คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : - take me home : chapters - 008 { 100% }
- Lonely -
chapters – 008
บางครั้งร่างสูงก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองเป็นอะไร ทำไมเขาถึงต้องปฏิเสธคยองซูเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวที่เขาคิดว่าน่าจะเข้าใจเขาในเวลานี้ แต่เขากลับรู้สึกผิดต่อเจ้าของบ้านตัวเล็กที่ปล่อยให้รออยู่บ่อยครั้งไป คิดได้พอพ้นไฟแดงก็เหยียบคันเร่งจนสุดแรงจนถึงที่หมายหักหัวเลี้ยวเข้าที่จอดรถใต้ดินของร้านที่มาทานอยู่บ่อยๆตอนนัดงานกับลูกค้า
ลู่หานนึกหัวเราะถึงความบังเอิญเสียเหลือเกิน พอเปิดประตูเข้ามาก็ปะทะกับเพื่อนสนิทอีกคน ชานยอลเองก็แปลกใจไม่น้อยที่มาเจอกับเพื่อนหน้ากวางของเขาที่นี่เลยยกยิ้มกว้างด้วยความดีใจคิดไว้แล้วว่าจะโทรหาเพราะครั้งที่แล้วรีบๆเลยไม่ได้คุยกัน จากนั้นก็เดินเข้าไปทักทายตามประสาเพื่อน
“ไงเพื่อน” ยกนิ้วชี้หน้าแสดงอาการตกใจจนลู่หานหลุดหัวเราะ
ชานยอลก็เป็นงี้มาตลอด มันชอบทำตัวบ้าๆมาแต่ไหนแต่ไรแม่ง...ไม่เปลี่ยน
“ตลกล่ะน้อยๆว่ะ” ลู่หานแท๊กมือไฮไฟว์กันแล้วพูดคุยกันนิดหน่อย คนตัวโตไม่อยากให้คนตัวเล็กรอนาน
“ไม่คิดจะเจอที่นี่เว้ย เจอแกช้าไปไอ้ลู่ ฉันอิ่มแล้วว่ะ” ว่าแล้วชานยอลก็เอามือรูปหน้าท้องปอยๆ “ไว้รอบหน้าไปกินข้าวที่บ้านฉันบ้าง หรือไม่ก็นัดเจอร้านข้างนอกมะ”
พอได้ยินเพื่อนพูดแบบนั้นก็รู้สึกเอะใจขึ้นมา เขาจำได้ว่าคยองซูบอกว่าชานยอลนั้นไม่ว่างเลยไม่ได้มาร่วมโต๊ะเลี้ยงรุ่นด้วยกัน แต่ไหนเห็นชานยอลมากินข้าวสบายใจแบบนี้?
“เออได้ ไว้เจอกัน” แต่ถึงอย่างนั้นลู่หานจะไม่ยุ่งและก้าวก่ายเรื่องของอีกคน มันคงเป็นเหตุผลของร่างสูงเอง
หลังจากบอกลาเพื่อนไปแล้วก็เดินสาวเท้าเข้ามาในร้าน บรรยากาศในร้านเย็นยะเยือกเพราะข้างนอกฝนกำลังตกพรำๆ โชคดีที่ไม่มีฟ้าร้องฟ้าแลบมาทำให้คนตัวเล็กตกใจจนต้องไปมุดในตู้อย่างเช่นวันนั้น เมื่อเข้ามาในร้านก็เจอกับใบหน้าหวานตียุ่งเบ้ปากสะยัดหน้าไปอีกทางคล้ายกับน้อยใจที่ถูกทิ้งไว้เหมือนลูกหมาตัวเล็กๆ ร่างสูงได้แต่ถอนหายใจอย่างเหนื่อยล้า ทิ้งตัวลงนั่งฝั่งตรงข้ามโดยไม่รู้ตัวเลยว่าที่ตรงนั้นคือที่ปาร์คชานยอลได้นั่งมาก่อนหน้านี้
“นิ เลิกหน้าบูดเป็นตูดหมาสักทีได้มั้ย” ลู่หานกอดอกพิงพนักเก้าอี้ นัยน์ตาดำสวยประกายจ้องมองไปยังเด็กดื้อแสนงอน
พนักงานหนุ่มมารับออเดอร์ได้แต่ยืนนิ่งมองหนุ่มหน้าหวานสองคนทะเลาะกัน
เอ่อ...จะสั่งมั้ยอาหาร?
“ปากเสียไม่รักษาสัญญาคนไม่น่านับถือ...” หันมาด่ายาวเป็นชุด มีอย่างที่ไหนมาว่าเขาหน้าหมา ไอ้นิสัยเสีย!
