คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทที่1 : เด็กหนุ่มปริศนา
แคนเบอร่า ประเทศออสเตรเรีย
ติ๊ดๆๆ ติ๊ดๆๆ
เสียงหนวกหูจากนาฬิกาออโตเมติกสีขาวที่วางอยู่บนหัวเตียงดังปลุกมาได้สักพักแล้ว แต่ร่างภายใต้ผ้าคลุมเตียงสีฟ้าลายฟองอากาศน่ารักก็ยังไม่มีทีท่าลืมตาขึ้นมารับแสงอาทิตย์วันใหม่เสียที ได้แต่บิดตัวพลิกไปพลิกมาแล้วเอาหัวไปซุกอยู่ใต้หมอที่มีสีและลายเดียวกันเข้าชุด
ราวกับเสียงนาฬิกาปลุกไม่ได้สะทกสะท้านอะไรกับโสตประสาตที่เหมือนจะตายด้านเท่าไหร่นัก ถ้าหากเป็นคนปกติอาจจะลุกขึ้นมาแล้วใช้มือฟาดมันเพื่อปิดเสียงน่ารำคาณจึงจะสามารถนอนต่อได้ แต่จากเหตุการณ์ที่เห็นนี่แล้ว ชี้ให้ทราบชัดเลยว่าขั้นตอนเหล่านั้นไม่ได้จำเป็นเลย...
“แอมเบอร์!!! ตื่นได้แล้ว ไม่ไปโรงเรียนเหรอลูก”เสียงทุ้มต่ำของผู้เป็นบิดาดังมาจากครัวข้างล่าง เสียงนี้ทำให้คนถูกปลุกขยับตัวบ้างเล็กน้อย แต่เชื่อเถอะ เป็นการขยับตัวเล็กน้อยจริงๆ อย่างเช่นการพลิกตัวจากซ้ายไปขวา หรือแค่เอาหัวขึ้นมาอยู่บนหมอนเหมือนเดิม
...เจ้าลูกคนนี้นี่...
ตึงตังๆๆๆ
เสียงฝ่าเท้ากระทบกับขั้นบันไดดังถี่รั่ว บอกชี้ชัดว่าคนที่กำลังขึ้นมาซอยเท้ายิกๆ เพื่อจะมาปลูกลูกสาวขี้เซาไปโรงเรียน(เหมือนทุกวัน)
ปังๆๆ
“แอมเบอร์!! ลูกจะตื่นได้หรือยัง บรีอันมานั่งรอที่บ้านเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว นี่ลูกไม่ได้สายคนเดียวนะ!!”เสียงดุๆ ของพ่อดังอยู่หน้าประตู ทำให้เปลือกตาของร่างเล็กๆ บนเตียงนุ่มๆ เย้ายวนใจยากจะที่จะลุกหนี ค่อยๆ หยีตาลงเล็กน้อย
“รู้แล้วค่ะพ่อ หนูตื่นแล้ว”เสียงงัวเงียที่ได้ยิน ทำให้เอมีเลียสชักไม่แน่ใจว่าที่ลูกสาวตัวดีพูดว่าตื่นแล้วนี่ ตื่นจริงๆ หรือเปล่า
“รีบลงมากินข้าวกินปลาได้แล้ว พ่อจะออกไปแล้วนะ”
“งืม...”ตอบรับเนิบๆ เอมีเลียสแน่ใจว่าเธอไม่ได้ฟังที่เขาพูดแน่ๆ เขาถอนหายใจเบาๆ แล้วค่อยๆ เดินลงจากบันไดเบาๆ ผิดกับตอนที่วิ่งขึ้นมา
เขาเดินกลับที่ครัว แล้วยกจานแพนเค้กที่ตั้งใจว่าจะให้คนยังไม่ตื่นทานเป็นอาหารเช้า มาที่ห้องนั่งเล่นของบ้านแล้ววางมันลงไปบนโต๊ะเล็ก
