คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : บทที่6 : ธิดาพญากรณ์
“ที่ไหนเนี่ย?”เสียงเล็กๆ เอ่ยขึ้นมาท่ามกลางความมืดและเงียบรอบด้าน ก็ไม่อยากจะบ่นหรอกนะ แต่เธอคิดว่าทางเข้าวังของแอตแลนติกเนี่ยมันไม่น่าจะเป็นแบบนี้...เธอเคยไปเที่ยววังของบรีอันอยู่ครั้งหนึ่งตอนเด็กๆ แน่นอนว่าเพื่อไม่ให้ใครหาเจอ ชาวเงือกจำเป็นต้องซ่อนที่อยู่ของตัวเองเพ่อหลีกเลี่ยงการรุกรานจากมนุษย์ แต่นั่นไม่ได้แปลว่าทางที่ว่านั่นจะต้องอยู่ในซอกหลืบถ้ำดำมืดแบบนี้
“อ...เอ่อ ที่นี่คือทางลัดเข้าวังแอตแลนติกของรับ”โคลด์พูดด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูไม่น่าเชื่อถือนัก ไม่รู้ว่าทำไมแอมเบอร์ถึงรู้สึกเหมือนได้ยินคำว่า ‘มั้ง’ หรืออะไรไรทำนองนั้นต่อท้ายประโยค
...จะรอดไหมเนี่ย...
เธอคิดในใจพลางถอนหายใจออกมายาวๆ
ว่ายน้ำลึกเข้าไปเรื่อยๆ...เรื่อยๆ...ในความมืดที่มีเพียงแสงสลัวๆ เล็กน้อยพอเห็นทาง จนกระทั่งถึงเวลาอยากหยุด เพนกวิ้นน้อยก็หยุดเอาดื้อๆ ทุกคนหยุดตามแล้วมองคนนำทางอย่างงุนงง
ร่างเล็กลอยแน่นิ่งไม่ไหวติง...
“มีอะไรเหรอ”แอมเบอร์ถาม หลังจากที่เห็นว่าเจ้าตัวกลมไม่คิดจะขยับไปไหน
“เออ...”เสียงเงอะงะไม่รู้จะพูดอะไรบบนี้ ทำให้แอมเบอร์ต้องรีบเงยน้าขึ้นมาดูเบื้องหน้า จากนั้นเรียวปากบางสวยก็เม้มเข้าหากัน
...ทางตัน...
บรีอันยกมือขึ้นมาเกาหัวเล็กน้อย
“นี่วังเหรอ”เขาถามติดตลกแล้วยิ้มออกมาอย่างชิวๆ เพนกวิ้นน้อยหันซ้ายหันขวาทำอะไรไม่ถูก
“ต...แต่ตามแผนที่นั่นมันน่าจะถูกแล้ว ที่นี่ควรเป็นทางเข้า...”
“ไหนว่าไปตรวจตราที่แอตแลนติกมาไม่ใช่เหรอ?”บรีอันถาม
“ข้าไม่ได้มาทางนี้ขอรับ นี่เป็นทางลัดเข้าวังใส่ในโดยตรง พระราชาบอกให้ใช้ทางนี้ตอนพาเจ้าชายมาแล้วจะง่ายกว่า”โคลด์พูดพลางเกาหัวหงึกๆ “แต่ข้าแน่ใจว่าทางนี้แน่ๆ ต้องมีทางเข้าสิ ทางเข้าๆ”
“ฉันเห็นแต่ทางตัน”แอมเบอร์พูดพลางหันหลังกลับไปชะเง้อมอง แต่ไม่เป็นผลเพราะสิ่งที่เห็นนอกจากความมืดเช่นเดียวกับทางที่ผ่านมาแล้ว ก็ไม่มีอะไรอีกนอกเหนือจากนั้น “ลองกลับไปดูทางเดิมไหมล่ะ อาจจะเลี้ยวผิดไป...”
“ไม่ต้อง”เสียงนี้ดังขึ้นหลังจากเงียบมานาน เซดริกว่ายน้ำออกตัวไปข้างหน้า “ถ้าโคลด์แน่ใจว่าที่นี่ ก็ต้องเป็นที่นี่”
“จะแน่ใจได้ยังไง คนรับใช้นายอาจจะจำผิดก็ได้ แผนทงแผนที่ก็ไม่ได้เอามาด้วย”แอมเบอร์ค้าน
“ไม่มีทางหรอก”เซดริกหันหน้าไปหาโคลด์ที่ทำหน้าหงอยรู้สึกผิด...เขารู้จักโคลด์ดี กับแค่แผนที่ทางไปปราสาทแค่นี้ หมอนี่ไม่มีทางพลาด “แผนที่นั่นของพ่อฉันใช่ไหม”
“ขอรับ...ใช่ขอรับ”
เมื่อเพนกวิ้นน้อยเอ่ยจบ ร่างเล็กๆ ของคนรับใช้ตัวกลมก็ถูกผู้เป็นนายอุ้มขึ้นแบบที่เขาไม่ทันได้ตั้งตัว
“เหวอ~ พระองค์ อย่าทรงลดตัวเช่นนี้สิพะย่ะค่ะ”
“อย่าโวยวาย...หนวกหู”เขาทำเสียงดุๆ เอ็ดให้คนรับใช้เงียบ ก่อนจะแตะมือข้างหนึ่งไปบนกำแพงหินที่กองทับกันขวางทาง...
