ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ exo ] 。 take me home ♡ { lubaek } ending

    ลำดับตอนที่ #29 : - take me home : chapters - 025 { 100% }

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 617
      2
      18 ธ.ค. 57





     

    - Aunyong -


     

    chapters – 025


     

               
     

              

              “คุณไม่เป็นไรนะ”  เสียงหวานทักขึ้นหลังจากพี่อี้ชิงออกไปแล้ว  เขารู้สึกเป็นห่วงชายตรงหน้าที่เพิ่งรับรู้เรื่องราวทั้งหมดของพี่ชายและพอซึ่งเคยอคติกันมาก่อน  คนตัวเล็กทำได้เพียงยิ้มบางเป็นกำลังใจให้  สายตาหม่นทอดมองอาหารตรงหน้าแล้วคิดว่าเวลานี้ไม่ใช่เวลานั่งทานข้าว

     

                ครอก...

     

                แต่ผมกำลังหิวง่ะ

     

                อาหารตรงหน้ามันล้อตาล้อใจ  ถึงจะเป็นเพียงข้าวยำแบบเกาหลีแบบพื้นเมืองรสไม่จัดจ้านแต่น่ากินมาก  คนตัวโตไม่ยอมกินเอาแต่ซึมแบคฮยอนไม่รู้จะปลอบใจยังไงดีนี่นา...เพราะเขาเองก็เสียใจเหมือนกัน

     

                “หิวก็กินดิวะ”  ลู่หานเงยหน้าขึ้นเป็นครั้งแรกในหลายนาทีที่ผ่านมา   ตัวเล็กเบ้ปากเหมือนอยากจะร้องไห้อีกรอบพอเห็นหน้าหล่อๆมันห้ามไม่อยู่จริงๆ 

     

                “ฮือ  คุณเงยหน้าแล้วเหรอ  ผมนึกว่าคุณก้มหน้าขาดออกซิเจนตายไปแล้วซะอีก”  ว่าแล้วแบคฮยอนโน้มตัวไปสวมกอดแผ่วเบาด้วยความดีใจ  คนอายุมากกว่าเห็นแบบนั้นอดหัวเราะออกมาไม่ได้  หน้าตามู่ทู่ยังกับปลาทู 

     

                “กินข้าว”

     

                “กินด้วยกันนะ”

     

                “อื้อ  กินข้าวด้วยกันเถอะว่ะ  ฉันก็หิวเหมือนกัน”   พูดจบร่างสูงคว้าเมนูมาอ่านพร้อมเรียกบริกร  การกระทำปรับเปลี่ยนเร็วจนแบคฮยอนแทบตามไม่ทัน

     

                “คุณหายดราม่าแล้วเหรอ”  อารมณ์แบคฮยอรกำลังมาพอดี  แต่อีกคนกลับหายเศร้าไปเสียเฉยๆ

     

                “อื้อ...โทษทีว่ะ  พอดีเป็นคนเปลี่ยนเร็วยกเว้นเรื่องแฟนมีคนเดียวก็พอแล้ว”

     

                งื้ออออ  แบคฮยอนไม่อยากกิน!! 

     

                ข้าว!

               






     

                “เสร็จจากนี้แล้วไปไหนต่อดี”  ลู่หานขาดเข็มขัดนิรภัยก่อนหันมาขาดให้คนตัวเล็กบ้าง  แรกๆทำมันโรแมนติกดีอยู่หรอก  หลังๆทำเพราะว่าแบคฮยอนเป็นหมูอืดทำอะไรก็ชักช้าไปเสียหมดแต่ดีแล้วลู่หานรักหมูของเขาอยากดูแลเหมือนแบคฮยอนดูแลเขา

     

                “หมูคิดว่าไง  อยากไปไหนรึเปล่าวันนี้ฉันว่าง”  ถามเสร็จก็ยิ้ม  อมยิ้มแบบว่า...

     

                “คุณอ่ะ!  ผมไม่ใช่หมูนะ”

     

                “เมื่อกี้ใครสั่งข้าวเพิ่ม  ไหนจะกิมจิชิเก”  สารถีหนุ่มออกตัวพร้อมฟังบ่นจนหูแฉะ  คนข้างๆยังไม่เลิกบ่นเลยจนกระทั่งรถออดี้คันเดิมค่อยๆเข้าไปในอาคารหนึ่ง

     

                แบคฮยอนมองตามอย่างไม่เข้าใจนักเพราะสถานที่นี่ไม่ใช่ทั้งห้างไม่ใช่ทั้งบ้าน  คิ้วบางเลิกขึ้นเชิงถามแต่กลับไร้คำตอบเมื่อรถหยุดลงชั่วคราวตรงหน้าป้อมยามทางเข้าที่จอดรถ  ร่างสูงคนขับกดลดกระจกลงเผยให้เห็นใบหน้าของลุงยามชายวัยกลางคน  เขาขอบัตรประชาชนก่อนลู่หานจะหยิบออกจากกระเป๋าสตางค์ให้ดู  เท่านั้นแหละผู้รักษาความปลอดภัยก็เปิดทางให้เข้าพร้อมทำความเคารพ

     