“อยากตายใช่มั้ยฮะ” ลู่หานเด้งตัวขึ้นจากพนักเก้าอี้ทันที อารมณืที่คุกครุ่นอยู่แล้วเมื่อสักครู่ก็ก่อตัวขึ้นเพิ่ม ยิ่งไอ้คนตรงหน้าที่อุตส่าห์เป็นห่วง มาพูดจาตัดรอนกันแบบนี้น่าโมโหนักหว่าเดิม “แบคฮยอน” กด้สียงพูดให้ต่ำลงเพื่อตักเตือนว่าทำตัวไม่น่ารักเอาซะเลย
แบคฮยอนเองก็รู้สึกว่าตัวเองแปลกๆเช่นเดียวกัน ปกติแล้วไม่ใช่คนหัวดื้อขนาดนี้ แต่ยิ่งหงุดหงิดขึ้นมาเพราะคนตรงหน้าบอกว่าไปหาเพื่อนมา...เลยทิ้งเขาไว้แบบนี้น่ะเหรอ?
“ก็แล้ว...ทำไมคุณถึงทิ้งผมไว้คนเดียวตลอดเลยอ่ะ คนนิสัยไม่ดี ฮึก...ยังจะมาพูดจาแบบนี้อีก ปากเสีย” ลูกสะอื้นลูกเล็กถูกปล่อยออกมาพร้อมเสียงสั่นๆแล้วน้ำตาใส ดวงตาแป๋วช้อนขึ้นมาจ้องใบหน้าหล่อคมของคนตัวโตที่ทำตัวอ่อนลงเล็กน้อยเพราะรู้สึกจุกอก
ทั้งที่คิดว่าจะมาไถ่โทษแท้ๆ...ไอ้ลู่หานเอ่ย!
“ขอโทษ...” อยู่ๆร่างกายมันก็เคลื่อนตัวไปข้างหน้าเอง พร้อมกับนิ้วหยาบปาดลงบนขอบตาสวยเบามือ ตั้งแต่ไหร่ไม่รู้ที่รู้สึกว่าคนตัวเล็กไม่เหมาะกับน้ำตา...ไม่สิ ไม่ว่าใครก็ไม่เหมาะ
“อื้อ...” บทจะง่ายก็ง่ายเสียอย่างนั้น ร่างเล็กยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาลวกๆ สูดน้ำมูกเสียงดังซูด
ไม่ใช่อะไร...ไม่ใช่ที่บ้านคนเยอะแยะเริ่มหันมามองกันหมดร้าน ยิ่งคนรับออเดอร์กำลังกลั้นหัวเราะใส่เขาที่ทำตัวเป็นเด็ก...
น่าอายชะมัด!
“เลิกงอแงแล้วเหรอ” ทิ้งตัวลงนั่งแล้วเท้าแขนกับพนักพิงสบายๆ ไม่ลืมล้อเลียนคนตัวเล็กอีกครั้ง
“อื้อ...เอ๊ะ! เปล่านะไม่ได้งอแง ก็เพราะใครล่ะฮะ” วีนแตกขึ้นมาอีก
“ฮ่าๆ สั่งอาหารเหอะคนมองกันหมดแล้ว”
แต่ถึงจะอายแค่ไหนก็กินข้าวลงอยู่ดี อาหารมื้อหนักถูกทยอยมาเสิร์ฟและวางลงตรงหน้า ร่างเล็กรู้สึกดีขึ้นมาเสียอย่างนั้นเมื่อรสชาติอาหารที่ลู่หานสั่งมาเป็นแบบเกาหลีไม่ฝรั่งจ๋าเหมือนที่กินกับชานยอลเมื่อครู่ เมื่อนึกได้ว่าวันนี้ที่ถูกทิ้งมีเรื่องดีๆเกิดขึ้นก็เริ่มต้นเล่าให้ลู่หานฟัง
“นี่คุณ ก่อนหน้าที่คุณจะมาผมได้เพื่อนใหม่ด้วยนะ” ใช้ช้อนตักข้าวเจ้าปากพลางคุยจ้อยๆไป “เขานิสัยดีมากเลยอ่ะคุณ เราเคยเจอกันเมื่อเช้านี้ตอนไปเอาต้นฉบับคืน”
“เหรอ” ลู่หานก็แค่นั่งฟังตัวเล็กคุยจ่อ รู้สึกตะหงิดใจไม่ชอบที่แบคฮยอนชมไอ้ใครไม่รู้ว่านิสัยดี แล้วทีเขาที่ถูกหลอกให้เลี้ยงข้าวอย่างไม่เคยบ่นกลับถูกว่าตลอดเวลาว่านิสัยไม่ดี คิ้วขวาดันมากระตุกตอนนี้บ่งบอกว่ามันเป็นลางไม่ดีมากๆ “ไปชมเขาดีงู่นงี้ รู้ชื่อการงานเขารึยังล่ะฮะ ไอ้พวกรวยๆกินร้านหรูๆเนี่ยไม่ใช่นิสัยดีทุกคนหรอกนะ”
