ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Saint Seiya The Lost Canvas] The White Sky Memories

    ลำดับตอนที่ #2 : มิตรภาพแรก

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 630
      25
      31 พ.ค. 58


    "เธอจะมาด้วยกันกับฉันไหมล่ะ"แพทริเซียตัดสินใจเอ่ยชักชวนอัศมิตาเพื่อมอบโอกาสให้เขาได้

    ตัดสินใจ'เลือก'ด้วยตนเอง ยังไงซะเธอก็ไม่มีสิทธิ์บังคับเขาอยู่แล้ว อัศมิตามีท่าทีตกตะลึง

    อย่างเห็นได้ชัด

    "เจ้าชวนเราไปด้วยจริงๆงั้นหรือ"

    "อื้ม ก็เราสองคนเป็นเพื่อนกันนี่นา"สาวน้อยพูดด้วยน้ำเสียงใสที่ให้ความรู้สึกจริงใจออกมาเต็มล้น 

    อัศมิตารู้สึกถึงน้ำตาแห่งความปลื้มปิติที่เอ่อล้นออกมาจากดวงตา ตลอดมานี้มีแต่ผู้คนรังเกียจ

    และแกล้งเขาสารพัด แต่ไม่มีใครเลยที่คิดจะมาเป็น'เพื่อน'กับเขา จึงรวบรวมความรู้สึกเหล่านั้นออกมา

    "ข..ขอบคุณ"คำพูดของเขาออกมาพร้อมเสียงสะอื้น แพทริเซียตกใจกับท่าทีของคนตรงหน้า

    จนแสดงท่าทีลนลานอย่างเห็นได้ชัด

    "ทำไมถึงร้องไห้ล่ะ"

    "ร..เรารู้สึก..ขอบคุณ..มากๆ"อัศมิตาใช้นิ้วปาดน้ำตาออก เสียงสะอื้นยังดังต่อไปเรื่อยๆ

    "เอาล่ะ ร้องไห้จนหมดน้ำตาคราวนี้ก็ไม่เป็นไรหรอก แต่เธอต้องสัญญาก่อนว่าเธอจะพยายาม

    เข้มแข็งขึ้นนะ"

    "สัญ..ญา..เราสัญญา"เด็กชายพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่สดใสขึ้น"เราตกลงที่จะไปกับเจ้า"

    "ฉันไม่รับประกันหรอกนะว่าถ้าเธอไปกับฉันแล้วจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่ฉันจะพยายามปกป้องเธอ

    เท่าที่จะทำได้แล้วกันนะ"แพทริเซียยิ้มละมุนถึงแม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายมองไม่เห็นก็ตามที แต่ทว่าจู่ๆ....



     

     

    "โครกกกกกก"เสียงท้องของอัศมิตาร้องราวกับจะประท้วงร่างกายที่ไม่ได้กินอะไรมานาน เสียงนั้น

    ดังเสียจนอัศมิตาหน้าแดงระเรื่อเพราะความอาย แพทริเซียหัวเราะคิกก่อนเอ่ยแซว

    "ท้องร้องดังขนาดนี้เธอไม่ได้ทานอะไรมากี่วันแล้วเนี่ย" อัศมิตาเอ่ยตอบตะกุกตะกัก"ร..เราจำไม่ได้

    ว่าไม่ทานอะไรมากี่วันแล้ว"

    แพทริเซียเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง ท่าทีเปลี่ยนไปทันที"อะไรนะ! ทำไมไม่บอกฉันให้เร็วกว่านี้

    ขืนถ้าไม่ทานอะไรเลยนานกว่านี้เธอตายแน่"เด็กหญิงค้นกระเป๋าอย่างร้อนรน อาหารที่เธอเก็บไว้

    เป็นเสบียงในตอนนี้ก็มีเพียงแอปเปิ้ล ขนมปัง และแยมเท่านั้น ซึ่งคนอินเดียอาจไม่คุ้นชินกับ

    รสชาติเหล่านี้ แต่ก็จำเป็นที่จะต้องให้เขาทาน เด็กหญิงเตรียมจะยื่นของกินให้ หากแต่เห็นว่า