                “เชิญเลยครับคุณลู่” 

     

                คนตัวเล็กขมวดคิ้วเป็นเกลียวไม่เข้าใจสักเท่าไรกับบ้านทำสายพานส่งออกที่ใครเห็นนามสกุลก็รู้จักกันหมดเหรอ  คนตัวโตเลี้ยวรถเข้ามาให้ลานจอดรถใต้อาคารที่สว่างจากไฟนีออนสีขาวก่อนเข้าไปโซนวีไอพี  ดวงตาเล็กๆเบิกกว้างกับภาพตรงหน้ารถราคาเจ็ดหลักแปดหลักจอดเรียงยาวแล้วลู่หานก็ดันจอดออดี้ตัวเองเทียบ

     

                “คุณที่นี่ที่ไหนอ่ะ”  หน้าตาแตกตื่นหันขวับไปถาม  ปากอ้ากว้างแล้วกอดหมอนแน่น

     

                “แบคฮยอน...”  อินทีเรียหนุ่มจอดรถดับเครื่องเสร็จก็ฟุบหน้าลงกับพวงมาลัย  “ทำไงต่อดี”

     

                เขารู้สึกสมองมันตื้อคิดอะไรไม่ออกจนรู้ตัวว่าขับมาเส้นทางของผู้เป็นบิดาและพี่ชาย  จะว่าช็อคหรือตกใจก็ไม่ใช่แต่ออกไปทางรู้สึกแย่ขัดแย้งกับความหยิ่งแล้วต่อต้าน  ถามแต่ว่าทำไมถึงต้องทำแบบนั้นล่ะทั้งที่รู้เหตุผลกหาข้อแก้ต่างให้ตัวเอง  เขาเกลียดที่ลึกๆอิจฉาพี่ชายที่มีความสุขบนความทุกข์คนอื่น  ตลอดหลายปีเขาทนคามกดดันไปเพื่ออะไร?

     

                เขาไม่รู้จริงๆ...ว่าถ้าเจอหน้าควรปั้นแบบไหนเพราะเขาอ่อนแอเกินไป

     

                “ทำตามที่คุณคิดนั้นแหละมันมาจากใจจริง อีกฝ่ายก็จะรับรู้ถึงความจริงใจนั้น”

     

                “ขอบใจนะ”

     

                “ฮี่ๆ  นี่ใครนี่แบคฮยอนนักเขียนพันล้าน”  คนตัวเล็กเผยยิ้มเล็กๆแสนสดใสเรียกกำลังใจให้อีกคน

     

                “ขี้โม้อีกแล้ว”  ยื่นแขนไปรั้งคออีกคนเข้ามาฟัดแก้มสักฟอดเพิ่มกำลังใจ  “ป่ะ...ไปกันเถอะ”

     

                “ไปลุยกันเล้ย!

     

                อื้ม  ว่าไปนั้น  ลุยเล้ยอะไรกันมาติดแหงกอยู่ตรงแผนกประชาสัมพันธ์เหมือนเด็กหลงแบบนี้
     

                พอลู่หานบอกพนักงานว่าตัวเองเป็นใคร  หญิงสาวหน้าประชาสัมพันธ์ก็โค้งศีรษะให้อย่างมีมารยาทพร้อมบอกจะนำทางให้  แต่คงให้เด็กกะโปโลอย่างแบคฮยอนที่แต่งกายไม่สุภาพและเป็นคนนอกขึ้นไปข้างบนด้วยไม่ได้ซึ่งคนตัวเล็กก็ไม่ได้เกี่ยงหรือน้อยใจอะไร  จริงๆนะ  สุดท้ายเลยจบลงกับการนั่งตากแอร์เย็นๆฟังเสียงนาฬิกาเดิน  มองไปเรื่อยๆเผื่อเจออะไรดีๆไปเขียนนิยายเห็นอย่างนี้แบคฮยอนน่ะรอเก่งนะ

     

                “สวัสดีค่ะคุณอี้ชิง”  เสียงพนักงานสาวกล่าวทักทายเลขาหนุ่มหน้าหวาน

     

                “สวัสดีครับ  อ้าวนั่นแบคฮยอนรึเปล่า”  อี้ชิงเดินตรงมาทางน้อยชายคนใหม่ของเขาด้วยท่าทางตื่นเต้นดีใจ  “ว่าไงตัวเล็ก  พี่นึกว่ากลับบ้านแล้วซะอีก”

     

                “สวัสดีครับพี่อี้ชิง” 

     

                แบคฮยอนตัดสินใจบอกเรื่องราวทั้งหมดว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้นบ้าง  คนฟังก็ทำหน้าตาแตกตื่นจากที่ก่อนหน้าง่วงนอนไปธนาคารก็แทบหลับ  ยิ่งเรื่องของลู่หานอีกมุมที่ไม่รู้พอได้ฟังก็บอกได้คำเดียวว่า

     

                พี่น้องนิสัยเหมือนกันเด๊ะ!

