ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [sf exo] ❥ hello love stories ( chanbaek )

    ลำดับตอนที่ #47 : [SF] LITTLE STAR : CHANBAEK

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 6.36K
      24
      8 ก.ค. 57




    LITTLE STAR

     

    AUTHER : KYUTY
    COUPLE : CHANYEOL x BAEKHYUN
    RATE : PG-13
    NOTE :
    เรื่องนี้ฟิลแตกต่างกับหลายเรื่องที่ผ่านมานะคะ อยากละมุนบ้างไรบ้าง ฮาร์คคอมานาน 555555555555555555555555555555555555

















     
     




     








    ฝ่ามือหยาบและเหี่ยวย่นยื่นซองจดหมายสีครีมที่บรรจุตัวอักษรมากมายในนั้น ชายวัยกลางคนยิ้มโดยปราศจากน้ำตา รอยยิ้มที่เป็นมิตรและมีความสุข สายออกซิเจนค่อยๆถูกถอดออกจากความประสงค์ของคนบนเตียง ผ้าห่มสีขาวคอยสร้างความอบอุ่นให้แก่ร่างกายไม่อบอุ่นเท่าฝ่ามือเล็กที่กอบกุมด้วยความรักและห่วงใย

     

    รอยยิ้มที่ยิ้มตอบทำให้ใบหน้าเล็กดูน่ารักมากขึ้นไปอีก ดูน่าเอ็นดูจนคนมองอยากจะขอให้มาเป็นลูก ชีวิตจะได้สดใสมากกว่าเดิม เพียงแต่ชีวิตคนเรามันไม่แน่ไม่นอน บางคนได้นอนหลับเพื่อหวังจะตื่นมาในวันรุ่งขึ้นกลับต้องจากไปตลอดกาล

     

    แต่ชายวัยกลางคนคนนี้ถือว่าโชคดีตรงที่เขาล่วงรู้อนาคตของตัวเองแล้ว จึงได้เตรียมพร้อมรับมือกับมันได้ทันท่วงที ได้เตรียมใจและฝากฝังสิ่งที่สำคัญที่สุดไว้กับคนที่เขารักและเอ็นดูที่สุด และนั่นจะทำให้เขาหมดห่วงและจากไปจากมีความสุข...

     

    “ฝากชานยอลด้วยนะแบคฮยอน”

     

    “ครับ ผมจะดูแลเขาให้ดีที่สุด”

     

     

     

     

     

    LITTLE STAR

     

     

     

     

     

    กระดาษแผ่นเล็กที่เขียนที่อยู่ของบ้านหลังหนึ่งเอาไว้พาเขามาถึงประตูรั้วสีน้ำตาลที่เปลี่ยนสีไปตามธรรมชาติ ท้องฟ้าเป็นสีฟ้าสดใสเข้ากับบรรยากาศเย็นฉ่ำยามเช้า ลมพัดอ่อนๆให้ได้สบายตัว ปลอดโปร่งกับกลิ่นดอกไม้หอมกรุ่นของสวนข้างบ้านที่แข่งกันเบ่งบานส่งกลิ่นชวนให้อารมณ์ดี ตัวบ้านทาสีขาวทั้งหลัง ส่วนระเบียงชั้นสองที่มีผ้าม่านสีครีมปลิวไหวตามแรงลม อ่า ไม่ยอมปิดหน้าต่างสินะ เดี๋ยวได้เป็นหวัดกันพอดี

     

    นิ้วเรียวสวยกดกริ่งหนึ่งครั้ง สักพักก็ได้ยินเสียงทุ้มขานรับอยู่ในตัวบ้านว่าให้รอก่อน กำลังออกไป ร่างเล็กจัดเสื้อทั้งที่มันเรียบอยู่แล้ว ปัดขากางเกง สางผมที่ยุ่งนิดหน่อยตอนที่ลมพัดมา หายใจเข้าออกช้าๆเรียกกำลังใจให้ตัวเอง

     

    ตอนนี้เขากำลังจะได้เจอลูกชายของคุณปาร์ค ผู้มีพระคุณของเขาและเป็นผู้ป่วยที่เขาใช้เวลาคลุกคลีด้วยมากที่สุด เรียกได้ว่านับถือเป็นพ่อคนที่สองก็ว่าได้ ท่านส่งเสียค่าเล่าเรียนจนเขาจบมาเป็นผู้ดูแลผู้สูงอายุ คุณปาร์คเคยถามว่าทำไมถึงเรียนด้านนี้ เหตุผลของเขามีแค่อย่างเดียวคืออยากจะดูแลคนที่เป็นดังพ่อคนที่สองที่รักและเอ็นดูทั้งที่ไม่ใช่ญาติ เพียงแค่เห็นเขาวิ่งเล่นอยู่ในสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า เพียงแค่เขาหันมาเจอผู้ชายรูปร่างภูมิฐานคนนี้และยิ้มให้พร้อมกับขนมในมือที่ยอมสละครึ่งหนึ่งของก้อนคุกกี้ชิ้นเล็กๆให้กับคนที่เป็นผู้ใหญ่กว่า เพียงเศษขนมทำให้เขามีทุนที่จะเรียนจนจบและสามารถหางานทำได้ คนที่ไม่ว่าเขาจะหาเงินเท่าไรก็ไม่สามารถทดแทนบุณคุณนั้นได้ มีเพียงสิ่งนี้ที่คุณปาร์คได้ขอไว้ก่อนจะนอนหลับไปตลอดกาลก็คือ ดูแลลูกชายแท้ๆเพียงคนเดียวของเขา

