ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fierce #ดื้อมั้ยล่ะ ไม่ดื้อก็ไม่ดุ [BTS X YOU]-END-

    ลำดับตอนที่ #2 : #ดื้อมั้ยล่ะไม่ดื้อก็ไม่ดุ 02 | ก็เพื่อนไง [100%]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.55K
      158
      10 มี.ค. 64

            คำเตือนตัวโตๆ: ฟิคเรื่องนี้เป็นเนื้อหาแบบฟีลกู้ด มีดราม่าปะปน และฉากเรท บวกคำหยาบ พระเอกเป็นสายชิล ส่วนนางเอกเป็นสายเก็บกวาด กรุณาใช้จักรยานในการอ่านเป็นอย่างสูง ข่อมค้าบ


    #ดื้อมั้ยล่ะไม่ดื้อก็ไม่ดุ 02 | ก็เพื่อนไง

    juls⁷ ???“ on Twitter | Jimin, Park jimin, Park jimin cute

    -ก็เพื่อนไง-


    *ยังไม่ได้แก้คำผิด


         หลังจากที่ว่างสายจากจีมิน ฉันก็โยนโทรศัพท์ทิ้งตรงปลายเตียง ไม่ลืมเดินไปที่โต้ะเครื่องแป้งเพื่อส่องกระจกและเช็ดเครื่องสำอางบนหน้าออก จากนั้นจึงค่อยเข้าไปอาบน้ำ ราวๆยี่สิบนาทีฉันถึงได้อาบน้ำเสร็จ หยิบผ้าขนหนูมาห่อร่างกายก่อนที่จะออกจากห้องน้ำ


         เพราะฉันคิดว่าฉันอยู่คนเดียว ฉันถึงได้ไม่หยิบเสื้อผ้าเข้ามาในห้องน้ำด้วย แต่ทว่าพอฉันออกมาจากห้องน้ำ ภาพแรกที่ฉันเห็นก็คือภาพของจีมินที่กำลังเปิดตู้เย็นแล้วขโมยส้มในตู้เย็นฉัน จะด่าก็ลืมไปว่ามันมีกุญแจห้องฉันมันถึงได้เข้ามาได้ สุดท้ายก็ได้แค่มองมันเอือมๆแล้วเมินมันไป ฉันไม่อยากพูดเยอะ เพราะยังไงมันก็แกมบังคับอยู่ดี


         "ไม่ใส่กางเกงนะ ใส่กระโปรงแบบนั้นเธอดูเซ็กซี่กว่า"


         มือที่กำลังจะหยิบกางเกงขาสั้นมาใส่หยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงของอีกคนที่กำลังปลอกเปลือกส้มลงถังขยะตรงระเบียง ฉันหันกลับไปมองที่ต้นเสียง จีมินกำลังมองฉันอยู่ ฉันที่ทั่งตัวคลุมแต่ป้าขนหนูตัวเดียว


         แต่ถ้าถามว่าเขินมั้ย ก็ไม่ เพราะเราสองคนเคยมีอะไรกันมากกว่าแค่เห็น


         จีมินมองฉันตาไม่กระพริบในระหว่างนั้นเขาก็ยัดส้มเข้าปากได้โดยที่ตายังมองฉันแต่งตัวอยู่ ฉันหรี่ตา จีมินมันยิ้ม ฉันจึงยิ้มตอบ แต่เป็นยิ้มแบบชัยชนะ ก่อนที่มือที่จับกางเกงขาสั้นอยู่จะเปลี่ยนมาเป็นกางเกงขายาวแทน ฉันหยิบมันออกมาและรีบใส่ในทันทีเพราะไม่อยากให้มันเถียงทัน และแน่นอน จีมินมันไม่ยอม มันถึงได้โวยวาย


          "เห้ยกิ ทำไมว๊า ก็บอกให้ใส่กระโปรง"


         "มันหนาวปาร์ค เอสแอร์มันเย็นมึงรู้มั้ย"