นี่ต้องสอนเด็กหน่อยครับ เอะอะใครทำดีด้วยก็ชมว่าดี
“อื้อ เขาบอกทำงานอยู่ในสำนักพิมพ์นั้น แต่ดูร๊วยรวยนะคุณเลี้ยงอาหารผมด้วยล่ะ ที่ๆคุณนั่งอยู่ก็ที่เขานะ” แบคฮยอนพูดจบแค่นั้นแหละ คนตัวสูงลุกพรวดขึ้นมาพร้อมเดินมาหวังทิ้งตัวลงข้างๆ
“เหยิบดิ๊” อินทีเรียหนุ่มขี้วีนใช้แขนดันๆแบคฮยอนให้เขยิบไปนั่งเก้าอี้อีกตัวชิดกำแพงอย่างงงัน
“ทำไรเนี่ยคุณ” ขมวดคิ้วตียุ่ง เกิดมาก็เพิ่งเคยเห็นคนนั่งเบียดกันกินข้าว...ทั้งที่ออกจะกว้าง
“ไม่อยากนั่งทับที่ใคร รีบๆกินดิจะได้ไปกินของว่างต่อ”
อะไรของเขา?
30%
สองเท้าเปล่าเหยียบลงบนพื้นกระเบื้องเย็นเฉียบภายในบ้านหลังใหญ่สีขาว ประตูบานชั้นที่สองเพื่อเข้าไปในตัวบ้านถูกเปิดออกพร้อมกับร่างเล็กที่พุงโตทิ้งตัวคว่ำหน้าแหมะลงบนโซฟาพร้อมหลับตาพริ้ม ทั้งอิ่มและเหนื่อยจากการนั่งรถนานหลายชั่วโมง เพราะรถเริ่มติดเมื่อถึงเวลาเลิกงานห้าโมงเย็น อิ่มจนไม่สามารถทานมื้อเย็นต่อได้เลยต้องกลับบ้าน
ร่างสูงเองก็ถอดเสื้อนอกแขวนไว้บนราวไม้อย่างเป็นระเบียบ ปลายตามองร่างเล็กเริ่มท้วมเพราะกินเยอะนอนเอกเขนกไม่แคร์สายมาคนมองว่าจะเสียสายตาแค่ไหน ลู่หานทำได้เพียงถอนหายใจออกมาหลายครั้งของวันนี้แล้วเดินไปพลิกร่างบางให้หงายหน้าขึ้นเพราะกลัวขาดอากาศหายใจ จัดแจงเอาหมอนหนุนมาลองคอก่อนที่ตัวเองจะทิ้งตัวหนักๆลงบนโซฟาอีกฝั่งแล้วผล๊อยหลับไป
เมื่อคืนเผลอหลับไปตั้งแต่เย็นยันเช้าตื่นมาก็ประมาณหกโมงกว่าๆได้ ลุกขึ้นมาอีกทีก็เห็นผ้าห่มกับหมอนอยู่บนตัว นึกได้ว่าตัวเองเผลอนอนหลับที่โซฟา พลันความคิดหันไปรอบตัวหาผู้อาศัยแต่ก็พบกับความว่างเปล่า แบคฮยอนเลยได้แต่สะบัดศีรษะเล็กเรียกวิญญาณให้เข้าร่างอย่างไม่สนใจ ก่อนจะลุกขึ้นเดินกะว่าจะขึ้นไปล้างหน้าแล้วอาบน้ำเตรียมตัวทำอาหารสักหน่อยแล้วค่อยทำอาหารเช้า
เมื่อวานลืมพิมพ์นิยายเลยให้ตายเถอะ ขืนลงช้าคนอ่านก็หายไปหมดพอดี
เดินเข้าห้องนอนแล้วหยิบผ้าเช็ดตัวพาดไหล่บางของตัวเองเดินเลี้ยวขวาไปห้องน้ำ ท่าทางยังคงสะลึมสะลืออยู่ เดินปิดตาคว้าประตูบานเลื่อนประตูชั้นที่หนึ่งเข้าไปด้านข้างแล้วตัวเองก็ก้าวเข้าไปด้านใน ไม่ลืมที่จะล็อกให้เรียบร้อย
ครืดดด
ห้องน้ำกว้างแบ่งโซนอาบน้ำได้อย่างลงตัว บริเวณรอบนอกคืออ่างล้างหน้าและชักโครก ถัดไปคือห้องอาบน้ำมีอ่างอาบน้ำไว้แช่ตัวแล้วก็ฝักบัวสำหรับล้างตัว เพราะบางครั้งเมื่อตอนยังเก็ก บ้านเราชอบอาบน้ำพร้อมกันสามคนอย่างสนุกสนาน...