ฉับพลัน ร่างสูงก็ค่อยๆ ผ่านทะลุกำแพงหินพวกนั้นเข้าไปราวกับมันเป็นแค่ของเหลวนุ่มนิ่ม.แอมเบอร์อ้าปากค้าง สิ่งที่เกิดขึ้นมันรวดเร็วเหลือเกิน จนเธอไม่ทันสังเกตว่าอะไรทำให้มันเกิดขึ้น
ร่างเล็กๆ ว่ายเข้าไปเคาะๆ ตรงผนังหลังจากที่ร่างนั้นหายเข้าไปทั้งตัวแล้ว
“ม...เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น!?”เธอร้องอย่างตกใจ ในขณะที่บรีอันที่อยู่ข้างหลัง กำลังวิเคราะห์สิ่งที่เกิดขึ้นแล้วพยักหน้าหงึกๆ อย่างเข้าใจ
“อ๋อ อย่างนี้นี่เอง”อยู่ๆ พี่อันก็พูดขึ้นมาเหมือนตรัสรู้อะไร แอมเบอร์รีบหันควับไปหาเขา
“อย่างไหง???”
“นี่เขาเรียกกำแพงอาคม อาจจะฟังดูไสยศาสตร์หน่อยๆ แต่เป็นเวทมนต์แขนงหนึ่งน่ะ สมัยนี้มีชาวน้อยเงือกคนแล้วที่จะทำได้ ว่าไปก็เหมือนพวกพ่อมดอะไรพวกนั้น่ะมั้ง ส่วนที่หมอนั่นผ่านไปได้น่าจะเพราะเจ้านี่”บรีอันแบมือให้เธอเห็นสัญลักษ์สามเหลี่ยมบนฝ่ามือของเขาที่เพิ่งได้รับมาจากองค์ชายแห่งอาร์กติกก่อนหน้าที่จะมานี่
“แต่...ฉันไม่มีนะ?”
“ไม่ต้องห่วหงรอก ถ้ากอดฉันไว้เหมือนเจ้าเพนกวิ้นนั่น เธอก็คงไปกับฉันได้ มาสิ”บรีอันอ้าแขนรอรับ แอมเบอร์กระพริบตาปริบๆ สองสามครั้ง ก่อนจะค่อยๆ ว่ายเข้าไปใกล้เขาแล้วคล้องแขนรอบคาอเด็กหนุ่มอย่างไม่คิดอะไร บรีอันโอบเอวแอมเบอร์เข้ามา ก่อนจะแอบยิ้มกริ่มอย่างพอใจโดยไม่ให้อีกฝ่ายเห็น ไม่รู้ตัวสักนิดว่าถูเขาหลอกแกล้งอยู่ น่ารักเสียงจริงๆ
...ความจริงแค่สัมผัสตัวก็น่าจะพอแล้วล่ะนะ...
เพียงชั่วอึดใจเดียว เป็นความรู้สึกแค่แวบเดียวเท่านั้นที่ภาพทั้งหมดดับหายไปและความรู้สึกที่เหมือนกับร่างทั้งร่างเคลื่อนตัวผ่านอะไรบางอย่าง จนกระทั่งทั้งคู่มาโผล่ที่อีกด้านของผนังหิน เมื่อครู่นี้ค่อนข้างจะมืด...พอออกมาอีกฟาก เธอแทบจะลืมตาไม่ได้ แสงว่างเจิดจ้าจากอะไรก็ไม่รู้ ส่องแยงตาเธอจนแสบไปหมด อยู่ท่านั้นสักประเดี๋ยว เสียงดนตรีวงโยภายใต้มหาสมุทรก็ดังขึ้น
แอมเบอร์พยายามลืมตาขึ้นเพื่อจะได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัว เท่าที่รู้ตอนนี้คือขบวนต้อนรับยาวเหยียดตั้งต่ตรงที่เธอยืนไปจนถึงประตูบานใหญ่ข้างหน้าถัดออกไปไกลพอควร แอมเบอร์ขยี่ตาเร็วๆ อีกครั้งแล้วลืมตาให้โตขึ้น
“เจ้าชายแห่งแปซิกฟิกมาถึงแล้ว! เร็วๆๆๆ เร็วเข้า พวกตำหนักในถอยไปก่อน”เสียงอึกทึกครึกโครมดังอื้อึ่งทั่วราชอาณาจักร...เป็นตอนนี้เองที่แอมเบอร์รู้ตัวว่าที่ที่พวกเธออยู่คงจะเป็นทางเข้าราชวังตำหนักใหญ่ของคิง...ถือเป็นครั้งแรกของเธอเลยทีเดียว เพราะครั้งที่เธอไปเหยียบวังของบรีอัน มันก็แค่ส่วนที่เป็นที่นั่งเล่นของเจ้าชาย ไม่เคยได้บึ่งมาถึงส่วนในอย่างที่นี่ โดยเฉพาะส่วนที่ได้รับการป้องกันแน่นหนาขนาดนี้
ทหารในวังตั้งแถวเรียงเป็นทางสองข้าง แล้วโค้งหัวเคารพพร้อมกันอย่างกับกดรีโมท แอมเบอร์กลืนน้ำลายเอื้อกใหญ่ลงไปในลำคออย่างยากลำบาก ก่อนจะสะดุ้ง เมื่อมืออุ่นๆ ถูกวางบนบนบ่าเธอ
“ว่ายข้างหลังฉันนะ ยืดหลังตรงๆ อย่ามองซ้ายขวา ห้ามสบตาใคร สง่าเข้าไว้”บรีอันก้มลงมากระซิบเธอเขาๆ ร่างเล็กขมวดคิ้วมุ่น แล้วเงยหน้าขึ้นไปหาคนพูดทันที
“ทำไมฉันจะต้อง...”จังหวะเดียวกับที่เงยหน้าขึ้นไป เมื่อสบเข้ากับใบหน้าของอีกฝ่าย ทุกสิ่งที่ตั้งใจจะพูดก็ถูกทำให้ลืมหมดสิ้น ประโยคจบลงแบบครึ่งๆ กลางๆ แอมเบอร์ชะงักค้างอยู่อย่างนั้น...
