารักมาก
ๆ จนทำให้หญิงสาวที่เดินผ่านไปมาเหลียวหลังหันกลับมามองกันหมดทุกคนราวกับว่ารอยยิ้มของเข้าหาดูยากยิ่งกว่าสิ่งมหัศจรรย์ของโลกที่ปีนึงเปิดให้ชมครั้งเดียวซะอีกและมันก็คงจะเป็นสิ่งที่หาดูยากจริงๆนันแหละ......แต่ยิ้มได้ไม่นานเขาก็หุบมันลงอีกครั้งแล้วปรับสีหน้าให้เป็นปกติที่สุดเหมือนไม่อยากให้ใครเห็นมันอย่างนั้นแหละ
“ เอ่อ..แล้วเราจะไปที่ไหนกันหรอคะ?
”
“ ไปร้านชานมไข่มุกน่ะ ของชอบของเซฮุนเขา
”
อ๋อ... ไม่น่าล่ะเขาถึงได้ยิ้มให้กับฉันง่าย
ๆ คงจะดีใจไม่น้อยที่จะได้ไปกินชานมไข่มุกตามที่ต้องการถึงจะมีพลังงานบางย่างอย่างเธอตามไปด้วยก็เถอะ...ว่าแต่เซฮุนคนนี้เขาเป็นคนยังไงกันแน่นะทำไมบางครั้งถึงได้ดูเย็นชาจังแต่บางครั้งกลับดูอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก
“ งั้นเรารีบไปกันเถอะครับ จะได้ไม่เสียเวลาไปมากกว่านี้ ”
ชานยอลพยักหน้าให้กับน้องชายจ่างสายเลือดเบา ๆ
ก่อนจะเดินมาแย่งกระเป๋าไปจากมือแทยอนทำให้เธอมองมาที่เขาอย่างงุนงง ร่างเล็กกระพริบตาปริบ
ๆ มองกระเป๋าที่ถูกฉกฉวยไป
แต่ชานยอลกลับอมยิ้มทำหน้าไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรซึ่งทุกย่างอยู่ในสายตาของเซฮุนทั้งหมดแต่เขาก็ไม่ได้สนใจอะไร
ก็มันไม่ใช่เรื่องของเขานี่นา
ทั้งสามพูดคุยกันไปในขณะเดินโดยไม่เร่งรีบ
แถมอากาศยามเช้าของมหาลัยนี้มันก็ดีจริง ๆ มีต้นไม้มากมายอยู่รอบบริเวณ
ไม่ว่าใครที่ได้มองก็ต้องสดชื่นตามทั้งนั้นแหละ
ไม่น่าละโรงเรียนนี้ถึงเป็นที่ต้องการของเด็กทั่ว ๆ
ไป...ตามทางเดินที่ถูกปูด้วยคอนกรีตดูสะอาดสะอ้านตา
ใต้ต้นไม้ใหญ่ก็มีโต๊ะเก้าอี้ให้นักเรียนได้นั่งเล่น
“
คุยกันมาตั้งนานแล้วใจคอไม่คิดดจะบอกชื่อหน่อยหรอ? ”
เสียงทุ้มของชานยอลเอ่ยถามพรางยกยิ้มแบบกวน ๆ แต่มันกลับดูเท่ห์มาก ๆ
แทยอนส่งยิ้มตอบกลับไปก่อนจะเอ่ยแนะนำตัวอย่างเป็นทางการต่อเพื่อนใหม่ทั้งสอง
“ ฉันชื่อคิม แทยอนค่ะ เรียกสั้น ๆ ว่าแทก็ได้ ”
“ ความงามที่สูงส่ง
ความหมายนี้เหมาะกับเธอดีนะ...ฉันชื่อโอ เซฮุนนะ เราสองคนน่าจะอายุเท่ากันเพราะฉะนั้นเรียกเซฮุนเฉย
ๆ ก็ได้...แล้วก็ไม่ต้องมาถือตัวกับฉันนะ ทำตัวสบาย ๆ แล้สเราจะอยู่ด้วยกันได้ ”
ดูเหมือนว่าเซฮุนจะเปิดใจให้กับเพื่อนใหม่คนนี้มากขึ้น แต่ก็นะ
คนเย็นชาอย่างเขาก็ยังคงรักษาความนิ่งไว้เหมือนเดิมนั่นแหละ
“ ฉันชื่อปาร์ค ชานยอล นะ
แน่นอนว่าฉันคงอายุมากกว่าเธอ
งั้นเรียกว่ารุ่นพี่ละกัน...แต่ถ้าจะให้ดีเรียกพี่ดีกว่า ”
