ฮวาชิงชิง บุปผาเหนือบัลลังก์มังกร - นิยาย ฮวาชิงชิง บุปผาเหนือบัลลังก์มังกร : Dek-D.com - Writer
×

    ฮวาชิงชิง บุปผาเหนือบัลลังก์มังกร

    โดย minny12701

    "ไป๋หรูอี้" ฮองเฮาผู้น่าสงสาร นางต้องมาตายเพราะคนที่นางรักอย่างสุดหัวใจ "อี้เหวินเทียนสิง" ฮ่องเต้ผู้เก็บซ่อนทุกสิ่งในใจและหวังเพียงสตรีข้างกายกลับมา กงล้อชีวิตเปลี่ยนผัน โชคชะตาช่างเล่นตลก

    ผู้เข้าชมรวม

    5,140

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    5.14K

    ความคิดเห็น


    26

    คนติดตาม


    196
    จำนวนตอน :  6 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  29 ก.ย. 62 / 14:47 น.

    อีบุ๊กจากนิยาย ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

              "ไป๋หรูอี้" บุตรสาวคนโตของแม่ทัพใหญ่ไป๋ชิงหลงแห่งแคว้นอี้เหวิน  เมื่ออายุได้สิบสี่ปี   นางได้รับพระราชทานราชโองการจากฮ่องเต้อี้เหวินเทียนตี้ ให้เข้าพิธีราชสมรสกับอ๋องเก้าอี้เหวินเทียนสิง และถูกแต่งตั้งให้เป็นหวังเฟย

              ในเวลาต่อมา  อ๋องเก้าอี้เหวินเทียนสิงมีเหตุขัดแย้งกับรัชทายาทองค์ปัจจุบัน    ด้วยเหตุผลบางประการจึงจำใจต้องฆ่าสังหารพี่น้องของตนทิ้งเสียเพื่อกรุยทางไปให้ถึงซึ่งอำนาจที่ตนต้องการ  จึงทำการก่อกบฏร่วมกับแม่ทัพใหญ่ไป๋ชิงหลงผู้เป็นพ่อตา  ใช้เวลาเพียงครึ่งปียึดอำนาจทั้งหมดและพลิกฟื้นแผ่นดินใหม่  ตั้งตนเป็นฮ่องเต้อี้เหวินเทียนสิงนับแต่บัดนั้น

              ในวันที่แปด เดือนแปด ปีศักราชอี้เหวินเทียนสิงที่หนึ่ง  ได้พระราชทานแต่งตั้งไป๋หรูอี้ขึ้นเป็นฮองเฮา  รวมถึงได้แต่งตั้งลูกฝาแฝดชายหญิงวัยสี่ขวบของตนขึ้นเป็นไท่จื่อและกงจู่  ในยามนั้นไป๋หรูอี้มีอายุล่วงเข้าปีที่สิบเก้า

               หลังจากฮ่องเต้ขึ้นครองราชย์  วังหลังก็มีการคัดเลือกสตรีมากมายกว่าสามพันคนจากทั่วทุกสารทิศ  เพื่อคานอำนาจของกลุ่มต่างๆและอำนาจของผู้เป็นขุนนาง   ในบรรดาผู้เข้าคัดเลือกมีตั้งแต่ลูกของเสนาบดีกรมวัง   จนถึงลูกพ่อค้าร้านตลาด  ในเวลาไม่นานพื้นที่ว่างเปล่าในวังหลัง  กลับถูกเติมเต็มไปด้วยสนมนางในมากมาย  ตั้งแต่สนามระดับไฉหนวี่จนถึงระดับเฟยทั้งสี่

               แต่ที่น่าจับตามองมากที่สุดสำหรับไป๋หรูอี้แล้ว  คงเป็นหลินซูเหมยซึ่งมีตำแหน่งเพียงแค่กั๋วฟูเหริน  แต่ฮ่องเต้กลับโปรดปรานนางมากกว่าใคร  ถึงตำแหน่งนางจะสูงกว่าเจี๋ยยวี๋  แต่ก็ยังต่ำกว่าจิ่วผินทั้งเก้าลำดับ  แต่หลินซูเหมยกลับทำให้จิ่วผินทั้งเก้าลำดับต่างเกรงอกเกรงใจนางได้อย่างง่ายดาย  จนบางครั้งก็แทบจะมองไม่เห็นฮองเฮาอย่างไป๋หรูอี้อยู่ในสายตา

