ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SF HKS] Memoroma

    ลำดับตอนที่ #2 : Memoroma 02 - 100%

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 384
      2
      19 พ.ค. 57

          
    [SF HKS] Memoroma
     02

     

     

                   เสียงร่าเริงหลังบานประตู หยุดมือที่กำลังจะเคาะไว้หน้าห้อง แม่บ้านโทรมารายงานว่าฮั่นขอเสื้อผ้าตัวอื่นให้คุณแกง และยกโถนมร้อนออกจากห้องตั้งแต่ช่วงสาย พฤติกรรมที่แปลกไปพายุทธนากลับมาไวกว่าทุกวัน

                   คุณแกงหัวเราะครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่เขาจำแทบไม่ได้ และคงไม่ต่างกับเจ้าตัวเท่าใดนัก หลังอติรุจผู้ช่วยคนสนิทแนะนำคนใหม่ให้ เขาจับเซ็นสัญญาปกปิดความลับ และตามดูมาตลอดก็ไม่มีปัญหา นายฮั่นทำงานได้ดีจนวันนี้...ถึงจะเกินคาด แต่มัน..ไม่ปกติ

                   ยุทธนาละบานประตูเบื้องหน้า เดินเข้าห้องพักของตน หยิบโทรศัพท์กดเบอร์คนไม่สนิท

                   “ช่วยสืบอะไรหน่อย ลับและเร็วที่สุด"

     

     

     

     

     

                สงสัยอะไร?”

                   “สงสัยว่าคุณเคยออกไปข้างนอกไหม?”

                   ความเงียบแทนคำตอบ แดดอ่อนกระทบใบหน้าหวานเรียบเฉยของแกงส้ม ม่านเดิมเปิดกว้างขึ้นทุกวันจนมาถึงครึ่งบานหน้าต่าง ระยะเวลาสองเดือนกว่าเปลี่ยนคนไม่เก่ากลายเป็นคุ้นเคยขึ้นได้เร็วกว่าที่คิด ฮั่นมีเรื่องมาเล่าให้เจ้านายฟังไม่ซ้ำ ถ้าหมดความสนใจเด็กนั่นก็กลับไปอยู่ในโลกของตัวเองเหมือนเดิมซึ่งนับวันยิ่งถูกทอนความใส่ใจลงทุกที กฎของหน้าที่ไม่เคยเปลี่ยน เป็นอีกครั้งที่ฮั่นหลอกให้แกงส้มถามเขาก่อน

                   “อย่างเช่น...ไปดูหนัง เที่ยวเล่น กินข้าว หรือ...ตัดผม” ฮั่นหยุดมองผมที่ยาวเกินไปของเจ้านาย

                   “ตูมตามตัดให้

                   แกงส้มจับหัวทุยของตัวเอง มองม้วนปลายผมด้วยนิ้วชี้ มันยาวไปแล้วจริงๆด้วย ช่วงนี้ตูมตามคงยุ่งมาก ไม่ค่อยเข้ามาหา เว้นวันอาทิตย์ที่อยู่ด้วยกันทั้งวัน คงต้องบอกตูมตามให้ตัดสัปดาห์นี้เลย

                   การอยู่กับใครสักคนแทบตลอดเวลา ทำให้เดาสิ่งที่เขาจะพูดหรือทำได้ไม่ยาก เด็กคนนี้ไม่เคยโกหก แต่เลือกตอบ..เฉพาะที่อยาก

                   “คุณตูมตามอายุมากกว่า ทำไมคุณไม่เรียกเขาว่า พี่ ล่ะ

                   คนโดนตำหนิเงยหน้าจากปลายผม แกงส้มมองผู้ดูแลที่ทำตัวสั่งสอนเขาทุกวัน แม้จะเคืองบ้าง แต่ก็อยากฟัง

                   เด็กนั่นเป็นอย่างนี้ทุกครั้ง เมื่อใดเขาเริ่มสอนสิ่งใหม่ แกงส้มจะนิ่งฟัง คิ้วขมวดเข้าหากัน ตากลมโตแฝงแววรั้นจ้องเขาไม่วางตา ดูเหมือนแมวน้อยเริ่มเชื่องตัวหนึ่ง