“เบื้องหน้าคือใบหน้าของเพื่อนซี้คนเดิมที่ไม่ได้แปรเปลี่ยนเป็นอย่างอื่น หากแต่ความรู้สึกบางอย่างมันแปลกออกไป มีทั้งหายไปและเพิ่มขึ้นมา...ไม่มีแววตาทะเล้นที่มักจะแฝงไปด้วยรอยยิ้มแม้จะไม่มีอะไรน่าขบขัน แต่ถูกแทนที่ด้วยความเยือกเย็นคบกริบดุขพญาเหยี่ยม บัดนี้เธอแทบแยกเซดริกกับบรีอันไม่ออก ตลอดเวลาที่อยู่กับรีอันมา เธอเพียงแค่จำได้ว่าหมอนี่เป็นเจ้าชาย...แต่เธอไม่เคยรู้สึกจนกระทั้งตอนนี้...
...งามสง่า...
เป็นคำนิยามเดียวที่คิดออกตอนนี้
สองร่างเจ้าชายที่นำอยู่เริ่มว่ายน้ำไปข้างหน้า แอมเบอร์ออกว่ายน้ำตามไปช้าๆ แล้วทำตามที่บรีอันบอก จนกระทั่งพ้นขบวนทหาร ผ่านเข้ามาในประตูบานใหญ่ ที่ตอนเปิดมีเสียงดังเอี๊ยดอ้าดและเสียงตอนปิดดัง ปัง!
...ตอนนี้เธออยู่ในตำหนักใหญ่ของพระราชวังแล้ว...
แอมเบอร์คิดในใจก่อนจะมองไปรอบๆ วังของชาวเงือกและมนุษย์ย่อมแตกต่างกัน แม้เธอจะไม่เข้าปราสาทที่ไหนของคน แต่เธอแน่ใจว่ามันต้องไม่ใช่แบบนี้แน่
ในนี้คือปะการังขนาดมหึมา และข้างในก็ยังมีปะการังเล็กๆ มากมายนับพันต้นขึ้นอยู่รอบด้าน เยอะเสียจนเกาะกันห้อยลงมาอย่างกับหินงอกหินย้อย นอกจากนั้นก็มีปลารูปร่างประหลาดว่ายไปว่ายมาประปราย เป็นปลาที่เธอไม่เคยเห็นแม้ในพิพิธภัณฑ์สัตว์หน้าก็ไม่มี...ข้างในนี้เงียบมาก มีเพียงเสียงกระพือหางของพวกเธอเท่านั้น
“คอยที่นี่สักครู่นะพะย่ะค่ะ เดี๋ยวกระหม่อมกลับมา”โคลด์หันมาพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาอย่างสุภาพ แล้วว่ายน้ำไปที่กลุ่มสาหร่ายสีดำตรงผนังห้องก่อนจะแหวกมันออกเพื่อผ่านเข้าไป แอมเบอร์ไม่เคยเห็นของพวกนี้มาก่อน ตอนนี้ทั้งตัวแทบจะแข็งไปหมดแล้ว...
บรีอันวางมือลงบนใหล่เธออีกครั้งแล้วบีบเบาๆ
“อย่าเกร็ง”เขาเอ่ยกับเธอ “เธอมาก็ดีเหมือนกัน อย่างน้อย...แม้จะแค่นิดเดียว แต่เธอจะได้รู้ว่าฉันโตมากับสภาพสังคมแบบไหน”บรีอันในคราบเจ้าชายแห่งแปซิฟิกเอ่ยอย่างสุขุมเยือกเย็น ตอนนี้เพื่อนสมัยเด็กที่เธอเคยกอดใหล่ขี่คอกันมาตั้งแต่สมัยก่อนไม่อยู่ที่นี่แล้ว...ตรงหน้านี้คือเจ้าชายผู้ทรงศักดิ์ มิอาจเอื้อม และไม่มีวันที่เธอจะไปยืนข้างๆ ได้ เป็นครั้งแรกที่เธอเห็บรีอันในมุมนี้
ร่างเล็กๆ ถอยหายใจออกมายาวๆ แล้วถอนสายบัวรับเพื่อนซี้อย่างสุภาพ บรีอันเห็นแบบนั้นก็เลิกคิ้วอย่างสงสัย
“เป็นอะไรไป?”
“เปล่าเพคะ”เด็กสาวพูดเบาๆ แล้วแอบเหน็บตรงท้ายประโยค
...โกหกชัดๆ...ปกติหล่อนใช้ราชาศัพท์กับเขาหรือไง!...
บรีอันคิดในใจ
“โธ่ ไม่เอาน่า...”เขาพูดพลางพลางกลัวหัวเราะ “ฉันยังเหมือนเดิมทุกอย่าง”สิ้นประโยคนี้ มือหนาถูกยกขึ้นมาขยี่หัวเธอเบาๆ “เราแค่ต้องเคารพสถานที่กันหน่อย ในวังนี่ทุกคนมีชนชั้นที่ข้ามเส้นกันไปไม่ได้อยู่ เธอเข้าใจใช่ไหม?”
แอมเบอร์ถอนหายใจออกมายาวๆ เธอเบื่อหมอนี่ที่มักจะรู้ทันเธอไปเสียทุกเรื่อง
“อืม...”สาวน้อยพยักหน้าช้าๆ บรีอันยิ้มเล็กน้อย
“องค์ชาย...”เสียงของเจ้าข้ารับใช้ที่หายไปเพิ่งกลับมา เอ่ยพลางโผล่หัวออกมาจากกองสาหร่าย แอมเบอรืไม่เข้าใจว่าห้องนี่ออกจะใหย่โตขนาดนั้น แต่ทำไมทางเข้านั่นถึงเล็กกระจิ๋วเดียว “การประชุมมพร้อมแล้วพะย่ะค่ะ”ฟังพูดจบ...เจ้าชายสองพระองค์ก็ว่ายน้ำตรงไปในช่องที่เพนกวิ้นน้อยเพิ่งว่ายออกมา แอมเบอร์ว่ายน้ำตามไป และทำท่าจะผ่านเข้าไปในนั้น แต่แล้ว...
