ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ exo ] 。 take me home ♡ { lubaek } ending

    ลำดับตอนที่ #9 : - take me home : chapters - 008 { 100% }

    • อัปเดตล่าสุด 5 พ.ค. 57






     

    - Lonely -


     

    chapters – 008

     
     


     

                    บางครั้งร่างสูงก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองเป็นอะไร  ทำไมเขาถึงต้องปฏิเสธคยองซูเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวที่เขาคิดว่าน่าจะเข้าใจเขาในเวลานี้  แต่เขากลับรู้สึกผิดต่อเจ้าของบ้านตัวเล็กที่ปล่อยให้รออยู่บ่อยครั้งไป  คิดได้พอพ้นไฟแดงก็เหยียบคันเร่งจนสุดแรงจนถึงที่หมายหักหัวเลี้ยวเข้าที่จอดรถใต้ดินของร้านที่มาทานอยู่บ่อยๆตอนนัดงานกับลูกค้า

     

                ลู่หานนึกหัวเราะถึงความบังเอิญเสียเหลือเกิน  พอเปิดประตูเข้ามาก็ปะทะกับเพื่อนสนิทอีกคน  ชานยอลเองก็แปลกใจไม่น้อยที่มาเจอกับเพื่อนหน้ากวางของเขาที่นี่เลยยกยิ้มกว้างด้วยความดีใจคิดไว้แล้วว่าจะโทรหาเพราะครั้งที่แล้วรีบๆเลยไม่ได้คุยกัน  จากนั้นก็เดินเข้าไปทักทายตามประสาเพื่อน

     

                “ไงเพื่อน”  ยกนิ้วชี้หน้าแสดงอาการตกใจจนลู่หานหลุดหัวเราะ

     

                ชานยอลก็เป็นงี้มาตลอด  มันชอบทำตัวบ้าๆมาแต่ไหนแต่ไรแม่ง...ไม่เปลี่ยน

     

                “ตลกล่ะน้อยๆว่ะ”  ลู่หานแท๊กมือไฮไฟว์กันแล้วพูดคุยกันนิดหน่อย  คนตัวโตไม่อยากให้คนตัวเล็กรอนาน

     

                “ไม่คิดจะเจอที่นี่เว้ย  เจอแกช้าไปไอ้ลู่  ฉันอิ่มแล้วว่ะ”  ว่าแล้วชานยอลก็เอามือรูปหน้าท้องปอยๆ  “ไว้รอบหน้าไปกินข้าวที่บ้านฉันบ้าง  หรือไม่ก็นัดเจอร้านข้างนอกมะ”

     

                พอได้ยินเพื่อนพูดแบบนั้นก็รู้สึกเอะใจขึ้นมา  เขาจำได้ว่าคยองซูบอกว่าชานยอลนั้นไม่ว่างเลยไม่ได้มาร่วมโต๊ะเลี้ยงรุ่นด้วยกัน แต่ไหนเห็นชานยอลมากินข้าวสบายใจแบบนี้?

     

                “เออได้  ไว้เจอกัน”  แต่ถึงอย่างนั้นลู่หานจะไม่ยุ่งและก้าวก่ายเรื่องของอีกคน  มันคงเป็นเหตุผลของร่างสูงเอง 

     

                หลังจากบอกลาเพื่อนไปแล้วก็เดินสาวเท้าเข้ามาในร้าน บรรยากาศในร้านเย็นยะเยือกเพราะข้างนอกฝนกำลังตกพรำๆ  โชคดีที่ไม่มีฟ้าร้องฟ้าแลบมาทำให้คนตัวเล็กตกใจจนต้องไปมุดในตู้อย่างเช่นวันนั้น  เมื่อเข้ามาในร้านก็เจอกับใบหน้าหวานตียุ่งเบ้ปากสะยัดหน้าไปอีกทางคล้ายกับน้อยใจที่ถูกทิ้งไว้เหมือนลูกหมาตัวเล็กๆ  ร่างสูงได้แต่ถอนหายใจอย่างเหนื่อยล้า ทิ้งตัวลงนั่งฝั่งตรงข้ามโดยไม่รู้ตัวเลยว่าที่ตรงนั้นคือที่ปาร์คชานยอลได้นั่งมาก่อนหน้านี้

     

                “นิ  เลิกหน้าบูดเป็นตูดหมาสักทีได้มั้ย”  ลู่หานกอดอกพิงพนักเก้าอี้   นัยน์ตาดำสวยประกายจ้องมองไปยังเด็กดื้อแสนงอน 

     

                พนักงานหนุ่มมารับออเดอร์ได้แต่ยืนนิ่งมองหนุ่มหน้าหวานสองคนทะเลาะกัน 

     

    เอ่อ...จะสั่งมั้ยอาหาร?