         แต่ฉันก็เถียงกลับ คิดว่าฉันจะยอมทำตามคำขอของมันง่ายๆเหรอ จีมินมันเป็นคนที่แพรวพราว สายตาเจ้าชู้มากอยู่ตลอดเวลา แบบแค่จ้องจะเคลมเฉยๆไม่ได้อยากใช้ชีวิตด้วยแบบนั้น ฉันเลยไม่อยากตามใจมันมากนัก เพราะถ้าให้ฉันเดามันต้องพาเพื่อนต่างคณะของมันไปด้วยแน่ๆ และจีมินมันคงไม่เซฟฉันอย่างเคยเพราะฉะนั้นฉันต้องเซฟตัวเองไว้ก่อน


         “ทำไมเดี๋ยวนี้ดื้อวะ งอนอะไรก็พูดดิ”


         “พักก่อน ไม่ใช่ผัวอย่าเยอะ”


         “ไม่ใช่ผัวอย่างน้อยก็เพื่อนไง”


         ฉึก!


         เออ ก็เพื่อนไง รู้ว่าสถานะของเราในตอนนี้เป็นแบบไหน แต่พอได้ยินคำว่าเพื่อนออกมาจากปากมันกี่ครั้งๆ ก็เจ็บใจอยู่ดี ถึงฉันจะทำตัวชิน แต่ความจริงแล้วฉันไม่เคยชินเลย ฉันยังรู้สึกเจ็บเวลาที่ได้ยินคำว่าเพื่อนจากปากจีมิน และฉันก็ยังรู้สึกอยากเอาเล็บจิกเปียชะนีทุกคนที่เข้าใกล้มัน ฉันไม่ควรข้ามเส้นฉันรู้ แต่ฉันก็คน ไม่ใช่พระอิฐพระปูนสักหน่อยถึงได้ไม่มีความรู้สึก


         “รำคาญว่ะ”


         “เธอแม่งก็งี้อ่ะกิ มีอะไรไม่ยอมพูด ชอบเก็บไว้ในใจคนเดียว”


         “อืม”


         “ไม่โอเคที่เราคุยกับคนอื่นก็แค่บอก”


         “แล้วมึงจะหยุดให้งั้นเหรอ?”


         “ก็ไม่ไง เค้าจะได้ไปคุยที่อื่นจะได้ไม่รบกวนเธอ” ไอ้เวร


         “เรื่องของแม่งเถอะ”


         สุดท้ายฉันก็เลือกที่จะตัดพ้อ เพราะรู้ดีว่ายังไงมันก็คงไม่หยุด และฉันก็ไม่มีสิทธิ์บังคับให้มันหยุดด้วย มันอยากจะคุยกับใครก็คุย อยากจะไปมีอะไรกับใครก็เชิญ อยากจะก๊งแอลแม่งหนักแค่ไหนก็เรื่องของแม่ง ร่างกายของมัน ชีวิตมัน ฉันจะไม่ยุ่ง


         “เปิดโต๊ะรอล่ะ หน้าเวทีเลย”


         จีมินทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นก่อนหน้านั้น และฉันก็ทำเหมือนกัน ฉันเมิน แล้วหยิบเสื้อครอปสีดำในตู้มาใส่ ทับด้วยเสื้อหนังสีดำก่อนที่จะเปลี่ยนเส้นทางมาที่โต๊ะเครื่องแป้งและแต่งหน้า หน้าที่ฉันเพิ่งจะเช็ดเครื่องสำอางออกเมื่อกี้ หยิบสกินแคร์มาโบกตามด้วยเซรั่มบำรุงผิวก่อนที่จะหยิบรองพื้นมาเปิดและใช่นิ้วจิ้มมาแตะบนหน้าหนึ่งแมต