ร่างเล็กๆ ของโคลด์ว่ายมาขวางเธอเอาไว้...แอมเบอร์เลิกคิ้วอย่างงุนงง
“ท่านหญิง...ท่านรอด้านนอก”โคลด์เอ่ยห้าม แอมเบอร์ทำหน้าสงสัย “สถานที่แห่งนี้ศักดิ์สิทธิ์เกินกว่าทีสามัญชนจะเข้าไปขอรับ ข้างในนั้นคือท้องพระโรงแห่งเชื้อพระวงศ์ ข้าเองหากเข้าไปก็ยังต้องถูกขังในกรง...ใช้เวลาไม่นานหรอกขอรับ หากองค์ชายบรีอันออกมาแล้ว ท่านจะมีเวลารำลา แล้วข้าจะพาท่านไปส่งบ้านเอง...”
สาวน้อยหันควับไปครีบหางของของบรีอันที่เพิ่งผ่านเข้าไปในนั้นโดยไม่บอกเธอสักคำแล้วเบิกตากว้าง ก่อนจะหันไปหาเจ้าเพนกวิ้นนั่นด้วยสายตาตกใจ
“ร...เราไม่ได้ตกลงกันแบบนี้นี่!?”แอมเบอร์ขมวดคิ้วขึ้นเสียงแข็ง โคลด์ถอนหายใจ
“เราไม่ได้ตกลงอะไรกันเลยขอรับท่านแอมเบอร์ แม่หญิงเพียงแต่ดื้อดึงจะมาฝ่ายเดียว”
“นายต้องเข้ากรงใช่ไหม? ฉันอยู่ในกรงด้วยก็ได้”แอมเบอร์แทบไม่สนใจอะไรที่โคลด์พูดทั้งสิ้น “นั่นเพื่อนฉันนะ!”แอมเอบร์กระชากปีกของโคลด์ที่ทำท่าจะเข้าไปในที่เดียวกันนั้นเข้ามามาหัวแล้วค้อนตาเข้ม โคลด์ถอนหายใจอีกครั้งอย่างหมดควาอดทน แล้วมองเข้าไปในดวงตาสีน้ำเงินเข้มตรงหน้า ก่อนจะใช้แรงอันไม่น่าเชื่อสะบัดแขนของเธอออก...
“’นั่น’ ที่ท่านแอมเบอร์พูดถึง คือเจ้าชายแห่งท้องทะเลแปรซิฟิก ว่าที่ผู้ปกครองผืนทะเลสีน้ำเงินแห่งตะวันตกในอนาคต โลกของเจ้าชายกับสามัญชนมันไม่ใช้โลกเดียวกัน การที่พระองค์ยอมลดตัวลงมาคบท่านเป็นสหายก็นับว่าโชคดีสำหรับท่านแล้ว...แม่หญิง...อย่าสร้างความลำบากให้พระองค์ไปมากกว่านี้อีกเลย”น้ำเสียงจริงจังหนักแน่นจากโคลด์ทำให้ร่างเล็กๆ ที่ปกติเถียงเก่งนักหนาถึงกับเงียบและหยุดชะงัก...
แอมเบอร์เหลือลงล่างก้มหน้าเม้มปาก...
...ลดตัวอย่างนั้นเหรอ...
โคลด์เอื้อมมือไปจับสาหร่ายเพื่อแหวกออก โดยไม่ลืมจะหันมาพูดกับเธอ
“ข้าไม่ได้ตั้งใจทำให้ท่านเสียงความรู้สึกหรอกนะขอรับ แต่หากข้าไม่พูดเช่นนี้ ท่านคงไม่ยองหยุดเป็น...”
“ให้นางเข้ามา”
ยังไม่ทันที่โคลด์จะพูดจบ เสียงบางอย่างก็ก้องขึ้นมาในหัวของทั้งคู่ แอมเบอร์เงยหน้าขึ้นมามองโคลด์อย่างตกใจ นี่ทำให้เธอนึกถึงตอนที่เจอเซดริกครั้งแรก...
“ต...แต่นางพญากรณ์...เธอไม่ใช่เชื้อพระวงศ์เลยนะขอรับ”โคลด์ย้อนถามเสียงนั้นอย่างสงสัย
“ทุกคนที่อยู่ที่นี่...คือคนที่ชะตาลิขิตให้ร่วมรับรู้เรื่องราวของภารกิจที่สำคัญครั้งนี้...ให้นางผ่านเข้ามา...”
โคลด์ฟังประโยคนี้จบถึงขนาดถอนหายใจออกมายาวเหยียด แล้วเหลือบตาไปมองแอมเบอร์
“จากนี้ไปจะเกิดอะไรขึ้นกระผมไม่รับรู้ด้วยแล้วนะขอรับ”โคลด์พูดเรียบๆ แอมเบอร์เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยอย่างไม่เข้าใจ
“หา...?”
“นางพญากรณ์เลือกท่านอีกคน ทันทีที่ผ่านพ้นประตูพันธะนี้แล้ว ท่านจะเป็นส่วนหนึ่งของภารกิจนี้ ถึงเวลานั้นเกิดกลัวขึ้นมาก็กลับใจไม่ทันแล้วนะขอรับ”พูดจบไม่เหลือเวลาให้แอมเบอรืได้หายใจออก ร่างของเธอก็ถูกดึงเข้าไปในโพลงสาหร่ายนั้น...
เด็กสาวหลับตาปี๋เมื่อสัมผัสได้ถึงสายลมเย็นๆ ที่พัดผ่านไป แอมเบอร์ยกมือขึ้นป้องปิดเบื้องหน้าตามสัญชาตญาณ ก่อนจะค่อยๆ ลืมตาขึ้นเมื่อกระแสลมเหล่านั้นค่อยๆ เบาลงและหายไป...