    มือของเขาดูสกปรกเหลือเกินจึงต้องเปลี่ยนวิธีเสียใหม่

    "อ้ามมม"แต่อัศมิตาขัดขึ้น"จะดีหรือที่ให้เราทานอาหารของเจ้า ถ้าเราทานแล้วเจ้าจะมีอาหารทาน

    งั้นหรือ"ช่างเป็นเด็กที่ห่วงใยผู้อื่นจริงๆ

    "ยังมาห่วงฉันอีกนะ ห่วงตัวเองก่อนเถอะ ผอมซะจนจะเป็นโครงกระดูกเดินได้อยู่แล้ว ฉันยังมีอยู่

    ในกระเป๋าอีกพอสมควรน่า"แพทริเซียชักระอาเขาที่เอาแต่ห่วงคนอื่นอยู่ได้ "เอ้า อ้ามมมม"เธอใช้

    โทนเสียงกึ่งบังคับ ฝ่ายอัศมิตายังงงๆอยู่ว่าทำไมเธอถึงตกใจกับการที่เขาไม่ทานอะไรซะขนาดนั้น

    แต่ก็อ้าปากและทานสิ่งที่ถูกยื่นเข้ามาแต่โดยดี สิ่งนั้นมีรูปร่างค่อนข้างกลม พื้นผิวเรียบมน และเขาต้อง

    กัดมันทีละนิดถึงจะทานได้ รสชาติของสิ่งนั้นหวานอมเปรี้ยวและให้ความรู้สึกสดชื่น"สิ่งที่เจ้าป้อนเรา

    คืออะไรงั้นหรือ มันอร่อยมากจริงๆ"

    "แอปเปิ้ลน่ะ"แพทริเซียตอบพลางสงสัยในใจว่าแอปเปิ้ล
    ธรมดาๆลูกหนึ่งมันอร่อยขนาดนั้นเลยเหรอ

    เด็กหญิงป้อนเขาต่อไป
    เรื่อยๆจนแอปเปิ้ลลูกนั้นหมดลง จากนั้นจึงหยิบขนมปังมาทาแยมแล้วป้อนเขา

    เช่นเดิม และเขาก็ยังทำเหมือนแอปเปิ้ลกับ
    ขนมปังทาแยมที่แสนจะธรรมดาเป็นของอร่อยที่

    ประทานลงมาจากสววรค์


    "นี่ ปกติแล้วเธอทานอะไรเป็นอาหารกันแน่"แพทริเซียถามด้วยความสงสัยเหลือเกินที่เขามีท่าทาง

    แบบนั้น

    "เราทานอาหารที่เหลือจากคนอื่นเขาทิ้งแล้ว หรือบางทีก็จับหนูแถวๆนั้นทาน"เขาตอบยิ้มๆด้วยไม่รู้ว่า

    มันผิดแปลกตรงไหน แพทริเซียทำหน้าเหยเก เธอรู้สึกหดหู่แทนเด็กชายผู้ใสซื่อคนนี้เสียจริง ในที่สุด

    เธอก็เข้าใจเสียทีว่าทำไมเขาถึงได้คิดว่ามันอร่อยนักหนา ยังไงแอปเปิ้ลและขนมปังทาแยมก็คงรสชาติ

    ดีกว่าอาหารจากกองขยะหรือหนูเป็นๆแน่นอน

    "ที่อื่นยังมีของอร่อยให้ทานอีกตั้งเยอะ ไว้ฉันจะพาไปทานนะ" เด็กชายยิ้มสดใสแทนคำตอบ

    เขาเองก็อยากทานของอร่อยๆเหมือนกัน แต่ว่าวรรณะของเขาไม่เอื้ออำนวยให้เอาซะเลย

     

     



    "เอาล่ะ เสียเวลากันมามากแล้ว ไปกันเถอะ"แพทริเซียเอ่ยขึ้นและเริ่มลงมือเก็บของที่เธอนำออกมา

    "แล้วพวกเราจะเดินทางไปที่ใดกัน"อัศมิตาเอ่ยด้วยน้ำเสียงฉงนสงสัย

    "อา........ก็"แพทริเซียทำการตัดสินใจเรื่องแผนการเดินทางครั้งสุดท้ายก่อนจะพูดต่อ"เดินทางไปเรื่อยๆ