“กินแทนแอมเบอร์ไปแล้วกันนะบรีอัน กว่าจะลงมาแพนเค้กคงเย็นไม่อร่อยก่อน”เอมีเลียสเอ่ยกับเด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลเข้มที่นั่งอยู่บนโซฟาหนังสีขาว เด็กหนุ่มแย้มรอยยิ้มโชว์ฟันขาวตัดกับสีผิวแทนเซ็กซี่ของเขา
“ถ้าผมกินแล้วแม่คนนั้นจะเอาอะไรกินก่อนไปโรงเรียนล่ะฮะ คุณครอบลีย์”บรีอันพูด เอมีเลียสหัวเราะหึหึ
“ก็ให้ไปเทซีเรียลกินเอา ตื่นสายดีนัก ไม่รู้จะมีนาฬิกาปลุกทำไม ไม่ได้ช่วยเลย”เอมีเลียสส่ายหัวไปมาแสดงความหนักใจ เด็กหนุ่มผิวแทนกลั้วหัวเราะ “แล้วเราเป็นไงบ้าง มาอยู่นี่สามเดือน พอเรียนได้ไหม”
“ก็เรื่อยๆ ฮะ กำลังรั้งท้ายอยู่”เด็กหนุ่มเอ่ย
“ดีแล้ว เรามีภาระมากกว่ายัยคนขี้เซาข้างบนนั่นเยอะ ตั้งใจเรียนเข้าล่ะ”
“ครับ”
“เอาล่ะ เดี๋ยวฉันไปละ ฝากดูแอมเบอร์ด้วยนะ”เอมีเลียสตบใหล่เด็กหนุ่มเบาๆ แล้วลุกขึ้นเดินตรงไปที่ประตูกบ้าน
“โอเคฮะ”ตอบรับไปอย่างนั้น ในขณะที่นึกสงสัยไม่ตกว่าใครจะดูแลใครกันแน่...
ร่างเล็กๆ ของเด็กสาววัย17 ปี แอมเบอร์ ครอบลีย์ เดินลงมาจากบันไดบ้านช้าๆ อย่างไม่รีบร้อนอะไร เมื่อลงมาถึงบันไดชั้นล่างสุดก็ไม่ลืมที่จะส่งยิ้มทะเล้นให้เพื่อนชายที่นั่งอยู่บนโซฟา ซึ่งอีกฝ่ายก็ยักคิ้วรับ แล้วทำหน้ากวน
“ตื่นแล้วเหรอแม่คุณ”เด็กหนุ่มทัก
“ก็อย่างที่เห็น แพนเค้กฉันล่ะ! อย่าบอกนะว่านายกินมันไปจริงๆ?”เด็กสาวรีบทวงหาอาหารเช้า
“ทีอย่างนี้ล่ะตั้งใจฟัง! ใครจะไปกล้ากินของเธอล่ะ”เด็กหนุ่มพูดพลางชี้จานแพนเค้กบนโต๊ะให้เด็กสาวเห็น เมื่อแอมเบอร์เค้กเห็นว่าอาหารเช้าของเธอยังปลอดภัย ก็ฉีกยิ้มกว้าง แล้วเดินเข้าไปหยิบช็อกโกแลตในครัวเพื่อเอามาแกล้มกับแพนเค้ก
“นายอยากกินด้วยมั้ย?”เธอถาม แต่บรีอันรู้ดีว่ามันแค่เป็นการถามตามมารยาทเท่านั้น
“ไม่ล่ะ กินมาแล้ว”เขาตอบ
บรีอันนั่งมองแอมเบอร์จัดการกับแพนเค้กตรงหน้าเข้าแล้วยิ้มออกมาเบาบาง ผมตรงสีบลอนทองของเธอถูกรวบเอาไว้เป็นหางม้าครึ่งหัว แล้วเหลือกระปอยสองข้างเอาไว้พอสวยงาม ดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลของเธอทำให้เขารู้สึกว่า มหาสมุทรแปซิฟิกนั้นเพียงแค่มองตาเธอก็เจอแล้ว