รอบด้านคือห้องโถงสีน้ำเงินเข้มจากความดำมือใต้ท้องทะเล มีประกายแสงเล็กน้อยจากปะการังสีดำรูปร่างประหาดเป็นพุ่มๆ และมีก้านแตกแขนงออกมา ตรงปลายก้านมีแสงเล็กๆ คล้ายมีหิ่งห้อยเกาะ มองตรงไปเบื้องหน้าห่างพอสมควรคือแท่นประทับสูงส่งของห้ากษัตริย์ เธอเห็นพ่อของบรีอันนั่งอยู่บนนั้น เขามองเธอด้วยสายตาสงสัย แต่ไม่ได้ใส่ใจอะไร บรีอันหันมาเห็นเธอก็เลิกคิ้วขึ้น
“ให้ทำอย่างไรกับนางขอรับ ท่านไคล์ร่า?”โคลด์ถามขึ้นมา แอมเบอร์รีบหันไปมองหาว่าโคลด์พูดกับใคร และเมื่อเหือบไปมองข้างที่ประทับของพระราชา เยื้องไปทางเปลือห้อยสีน้ำเงินเข้มที่ถูกเปิดอยู่ เธอก็พบ...
“นางจะยืนอยู่ในวงเดียวกับเรา”นี่เป็นเสียงเดียวกับที่เธอได้ยินเมื่อครู่ เจ้าของคือหญิงชราผมสีดำทมิฬ...เหมือนเธอจะสังเกตเห็นถึงตอนที่เธอได้ยินเสียงนี้หล่อนแทบจะไม่ได้อ้าปากด้วยซ้ำ...นัยน์ตาคมกริบสีทองที่มองมาทางเธอนั้น ราวกับอ่านทะลุเธอได้ทุกอย่าง ครึ่งร่างของเธอคือชาวมัจฉาแต่ไม่คล้ายชาวเงือกสักเท่าไหร่ เรียวหางสีดำขลับมันวาวยาวม้วนได้เป็นสองเกลี้ยว และมีคีบข้างเรียงกันลงมาจนถึงโคนปลาย แอมเบอร์หลงมองนางผู้นั้นอยู่นนาน จนกระทั่งรู้ตัวว่าถูกนางอ่านใจก็ตอนที่หล่อนยิ้มล้วกระพริบตาให้เธอหนึ่งข้าง
“ม...หมายความว่าไงขอรับ!? ม...แม้แต่กระผม...”
“นางพญากรณืพูดแล้ว โคลด์”เซดริกเอ่ยด้วยน้ำเสียงเชิงตำหนิเล็กน้อย โคลด์ชะงักไปนิดก่อนจะค่อยๆ เข้าไปในกรงสีท้องที่มีหมอสักราชให้นั่งอย่างหรูหรา ทันทีที่ร่างกลมๆ หย่อนก้นนั่งลงบนหมอน กรงก็ปิดลงอย่างอัตโนมัต
“หมายความว่ายังไง ไคล์ร่า อธิบายสิ่งที่เจ้าจะให้นางทำมา”หนึ่งในห้าพระราชาเอ่ย ถามขึ้นมา
“โชคชะตานำพาพวกเขามาพบกัน ข้าสัมผัสได้...คำทำนายของข้า...ในภารกิจต้องมีห้าคน”เสียงของนางพญากรณ์ไคล์ร่าก้องอยู่ในโสตประสาทของทุกคน อย่างที่แอมเบอร์สังเกตเห็นในตอนแรก หล่อนไม่ได้ขยับปากจริงๆ!
“งั้นข้าสรุปว่าท่านจะให้นางเข้าร่วมภารกิจ เทียมเท่ารัชทายาท”พ่อของบรีอันเอ่ยขึ้นมาบ้าง
“พระองค์เข้าใจไม่ผิด”
“แต่เรามีกันห้าคนอยู่แล้ว”เสียงนี้ทำให้ทั้งห้องเงียบกริบ สุรเสียงที่หาฟังยากจากเจ้าชายผู้แสนเยือกเย็น...เซดริก “ขออภัยที่ขัดจังหวะ แต่กระหม่อมยังไม่เห็นเจ้าชายโคลรีน เราไม่ควรเริ่มการประชุมก่อนรัชทายาทแห่งแอตแลนติกจะมาหรือเปล่าพะย่ะค่ะ?”
ทุกคนจ้องมองมาที่เซดริกโดยไม่พูดอะไร สุรเสียงในห้องหายไปชั่วชณะ จนกระทั่งได้ยินเสียงถอนหายใจจากราชาแห่งอาร์กติก
“เจ้าค่อนข้างจะมาสาย...ลูกข้า ก็เลยพลาดอะไรสำคัญไปนิดหน่อย”
“งั้นก็ขอทรงรับสั่งอีกครั้ง กระหม่อมจะได้ทราบ”เซดริกพูดอีก นี่จะเรียกเป็นการเถียงได้หรือเปล่าก็ไม่รู้ เท่าที่เห็นหน้าเห็นตากันมา ได้ยินหมอนี่พูดมากกว่าปกติก็วันนี้
ห้ากษัตริย์มองพระพักกันอยู่ครู่ พระราชาแห่งแอตแลนติกจึงตัดสิใจเอ่ยปากเอง
“โคลรีนไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว...เซด”ประโยคนี้ทำให้เด็กหนุ่มสงสัย ร่างของพระราชาแห่งแอตแลนติกค่อยๆ ลุกขึ้นจากที่ประทับ แล้วว่ายมาข้างหน้าเล็กน้อย “ข้าจะขอประกาศอีกครั้ง ถึงลูกชายช้า”
แอมเบอร์เหลือบไปเห็นสีหน้าแห่งความกังวลอย่างเห็นได้ชั้นของเซดริก เจ้าชายโคลรีนคงจะสำคัญกับหมอนี่มากทีเดียว...
“เจ้าชายโคลรีน อีมอร์บีลัส เพอแอตแลนติก ถูกวังน้ำวนของคราเคนเอาตัวไป...ในฐานะตัวประกัน เจ้าน่าจะรู้นะ องค์ชาย...ฝนประหลาดที่ตกเมื่อวานนี้หยุดลงได้เพราะข้ายกโคลรีนให้มันไป...แต่ก็ไม่ได้มีอะไรน่าเป็นห่วง อย่างที่เรารู้กัน...”ราชาแห่งแอตแลนติกกวาดมองไปทั่วห้องโถง “มันได้ตัวโคลรีนไปแค่คนเดียว พวกมันทำอะไรทะเลไม่ได้ อย่างน้อยก็ ยัง...”