ประโยคสุดท้ายชานยอลเอียงตัวเข้ามากระซิบข้างหูของแทยอน
ทำเอาเธอสะดุ้งเล็กน้อยใจเต้นแรงเพราะเสียงแหบพร่าที่กระซิบข้างหูของเธอนั่นทั้งแผ่วเบาและขี้เล่นในเวลาเดียวกัน
แทยอนไม่ได้คิดไปเองแน่ ๆ ชานยอลตั้งใจจะปั่นประสาทเธอแน่นอน
“ เรียกพี่ชานยอลว่าพี่เถอะแทยอน
ดูท่าทางแล้วเขาคงไม่อยากจะให้เธอเรียกว่ารุ่นพี่สักเท่าไหร่ ”
“
ทำเป็นรู้ดีนะเซฮุน ”
“ ก็ผมเป็นน้องพี่นิครับ
แค่พีอ้าปากผมก็เห็นลิ้นแล้ว ”
“ เป็นน้องก็ใช่ว่าจะมารู้ความคิดฉันได้นิ
ไอ้เด็กนี่! ”
แทยอนมองดูสองพี่น้องถกเถียงกันทำให้เธออดไม่ได้ที่จะยิ้มตามภาพน่ารักนั่น....ตั้งแต่ตอนที่พวกเขาช่วยเธอจนถึงตอนนี้เธอก็พึ่งจะฉุกคิดได้ว่าเครื่องแบบที่พวกเขาใส่นั้นเป็นสีดำแถบขาวชึ่งมันคงจะเกี่ยวข้องกับการที่คนอื่น
ๆ ให้ความเคารพพวกเขา แถมตลอดทางที่เดินมา คนที่เดินสวนกับพวกเขาก็มองมาด้วยสายตาแปลก
ๆ ทั้งนั้น
ตกลงสองคนนี้เป็นใครกันแน่?
แล้วพวกเขาจะเกี่ยวข้องกับคน ๆ นั้นรึเปล่านะ
ไม่นานนักพวกเขาทั้งสามคนก็เดินมาจนถึงร้านชานมไข่มุก
ชึ่งเป็นร้านเล็ก ๆ น่ารักที่ตั้งอยู่ในข้างทางเดินของโรงเรียนนี้เนี่ยแหละ และไม่ใช่จะมีแค่ร้านเดียวด้วยแต่ยังมีร้านขายของอื่น
ๆ มากมายเยอะแยะเต็มไปหมด ระหว่างทางชานยอลจะเป็นคนที่ชวนคุยอยู่ตลอดหมดเรื่องนี้ต่อเรื่องใหม่ไม่จบไม่สิ้น
จากตอนแรกที่รู้แค่ชื่อแต่ตอนนี้แลกเบอร์กันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ไวไฟใช่มั้ยล่ะ
เซฮุนพลักประตูร้านเข้าไปเป็นคนแรกตามด้วยแทยอนและชานยอล
ข้างในร้านเน้นโทนสีขาวสลับกับสีฟ้าตกแต่งด้วยผลไม้ปลอมหลากหลายชนิดและหลอดแก้วใสบรรจุเม็ดทรายสีฟ้าคราม มันดูน่ารักเอามาก ๆ จนแทยอนเผยยิ้มกว้างออกมา ชานยอลเองก็ลอบยิ้มบาง
ๆ แต่ไม่ใช่เพราะร้านนะ มันเป็นเพราะคนตรงหน้าต่างหากก่อนจะเดินนำไปที่โต๊ะเมื่อสั่งเสร็จแล้ว
“ ชอบร้านแบบนี้มั้ย? ”
เสียงทุ้มเอ่ยขื้นในขนะที่อีกคนกำลังนั่งดูดน้ำแตงโมปั่นจากแก้วที่พึ่งนำมาเสีร์ฟ แทยอนไม่ได้พูดอะไรออกมา
เธอทำเพียงพยักหน้าตอบแทนคำพูดเท่านั้น
อันที่จริงถึงชานยอลจะไม่เอ่ยถามก็น่าจะรู้คำตอบอยู่นะเพราะท่าทางเธอมันฟ้องซะขนาดนี้
“ รุ่นพี่ค่ะ......เอ่อ พี่ชานยอล ”
แทยอนกลั้นใจพูดออกไปด้วยความอยากรู้ที่สุมอยู่เต็มอกของเธอ
ขืนไม่ถามมีหวังอกแตกตายเพราะความสงสัยมันอัดแน่นกันแน่ ๆ
“ หืม...มีอะไรหรอ? ”
ชานยอลเลิกคิ้วถามเมื่อเห็นท่าทางอึกอักของอีกฝ่าย
“ คือทำไมพี่กับเซฮุนถึงใส่เครื่องแบบสีดำล่ะคะ?