เขาและแอมเบอร์รู้จักเป็นเพื่อนเล่นกันตั้งแต่เขาจำความได้ เธอเป็นเพื่อนคนแรก น่าจะเป็นเพราะความบังเอิญที่เราดันเกิดวันเดียวกัน เวลาใกล้เคียงกัน ไม่พอบ้านยังอยู่ติดกันอีกด้วย แม่ของพวกเราเลยสนิทกันเป็นพิเศษ
บรีอันย้ายจากแทนสเมเนียมาอยู่และเรียนที่แคนเบอร่านี่ได้สามเดือน แน่นอน หลังจากที่แอมเบอร์ย้ายมาก่อนเขาหลายปี ก่อนเธอจะไปจากแทสมาเนีย เขาและเธอเจอกันครั้งสุดท้ายน่าจะเป็นตอนที่เขาไปส่งเธอที่ท่าเรือตอนห้าขวบ และเธอกลับมาเยี่ยมเกาะทุกปี แน่นอน หลังจาเธอโตพอจะไปไหนมาไหนได้ด้วยตัวเอง ซึ่งนั่นก็นานพอที่จะทำให้เขาแทบจำเธอไม่ได้ตอนเธอกลับมา...
เขาน่าจะรู้ดีกว่าคุณครอบลีย์คงไม่มีทางยอมมาส่งเธอที่แทสเมเนีย จากที่คุณปู่โรซี่ของแอมเบอร์เล่าทุกอย่างเกี่ยวกับแม่เธอให้เขาฟัง
สิบปี...การเจอกันอีกครั้งหลังจากที่เขาไปส่งเธอที่ท่าเรือ ตอนนั้นเขาและเธออายุสิบห้า...
“นี่...นายเจ้าชาย ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วไม่ย้ายมาอยู่ที่นี่ซะด้วยกันเลยล่ะ จะได้ไม่ต้องลำบากโฮสนายให้มาส่งไง”แอมเบอร์เงยหน้าขึ้นมาคุยกัยบรีอัน
เขาเลิกคิ้วขึ้นเลิกน้อย “ไม่ดีหรอก เกรงใจพ่อเธอ มารบกวนที่นี่ทุกวันแบบนี้ก็เกรงใจจะแย่แล้ว”
“เหรอ...อืม ป่ะ! ไปรร.กันเหอะ สายมากแล้ว รถเข็นนายอยู่ไหน?”แอมเบอร์ถาม พลางยกจานไปเก็บ
“จอดอยู่หน้าบ้าน”เขาพูดพลางพยายามจะลุกขึ้นยืน แน่นอนว่าไม่เป็นผล เนื่องจากสองขาของเขาไร้เรี่ยวแรงเหลือเกิน
“โอ้ยๆๆ หยุดตรงนั้นเลย จะรีบทำไม”แอมเบอร์รีบวิ่งเข้ามาประคองร่างสูงขึ้นมา “ขาแบบนี้ นายมาถึงแคนเบอร่าได้ไงเนี่ย!”แอมเบอร์บ่นอุบอิบ ก่อนจะใช้มืออีกข้างที่เหลืออยู่เอื้อมไปหมุนลูกบิดประตู “นายหัดเดินกี่ปีแล้ว”
“กี่ปีๆ ก็เดินไม่ได้เร็วๆ อย่างเธอหรอก ฉันมันเลือดบริสุทธิ์”บรีอันพูดพลางกลั้วหัวเราะ แอมเบอร์ทำหน้าเบ้ไม่พอใจเล็กน้อยก่อนจะเอ่ย
“โทษทีที่เป็นเลือดผสม!”