     

                “งั้นแบคฮยอนขึ้นไปกับพี่ดีกว่า”  อี้ชิงส่งฝ่ามือมาให้อีกคนจับทว่าแบคฮยอนกลับส่ายหน้าแล้วบอกว่าไม่เป็นไร  “ทำไมล่ะ”

     

                “ผมแต่งตัวไม่เรียบร้อย  ขึ้นไปมีแต่ผู้ใหญ่ผมว่าคงไม่เหมาะ”

     

                “นั้นสิค่ะ  ประธานบอกชั้นบนคนนอกห้ามเข้า”  ประชาสัมพันธ์สาวเอ่ย

     

                “ขึ้นได้ครับ  นี่แบคฮยอนน้องชายผมแล้วก็...คนสนิทของลู่หานด้วย”

     

                ตลอดทางเดินเต็มไปด้วยความเงียบเชียบหากเป็นแต่ก่อนเขาคงชินและอยู่กับมันได้  ทว่ากลับไม่ใช่เวลานี้ยามที่ทุกหนทุกแห่งเต็มไปด้วยคนชื่อลู่หาน   เดินไปเรื่อยๆก็พบกับทางแยกเป็นสองทาง 

     

                “รู้สึกจะอยู่ห้องริมสุดล่ะมั้ง  พี่ไม่เคยขึ้นมาถึงชั้นนี้เลย” 

     

                “เอ๊ะ  หรือจะห้องนั้นครับ”  แบคฮยอนชี้ไปยังโต๊ะตัวหนึ่งไร้ผู้คนตั้งอยู่หน้าห้อง  “อาจจะเป็นเลขา”

     

                “จริงด้วยสิ...”  ว่าแล้วก็เดินไปดูด้วยกันก่อนจะรับรู้ว่านี่แหละห้องประธาน

     

                “เอาไงต่อดีครับ”

     

                “แอบฟังกัน”  อี้ชิงบอกด้วยท่าทางสบายๆ  ควานหาบางอย่างในกระเป๋าเสื้อสูท

     

                “งั้นทำแบบในหนังเหรอครับที่เปิดแง้มๆแล้วฟัง”

     

                “ไม่ใช่  มีแต่ในหนังเท่านั้นแหละที่ไม่รู้เรื่องอะ  ประตูห้องแบบนี้แง้มก็มีเสียงแอ๊ดแล้ว  เราต้องใช้งานเจ้านี่!”  อี้ชิงดึงบางอย่างออกมาจากช่องใส่ด้านในเสื้อสูทสีเทาอ่อนพร้อมกล่องสีเขียวแก่  รูปหน้ากล่องทำเอาแบคฮยอนเหวอ

     

                “พี่จะใช้ไอ้นี่แอบฟังเหรอครับ” คนตัวเล็กมองแบบอึ้งๆ

     

                “ใช่เลย  พี่ดูซีรี่ย์มาเมื่อวานเห็นเขาดักฟังด้วยเจ้านี่พี่เลยว่าจะซื้อมาแอบฟังคริสว่าคุยอะไรกับลูกค้าเขานานสองนาน”  ถึงเขาจะไว้ใจแต่ก็อยากรู้อยู่ดีนั้นแหละ

     

                พี่ใหญ่นั่งลงยองๆลับๆล่อๆอยู่หน้าบานประตูฝั่งขวาไม่ลืมกวักมือเรียกน้องชายให้นั่งด้วยกัน  แบคฮยอนชั่งใจนิดหน่อยก่อนทิ้งตัวลงข้างๆกันทางฝั่งขวา  ไม่นานนักก็เอาหูแนบสนิท  อี้ชิงทดสอบดูหูฟังหมอสเตทโทสโคปที่สอยมาเมื่อบ่ายแก่

     

                “ได้ยินมั้ยครับ”  ปากเรียวเอ่ยถามกระซิบแหบแห้งพี่ชายที่ยังจับพิกัดทางของเสียงไม่ได้  อี้ชิงส่ายหน้ากับอุปกรณ์แพทย์

     

                “ยังไม่ได้เลย”  รูปปากบอก  แต่ยังไม่ทันจะพูดต่อความยาวสาวความยืดกับน้องชาย  ประตูก็เปิดออกมาเสียก่อน

     

                ผัวะ!

     

                “อั่ก!

     

                ประตูไม้กระแทกเข้ากับสองพี่น้องอย่างจังดังปัก  เสียงโอดโอยคร่ำครวญต่อจมูกแดงแปร๊ดทว่ากลับถูกกลบด้วยเสียงของสองพ่อลูกตระกูลลู่  สองหนุ่มหน้าสวยยกมือขึ้นลูบหน้าผากลากยาวถึงปลายจมูก  ถูๆสักพักจนเริ่มชาก็หันไปสนใจบทสนทนาต่อ  ทั้งสองคนยังคงไม่ทันสังเกตเห็นสองร่างหลังบานประตูใหญ่ฝั่งขวาเพราะกำลังเถียงกันอย่างออกรส

     

                กรรม!  ไหงลู่หานตั้งใจมาขอโทษพ่อพร้อมคุยกันดีๆเกิดทะเลาะมีปากเสียงกันเสียได้           “ไม่!  พ่อไม่ช่วยผมก็อยู่ได้เหมือนกัน”  ลู่หานเถียงออกไปไม่ย่อหย่อน

     

                “เหอะอย่างแกถ้าไม่มีฉันเป็นที่พึ่งคงทำอะไรไม่ได้นั้นแหละ  ไอ้ลูกไม่รักดี!