         ใจจริงฉันก็ไม่ได้อยากจะแต่งหน้าทุกวันเพราะฉันเป็นคนผิวแห้ง เลยกลัวว่าผิวจะจุกรองพื้นตายก่อน แต่มันจำเป็นเพราะฉันไม่อยากจะไปโชว์หน้าสดให้ใครเห็น แค่จีมินเห็นคนเดียวก็เกินพอแล้ว ฉันเลยต้องลงสกินแคร์และเซรั่มบำรุงผิวหน้าเยอะ ถ้าเซรั่มมันพูดได้มันคงจะยกนิ้วกลางด่าฉันแล้วบอกว่า ค*ยไปแล้ว เพราะต่อให้ทาได้สุดท้ายก็ต้องมาล้างออกอยู่ดี แต่งหน้าจนเกือบเสร็จ หยิบที่ดัดขนตาออกมาเพื่อดัดขนตา หูฉันได้ยินเสียงเปิดตู้เย็นอีกครั้ง ฉันจึงรีบหันไปมองบุคคลที่มันกำลังขโมยส้มฉันอีกลูก “พอแล้วปาร์คเดี๋ยวมันหมด กูซื้อมาแพงด้วย”


         “อย่างกดิกิ กิโลละหกสิบเอง”


         หน็อย มึงรวยมันก็พูดได้ดิไอ้ควาย ลองมีครอบครัวฐานะธรรมดาเหมือนกูดูมั้ยจะได้รู้ ฉันจิกตาจิ๊ปากใส่มันไปที แต่ถามว่ามันแคร์มั้ย ก็ไม่ แถมยังปลอกเปลือกส้มโยนมาใส่ฉันอีก ไอ้นี่!


         “เอ๊ะ! เดี๋ยวกูวีนซะนี่!


         “เออ แต่งหน้าไป อย่าเพิ่งวีน เธอทารองพื้นยังไม่ทั่วหน้าเลย”


         อยากด่าแม่งฉิบหาย แต่สุดท้ายก็ได้แต่ฝากไว้ก่อนแล้วหันกลับมาที่หน้ากระจกที่เดิม “ทารองพื้นไม่ทั่วหน้าพ่อง เขาเรียกว่าลงคอนทัวร์ค่ะอิดอก”


         “ไอ้เหี้ยกิ”


         ยิ่งคุยกับมันก็ยิ่งเหมือนทะเลาะกันเข้าไปทุกที หยิบลิปสติกสีแดงมาทาที่ริมฝีปากสักทีเป็นอันว่าฉันแต่งหน้าเสร็จสรรพ ฉันกำลังจะหยิบน้ำหอมมาฉีดแต่ทว่าเปลือกส้มกลับปลิวว่อนมาหล่นอยู่ตรงหน้าฉัน ฉันรู้ว่ามันเป็นฝีมือของไปเลือดเป็นเหล้านั่น แต่ฉันก็เลือกที่จะเมินและรีบฉีดน้ำหอมให้เสร็จ


         “เร็วดิ”


         “เออ”


         ปาร์คมันเอ่ยเร่ง ฉันถึงได้ครางรับ ก่อนที่จะหันหลังไปหยิบกระเป๋าสะพายโดยที่ไม่ลืมเก็บเปลือกส้มที่มันโยนใส่ฉันเอาไปทิ้งถังขยะด้วย ฉันได้ยินเสียงเปิดตู้เย็นและปิดอีกรอบ ไอ้นั่นมันขโมยส้มฉันติดมือไปสองลูก และการกระทำนั่นมันอยู่ในสายตาของฉันตลอด ไอ้นี่!


         “โมโหมึงว่ะกิ”


         ในขณะที่ฉันกำลังจะล็อกห้องเสียงทุ้มก็ดังออกมาโดยคนที่รุดหน้าไปก่อน ครานี้คำว่ามึงหลุดออกมาจากปากมัน แต่แล้วไงใครสน อย่างน้อยเวลาที่มันใช้คำว่ามึงกับฉันแทนคำว่าเธอมันก็ดีกว่าเป็นร้อยเท่า ฉันจะได้หลุดออกมาจากกงกรรมกงเกวียนที่ว่าเป็นเด็กมันสักที ฉันเบะปากก่อนที่จะดึงลูกกุญแจออกมายัดใส่กระเป๋าแล้วเดินตามหลังจีมินไปที่ลิฟต์ มันยังคงปลอกส้มเข้าปากอยู่นั้น ซ้ำร้ายมันยังยื่นเปลือกกับเม็ดที่มันคายออกมาให้ฉันถืออีก


         “อะไรของมึงเนี่ย”


         “เอาไปทิ้ง”


         “โว๊ะ!” ไอ้ห่า อยากด่าแม่งฉิบหาย


         ติ๊งค์!


