ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    AMBER and the darkness ocean

    ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ

    • อัปเดตล่าสุด 31 ต.ค. 54





            เราเรียนรู้ตำนานมากมาย เกี่ยวกับอมนุษย์หลายเผ่าพันธุ์ที่มีกายครึ่งหนึ่งเป็นมนุษย์
    ครึ่งหนึงเป็นสัตว์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น เซนทอร์, สฟิงค์, ครุฑ, มนุษย์หมาป่า และแน่นอน เราจะไม่ลืมธิดาแสนสวยและบุรุษผู้แสนสง่าแห่งท้องทะเล... เงือก นั่นเอง

     

           ในตำนานเล่าขานกันว่า...หากมนุษย์ผู้ใด ได้เป็นเจ้าของจุมพิตชาวเงือก เขาจะไม่มีวันจมน้ำตาย

     

           และตำนานยังบอกไว้อีกว่า...จุมพิตของเหล่าเงือกนั้น มอบให้แด่ผู้เป็นเจ้าของหัวใจของพวกเขาแต่เพียงเท่านั้น มันผู้ใดบังคับเอามา...จะต้องพบจุดจบ เช่นเดียวกับมัจฉาที่ไร้วารี

     

           น้ำตาเงือกมีพลังเยียวยา และกลายเป็นไขมุกยามอาบแสงจันทร์

     

           ในอดีต มนุษย์และเงือกเคยอยู่ร่วมกัน ไม่ใช่เรื่องยากเย็นที่จะประสบพบเจอกับเหล่ามนุษย์มัจฉา เงือกบางตัวก็ขึ้นบกและมาทำงานอยู่ร่วมกับมนุษย์ บ้างก็อาศัยอยู่ในทะเล แต่ก็ขึ้นมาคลุกคลีและมีความรักกับกลุ่มชนต่างเผ่าพันธุ์

     

            จนกระทั่งมาถึงยุคสมัยที่มีความเชื่อเรื่องกินเนื้อเงือกเพื่อต่ออายุ บ้างก็เชื่อกันว่าเป็นยาอายุวัฒณะและทำการตามล่าเงือกเพื่อแร่เนื้อไปกิน จึงเกิดโศกอนาตกรรมครั้งใหญ่ขึ้นระหว่างเงือกกับมนุษย์ เงือกที่รอดชีวิตได้หลบหนีกลับสู่ทะเลลึกไม่กลับขึ้นมาให้ผู้คนเห็นอีกเลย และได้ตัดขาดจากการขึ้นไปสู้ผืนแผ่นดินกว้างใหญ่นับตั้งแต่เหตุการณ์ครั้งนั้น...

     

             ทั้งหมดนี่คือตำนานส่วนหนึ่งเกี่ยวกับชาวเงือก ที่ผู้คนไม่รู้ว่ามีตัวตนจริงหรือไม่...

     

     

            แทสเมเนีย ประเทศออสเตรเรีย...

     

              เกาะเล็กๆ ที่แยกออกมาจากประเทศที่ล้อมรอบด้วยผืนทะเลสีฟ้า เป็นเกาะแสนสงบราวกับแดนสวรรค์ที่ทุกคนใฝ่หา และแน่นอน นี่มันก็คือสรวงสวรรค์บนดินอีกที่ที่ยังเหลืออยู่บนโลกจริงๆ มีรอยยิ้ม มีเสียงหัวเราะ ต้นไม้ใบหญ้า และทะเลแสนสวย วิถีชีวิตเรียบง่ายที่แม้จะไม่ได้มีสิ่งทันสมัยอำนวยความสะดวกอะไรมากมาย แต่ก็มีความสุขที่หาที่ไหนไม่ได้ในเมืองใหญ่

     

              หมู่บ้านติดทะเลแห่งนี้ชื่อ แทสเมนี่ วิลโลว์ เป็นหมู่บ้านที่ไม่เล็กและค่อนไปทางใหญ่พอสมควรบนเกาะแห่งนี้ มีคนอาศัยอยู่ไม่กี่หมื่นคน รวมกับหมู่บ้านอื่นที่กระจายอยู่บนเกาะนี้ ประชากรที่นี่คงมีประมาณสี่แสนกว่าคน เทียบกับฝั่งตรงข้ามแล้วคงไม่ได้ครึ่งเป็นแน่ ที่นี่ไม่ใช่แหล่งท่องเที่ยวที่คนนิยมมามากนัก อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจึงไม่ใช่รายได้หลัก อาชีพหลักของคนที่นี่ก็คือ...ออกเรือหาปลา ใช้ชีวิตอยู่กับทะเลและชายหาดแสนสวย...

