คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Memoroma 01
[SF HKS] Memoroma 01
Why does the sun go on shining?
Why does the sea rush to shore?
Don’t they know it’s the end of the world
‘Cause you don’t love me anymore?...
“ฮึกกก...เฮือกกก!!”
เด็กน้อยสะดุ้งตื่นกลางดึก เรี่ยวแรงเพียงนิดทำได้แค่ดิ้นทุรนทุรายใต้เงาใหญ่ที่คร่อมร่างอยู่ สองมือเล็กปัดป้องแกะมือที่บีบคอเขาแน่นไม่ปราณี มือที่แสนคุ้นเคย มือที่สร้างเขาขึ้นมา มือนี้…มือของแม่เขาเอง
“ฮั่น...ฮั่น...ไปกับแม่นะ ไปอยู่กับแม่นะ แม่อยู่ไม่ไหวแล้ว ฮือ....ฮือออ”
น้ำตาของ ‘แม่’ ไหลล้นหยดผสมสิ่งเดียวกันบนแก้มลูกชาย ความเคียดแค้นสิ้นหวังกระจายไปทั่วใบหน้าเกรี้ยวกราด ผมเผ้ายุ่งเหยิงไร้การดูแลไม่เหลือเค้าของคุณหนูวิภาวรรณสาวสังคมชั้นสูงผู้หยิ่งสง่าและเอาแต่ใจอย่างร้ายกาจ ไม่มีสิ่งใดที่วิภาวรรณต้องการแล้วไม่ได้ ยกเว้น..หัวใจของสามีเธอ
“เขาไม่รักเราแล้ว..มะ..ไม่สิ...เขาไม่เคยรักเราเลย!!!”
วิภาวรรณตะโกนอย่างบ้าคลั่งพร้อมโถมกำคอลูกชายแรงขึ้น ใบหน้าฮั่นไร้สีเลือด ตาเรียวเล็กลอยเคว้ง ลิ้นถล่นออกนอกปากซีดที่เริ่มคล้ำ ความโกรธความสงสัยที่ไม่มีโอกาสได้เอ่ยถาม สติที่เหลือมีไว้เพื่อจดจำใบหน้าและสัมผัสของแม่ที่รัก..เป็นครั้งสุดท้าย
“หยุดเดี๋ยวนี้นะวิภา!!” กฤษณ์กระชากตัวภรรยาลงจากร่างลูกชาย เขาลากตัวหล่อนไปนอกห้อง วิภาวรรณกรีดร้องอย่างเสียสติกระโดดดิ้นทุบหนีการเกาะกุมแต่ไม่เป็นผล
อากาศกลับเข้าสู่ปอดทันที ฮั่นคลำลำคอตัวเองไอหนักจนตัวโยน หัวหมุนตื้อ ภาพไหวเอน เด็กน้อยค่อยเกาะผนังพาตัวเองเดินไปตามเสียงโวยวายหน้าห้อง เสียงที่คุ้นชินมาตั้งแต่จำความได้ แม่และคนที่แม่ให้เรียกว่าพ่อ หากไม่เมินเฉยใส่ก็ทะเลาะกันเสียงดัง เหตุการณ์เดิมฉายซ้ำทุกวัน เว้นแต่วันนี้...แม่จะฆ่าเขา!
ปัง!!!!
“ถึงแล้วคุณ! ลงได้แล้ว!”