คนตัวเล็กล้างหน้าแปรงฟันเสร็จเรียบร้อยก็จัดการถอดเสื้อผ้าของตัวเองออก เผยผิวขาวเนียนชมพูอ่อน รูปร่างกลมๆเดินเข้าห้องอาบน้ำพร้อมเสื้อผ้ากองวางไว้ด้านหน้า แขวดผ้าเช็ดตัวไว้กับราวโดยไม่ทันสังเกต...
ครืดดด
“หื้อ?...” รับรู้ได้ถึงไอร้องจากเครื่องทำน้ำอุ่นได้ดี... ยิ่งภาพตรงหน้ายิ่งตอกย้ำว่าสายตาสวยให้เบิกกว้างขึ้น
“เฮ้ย!”
อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกก!! คุณลู่หานโป๊ววววววววว
“อู๊ย เบาๆดีวะ” เสียงร้องซี๊ดขึ้นเมื่อสัมผัสได้ถึงแรงกดที่มุมมาก “ไปเอายามาจากไหนเนี่ย กลิ่นแรงชิบ” ถึงปากจะเจ็บแต่ก็ยังบ่นไม่หยุดตลอดทางจนมานั่งทำแผล
“คุณก็อยู่ๆนิ่งๆสิ ใครจะคิดว่าคุณอาบน้ำไม่ล็อคประตู” เบะปากหมั่นไส้คนตัวโตที่โชว์โป๊ในห้องอาบน้ำ เขาเลยซัดเข้าให้หมัดหนึ่งเต็มๆเพราะว่ามันตกใจ ดีที่ยังไม่ได้ใช้ท่าตอนเรียนฮิบกิโดมา
“อ้อเหรอ...” ลู่หานยิ้มกรุ่มกริ้มเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ “จะว่าไป...นายก็ซ้อนรูปเหมือนกันว่ะแอบมีพุงนะเนี่ย ขาก็ใหญ่แขนก็ใหญ่”
คนตัวเล็กได้แต่อ้าปากพะงาบๆ หางตาตกเบิกกว้างขึ้นเกือยเรื่องเรื่องตัวเองก็ยืนโป๊อยู่เหมือนกันตอนนั้น
“มือหนัก! โอ๊ย! ไอ้เด็กบ้าเจ็บนะโว้ย” ร้องโวยวายเสียยกใหญ่
“ก็พูดออกมาทำไมเล่า! หยุดพูเลยนะไอ้ลามก! เอ้าเสร็จแล้ว!” ร่างบางเก็บของใส่กล้องยาเรียบร้อย ก่อนจะเดินปึงปังไปเก็บแล้วก็หายไปในห้องครัว ตามด้วยเสียงปิดตู้ดังโครมครามก่อนจะเงียบไป
ลู่หานคนบ้า!
“นี่...คุณเราลืมซื้อของมาทำอาหารป่ะ?” นึกได้ก็รีบหันขวับไปถามคนที่นั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น “อื้ม... งั้นกินไรดีอ่ะโจ๊กดีมั้ยง่ายดีคุณ เห็นขายอยู่หน้าปากซอยร้านเล็กๆ” เดินมาทิ้งตัวนั่งพร้อมแก้วนมให้ลองท้อง ลืมเรื่องทะเลาะกันก่อนหน้าไปซะสนิท...แต่แบบเหมือนคนตัวเล็กรู้สึกอะไรบางอย่าง
จะว่าไปที่ทำอยู่มันคุ้นๆเนอะว่ามั้ย?