     

                “ปากเสียไม่รักษาสัญญาคนไม่น่านับถือ...”  หันมาด่ายาวเป็นชุด  มีอย่างที่ไหนมาว่าเขาหน้าหมา  ไอ้นิสัยเสีย!

     

                “อยากตายใช่มั้ยฮะ”  ลู่หานเด้งตัวขึ้นจากพนักเก้าอี้ทันที  อารมณืที่คุกครุ่นอยู่แล้วเมื่อสักครู่ก็ก่อตัวขึ้นเพิ่ม  ยิ่งไอ้คนตรงหน้าที่อุตส่าห์เป็นห่วง  มาพูดจาตัดรอนกันแบบนี้น่าโมโหนักหว่าเดิม  “แบคฮยอน”  กด้สียงพูดให้ต่ำลงเพื่อตักเตือนว่าทำตัวไม่น่ารักเอาซะเลย

               

                แบคฮยอนเองก็รู้สึกว่าตัวเองแปลกๆเช่นเดียวกัน  ปกติแล้วไม่ใช่คนหัวดื้อขนาดนี้  แต่ยิ่งหงุดหงิดขึ้นมาเพราะคนตรงหน้าบอกว่าไปหาเพื่อนมา...เลยทิ้งเขาไว้แบบนี้น่ะเหรอ?

     

                “ก็แล้ว...ทำไมคุณถึงทิ้งผมไว้คนเดียวตลอดเลยอ่ะ  คนนิสัยไม่ดี ฮึก...ยังจะมาพูดจาแบบนี้อีก  ปากเสีย”  ลูกสะอื้นลูกเล็กถูกปล่อยออกมาพร้อมเสียงสั่นๆแล้วน้ำตาใส  ดวงตาแป๋วช้อนขึ้นมาจ้องใบหน้าหล่อคมของคนตัวโตที่ทำตัวอ่อนลงเล็กน้อยเพราะรู้สึกจุกอก

     

                ทั้งที่คิดว่าจะมาไถ่โทษแท้ๆ...ไอ้ลู่หานเอ่ย!

     

                “ขอโทษ...”  อยู่ๆร่างกายมันก็เคลื่อนตัวไปข้างหน้าเอง  พร้อมกับนิ้วหยาบปาดลงบนขอบตาสวยเบามือ  ตั้งแต่ไหร่ไม่รู้ที่รู้สึกว่าคนตัวเล็กไม่เหมาะกับน้ำตา...ไม่สิ  ไม่ว่าใครก็ไม่เหมาะ

     

                “อื้อ...”  บทจะง่ายก็ง่ายเสียอย่างนั้น  ร่างเล็กยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาลวกๆ   สูดน้ำมูกเสียงดังซูด

     

                ไม่ใช่อะไร...ไม่ใช่ที่บ้านคนเยอะแยะเริ่มหันมามองกันหมดร้าน  ยิ่งคนรับออเดอร์กำลังกลั้นหัวเราะใส่เขาที่ทำตัวเป็นเด็ก...

     

                น่าอายชะมัด!

     

                “เลิกงอแงแล้วเหรอ”  ทิ้งตัวลงนั่งแล้วเท้าแขนกับพนักพิงสบายๆ  ไม่ลืมล้อเลียนคนตัวเล็กอีกครั้ง 

     

                “อื้อ...เอ๊ะ!  เปล่านะไม่ได้งอแง  ก็เพราะใครล่ะฮะ”  วีนแตกขึ้นมาอีก

     

                “ฮ่าๆ  สั่งอาหารเหอะคนมองกันหมดแล้ว”

     