                   “การเรียกคนสนิทอายุมากกว่า แม้เขาไม่ใช่พี่คุณจริงๆ ก็ควรเรียก 'พี่หรือใช้นำหน้าชื่อ เช่น ‘พี่ตูมตาม’ จะสุภาพกว่าเรียกชื่อเฉยๆ” อย่างที่แกงส้มชอบเรียกเขา

                   “ถ้าอย่างนั้นการเรียกคนสนิทอายุน้อยกว่า แม้เขาไม่ใช่น้องจริงๆ ก็ควรมีคำว่า ‘น้อง’ นำหน้า ใช่มั้ยไม่เห็นตูม...พี่ตูมตาม จะเรียก ‘น้องคุณแกง’ เลย

                   นั่นสินะ...ถ้าเป็นคนอื่นคงคิดว่าตั้งใจยอกย้อนเขา แต่เด็กคนนี้...ไม่ใช่

                   “ยิ้มอะไร?..คุณแกงพูดอะไรผิด” หน้าตาเหรอหรายิ่งตลก ต่างกับลูกแมวหยิ่งวันแรกลิบลับ

                    “คุณชื่อ แกงส้ม ไม่ใช่หรือ?”

                   “รู้แล้ว! แต่ไม่เห็นมีใครเรียก เรียกแต่คุณแกง คุณแกงอยู่นั้นแหละ!” มีเพียงคนเดียวที่เรียกเขาว่า...

     

                ‘น้องแกง น้องแกงครับ'

     

                   เหวี่ยงเสร็จก็ซึมลง เด็กจริงๆ เก็บอะไรไว้ไม่อยู่เลย ตื่นเต้น สงสัย ไม่พอใจ หรือว่า...เศร้า คุณเป็นเจ้านาย พวกเขาเรียก ‘คุณ’ ก็ถูกแล้ว อีกอย่าง..หากคุยกับคนไม่สนิท ให้แทนตัวเองว่า ‘ผม’ ใช้ชื่อตัวเอง..มันเหมือนเด็กอนุบาล” ฮั่นจงใจยั่วให้แกงส้มเคืองหูเล่น ลืมความเศร้าไร้ที่มา เพราะมัน..ยังไม่ถึงเวลา

                   “คุณแกงโตแล้วนะ!” จริงเหรองั้นนายรู้ไหมว่ากำลังเผชิญอยู่กับอะไร?

                    “คุณบอกมาซิว่า ความรัก คืออะไร?” ฮั่นหรี่ตาคมสบตาเด็กยี่สิบที่ยังไม่หย่านม

                    “....” ความ...รัก

                   “เมื่อไหร่ที่คุณคิดถึงคนอื่นก่อนตัวเอง …”

                   แกงส้มไม่ทันตั้งตัว มือขวาฮั่นสอดเข้าข้างแก้มเขา นิ้วโป้งไล้เช็ดคราบนมบนริมฝีปากนิ่มนวล นิ้วที่เหลือคลอเคลียพวงแก้ม ลากลงมาคลึงลำคอเรียวแล้วรั้งเข้าหาตัว ตาคมดุจนกอินทรีมองลึกลงตากลมโตที่เบิกกว้างด้วยความตกใจ ปลายจมูกโด่งผู้เหนือกว่าปัดผ่านแก้มใสอีกข้างอย่างย่ามใจ ลมหายใจร้อนรดรินใบหูบางกระซิบแผ่วเบา

     

                   “....นั่นแหละ เรียกว่า รัก “

     

                   คำพูดที่ไม่เคยได้ยิน สัมผัสที่ไม่เคยได้รับ แกงส้มไม่เข้าใจตัวเอง ทำไมเดี๋ยวนี้ใกล้เขาใจสั่นมือสั่น แก้มก็ร้อน พอเขาจ้องมาก็ไม่กล้าสบสายตา

     

                   มันคืออะไร

     

                   หึ นี่นะเหรอ..โตแล้ว เด็กน้อยเอ้ย แค่คำว่าไร้เดียงสายังห่างไกลเลย

     

     

     

     

     

                ว่ามาแคน

                   “การร่วมทุนกับเอช กรุ๊ป ราบรื่นดี รวมถึงเตรียมการกว้านซื้อหุ้นที่เหลือ รอแค่ Mr. H สั่ง ชัยอรรถก็จะพังครืนในพริบตา