โชเฟอร์อารมณ์ร้อนเคาะกระจกดังจากด้านนอก สัมภาระลูกค้าวางระเกะระกะบนพื้นที่หมาย ผู้ถูกเรียกกระชากสายหูฟังออก เปิดประตูผัวะก้าวพ้นตัวรถแล้วเริ่มต้นไออย่างหนัก มือซ้ายกดกลางอกแน่น จมูกปากเผยอหอบแรง พื้นคอนกรีตที่ก้มมองสั่นไหวบิดเบี้ยว คล้ายเกลียวคลื่น เขาหลับตานิ่ง กลืนน้ำลายฝืดเหนียวลงคอ เช็ดเหงื่อออกจากใบหน้าขาวซีด ชายหนุ่มยืดยืนเต็มตัว รูปร่างสูงใหญ่ กรามสันคม จมูกโด่งเชิดเหมือนผู้เป็นแม่ ดวงตาเรียวเล็กรับกับคิ้วหนาที่เจ้าตัวเกลียด ริมฝีปากชมพูเข้มยิ้มเยียดเมื่อเงยหน้ามอง ‘ที่หมาย’
บ้านหลังใหญ่ปิดท้ายซอยยานชานเมือง ตั้งตระหง่านห่างจากบ้านหลังสุดท้ายกลางซอยหลายกิโล กำแพงสูงขาวยอดประดับด้วยอัลลอยแหลมขดคล้ายลวดหนาม กล้องวงจรปิดติดตั้งรอบจุด ประตูเหล็กสีน้ำตาลแดงทึบมองไม่เห็นภายใน ทำให้ที่นี่ดูคล้ายคุกมากกว่าคฤหาสน์เศรษฐี
ยุทธนาละสายตาจากหนังสือพิมพ์ธุรกิจ มองคนใหม่ที่เขาเพิ่งเลือกเมื่อ 2 วันก่อน ด้วยตำแหน่งที่ปรึกษาประธานกรรมการบริษัท ชัยอรรถ พร็อพเพอร์ตี้ ยักษ์ใหญ่แห่งวงการอสังหาริมทรัพย์ เขาไม่จำเป็นต้องลงมาสัมภาษณ์พนักงานทั่วไปเช่นนี้ ยกเว้นตำแหน่งที่สำคัญไม่น้อยไปกว่าตัวเขา
“ทำงานวันจันทร์ถึงเสาร์ หยุดวันอาทิตย์ ออกไปข้างนอกได้ ห้องนอนคุณอยู่ริมสุดปีกตะวันออก แม่บ้านจะเอาของไปเก็บให้ ส่วนห้องทำงานอยู่อีกปีก ตามผมมา”
เร่งรีบเหลือเกิน หึ แน่ล่ะซิ อยู่ดีๆคนเก่ามาลาออกกะทันหัน แค่ขาดไป 2-3 วัน ทำเอาท่านที่ปรึกษาถึงกับต้องขนงานมาทำในคฤหาสน์ ตำแหน่งที่ไม่ใช่ใครก็ได้ แต่ต้องไว้ใจได้เท่านั้น เวลากะชั้นขนาดนี้ ถ้าไม่ได้คนสนิทที่วางใจแนะนำมา คนใหม่อย่างเขาคงไม่มีทางได้เข้ามาง่ายแบบนี้
ปีกตะวันตกหน้าต่างปิดบานเว้นบาน ภาพเหมือนคนในตระกูลเรียงรายตามผนัง ประตูแต่ละห้องมีเอกลักษณ์ บ้างก็เป็นไม้สักลายวิจิตร บ้างก็ไม้มะเกลือสีดำเข้ม ยิ่งเดินยิ่งมืดลง แสงอาทิตย์จากภายนอกค่อยๆหายไป ยุทธนาหยุดที่หน้าห้องสุดท้าย บานประตูสีขาวโพลนกับด้ามจับสีทอง…ห้องทำงานของเขา
ยุทธนาเคาะบานประตูห้องห้าครั้งเป็นจังหวะแปลกหู เว้นระยะหนึ่งช่วงหายใจก่อนจะผลักประตูเข้าไปอย่างช้าๆ ไอเย็นจัดพวยพุ่งจากภายใน ห้องมืดมิดทั้งที่เป็นช่วงเช้า ไม่มีสรรพเสียงใดตอบรับจนกระทั่ง....
“พาใครมา?” เสียงเด็กหนุ่มนุ่มเรียบเอ่ยถามผ่านความมืด มันคงน่าฟังกว่านี้ หากไม่เจือความรำคาญไม่แยแส
“คนใหม่...เปิดม่านหน่อยได้ไหม?”