                แต่ถึงจะอายแค่ไหนก็กินข้าวลงอยู่ดี  อาหารมื้อหนักถูกทยอยมาเสิร์ฟและวางลงตรงหน้า  ร่างเล็กรู้สึกดีขึ้นมาเสียอย่างนั้นเมื่อรสชาติอาหารที่ลู่หานสั่งมาเป็นแบบเกาหลีไม่ฝรั่งจ๋าเหมือนที่กินกับชานยอลเมื่อครู่  เมื่อนึกได้ว่าวันนี้ที่ถูกทิ้งมีเรื่องดีๆเกิดขึ้นก็เริ่มต้นเล่าให้ลู่หานฟัง

     

                “นี่คุณ  ก่อนหน้าที่คุณจะมาผมได้เพื่อนใหม่ด้วยนะ”  ใช้ช้อนตักข้าวเจ้าปากพลางคุยจ้อยๆไป  “เขานิสัยดีมากเลยอ่ะคุณ  เราเคยเจอกันเมื่อเช้านี้ตอนไปเอาต้นฉบับคืน”

     

                “เหรอ”  ลู่หานก็แค่นั่งฟังตัวเล็กคุยจ่อ  รู้สึกตะหงิดใจไม่ชอบที่แบคฮยอนชมไอ้ใครไม่รู้ว่านิสัยดี  แล้วทีเขาที่ถูกหลอกให้เลี้ยงข้าวอย่างไม่เคยบ่นกลับถูกว่าตลอดเวลาว่านิสัยไม่ดี  คิ้วขวาดันมากระตุกตอนนี้บ่งบอกว่ามันเป็นลางไม่ดีมากๆ  “ไปชมเขาดีงู่นงี้  รู้ชื่อการงานเขารึยังล่ะฮะ  ไอ้พวกรวยๆกินร้านหรูๆเนี่ยไม่ใช่นิสัยดีทุกคนหรอกนะ”

     

                นี่ต้องสอนเด็กหน่อยครับ  เอะอะใครทำดีด้วยก็ชมว่าดี

     

                “อื้อ  เขาบอกทำงานอยู่ในสำนักพิมพ์นั้น  แต่ดูร๊วยรวยนะคุณเลี้ยงอาหารผมด้วยล่ะ  ที่ๆคุณนั่งอยู่ก็ที่เขานะ”  แบคฮยอนพูดจบแค่นั้นแหละ  คนตัวสูงลุกพรวดขึ้นมาพร้อมเดินมาหวังทิ้งตัวลงข้างๆ

     

                “เหยิบดิ๊”  อินทีเรียหนุ่มขี้วีนใช้แขนดันๆแบคฮยอนให้เขยิบไปนั่งเก้าอี้อีกตัวชิดกำแพงอย่างงงัน

     

                “ทำไรเนี่ยคุณ”  ขมวดคิ้วตียุ่ง  เกิดมาก็เพิ่งเคยเห็นคนนั่งเบียดกันกินข้าว...ทั้งที่ออกจะกว้าง

     

                “ไม่อยากนั่งทับที่ใคร  รีบๆกินดิจะได้ไปกินของว่างต่อ” 

     

     

                อะไรของเขา?


     30%
     

                สองเท้าเปล่าเหยียบลงบนพื้นกระเบื้องเย็นเฉียบภายในบ้านหลังใหญ่สีขาว  ประตูบานชั้นที่สองเพื่อเข้าไปในตัวบ้านถูกเปิดออกพร้อมกับร่างเล็กที่พุงโตทิ้งตัวคว่ำหน้าแหมะลงบนโซฟาพร้อมหลับตาพริ้ม  ทั้งอิ่มและเหนื่อยจากการนั่งรถนานหลายชั่วโมง  เพราะรถเริ่มติดเมื่อถึงเวลาเลิกงานห้าโมงเย็น  อิ่มจนไม่สามารถทานมื้อเย็นต่อได้เลยต้องกลับบ้าน 

               

    ร่างสูงเองก็ถอดเสื้อนอกแขวนไว้บนราวไม้อย่างเป็นระเบียบ  ปลายตามองร่างเล็กเริ่มท้วมเพราะกินเยอะนอนเอกเขนกไม่แคร์สายมาคนมองว่าจะเสียสายตาแค่ไหน  ลู่หานทำได้เพียงถอนหายใจออกมาหลายครั้งของวันนี้แล้วเดินไปพลิกร่างบางให้หงายหน้าขึ้นเพราะกลัวขาดอากาศหายใจ  จัดแจงเอาหมอนหนุนมาลองคอก่อนที่ตัวเองจะทิ้งตัวหนักๆลงบนโซฟาอีกฝั่งแล้วผล๊อยหลับไป