มีอะไรพิเศษอย่างงั้นหรอ? ”
“ อ๋อ...ก็.... ”
“ เดี๋ยวก่อนครับ
” เซฮุนยกมือขื้นห้ามไม่ให้ชานยอลพูดอะไร ก่อนจะหันมาทำหน้าจริงจังกับแทยอน
“ เธอมั่นใจใช่มั้ยว่าถ้าพี่ชานยอลพูดอะไรออกไปแล้ว
เธอยังจะทำตัวเหมือนเดิมกับพวกฉัน ”
“ นาย...หมายความว่ายังไง ”
“ เว่อร์แลเว
แทยอนอย่าไปฟังเซฮุนมากนักนะหมอเนี่ยมันไม่ปกติ ” แทยอนจ้องมองหน้าของชานยอลย่างคาดหวัง
เอาจริง ๆ แล้วก็คือกดดันนั่นและเพราะเธออยากรู้จริง ๆ ยิ่งเซฮุนพูดแบบนี้ยิ่งอยากรู้มากขึ้นเป็นเท่าตัว
อีกอย่างถ้าเกิดเซฮุนกับชานยอลเกี่ยวข้องกับผู้ชายคนนั้นจริง ๆ มันก็ดีไปอีกแบบ เธอจะได้หาทางหลีกเลี่ยงเขาด่ายขึ้นไง
“
คือพ่อแม่ของพี่แล้วก็ของเซฮุนเป็นหนื่งในหุ้นส่วนของโรงเรียนนี้
แต่ไม่ได้มีแค่สองคนนะยังมีอีกสิบคนที่เป็นเพื่อน พี่ ๆ น้อง ๆ ของพวกเรา แต่ละตระกูลก็จะเป็นตระกูลดังธุรกิจใหญ่ทั้งนั้นและก็เป็นตระกูลที่ร่วมมือกันมาตั้งแต่สมัยปู่ทวดนู่นแหนะ
”
“ ใช่...แล้วทายาทในแต่ละรุ่นก็จะพลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาบริหารโรงเรียนแห่งนี้
อย่างเช่นตอนนี้โรงเรียนแห่งนี้อยู่ภายใต้การบริหารของพวกเราทั้งสิบสองคน ”
เซฮุนเสริมขึ้นด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่เรียบนิ่ง “
ในโรงเรียนนี้พวกเราทั้งสิบสองคนมีอำนาจสูงสุด เป็นผู้คุม ผู้ดูแล จัดการระบบทั้งหมด
เหมือนกับว่าโรงเรียนนี้เป็นที่ฝึกหัดให้เราเป็นนักธุรกิจที่มีฝีมือมากขึ้น
เพราะว่าเราต้องจัดการแล้วก็แก้ปัญหาทุกอย่างในโรงเรียนนี้ด้วยตัวเองทั้งหมด ”
“ โห... ” แทยอนกระพริบตาปริบ ๆ มองหน้าชานยอลและเซฮุนสลับกันไปมา
เธอไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองเลยว่าลูกชายเจ้าของโรงเรียนทั้งสองคนจะคือคนที่สนิทกับเธอที่สุดในตอนนี้...แต่ที่มากไปกว่านั้นคือตอนนี้เธอมั่นใจเกินร้อยเปอร์เซ็นแล้วว่าเขาทั้งสองคนต้องรู้จักกับผู้ชายใจร้ายคนนั้นแน่
ๆ
“ แทยอนเธอเป็นอะไร! ”
“ หะ....หา อะไรหรอ? ”
ร่างเล็กตอบตะกุกตะกักเมื่อเริ่มตั้งสะติหลังจากสตั้นไปนานหลายวิ “ ไม่น่าล่ะ
นายกับพี่ชานยอลเดินไปที่ไหนก็มีแต่คนมอง ที่แท้ก็เป็นเจ้าของโรงเรียนนี่เอง ”
“ ก็ไม่เชิงหรอก
แต่ทำไมเธอต้องตกใจกับเรื่องพวกนี้มากขนาดนั้นด้วย สตั้นไปเลย ”
“ ฉันไม่ได้จิตอ่อนขนาดนั้นสักหน่อย เรื่องอะไรฉันจะต้องสติแตกกับเรื่องที่พวกนายสองคนเป็นทายาทของโรงเรียนนี้ด้วยเล่า