    ถึงจะกลับไปบ้านเกิดของฉันน่ะ" เขาพยักหน้ารับรู้ด้วยความยินดีที่ตนจะได้ไปกับเพื่อนเป็นครั้งแรก

    พลางคิดว่าบ้านเกิดของเธอเป็นยังไง คงจะเป็นสถานที่ๆดีมากแน่นอน แพทริเซียยังไม่คลายพลัง

    ของเธอทำให้ฝนตกต่อไปเรื่อยๆ เนื่องจากไม่ต้องการเป็นเป้าสายตาของใครเรื่องที่เธอเดินกับ

    เด็กจัณฑาล แพทริเซียยื่นมือให้อัศมิตาด้วยความที่ลืมตัวไปว่าเขาตาบอด อัศมิตาควานอากาศ

    ไปสองสามทีกว่าจะเจอมือเธอ มือนั้นเป็นมือที่นุ่มเนียนและท่าทางสะอาดไม่เหมือนกับมือของเขาที่

    มีแผลและสกปรก แพทริเซียจูงเขามายังประตูโรงนาและผลักมันให้เปิดออกก่อนที่จะกางร่มสีน้ำตาล

    คันขนาดกลางๆออกไป ทั้งสองคนเดินไปเรื่อยๆจนอัศมิตาเริ่มสังเกตได้ว่าตัวเขาแห้งสนิทจึงเอ่ยถาม

    "ทำไมเราถึงไม่เปียกเลยล่ะ"

    "ฉันกางร่มอยู่น่ะสิ"

    "ร่ม?"

    "เป็นอุปกรณ์อย่างหนึ่งที่ใช้กันแดดกับฝนน่ะ ทำจากผ้า มีด้ามจับเป็นไม้"แพทริเซียอธิบายให้

    เข้าใจง่ายๆ

    "แล้วพาหนะที่ใช้ในการเดินทางคืออะไรงั้นหรือ"

    "อืมมม ตอนนี้ก็น่าจะเป็นเรือล่ะมั้ง"

    "จะไปนำเรือมาจากที่ไหน"

    "เดี๋ยวก็รู้น่า"เด็กหญิงตอบด้วยน้ำเสียงและรอยยิ้มแฝงเลศนัย แล้วทั้งสองก็เดินกันอย่างเงียบๆ

    ไม่มีการพูดคุยจนกระทั่งมาถึงริมแม่น้ำ แพทริเซียหยิบสิ่งที่ดูเหมือนเรือของเล่นออกมาจากกระเป๋า

    เธอใช้พลังทำให้เรือขยายขึ้นจากที่เล็กพอๆกับฝ่ามือกลายเป็นเรือบ้านขนาดย่อมๆที่ดูน่าอยู่อาศัย

    เป็นอย่างยิ่ง

     



     

    "เรียบร้อยแล้วล่ะ ขึ้นเรือไปกันได้แล้ว"สาวน้อยจูงเด็กชายตาบอดขึ้นเรืออย่างรื่นเริง

    "เจ้าทำได้อย่างไรกัน เมื่อครู่ยังไม่มีเรืออยู่เลยนี่!"อัศมิตาตะโกนด้วยความประหลาดใจ

    "เรื่องนั้นไว้ฉันจะบอกตอนเข้าไปในห้องแล้วกันนะ แต่เธอรู้ได้ยังไงว่าเมื่อกี้ยังไม่มีเรือ"แพทริเซีย

    พูดด้วยความสงสัย

    "ทิศทางของกระแสลมมาจากทางอีกฝั่งของแม่น้ำ แต่ตอนที่เจ้าทำให้เรือปรากฏขึ้นนั้นสายลมตรงหน้า

    เมื่อครู่ถูกเรือขวางไว้เราจึงรู้"

    "สุดยอดไปเลย! จับทิศทางลมได้ด้วย"หากอัศมิตาสามารถมองได้คงจะเห็นว่าเด็กหญิงตรงหน้า

    มีท่าทางตื่นเต้นและแววตาที่สงสัยใคร่รู้อย่างยิ่ง เธอจูงเขาเข้าไปในห้องนั่งเล่นของเรือลำนี้