“ร้านอะไร ไอ้ร้านเพิงหมาแหงนอะนะ!?” ลู่หานส่ายหน้าพรืดไม่ยอมเด็ดขาด
สุดท้ายมือเช้าก็ได้เหลือแค่แซนวิชธรรมดาๆเพราะลู่หานต้องรีบไปข้างนอกแต่เช้า นัดลูกค้าที่อาจารย์แนะนำมาให้ เขาจะสร้างบ้านใหม่เป็นเรือนหอวันแต่งงาน
แบคฮยอนเลยนั่งจ๋องอยู่ที่หน้าคอมพิวเตอร์จอใหญ่ นิ้วเรียวกดแป้นพิมพ์อย่างรวดเร็วกับบทร่างเรื่องใหม่ที่คิดได้ขึ้นมากะทันหัน อีกอย่างเขาคิดไว้แล้วว่าจะไม่เลิกทำงานเขียนเด็ดขาด แต่คงต้องเปลี่ยนแนวนิดหน่อยในเมื่อความฝันที่รักมันเดินทางตรงไม่ได้ ก็คงต้องอ้อมกันเสียหน่อย
นั่งพิมพ์ได้สักพักก็ได้ยินเสียงเดินลงบันได ร่างเล็กจึงหันหลังไปมองร่างสูง เท่านั้นแหละใบหน้าก็แดงร้อนเห่อขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก เมื่อพบว่าคนขี้บ่นปากร้อยตอนนี้กลับกลายเป็นเจ้าชายผู้แสนดีใจคราวซาตานซะอย่างนั้น ผมสีบลอนด์เซททรงอย่างดีเล่นเอาดูใบหน้าหล่อคมไร้ไรหนวดถูกโกนเรียบร้อยจนใบหน้าสะอาดรับผิวขาวซีด สวมเสื้อเชิ้ตแขนขาวปลดกระดุมเม็ดบนกำลังพับแขนเสื้อขึ้นถึงข้อศอก
“นี่ไปนะ” ลู่หานบอกแบคฮยอนขณะกำลังเตรียมกระเป๋าเอกสารเตรียมแบบไปร่างในลูกค้าดู พร้อมพรีเซ็น
“อื้อ ขับรถดีๆนะคุณ” แบคฮยอนลุกไปส่งร่างสูงที่หน้าบ้าน “เย็นนี้ไปซื้อของเข้าบ้านกันนะคุณ อยากกินหนมด้วย”
“นี่นายไม่คิดจะลดความอ้วนจริงๆเหรอ? พุงนะพุง” ลู่หานล้อเล่นแล้วหัวเราะเอิ๊กอ๊ากอยู่คนเดียว
“อะ...ไอ้แก่ลามกเอ้ย!” บ่นไปงั้นผู้ชายด้วยกันผมจะเขินทำไมวะเรา
“เดี๋ยวจะรีบกลับ อย่าซนล่ะน้องตุต๊ะ”
กรอดดด...เดี๋ยวเจอแน่ไอ้บ้าเอ่ย! แล้วนี่จะออกมาทำไมส่งลุงแกทำไม?
วันนี้ชานยอลเลิกงานเร็วเลยกะว่าจะกลับบ้านไปทานข้าวกับคุณแม่ แต่เสียงโทรศัพท์ก็ดันดังขึ้นมาเสียก่อน ทำให้คนตัวสูงต้องหันมารับโทรศัพท์ก่อนขับรถออกจากบริษัท แต่ขณะที่กำลังจะสไลด์หน้าจอก็ต้องชะงัก...
‘โดคยองซู’
ร่างสูงถอนหายใจก่อนครั้งนึงรออยู่นานว่าจะรับดีมั้ย สุดท้ายก็กดรับในวินาทีสุดท้าย
“ว่าไงคยอง” กรอกเสียงลงไปอย่างนุ่มนวลและให้ปกติที่สุด เขาไม่อยากทำให้สถานะระหว่างเขาสองคนมันแย่ลงมากไปกว่านี้...
‘ยุ่งอยู่เหรอยอล ทำไมรับช้าจัง’ เสียงหวานปลายสายพูดขึ้นมาสดใสทันที
“เปล่า เลิกงานเร็วเลยว่าจะกลับบ้านไปทานข้าว”
‘จริงเหรอ ดีจัง! ดีนะโทรมาก่อนฉันอยู่หน้าบริษัทยอลพอดีเลย งั้นวันนี้ขอไปทานข้าวด้วยคนได้มั้ยๆ’ คยองซูพูดเสียงร่าเริงเสียจนชานยอลไม่กล้าจะปฏิเสธ...เสียแต่ว่าบางทีควรให้มันหยุดแค่คำว่าเพื่อน เขาไม่อยากให้ความหวัง
ใช่จะไม่รู้ว่าคำที่พร่ำบอกว่ารักมันไม่ได้เหมือนเดิมในสถานะเพื่อน...
“นี่คยองซู...”
‘หื้ม อะไรเหรอ แล้วนายจอดรถอยู่ไหนนิ’
“อย่าทำแบบนี้เลยนะ ถ้านายเรียกความรู้สึกเพื่อนกลับมาไม่ได้...ฉันจะรอนะคยองวันที่ทุกอย่างจะเป็นเหมือนเดิม”
ความเงียบเกิดขึ้นกับคู่สนทนา ตามด้วยเสียงสะอึกสะอื้นของปลายสาย...ร่างสูงรู้สึกหนักใจไม่น้อย
‘...ชานยอล เราจะไม่พูดเรื่องนี้...’