     

    “สวัสดีครับ” พลันความคิดต่างๆสลายหายไปด้วยเสียงทุ้มที่ได้ยินใกล้ๆครั้งแรกกับใบหน้าหวานปนเข้มของชายหนุ่มตัวสูงกว่าเขาหลายเซ็น รอยยิ้มนิดๆเข้ากับทรงผมสีน้ำตาลเข้มที่ไม่ได้จัดทรงใดๆ

     

    “สวัสดีครับคุณชานยอล ผมชื่อบยอนแบคฮยอนครับ”

     

    “คุณรู้จักผมด้วยหรอ” ไม่แปลกที่ชานยอลจะสงสัย ก็ในเมื่อเจ้าตัวเพิ่งกลับมาจากลอนดอนเดือนที่แล้วนี่เอง เหตุผลที่กลับก็คือ...กลับมางานศพของพ่อตัวเอง...

     

    แบคฮยอนเลือกที่จะปล่อยให้อีกฝ่ายได้อยู่คนเดียวก่อนที่เขาจะมา คงไม่ดีเท่าไรถ้าหากมีคนแปลกหน้าเข้ามาหาเราในช่วงเวลาที่เรากำลังเสียใจและสับสน คงจะอึดอัดกันน่าดู ปล่อยให้ชานยอลได้ทำความเข้าใจกับตัวเองจนแข็งแกร่งขึ้นมาดังเดิมแล้วเขาค่อยเผยตัวจะดีกว่า และเวลา 1 เดือนก็คงถือว่าเป็นเวลาที่เหมาะสม

     

    ชานยอลกลับมาอยู่เกาหลีถาวรเพื่อจะได้ไปหาพ่อได้ง่ายขึ้น หลุมศพของพ่อตั้งอยู่ข้างแม่ จะได้ไม่เหงาจนเกินไปหากเขาไม่มีเวลามาเยี่ยม มันเจ็บปวดที่ไม่ได้อยู่ในเวลาที่พ่อของเขากำลังจะจากไป แต่เขารู้ว่ามีคนคอยดูแลพ่อเขาอย่างจริงใจ เพียงแต่ไม่รู้ว่าเป็นใคร รู้เพียงว่าเด็กคนนั้นคือเด็กในอุปการะของพ่อ ในตอนนั้นเขาไม่ได้สนใจมากนัก เพราะเขาเป็นคนใจดี มักจะชอบส่งเสียให้เด็กหลายคนที่ขาดโอกาส หรือว่าคนตรงหน้าเขาคือเด็กในอุปการะของพ่อ

     

    “ผมเป็นคนดูแลพ่อของคุณก่อนที่ท่านจะจากไป นี่คือจดหมายที่ท่านเขียนถึงคุณ” แบคฮยอนยิ้มพร้อมกับยื่นจดหมายให้เจ้าของที่แท้จริง เขาไม่เคยเปิดอ่านมันเพราะไม่สมควรที่คนภายนอกจะอ่านในส่วนของครอบครัว

     

    “เข้ามาก่อนสิ อากาศเริ่มร้อนแล้ว” แสงอาทิตย์เริ่มสาดส่องเมื่อเข้าใกล้เวลาสายของวัน แบคฮยอนเดินตามเจ้าของบ้านเข้าไป นั่งลงตรงโซฟาตามที่อีกฝ่ายเชิญให้นั่ง ชานยอลถือเหยือกน้ำกับแก้วน้ำ 2 ใบก่อนจะรินให้เขา

     

    แบคฮยอนแอบลอบมองชานยอลเป็นครั้งคราวเพราะผิดคาดไปนิดหน่อย คุณปาร์คชอบเล่าเรื่องของลูกชายให้เขาฟัง แต่ละเรื่องที่ได้ฟังคือชานยอลเป็นคนเงียบ พูดตรงและไม่ค่อยสนใจใคร แต่คนที่เขาเห็นออกจะสุภาพ ออกไปทางนิ่งและพูดจาดี

     

    “ขอผมอ่านก่อนนะครับ คุณรอก่อนนะ” แบคฮยอนพยักหน้ารับก่อนจะปล่อยให้อีกฝ่ายได้ซึมซับข้อความสุดท้ายจากพ่อ

     

    กรอบรูปของเด็กชายหน้าอ้วนที่ใส่แว่นกลมกับสัตว์เลี้ยงที่เขาไม่รู้จักชนิดของมัน อดยิ้มไม่ได้กับขนาดใบหูที่ดูใหญ่กว่าคนทั่วไป เหลือบมองคนที่ตั้งใจอ่านจดหมายก็รู้ว่าเด็กในรูปก็คือเจ้าตัวนั่นแหละ

     

    “ดูรูปผมแล้วยิ้มหมายความว่าไงครับ” คนเสียมารยาทเผลอสะดุ้งเมื่อถูกจับได้ว่าทำตัวไม่ดีเข้าเสียแล้ว