         พอลิฟต์มา เราก็ขึ้นลิฟต์ไป จนกระทั่งมาถึงลานจอดรถ ฉันก็ขึ้นไปนั่งที่ที่ฉันเคยนั่งประจำถึงแม้ว่ามันจะซ้ำกับคนอื่นอีกเป็นแสนก็ตาม เครื่องยนต์ถูกจุดเครื่องก่อนที่เราจะออกจากหอเพื่อมุ่งหน้าไปร้านเกือบประจำ



         @S Class Bar


         ราวๆสิบนาทีเราก็มาถึง รีบมุ่งหน้าเข้าไปด้านในสถานที่ที่เรียกว่าบาร์ในทันที เสียงเพลงดังกระหึ่มเข้าสู่โสตประสาททำให้หัวใจของฉันเต้นตุบตับ ที่จริงฉันไม่ได้ชอบที่นี่เลยสักนิด แต่ที่ฉันมาก็เพราะปาร์คจีมินมันบังคับ ฉันหยุดยืนรอจีมินอยู่ตรงเคาน์เตอร์เพราะมันกำลังคุยอะไรสักอย่างกับการ์ด ซึ่งฉันไม่ได้ยินเพราะเสียงมันดังมาก จะเดินเข้าไปก่อนก็ไม่รู้ว่ามันจองโต๊ะโต๊ะไหน รู้แค่ว่าอยู่หน้าเวที


         มีสายตาหลายคู่มองฉันอยู่เป็นระยะๆ แต่ฉันก็ทำเป็นไม่เห็นและหยิบมือถือออกมาไถรอมันแทน กำลังจะกดไลค์รูปรุ่นน้อง ไหล่ฉันก็ถูกตบให้หันหลังเข้าไปในบาร์กะทันหัน ไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็นปาร์คจีมินนั่นแหละที่ลากฉันเข้ามา


         “วันนี้คนเยอะฉิบหาย”


         ไม่ได้ยิน แต่อ่านปากเอาเพราะที่นี่เสียงดังมาก จีมินบ่นอุบอิบแต่ก็มาบ่อยๆ แขนฉันถูกอีกคนลากฝ่าฝูงชนเข้าไปจนกระทั่งถึงลานหน้าเวที ตอนนี้โต๊ะเต็มหมดแต่โชคดีที่มีคนจองไว้ให้ มันจะน่าภูมิใจมากกว่านี้ถ้าคนจองไม่ใช่ จองกุกบุคคลที่ฉันไม่ชอบขี้หน้านั่นน่ะ


         “ฮาย โบร”


         เมื่อมาถึงพวกเขาก็เอ่ยทักทายกันปกติ แต่กับฉันไม่ จีมินนั่งลงตรงเก้าอี้ว่างสองตัวส่วนฉันก็นั่งอีกตัว ตรงข้ามกับจองกุก พวกเครื่องดื่มถูกสั่งมาวางไว้ตั้งนานแล้วเพราะสังเกตได้จากน้ำแข็งที่ละลายและเบียร์เย็นๆจนหายเย็น ขวดแอลยังไม่ถูกเปิด แก้วของฉันกับจีมินก็ยังไม่ได้หงายขึ้นมาเลยด้วยซ้ำฉันเลยรู้สึกวางใจ