     

               คุณปู่คะ เมื่อไหร่หนูจะได้ไปหาคุณพ่อที่แคนเบอร่าคะเสียงเล็กแหลมของเด็กหญิงตัวเล็ก อายุไม่เกินห้าขวบเอ่ยถามกับชายชราอีกคนที่กำลังอุ้มร่างเล็กๆ ของเธออยู่ ดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลของเธอเป็นประกายระยับราวกับผืนมหาสมุทรแปซิฟิกที่ล้อมรอบบ้านเกิดของเธอ

     

               เมื่อที่หลานหัดเดินสองขาได้ภายในปีนี้ แล้วปู่จะติดต่อพ่อของหลานพาหลานเข้าเรียนที่แคนเบอร่า หลานจะได้เจอพ่อไงชายชราเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล พลางลูบไล่เรือนผมสีบลอนทองเหยียดตรงประบ่าเหล่านั้นอย่างอ่อนโยน สาวน้อยเม้มปาก

     

               ทำไมต้องเดิน ให้คุณพ่ออุ้มหนูไม่ได้หรือคะเด็กสาวถามอย่างไร้เดียงตา ชายชราหัวเราะหึหึ

     

               คุณพ่อก็ต้องทำงาน มีเวลามาหิ้วหลานไปไหนมาไหนตลอดเวลาเหมือนปู่เสียเมื่อไหร่เขาเอ่ยพลางยกตัวคนเป็นหลานไปนั่งบนก้อนหินก้อนใหญ่ๆ บนชายหาด อีกอย่าง...หลานคงไม่อยากนั่งรถเข็นคนพิการ ในขณะที่เพื่อนคนอื่นๆ เดินอยู่ในโรงเรียนหรอกใช่ไหมประโยคนี้ทำให้สาวน้อยหยุดคิด

     

               จริงด้วยค่ะเด็กน้อยเริ่มเห็นด้วย ชายชรายิ้มแล้วมองเข้าไปในดวงตาใจแจ๋วคู่นั้น

     

               เพราะฉะนั้น หลานต้องรีบๆ หัดเดินให้ได้ไวๆ ถ้าหลานอยากไปหาพ่อเขาเอ่ยแล้วมองใบหน้าของหลานสาวสุดที่รักอย่างเอ็นดูและความรู้สึกหวงหาอย่างที่สุด

     

                บางทีเขาก็ไม่อยากให้เธอไป เขารู้ดีว่าเมื่อถึงเวลาที่แอมเบอร์หลานสาวของเขาโตพอที่เข้าเรียนหนังสือ เขาควรให้เธอได้เรียนโรงเรียนที่ดีมากกว่าโรงเรียนบ้านนอกบนเกาะเล็กๆ อย่างที่นี่ การให้เธอไปอยู่ที่เมืองหลวงแคนเบอร่ากับพ่อของเธอฟังดูเป็นทางเลือกที่แสนชาญฉลาด แต่เขาก็อดคิดถึงเธอไม่ได้ ตลอดเวลาห้าปีที่อยู่กับเด็กน้อยมันช่างยาวนาน ราวกับตลอดชีวิตหกสิบเก้าปีของเขา และแน่นอนว่าเขาไม่ไว้ใจว่าลูกชายเขาเอมีเลียสจะดูและเธอได้ดีเท่าเขารึเปล่า...แหงสิ! ตั้งแต่แม่ของเจ้าหนูหายสาปสูญไปพร้อมกับกระแสคลื่นในทะเลเมื่อสี่ปีก่อน แอมเบอร์อายุได้ขวบหนึ่งพอดี เอมีเลียสก็ไม่ทำอะไรอีกเลยนอกจากนั่งตาลอยเหมอมองไปในทะเลทั้งวัน

     

                 จนกระทั่งอยู่มาวันดีคืนดี ก็ลุกขึ้นมาแล้วบอกว่าจะไปหางานทำที่แคนเบอร่า เพื่อส่งเงินเลี้ยงเจ้าหนูแอมเบอร์ ทิ้งให้หนูน้อยอยู่กับเขาลำพังสองคน แต่ลองมาคิดดูแล้วเหตุผลน่าจะมาจากการที่เขาทนเห็นผืนทะเลที่พรากภรรยาสุดที่รักจากไปไม่ได้มากกว่า...