     

                “หึ...ตอนแรกผมคิดว่าจะพูดดีๆกับพ่อแท้ๆ  แต่เพราะอารมณ์พ่อเวลาคุยกันมันคุยกันไม่รู้เรื่อง  พ่อเอาแต่ความคิดตัวเองเป็นใหญ่สุดไม่รับฟังความคิดเห็นของใครเลย  พ่อกลับบ้านทีไรมันร้อนไปหมดเพราะพ่อไม่ยอมเอาใจเขามาใส่ใจเราไงล่ะเอะอะก็โวยวายหงุดหงิดแล้วคนรอบข้างเขารับความทุกข์มาได้มั้ยก็เปล่า  ทำไมไม่ผ่อนคลายแล้วทำจิตใจให้สงบเสียบ้าง  หยุดบังคับกันสักที  พ่อบอกเป็นหวงผมผมเข้าใจ  พ่อรักผมผมก็เข้าใจแต่ทำไมพ่อไม่เชื่อใจแล้วเข้าใจอะไรผมเลย  เอาแต่ว่าเอาแต่ดุเหมือนกับผมไม่ใช่ลูก  ถ้านี่คือการแสดงออกพ่อผมคงให้ศูนย์และถ้าให้พูดมากกว่านั้น....”  ลู่หานหยุดพักหายใจ  ใช่...เขากำลังโกรธ! “ผมไม่เห็นรู้สึกสักนิดว่าพอรักผมจากใจจริงไม่ใช่ผลประโยชน์ในอนาคตของตัวเอง”

     

                “ลู่หาน  นี่แก!” 

     

                เพี๊ยะ!!

     

                ผู้เป็นพ่อยกฝ่ามือหนากระทบข้างแก้มเต็มแรงจนคนโดนตบหน้าหันตามทิศพร้อมเซถลาเสียหลักนิดหน่อยแต่ก็ยังคงทรงตัวยืนได้อยู่   ใบหน้าชาดิกจนรู้สึกเจ็บปวดแก้มเนียน  กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งไปทั่วปากทุกคนต่างหากกันหยุดชะงักกับเหตุการณ์ตรงหน้า

     

                “แบคฮยอน!”  สองเสียงประสานกันมั้งลู่หาน  อี้ชิง

     

                แบคฮยอนวิ่งเข้ามาขวางการกระทำของผู้เป็นพ่อคนรักได้ทันท้วงทีก่อนทุกอย่างที่พยายามกันมาจะพังพินาศ  ลู่หานต้องโกรธมากจนไม่รับฟังอะไรแน่ๆ 

     

                “เจ็บมั้ยหนู  ลุงขอโทษ”  เสียงชายวัยสี่สิบแปดเอ่ยถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง  เพราะเมื่อกี้โทสะทำให้เขาตบเต็มแรง  ไม่รู้เจ้าหนุ่มนี่วิ่งมาจากไหนขวางไว้แทน

     

                “ไม่ครับ”  แบคฮยอนหันมายิ้มทั้งที่รู้สึกว่าแก้มตัวเองมันบวมๆ

     

                “แบคฮยอนเจ็บมั้ย”  ลู่หานถามเสียงพร่าพร้อมกอดกระชับแบคฮยอนเข้ามาใกล้ๆเพื่อดูรอยมือแดงเถือกโดยไม่แคร์สายตาคนเป็นพ่อว่าจะคิดอะไร  

     

                “ไม่ผมไม่เป็นไรเลย”  แบคฮยอนยิ้มกว้างแบบสดใส  ก่อนผละออกเพราะมันไม่ดีเลยถ้าจะทำอะไรต่อหน้าผู้ใหญ่  คนตัวเล็กเลือกยิ้มให้พี่ชายแล้วหันมาประจันหน้ากับคุณลุงพ่อของลู่หาน 

     

                “...”

     

                “คุณลุงครับ  ผมอยากให้คุณลุงกับลู่หานดีกัน  ถึงผมจะเป็นคนนอกแต่การที่ทนเห็นพ่อกับลูกทะเลาะกันแล้วรู้สึกแย่  ทุกวันนี้คุณลู่หานเขารักคุณลุงแล้วรอวันที่คุณลุงจะเปิดรับในสิ่งที่เขาเป็น  โชว์ผลงานให้คุณพ่อของตัวเองดูในวันสำเร็จการศึกษา  อยากให้คุณลุงรู้ว่าเขาทำได้”

     

                “แบคฮยอน”  ลู่หานขัดขึ้นแล้วขมวดคิ้วเชิงติเตียน

     

                “แต่ว่าทุกวันนี้เขารู้สึกเหงาเวลากลับบ้าน  เขากังวลและไม่เป็นสุขกลัวทำให้คุณลุงไม่พอใจ  เขาคิดไปเองว่าคุณลุงไม่รักเขา  เวลาเราทะเลาะกันผมคิดเสมอว่าหากวันหนึ่งเราจากกันช่วงเวลาที่มัวแต่ทะเลาะกันทำไมเราไม่ใช้อยู่ด้วยกันอย่างมีค่า...เดี๋ยวก็จากไปแล้วสักวัน”