แอมเบอร์พาร่างของบรีอันบนรถเข็นมาจนถึงโรงเรียน จากบ้านของเธอมาถึงที่นี่ใช้เวลาไม่นานนัก เพราะห่างกันเพียงไม่กี่ตรอกถนนเท่านั้น พักหลังสามเดือนมานี้เป็นเช่นนี้ทุกเช้า เนื่องจากบรีอันต้องย้ายมาเรียนต่อที่นี่ เขามาอาศัยอยู่กับโฮสที่เป็นคุณตาทำงานเป็นช่างไม้ที่เมืองข้างๆ แต่เนื่องจากทางไปที่ทำงานของเขาไม่ผ่านทางมาโรงเรียน เขาจึงต้องให้โฮสมาส่งที่บ้านเธอและรอไปโรงเรียนด้วยกัน
“วันนี้มีเรียนว่ายน้ำด้วย”แอมเบอร์บ่นอุบอิบ
“เสียใจด้วยนะครับ แม่คนแพ้คลอรีน”บรีอันแซวแล้วกลั้วหัวเราะ แอมเบอร์เบ้ปาก
“ไม่ต่างอะไรกะพ่อคนโชคร้าย เกิดอุบัติเหตุขาพิการหรอก”คราวนี้แม่สาวเจ้าเล่นกลับไปบ้าง คนเกิดอุบัติเหตุขาพิการฟังแล้วเกือบหลุดหัวเราะออกมา
“ก็รอปิดเทอมก่อนสิ ยังไม่อยากถูกเอาไปทำเป็นซูชิใช่ไหมล่ะ”
“ซูชิ! ขอหรูๆ กว่านั้นได้ไหม?”แอมเบอร์ขึ้นเสียงสูงปรี๊ด แล้วเขย่ารถเข็นให้ร่างบนนั้นกระตุกไปซ้ายขวา บรีอันหัวเราะร่า ก่อนจะตะโกนอ้อนวอนขอให้หยุด เพราะร่างของเขาจะลงไปนอนกลิ้งกับพื้นคอนกรีตของโรงเรียนอยู่แล้ว “เมื่อไหร่จะปิดเทอมเนี่ย!”
“อีกเดือนนึง”
“ฉันรู้น่า! ไม่ต้องบอกก็ได้ มันนาน!!”แอมเบอร์สบถอีกครั้ง บางทีบรีอันรู้สึกสนุกเวลาแกล้งกวนประสาทให้สาวเจ้าส่งพลังเสียงซูเปอร์โซนิคออกมาแว๊ดๆ บนหัวเขา
แอมเบอร์พารถเข็นกับร่างของบรีอันมาที่ตึกเรียนเช่นเดียวกับนักเรียนคนอื่นๆ ตอนนี้ใกล้ชั่วโมงเรียนแล้ว ทุกคนจึงดูเร่งรีบที่จะวิ่งเข้าไปในตึกเรียนกันเป็นพิเศษ เพื่อให้ทันเรียนชั่วโมงโฮมรูม แต่ถึงกระนั้น...ไม่ใช่ทุกคนที่จะวิ่งเข้าไปในตึก
เด็กหนุ่มหน้าตาไม่คุ้น ผมสีน้ำตาลออกทองยาวระต้นคอ แอมเบอร์สบเข้าไปในดวงตาสีเขียวน้ำทะเลคู่นั้น และเมื่อเขารู้ตัวว่าถูกเธอมอง เขาก็มองกลับมาด้วยสายตาเยือกเย็น ราวกับความหนาวเหน็บของทะเลแคริบเบียนจนแอมเบอร์ต้องรีบเบือนตาหนี
...ไร้มนุษยสัมพันธ์สิ้นดี!!...
ร่างของเด็กหนุ่มคนที่ว่าใกล้เข้ามา และกำลังจะสวนไป แต่ก่อนที่เขาจะสวนไปนั้น จังหวะที่ตัวเขาและเธออยู่ตรงกันพอดี...
...ไง...