     

               แล้วถ้าหนูไป คุณปู่จะมาเยี่ยมหนูบ่อยๆ หรือเปล่าอยู่ๆ เด็กน้อยก็ถามขึ้น ทำให้เขารู้ว่าไม่ใช่เขาคนเดียวที่คิดถึงเธอ เธอเองก็กลัวว่าจะไม่ได้เจอเขาเช่นกัน

     

               หลานอยากเจอปู่หรือเปล่าล่ะเขาถาม

     

               อยากเจอสิ อยากเจอ

     

               งั้นหลานก็ต้องกลับมาเยี่ยมปู่บ่อยๆ เขาใจไหม?”เขาพูดพลางยิ้มๆ แม้จะรู้ว่านี่อาจเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะได้เห็นใบหน้าของเธอ ลูกชายงี่เง่าเอมีเลียส ขนาดลูกสาวจะไปอยู่ด้วยยังบอกว่าจะรอรับที่ท่าเรือ คงไม่มีทางแน่ที่เขาจะพาเธอกลับมาส่งที่แทนเมเนียนี่ ที่นี่คงจะเป็นที่ที่เขาไม่อยากเห็นที่สุดจริงๆ

     

               ได้ค่ะ หนูจะบอกคุณพ่อให้พามาเยี่ยมคุณปู่ที่นี่หนูน้อยยิ้มร่าเริง แล้วโผล่เข้ากอดคุณปู่เพื่อให้เขาอุ้มเธอขึ้น แล้วถ้าหนูไปอยู่แคนเบอร่า จะมีทะเลให้หนูลงไปว่ายน้ำเล่นมั้ยคะคำถามนี้ทำให้ปู่ของเธอเงียบไปสักพัก ก่อนจะตัดสินใจพูด

     

               หลานคงว่ายน้ำไม่ได้อย่างเด็ดขาด ถ้าอยู่แคนเบอร่าเขาพูด เด็กน้อยทำหน้าสงสัยราวกับจะเรียกร้องถึงเหตุผล ถ้าหลานอยากเล่นน้ำ ต้องห้ามให้ใครเห็นอย่างเด็ดขาด อย่างเช่นอ่างอาบน้ำที่บ้าน หลานจะไม่ลงน้ำให้ใครเห็นสัญญากับปู่ได้ไหม?”เขาชูนิ้วก้อยให้หลานสาวดู

     

               หนูน้อยมองหน้าปู่ของเธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย แม้จะไม่เข้าใจแต่เธอก็ก็เกี่ยวนิ้วก้อยเล็กๆ กับคุณปู่แล้วตอบรับหนักแน่น

     

                ก็ได้ค่ะ หนูสัญญาชายชรายิ้มรับแล้วลูบหัวหลานสาวอย่างรักใคร่ ก่อนจะค่อยๆ วางสาวน้อยลง ให้เท้านุ่มๆ นั้นสัมผัสกับพื้นทรายสีขาว

     

                 สาวน้อยใช้สองมือ กับแขนของชายชราเอาไว้แน่น แล้วก้มลงมองขาสองข้างของตัวเอง ร่างเล็กเซไปเซมา กว่าจะหยุดยืนนิ่งๆ ได้ ต้องใช้เวลาพอสมควร จึงเป็นเรื่องแปลกสำหรับเด็กสี่ขวบที่ควรจะยึดและเดินวิ่งได้ตั้งนานแล้ว

     

                ยืนดีๆ ปู่จะปล่อยมือแล้วนะเขาพูด

     

                แล้วถ้าหนูล้มล่ะ

     

                หลานก็ยืนขึ้นมาใหม่ ด้วยขาของหลานชายชราบอกเธอ แล้วค่อยๆ ปล่อยมือ จากนั้นถอยหลังห่างออกไปสามก้าว หรือถ้าไม่ไหว ก็ยังมีมือของปู่

     

                เด็กน้อยยืนนิ่ง แล้วมองร่างของชายชราห่างออกไประยะหนึ่ง ก่อนจะเม้มปากรวบรวมความกล้า ก้าวเท้าขวาไปข้างหน้าอย่างทุลักทุเล

     

                อย่างนั้น...ช้าๆ ช้า...อุ้บส์!”จังหวะเดียวกับที่เสียงอุทานของเขาดังขึ้น สาวน้อยตัวเล็กก็หน้าทิ่มลงไปกับผืนทรายในตอนที่กำลังจะก้าวเท้าอีกข้างออกไป แอมเบอร์! หลานโอเคไหม

     

                เมื่อได้ยินเสียงเรียกชื่อของตัวเอง เด็กน้อยก็เงยหน้าขึ้นมาแล้วยิ้มแฉ่ง

     

                โอเค เอาใหม่อีกที...เขาพูดพลางค่อยๆ เข้าไปประคองร่างเล็กขึ้นมายืนอีกครั้ง สาวน้อยโซเซและรักษาสมดุลในตัวเอง แล้วเงยหน้าขึ้นมามองชายชราก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงร่างเริงว่า

     

                เดี๋ยวคุณปู่คอยดูนะ ซักวัน หนูจะวิ่งให้เร็วกว่าคุณปู่ เหมือนกับที่หนูว่ายน้ำเก่งกว่าคุณปู่...




    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++

    To be continue





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×