“ถ้าเราจะรัก...เราคงรักคยองตั้งแต่ต้นแล้ว แต่คยองซูเป็นเพื่อนที่เรารักมากที่สุดพอๆกับไอ้ลู่ ไม่ได้มีอะไรมากกว่านั้น...”
แล้วก็นะ...เขาไม่อยากทำร้ายคำว่าเพื่อน ขอโทษนะคยองซู...
“ฉันหวังว่านายจะเจอคนที่ใช่ ฉันเองก็เหมือนกัน”
ครืด ครืด
คนตัวเล็กที่กำลังนั่งกินแซนวิชแต่งนิยายสบายใจเฉิยอยู่ประจำที่เดิม เพราะลู่หานโทรมาบอกว่าจะคุยกันกับลูกค้าสองที่กลับเย็นเลยซื้อมาเผื่อให้ทานแทนข้าวมื้อเที่ยง ร่างบางเลยละทิ้งอาหารในมือหันไปมองเครื่องโทรศัพท์สีขาวกำลังสั่นสะท้านโลกอยู่บ้างๆเม้าส์ เลยรีบกดสไลด์โดยลืมดูหน้าจอว่าเป็นเบอร์แปลกที่ไม่คุ้นเคย หรอกเสียงทักทายสวัสดีตามปกติ แต่พอได้ยินเสียงปลายสายก็คิ้วขมวดเข้าหากันก่อนดวงตากางตกเบิกกว้างขึ้น
อะไรนะ! แม่คุณลู่หาน?
“อ๋อครับจำได้ครับ ไม่ทราบว่ามีอะไรรึเปล่าครับ” ปรับเสียงไม่ให้สั่นมาก เขาไม่เคยคุยกับคุณนายอะไรทำนองนี้ เลยไม่รู้ว่าจะต้องปรับตัวคุยยังไง
‘แม่โทรหาเสี่ยวลู่ไม่ติดเลย จำได้ว่าเคยขอเบอร์เจ้าของบ้านที่เขาพักไว้เลยลองโทรมาดู เผื่อว่าจะอยู่ด้วยกันนะจ้ะ หนูแบคฮยอนไม่ว่าอะไรน้า’
“อ้อไม่ครับ” รู้สึกเกร็งขึ้นมากระทันหัน “วันนี้รู้สึกว่าเขาจะมีนัดกับลูกค้าเรื่องออกแบบบ้านอะไรนี่แหละครับพวกตกแต่งเรือนหอ สงสัยจะคุยงานอยู่เลยไม่ได้ยินรึเปล่าครับ”
‘ว้าววว เสี่ยวลู่ได้งานทำแล้วเหรอจ้ะ!’ คุณนายตระกูลลู่รีบพูขึ้นมา ปลื้มปิติกับข่าวดีเสียเหลือเกิน แบคฮยอนก็พอเข้าใจเพราะลู่หานบอกโดนไล่ออกจากบ้านเพราะหางานทำไม่ได้
“ไม่ทราบรายละเอียดมากกว่านั้นเหมือนกัน...แฮ่” ร่างเล็กเผลอหลุดหัวเราะแห้งๆออกไป ได้ยินเสียงหัวเราะคิกคิกของคุณป้าฝั่งนู่นอีกด้วย
‘งั้นเหรอเนี่ย แล้วหนูว่างอยู่รึเปล่าลูก แบบมีเวลาทั้งวันอะไรงี้’ คุณนายเปลี่ยนเรื่องคุยกะทันหันจนร่างเล็กตั้งตัวไม่ทัน เลยได้ฉงนสงสัย
เกี่ยวอะไรกับเขา?