    ภายในห้องมีอากาศเย็นสบาย เพดานและพื้นห้องเป็นไม้ทั้งหมด มีลูกบอลไฟสีขาวจากพลังของเธอ

    คอยให้แสงสว่าง หน้าต่างอยู่ทางซ้ายมือของห้อง ถัดมาติดผนังด้านตรงข้ามมีเตาผิงสีขาวอยู่

    โซฟาสีแดงเลือดหมูสามตัวกลางห้องมีหมอนใบเล็กน่ารักวางเรียงกันเป็นระเบียบ มีพรมขนสัตว์

    สีน้ำตาลอ่อนอยู่ด้านหน้า โต๊ะเล็กๆบนพรมอีกหนึ่งตัว ทางด้านขวาของโซฟามีตู้หนังสือสามตู้

    และตุ๊กตาแบบต่างๆวางเรียงรายบนพื้นบริเวณนั้น แพทริเซียพาอัศมิตามานั่งแล้วเธอทิ้งก็ตัวลง

    บนโซฟาตัวหนานุ่มอย่างสบายใจ

    "ตกลงว่าเจ้าสร้างเรือขึ้นมาได้อย่างไรงั้นหรือ"อัศมิตาเอ่ยถามด้วยความสงสัยที่อัดแน่นอยู่เต็มอก

    "รอก่อนนะ ฉันขอตรวจเส้นทางก่อน"เด็กหญิงหยิบแผนที่ขึ้นมาดู และเธอได้ใช้พลังทำให้

    แสดงตำแหน่งของตัวเองเป็นจุดสีฟ้าบนแผนที่"อ่า...ออกทางบังกลาเทศถึงจะไปทะเลใหญ่ได้ แล้วก็

    ต้องผ่าน..อืม..คลองสุเอช..อียิปต์"เด็กหญิงพึมพำก่อนจะเอ่ยขึ้น

    "ไปได้..."เรือไร้คนขับเริ่มแล่นไปตามผิวน้ำโดยที่เธอได้ใช้พลังที่เธอมีย่นระยะของเส้นทางด้วย

    อัศมิตาเริ่มแน่ใจอะไรบางอย่างเกี่ยวกับเธอคนนี้แล้ว

    "เจ้าน่ะ ใช้เวทมนต์คาถาได้ ใช่หรือไม่"

    "เข้าใจได้ไวดีเหมือนกันนี่ ฉันใช้พลังแปลกๆได้...ถึงจะไม่แน่ใจว่ามันเป็นเวทมนต์หรือเปล่า ฉันเลย

    อยากจะลองตามหาคนที่มีพลังแบบเดียวกับฉันถึงจะไม่รู้ว่ามีหรือเปล่าก็เถอะ"แพทริเซียหัวเราะแหะๆ

    "แล้วเจ้ามาที่นี่ทำไมกันเล่า"ถามด้วยความใสซื่อ ช่างน่าประหลาดใจที่ผู้มีพลังพิเศษอย่างเธอมาที่

    อินเดีย ที่นี่ไม่น่าจะมีคนที่เธอตามหาอยู่เลยสักคน

    "ฉันเดินทางมาเรื่อยๆน่ะ เรื่องตามหานั่นไม่ใช่เรื่องหลัก เจอก็ดี ไม่เจอฉันก็ไม่คิดอะไรมากหรอก"

    แพทริเซียพูดด้วยน้ำเสียงชวนผ่อนคลาย"ช่างมันเถอะ อย่าไปพูดเรื่องเครียดๆนักเลย มาเล่นกัน"

    "แต่ว่า..เราตาบอด จะไปเล่นอะไรได้"อัศมิตาเริ่มรู้สึกหดหู่ขึ้นมาอีกครั้ง การเป็นจัณฑาลตาบอดทำให้

    เขาไม่สามารถทำอะไรหลายๆอย่างได้ และตัวเขาก็แทบจะยังไม่เคยเล่นอะไรเลยด้วยซ้ำนอกจาก

    เวลาที่รู้สึกเบื่อก็เอากิ่งไม้มาเขี่ยบนพื้นดินให้เกิดเสียงครืดคราด

    "ไม่เอาน่า เธอบอกทุกอย่างออกมาทางสีหน้าหมดแล้วนะ จะร้องไห้อีกแล้วเหรอ"เด็กหญิงพูด