เซดริกเม้มปากเล็กน้อย คิ้วเรียวขมวดมุ่น...เป็นสีหน้าไม่พอใจที่เห็นได้ชัดที่สุดเท่าที่เคยเห็นมาของหมอนั่น...แม้แต่แอมเบอร์ยังสัมผัสได้ถึงบางอย่างแปลกๆ ที่ขัดๆ ใจเธออยู่บ้าง ก็อย่างว่า...ราชโอรสในใส้หายไปทั้งคน...
...ทำไมพระราชาดูไม่ทุกข์ร้อนอะไรเลย?...
เซดริกหลับตาลงช้าๆ แล้วถอยหายใจออกมายาวๆ เห็นได้ชัดเลยว่าสิ่งที่หมอนี่กำลังทำอยู่คือ ‘การพยายามสงบสติอารมณ์’
“อย่าเพิ่งกริ้วโกรธไป...เซด ข้าอยากให้เจ้าลำลึกไว้เสมอว่า ก่อนที่เจ้าจะทุ่มสุดตัวกับภารกิจครั้งนี้...ก็เพื่อทะเล ไม่ใช่เพื่อช่วยโคลรีน...”กษัตริย์แห่งแอตแลนตติกก้มลงมาเอ่ยกับเขา ก่อนที่จะนั่งลงบนแทนประทับตามเดิม
“กระหม่อมน่าจะทราบดีอยู่แล้ว ขอประทานอภัยที่ถามอะไรโง่ๆ”เข้าเอ่ยด้วยเจตนาประชดประชัน
“ไม่เป็นไร เซด”กษัตริย์แห่งแอตแลนติกตัสเนิบๆ “จริงสิ...เมื่อกี้นี้ถึงไหนแล้วนะ เจ้าว่าไงนางพญา?”
“ทิ้งเวลานานเสียข้าเกือบหลับไป”นางพญากรณ์เอ่ย “เจ้า...ชื่ออะไรนะ?”นางหันมาหาแอมเบอร์ คนไม่ถูกพูดถึงเสียนานถึงกับสะดุ้ง
“อะ...ฉันเหรอ...?”เธอชี้มือใส่หน้าตัวเอง “แอม...แอมเบอร์...”
“แอมเบอร์...”นางพญากรณ์หรี่ตางเล็กน้อย ก่อนจะค่อยๆ เอนกายพิงกับกาบหอย “เจ้าไปแทนเจ้าชายโคลรีน”
“จะดีเหรอ นางพญากรณ์ นางไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับเรื่องนี้ ทั้งตำนาน และเรื่องที่แห่งนั้น...”
“ถ้าพวกท่านมีข้อโต้แย้งข้องใจกับสัมผัสของข้ามากนัก จะปลุกข้าขึ้นมาจากก้นทะเลเพื่ออะไรกันล่ะหืม...”นางพยากรณ์ส่งจิตมาด้วยน้ำเสียงที่ดังขึ้น ทำให้ห้องทั้งห้องเงียบกริบ “ข้ามีสัมผัสแปลกๆ กับเด็กคนนี้ ถ้าหากปลอยนางไป แล้วภารกิจไม่สำเร็จจะโทษข้าหรือเปล่าล่ะ”ไคล์ร่าเหลือบมองห้ากษัตริย์ด้วยสายตาเฉยชา แล้วยิ้มมุมปากเล็กน้อย “ข้ามั่นใจว่าเด็กนี่จะต้องมีประโยชน์กับพวกเรา ข้าจะทำให้นางรู้เห็นทุกเรื่อง ไม่ต้องเป็นห่วง...”
สายตาแปลกๆ ที่อ่านไม่ได้ว่าเจ้าของดวงตาคู่นั้นคิดอะไรอยู่ หากแต่นางพญากรณ์กลับอ่านทุกอย่างของเธอได้ทะลุปลุโปล่ง บางทีมันก็น่าอึดอัดนิดๆ
แอมเบอร์ถูกมองด้วยสายตาไม่ไว้วางใจจากห้ากษัตริย์ แม้จะไม่ได้รู้สึกดีนักแต่ก็ทำ แม้จะไม่ได้รู้สึกดีนักแต่ก็ทำเป็นไม่สนใจ ในเมื่อเธอตัดสินใจจะช่วยบรีอัน แล้วยังไงก็ต้องไปให้สุดทาง
“ฉันจำเป็นต้องรู้อะไรบ้าง?”แอมเบอร์พูดขึ้นมาเสียงดังฟังชัด นางพญากรณ์ยิ้มมุมปาก
“ทะเยอะทะยานหนักแน่นดี ข้าชอบ...ทีนี้ข้าถาม...เจ้าอยากจะรู้แบบรวดเร็ว หรือค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไปล่ะ”แอมเบอร์ไม่เข้าใจว่าทำไมนางถึงถามเธออย่างนั้น เด็กสาวนิ่งเงียบไปครู่เพราะความงุนงง
บรีอันแน่ใจว่าแอมเบอร์ต้องไม่รู้เกี่ยวกับสิ่งที่นางพยากรณ์บอกแน่ หนึ่งทางเลือกของนางค่อนข้างอันตราย และเขาหวังว่าเธอจะไม่เลือกมัน
“ไม่ต้องรีบ”บรีอันกระซิบเบาๆ เป็นนัยน์ให้เธอรู้หากแต่แอมเบอร์ไม่ได้คิดลึกขนาดนั้น เธอคิดเพียงแค่เวลาของพวกเราคงเหลือไม่มาก จะค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไปคงไม่ดี...