     

     

    เมื่อคืนเผลอหลับไปตั้งแต่เย็นยันเช้าตื่นมาก็ประมาณหกโมงกว่าๆได้  ลุกขึ้นมาอีกทีก็เห็นผ้าห่มกับหมอนอยู่บนตัว  นึกได้ว่าตัวเองเผลอนอนหลับที่โซฟา  พลันความคิดหันไปรอบตัวหาผู้อาศัยแต่ก็พบกับความว่างเปล่า  แบคฮยอนเลยได้แต่สะบัดศีรษะเล็กเรียกวิญญาณให้เข้าร่างอย่างไม่สนใจ  ก่อนจะลุกขึ้นเดินกะว่าจะขึ้นไปล้างหน้าแล้วอาบน้ำเตรียมตัวทำอาหารสักหน่อยแล้วค่อยทำอาหารเช้า

     

    เมื่อวานลืมพิมพ์นิยายเลยให้ตายเถอะ  ขืนลงช้าคนอ่านก็หายไปหมดพอดี

     

    เดินเข้าห้องนอนแล้วหยิบผ้าเช็ดตัวพาดไหล่บางของตัวเองเดินเลี้ยวขวาไปห้องน้ำ  ท่าทางยังคงสะลึมสะลืออยู่  เดินปิดตาคว้าประตูบานเลื่อนประตูชั้นที่หนึ่งเข้าไปด้านข้างแล้วตัวเองก็ก้าวเข้าไปด้านใน  ไม่ลืมที่จะล็อกให้เรียบร้อย 

     

    ครืดดด

     

    ห้องน้ำกว้างแบ่งโซนอาบน้ำได้อย่างลงตัว  บริเวณรอบนอกคืออ่างล้างหน้าและชักโครก  ถัดไปคือห้องอาบน้ำมีอ่างอาบน้ำไว้แช่ตัวแล้วก็ฝักบัวสำหรับล้างตัว  เพราะบางครั้งเมื่อตอนยังเก็ก  บ้านเราชอบอาบน้ำพร้อมกันสามคนอย่างสนุกสนาน...

     

               

    คนตัวเล็กล้างหน้าแปรงฟันเสร็จเรียบร้อยก็จัดการถอดเสื้อผ้าของตัวเองออก  เผยผิวขาวเนียนชมพูอ่อน  รูปร่างกลมๆเดินเข้าห้องอาบน้ำพร้อมเสื้อผ้ากองวางไว้ด้านหน้า  แขวดผ้าเช็ดตัวไว้กับราวโดยไม่ทันสังเกต...

     

    ครืดดด

     

    “หื้อ?...”  รับรู้ได้ถึงไอร้องจากเครื่องทำน้ำอุ่นได้ดี...  ยิ่งภาพตรงหน้ายิ่งตอกย้ำว่าสายตาสวยให้เบิกกว้างขึ้น

     

    “เฮ้ย!

     

    อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!  คุณลู่หานโป๊ววววววววว

     

     

     

     

     

    “อู๊ย  เบาๆดีวะ”  เสียงร้องซี๊ดขึ้นเมื่อสัมผัสได้ถึงแรงกดที่มุมมาก  “ไปเอายามาจากไหนเนี่ย  กลิ่นแรงชิบ”  ถึงปากจะเจ็บแต่ก็ยังบ่นไม่หยุดตลอดทางจนมานั่งทำแผล

     

    “คุณก็อยู่ๆนิ่งๆสิ  ใครจะคิดว่าคุณอาบน้ำไม่ล็อคประตู”   เบะปากหมั่นไส้คนตัวโตที่โชว์โป๊ในห้องอาบน้ำ  เขาเลยซัดเข้าให้หมัดหนึ่งเต็มๆเพราะว่ามันตกใจ  ดีที่ยังไม่ได้ใช้ท่าตอนเรียนฮิบกิโดมา

     

    “อ้อเหรอ...”  ลู่หานยิ้มกรุ่มกริ้มเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้  “จะว่าไป...นายก็ซ้อนรูปเหมือนกันว่ะแอบมีพุงนะเนี่ย  ขาก็ใหญ่แขนก็ใหญ่”

     