     

    “ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ” ก้มหัวกล่าวขอโทษโดยไม่เห็นว่าคนตำหนิยิ้มที่ได้แกล้งเด็กในอุปการะของพ่อ

     

    “ล้อเล่นครับ อย่าทำหน้ากลัวขนาดนั้นสิ แล้วกระเป๋าเสื้อผ้าคุณอยู่ไหน ผมเห็นคุณมาตัวเปล่า”

     

    “กระเป๋าเสื้อผ้า”

     

    “ก็พ่อบอกในจดหมายว่าอยากให้คุณมาอยู่ที่นี่ เพราะรู้ว่าถ้าพ่อไม่อยู่ คุณคงจะไม่อยู่ในบ้านที่พ่อซื้อให้” คุณปาร์ครู้ทันเขาอีกแล้ว ยังไงเขาก็ไม่กล้าอยู่ในบ้านหลังนั้นหรอก ให้ลูกชายของคุณปาร์คเป็นเจ้าของดีกว่าเด็กไม่มีอะไรอย่างเขา

     

    “ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมหาที่อยู่ใหม่แล้ว” ตอนนี้กลับไปอยู่ในบ้านเด็กกำพร้าเพราะยังหาที่อยู่ใหม่ไม่ได้ แต่อีกไม่นานเขาคงจะหาได้

     

    “พ่อกำชับไว้แล้ว คุณจะขัดคำสั่งพ่อหรอ” ถ้าสนิทกันแบคฮยอนคงจะทำหน้ายุ่งใส่แล้ว เขาเลยทำได้เพียงเม้มปากแน่น ดูท่าลูกชายคุณปาร์คจะเอาจริง ถ้าอยู่ในบ้านเดียวกันเขาคงดูแลชานยอลได้ตามที่คุณปาร์คสั่งได้

     

    “ก็ได้ครับ พรุ่งนี้ผมจะเอาเสื้อผ้ามาด้วย”

     

    “ครับ”

     

    ที่ชานยอลยอมให้คนแปลกหน้าเข้ามาอยู่ในบ้านเพราะแบคฮยอนดูเป็นคนธรรมดาไม่มีอะไรพิเศษ ออกจะดูใสซื่อด้วยซ้ำ ท่าทางใจดีและการแสดงออกทางสีหน้าที่อีกคนคงไม่รู้ตัวว่าเผยความคิดตัวเองออกมาจนหมดมันทำให้เขารู้สึกเอ็นดู แล้วเขาก็เชื่อใจพ่อด้วย พ่อเขาเป็นคนดี คนที่พ่อเลือกมาก็ต้องเป็นคนดีด้วยเหมือนกัน

     

     

     

     

     

    LITTLE STAR

     

     

     

     

     

    “ทานข้าวได้แล้วครับ”

     

    “หืม ไข่เจียว”

     

    “ก็เมื่อวานคุณบ่นว่าอยากทาน”

     

    “ผมจำได้ว่าผมบ่นอยู่คนเดียวนะ คุณแอบฟังผมหรอ” ชานยอลเอ่ยล้อ ตั้งแต่มีแบคฮยอนเข้ามาในบ้าน ชีวิตเขาก็เปลี่ยนไป มีคนทำข้าวให้ทานทุกมื้อ มีคนคอยใส่ใจดูแลในทุกเรื่อง งานบ้านเขาไม่เคยได้ทำ แบคฮยอนบอกว่า พ่อเขาฝากฝังเอาไว้ ไม่อยากจะบอกหรอกว่าตัวเล็กแบบนี้น่าจะเป็นเขาที่ต้องดูแลมากกว่า

     

    “คุณบ่นหน้าทีวีตอนที่ผมกำลังกวาดบ้าน”

     

    ชานยอลทำเป็นยกมือยอกแพ้แล้วนั่งลงตรงหน้าจานหน้าหอมกรุ่น ไอร้อนยิ่งทำให้น่าทานเข้าไปใหญ่

     

    “ถอดผ้ากันเปื้อนก่อนสิ”

     

    ทั้งสองคนลงมือทานข้าวกันไปเรื่อยๆ เกิดความเงียบแต่ไม่รู้สึกอึดอัด คงต้องขอบคุณชานยอลที่ทำตัวสบายๆทำให้เขารู้สึกสบายใจที่จะอยู่ในบ้านหลังนี้กับคนที่เพิ่งรู้จักกัน

     

    “ผมขอถามอะไรคุณหน่อยสิ”

     

    “ว่ามาสิ”

     

    “พ่อคุณบอกว่าคุณน่ะเงียบกับอยู่ในโลกของตัวเอง...” พูดเสียงไม่ดังมาก เขากลัวว่าอีกคนจะโกรธ แต่เขาสงสัยจริงๆ ชานยอลแตกต่างกับคำเล่าจากคุณปาร์คมากโข

     

    “ผมเรียนรู้จากคนอื่นตอนที่อยู่ลอนดอนน่ะ แล้วผมก็ค้นพบว่าการที่ยิ้มให้กับคนอื่นและใจดีกับพวกเขามันทำให้ผมมีความสุขกว่าการทำหน้าบึ้งใส่”

     

    “คุณเก่งนะเนี่ย” เป็นครั้งแรกที่ชานยอลได้เห็นรอยยิ้มแบคฮยอนแบบเต็มๆ ดวงตาเรียวหยีไปตามรอยยิ้ม มันดูน่ารักมากๆในสายตาเขา จนเขาอยากจะเห็นมันไปในทุกวันทุกเวลา...