ยุทธนาโตมากับนายเขาตั้งแต่เด็ก ไม่แปลกที่คำพูดจะใกล้ชิดเกินสถานะ อดีตเด็กกำพร้าที่นายใหญ่เก็บมาเลี้ยงจนได้ดี ฉลาด เก่ง มีหัวธุรกิจ จนใครๆคิดว่านายใหญ่จะยกให้เป็นผู้สืบทอดกิจการต่อ แต่ที่จริงแล้วยุทธนาเป็นเพียงแค่คนรับใช้ที่ท่านสร้างไว้เป็นมือเท้าให้หลานชายแท้ๆ ที่ไม่มีใครเคยรู้ว่ามีตัวตน จนถึงวันเปิดพินัยกรรม..
เสียงเบาจากรีโมทสั่งม่านหนาเลื่อนออก แสงยามสายลอดผ่านหน้าต่างบานเล็กที่อยู่สูงเกือบชิดเพดาน เผยให้เห็นห้องโถงกว้างรูปวงกลม เตียงใหญ่ขาวตั้งติดพื้นกลางห้อง ผ้านวมหมอนสีเดียวกันยับหยู่ว่างเปล่า ผนังห้องที่เคยเป็นสีขาวถูกเกลียวคลื่นดำจากสีชอล์คซัดสาดไปทั่วเท่าที่มือเล็กขาวซีดนั้นจะเอื้อมถึง…
เจ้าของห้องวางรีโมทลงข้างตัว สายตาที่เคยชินกับความมืดยังจับจ้องกลุ่มคลื่นเดิมที่เจ้าตัวลงสีดำเข้มขึ้น ไม่ได้สนใจต่อ ‘คนใหม่’ ที่กำลังจะเข้ามาเปลี่ยนแปลงชีวิต 20 ปีที่ผ่านมาของเขาไปตลอดกาล
เด็กหนุ่มหรี่ตากลมโตลึกโหลหนีแสง ผิวขาวซีดไม่เคยพบแดด ขับปากอิ่มชมพูใสให้สีจัดขึ้น ผมดำยาวคลุมหัวทุยเกือบถึงไหล่ แขนขาเล็กจนน่าจะหักได้ง่าย ตัวผอมบางกว่าวัยที่ควรจะเป็น
‘เงินสดในธนาคาร 4 พันล้านบาท อสังหาริมทรัพย์ และหุ้นบริษัท ชัยอรรถ พร็อพเพอร์ตี้ ในนามข้าพเจ้าทั้งหมด ขอยกให้ นายธนทัต ชัยอรรถ หลานชายของข้าพเจ้าแต่เพียงผู้เดียว’
ทายาทคนสุดท้ายเจ้าของมรดกหมื่นล้าน...ธนทัต หรือ แกงส้ม เด็กม่อซ่อ ขี้โรค นั่งขดตัววาดรูปในห้องมืด มีตุ๊กตาหมีตัวเก่าอยู่ข้างๆ แทนที่จะแต่งตัวโก้ใช้แบรนด์เนมขับรถหรู ผลาญเงินที่ชาตินี้ทั้งชาติก็คงใช้ไม่หมด...ถ้าไม่มีคนช่วย..ใช้
‘ตอบเมื่อเขาถาม..พูดเมื่อเขาอนุญาต’
“นมล่ะ?”
“......”
เกือบสองสัปดาห์สำหรับหน้าที่คนดูแล เด็กแกงส้มทำแต่เรื่องเดิมๆ ไม่พูดกับใคร (ยกเว้นยุทธนาที่มาหาทุกเช้าเย็น) ตื่นก็สาย ใส่เสื้อยืดเก่ากับกางเกงขาสั้นสีหม่น นั่งวาดรูปคลื่นบนผนังที่ไม่มีวันเสร็จ พอจะเขียนไดอารี่ก็เปิดโคมไฟดวงเล็กที่หัวเตียง สักพักวิ่งมาค้นหนังสือบนชั้นพลิกไปมาและทิ้งมันไว้อย่างนั้น อาหารมื้อหลักก็เอาแต่เขี่ย ไม่เคยกินหมด มีแต่ยาบำรุงที่ยอมทาน และนมร้อนใส่น้ำผึ้งจิบเองเมื่อหิว แน่นอนวันนี้เขาเอามันออกจากห้อง เพื่อ ‘เรา’ จะได้เริ่มต้นกันสักที
“นมล่ะ!!”