                   อติรุจรายงานอิสริยะผู้เป็นทั้งเจ้านายและเพื่อนสนิท ชัยอรรถ เพิ่งจับมือกับเอชกรุ๊ปบริษัทลงทุนข้ามชาติ ได้เม็ดเงินมหาศาลมาคลายสภาพร่อแร่ หุ้นชัยอรรถ พร็อพเพอร์ตี้ตกแรงหลังเจ้าของเสียชีวิต และจมดิ่งอีกภายหลังเปิดพินัยกรรมยกสมบัติทั้งหมดให้หลานชายที่ทุกคนนึกว่าตายพร้อมแม่ตัวเองไปแล้วเมื่อ 20 ปีก่อน การปรากฏตัวของธนทัตสร้างความแปลกใจมาก และมากที่สุดเมื่อทายาทหมื่นล้านโดนสังหารตายคางานศพปู่ตัวเอง

                   วันนั้นอติรุจอยู่ในเหตุการณ์ ทุกคนรอเจอธนทัตที่มีข่าวว่าเพิ่งกลับจากเมืองนอก ยุทธนาเข้ามาในงานพร้อมเด็กหนุ่มสูทดำ รูปร่างสันทัดสูงใหญ่ มีการ์ดล้อมหน้าหลัง ธูปยังไม่ทันหมดดอก กระสุนปริศนาพุ่งเจาะกลางหน้าผาก แขกแตกตื่นกันทั้งงาน เด็กคนนั้นสิ้นใจตายทันที

                   มีคนไม่น้อยที่อยากให้ธนทัตตาย แต่ไม่ใช่เจ้านายเขามันง่ายไป

                   “เสียดาย...ถ้าตอนนั้นเป็นแกงส้มตัวจริง ชัยอรรถคงย่อยยับเร็วขึ้น และแกก็จะได้ทุกอย่างคืนง่ายกว่านี้

                   หน้าที่ของอติรุจคือแฝงตัวเข้ามาวางระเบิดชัยอรรถ และตามหาตัวธนทัต  ผลงานดีเด่นถูกจัดฉากขึ้นให้ยุทธนาเชื่อใจจนเลื่อนขั้นให้เป็นมือขวา การตามหาเป้าหมายเหมือนจะง่ายขึ้น แต่ยุทธนากลับปั่นหัวด้วยหลักฐานปลอมทั่วโลก อติรุจแอบยุยงบอร์ดบริหารให้ตั้งข้อสงสัยยุทธนา ท่านที่ปรึกษาอ้างความปลอดภัย และกล้าเปิดคฤหาสน์ให้ค้น แน่นอนว่าไม่พบ แกงส้มถูกซ่อนอย่างดี แต่ไม่มีคำว่าสมบูรณ์แบบ บัญชียุทธนาเคลื่อนไหวโอนเงินกระจายหลายทอดแล้วรวมมาที่คนคนเดียว นั่นก็คือ ‘คนเก่า’ ที่กำลังร้อนเงิน อิสริยะเสนอเงินก้อนโตกว่าให้แลกกับข้อมูล และตำแหน่ง ในขณะเดียวกันยุทธนาก็รีบร้อนให้อติรุจหาคนใหม่ อ้างว่าให้ไปเฝ้าญาติต่างจังหวัด...ลงล็อค และขั้นสำคัญที่ผู้คุมเกมส์ลงเล่นเอง...

                  

                   “ไปถึงไหนกันแล้วละครับ...ความสัมพันธ์ของคนใช้เสน่ห์แรงกับเจ้านายหนุ่มน้อย” ล้อเลียนแทบทุกประโยคเป็นนิสัยปกติของแคน ซึ่งฮั่นเคยชินจนเลิกใส่ใจแล้ว

                   “ก็ดี...ของที่สั่งได้หรือเปล่า?” ฮั่นดื่มกาแฟรวดเดียวหมด ถามถึงของที่ต้องการ

                   “ได้สิครับท่าน...สีชอล์คไร้ฝุ่นเกรดพรีเมี่ยม คัดมาเฉพาะเฉดสีฟ้าถึงเขียว 10 กล่อง ว่าแต่จะเอาไประบายผนังสนามศุภฯเหรอครับเจ้านายยยย

                   เจ้านายกะตือรือร้นรับถุงกระดาษเปิดดู ยิ้มเล็กที่มุมปาก กับแววตาเป็นประกาย ทำอติรุจแปลกใจ

                   “เปล่า....เอาไปวาดทะเล” สีจริงๆ มันต้องเป็นอย่างนี้เจ้าเด็กโง่

                   ฮั่นตอบทั้งยังก้มหน้ายิ้มกับแท่งสี อาการของเพื่อนอุดปากเสียของอติรุจสนิท ฮั่นจมกับความโกรธแค้นมาทั้งชีวิต จนลืมยิ้มให้ตัวเอง ถ้ารู้ว่าสีชอล์คทำให้เพื่อนเขาอารมณ์ดีขนาดนี้ เขาคงซื้อให้มันไปนานแล้ว แต่ดูก็รู้ว่าไม่ใช่เพราะสี แต่เป็นเพราะ...