    คนตัวเล็กได้แต่อ้าปากพะงาบๆ  หางตาตกเบิกกว้างขึ้นเกือยเรื่องเรื่องตัวเองก็ยืนโป๊อยู่เหมือนกันตอนนั้น

     

    “มือหนัก!  โอ๊ย!  ไอ้เด็กบ้าเจ็บนะโว้ย”  ร้องโวยวายเสียยกใหญ่

     

     

    “ก็พูดออกมาทำไมเล่าหยุดพูเลยนะไอ้ลามก!  เอ้าเสร็จแล้ว!”  ร่างบางเก็บของใส่กล้องยาเรียบร้อย  ก่อนจะเดินปึงปังไปเก็บแล้วก็หายไปในห้องครัว  ตามด้วยเสียงปิดตู้ดังโครมครามก่อนจะเงียบไป 

     

    ลู่หานคนบ้า!

     

    “นี่...คุณเราลืมซื้อของมาทำอาหารป่ะ?”  นึกได้ก็รีบหันขวับไปถามคนที่นั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น  “อื้ม...  งั้นกินไรดีอ่ะโจ๊กดีมั้ยง่ายดีคุณ  เห็นขายอยู่หน้าปากซอยร้านเล็กๆ”  เดินมาทิ้งตัวนั่งพร้อมแก้วนมให้ลองท้อง  ลืมเรื่องทะเลาะกันก่อนหน้าไปซะสนิท...แต่แบบเหมือนคนตัวเล็กรู้สึกอะไรบางอย่าง

     

    จะว่าไปที่ทำอยู่มันคุ้นๆเนอะว่ามั้ย?

     

    “ร้านอะไร  ไอ้ร้านเพิงหมาแหงนอะนะ!?”  ลู่หานส่ายหน้าพรืดไม่ยอมเด็ดขาด

     

    สุดท้ายมือเช้าก็ได้เหลือแค่แซนวิชธรรมดาๆเพราะลู่หานต้องรีบไปข้างนอกแต่เช้า  นัดลูกค้าที่อาจารย์แนะนำมาให้  เขาจะสร้างบ้านใหม่เป็นเรือนหอวันแต่งงาน  

     

    แบคฮยอนเลยนั่งจ๋องอยู่ที่หน้าคอมพิวเตอร์จอใหญ่  นิ้วเรียวกดแป้นพิมพ์อย่างรวดเร็วกับบทร่างเรื่องใหม่ที่คิดได้ขึ้นมากะทันหัน  อีกอย่างเขาคิดไว้แล้วว่าจะไม่เลิกทำงานเขียนเด็ดขาด  แต่คงต้องเปลี่ยนแนวนิดหน่อยในเมื่อความฝันที่รักมันเดินทางตรงไม่ได้  ก็คงต้องอ้อมกันเสียหน่อย

     

                นั่งพิมพ์ได้สักพักก็ได้ยินเสียงเดินลงบันได  ร่างเล็กจึงหันหลังไปมองร่างสูง  เท่านั้นแหละใบหน้าก็แดงร้อนเห่อขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก  เมื่อพบว่าคนขี้บ่นปากร้อยตอนนี้กลับกลายเป็นเจ้าชายผู้แสนดีใจคราวซาตานซะอย่างนั้น  ผมสีบลอนด์เซททรงอย่างดีเล่นเอาดูใบหน้าหล่อคมไร้ไรหนวดถูกโกนเรียบร้อยจนใบหน้าสะอาดรับผิวขาวซีด  สวมเสื้อเชิ้ตแขนขาวปลดกระดุมเม็ดบนกำลังพับแขนเสื้อขึ้นถึงข้อศอก 

     

                “นี่ไปนะ”  ลู่หานบอกแบคฮยอนขณะกำลังเตรียมกระเป๋าเอกสารเตรียมแบบไปร่างในลูกค้าดู   พร้อมพรีเซ็น

     

                “อื้อ  ขับรถดีๆนะคุณ”  แบคฮยอนลุกไปส่งร่างสูงที่หน้าบ้าน  “เย็นนี้ไปซื้อของเข้าบ้านกันนะคุณ  อยากกินหนมด้วย”

     

                “นี่นายไม่คิดจะลดความอ้วนจริงๆเหรอ?  พุงนะพุง”  ลู่หานล้อเล่นแล้วหัวเราะเอิ๊กอ๊ากอยู่คนเดียว

     

                “อะ...ไอ้แก่ลามกเอ้ย!  บ่นไปงั้นผู้ชายด้วยกันผมจะเขินทำไมวะเรา

     

                “เดี๋ยวจะรีบกลับ  อย่าซนล่ะน้องตุต๊ะ”

     

                กรอดดด...เดี๋ยวเจอแน่ไอ้บ้าเอ่ยแล้วนี่จะออกมาทำไมส่งลุงแกทำไม?