“ยิ่งเร็วเท่าไหร่ยิ่งดี”สาวน้อยเอ่ยหนักแน่น ปฏิกิริยาของทุกคนในห้องดูจะตกใจกับสิ่งที่เธอเลือกเล็กน้อย ยกเว้นแต่นางพญากรณ์ไคล์ร่าที่นั่งยิ้มกริ่มอย่างมีเลศนัยน์
“ใจถึงดี เอาล่ะ...งั้นเชิญเจ้าพบกับน้องสาวข้า...”ฉับพลันที่สิ้นเสียงเอ่ย ไม่มีรีรอให้ใครทั้งนั้นได้ตั้งตัว มือขาวซีดไว้เล็บยาวสีดำราวกับจะเอาไปแทงใครตาย กวาดเป็นวงแล้วมาหยุดชี้ที่สาวน้อย ลำแสงสีคล้ำบอกไม่ได้ว่าสีอะไรพุ่งตรงเป็นเส้นอย่างรวดเร็ว จุดหมายของมันคือกลางหน้าผากของแอมเบอร์!
ความเจ็บปวดชั่ววูบ แม้จะเจ็บมากแต่ก็หายไปอย่างรวดเร็ว จนเธอไม่ทันได้เปล่งเสียงร้อง หลังจากนั้นประสาททุกอย่างราวกับถูกบล็อกเอาไว้หมด ภาพเบื้องหน้าค่อยๆ มืดลง...ร่างกายอ้อนล้าขยับไม่ไหว แม้แต่แรงพูดก็ยังไม่มี...
ร่างเล็กๆ หลุบนัยน์ตาผิดลงสนิท แล้วค่อยๆ ร่วงลงสู่ความดำมืดเบื้องล่าง เมื่อไร้ซึ่งเรียวแรงและสติสัมปชัญญะที่จะประคองตัวให้ลอยขึ้น จึงค่อยจบดิ่งลึกลงไปเรื่อยๆ สู่ก้นทะเลที่ไม่รู้ว่าลึกเพียงไหน
“แอมเบอร์!”บรีอันอุทานอย่างตกใจ ก่อนจะทำทีว่ายดิ่งลงไปเพื่อดึงร่างที่กำลังจะร่วงผล่อยนั่นขึ้นมา...แต่...
“อย่าทำเช่นนั้นจะดีกว่า...อยงค์ชายแห่งแปซิฟิก ท่านรู้ดีว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้ายื่นมือเข้าไปยุ่ง”เสียงของนางพญากรณ์กึ่งก้องอยู่ในหัวเขา บวกกับมือหนาของเซดริกที่รั้งแขนเขาเอาไว้แน่นตอนที่เขากำลังจะดิ่งลงไปข้างล่างนั้นหยุดยั้งเขาเอาไว้...บรีอันกัดฟันกรอด
“ท่านเองก็รู้ว่าเธอไม่รู้!”องค์ชายแสนสง่าน็อตหลุดตวาดเสียงดัง แล้วสะบัดมือขององค์ชายแห่งอาร์กติกออก “ท่านควรบอกเธอก่อนที่จะให้เธอเลือก! สิ่งที่ท่านทำคือการส่งนางไปตาย หลังจากรู้ความจริง! อย่างนั้นใช่ไหม ท่านไคล์ร่า!”เสียงตะโกนกึ่งก้องไปทั่วท้องพระโรง และสะท้อนกลับมาบนความว่างเปล่า
ความโมโหยิ่งทวีคูเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ ของนางพญากรณ์ไคล์ร่า
“จุ๊ๆๆ ท่านอย่าปล่อยให้หน้ากากของตัวท่านเองหลุดสิ...เจ้าชาย มิเช่นนั้นใครๆ เขาจะเห็นตัวจริงของท่านหมด”นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงทะเล้น “ข้ากำลังทดสอบคุณสมบัติของนางอยู่...ถ้าหากนางรักษาชีวิตของตัวเองกลับมาได้ ข้าก็คิดว่านางคู่ควรกับภารกิจนี้ แต่ถ้าไม่...”
“ผมจะไปกับเธอ”
“เสียเวลาเปล่าน่าเจ้าชาย ท่านช่วยอะไรไม่ได้หรอก เราจะรอนาง สิบนาที ถ้านางไม่ขึ้นมา...”ไคล์ร่าโบกมือซ้ายไปมาช้าๆ นาฬิกาทรายเรือนยักษ์ปรากฏขึ้นตรงกลางห้องโถง แล้วค่อยๆ กลับหัวลงข้าๆ พร้อมกับเสียงเอี๊ยดอ้าดราวกับว่ามันขึ้นสนิม “ก็ปล่อยไว้ที่นั่น...”
ตึง!
รอบกายเงียบสงัด ไรร้ซึ่งสุรเสียงใดๆ เปลือกตาบางค่อยๆ ลืมขึ้นช้าๆ ภาพแรกที่เห็นคือความมืดไร้ซึ่งแสงสว่างใดๆ แต่แม้รอบด้านจะมือ เธอกลับสามารถมองเห็นแขนและร่างกายของตัวเองได้อย่างชัดเจน เป็นเรื่องแปลกที่เธอไม่เคยเห็นอีกเรื่อง...หลังจากเรียกสติสัมปชัญญะกลับมาเรียบร้อยแล้ว เธอก็หันซ้ายขวาเพื่อดูว่าที่นี่คือที่ไหน...
รอบด้านเหมือนกันไปหมด เธอเงยหน้าขึ้นไปเบื้องบนเพื่อมองหาที่ๆ เธอน่าจะร่วงลงมา แต่ก็เช่นเก่า...ยังมีเพียงแค่ความมืดที่รายล้อย นั่นยิ่งสร้างความสงสัยให้เธอ
...นี่ที่ไหน...