                   “แกงส้ม..” เสียงพึมพำลอดออกมาอย่างตั้งใจ ฮั่นหุบยิ้มเก็บถุงวางข้างตัว เสมองไปนอกร้าน หยิบถ้วยกาแฟเปล่ามาดื่ม

                   อติรุจถอนหายใจ ส่ายหน้าเบาๆ อิสริยะจะรู้ตัวไหม ว่าไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน แม้กระทั่งกับ...

                  

                   “ระวังจะหลงรักเขาเข้าจริงๆ” ถึงวันนั้นคนที่เจ็บคงไม่ได้มีแค่เหยื่อ

                   “นั่นเป็นสิ่งสุดท้ายบนโลกที่ฉันจะทำ!” ฮั่นกระแทกถ้วยบนจานรองเสียงดัง

                   ไม่มีทางที่เขาจะรักเด็กชั่วนั่น! อีกไม่นานมันจะหลงเขาจนโงหัวไม่ขึ้น สำลักรักบนสวรรค์ปลอมๆ เมื่อถึงเวลานั้น..เขาจะโยนมันทิ้งกระแทกบนซากอาณาจักรว่างเปล่า ไม่มีที่ซุกหัวนอน ไม่เหลือคนรัก ไม่มีใครให้กอด เหน็บหนาวไปถึงขั้วกระดูก ให้มันลิ้มรสการถูกหักหลังโดยคนที่มันรักสุดหัวใจ แล้วเขาจะยืนมองมันค่อยๆตายช้าๆอย่างทรมาน!














    I wake up in the morning and I wonder

    Why ev’rything is the same as it was

    I can’t understand, no, I can’t understand

    How life goes on the way it does

               

                ปัง!!!!

                ร่างกฤษณ์ร่วงฟุบบนพื้น ฮั่นพุ่งตะกายเข้ามาในห้องนั่งเล่นชั้นสองหน้าห้องนอนเขา วิภาวรรณยืนช็อคถอยหลังชนลิ้นชักที่เปิดคาไว้

     

                “พ่อ!!!

                   ฮั่นปรี่เข้าไปหาพ่อ ความตกใจถึงขีดสุดลบทิฐิหมดสิ้น กฤษณ์ปรือตามองลูกชาย แรงที่เหลือยกมือขึ้นลูบรอยแดงที่คอฮั่น ดีใจที่ลูกปลอดภัย ดีใจที่ได้ยินลูกกลับมาเรียกเขาว่า ‘พ่อ’ อีกครั้ง แม้อาจเป็นครั้งสุดท้าย มือน้อยสั่นระริกประคองมือพ่อแนบแก้มเขา ปากสั่นลำคอตีบตันกั้นคำพูดที่อยากบอก..

                   ฮั่นรักพ่อนะ อยู่กับฮั่น อย่าทิ้งฮั่นไป

                   แต่ ไม่ทัน....

     

                ฮึก ฮึกก ฮึกก!! วิภาวรรณสะอื้นไม่เป็นภาษา ดวงตาสับสนกรอกไปมา หูอื้อตาพร่าไม่มีสติหลงเหลือ วิภายกปืนในมือขึ้นจ่อขมับขวา สั่งลาลูกชายด้วยสายตา...

     

                “ม่ายยยย!!!!!!

               

                ปัง!!!!