แกงส้มเขวี้ยงชอล์คสีดำลงพื้น หมดความอดทนกับพฤติกรรมคนใหม่ จริงๆเขาค่อนข้างพอใจที่คนนี้ไม่ยุ่มย่าม ไม่พูดมาก เรียกว่าไม่พูดอะไรเลยดีกว่า แต่วันนี้มันผิดปกตินายนี่ทำเขาหัวเสียตั้งแต่เช้า ปลุกเขาด้วยการเปิดม่านสว่างแสบตา น้ำอาบก็เตรียมช้า เสื้อผ้าก็ตัวใหม่ นี่ยังไม่มีโถนมร้อนประจำอีก มันจงใจแกล้งกันชัดๆ
“.....”
ฮั่นยังคงนิ่ง ก้มหน้าทำทีเป็นอ่านหนังสือที่เขามองไม่ค่อยเห็น อยากให้เด็กคนนี้รู้สึกเสียบ้างว่าการถูกละเลยมันเป็นยังไง เสียงฝีเท้าย่ำใกล้เข้ามาจนมาหยุดที่หน้าเขาพร้อมๆ กับหนังสือในมือถูกกระชากทิ้งโดยเด็กไร้มารยาท
“นม อยู่ ไหน?!!”
นี่คงเป็นการสบตากันครั้งแรก แสงไกลจากโคมหัวเตียงสะท้อนสองตากลมจ้องเขาเขม่ง ใบหน้าที่เคยซีดไร้อารมณ์กลายเป็นสีแดงเข้ม อกบางขยับไหวเร็วไม่รู้เพราะโกรธหรือเหนื่อยกับการตะโกนสุดเสียง ทุกอาการของแกงส้มทำให้เขา..พอใจ
“ไม่มี”
“ไม่มีได้ยังไง? ไปหามาซิ!! คุณแกงจะกิน!”
ตลก อายุตั้ง 20 ยังแทนตัวเองว่า ‘คุณแกง’ เกิดมามีแต่คนตามใจ เคยรู้หน้าที่ตัวเองไหม โอกาสมีมากกว่าคนเป็นล้าน แทนที่จะไปเรียนสูงๆ มาดูแลกิจการ กลับมานั่งวาดรูปไร้สาระ เรียกหาแต่นม น่าสมเพช มรดกมหาศาลไม่สมควรเป็นของเด็กคนนี้แม้แต่สลึงเดียว
“ใกล้เที่ยงแล้ว รอทานข้าวเลย คุณควรกินอะไรเป็นชิ้นเป็นอันบ้างนะ จะได้แข็งแรงเหมือนคนอื่นเขา” ห่วงเหรอ หึ ไม่ใช่แม้แต่น้อย
“ไม่!! คุณแกงจะกินนมน้ำผึ้ง!!” แกงส้มยังแผดเสียงดัง ในใจคิดเพียงหากยุทธนากลับมา จะให้ไล่ไอ้ยักษ์ตาตี่คิ้วหนานี้ออกให้พ้นสายตาเขาทันที
“เป็นหมีรึไง? ชอบกินน้ำผึ้ง” ฮั่นสวนถามเสียงเรียบ
“หืมม?” อะไรนะ หมี..น้ำผึ้ง เกี่ยวอะไรกัน เขาเนี่ยนะหมี? หมีชอบน้ำผึ้งเหมือนเขาเหรอ ไม่สิ
“หมีไม่ได้กินคนเหรอ?” เหมือนว่าความสงสัยจะแทนที่ความโมโหจนเกือบหมด
แคบ
“หึ หึ รู้อะไรกับใครเขาบ้างเนี่ยคุณ...แกง” ฮั่นจงใจหัวเราะเยาะ ลากเสียงล้อเลียน หวังยั่วให้แกงส้มกลับมาโกรธขึ้นอีก แต่..