เสียงก้องๆ ที่ลอยมากับสายลม ไม่รู้จุดหมาย ไม่รู้ที่มา พร้อมกับกลิ่นอายแปลกๆ คุ้นเคย ที่ลอยมาแตะจมูกทำให้ขาที่ก้าวเดินอยู่นั้นต้องหยุดชะงักลง แล้วหันควับไปหาคนที่เพิ่งเดินผ่านไปเมื่อครู่ ซึ่งเมื่อหันไปแล้วก็พบว่า เด็กหนุ่มคนนั้นก็หยุดอยู่ด้วยเช่นกัน
แอมเบอร์ขมวดคิ้วมุ่น มองไปหาเขาด้วยสายตาไม่เป็นมิตร เด็กหนุ่มค่อยๆ หันคอมามองเธอเล็กน้อยด้วยสีหน้าเรียบเฉย ก่อนที่รอยยิ้มที่แฝงไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมนั่นจะปรากฏขึ้นมาบนใบหน้า แล้วร่างของเด็กหนุ่มปริศนา ก็หันกลับไปทางเดิม และเดินจากไป ทิ้งไว้เพียงความสงสัย และคำถามมากมาย ในหัวของแอมเบอร์ให้กลับไปคิดต่อในคาบโฮมรูมที่จะเริ่มในอีกไม่กี่นาที
...ความรู้สึกแบบนี้...
...กลิ่นอายทะเล...
...แต่ไม่ใช่แบบทะเลแปรซิฟิกที่เธอคุ้นเคย...
แอมเบอร์หยุดคิดอะไรอยู่เพียงคนเดียว โดยลืมคิดไปว่าสองมือนั้น กุมแฮนด์รถเข็นของคนบางคน ที่เรียกชื่อเธอติดกันมาสักพักแล้ว
“แอมเบอร์!!”เสียงของบรีอันครั้งนี้ดังและหนักแน่นกว่าปกติ ความจริงเขาเรียกเธอด้วยน้ำเสียงโทนนี้มาสักพักแล้ว แต่ไม่รู้ทำไม สาวเจ้าเพิ่งจะมาสะดุ้งตกใจเอาครั้งนี้
แอมเบอร์กระพริบตาเรียกตัวเองหลุดออกจากภวงค์ แล้วหันมาหาเพื่อนหนุ่มบนรถเข็น
“ห...ห๊ะ?”
“ยังจะมา ห๊ะ! อีก เหมออะไรของเธอ แค่สี่สิบห้านาทีเมื่อเช้านี่ก็สายพอแล้ว อย่างน้อยก็ให้ฉันได้เรียนโฮมรูมเถอะนะ”บรีอันหันมาพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงเริ่มหงุดหงิด จริงอยู่ที่เขารอเธอที่บ้านเกือบทุกเช้า แต่ไม่ใช่ทุกวันที่เธอจะต้องมายืนเหมอหน้าตึกเรียนแบบนี้...
“อ...อ้อๆ ขอโทษ ไปแล้วๆ”
ครืด...
เสียงประตูห้องเรียนที่ทำด้วยไม้ ครูดกับพื้นที่ทำด้วยกระเบื้อง ทุกสายตาในห้องเรียนหันควับมามองผู้มาใหม่ ที่มาทันแบบฉิวเฉียด แต่แน่นอนว่า อาจารย์ประจำชั้นได้เข้ามายืนอยู่หน้าห้องเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“เอ้า คุณครอบลี่ย์ คุณแม็คซิมัส จะเริ่มโฮมรูมแล้ว รีบๆ ไปนั่งที่เร็วเข้า”มิสเลเวน พาร์คเกอร์ อาจารย์ประจำชั้น เร่งให้ทั้งคู่ไปนั่งที่ แอมเบอร์ยิ้มแหยๆ อย่างสำนึกผิด แล้วค่อยๆ เข็นรถเข็นของบรีอันเข้ามาในห้องเรียน ไปส่งที่ที่นั่งของเขา ก่อนที่ตัวเธอจะเข้าไปนั่งเก้าอี้ของตัวเองที่อยู่โตหลังเขาอีกที “อีกอาทิตย์เดียวจะปิดเทอม ทุกคนตั้งใจทำข้อสอบกันดีมาก ที่เหลือก็คอยลุ้นเกรดกันตอนเปิดเทอมสองนะจ๊ะ”