     

                คริสหอบแรงหลังจากพนักงานประชาสัมพันธ์รายงานว่าอี้ชิงพาแบคฮยอนบุกห้องประธาน  ลู่หานก็มาด้วยเหมือนกัน  กลัวจะเกิดเรื่องเลยวิ่งมาเต็มที่...แล้วเจอเหตุการณ์ทั้งหมดตั้งแต่แบคฮยอนวิ่งเข้ามาขวางศึกสองพ่อลู่ตระกูลลู่

     

                “...เฮ้อ  ลุงนับถือในความบ้าบิ่นของเรามาก...ชื่ออะไรนะ  แบคฮยอนใช่มั้ย”

     

                “คะ..ครับ”  แบคฮยอนตอบเสียงสั่นเมื่อนึกได้ว่าตัวเองกำลังทำบ้าอะไรอยู่

     

                “ลุงขอโทษจริงๆ...เรื่องตบหน้าลุงยั้งมือไม่อยู่”  คุณลู่เอ่ย  เขารู้สึกผิดมากที่กระทำรุนแรง  จริงอย่างที่ลู่หานบอกว่าเขาอารมณ์ร้อนและไม่นึกถึงตัวเองเลย... “ไปหาหมอดีมั้ย”

     

                “ไม่ครับ  ผมไม่เป็นอะไร  แต่อยากจะขอร้องคุณลุง”

     

                “หื้ม  ว่ามาสิ”
     

                เขาสิ่งยิ้มกว้างให้กับเด็กกล้าหาญคนนี้ที่กล้าบุกขึ้นมาแล้วขัดศึก  พูดจากล้าแกร่งไม่เกรงกลัวใดๆเพื่อความถูกต้อง  ปกป้องลูกชายของเขาไม่ห่วงตัวเอง...

     

                “ได้โปรด...”  แบคฮยอนไม่ปล่อยจังหวะทิ้งขว้าง  ชิงเอ่ยขึ้นมาเสียก่อน  “เชื่อใจในตัวเขาแล้วให้เขามีเวลาพิสูจน์ตัวเองจนสำเร็จ...ถึงตอนนั้นอยากให้คุณลุงกอดเขาสักครั้ง”

     

                “ได้สิ...ฉันสัญญา”  เอ่ยออกมาบางเบาก่อนจะมองเลยไปยังคนต้นเหตุที่ประคบประงมคนตัวเล็กตรงหน้าจนเผยไต่ออกมาให้จับได้  ฉันให้โอกาสอีกครั้ง...ทำให้เต็มที่ล่ะ  ครั้งนี้ฉันจะไม่ช่วยแกอีก”

     

     

     

    50%
     

                แบคฮยอนฉีกยิ้มกว้างตลอดทางเดินมาลานจอดรถ  พอพ้นสายตาพนักงานคนตัวโตข้างกายก็คว้ามือเขาไปกุมไว้แน่นจนกระทั่งขึ้นรถลู่หานถึงยอมปริปากพูดแต่ผิดคาดเกินไปหน่อย 

     

                “ยิ้มบ้าไรวะ  ไหนหันหน้ามาดูดิ๊”  มือหนารั้งใบหน้าของอีกคนให้หันมาหา  จับปลายคางหันแก้มกลมๆที่บวมแดง  “บวมขนาดนี้ยังยิ้มอยู่ได้”  ลู่หานหยิกแก้มกลมอีกข้างด้วยควาหมั่นไส้

     

                “ก็ผมมีความสุขนี่นา” แบคฮยอนพูดไปยิ้มไป

     

                “เหอะ  เป็นห่วงตัวเองก่อนเถอะ  คราวนี้หลังไม่ต้องมาทำตัวพระเอกเลยเข้าใจมั้ย  ฉันต่างหากที่เป็น”

     

                “ตรงไหน?  เชอะทำคุณบูชาโทษแท้ๆ  แทนที่จะขอบคุณหรือว่าชวนไปกินมื้อเย็นเป็นดินเนอร์หรูๆกันมั้ย  ชิชะ”
     

                “อยากกินจริงดิ  งั้นไปกินกันป่ะเมื่อกี้ไม่อิ่มเลยวะ”  ลู่หานสตาร์ทเครื่องพร้อมขาดเข็มขัดนิรภัยให้คนรักและตัวเอง  แบคฮยอนเหมือนหมูอืดที่รอรับบริการจากคนกระเป๋าตังหนัก หมูโง่ด้วย...วิ่งเอาหน้ามารับมือพ่อเขา ดูสิ!  แก้มกลมๆหน้าดึงบวมแล้วเขาจะไปหอมแก้มที่ไหน  ข้างเดียวไม่พอใจหรอกนะ...ถ่อว

     

                “จริงคุณ  โหยข้าวเขาให้น้อยไปป่ะ”  แบคฮยอนโวย

     

                พอสบายใจท้องไส้ก็หิว

     

                “งั้นเดี๋ยวเย็นนี้กินอะไรที่อิ่มๆแน่นท้องไม่แพงกัน”