         เพราะถึงแม้ว่าจะมากับเพื่อน แต่สถานที่แบบนี้ก็อันตราย เพราะฉะนั้นฉันเลยต้องระวังตัวเองให้เป็นพิเศษ จีมินกวักมือเรียกพนักงานที่ทำหน้าที่อยู่ในนั้นให้มาจัดการชงแอลให้ก่อนที่พวกเราจะเริ่มดื่ม วันนี้ฉันไม่ได้อยากเมาฉันเลยกะว่าจะจิบๆแล้วก็กลับ ส่วนปาร์คจีมินอันนั้นช่างมันเพราะฉันไม่เคยเห็นมันเมาสักทีทั้งๆที่ดื่มไม่รู้ตั้งกี่ขวด


         “ชนแก้วหน่อยดิ”


         จีมินเอ่ยชวนพร้อมกับยกแก้วมาตรงหน้าฉัน ฉันถึงได้หยิบแก้วตัวเองแล้วชนไปทีก่อนที่จะดื่ม จีมินมันดื่มไปครึ่งแก้ว แต่ฉันจิบแค่คำเดียวแล้ววางแก้วลง ฉันทำเป็นไม่เห็นคนที่มาด้วยอีกสองคน นั่นก็คือจองกุกกับแทฮยอง แต่ฉันก็สามารถรับรู้ได้ว่ารายนั้นอยากจะชนแก้วกับฉันมากแค่ไหน จนถึงขั้นยกแก้วตัวเองมาชนกับแก้วฉันที่วางอยู่บนโต๊ะ


         เก๊ง!


         ฉันงง แต่ก็ทำได้แค่เก็บอาการงงเอาไว้ แล้วกระชับแก้วในมือตัวเองแน่น จีมินดื่มหมดไปแก้วหนึ่งจนต้องชงใหม่อีกรอบแล้ว แต่ของฉันยังไม่หมดครึ่งแก้วเลยด้วยซ้ำ


         “ฟังเพลงอยู่นี่นะ เดี๋ยวมา”


         จีมินกระซิบที่ข้างหูฉันแข่งกับเสียงเพลงที่เป็นดนตรีเล่นสด ฉันเอ่ยห้ามมันไว้ไม่ทัน ร่างสูงก็ลุกออกไปจากโต๊ะพร้อมกับแก้วของมันเองซะแล้ว เดินเก่งฉิบหาย ลูกอีช่างเดิน ไม่เคยอยู่โต๊ะ จีมินเป็นแบบนี้ประจำจนฉันเอือม มาที่นี่ทีไรมันไม่เคยอยู่โต๊ะสักที เอาแต่เดินไปทักทายโต๊ะนู้นที โต๊ะนี้ทีอย่างกับทะเบียนราษฎร์


         “เธอควรปล่อยผัวเธอให้เป็นอิสระน้อยกว่านี้หน่อยนะ เดี๋ยวก็ได้เป็นหม้าย”


         จองกุกเอ่ยทักฉันแบบนี้ทุกครั้งที่มา ไม่ว่าจะเป็นเดี๋ยวก็โดนเทบ้างล่ะ เดี๋ยวก็เป็นหม้ายบ้างล่ะ ถึงแม้ว่าเสียงเพลงจะดังแต่เขานั่งตรงข้ามกับฉันและโต๊ะมันก็ไม่ได้ใหญ่มากฉันเลยได้ยินที่เขาพูด ฉันไม่เคยจะตอกกลับด้วยคำพูดเจ็บแสบออกไปเลย นอกจากคำว่า “เสือก”


    [50%]

    ไม่มีคำอธิบาย


         และฉันคิดว่ารายนั้นก็คงจะได้ยินที่ฉันพูดอย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง จองกุกน่ะควรอยู่เงียบๆ เขาไม่ควรแม้แต่จะเปิดปากออกมาด้วยซ้ำ


         “ใจร้ายจังวะ รักผัวมากเลยดิ”


         “นี่ จะให้พูดกี่ครั้งวะว่าไม่ใช่ผัว เพื่อนโว้ย!