เด็กที่คิดว่าหมีกินคนวิ่งไปที่ชั้นหนังสือ ไล่นิ้วไปทีละแถวจนคว้ามาเล่มหนึ่งพลิกหาไปมาแล้วยื่นมาตรงหน้าเขา
‘สองสหายกับหมี’
เด็กจริงๆเลย
“นี่มันนิทานสอนเด็ก...หมีมันไม่กินคนหรอก ถ้าไม่ไปทำร้ายมันก่อน ปกติมันกินเนื้อสัตว์ ปลา ผลไม้ แมลง รังผึ้ง..” เด็กเกรี้ยวกราดเจ้าอารมณ์คนเมื่อกี้หายไป เหลือแต่เด็กน้อยนั่งนิ่งพยักหน้าฟังเขาพูด ทำยังกับเกิดมาไม่เคยพบเจอสัตว์ประเภทนี้มาก่อน
“ไม่เคยไปสวนสัตว์เหรอคุณ?” แกงส้มไม่เคยก้าวออกจากห้องนี้ เพียงแต่ฮั่นไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นนานแค่ไหนแล้ว
“ไม่เคย ไม่ชอบข้างนอก” แกงส้มส่ายหัว ตอบอย่างอารมณ์เสียเพราะโดนขัดจังหวะเรื่องที่เขากำลังสนุก
“ไม่ชอบ หรือ กลัว?” คงเป็นอย่างหลังมากกว่า ฮั่นจ้องตาแกงส้มนิ่ง และแทบไม่ต้องคิดผู้ถูกถามตอบทันที
“ไม่ชอบ!” แกงส้มสะบัดตัววิ่งไปที่เตียงหยิบของบางอย่างเดินกลับมา
“นี่ไงหมี หน้าตาอย่างนี้แหล่ะ ไม่เห็นต้องไปสวนสัตว์เลย”
เขาคงระเบิดหัวเราะไปแล้ว ถ้าตุ๊กตาหมีตัวนี้ไม่ใช่....
Why do the birds go on singing?
Why do the stars glow above?
Don’t they know it’s the end of the world
It ended when I lost your love
นกในกรงของพ่อร้องเสียงระงมข้างนอก พ่อกำลังให้อาหารพวกมันอยู่แน่เลย วันธรมมดาพ่อไปทำงานแต่เช้าก่อนเขาตื่น และกลับมาหลังเขาหลับ คงมีแต่วันหยุดอย่างวันนี้ที่เขาจะได้เจอพ่อ
ฮั่นรีบวิ่งลงบันได เขาจะค่อยๆย่องจะไปจ๊ะเอ๋พ่อข้างหลัง แต่สายตาไปสะดุดที่ตุ๊กตาหมีสีน้ำตาลตัวใหม่วางอยู่บนโซฟา พ่อต้องซื้อมาให้เขาแน่ๆ เลย ฮั่นคว้าตุ๊กตามากอดไว้แน่น แม้เขาจะมีของเล่นมากมาย แต่ไม่เคยมีของจากพ่อ ตุ๊กตาตัวนี้เป็นชิ้นแรก เขาจะรักมันดูแลมันไปตลอดชีวิต ในขณะที่ฮั่นกำลังคิดชื่อเท่ๆ ให้เจ้าหมีน้อย เขาก็เห็นป้ายชื่อที่คอมัน...
‘KS’
เสียงนกข้างนอกเงียบลง พร้อมกับที่พ่อเข้ามา พ่อดูตกใจที่เห็นเขากับเจ้าหมี KS พ่อคงตั้งใจวางแผนแอบทำให้เขาประหลาดใจ แต่เขาดันมาเห็นซะก่อน ขอโทษนะฮะพ่อ ฮั่นยิ้มกริ่มในใจ
“ขอบ..” ลูกชายวัย 6 ขวบ กำลังจะเอ่ยด้วยความตื้นตัน
“พ่อขอตุ๊กตาคืนนะฮั่น” ขอ..คืน..
“ขอตุ๊กตาคืนพ่อนะครับ” คืน...พ่อ..
“มันเป็นของฮั่น พ่อให้ฮั่น ฮั่นไม่คืน!!” น้ำตาลูกชายไหลไม่หยุด แขนน้อยกอดยื้อตุ๊กตาไว้แน่น ทำไมต้องคืน มันเป็นของผม พ่อจะให้ใครไม่ได้ มันต้องอยู่กับผม
“ตัวนี้ของน้อง ถ้าฮั่นอยากได้เดี๋ยวพ่อซื้อตัวใหม่ให้นะ”
“ไม่!! ฮั่นจะเอาตัวนี้!! ฮือ...ฮือ...มันเป็นของฮั่น!! ฮั่นไม่ให้!!”