                  

                   เสียงของเขาไม่อาจหยุดกระสุนได้ ขาที่กำลังจะก้าวล้มพับข้างศพพ่อ ฮั่นมองร่างไร้วิญญาณของแม่ที่ตายังค้างมองเขา ฮั่นไม่มีแรงแม้จะแต่จะออกเสียง เด็กน้อยคลานเข้าไปกอดแม่ร้องไห้ปานขาดใจ

                   แม่จ๋าบีบคอฮั่นอีกก็ได้ อย่าทิ้งฮั่นไปแบบนี้ อย่าทิ้งฮั่นไว้คนเดียว

     

                   กลิ่นเลือดพ่อแม่คละคลุ้งรอบกายลูกน้อยที่กำลังนั่งสั่นสะอื้นตัวโยน เพลงโปรดของวิภาวรรณจากเครื่องเล่นแผ่นเสียงโบราณยังเล่นไปเรื่อยๆ ราวกับไม่ใยดีชะตากรรมโหดร้ายของเขา

                   เสียงเด็กร้องไห้ดังหน้าห้อง เรียกฮั่นหันไปดู เด็กผู้ชายโตกว่าเขาอุ้มเด็กตัวเล็กที่กำลังโดนปิดตาไม่ให้เห็นภาพสยดสยอง เด็กนั่นดิ้นแหกปากร้องไม่หยุด ไม่ทันคิดว่าคนพวกนี้เข้ามาได้ยังไง ฮั่นก็ต้องช็อคอีกครั้ง เมื่อเห็นของที่เด็กคนนั้นกอดแน่น...

                   แม้จะผ่านไปแล้ว 3 ปี แต่เขาไม่มีทางลืม

     

              KS

     

                   มัน! เป็นมัน!

                   มัน! ที่แย่ง KS ไป!

                   มัน! ที่แย่งพ่อไปจากเรา

                   เพราะมัน! ถึงเป็นแบบนี้!

                    มันมีสิทธิอะไรมาร้องไห้ให้ครอบครัว มันมีสิทธิอะไรมาร้องไห้ให้พ่อเขา!

                   มันไม่มีสิทธิมาร้องไห้ร่วมกับเขา!!

     

              หุบปากนะ!!!

     

                   ฮั่นละเมอตะโกนดัง สะดุ้งตื่นด้วยเสียงตัวเอง อดีตร้ายปลุกเขาซ้ำๆ ไม่มีคืนไหนหลับสนิทได้เลย เขาลงจากเตียงไปหายาทาน สายตาที่โดนหัดจนชินกับความมืดเห็นเข็มนาฬิกาบอกเวลาห้าทุ่มกว่า

                   เราไม่ควรเสียเวลาแม้แต่นาทีเดียว

                   ฮั่นรีบเปลี่ยนเป็นเสื้อกางเกงสีซีด ยัดของสำคัญใส่เป้ใบเก่า แล้วออกจากห้องเพนท์เฮ้าส์ชั้นบนสุดของคอนโดหรูทันที

     

     

                   “เขามายืนหน้าบ้านนานแล้วครับท่าน

                   หัวหน้าการ์ดโทรศัพท์สายในบอกยุทธนา เขายัดเอกสารและรูปถ่ายลงซองเดิม โยนมันลงในลิ้นชักทับซองแบบเดียวกันเป็นสิบ ปิดล็อครหัส แล้วเดินไปห้องโถงกลางคฤหาสน์ มองผู้มาเยือนบนจอมอนิเตอร์ ตูมตามถอนหายใจยาวก่อนกดปุ่มอินเตอร์คอม

                   “คุณมาทำอะไรนี่มันดึกมากแล้วนะ

                   “มาทำงานครับ

                   “งานของคุณทำวันจันทร์ กลับไปก่อน

                   “ตอนนี้เที่ยงคืนสองนาที เป็นวันจันทร์แล้ว ผมมาทำงานครับ” ฮั่นกล่าวนิ่ง แต่หนักแน่น

     

                   ทุกอย่างเงียบสนิท ไม่มีเสียงตอบกลับ ไม่นานนักประตูเหล็กคฤหาสน์ค่อยๆ เลื่อนออกอัตโนมัติ

                   คุณแกงหลับแล้ว จะตอนนี้หรือตอนเช้าก็มีค่าเท่ากัน ดีเหมือนกัน มันคงถึงเวลาที่เขาต้องพูดสักที

                   ยุทธนากอดอกยืนรอเขาหน้าประตูโถงกลาง ภาพจากอดีตแล่นซ้อนทับ เด็กวัยรุ่นคนนั้นเติบโตกลายเป็นผู้ถือบังเหียนบริษัทใหญ่ เวลาเปลี่ยน อะไรก็เปลี่ยน ยกเว้นแววตาแน่วแน่คู่นั้น

                   ฮั่นชาวาบไปทั้งตัว แว๊บเดียวในสายตานั่น เหมือน...มองเขาเมื่อ 17 ปีก่อน

                   รู้...รู้แล้วเหรออติรุจต้องเตือนแล้วหากยุทธนาระแคะระคาย แล้วแกงส้มรู้หรือยังไม่มีทาง ถ้ายุทธนารู้ คงไม่ปล่อยเขาไว้ ในใจว้าวุ่นแต่ใบหน้ากลับนิ่งเฉยได้แนบเนียน

                   “คุณ...