“คร้าบ/ค่า”ทุกคนในห้องขานรับแบบไม่ค่อยพร้อมกันเท่าไหร่นัก
“แล้วก็...”มิสเลเวนเคาะๆ เอกสารในมือสองสามทีเพื่อให้มันเรียงกัน “หนึ่งอาทิตย์นี้ เรามีเพื่อนใหม่มาเรียนที่ห้องเรานะ เพื่อนมาทดลองเรียนที่โรงเรียนของเรา ถ้ายังไง เทกแคร์เพื่อนใหม่ดีๆ นะทุกคน”สิ้นเสียงนี้ทุกคนในห้องก็เริ่มหันซ้ายหันขวา จับกลุ่มคุยกัน...นักเรียนใหม่งั้นเหรอ? เรื่องเทกแคร์เด็กใหม่ ห้อง11Bถนัดนัก แอมเบอร์ชักเริ่มเห็นชะตากรรมอันแสนรุ่งโรจน์ชัชวาลของเด็กใหม่คนนี้อย่างลางๆ แล้วก็นึกขำอยู่ในใจ
“นี่! แม่คุณ!”บรีอันบิดตัวหันมา แอมเบอร์เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยเป็นเชิงถาม “บอกต่อไปว่าถ้าว่าเด็กใหม่เข้ามา ให้แกล้งเงียบ”
“หา?”
“ตามนั้น!”บรีอันรีบหันหลังกลับไป แอมเบอร์นิ่วหน้าเล็กน้อย แล้วหันหน้าไปข้างหลัง แต่ยังไม่ทันที่เธอจะหันไปจนสุดคอ ตาของเธอก็เหลือบไปเจอเข้ากับร่างที่เดินเข้าประตูมาเสียก่อน และภาพที่เห็นทำให้คอที่กำลังจะหันไปข้างหลัง ค่อยๆ หันกลับมาอย่างช้าๆ
“เชิญจ้ะๆ ไม่ต้องเขิน ห้องนี้กันเองๆ”มิสเลเวนพูดพลางยิ้มหวานฉ่ำให้คนที่ยืนอยู่หน้าประตู แต่ใบหน้าเย็นชานั้นหาได้ยิ้มกลับมาไม่ ขาสองข้างก้าวเข้ามาและหยุดอยู่ที่หน้าชั้นเรียน มิสเลเวนเลิกคิ้วขึ้น แล้วยักใหล่ โดยไม่ถือสาอะไรกับความไม่เป็นมิตรเหล่านั้น ก่อนจะหันมาพูดคุยกับทุกคนในห้องอีกครั้ง “นี่คือ เซดริค เจน เพิ่งย้ายมาอยู่ที่แคนเบอร่าไม่นานนี้ เขากำลังเดินสายดูโรงเรียน ถ้าอยากให้เพื่อนอยู่กับเราก็ดูแลเพื่อนด้วยนะจ๊ะ”
แอมเบอร์มองร่างตรงหน้าชั้นด้วยสายตาไม่พอใจ แน่นอนว่าเขาคงไม่ใช่ใครอื่น...พ่อหนุ่มเยือกแข็งปริศนาที่เดินสวนกับเมื่อเช้านั่นเอง แอมเบอร์ค่อยๆ เอื้อมมือไปสะกิดบรีอันที่นั่งอยู่ข้างหน้า
“นี่!”เสียงกระซิบหนักแน่นดังตามมาเพื่อเร่งให้คนถูกสะกิดรีบๆ ให้มาเสียที
“อะไร?”บรีอันหันมาแล้วกระซิบตอบ
“ฉันเจอหมอนี่เมื่อเช้า รู้สึกแปลกๆ ยังไงไม่รู้”คนฟังได้ยินเข้า ก็ทำสีหน้างุนงง ก่อนจะถามกลับ
“หล่อเรอะ?”