     

    หลังจากยิ้มให้กันตลอดเวลาทานอาหารเช้า แบคฮยอนก็รวบจานมาไว้กับตัวเองแล้วเอาไปวางที่อ่างล้างจานเหมือนทุกครั้ง

     

    “ผมช่วย”

     

    “คุณล้างน้ำเปล่าแล้วกันนะ” แบคฮยอนไม่กลัวคนที่ท่าทางเหมือนลูกคุณหนูแบบชานยอลหรอก เพราะเขารู้ว่าทุกคนที่ไปเรียนต่างประเทศส่วนใหญ่ช่วยเหลือตัวเองได้ทั้งนั้น

     

    ชานยอลทำท่าเหมือนตำรวจที่เคร่งในระเบียบ ยกมือไว้ตรงขมับเหมือนคนรับคำสั่งจากนายใหญ่

     

    “คุณเอาไปสิ” แบคฮยอนหัวเราะแล้วยื่นจานที่มีฟองไปให้

     

    “นี่ เดี๋ยวล้างจานเสร็จไปเดินเล่นกันนะ”

     

    “อื้ม”

     

     

     

     

     

    LITTLE STAR

     

     

     

     

     

    “สวัสดีครับคุณปาร์ค สวัสดีครับคุณนายปาร์ค” แบคฮยอนวางดอกคาร์เนชั่นลงบนพื้นปูน

     

    ช่อที่ชานยอลบอกว่าแม่ของเขาชอบมันมาก ชอบจนพ่อของเขาชอบตามไปด้วย แบคฮยอนว่างช่อดอกไม้สีสวยวางไว้บนแท่นหน้าหลุมศพของทั้งคู่ แล้วกลับมายืนข้างชานยอลด้วยท่าทีสงบ ส่งยิ้มอ่อนๆให้ผู้มีพระคุณที่ทำให้เขามีชีวิตที่ดีขนาดนี้

     

    “คนนี้เค้าเป็นคนดีมากเลยพ่อ”

     

    “...” แบคฮยอนมองคนที่เริ่มพูดกับพ่อของตัวเอง แต่ดูเหมือนจะพูดถึงเขาด้วย

     

    “เค้าทำกับข้าวให้ผมกินทุกวัน ดูแลงานบ้าน รดน้ำต้นไม้ ทำทุกอย่างจนผมจะเป็นง่อยอยู่แล้ว”

     

    “นั่นสิครับ เค้าไม่ยอมทำอะไรเองเลย ผมเลยต้องทำให้เค้าหมด” สองคนมองหน้ากันโดยที่มีแบคฮยอนยิ้มกับชานยอลหน้างอ

     

    “ความจริงผมก็อยากทำนะ แต่แบคฮยอนทำดีกว่าไง เอาเป็นว่าตอนนี้...ผมชอบเค้ามากๆเลย”

     

    “...ถ้างั้น...ผมจะขอให้คุณปาร์คบอกชานยอลให้ทีว่า...ผมก็รู้สึกดีกับเค้านะครับ”

     

    “จริงหรอ”

     

    “ผมบอกคุณปาร์คครับ”

     

    “อ่า ฉันยังไม่รู้สินะ พ่อยังไม่มาบอก”

     

    “คุณเป็นคนตลก” แบคฮยอนกลั้นหัวเราะไม่อยู่ ชานยอลทำให้เขาหัวเราะได้แค่ประโยคง่ายๆ ฟังจากคนอื่นอาจไม่ตลก แต่ถ้าฟังจากชานยอลมันตลกมากเลย จริงๆนะ

     

    “ขึ้นรถเถอะ เราจะกลับบ้านกัน” ชานยอลยื้นมือออกมาเพื่อรอให้แบคฮยอนจับ มันจะเป็นครั้งแรกที่จะได้จับมือกัน และเขาก็เพิ่งสารภาพความใจในออกไป มันเลยอาจทำให้ตื่นเต้น แต่ชานยอลหวังว่ามันจะเป็นการเริ่มต้นที่สวยงามที่สุด

     

    มันจะสวยงามจนหัวใจพองโต สัมผัสนิ่มจากมือแบคฮยอนที่แตะเบาๆลงบนมือเขา มันไม่ได้นิ่มเท่าคนอื่นเพราะแบคฮยอนผ่านการทำงานมาทั้งชีวิต แต่มันพอดีกับมือเขา พอดีที่จะแทรกไปตามเรียวนิ้วสวยราวกับผู้หญิง เขากอบกุมแบคฮยอนได้ทั้งมือ ส่งความอบอุ่นผ่านอวัยวะชิ้นเล็กๆที่เต็มไปด้วยความรู้สึก มันแน่นขึ้นเมื่อแบคฮยอนกระชับมือเข้าหาเขาเช่นเดียวกัน

     

    เราปล่อยมือกันแค่ตอนขึ้นรถ และชานยอลก็ฉวยมือเล็กมาจับไว้อีก แบคฮยอนเตือนว่าขับรถมือเดียวมันอันตราย แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้ปล่อยมือออก แค่ตั้งหน้าตั้งตามองถนนเพื่อป้องกันอุบัติเหตุ น่ารักซะไม่มี...