    ด้วยน้ำเสียงปลอบโยน"ฉันให้เธอมาเล่นตุ๊กตากับฉันได้นะ แต่เธอต้องล้างมือก่อน"ไม่พูดเปล่า

    เธอจูงเขาไปทางอ่างล้างมือก่อนที่จะจับเขาล้างมือจนสะอาด

    "เรียบร้อย ทีนี้ก็มาเล่นกันได้แล้วนะ"เธออุ้มตุ๊กตากระต่ายตัวน้อยส่งให้อย่างอ่อนโยน ก่อนจะปล่อย

    ให้เขาเรียนรู้ด้วยตนเอง อัศมิตารับมันแล้วเรื่มใช้มือคลำเพื่อสำรวจ ตุ๊กตาตัวนี้มีขนนุ่มฟูสีชมพู

    เขาเริ่มคลำต่อไปจนรู้ว่ามันมีแขนขา และมีแผ่นแบนกลมแทนลูกตาสองข้าง แต่เขาคิดว่าตุ๊กตาตัวนี้

    มีอะไรผิดปกติ

    "แพทริเซีย ผ้ายาวๆบนหัวของมันคืออะไรกัน"แพทริเซียชะโงกหน้ามามอง"หือ..อ้อ หูน่ะ"

    "เราจำได้ว่าหูน่ะไม่ได้เป็นแบบนี้ หูน่ะอยู่ด้านข้างศีรษะ สั้นและมน"เด็กชายเถียงตอบด้วยไม่รู้ว่า

    หูกระต่ายลักษณะไม่เหมือนหูมนุษย์ แพทริเซียหัวเราะคิกกับท่าทางดื้อของอีกฝ่าย

    "ที่เธอพูดมันก็ถูกนะ แต่เป็นหูคน หูของสัตว์น่ะไม่เหมือนหูคนหรอก บางอย่างเช่นกระต่ายก็หูยาว 

    บางชนิดก็หูสั้น หรือไม่มีหูแต่มีรูโบ๋ๆแทนหูก็มีนะ"

    "เข้าใจแล้ว เรามันช่างโง่เขลาเสียจริงๆ"อัศมิตามีท่าทางหงอยลงแทบจะในทันที

    "เธอน่ะไม่ได้โง่หรอก แค่ไม่มีประสบการณ์เท่านั้นเอง ใครจะไปรู้ สักวันนึงเธออาจจะฉลาดกว่าฉัน

    อีกนะ"แล้วเด็กน้อยทั้งสองก็หัวเราะกันอย่างมีความสุข

     

     

     

     

    สามชั่วโมงผ่านไป

     

     

     

     

    "เห นี่ก็ห้าโมงเย็นแล้วสิเนี่ย"แพทริเซียเหลือบมองนาฬิกาที่ติดอยู่ตรงฝาผนังและมองวิวทิวทัศน์

    ด้านนอก พบว่าอยู่ในเขตป่าโปร่งที่ไร้ผู้คน และแม่น้ำบริเวณนี้ก็ใสสะอาดน่าว่าย จึงพึมพำคำสั่งที่ทำให้

    เรือค่อยๆหยุดเคลื่อนที่

    "เรือเป็นอะไรไปงั้นหรือ"อัศมิตาถาม เงยหน้าขึ้นมาจากตุ๊กตาหมีที่กำลังเล่นอยู่

    "พวกเเราสองคนจะอาบน้ำกันที่นี่นะ"ไม่พูดเปล่า เธอเตรียมอุปกรณ์อาบน้ำและเสื้อผ้าไว้ก่อนหน้านี้แล้ว

    อย่างครบครัน อัศมิตาเบิกตากว้างขึ้นมากะทันหันด้วยความตกใจ

    "มะ..ไม่ได้ จัณฑาลอย่างเราอาบน้ำไม่ได้ มิฉะนั้นเราจะไม่ได้บุญและชาติหน้าต้องเกิดมาเป็น

    จัณฑาลอีก" แพทริเซียกอดอกด้วยไม่พอใจอย่างยิ่งที่เด็กชายทำตัวราวกับเขาไม่มีค่า

    "เลิกเพ้อเจ้อได้แล้วเธอน่ะ ชาติหน้าจะไปมีจริงหรือเปล่ายังไม่รู้เลย ยังไงก็ทำชาตินี้ให้มีความสุข