         ฉันเหนื่อยที่จะวีน เพราะฉันพูดแบบนี้ทุกครั้งที่เขาบอกว่าจีมินเป็นผัวฉัน นี่ขนาดเป็นเพื่อนสนิทกับจีมินแท้ๆยังจะดูไม่ออกอีกเหรอ โง่นะ ไม่อยากพูด


         “แต่สายตาเธอเวลาที่มองตามมันเธอดูอาลัยอาวรณ์มันฉิบหาย แอบชอบมันเหรอ?”


         “ทำไมสาระแนจังวะ”


         “พูดไม่ดีเลยนะเธออ่ะ ผัวไม่อยู่ด้วย ไม่กลัวโดนฉุดไปตบปากหรือไง”


         ประโยคนี้ที่ออกมาจากปากของจองกุกทำเอาฉันปิดปากเงียบ เขาพูดถูก ถึงแม้ว่าฉันจะปากหมาแต่ฉันก็กลัว ถ้าเกิดว่าเขาทำแบบนั้นขึ้นมาจริงๆแล้วฉันจะเอาแรงที่ไหนไปสู้ เขาเป็นผู้ชายตัวใหญ่ส่วนฉันก็แค่ผู้หญิงตัวเล็กๆที่สูงร้อยหกสิบเจ็ด ไม่อยากคาดหวังกับจีมินเพราะฉันแน่ใจล้านเปอร์เซ็นต์ว่าไอ้นั่นมันมาช่วยฉันไม่ทันหรอก


         ฉันทำเป็นไม่ได้ยิน แล้วหยิบมือถือขึ้นมาเล่นแทนโดยที่มือไม่ปล่อยออกจากแก้ว กดเข้าไอค่อนเฟสบุ๊คแล้วเลื่อนดูสตอรี่ของคนอื่นไปเรื่อยๆ จนกระทั่งไปเจอสตอรี่ของผู้หญิงร่วมสาขาคนหนึ่ง นังนั่นกอดคอจีมินแล้วเต้นเบียดทำหน้าขิงจนน่าจิกเปียไปพร้อมกับเพลงที่เล่นจบเมื่อหนึ่งนาทีก่อน ที่บอกว่าเดี๋ยวมาที่แท้ก็ไปคั่วหญิง ไอ้แม่เย*


         ไม่ได้ตั้งใจจะกดไปดูสตอรี่อีกอันเลยด้วยซ้ำ แต่รู้อยู่ใช่มั้ยว่าสตอรี่ในเฟสบุ๊คมันเลื่อนเองได้ถ้ามันจบ สตอรี่อันถัดไปทำเอาฉันตัวชาหนึบ จนเผลอกำแก้วในมือแน่น ครั้งนี้ไม่ใช่แค่โอบแต่เป็นจูบ จีมินทำให้ฉันผิดหวังมาตลอด แต่นี่มันก็เปิดเผยมากเกินไป ถึงแม้ว่าจะบรรลุนิติภาวะกันแล้วก็ก็ไม่ควรจะประเจิดประเจ้อแบบนี้ป่ะ ขายหน้าฉิบหาย


         “มึงดูไอ้เชี่ยปาร์คดิ โห่สมกับเป็นเทพเจ้าปาร์ค”


         เสียงของจองกุกดังขึ้นหลังจากนั้น ฉันจึงเหลือบตามอง เขากำลังยื่นโทรศัพท์ให้แทฮยองดูอะไรสักอย่าง ซึ่งถ้าให้ฉันเดาก็คงจะเป็นสตอรี่อันเดียวกันกับอันที่ฉันเห็น แค่เห็นสตอรี่ก็น่าหมั่นไส้แล้ว แต่รู้อะไรมั้ยว่าฉันเกลียดคนประเภทไหนมากที่สุด


         ติ้งค์!


         Oum : ส่งรูป


         Oum :ไม่ตามแฟนกลับโต๊ะเหรอ


         Oum :งั้นขอลากไปต่อก่อนนะ


         Oum :รู้นะว่าเห็นสตอรี่อ่ะ


         เหอะ! ก็คนประเภทนี้ไง หล่อนจะขิงอะไรก็ได้ หล่อนจะขิงโดยการเอาลงสตอรี่หรือเอาลงบิลบอร์ดประกาศกลางใจกลางเมืองฉันก็ไม่ว่าหรอก แต่ไม่ต้องส่งรูปแล้วแชทมาได้มั้ย รำคาญ!