     

    แบคฮยอนบอกให้แวะที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตก่อนจะถึงบ้าน เราจับมือกันเข็นรถเข็น ช่วยกันเลือกผักที่จะใช้ทำสลัดเป็นมื้อเย็น ส่วนมื้อเที่ยงจะเป็นซุปข้าวโพดที่แบคฮยอนชอบทำ สงสัยแบคฮยอนอยากลดความอ้วนแน่ๆ กินแต่ละมื้อน้อยเหลือเกิน แต่ชานยอลจะไม่ถามหรอก เสียมารยาทพอดี เดี๋ยวแบคฮยอนอาจจะงอนถ้าพูดในเชิงที่บอกว่าอ้วน กลายเป็นตอนนี้เขาดูจะเข้าใจแบคฮยอนโดยไม่ต้องถามไปเสียแล้ว

     

    เดินเลือกของไปเรื่อยๆจนถึงเคาท์เตอร์คิดเงิน ร่างเล็กหันมามองเขาในขณะที่ถือของทั้งหมดด้วยตัวคนเดียว แบคฮยอนขอถือแล้วล่ะ แต่เขาไม่ได้ถือ อยากจะช่วยบ้าง แค่นี้ไม่เท่าที่แบคฮยอนทำให้เขาหรอก ก่อนจะถึงรถแบคฮยอนบอกว่าซุปข้าวโพดที่ทำตามแบบฉบับบยอนแบคฮยอนไม่เหมือนใครในโลก รับรองว่าถ้วยเดียวอิ่มถึงตอนเย็นแน่นอน บางทีเราก็กลายเป็นคนรู้ใจโดยที่รู้จักกันได้ไม่นาน...

     

     

     

     

     

    LITTLE STAR

     

     

     

     

     

    “อร่อยมั้ยครับ” ใบหน้าลุ้นๆของแบคฮยอนทำเอาชานยอลอยากแกล้ง วางส้อมลงหลังจากส่งผักสลัดเข้าปากพร้อมกับน้ำสลัดที่แบคฮยอนทำเอง แบคฮยอนชั่งสรรหาเมนูอาหารสารพัดมาทำให้เขาทานตลอด ซุปข้าวโพดที่คนตัวเล็กทำให้ตอนเที่ยงก็อร่อยจนเขาต้องชมออกปากตลอดเวลาทานอาหาร  จนเขาคิดว่าซุปข้าวโพดจะกลายเป็นเมนูโปรดในอนาคตของเขาแน่นอน จดไว้ในลิสรายชื่อไว้เลย

     

    “อืม...”

     

    “ไม่ต้องแกล้งหรอก ผมรู้ว่ามันอร่อย” ร่างเล็กว่าแล้วลงมือทานของตัวเอง ดีใจที่ดักทางชานยอลทัน เพราะเจ้าตัวเริ่มทำหน้าบึ้งหลังจากโดนรู้ทัน

     

    “ถ้ารู้แล้วจะถามผมทำไมกัน”

     

    “ผมอยากให้คุณมีส่วนร่วม”

     

    “วันหลังสอนผมทำบ้างสิ” ยกยิ้มตาสระอิแล้วพยักหน้า จากนั้นก็ไม่ได้คุยอะไรกันอีก เพียงแค่สบตาแล้วส่งยิ้มให้กันในบางครั้ง

     

    พอล้างจานเสร็จชานยอลก็ชวนให้ออกมานั่งเล่นที่สวนข้างบ้าน ท่ามกลางมวลดอกไม้ที่แบคฮยอนคอยรดน้ำให้ทุกวัน มีบางครั้งที่ชานยอลมาช่วย ตอนนี้มีโต๊ะไม้สีขาวหนึ่งตัวกับเก้าอี้ไม้อีกสองตัวตั้งอยู่ ขวดทรงสูงที่บรรจุน้ำสีม่วงเข้มตั้งอยู่ในถังน้ำแข็ง อากาศตอนกลางคืนที่ถึงแม้ตัวบ้านจะอยู่กลางเมืองแต่ก็ได้กลิ่นหอมของดอกไม้ ชานยอลคงตั้งใจเลือกดอกที่ส่งกลิ่นหอมเพื่อกำจัดกลิ่นมลพิษออกไป

     

    “ทำยังไงดี เอาผ้าลงมาผืนเดียวเอง” ชานยอลคนขี้แกล้ง ทำไมจะไม่รู้ว่าจงใจเอามาแค่นั้น แล้วจะทำยังไงล่ะนอกเสียจากเข้าไปนั่งกับชานยอลในเก้าอี้ตัวเดียวกัน ไปเอาเก้าอี้ตัวใหญ่แบบนี้มาจากไหนนะ

     