เธอคิดในใจ ก่อนจะสะดุ้งเมื่อรู้สึกถึงกระแสน้ำเบาบาง ราวกับมีอะไรว่ายผ่านด้านหลังเธอไป...แอมเบอร์หันควับกลับไปอย่างหวาดระแวง คิ้วเรียวขมวดมุ่นเมื่อเธอไม่พบอะไร
“ใครน่ะ”เธอเอ่ยทักแล้วมองซ้ายมองขวา
“ข้าอยู่ทางนี้”
เสียงหวานของใครบางคนดังก้องขึ้นมาในห้องของเธอ แอมเบอร์เม้มปากแล้วตัดสินใจหันหลับกลับไปอีกครั้ง
“ไม่ใช่...ตรงนี้ต่างหาก”
ร่างบางยกมือขึ้นมาเกาขมับอย่างสับสน แล้วหันซ้ายขวาอีกครั้ง แต่ผลก็เหมือนเดิม...เธอจึงถอนหายใจอย่างหมดอารมณ์
“เออ...อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลย แร่ช่วยบอกที่อยู่ให้มันชัดเจนกว่านี้หน่อยได้ไหม”เธอเริ่มหงุดหงิดขึ้นมาเล็กน้อย...
เสียงหัวเราะแหลมเล็กดังก้องไปทั่วทุกสารทิศ ฟังจากวามผสมปนเปของเสียงเหล่านั้นแล้ว ไม่น่าจะมาจากคนเพียงหนึ่งหรือสอง...แต่น่าจะมีเป็นร้อย
กระแสน้ำรอบด้านเริ่มปั่นปวดและรุ่นแรงขึ้นผิดกลับเมื่อครู่ แอมเบอร์ยกมือข้างหนึ่งขึ้นมากันบนศีรษะจนกระทั่งน้ำเบื้องหน้าเธอค่อยๆ จับตัวก่อนกันเป็นน้ำวนเล็กๆ และขยายใหญ่ขึ้น
สาวน้อยหลับตาปี๋แล้วใช้มือสองข้างปัดฟองอากาศที่ลอยโดนหน้าเธอออกไป
คลื่นทะเลค่อยๆ สงบลง...แอมเบอร์ลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ เพื่อให้แน่ใจว่ารอบด้านปกติดีแล้ว แต่ภาพเบื้องหน้าแทบจะทำให้เธอหงายหลังตีลังกาสามตลบ เมื่อสตรีวัยชราหน้าตาเหมือนนางพญากรณ์ไคล์ร่ารางกับพิมพ์เดียวกันมาอยู่ตรงหน้าเธอราวกับโผล่มาเฉยๆ แม้ใบหน้าจะเหมือนกัน แต่ก็มีจุดที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง...อย่างเช่นเส้นผมที่เป้นสีเงิน กับชุดอาภรณสีขาวดูสะอาดสะอ้าน และเรียวหางยาวๆ แบบเดียวกันแต่เป็นสีเงินแวววาว คนๆ นี้จะดูเหมือนกับไคล์ร่า แต่ก็ตรงข้ามกันอย่างสิ้นเชิง...
“เจ้าคือแอมเบอร์สินะ”
เสียงนั้นเอ่ยโดยไม่ขยับปาก แอมเบอร์เลิกคิ้วเล็กน้อย
“อ่า...ใช่ แล้วถ้าให้เดา คุณน่าจะเป็นน้องสาวของไคล์ร่า”แอมเบอร์มองคนตรงหน้าหัวจรดปลายหางที่ยาวเหยียดแล้วยิ้มเล็กน้อย
“นางเรียกเข้าแบบนั้นงั้นรึ”เสียงนั้นดังขึ้นมาอีก แอมเบอร์เลิกคิ้วเล็กน้อย
เธอยักใหล่อย่างไม่ได้ใส่ใจ แล้วรอคอยคำพูดต่อไปของนาง...
“ข้าคือไคล์ร่า”ประโยคนี้ทำให้อมเบอร์สับสน...
“อา...ฉันจำได้ว่าคุณใส่ชุดดำ แล้ว...คุณน่าจะอยู่ข้างบนนั้น กับพวกเขา...”เธอเอ่ยพลางชี้ขึ้นไปเหนือหัว “เออ...ฉันงงไปหมดแล้ว อธิบายแบบที่ฉันไม่ต้องคิดซ้ำได้ไหม เวลามันมีน้อย”สิ้นเสียงของแอมเบอร์ ก็ได้ยินเสียงหัวเราะร่าของคนตรงหน้า...แอมเบอร์กระพริบตาปริบๆ “อะไรตลกคะ”
“เจ้าไง...ตลก”นางเอ่ยกับมาทันควัน “ข้าคืออีกด้านหนึ่งในจิตใจของไคล์ร่า เจ้าอาจจะเคยได้ยินเรื่องคนสองบุคลิก ข้าเป็นอีกบุคลิกหนึ่งของนาง”ไคล์ร่าสีขาวเอ่ยด้วน้ำเสียงเนิบๆ แล้วว่ายเข้ามาใกล้เธอ “มาเถอะ ว่ายไปคุยไปดีกว่า...”
“เอ่อ...ช่วยเราเรื่องทั้งหมดให้ฟังเลยได้ไหม เท่าที่มองฉันคงลงมาลึกพอควร จะว่ายขึ้นคงใช้เวลานาน”
“นี่เจ้ายังไม่เข้าใจอีกหรือไง...?”
หญิงชราเอ่ยเนิบๆ แล้มองลึกลงไปในดวงตาสีน้ำเงินเข้มคู่นั้น
“เจ้ายังคิดว่าที่นี่คือมิติที่เพื่อนๆ เจ้าอยู่อีกเหรอ...?”แอมเบอร์ขมวดคิ้วมุ่น
“หมายความว่าไง...?”
“ที่นี่น่ะ...”อะไรบางอย่างทำให้เรือนผมสีเงินยาวๆ นั้นค่อยๆ สยายไปกับสายน้ำ ดูสยองแบบแปลกๆ โดยเฉพาะเมื่อมุมปากที่ไม่เคยขยับเวลาเอ่ยพูดค่อยๆ เผยอขึ้นและยิ้มแสยะแบบที่ไม่น่ามองชมเลย...
...คือความฝันของเจ้า...
---------------------------------
To be continue
ความคิดเห็น