     

                “มันมีเหรอ?” แบคฮยอนขมวดคิ้ว

     

                “มีสิ...รับรองอร่อยถึงเช้า”

     

                แบคฮยอนทำหน้าเหยเกพอถึงสถานที่สำหรับมื้อเย็น ห้างสรรพสินค้าคงเป็นตัวเลือกที่ดีอ่ะนะ...แต่นั่นลู่หานเขาเดินข้ามหลายร้านไปแล้ว  ลางสังหรณ์บอกกับเขาว่ามื้อนี้มันไม่ใช่อาหารร้านหรูดินเนอร์ใต้แสงเทียนแล้วล่ะ  คนตัวโตหยุดชะงักเมื่อแบคฮยอนหยุดเดินพร้อมส่ายหน้าเบ้ปากคล้ายจะงอแง 

     

                “ไหนว่าดินเนอร์หรู” ดึงแขนเท่าไรแบคฮยอนก็ไม่ปล่อยให้ลากเข้าไปได้หรอก!

     

                “อย่าดื้อดิวะ  เนี่ยพามาสั่งแหลกจ่ายถล่มเลยไง  อยากกินอันไหนก็เดินไปหยิบมาใส่ตะกร้าแล้วจ่ายเงินไปทำกินเองที่บ้าน” ลู่หานไม่แยแสกับการต่อต้านของคนรักเลยสักนิด  เขาเดินอาดๆเข้าไปด้านในซุปเปอร์ทิ้งนักเขียนโหวงเหวงกลางฝูงชน

     

                อะไรอ่ะ!

     

                แม้จะปวดหัวตุบๆเหมือนไมเกรนจะมาเยือนแต่พอคนตัวเล็กได้ปลาแซลม่อนลดราคามาไว้ในกำมือสองแพ็คก็ยิ้มร่าลืมว่าคาดโทษลู่หานอยู่  เขาไปฝึกปรือฝีมือการแย่งชิงมาได้สักพักเพื่อวันนี้!


     

                ลู่หานอดยิ้มขำกับหน้าตาบ้าบอบ๊องบวมของนักเขียนผู้จะโด่งดังในอนาคตไม่ได้  เดินข้างกันมือมันต้องไปดึงแก้มเด้งๆอีกข้างที่ไม่บวมด้วยความหมั่นไส้ 

     

                ฟัดแม่ง!

     

                “ดีใจจังเนอะกะอีแค่ตบตีเขามาได้เนี่ย” 

     

                “หึ  ไม่เหมือนกันหรอกอะไรที่มันพยายามสุดๆแล้วได้ผลตอบแทนนั้นแหละถึงเรียกว่าการชนะอย่างแท้จริง”  แบคฮยอนเปรยพลางหยิบถุงผักสลัดใส่ลงในตระกร้ารถเข็น

     

                เดี๋ยวนี้เจ้าของบ้านตัวจ๋อยถนัดเรื่องจับจ่ายข้าวของเครื่องใช้ในบ้านจนบางทีมาหยอดไว้ที่ห้างก่อนไปทำงานก็ได้ของถูกต้องครบถ้วน  ส่วนเกินก็มีมาเยอะกว่าของใช้ด้วยบางที  พวกขนมกินแล้วโง่ อ้วน บั่นทอนสมองและอีกหลากหลายข้อเสีย

     

                ลู่หานรู้สึกว่าตอนนี้ทุกอย่างลงตัวไปหมด  ปัญหากับพอและพี่ทุเลาลงจนตอนนี้ความรู้สึกโกรธค่อยๆจางหาย  เขาอยากใช้ชีวิตอยู่แบบนี้เคียงข้างกันไปตลอดเส้นทางข้างหน้า  ถ้ามีแบคฮยอนเขาต้องทำได้แน่

     

                “คุณเอากุ้งด้วยป่ะ”  แบคฮยอนเอาศีรษะกลมๆถูไถแกมออดอ้อนเพื่อขอซื้อกุ้งตัวใหญ่ถอดหางไปเปลี่ยนแทนกุ้งตัวใหญ่ที่เนื้อมีอยู่นิดเดียว  เปลือกก็แข็งหนาก็หนาแกะยากจะตายชักไม่รู้กินไปได้ยังไง  “น้าๆ  ดูสิถุงหนึ่งได้เยอะแยะเลยกินแล้วกรุบๆเด้งๆเต็มปากไม่ต้องแกะเอง”

     

                “ว่าล่ะ  ไอ้จอมขี้เกียจเอ่ย  จะเอาก็เอาแต่ไม่ต้องเอากุ้งฉันออกนะ”  ลู่หานกอดเอวอวบเบียดกายไปยืนข้างกันเพราะโซนนี้มันหนาว  ตัวติดกันจะได้อบอุ่น

     

                “อุ่นจัง” 

     

                “เถิบมาอีกนิดดิ  อ้วนแล้วแขนโอบเอวไม่หมดเลยว่ะ  ฮะๆ”  คนโตกว่าโดนตีไปหนึ่งที

     