“ก็...ว่างทั้งวันครับ” เป็นนักเขียน งานอิสระก็เลยว่างอ่ะครับ...แต่ไม่ได้พูดไป
‘ว้าวดีจัง! งั้นแบคฮยอนมาทำขนมกับป้ามั้ย วันนี้ป้าว่าจะทำมาการอง อยากมีเพื่อนทำด้วย พอทำเสร็จเราก็เอากลับบ้านไปให้ลู่หานชิมด้วยดีมั้ยจ้ะ’
“เอ๋?” เอียงคอถามทั้งๆที่ปลายสายมองไม่เห็น แต่เพราะว่ากำลังงงงันอยู่
เดี๋ยวนะ? ไปทำขนม นี่ชวนไปบ้านรึเปล่า
‘ตามที่พูดน้า หนูแบคฮยอนส่งพิกัดบ้านหนูมาเลย เดี๋ยวป้าให้คนรถไปรับนะจ้ะ บาย’ คุณนายรีบวางสายแล้วเดินออกไปสั่งคนรถให้ไปรับร่างบางตามที่อยู่ที่ให้ไว้
ไม่ใช่อะไรหรอก เฮ้อ คุณนายเหงาอยากมีเพื่อนคุย โชคดีจังเลยที่เพื่อนใหม่ลู่หานว่าง...จะได้ทำความรู้จักกันหมากกว่าเดิมเพราะลูกชายต้องไปรบกวนเขาอยู่ เป็นฤกษ์ดีจริงๆ
ส่วนทางด้านแบคฮยอนแทบจะงงว่าตัวเองส่งที่อยู่ไปเมื่อไร รู้แค่ว่าอ้าปากพะงาบๆยังไม่ทันพูดอะไรปลายสายก็เออออห่อหมกกันไป แบบนี้ไม่ต่างอะไรกับบีบบังคับรึเปล่า แต่ก็ช่างเถอะ แบคฮยอนคิดว่าอาจจะได้ขนมกลับมากินก็แฮปปี้แล้ว ยิ่งเป็นขนมที่ได้ยินมาว่าขึ้นชื่อมากๆ แล้วแถมไม่ได้มีขายง่ายๆราคาก็แพงแบบนี้แบคฮยอนชอบที่สุด เรื่องขนมสำหรับนักเขียน...บอกแล้วว่าสำคัญ
วันนี้ลู่หานกว่าจะกลับก็ปาไปสองทุ่มกว่า พอเห็นเวลาก็รีบขับรถกลับบ้านพร้อมกับงานโปรเจคใหญ่ทันทีสองเจ้า กลัวคนตัวเล็กเคืองอีกที่ไม่ได้โทรบอกแบตโทรศัพท์ดันมาหมดพอดีอีก แต่พอลู่หานเปิดประตูเข้ามาถึงด้านในก็พบว่าภายในห้องนั้นมืดสนิทผิดแปลกจากทุกทีมาก ถึงจะดึกแค่ไหนก็ต้องมีไฟเปิดโล่งตลอด เพราะว่าคนตัวเล็กจะต้องพิมพ์นิยายแล้วหลับคาโต๊ะคอมฯยันเช้า
ลางสังหรณ์บอกให้ร่างสูงวางของทั้งหมดลงแล้วเสียบสายชาร์ตแบตด่วน รออยู่นานกว่าเครื่องจะเซทตัวเองแล้วเปิดหน้าจอสมาร์ทโฟนได้ ก่อนที่ข้อความบางอย่างจะเด้งเอาๆจนเครื่องรวนต้องรอนานไปอีกสิบนาที
เปิดเครื่องดูพบว่าส่วนใหญ่เป็นเบอร์แม่ มีเบอร์แบคฮยอนด้วย
พลันสายตาดูเวลาที่โทรหาคือห้าโมงเย็น?
ลู่หานไม่รอช้ารีบกดเบอร์ร่างบางทันที แต่รอนานอยู่หลายครั้งก็ไม่มีทีท่าว่าใครจะรับสาย กดออกแล้วโทรหาใหม่อีกครั้ง...ไปไหนของเขาน้า...
โกรธที่กลับช้าเหรอ?
คิดได้ว่าอาจจะอยู่บนห้องก็เลยเดินขึ้นไปหา แต่กลับพบเพียงห้องนอนว่างเปล่าผ้าตึงเรียบเช่นเดิม...กดโทรซ้ำๆย่ำๆจนในที่สุดความพยายามก็สำฤทธิ์ผล
‘ฮัลโหลคุณ’ ปลายสายพูดเสียงใสอารมณ์ดีต่างจากคนตัวโตลิบลับ
“อยู่ไหนฮะ! ทำไมดึกดื่นป่านนี้แล้วไม่ยอมอยู่บ้าน” ตะเบ็งเสียงแล้วเดินตามหาทั่วบ้าน ไม่ว่าจะเป็นทรงทะเลสาบ หรือตามโขดหินมืดๆ
‘อย่าตะโกนดิคุณ ผมก็อยู่ห้องคุณเนี่ยที่เคยมานอนอ่ะ’
ฮะ? ห้องเขาเนี่ยนะ ร่างเล็กเคยขึ้นไปนอนห้องเขาเหรอ
ไม่รอช้าเดินขึ้นมาดูก่อนจะพบว่าปลายสายกำลังล้อเล่นอะไร! “ตลกมากมั้ยฮะ อยู่ไหนตอบดิ๊”
“เอ้า พูดเรื่องจริง อยู่ห้องนอนคุณอ่ะ วันนี้แม่คุณมารับผมมาทำมาการองไปฝากคุณ แต่ทำไปทำมาก็เริ่มหิว แม่คุณเลยชวนผมกินข้าวเย็น เพราะท่านบอกกินคนเดียวมันเหงาก็เลยกินเป็นเพื่อน เม้ากันยาวเลยจนนี่ก็ดึกเนี่ยแหละ’ พูดจ้อยไปเรื่อยจนลู่หานรู้สึกว่าตัวเองอารมณ์ร้อนเกินไป
“แล้วทำอะไรอยู่...ทำไมไม่กลับบ้าน” ร่างสูงทิ้งตัวนั่งลงบนเตรียงนอนตัวเอง แล้วพูดเสียงงุงงิ้งจนคนฟังรู้สึกว่าคลื่นมันไม่ดีหรือหูฝาดรึเปล่า
‘ก็มันดึกแล้วอ่ะคุณ แม่คุณเลยให้ผมนอนค้างแล้วค่อยกลับ...ผมไม่เคยค้างนอกบ้านคนเดียวเลยนะ...จะรบกวนคุณลุงคนขับอีก คิดถึงบ้านจัง’
“เดี๋ยวไปรับนะ รอแป๊ป” ลู่หานพูดขึ้น แต่อีกคนกลับปฏิเสธ...