         “อิหน้าวอก!


         เพราะหมั่นไส้ฉันเลยเผลอด่า จากนั้นจึงได้วางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะแล้วยกแก้วกระดกลงคอแทน แก้วแล้วแก้วเล่า ถ้าไม่ใช่เพราะฉันแค่หมั่นไส้ล่ะก็ กลับโต๊ะมาเมื่อไหร่มึงเจอกูแน่ไอ้ปาร์ค!


         [ปิด บทบรรยาย : กิกิ อิสรินทร์]



         [บทบรรยาย : จีมิน ปาร์ค]


         “มึงงงคิดว่ามึงหล่อนักเหรอ ไอ้ปาร์ค ฮ๊ะ!ไอ้คนชั่ว!


         “จำเอาไว้เลยนะ แม่จะฉีกเป็นชิ้นๆแล้วตอนให้หมาแดก เฮ็งซวย!


         “อีนั่นด้วย คอยดูแม่จะ อุ๊บ-แหวะ!


         “เชี่ยกิ ใครให้แดกเยอะขนาดนี้วะ”


         ผมเอ่ยบ่นอุบอิบหลังจากที่เมื่อยี่สิบนาทีก่อนผมกลับโต๊ะ พอมาถึงสภาพกิกิก็กลายเป็นหมาไปซะแล้ว ผมยังไม่ทันจะได้ด่าไอ้จองกุกที่นั่งเฝ้ากิกิ ผมก็โดนกระชากหัวไปทีโดยคนเมา กว่าจะลากออกมาจากบาร์ได้ก็เล่นเอาเหงื่อตก ผมยืมรถพี่โฮซอกกลับแทนเพราะผมไม่อยากให้เจ้าชิคของผมเปื้อนอ้วกคนเมา และพี่โฮซอกก็อนุญาตเพราะบ้านพี่แกอยู่ไม่ไกลจากที่นี่


         พอมาถึงหอ กิกิก็เอาแต่กร่นด่าผมอยู่นั่น ซึ่งผมก็ทำได้แค่นั่งไถมือถืออยู่ที่โซฟาเงียบๆ ผมเลือกพากิกิมาหอผมเพราะหอผมมีแม่บ้านมาทำความสะอาดให้ถ้าเกิดว่ากิกิอ้วกใส่ห้องผม แต่หอกิกิไม่มีแม่บ้านและผมก็คิดว่ากิกิคงไม่อยากทำความสะอาดหลังจากสร่างหรอก เพราะหนักขนาดนี้น่าจะแฮงค์ไปเป็นอาทิตย์


         “ฮืออ ไอ้คนเล-แหวะ”


         ยัง ยังอีก อ้วกก็ออกยังจะด่าผมให้ได้ กิกิเป็นคนแบบนี้แหละ และผมก็เข้าใจเพราะเราเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ปีหนึ่ง กิกิปากจัด ด่าคนเก่ง แถมหน้าเหวี่ยง แค่จิกตามองใครคนคนนั้นก็กลัวหัวหด แต่กับผมไม่ ผมไม่กลัว แถมผมยังคิดว่านั่นแหละคือสเน่ห์ของกิกิ กิกิเป็นคนสวย สวยจนผมงงว่าทำไมถึงยังโสด ที่ผมพูดนี่ตัดกรณีที่กิกิปากหมาออกไปนะ แต่ก็นั่นแหละที่กิกิยังโสดก็เพราะเหตุนั้น กิกิรักสันโดษ แต่ก็ยอมที่จะไปตี้กับผมทุกครั้งที่ชวน เพราะแบบนี้แหละผมถึงได้รักเพื่อนแบบกิกิเป็นที่สุด