                   ฮะ..ฮั่น!!

                   ยุทธนาไม่ทันพูดจบ ทั้งสองแหงนมองตามเสียงเรียก และต้องตะลึงกับภาพที่เห็น เงาเล็กกำลังขยับไหวตามแรงหอบ เงาของเจ้าของบ้านที่ควรหลับไปแล้ว เงาของเจ้าของบ้านที่ไม่เคยออกจากห้อง!

                   “คุณแกง!..ออกมาได้ยังไงทำไมวิ่งอย่างนั้นถ้าหกล้มจะทำยังไง?!!” ยุทธนาแหวดังระหว่างวิ่งขึ้นไปหาคนที่เขาแสนห่วง

                   “ก็เปิดประตูออกมา..วิ่งอย่างนี้แหละ แล้วมันมีกี่แบบเหรออ๋อ ถ้าล้มพี่ตูมตามก็ทำแผลให้ไงหายเหนื่อยก็พูดไม่หยุด ไล่ตอบทุกประโยค ทีกับเขาไม่เห็นอยากตอบ ฮั่นเผลอคิดในใจ

                   “รู้ได้ยังไงว่าผมมา?”

                   ฮั่นค่อยๆ ก้าวขึ้นบันไดตามไป เด็กอนามัยนอนแต่หัวค่ำที่ไม่เคยก้าวพ้นห้องขาว กลับวิ่งถลาออกมาหาเขากลางดึก ท่าทางเงอะงะที่ตอบกลับมาของแกงส้ม ทำเขาโล่งใจ..มันยังไม่รู้

                   “นั่นสิ...คุณแกงรู้ได้ยังไง?”

                   ยุทธนาถามซ้ำ มือซับเหงื่อเม็ดเล็กบนหน้าผากมน และจัดผมที่ปรกหน้าทัดหู ทุกครั้งเขาจะตัดปลายออกไม่มาก เพื่อให้ทำอย่างนี้ได้ และจะได้ตัดให้..บ่อยๆ

                   มากไปไหมเหงื่อออกแค่นิดหน่อย ไม่เห็นต้องซับไปลูบไปขนาดนั้น คำพูดผุดในใจอีกครั้ง ที่เขาฉุนเป็นเพราะต้องแสร้งว่าชอบมัน...ก็เท่านั้น ฮั่นหาเหตุผลให้ตัวเองได้ไวเสมอ

                   “เคยมีคนบอกพี่ไหมว่าประตูใหญ่บ้านเรามันเสียงดังมาก

     

     

     

     

     

                   นอนได้แล้วคุณ

                   ผู้ดูแลเข้างานก่อนเวลา ยึดพื้นข้างเตียงเจ้านายเป็นที่นอน เขานอนหงายกอดอกหลับตา รับรู้ได้ว่าอีกคนในห้องกำลังจ้องเขาอยู่

                   “เห็นคุณแกงด้วยเหรอ?” แกงส้มตกใจ มันมืดมากเลยนะ เขาเห็นอยู่แล้วมืดๆ อย่างนี้ แต่ฮั่นเห็นได้ยังไง ไม่ได้มองมาทางนี้สักหน่อย

                   “คุณเห็นผมรึเปล่าล่ะ?” ฮั่นถามทั้งที่ยังหลับตา กัดปากแทบกลั้นยิ้มไม่อยู่ เด็กเอ้ย นอนตะแคงข้างตั้งใจจ้องเขาซะขนาดนี้ ใครบ้างจะไม่รู้สึก คงไม่เคยรู้ตัวเลยสินะ เวลาโดนคนอื่นแอบมอง