“ว้ายยยยยยยย!!!”
ลูกสาวแม่บ้านร้องเสียงหลง หลังวางสำรับอาหารกลางวันของคุณแกงและคนดูแลรูปหล่อ ฮั่นบีบคอตุ๊กตาหมีของคุณแกงแน่น ตาเลื่อนลอยเหงื่อแตกเต็มหน้าและลำคอทั้งที่แอร์เย็นเฉียบ สาวใช้ถือวิสาสะซับเหงื่อให้โดยที่เขาเหมือนจะไม่รู้สึกตัว จนสัมผัสโดนต้นคอเขาเท่านั้น ฮั่นยกแขนปัดหล่อนแรงกระเด็นไปไกล หล่อนตกใจตัวสั่นตั้งสติได้ก็รีบวิ่งออกจากห้องไปทันที
ฮั่นพุ่งเข้าห้องน้ำโก่งคออาเจียนหนักสลับไอไม่หยุด เหงื่อแตก หน้าซีดเผือด มือเย็นสั่นระริกคลำลำคอว่างเปล่าของตัวเอง ก่อนหลับตาทรุดลงบนพื้นห้อง หายใจถี่แรงจนค่อยๆ กลับเป็นปกติ
“กลัวผู้หญิงเหรอ?” ฮั่นลืมตาแล้วต้องผงะถอยออก เพราะเจ้าเด็กนี่ชะโงกมาเกือบชิดหน้าเขา
“ไม่ใช่ ไม่ชอบ” ไม่ได้กลัวผู้หญิง แต่ไม่ชอบให้ใครแตะตัวเขา ไม่ว่าจะเป็นใคร เพศไหนก็ตาม
“ไม่ชอบ หรือ กลัว?” แกงส้มจ้องตาฮั่นนิ่ง ผู้ถามกลายเป็นคนที่ต้องตอบ ต่างกันตรงที่คราวนี้คนตอบเงียบไป บาดแผลฝังลึกจากอดีต กลายเป็นแผลเป็นในจิตใจ ใช่ มันทำให้เขากลัว..กลัวการถูกสัมผัสที่คอ
“ไม่ชอบ!” ฮั่นพลิกตัวลุกขึ้นเดินออกจากห้องน้ำ เขาไม่น่าให้มันเกิดขึ้น จุดอ่อนของเขา ไม่ควรให้คนอื่นรู้ โดยเฉพาะแกงส้ม
“ฮ่าๆๆ ไม่ชอบผู้หญิง ฮ่า ฮ่า เป็นหนักซะด้วย ฮ่าๆๆๆ” แกงส้มหัวเราะดังขึ้นเรื่อยๆ กุมท้องขำจนตัวงอ
หึ เด็กโง่เอ้ย โล่งไป ดีแล้วที่ไม่รู้ จะคิดยังไงก็ช่างเถอะ แต่เพิ่งเคยเห็นเขายิ้มหัวเราะ และเจ้าตัวก็แปลกใจตัวเองเหมือนกัน แกงส้มหยุดขำ เช็ดน้ำตาริมขอบตาที่ออกมาพร้อมเสียงหัวเราะ เขาขมวดคิ้วมองหยดน้ำตาปลายนิ้วด้วยความงุนงงราวกับไม่รู้ว่ามันมาจากไหน ก่อนจะสะบัดหัวเดินไปเก็บตุ๊กตาหมีมาปัดไล่ฝุ่นอย่างเบามือ เสร็จแล้วก็หันมาชี้หน้าเขา
“นายคนไม่ชอบผู้หญิง..ห้ามทำร้าย KS อีกนะ!” น้ำเสียงตอนเรียกเขายังเจือขำ แต่ประโยคหลังก็กลับมาสั่งเสียงแข็งเหมือนเคย
“ผม ชื่อ ฮั่น” ช่วยเรียกให้ถูกด้วย ส่วนเรื่องหลังไม่รับปาก เพราะนั่นคือสิ่งที่เขาจะทำ
TBC : Ninee >,<
ความคิดเห็น