         ผมชวนเธอออกไปเที่ยวดื่มแอลบ่อยๆก็จริง แต่ในทุกๆครั้งกิกิไม่เคยหนักขนาดนี้ เพราะผมไม่คิดว่ากิกิจะดื่มหนัก ไม่งั้นผมคงได้กลับโต๊ะตั้งแต่สามทุ่ม แต่ผมดันกลับโต๊ะตอนเที่ยงคืนไง สภาพกิกิเลยเป็นหมาแบบนี้


         “อุ๊บ...แหวะ”


         “เอา ตาย ตายแน่งานนี้มึง”


         กิกิยังคงอ้วกและนั่งกอดชักโครกอยู่อย่างนั้น ซึ่งผมก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากรอให้กิกิอ้วกออกมาให้หมด ถ้าไม่อ้วกออกมาให้หมดตื่นมาเธอก็จะแฮงค์ สงสารก็สงสาร แต่ก็นั่นแหละผมจะทำอะไรได้


         “แหวะ อุ๊บ แหวะ”


         “โอ๊ย เธอออ”


         สุดท้ายผมก็เลือกวางมือถือลงบนโซฟาแล้วเดินไปที่ห้องน้ำ ย่อตัวลงแล้วลูบหลังคนเมาเบาๆ กิกิแทบจะเอาหัวมุดลงไปในชักโครกในขณะที่กำลังโก่งคอเอาแอลที่ดื่มเข้าไปออกมา ถึงกิกิจะเจนจัดโลก แต่เธอดันคออ่อน ดื่มอะไรแรงๆไม่ได้ นี่แค่ธรรมดาๆยังขนาดนี้ แล้วถ้าเป็นวอดก้าหรือมิดไนท์เพียวๆแบบผมดื่มแม่งจะรอดมั้ยเนี่ย



         100%

    #ปาร์คพักก่อนมั้ย

     boyfriend jimin :( discovered by ੈ♡˳??‘???‘???‘? ⁷ on We Heart Itboyfriend jimin :( discovered by ੈ♡˳??‘???‘???‘? ⁷ on We Heart It

    TWR'

         ชีไม่ยอมชีวีน แต่ก็นั่นแหละ พระเอกกลับมาดูใจนางเอกไม่ทัน ขอสงวนฉากที่นางเอกด่าพระเอกเอาไว้เพียงเท่านี้เพราะเดี๋ยวโป๊ะ แต่ถามว่าทุกคนดูออกมั้ยก็คงดูออกแหละ ว่าชีกิกิชีชอบปาร์คนะ แต่แบบมันเป็นฟีลแบบชอบเธอนะแต่เป็นเพื่อนกับเธอดีก่าอ่ะ แบบอยากมีแฟนนะแต่อยากอยู่คนเดียวงี้อ่ะฟีลนั้น ไรท์ลงทุนไปผับก็เพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์มาเขียนกันเลยทีเดียว หวังว่าทุกคนจะชอบนะคะ แบบลงทุนเว่อร์55555

         พระเอกเรื่องนี้จะแบบ ที่สุดของคำว่าโคตรรักสันโดษ แบบแค่อยากเคลมแต่ไม่อินกับความสัมพันธ์เหมือนคนรัก ไม่ศรัทธาในความรักเชิงชู้สาวแต่ศรัทธาความรักแบบเพื่อน แบบคนสนิทอะไรงี้มากกว่า พระเอกนางจะเป็นคนไม่ค่อยคิดอะไรเยอะแบบสายชิล แต่คนอยู่ด้วยอย่างชีกิกิชีอินค่ะ ชีน้อตชิล แต่ชีก็เลือกที่จะอยู่เป็นเพื่อนกับพระเอกต่อไปเพราะได้ประโยชน์มากกว่างี้ ไรท์หวังว่าทุกๆคนจะจอยเน้อะ ไรท์ปิดเทอมแง้ว แล้วก็อาจจะได้มาบ่อยๆถ้ามีกำลังใจ และแรงบันดาลใจ ชู้บๆ 

         ปล.ไรท์ล่ะชอบจีมินwithเหล้าจริงๆแบบ แส้บ กี้ดดดด


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×