     

     

     

     

     

                วันนี้ชานยอลเลิกงานเร็วเลยกะว่าจะกลับบ้านไปทานข้าวกับคุณแม่  แต่เสียงโทรศัพท์ก็ดันดังขึ้นมาเสียก่อน  ทำให้คนตัวสูงต้องหันมารับโทรศัพท์ก่อนขับรถออกจากบริษัท  แต่ขณะที่กำลังจะสไลด์หน้าจอก็ต้องชะงัก...

     

                โดคยองซู

     

                ร่างสูงถอนหายใจก่อนครั้งนึงรออยู่นานว่าจะรับดีมั้ย  สุดท้ายก็กดรับในวินาทีสุดท้าย

     

                “ว่าไงคยอง”  กรอกเสียงลงไปอย่างนุ่มนวลและให้ปกติที่สุด  เขาไม่อยากทำให้สถานะระหว่างเขาสองคนมันแย่ลงมากไปกว่านี้...

     

                ยุ่งอยู่เหรอยอล  ทำไมรับช้าจัง’  เสียงหวานปลายสายพูดขึ้นมาสดใสทันที

     

                “เปล่า  เลิกงานเร็วเลยว่าจะกลับบ้านไปทานข้าว” 

     

                จริงเหรอ  ดีจัง!  ดีนะโทรมาก่อนฉันอยู่หน้าบริษัทยอลพอดีเลย  งั้นวันนี้ขอไปทานข้าวด้วยคนได้มั้ยๆ’  คยองซูพูดเสียงร่าเริงเสียจนชานยอลไม่กล้าจะปฏิเสธ...เสียแต่ว่าบางทีควรให้มันหยุดแค่คำว่าเพื่อน  เขาไม่อยากให้ความหวัง

     

                ใช่จะไม่รู้ว่าคำที่พร่ำบอกว่ารักมันไม่ได้เหมือนเดิมในสถานะเพื่อน...

     

                นี่คยองซู...

     

                ‘หื้ม  อะไรเหรอ  แล้วนายจอดรถอยู่ไหนนิ

     

                “อย่าทำแบบนี้เลยนะ  ถ้านายเรียกความรู้สึกเพื่อนกลับมาไม่ได้...ฉันจะรอนะคยองวันที่ทุกอย่างจะเป็นเหมือนเดิม”

     

                ความเงียบเกิดขึ้นกับคู่สนทนา  ตามด้วยเสียงสะอึกสะอื้นของปลายสาย...ร่างสูงรู้สึกหนักใจไม่น้อย

     

                ...ชานยอล  เราจะไม่พูดเรื่องนี้...

     

                “ถ้าเราจะรัก...เราคงรักคยองตั้งแต่ต้นแล้ว  แต่คยองซูเป็นเพื่อนที่เรารักมากที่สุดพอๆกับไอ้ลู่  ไม่ได้มีอะไรมากกว่านั้น...”

     

                แล้วก็นะ...เขาไม่อยากทำร้ายคำว่าเพื่อน  ขอโทษนะคยองซู...

               

                “ฉันหวังว่านายจะเจอคนที่ใช่  ฉันเองก็เหมือนกัน”

     

     

     

     

     

                ครืด  ครืด

     

                คนตัวเล็กที่กำลังนั่งกินแซนวิชแต่งนิยายสบายใจเฉิยอยู่ประจำที่เดิม  เพราะลู่หานโทรมาบอกว่าจะคุยกันกับลูกค้าสองที่กลับเย็นเลยซื้อมาเผื่อให้ทานแทนข้าวมื้อเที่ยง  ร่างบางเลยละทิ้งอาหารในมือหันไปมองเครื่องโทรศัพท์สีขาวกำลังสั่นสะท้านโลกอยู่บ้างๆเม้าส์  เลยรีบกดสไลด์โดยลืมดูหน้าจอว่าเป็นเบอร์แปลกที่ไม่คุ้นเคย  หรอกเสียงทักทายสวัสดีตามปกติ  แต่พอได้ยินเสียงปลายสายก็คิ้วขมวดเข้าหากันก่อนดวงตากางตกเบิกกว้างขึ้น

     

                อะไรนะ!  แม่คุณลู่หาน?