‘ไม่เอา...พรุ่งนี้เหมือนพ่อคุณจะกลับบ้านนะ พรุ่งนี้ผมก็กลับแล้ว ฝันดีนะคุณ’ แบคฮยอนกลัวร้องไห้ให้คนตัวโตมารับกลับบ้าน...เขาอยากบอกให้ลู่หานมารับเขาทีเขาเหงา...นอนไม่หลับหรอกนะ
กลัวจะเป็นแบบนั้นเลยต้องรีบวางสาย
แล้วลู่หานจะนอนหลับได้ยังไงกัน...
เพิ่งรู้ว่าตัวเองเหงาเป็นก็คร่านี้ นี่เป็นครั้งแรกที่ลู่หานเหงาจนปวดหนึบที่ใจหายวาบขึ้นมาเสียดื้อๆกลายเป็นคนแก่ขี้เกงาไปตั้งแต่เมื่อไรไม่อาจรู้ได้ รู้เพียงแค่ว่าเฝ้ารอพระอาทิตย์ขึ้นบ่งบอกวันใหม่...หากแต่ค่ำคืนนี้ยาวนานเสียเหลือเกินสำหรับของเขาทั้งสอง ต่างคนต่างนอนไม่หลับยันสว่าง
บางสิ่งก็รับรู้ได้เมื่อมันขาดหายไป สิ่งนั้นเรียกว่าคิดถึง...ลู่หานคิดถึงเด็กแสบแบคฮยอน
ครั้งอยู่ด้วยกันใจกลับอบอุ่น พอแยกห่างกันเหมือนกับขาดอากาศหายใจ คิดถึงลุงที่บ้าน...
เช้าวันต่อมาเสียงรถดังขึ้นหน้าบ้านแต่เช้าตรู่พร้อมกับร่างเล็กที่ยืนมองคุณลุงขับรถไปไกลลิบก็ถือของพะรุงพะรังเข้ามาให้บ้าน คิดว่าลู่หานคงยังไม่ตื่นเลยค่อยๆย่องเข้าไปในบ้านในเงียบที่สุด โชคดีที่กลับมาทันทำอาหารเช้า ไม่งั้นมีหวังร่างสูงคงบ่นอีกแน่
แต่ยังไม่ทันจะเก็บข้าวของเข้าที่ให้เรียบร้อย สัมผัสอุ่นๆก็ถาโถมเข้ามาหาร่างบางจนแทบจะล้ม แต่ดีที่มีแขนแกร่งของใครบางคนที่หลับตาสูดกลิ่นเด็กอ่อนๆจากคนตัวเล็ก เกยคางไว้บนไหล่บาง...ไม่รอให้แบคฮยอนตั้งตัวได้ก็พูดประโยคที่ร่างเล็กคิดแบบเดียวกัน
“เหงาว่ะแม่ง...”
ก๊อกๆ ก๊อกๆ
“แบคฮยอนเช้าแล้วน้า ไปทานข้าวกัน” เสียงเคาะประตูดังขึ้นทำเอาร่างที่นอนหลับสนิทเพราะเมื่อคืนมัวแต่คิดถึงร่างสูงจนดึก...สะดุ้งโหยง
ฝัน?! นี่เขาไปฝันถึงคนบ้านั่นทำไม แบคฮยอน!
100%
เธอเติมเต็มให้ฉัน รับรู้ได้ด้วยใจ
ไม่เจอหน้ากันวันเดียวก็เหมือนขาดออกซิเจน
ถ้าชอบก็เม้นและแท๊ก #ฟิคกลับบ้าน
พูดคุยกันนอกจากติดแท๊กก็ @peepanggy
ความคิดเห็น