” ร่างเล็กพูดติดตลกแต่ในใจกลับไม่ตลกด้วยสักนิด.....ในใจตอนนี้มันตุ้ม ๆ ต่อม ๆ เหมือนมีฟองน้ำผุดขึ้นมาเป็นมวนโดยไม่มีวี่แววว่าจะสงบลงสักที
ไม่น่าละเซฮุนถึงได้กลัวว่าถ้าบอกเรื่องนี้ออกไปเธอจะทำตัวไม่เหมือนเดิมกับพวกเขาที่แท้มันก็เป็นแบบนี้นี่เอง
“ สาบานว่าไม่ตกใจ อย่ามาเฉไฉเลย เธอน่ะอ้าปากก็เห็นลิ้นไก้หมดแล้ว
”
ทั้งเซฮุนและแทยอนอยู่ในวัยเดียวกันจึงทำให้สนิทกันเร็วมากกว่าชานยอลผู้เป็นพี่
และอีกอย่างคือเซฮุนบอกกับเธอว่าให้พูดจาเป็นกันเองจะได้คลายความอึดอัดและจะได้สนิทกันเร็วยิ่งขื้นซึ่งนั่นก็ได้ผลเป็นอย่างดีในตอนนี้คือไม่มีใครเกรงใจใครและเป็นตัวของตัวเองเสมอเหมือนว่ารู้จักกันตั้งแต่สมัยแรกเกิดกันเลยทีเดียว
แต่ก็นั่นแหละ
ถึงจะสนิทกันยังไงเซฮุนก็ยังคงคอนเช็บเย็นชาเหมือนเดิม.. แต่มีบ้างที่บางครั้งเขาก็ยิ้มและหัวเราะไปกับเธอ
บางทีเซฮุนอาจจะต้องการเวลาสักพักเพื่อปรับตัวก็เป็นได้
“ บอกว่าไม่ตกใจก็คือไม่ตกใจสิ นายนี่กวนจริง ๆ
เลย! ” ร่างเล็กใช้มือเรียวฟาดแขนคนตรงหน้าเบา ๆ พรางส่งสายตาดุไปให้
แต่คนตรงหน้ากลับยักคิ้วส่งยิ้มกวนประสาทที่แสนจะมีเสน่ห์มาแทน และมันก็ดันทำให้ใจเธอสั่นเหมือนวิญญาณจะหลุดออกจากร่างล่องลอยไปไกลแสนไกลยังไงอย่างงั้น
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเซฮุนเป็นเพื่อนที่หล่อที่สุดที่เธอเคยมีมาเลยแหละ ก็แน่ละในชีวิตนี้แทยอนแทบจะไม่มีเพื่อนที่เป็นผู้ชายเลยนี่นา
“ กวนอะไร? กวนใจเหรอ? โดยกวนบ่อย ๆ
ระวังจะตกหลุกรักฉันเข้านะ ”
เซฮุนยกยิ้มมุมปากแล้วส่งสายตาขี้เล่นที่ทำเอาคนมองใจเบาหวิวเหมือนติดปีกบินได้
จู่ ๆ ก็มาให้ก้อนเนื้อตรงอกด้านช้ายของคนตัวเล็กดีดดิ้นไม่เป็นจังหวะแถมเร็วและแรงอีกด้วยจนเธอกลัวว่าทั้งเซฮุนและชานยอลจะได้ยินเข้า...นิสัยไม่ดีจริง
ๆ เลย
ไม่นะแทยอน เธอห้ามใจเตั้นแบบนี้กับเซฮุน....เขาคือเพื่อนเธออีกคนรองจากยัยทิฟนะ...อย่าใจเตั้นแบบนี้ดิ
“ ไม่ตกหรอกไม่ต้องห่วง...อย่าหลงตัวเองให้มันมากนักสิ
ต้องการเข็มทิศกับแผนที่มั้ยเนี่ย? ”
ร่างเล็กเบือนหน้าหนีเพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายรู้ว่ากำลังหวั่นไหวกับสายตานั่น มันคงไม่ดีแน่
ๆ หากเธอต้องมาใจสั่นหวั่นไหวเป็นพายุลมแดงกับเพื่อนใหม่คนนี้
แทยอนอาจจะต้องการเวลาสักนิดหน่อยเพื่อปรับตัวให้รับกับคนตรงหน้า
“ เซฮุนมันก็เป็นแบบนี้แหละ
เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายผีเข้าผีออกบ่อย ๆ อยู่ไปเดี๋ยวเธอก็จะชิน ”
ชานยอลที่นั่งดูเหตุการณ์อยู่นานได้จังหวะช้ำเติมน้องชายเลยรีบพูดไป
“ ผมรู้ว่าแทยอนโกหก ที่เธอพูดอย่างนั้นเพราะกลัวใจหวั่นไหวต่างหาก
ใช่มั้ยละ? ”
“ โทษนะแต่บังเอิญว่านายไม่ใช่สเปคฉันอ่ะ ”
ถึงจะยอมรับว่าหวั่นไหวกับรอยยิ้มอันบาดใจนั่น...แต่ก็ไม่ได้แปลว่าเธอจะแอบชอบแอบมีใจให้หรอกนะ
ยังไงเซฮุนก็คือเพื่อนของเธอในตอนนี้ที่มีอยู่
“ พูดไม่รักษาน้ำใจกันเลยนะ โกหกสักหน่อยก็ได้มั้ง
น้อยใจเป็นนะเนี่ย ”
โอ
เซฮุนผู้ชายที่สุดแสนจะเย็นชาคนนั้นหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้
ตอนนี้เหลือเพียงเซฮุนผู้น่ารัก มีรอยยิ้มและเสียงหัวเราะมามอบให้เธอเสมอ...อยากจะรู้จริงๆว่าเขาเป็นคนยังไงกันแน่ระหว่างเย็นชาแบบตอนแรกที่เจอกันกับน่ารักขี้อ้อนแบบตอนนี้
แต่เป็นแบบนี้กับเธอตลอดเวลาจะดีกว่านะ
คนทั่วไปที่ไม่รู้จักพวกเขาทั้งคู่อาจจะมองว่าพวกเขาเป็นคนหยิ่ง
เข้ากับคนอื่นได้อยาก ไม่มีน้ำใจแต่อันที่จริงแล้วมันตรงกันข้ามกันสิ้นดี...แต่กับบางคนที่ดูภายนอกเหมือนเป็นคนใจดีดูไม่มีพิษไม่มีภัยอะไร
แต่กลับกลายเป็นคนที่ทำร้ายจิตใจให้เจ็บปวดมากที่สุด
แทยอนแค่นหัวเราะในใจคิดแล้วก็เจ็บ...แต่ถ้าคิดแล้วเจ็บมันก็คงเป็นเจ็บที่มีความสุขแฝงอยู่เวลาที่ได้คิดถึงมัน
“ ทำตัวน่ารักกับฉันบ่อย ๆ สิ แล้วจะพูดดี ๆ ด้วย
”
ร่างเล็กบอกกับคนตรงหน้าด้วยความหมั่นไส้ เพราะทุกครั้งที่เขาทำตัวน่ารักไม่ว่าใครหรือผู้ญิงคนไหนมาเห็นไม่เว้นแม้แต่แทยอนเองทุกครั้งที่ได้มองจังหวะการเต้นของหัวใจก็ผิดแปลกไปจากเดิมทุกที
เลือดที่ดูเหมือนไหลเวียนเชื่องช้าก็กลับกลายเป็นสูบสีดได้เร็วเต็มที่จนกลัวว่ามันจะขื้นสีตรงแก้มทั้งสองข้าง
ทั้งสามพูดคุยแลกเปลื่ยนเรื่องราวในชีวิดที่ผ่านมาของกันและกัน
ทั้งเซฮุนและชานยอลดูจะตกใจมากที่รู้ว่าในชีวิตของแทยอนที่ผ่านมามีเพื่อนแค่เพียงคนเดียวและพึ่งย้ายกลับมาจากฝรั่งเศส
แต่ก็ใช่ว่าเธอจะพรั่งพรายเรื่องของเธอออกไปซะหมดเพราะมีอยู่บางเรื่องที่เธอไม่สามารถเล่าให้ใครฟังได้
และก็คงจะไม่เล่าโดยเด็ดขาดเพราะมันเป็นสิ่งที่ควรถูกลืมไป
ทว่าสิ่งที่เซฮุนและชานยอลเล่ามานั้นกลับทำให้เธอสตั้นไปหลายสิบวิพร้อมกับใจที่เริ่มไม่เป็นปกติ
เพราะหนื่งในเรื่องที่พวกเขาทั้งคู่เล่าให้เธอฟังคือเรื่องของ พยอน แบคดฮยอน