    “ก็อุ่นดีนะ” ผ้าห่มผืนไม่หนาถูกส่งผ่านลาดไหล่บางมาคลุมลงตรงหน้าขาพอดี ไม่รู้ว่าเขาตัวเล็กหรือชานยอลตัวใหญ่ เขาถึงได้อยู่ภายใต้อ้อนแขนอบอุ่นมือฝ่ามือร้อนที่กอบกุมเขาไว้พอดิบพอดีทั้งสองข้าง สบดวงตากลมโตที่เขาอิจฉาเพราะมันทั้งดูสวยมากและมันบรรจุทุกความรู้สึกภายในนั้น ยิ่งดวงตาคู่นี้กำลังมองมาที่เขา ที่แบคฮยอนคนนี้ ยิ่งทำให้สุขใจยิ่งกว่าสิ่งใด

     

    “ตัวอุ่น มืออุ่น ไหล่ก็อุ่นนะ” จะทำยังไงไม่ให้ยิ้มต่อหน้าชานยอลได้กันนะ แบคฮยอนคิดอย่างนั้นมาตลอด และคงจะต้องคิดต่อไปเพราะไม่ว่าตอนไหนชานยอลก็สดใสและทำให้โลกของแบคฮยอนมันสว่างมากกว่าที่ผ่านมา

     

    คุณปาร์คครับ ลูกชายคุณทำผมตกหลุมรักเข้าแล้วล่ะครับ...

     

    หัวเล็กซบลงที่ไหล่กว้างตามคำบอกชานยอล นอกจากจะขี้แกล้งแล้วยังหลงตัวเองอีก แล้วไงต่อล่ะ มันอุ่นจริงๆนะ...

     

    “วันนี้ดาวสวยมากเลย ถึงแม้มันจะมีน้อยก็เถอะ”

     

    “น้อยตรงไหน มีตั้งเยอะ เราแค่มองไม่เห็นมัน”

     

    “งั้นผมให้คุณเป็นดาวดวงที่สว่างที่สุดแล้วกัน ผมจะได้เห็นมันทุกวัน” แบคฮยอนชี้นิ้วไปที่ดวงดาวกลางฟ้า มันสว่างที่สุดในบรรดาดาวทั้งหลาย เขาเรียกว่าดาวประจำเมืองสินะ

     

    “ดวงใหญ่จัง”

     

    “ไม่ดีหรอครับ”

     

    “แล้วคุณรู้มั้ย ว่าดาวดวงนั้นน่ะ มันมีดาวดวงเล็กๆที่ติดตามมันเสมอ ทุกที่ทุกเวลา”

     

    “คุณเก่งดาราศาสตร์รึไง”

     

    “ผมรู้เรื่องนี้ดีทีเดียว”

     

    “แล้วมันคือดาวอะไร ถึงได้ตามติดเจ้าดาวดวงใหญ่นั่นตลอด มันแอบชอบดาวดวงนั้นหรอ”

     

    “ดาวดวงเล็กชื่อดาวลิตเติ้ลบยอน ส่วนดวงใหญ่ชื่อไจแอ้นท์ปาร์ค ไม่มีใครเห็นดาวดวงเล็กๆดวงนั้น มีเพียงไจแอ้นท์ปาร์คเท่านั้นที่เห็น”

     

    “ใครเป็นคนค้นพบกัน...” ลิตเติ้ลบยอนกับไจแอ้นท์ปาร์ค เข้ากันดีนะว่ามั้ย...

     

    “คนค้นพบก็นั่งอยู่ตรงนี้ไง เราสองคน”

     

    “เดี๋ยวนี้ชอบหยอดคำหวานหรอ”

     

    “กับคุณคนเดียวเลย”

     

    แบคฮยอนเอามืออีกข้างมาปิดปากตัวเอง เพราะรู้สึกว่ายิ้มมากเกินไปแล้ว แต่ชานยอลก็ยังเห็นดวงตาเรียวที่เป็นรูปสระอิ ปิดปากแต่ไม่ไก้ปิดตายังไงก็รู้ว่ายิ้มอยู่ดีล่ะน่า

     

    “เต้นรำกัน”

     

    “ผมเต้นไม่เป็น” แบคฮยอนจำใจลุกขึ้นตามานยอลที่ยืนอยู่และดึงมือเขาขึ้นตาม คนตัวเล็กกว่าส่ายหน้าปฏิเสธ เกิดมายังไม่เคยเต้นอะไรแบบนั้นจะทำได้ยังไง ขายหน้าตายเลย

     

    “เดี๋ยวผมสอน”

     

    “ไม่เอา เต้นไม่ได้จริงๆ” ชานยอลมองคนที่เริ่มทำหน้ายู่ แถมยังทำหน้าอ้อนใส่เขาอีก แบบนี้ใครจะใจแข็งได้กัน

     

    “งั้นเอาแบบนี้ คุณเอาเท้ามาวางบนเท้าผม”

     

    “ไม่ได้ใหญ่เลย นี่มันเหยียบเท้าชัดๆเลย ชานยอล!” แบคฮยอนร้องเสียงหลงเมื่อโดนรวบตัว แล้วตัวเองก็ลอยขึ้นจากพื้นมาวางแหมะที่เท้าทั้งสองข้างของชานยอลพอดี แบคฮยอนจับเข้าที่ไหล่กว้างเพราะกลัวหงายหลังลงไป อดไม่ได้ที่จะตีคนที่กำลังหัวเราะเขาอยู่ ร่างเล็กก้มหน้างุดแต่ก็ไม่ได้ก้าวเท้าออก