     

                “อ๋อครับจำได้ครับ  ไม่ทราบว่ามีอะไรรึเปล่าครับ”   ปรับเสียงไม่ให้สั่นมาก  เขาไม่เคยคุยกับคุณนายอะไรทำนองนี้  เลยไม่รู้ว่าจะต้องปรับตัวคุยยังไง

     

                แม่โทรหาเสี่ยวลู่ไม่ติดเลย  จำได้ว่าเคยขอเบอร์เจ้าของบ้านที่เขาพักไว้เลยลองโทรมาดู  เผื่อว่าจะอยู่ด้วยกันนะจ้ะ  หนูแบคฮยอนไม่ว่าอะไรน้า’ 

     

                อ้อไม่ครับ”  รู้สึกเกร็งขึ้นมากระทันหัน   “วันนี้รู้สึกว่าเขาจะมีนัดกับลูกค้าเรื่องออกแบบบ้านอะไรนี่แหละครับพวกตกแต่งเรือนหอ  สงสัยจะคุยงานอยู่เลยไม่ได้ยินรึเปล่าครับ”

     

                ว้าววว  เสี่ยวลู่ได้งานทำแล้วเหรอจ้ะ!’  คุณนายตระกูลลู่รีบพูขึ้นมา  ปลื้มปิติกับข่าวดีเสียเหลือเกิน  แบคฮยอนก็พอเข้าใจเพราะลู่หานบอกโดนไล่ออกจากบ้านเพราะหางานทำไม่ได้

     

                “ไม่ทราบรายละเอียดมากกว่านั้นเหมือนกัน...แฮ่”  ร่างเล็กเผลอหลุดหัวเราะแห้งๆออกไป  ได้ยินเสียงหัวเราะคิกคิกของคุณป้าฝั่งนู่นอีกด้วย

     

                งั้นเหรอเนี่ย  แล้วหนูว่างอยู่รึเปล่าลูก  แบบมีเวลาทั้งวันอะไรงี้’  คุณนายเปลี่ยนเรื่องคุยกะทันหันจนร่างเล็กตั้งตัวไม่ทัน  เลยได้ฉงนสงสัย 

     

                เกี่ยวอะไรกับเขา?

     

                “ก็...ว่างทั้งวันครับ”  เป็นนักเขียน  งานอิสระก็เลยว่างอ่ะครับ...แต่ไม่ได้พูดไป

     

                ว้าวดีจังงั้นแบคฮยอนมาทำขนมกับป้ามั้ย  วันนี้ป้าว่าจะทำมาการอง  อยากมีเพื่อนทำด้วย  พอทำเสร็จเราก็เอากลับบ้านไปให้ลู่หานชิมด้วยดีมั้ยจ้ะ

     

                “เอ๋?”  เอียงคอถามทั้งๆที่ปลายสายมองไม่เห็น  แต่เพราะว่ากำลังงงงันอยู่

     

                เดี๋ยวนะ?  ไปทำขนม  นี่ชวนไปบ้านรึเปล่า

     

                ตามที่พูดน้า  หนูแบคฮยอนส่งพิกัดบ้านหนูมาเลย  เดี๋ยวป้าให้คนรถไปรับนะจ้ะ  บาย’  คุณนายรีบวางสายแล้วเดินออกไปสั่งคนรถให้ไปรับร่างบางตามที่อยู่ที่ให้ไว้ 

     

                ไม่ใช่อะไรหรอก  เฮ้อ  คุณนายเหงาอยากมีเพื่อนคุย  โชคดีจังเลยที่เพื่อนใหม่ลู่หานว่าง...จะได้ทำความรู้จักกันหมากกว่าเดิมเพราะลูกชายต้องไปรบกวนเขาอยู่  เป็นฤกษ์ดีจริงๆ

     

     