“ไม่ใช่! ไอ้บ้า ฉันหมายถึงแปลกๆ แบบ...แปลกๆ อะ”
“อะไรของเธอ ไม่รู้เรื่อง เงียบๆ ก่อน!”บรีอันพูดพลางหันควับกลับไป(อีกแล้ว) แอมเบอร์เม้มปาก แล้วย่นจมูกใส่จากทางข้างหลัง แต่ก็รู้ดีว่าอีกฝ่ายคงไม่เห็น จึงหันไปมองร่างตรงหน้าห้องอีกครั้ง...
“เจนอยากพูดอะไรกับเพื่อนๆ ไหม?”มิสเลเวนพูดแล้วเดินไปยืนข้างๆ เขา ทันทีที่เธอค่อยๆ เอื้อมมือไปแตะลงบนใหล่ เด็กหนุ่มก็รีบหันขวับไปมองที่มือข้างนั้นราวกับกำลังระแวงอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายก็หันกลับมาสนใจกับเพื่อนในห้องอีกครั้ง
“อรุณสวัสดิ์”เขากล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย แอมเบอร์รู้สึกว่า พอฟังเขาพูดคำทักทายที่ควรจะได้ความรู้สึกเป็นมิตรแล้ว ห้องทั้งห้องราวกับจะหนาวขึ้นมาเฉยๆ บางทีอาจะมีนกเพนกวิ้นมาเดินเล่นตรงหน้ากระดานเพื่อความเข้ากัน
มิสเลเวนมองหน้าเขาเหมือนรอว่าเขาจะพูดอะไร แต่เมื่อรอเท่าไหร่ก็ไม่มีเสียงพูด เธอจึงถาม
“แค่นี้เหรอจ๊ะ”เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นมาสบตาคนถาม
“ผมต้องพูดอย่างอื่นด้วยเหรอ?”คำถามแปลกๆ ที่คนปกติไม่น่าจะถามกันถูกถามคิด มิสเลเวน หัวเราะเบาๆ
“มันก็แล้วแต่เธอสิ อยากจะทักทายเพื่อนๆ แนะนำตัวเอง หรือไม่ก็บอกเรื่องเกี่ยวกับเธอ”
“พวกเขาไม่จำเป็นต้องรูเรื่องของผมนี่”เด็กหนุ่มตอบออกมาตรงๆ ตรงเสียงอย่างกับไม้บรรทัด ตรงอย่างที่แอมเบอร์เริ่มคิดว่ามันน่าจะโค้งงอบ้างสักนิดให้พองาม เสียงหัวเราะคิกคักในห้องดังขึ้นเบาบาง กับความแปลกของนักเรียนใหม่คนนี้ มิสเลเวนหัวเราะออกมามากกว่าเดิม ก่อนจะเลิกเซ้าซี้อะไรเขา แล้วหันมาพูดกับทุกคน
“โอเค...วิชาต่อไปอะไรจ๊ะ?”
“ว่ายน้ำค่ะ”เด็กผู้หญิงที่นั่งอยู่หน้าห้องตอบแทนทุกคน
“อ้อ ดีเลย งั้น ระหว่างที่ทุกคนเรียนว่ายน้ำ...”มิสเลเวนพูดแล้วหยุดเพื่อกวาดสายตามองหาใครบางคน และแอมเบอร์ตกใจแทบสลบ เมื่อสายตาคู่นั้นกรอกมาหยุดที่เธอ “คุณครอบลี่ย์”
เด็กสาวสะดุ้งโหยงเมื่อได้ยินชื่อของตัวเธอ เธอหันไปสบตากับอาจารย์ประจำชั้น ก่อนจะกลืนน้ำลายลงไปอึกใหญ่ๆ แล้วตอบรับไปด้วยน้ำเสียงแผ่วเบากว่าปกติประมาณสามเท่า
“ค...คะ?”