     

    แม้ไม่มีเสียงเพลงบรรเลงแต่ชานยอลก็ค่อยๆขยับเท้าตามแบบที่แบคฮยอนไม่เคยเห็น มือหนาสอดเข้าตรงเอวคอดแล้วกระชับเข้าใกล้ ท่ามกลางความเงียบในยามค่ำคืนแต่กลับมีเสียงหัวใจเต้นเป็นจังหวะให้พวกเขาได้เต้นรำใต้ดวงดาวที่มีชื่อตามพวกเขา แบคฮยอนไม่รู้ว่าเป็นการเต้นแบบไหนแต่มีความรู้สึกว่าถ้ามีทำนองคงจะไพเราะจับใจและเข้ากับท่าเต้นรำได้ดี

     

    รู้สึกถึงหัวใจอีกฝ่ายที่เต้นแรงไม่แพ้กัน เงยหน้าขึ้นมาเพื่อสบสายตาที่มองมาที่เขาอยู่ก่อนแล้ว ปาร์คชานยอลงดงามราวกับภาพวาด ภาพวาดที่เขาเคยคาดฝันแต่ไม่คิดจะมีไว้ครอบครอง เพียงแต่ตอนนี้ เวลานี้ ภาพวาดที่เหมือนจริงกลับอยู่ตรงหน้า ของขวัญล้ำค่าที่ไม่สามารถหาได้จากที่ใด ในชีวิตของเด็กคนหนึ่งที่ไม่มีอะไรติดตัว ในชีวิตของคนที่ไม่มีอะไรพิเศษ คนที่ดีดังในความฝันกลับให้ความสนใจและมอบความรู้สึกดีๆให้ ไม่ขออะไรอีกแล้ว ขอแค่มีชานยอลก็เพียงพอแล้ว

     

    บยอนแบคฮยอนเป็นคนที่โชคดีที่สุดในโลก...

     

    ลมหายใจอุ่นที่เคลื่อนเข้าหากับดวงตาที่สะกดเขาจนอยู่หมัด แบคฮยอนค่อยๆหลับตารอรับสัมผัสอ่อนโยนของผู้ชานตรงหน้า ความอุ่นร้อนเข้าแนบชิดกลีบปากบางแผ่วเบาราวกับขออนุญาต ก่อนที่แบคฮยอนจะเขย่งเท้าขึ้นเล็กน้อยเพื่อเป็นการตอบรับรสจูบอบอุ่นนี้ สองแขนเรียวเลื่อนเข้าโอบรอบลำคอเพื่อพยุงตัว เรียวลิ้นร้อนละเลียดอยู่ที่ริมฝีปากล่างก่อนจะแทรกเข้าไปภายในช้าๆ แบคฮยอนไม่เคยรู้สึกราวกับว่าตัวเองค่อยๆลอยเหนือพื้นดิน ล่องลอยราวกับก้อนเมฆปุยสีขาวสะอาดยามที่ได้รับความรู้สึกจากอีกฝ่าย แผ่วเบาจนตัวเบาหวิว จริงจังและขี้เล่นในเวลาเดียวกัน แกล้งเขาจนแทบลืมหายใจในยามที่เรียวลิ้นเกี่ยวตลัดลิ้นของเขาพันกันยุ่งเหยิง บางครั้งก็ร้องแรงจนขาไร้เรี่ยวแรง ถอนจูบแล้วแทรกเข้ามาใหม่ไม่รู้กี่ครั้งน้ำเชื่อมใสเลอะมุมปากก็ถูกทำความสะอาดโดยอวัยวะชิ้นเดิม

     

    สมองไร้การสั่งการจากทุกที่ มีเพียงหัวใจที่เป็นตัวควบคุมทุกอย่าง แผ่นหลังบางสัมผัสกับเตียงนุ่มหลังใหญ่ หลังจากนั้นทุกอย่างก็เป็นไปตามที่หัวใจต้องการ เป็นไปอย่างไม่รีบร้อน เป็นไปอย่างสุขล้นในหัวใจ ปลื้มปริ่มจนไม่รู้จะอธิบายได้อย่างไรนอกเสียจากการบอกรักทั้งทางสายตาและคำพูด

     

    “ผมรักคุณมากมายเหลือเกิน”

     

    “ขอบคุณที่รักผมนะชานยอล ขอบคุณที่ผมรักคุณเช่นกัน”

     

     

     

     

     

     

    LITTLE STAR

     

     

     

     

     

    แบคฮยอนลืมตาตื่นขึ้นมาในยามที่แสงส่องแทรกเข้ามาผ่านผ้าม่านที่ปิดไม่สนิท ลุกขึ้นมาบิดขี้เกียจเบาๆเพราะเจ็บไปทั้งเนื้อทั้งตัว วางปลายเท้าลงบนรองเท้าสีฟ้าที่วางอยู่ข้างเตียง พอจะลุกก็เจ็บร้าวสะโพก แต่ก็ไม่มากขนาดเดินไม่ไหว แหงสิ โดนปลุกกลางดึกเพื่อทานยาแก้ปวดและแก้ไข้กันไว้ก่อนเลยทำให้เช้านี้ดูจะไม่ทรมานมาก อีกอย่างก็...เมื่อคืนชานยอลอ่อนโยนจะตายไป...