               เวลามักผ่านไปอย่างรวดเร็วเสมอ  ทว่าเหตุไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น  เมื่อจู่ๆแม่ทัพใหญ่ไป๋ชิงหลงก็หายสาบสูญไปโดยไม่ทราบสาเหตุ  ไป๋ผิงถิงน้องชายของไป๋หรูอี้เองก็นำพากองทัพทหารม้าก่อการจราจลถึงหน้าเขตพระราชฐานชั้นนอก  ทำให้เกิดเป็นเสียงลือกันทั่วว่ากองทัพตระกูลไป๋ตั้งใจจะก่อกบฏ

               นับเวลาแล้วเพียงแค่สองปีที่ดำรงตำแหน่งฮองเฮา  ไป๋หรูอี้คิดไม่ถึงว่าจะมีวันที่นางจะต้องก้าวถึงจุดต่ำสุดของชีวิต   ในเช้าวันใหม่ของเหมันตฤดูที่เหน็บหนาวนางถูกสั่งปลดจากตำแหน่งฮองเฮาและถูกคุมขังในตำหนักเย็น  ภายในวันเดียวกันคนในตระกูลไป๋ทั้งหมดต่างต้องโทษกบฏโดนสั่งประหารจนสิ้นชื่อ  ในยามสายของวันเดียวกันก็มีนางกำนัลไปพบร่างไท่จื่อและกงจู่ที่ไร้ลมหายในอุทยานหลวง  แม้เชิญหมอหลวงมาตรวจดูก็ยังไม่ทราบสาเหตุการตายที่ชัดเจน   ถึงกระนั้นฮ่องเต้ก็ปล่อยให้เรื่องราวผ่านไปโดยไม่คิดจะสืบเรื่องราวต่อไปอีก

               ในค่ำคืนที่แสนเดียวดาย   ไป๋หรูอี๋นั่งมองป้านชาสีมรกตเบื้องหน้าด้วยสายตาไม่เข้าใจ   ภายในตำหนักเย็นที่ไร้ซึ่งสิ่งของมีค่าใดๆ  กลับมีป้านชามรกตที่ไม่เข้าพวก  ไม่ต้องคิดให้มากความ  นางก็ได้เข้าใจเรื่องต่างๆได้อย่างถ่องแท้  ทุกอย่างที่เกิดขึ้นย่อมมีสาเหตุ  แต่นางไม่อาจย้อนเวลากลับไปเพื่อสืบหาเรื่องราวต่างๆได้อีกแล้ว  น้ำตาที่ไหลเอ้อออกมาจากดวงตาคู่สวย   ค่อยๆหยดลงบนพื้นที่เย็นเยียบ  อากาศแม้จะเหน็บหนาวมากเพียงใด  แต่หัวใจของนางกลับเหน็บหนาวยิ่งกว่าเป็นเท่าทวีคูณ

               ถ้วยชาในมือสั่นเล็กน้อย  แต่ทว่าไป๋หรูอี้กลับยินยอมที่จะดื่มชาตรงหน้าด้วยความเต็มใจ   รสของชาทั้งขมและเฝื่อนในเวลาเดียวกัน ชาที่ค่อยๆเย็นชืดถูกรินใส่ถ้วยแล้วถ้วยเล่า  จนกระทั่งถ้วยสุดท้ายที่ไป๋หรูอี้เริ่มมีอาการเจ็บหน่วงๆที่ท้องน้อยราวกับมีเข็มพันเล่มหมื่นเล่มคอยทิ่มแทงและปวดแสบปวดร้อนไปทั่วตัวดั่งโดนไฟแผดเผา  

              ก่อนที่สติสุดท้ายจะขาดช่วง  นางคิดไปถึงวันหนึ่งในยามที่นางเป็นเพียงหวังเฟย  เทียนสิงสวามีของนางกำลังชั่งตวงสมุนไพรหลายชนิดตรงหน้าด้วยความตั้งใจ  นางวางป้านชาร้อนไว้ที่โต๊ะกลางห้อง   ก่อนจะเอ่ยถามเขาด้วยเสียงอ่อนหวานอย่างเคย  

              "ท่านพี่เพคะ  พักดื่มชาเสียหน่อยดีไหมเพคะ" นางยกกาชาขึ้นรินด้วยท่าทางอ่อนช้อย

              "อี้เอ๋อร์เจ้าควรอยู่ห่างหน่อยดีกว่า  เปิ่นหวางกำลังผสมยาพิษ  หากเจ้าโดนเข้า  เปิ่นหวางคงไม่มีวันให้อภัยตัวเองเป็นแน่" อี้เหวินเทียนสิงคลี่ยิ้ม  ก่อนจะเช็ดมือและลุกขึ้นเดินมาหาหญิงสาว