                “ความจริงคุณมาเดินด้วยกันมันดีกว่าตอนเดินคนเดียวอีก”  แบคฮยอนพูดขึ้นลอยๆ  เขาคิดว่าเวลาเดินเลือกของกับคนรักมันเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุด

     

                “ปากหวานจัง  แฟนใครวะเนี่ยไหนหอมที”  เมื่อก่อนจำได้คนตัวเล็กยังนั่งในรถเข็นร้องไห้งอแงจะเอาขนมอยู่เลย

     

                ทั้งคู่เดินหยอกล้อกันไปเรื่อยตลอดการซื้อมื้อเย็นพร้อมขนมจิปาถะเต็มรถเข็น  สายตาใครคนหนึ่งกำลังเฝ้าดูเหตุการณ์อยู่ห่างๆตั้งแต่ต้น  จะฟ้าบันดาลให้เขามาหรืออะไรก็ช่างที่ทำให้คุณนายลู่เห็นเหตุการณ์นี้  ทุกคำพูดทุกประโยกและการกระทำทั้งหมดอยู่ในสายตาเธอ  มือไม้เริ่มสั่นเทากับสิ่งที่ได้ยินเมื่อครู่  แฟนงั้นเหรอ?

     

                ตอนแรกเขาคิดจะว่าจะแวะไปหาสามีเธอซึ่งบริษัทอยู่ไม่ไกลจากห้างนี้  แต่ได้ยินเลขาบอกว่ามีแขกมาเธอเลยเลือกเดินเล่นซื้อของในห้างเสียก่อนนานทีจะออกจากบ้านทำให้เดินเล่นเพลินจนกระมั่งเจอลูกชายสุดที่รักกับแบคฮยอน...เด็กที่เธอเอ็นดู

     

                “คุณผู้หญิงค่ะ...”  คุณแม่บ้านใหญ่เอ่ยสะกิดให้หลุดออกจากภวังค์เมื่อคุณหนูของเธอเดินพ้นสายตาเราไปแล้ว  บอกเลยว่าเธอเองก็ตกใจกับเรื่องนี้อยู่ไม่น้อย

     

                “อื้ม...ฉันจะกลับบ้าน”  คำตอบรับสั้นๆพร้อมหันหลังออกไปจากตรงนี้  คุณแม่บ้านวางตระก้าจับจ่ายของทางห้างลงกับพื้นแล้ววิ่งตามนายเธอไป 

     

                แย่แล้วคุณหนู...







     

                คุณนายลู่เดินดิ่งขึ้นห้องไม่พูดไม่จาอะไรกับใครทั้งนั้น  แม้กระทั่งแม่สามีที่เดินสวนกันในบ้าน  หล่อนกำลังโกรธและเก็บงำพายุร้ายเอาไว้...

     

                “นี่  เธอจะรีบไปไหนเล่าแม่คุณ  นิทำไมแม่ลู่หานถึงหน้าบูดขนาดนั้น”  คุณย่าเอ่ยถามคุณแม่บ้านซึ่งออกไปด้วยกันมา 

     

                “เอ่อ...คือว่า...”

     

                ลิ้นชักบริเวณหน้ากระจกถูกเปิดออกอีกครั้งหลังจากวันนั้นได้รูปมาเธอก็เก็บที่นี่ตลอด  มือเหี่ยวย่นเล็กตามกาลเวลาดึงรูปออกมาจากซองสีน้ำตาล...ช้าๆ...และกระจ่างแจ้ง!

     

                ลูกเธอ...เป็นแฟนกับผู้ชาย...

     

                “ไม่...มันอาจจะไม่ได้เป็นอย่างนั้น...ฉันจะไปถามเขาเอง”



     





     

               

                “นี่ตกลงเย็นนี้คุณจะทำอาหารเองจริงใช่ปะ”  แบคฮยอนถามขณะมือยังจัดเก็บของให้เรียบร้อย 

     

                “เออ  หมูเชิญไปอาบน้ำก่อนเลยขอรับ  เซบาสเตียนคนนี้จะจัดดินเนอร์สุดหรูให้”  ลู่หานว่าพร้อมแกะกล่องแซลม่อนเนื้อปลาสดๆออกจากห่อ “รีบอาบล่ะที่รัก”

     

                “ขนลุกอะ!”  เสียงตะโกนลงมาจากชั้นบนเรียกเสียงหัวเราะร่าออกมา

     

                มื้ออาหารหรูสุดถูกจัดเตรียมเอาไว้เรียบร้อย  แสงเทียนสลั่วๆถูกจุดขึ้นพร้อมปิดไฟแถบห้องนั่งเล่นจนมืดสนิท...มีเพียงแสงไฟที่สว่างสไหวในเวลาต่อมา  แบคฮยอนทานอย่างละเมียดละไมเพื่อซึมซับรสชาติความหอมอร่อยของสเต็กปลาแซลม่อนอบขิง  ไหนจะน้ำสลัดทำเองนี่อีก 

     

                “อร่อยอ่า  คุณน่าจะรับหน้าที่ทำอาหารไปนะ”

     

                “เหอะ  ไหนรางวัลครับคุณหนู?”  ลู่หานเอ่ยถามก่อนยิ้มเจ้าเล่ห์ 

     