     

    แบคฮยอนมีเพียงเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวใหญ่โคร่งจนถึงต้นขาขาวเพราะถูกชานยอลจับใส่จากเสื้อผ้าแถวนั้นที่วางกระจัดกระจายอยู่ตามพื้น ความจริงชานยอลจะเอาชุดนอนมาให้ใส่ แต่เขาเกิดงอแงไม่อยากใส่เพราะไม่อยากขยับตัวเยอะ ชานยอลเลยต้องคว้าเสื้อตัวเองมาใส่ให้เขาพร้อมกับติดกระดุมให้เสร็จสรรพแล้วล้มตัวลงนอนกอดเขาดังเดิม

     

    คนตื่นสายเปิดประตูเบาๆแล้วก้มลงมองชั้นล่างที่ได้ยินเสียงขลุกขลักจากทางห้องครัว ค่อยๆพาตัวเองก้าวลงบันไดอย่างระมัดระวัง ทุกย่างก้าวทำให้เจ็บจี๊ดขึ้นมาแต่ก็ไม่เลิกพยายาม จะให้ยกขาขึ้นบันไดกลับไปก็ไม่ไหว เจ็บกว่าเดิมแน่

     

    กว่าจะลงมาได้ก็ใช้เวลานาน แบคฮยอนยิ้มที่เห็นแผ่นหลังกว้างกำลังขมักเข้มกับการเตรียมวัตถุดิบสำหรับอาหารเช้าที่ไม่ได้ทำบ่อยนัก ก็เขาเป็นคนทำให้ตลอดเลยนี่

     

    เรียวแขนเล็กสอดกอดคนตัวสูงจากทางด้านหลัง เอาแก้มแนบชิดแผ่นหลังอุ่นแล้วหลับตาซึมซับพร้อมกับรอยยิ้ม

     

    ทางด้านชานยอลก็หยุดกิจกรรมที่ทำอยู่แล้วอมยิ้มเล็กน้อยกับการออดอ้อนของแบคฮยอน

     

    “ลงมาแบบนี้ไม่เจ็บหรอครับ”

     

    “เจ็บสิ หมดแรงเลย”

     

    “ดื้อ”

     

    “ดื้อเพราะอยากเจอหน้า” ได้ยินเสียงชานยอลหัวเราะกับคำอ้อนของเขา

     

    “หิวรึยัง อยากทานอะไรเป็นพิเศษรึเปล่าครับ”

     

    “แค่ซีเรียลก็ได้ เดี๋ยวคุณทำครัวไหม้” ได้ยินแบบนั้นชานยอลก็เลยหันกลับมาแล้วรวบเอวเล็กเข้ามากอดเบาๆเพราะกลัวอีกคนเจ็บ

     

    “ปากร้ายจัง ไปนั่งรอข้างนอกเลย เดี๋ยวผมทำให้” แบคฮยอนส่ายหัวก่อนจะชูมือขึ้นเหนือหัว

     

    “วันนี้ไปหาคุณปาร์คกันนะครับ ผมอยากไปเยี่ยมท่านอีก”

     

    “ก็ได้ครับ ผมจะได้ไปบอกว่าพ่อมีลูกสะใภ้แล้ว”

     

    “ไปบอกท่านแล้วก็ห้ามทิ้งผมนะ ไม่งั้นผมร้องไห้จริงๆด้วย”

     

    “ไม่ยอมให้ร้องไห้หรอก สัญญาเลย”

     

    “ผิดสัญญาจะเอาดาวสองดวงนั้นไปทิ้งซะเลย”

     

    “คงไม่มีโอกาสได้เอาไปทิ้งหรอก ในเมื่อผมรักคุณขนาดนี้”

     

    “...” แบคฮยอนไม่ได้โต้ตอบแต่ยิ้มเพียงอย่างเดียว ยิ้มที่บอกว่าเขาดีใจมากแค่ไหน และชานยอลก็รับรู้

     

    “ไปนั่งได้แล้ว”

     

    “อุ้มหน่อย เจ็บ”

     

    “เมื่อกี๊ยังเดินมาได้เลย”

     

    “ชานยอลลลล อุ้มหน่อย เจ็บจริงๆนะ” แล้วอ้อนแบบนี้ใครจะไม่ทำตามกันล่ะ

     

    ดวงดาวที่ส่องสว่างที่สุดและโดดเด่นที่สุดบนท้องฟ้าสีดำสนิท ใครจะไปรู้ว่ามันสยบให้กับดวงดาวดวงที่เล็กจนไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าเพียงแค่ปัจจัยเดียวเท่านั้น ความรักที่ดวงดาวผู้ยิ่งใหญ่มอบให้ดาวดวงเล็กจนหมดใจ...

     

     

     

     

     

     



















    100%
     
    :) Shalunla
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×