              "ท่านพี่ผสมยาพิษเพื่อการใดกันเพคะ  หม่อมฉันไม่เห็นเข้าใจเลย" ไป๋หรูอี้ในวัยสิบสี่ปีถามชายตรงหน้าด้วยความสงสัยใคร่รู้

              "ยาพิษนี้มีชื่อว่าเจ็ดชั่วยาม  พี่เอาไว้ป้องกันตัว  และอาจจำเป็นต้องใช้กำจัดศัตรูในภายภาคหน้าด้วย"อี้เหวินเทียนสิงตอบด้วยน้ำเสียงจริงจังขึ้น  แต่ยังคงความอ่อนโยนไว้ในทุกคำพูดเสมอ

              "แล้วยาพิษนี้จะออกฤทธิ์เช่นไรเพคะ  แล้วทำไมต้องเจ็ดชั่วยามล่ะเพคะ" 

              "อืม...ยานี้จะออกฤทธิ์ราวกับมีเข็มพันเล่มในร่างกาย  ส่วนภายนอกก็จะร้อนดั่งโดนเผาทั้งเป็น   ชีพจรสับสน  ลมหายใจติดขัด  หากผู้มีวรยุทธกินเข้าไปก็จะถูกธาตุไฟเข้าแทรกและจะสูญสิ้นวรยุทธ  แต่ทว่าหากไม่มีวรยุทธก็จะทรมานไปอีกเจ็ดชั่วยาม  หากไม่ได้รับยาถอนพิษ  ร่างกายก็จะสลายกลายเป็นเพียงฝุ่นธุลี  เจ้าว่าน่ากลัวหรือไม่อี้เอ๋อร์" อี้เหวินเทียนสิงอธิบายเสียยาวยืดก่อนจะหันมาทำหน้าทะเล้นใส่ไป๋หรูอี้   ราวกับเรื่องที่พูดออกมาแค่เพียงแกล้งนางเล่นเท่านั้น  

              ก่อนจะพูดต่อด้วยท่าทางขำขันเมื่อหญิงสาวตรงหน้ามีท่าทางหวาดกลัวเสียแล้ว "เจ้าไม่ต้องกลัวหรอกอี้เอ๋อร์  ยานี้เปิ่นหวางจะใช้กับคนที่เปิ่นหวางเกลียดและไม่ต้องการที่จะเห็นหน้ามันอีกต่อไปเท่านั้น   เจ้าไม่ต้องกังวลให้มากไปหรอกนะ" หลังจากพูดจบอี้เเหวินเทียนสิงก็ลูบหัวไป๋หรูอี้ด้วยความเอ็นดู

              ภาพแห่งความทรงจำเลือนหายไป พร้อมกับน้ำตาหยดแล้วหยดเล่าหลั่งริน  ไป๋หรูอี้พึ่งได้เข้าใจเดี๋ยวนี้เองว่าสุดท้ายอี้เหวินเทียนสิงเกลียดนางมากเพียงใด  และคงไม่ต้องการที่จะเห็นหน้านางอีกต่อไป  นางได้แต่เสียใจว่าเหตุใดทั้งๆที่นางและเขาต่างผ่านหนาวผ่านร้อน  ผ่านทุกข์ผ่านสุขมาด้วยกัน  เหตุใดเขาถึงใจร้ายกับนางนัก  หากนางมีโอกาสอีกครั้ง  นางจะทำให้เขาเจ็บและทรมานกว่านางให้จงได้   

               เมื่อเวลาแห่งความทรมานทั้งเจ็ดชั่วยามได้สิ้นสุดลง  ลมหายใจของนางก็แผ่วเบาลงเช่นกัน  ภาพสุดท้ายที่นางเห็นคือมือของตนกำลังค่อยๆสลายกลายเป็นเพียงฝุ่นละออง  และภาพทั้งหมดก็ดับวูบลง

              'เหมันตฤดูเพิ่งเริ่มตน  แต่แสงเทียนแห่งชีวิตของตนกลับดับสิ้นลงเสียแล้ว  ช่างน่าคับแค้นใจยิ่งนัก'

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    คำนิยม Top

    ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

    คำนิยมล่าสุด

    ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

    ความคิดเห็น