                “งื้อ...ไม่มีอะ  เดี๋ยวให้นอนกอดน้า  ทำให้กินอีกน้า”

     

                “งั้น”  ร่างสูงหยัดตัวขึ้นสูงแล้วเดินอ้อมโต๊ะเล็กมาหาแบคฮยอน  “หอมแก้มก่อน”

     

                “อื้อ”  เจ้าของบ้านรับคำอย่างง่ายดาย  ปกติเวลาอ้อนไม่หอมแก้มก็แก้มถูกไหล่  กดหอมไปหนึ่งฟอดให้หายเหนื่อย

     

                “มื้อต่อไปจะทานอะไรกันดี” เสียงแหบพร่า

     

                “จะไม่มีมื้อต่อไปอะไรอีก!!

     

                เสียงเยือกเย็นตะเบ่งในลำคอทำเอาสองคนทั้งผู้อาศัยกับเจ้าของบ้านสะดุ้งโหยง  เงยหน้าขึ้นมาเจอกับใครสักคนแสนคุ้นเคยในความมืด...ไม่...สามคนเลยต่างหาก

     

                “ม๊า!

     

                “ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น  ไปเอาตัวลูกชายฉันมา”  คำสั่งของนางพญาทำให้ชายหนุ่มร่างทึกทึนรีบเดินมากระชากร่างสูงของอินทีเรียหนุ่มไม่ให้ดิ้นหลุด   “งามหน้ามากมั้ยล่ะ  กอดจูบซุกไซร้กันไม่อายฟ้าอายดิน  หยอกล้อกันนอกสถานที่เป็นพวกรักร่วมเพศน่าขยะแขยงสิ้นดี”

     

                “ม๊า!  ผมบอกให้หยุด”  ลู่หานพยายามสลัดแขนออกจากพันธนาการจนขับรถและขนสวนแล้ว  แต่กำลังต่างกันเกินไป

     

                “ไม่หยุด!  ม๊าเสียใจกับแกมากนะลู่หาน  ม๊าไม่ชอบเลย  ไม่ชอบให้ลูกม๊ามารักกับไอ้ผู้ชายเพศเดียวกันเหมือนคนผิดปกติแบบนี้!  ฮือออม๊ารับไม่ได้  ไม่รับอะไรทั้งนั้น”  เธอพูดทั้งน้ำตาและนั่นเป็นครั้งแรกที่ลู่หานทำผู้เป็นมารดาเสียใจมากขนาดนี้  ราวกับจะสิ้นใจซะเดี๋ยวนั้น 
     

                “ฮึก!”  แบคฮยอนยืนนิ่งกลั้นน้ำตาของตัวเองเอาไว้  เขากำลังรับผิดอยู่ในตอนนี้

     

                “ฉันเลี้ยงลูกชายฉันมาตั้งนานจนกระทั่งเขาโต  ฉันตามใจเขาทุกอย่าง  ไม่ว่าเขาจะเลือกอะไรฉันก็ไม่เคยห้ามเพราะคิดว่ากลัวเขาควรจะมีทางเลือกชีวิตเป็นของตัวเอง  แต่มันไม่ใช่แบบนี้!  เข้าใจมั้ย...ฉันทนไม่ได้จริงๆ  ฮืออ  ทำไมลูกชายฉันเป็นแบบนี้”  หล่อนทรุดลงกับพื้นกระเบื้องแสนเย็นเชียบเหมือนหัวใจของแม่ที่คิดว่าลูกจะมีชีวิตปกติดีค่อยๆหายไป  แบคฮยอนรีบเข้ามาพยุงทันที  ทว่า “อย่ามาโดนตัวฉัน!!  นังเด็กบ้า”

     

                “ม๊า”

                “คุณ...ป้า”  แบคฮยอนอึ้งกิมกี่ยังงุนงงไม่หาย  เขาพยายามรวบรวมสติให้มากแล้วไม่ร้องไห้ออกมาง่ายๆ  แต่ทุกอย่างกลับพัง 

     

                หายไปแล้วความรักและเอ็นดูเด็กคนนี้...

     

                “กลับ  ฉันจะกลับบ้าน  ลู่หานกลับบ้านไปเดี๋ยวนี้เรามีเรื่องต้องคุยกัน”  เธอยันตัวลุกขึ้นเองพร้อมสะบัดมือแบคฮยอนออกอย่างรังเกียจ

     

                “ไม่ผมไม่กลับ!

     

                “อย่ามากร้าวราวกับม๊านะ!  ลากไปขึ้นรถ...พรุ่งนี้จะส่งคนมาเอาเสื้อผ้าข้าวของ”
     

             


    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

    <3 หนังสือเปิดจองแล้วน้า 
    จิ้มรูป

     



    เราแค่ปล่อยมือกันใช่มั้ย
    แต่เราไม่ได้ทิ้งกันใช่มั้ย
    คุณไม่ทิ้งผมใช่มั้ย...




    ถ้าชอบก็เม้นและแท๊ก  #ฟิคกลับบ้าน
    พูดคุยกันนอกจากติดแท๊กก็  @peepanggy
    thank you:)  Shalunla
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×