    แล้วช่างเรื่องชาติหน้ามันเถอะน่า!"มือซ้ายหอบหิ้วอุปกรณ์อาบน้ำ อีกมือก็ลากพ่อคนดื้อด้านมาด้วย

    อัศมิตาพยายามขืนแรง แต่ทว่าแขนผอมๆของเขาสู้แรงเด็กหญิงที่ตัวโตและกินอาหารสมบูรณ์กว่า

    ไม่ได้เลย ยื้อยุดกันอยู่จนเลยเรือมาบ้างเด็กหญิงจึงวางอุปกรณ์ลง ก่อนที่จะถอดเสื้อผ้าออกเพื่ออาบน้ำ

    แต่เด็กชายยังขัดขืนไม่หยุดเมื่อเธอพยายามถอดเสื้อผ้าให้

     



     

    "แคว่กกก!"ผ้านุ่งสีเทาขะมุกขะมอมที่เป็นสิ่งปกปิดร่างกายเพียงอย่างเดียวของอัศมิตาขาดเป็นสองส่วน

    เผยให้เห็นร่างผอมซูบซีดเปลือยเปล่า เด็กชายอายเสียจนหน้าแดงเถือกพลางเอ่ยด้วย

    น้ำเสียงตะกุกตะกัก

    "ร..เรายอมอาบก็ได้"และยินยอมที่จะจำนนเสียแต่โดยดี แพทริเซียยิ้มด้วยดีใจที่ในที่สุดนี่เธอก็ทำให้

    เขายอมอาบจนได้ เด็กหญิงค่อยๆจูงเด็กชายลงไปที่แม่น้ำ สายน้ำไหลเอื่อยๆเย็นสบายจนชวนให้

    ผ่อนคลายเป็นอย่างยิ่ง เสียงเล็กกระซิบข้างหูเด็กชาย"มันอาจจะเจ็บหน่อย ทนเอาแล้วกันนะ เธอจะได้

    สะอาดๆไง"ว่าแล้วเธอก็หยิบสบู่และใยขัดขึ้นมา ขัดคราบสกปรกบนตัวเขาออกจนหมด จากนั้นจึง

    สระผมสีบลอนด์ทองเสียจนสะอาด

    "เสร็จแล้ว!!"แพทริเซียยิ้มอย่างภาคภูมิใจในผลงานของตน จากเด็กชายที่แสนจะสกปรก ตอนนี้ถึงจะ

    เหลือความซูบซีดอยู่แต่ตัวเขาก็ดูดีขึ้นเยอะแถมยังสะอาดและหอมมากเลยด้วย เมื่ออาบน้ำให้อัศมิตา

    เรียบร้อยเธอจึงจัดการอาบน้ำเองต่อ

    เมื่ออาบเสร็จแล้วเธอจึงสวมชุดกระโปรงสีฟ้าน่ารักกับรองเท้าเข้าชุดกัน ส่วนอัศมิตานั้นเธอให้ใส่

    เสื้อกับกางเกงและรองเท้าธรรมดาๆ เป็นชุดที่เธอใช้ตอนที่แต่งตัวคล้ายเด็กผู้ชายเพื่อหลบหนี มันพอดี

    กับตัวเธอแต่ไม่รู้จะพอดีกับตัวเขาไหมก็เถอะ

    "ใส่ยังไงกัน"อัศมิตาถามเมื่อได้รับชุดใหม่มา แพทริเซียค่อยๆสอนเขาอย่างใจเย็นจนในที่สุดเขาก็

    ใส่มันได้ ถึงจะไม่ค่อยพอดีเท่าไหร่

    "ไหนดูซิ ฉันว่าหลวมไปหน่อยนะ"มือน้อยนำผ้าคาดเอวมาผูกให้จนมันพอดีกับขนาดตัวเขา

    "ขอบคุณเจ้ามากเลย"อัศมิตายิ้มกว้าง การที่เขายิ้มทำให้ดูดีขึ้นมากเลยทีเดียว

     

    ---------------------------------------

    To be continued

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×