“เธอไม่ได้เรียนว่ายน้ำ พาเพื่อนชมโรงเรียนก็แล้วกันนะ”มิสเลเวนพูดพลางส่งรอยยิ้มพิฆาต ที่แฝงขู่บังคับ หรือยัดเยียด มากกว่าขอร้อง แอมเบอร์กระพริบตาปริบๆ ก่อนจะมองมิสเลเวน สลับกับเด็กใหม่
“ท...ทำไมต้องเป็นหนูอ๊ะ???”เธอถามกลับไปอย่างกล้าๆ กลัวๆ
“เธอจะให้เพื่อนเธอบรีอัน ขาอย่างนั้นไปแทนเธอไหมละจ๊ะสาวน้อย”เป็นรอยยิ้มที่ค่อนข้างจะเหยียดมุมปากมากกว่าปกติไปเสียหน่อย แอมเบอร์จึงได้แต่ยิ้มหยีตากลับไปแล้วส่ายหน้าช้าๆ แทนคำตอบ “ดีจ๊ะ งั้นฝากด้วยนะ อ๊ะ ทุกคน เตรียมไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียนวิชาต่อไปได้แล้ว เดี๋ยวจะสาย”
“นักเรียนเคารพ!”เสียงหัวหน้าห้องเรียกให้ทุกคนยืนขึ้น
“ขอบคุณครับ/ค่ะ”
ร่างของมิสเลเวนเดินออกไป พร้อมกับร่างของเซดริก เจน เด็กใหม่ผู้แปลกประหลาด แอมเบอร์มองตามร่างนั้นจนกระทั่งพ้นขอบประตู ก่อนจะถอนหายใจออกมาแรงๆ เพื่อประชดชีวิต บรีอันหันมามองเธอแล้วยักคิ้วกวน
“อะไรของนายยะ!”เธอสวนกลับทันควัน
“ก็เปล๊า~ ว่าแต่หงุดหงิดอะไรขนาดนั้น ก็ไม่ได้เลวร้ายนี่?”บรีอันพูดพลางยักใหล่
“เลวร้ายมาก! เฮ้อ ให้ตาย เจอกันคาบหลังว่ายน้ำแล้วกัน ฉันต้องไปเป็นไกด์ ให้ตายเหอะ!”แอมเบอร์ทำเสียงสบถตรงคำสุดท้าย ก่อนจะยืนขึ้นสอดเก้าอี้ แล้วเดินตึงตังออกจากห้องเรียนไป เป็นภาพที่เห็นกี่ทีก็ไม่เบื่อ บรีอันมองคนอารมณ์เสียเดินจนผ่านพ้นประตู แล้วก็อดหัวเราะไม่ได้
ทางด้านของแอมเบอร์ เมื่อเดินออกมานอกห้องแล้วเจอคนที่เธอไม่ค่อยอยากจะเจอเท่าไหร่ แม้จะเพิ่งพบกันครั้งแรก ก็กรอกตาไปมา หมอนั่นกำลังมองเธอด้วยสายตาบอกความรู้สึกไม่ได้ ซึ่งนั่นทำให้แอมเบอร์ยิ่งหงุดหงิดเข้าไปใหญ่
“ปกตินายมองผู้หญิงด้วยสายตาแบบนั้นหรือไง เฮ้อ แต่ช่างเถอะ อยากไปไหน?”เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ญาติดีด้วย แอมเบอร์จึงไม่คิดจะให้ความเป็นมิตรกลับ แน่นอนว่าตามนิสัยของเธอ
เซดริคนิ่งเงียบครุ่นคิดไปครู่ ก่อนจะเงยหน้ามามองเธออีกครั้งด้วยใบหน้าที่ปนเปรอยยิ้มเล็กน้อย รอยยิ้ม...แบบที่บอกไม่ได้ว่าเป็นรอยยิ้มด้านบวกหรือลบกันแน่...
“สระว่ายน้ำ”เสียงเย็นชาตอบกลับมาเนิบๆ แอมเบอร์ได้ยินเข้าก็ขมวดคิ้วมุ่น
“อะไรนะ?”เธอถามซ้ำอีกครั้ง
“สระว่ายน้ำ ฉันอยากไปดูสระว่ายน้ำ”
-----------------------------------
To be continue
ความคิดเห็น