                   “เห็นสิ” แกงส้มพยักหน้าหงึก ถามได้ เห็นชัดเลยล่ะ

                   ฮั่นลืมตาหันหน้าเข้าหาเตียง สบสองตาแป๋วที่สะท้อนชัดในความมืด แกงส้มสะดุ้งเล็กน้อย แต่ไม่หลบตาเหมือนทุกที สองแขนกระชับ KS แน่นขึ้น ความมืดทำให้เขาไม่กลัว

                   “ผมก็เหมือนกัน

                   สองคนนอนสบตากันนิ่ง แกงส้มเผลอยิ้มกว้าง อะไรก็ไม่รู้ที่อุ่นๆในหัวใจ มันกำลังทำให้เขารู้สึก...ดี

                   “ทำไมมาไว?” น้ำเสียงออดอ้อนที่ไม่เคยใช้ เขาพูดอะไรออกไป ถามปกติก็ได้ ทำไมต้องทำเสียงจั้กจี้หูอย่างนั้น คุณแกงแทบอยากจะกัดลิ้นตัวเอง

                   “คิดถึง

                  

                   คิดถึงอดีต คิดถึงพ่อแม่ คิดถึงความแค้น

     

                   ไม่ใช่แก!

     

                   ฮั่นซ่อนความหลังมิดชิด ลวงเหยื่อด้วยคำตอบแสนหวาน แน่นอนว่าได้ผล ร่างบนเตียงขยับไหวยุกยิก ไม่ต้องเดาก็รู้ เด็กนั่นกำลังเขิน เขารุกต่อทันที

                   “แล้วคุณล่ะ..ทำไมยังไม่นอน?”

                   ฮั่นเอ่ยเสียงต่ำ ขยับใกล้จนชิดขอบเตียง เตียงใหญ่แบบวางพื้นทำให้ใบหน้าห่างกันเพียงคืบ เสน่ห์ติดตัวแต่เกิดดั่งพรสวรรค์ พระเจ้าคงประทานมาเพื่อให้ใช้กับมัน

                   “นะ..นอนไม่หลับ

                   ใจดวงน้อยเต้นถี่แรง ปากคอเริ่มสั่น มันเกิดขึ้นอีกแล้ว ใกล้ขนาดนี้ความมืดคงกลบไม่มิด แกงส้มกระเถิบตัวออกห่างแต่ไม่สำเร็จ ฮั่นคว้าข้อมือเขาไว้ทัน

                   “ทำไมล่ะ?” เสียงแหบเย้าถามใกล้ จนได้กลิ่นหอมอ่อนจากกายแกงส้ม

                   “อยากเจอ...ฮั่น

                   แกงส้มไม่เคยโกหก ไม่ใช่แค่มีเขาในหัวใจ แต่เด็กนี่ยอมรับว่ามี ไม่งั้นมันจะไม่ตอบเด็ดขาด ฮั่นหัวเราะเสียงดังในใจ ใกล้แล้ว ใกล้ชนะแล้ว

                   “ก็เจอแล้วไง...หลับได้แล้วครับ” ฮั่นย้ายจากข้อมือมาลูบหัวแกงส้มอ่อนโยน

                   มัน ดี เหลือเกิน เหมือนเคยเกิดขึ้นมาก่อน..นานมากแล้ว

                   “ถ้าฮั่นหายไปตอนคุณแกงหลับตาจะทำยังไง?” ตื่นขึ้นมาฮั่นจะยังอยู่ไหม มันจะเป็นแค่ฝันหรือเปล่า ถ้าเป็นฝันเขาก็ไม่อยากตื่น ถ้าเป็นจริงเขาก็ไม่อยากหลับเลย

                   “จับผมไว้...แล้วหลับซะนะ..ผมไม่หายไปไหนหรอก

                   ฮั่นจับมือแกงส้มมาแนบแก้มตัวเองแล้ววางมือเขาทับอีกที แววตาลึกซึ้งของคนข้างล่างกับดวงตาเปี่ยมสุขของคนบนเตียงยังจ้องกันเนิ่นนาน รอจนกระทั่งแกงส้มผลอยหลับ ฮั่นจึงค่อยหลับตาตามไป มือทั้งสองเกาะกุมกันตลอดคืนที่เหลือ ค่ำคืนนั้นไม่เหลือคนนอนไม่หลับอีกเลย 

     

     

     

     

    TBC : Ninee >,<

     

     

    (twitter @Jasmininee)

     

     

     

     

        

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×