หุ้นส่วนใหญ่อีกคนของที่นี่และสิ่งที่ทำให้แทยอนแทบทรุดลงไปกองกับพื้น
ความรู้สึกเหมือนมีหอกนับร้อยพันเล่มวิ่งมาทิ่มแทงตรงส่วนต่าง ๆ ของร่างกายจนไม่มีแรงแม้แต่จะหายใจ...ทำไมชีวิตของเธอมันถึงได้ตลกร้ายแบบนี้นะ
เธอกำลังจะได้เจอกับเขาในขณะที่เขามีคู่หมั้นคู่หมายเป็นที่เรียบร้อยไปแล้ว...แล้วมันจะมีความหมายอะไรล่ะ
พอพวกเขาเล่ามาถึงตรงนี้สีหน้าและแววตาของคนตัวเล็กเริ่มถอดสี
แก้วตาสีนิลสั่นระริก น้ำสีใสที่พยายามกลั้นไว้พร้อมกับก้อนสะอื้นเริ่มประท้วงว่าอยากจะปลดปล่อยออกมาเต็มทน
แต่หากตอนนี้สิ่งที่เธอทำได้มีเพียงอย่างเดียวคือทำตัวให้เป็นปกติที่สุด
ทำเหมือนสิ่งที่ได้ยินมาเป็นเพียงสายลมที่พัดผ่านไปเท่านั้น...เธอจะต้องยิ้มและร่วมยินดีกับสิ่งที่เขาเล่ามาเพราะนับตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไปเธอคงต้องลบความทรงจำเรื่องเก่า
ๆ ให้ไวที่สุดเท่าที่ทำได้ถ้าไม่อยากจะเจ็บปวดไปมากกว่านี้
ทำใจและยอมรับให้ได้ว่าเรื่องราวทั้งหมดมันได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว
และตลอดเวลาที่อยู่ที่นี่เธอไม่เคยรู้จักผู้ชายที่ชื่อแบคฮยอน...เราจะสองจะกลายเป็นเพียงคนแปลกหน้าของกันแล้วกันเท่านั้น
Rrrrr
เสียงโทรศัพท์ของชานยอลที่ดังขึ้นเหมือนเสียงระฆังที่ช่วยชีวิตของแทยอนเอาไว้เพราะมันทำให้ทั้งสามคนออกจากบทสนทนาดังกล่าวได้
ขืนแทยอนยังคงต้องนั่งฟังเรื่องพวกนี้อยู่คงไม่พ้นที่น้ำตาเจ้ากรรมจะต้องสร้างปัญหาให้เธอเป็นแน่
มันเจ็บตรงที่ได้ยินว่าเขาทั้งสองรักกันมานานแล้ว
มันเจ็บที่ผู้หญิงคนนั้นคนที่ได้หมั้นกับเขาไม่ใช่เธอ มันเจ็บที่แบคฮยอนลืมเธอไปแล้วหมดจนสิ้นและไม่แม้แต่จะกล่าวถึง
ขนาดเซฮุนและชานยอลที่ดูเหมือนจะสนิทกับเขาผู้ชายทั้งสองคนนี้ยังไม่รู้จักเธอเลยด้วยซ้ำ
“ ฮัลโหล...เห้ย! อะไร ๆ อย่าพึ่งบ่นดิวะ...ก็พาเซฮุนออกมาหาอะไรกินนิดหน่อยไง...หะ!
อีกสิบห้านาที แล้วฉันจะไปทันได้ยังไงวะ กว่าจะเดินไปเอาแฟ้มที่หออีก...งั้นแกก็ขับรถมารับฉันกับน้องสิ
จะได้ทันไง...เออ ที่ร้านเดิมเนี่ยแหละ...เออเว้ย มีเซอร์ไพรช์ไว้ให้แปลกใจเล่นด้วย...เดี๋ยวมาถึงก็รู้เองแหละน่า
เออบาย ”
ไรท์หายหัวไปซะนานเลย ถึงจะมีคนอ่านน้อยแต่ไม่เป็นไรถึงยังไงก็ยังมีคนอ่าน เป็นกำลังใจให้ไรท์ด้วยนะขอบคุณที่อ่านขอให้ติดตามต่อไปเรื่อยๆน่ะ ซารางเฮน๊า
หนื่งเม้นเท่ากับร้อยล้านกำลังใจนะจ๊ะ
เม้นเยอะอัพบ่อยเม้นน้อยอัพช้าน๊า
ความคิดเห็น