                ส่วนทางด้านแบคฮยอนแทบจะงงว่าตัวเองส่งที่อยู่ไปเมื่อไร  รู้แค่ว่าอ้าปากพะงาบๆยังไม่ทันพูดอะไรปลายสายก็เออออห่อหมกกันไป  แบบนี้ไม่ต่างอะไรกับบีบบังคับรึเปล่า  แต่ก็ช่างเถอะ  แบคฮยอนคิดว่าอาจจะได้ขนมกลับมากินก็แฮปปี้แล้ว  ยิ่งเป็นขนมที่ได้ยินมาว่าขึ้นชื่อมากๆ  แล้วแถมไม่ได้มีขายง่ายๆราคาก็แพงแบบนี้แบคฮยอนชอบที่สุด  เรื่องขนมสำหรับนักเขียน...บอกแล้วว่าสำคัญ

     

     

               

              วันนี้ลู่หานกว่าจะกลับก็ปาไปสองทุ่มกว่า  พอเห็นเวลาก็รีบขับรถกลับบ้านพร้อมกับงานโปรเจคใหญ่ทันทีสองเจ้า  กลัวคนตัวเล็กเคืองอีกที่ไม่ได้โทรบอกแบตโทรศัพท์ดันมาหมดพอดีอีก  แต่พอลู่หานเปิดประตูเข้ามาถึงด้านในก็พบว่าภายในห้องนั้นมืดสนิทผิดแปลกจากทุกทีมาก  ถึงจะดึกแค่ไหนก็ต้องมีไฟเปิดโล่งตลอด  เพราะว่าคนตัวเล็กจะต้องพิมพ์นิยายแล้วหลับคาโต๊ะคอมฯยันเช้า

     

                ลางสังหรณ์บอกให้ร่างสูงวางของทั้งหมดลงแล้วเสียบสายชาร์ตแบตด่วน  รออยู่นานกว่าเครื่องจะเซทตัวเองแล้วเปิดหน้าจอสมาร์ทโฟนได้  ก่อนที่ข้อความบางอย่างจะเด้งเอาๆจนเครื่องรวนต้องรอนานไปอีกสิบนาที

     

                เปิดเครื่องดูพบว่าส่วนใหญ่เป็นเบอร์แม่  มีเบอร์แบคฮยอนด้วย

     

                พลันสายตาดูเวลาที่โทรหาคือห้าโมงเย็น?

     

                ลู่หานไม่รอช้ารีบกดเบอร์ร่างบางทันที  แต่รอนานอยู่หลายครั้งก็ไม่มีทีท่าว่าใครจะรับสาย  กดออกแล้วโทรหาใหม่อีกครั้ง...ไปไหนของเขาน้า...

     

                โกรธที่กลับช้าเหรอ?

     

                คิดได้ว่าอาจจะอยู่บนห้องก็เลยเดินขึ้นไปหา  แต่กลับพบเพียงห้องนอนว่างเปล่าผ้าตึงเรียบเช่นเดิม...กดโทรซ้ำๆย่ำๆจนในที่สุดความพยายามก็สำฤทธิ์ผล

                ฮัลโหลคุณ’  ปลายสายพูดเสียงใสอารมณ์ดีต่างจากคนตัวโตลิบลับ

     

                “อยู่ไหนฮะ!  ทำไมดึกดื่นป่านนี้แล้วไม่ยอมอยู่บ้าน”  ตะเบ็งเสียงแล้วเดินตามหาทั่วบ้าน  ไม่ว่าจะเป็นทรงทะเลสาบ  หรือตามโขดหินมืดๆ

     

                อย่าตะโกนดิคุณ  ผมก็อยู่ห้องคุณเนี่ยที่เคยมานอนอ่ะ

     

                ฮะ?  ห้องเขาเนี่ยนะ  ร่างเล็กเคยขึ้นไปนอนห้องเขาเหรอ 

     

                ไม่รอช้าเดินขึ้นมาดูก่อนจะพบว่าปลายสายกำลังล้อเล่นอะไร!  “ตลกมากมั้ยฮะ อยู่ไหนตอบดิ๊”

     

                “เอ้า  พูดเรื่องจริง  อยู่ห้องนอนคุณอ่ะ  วันนี้แม่คุณมารับผมมาทำมาการองไปฝากคุณ  แต่ทำไปทำมาก็เริ่มหิว  แม่คุณเลยชวนผมกินข้าวเย็น  เพราะท่านบอกกินคนเดียวมันเหงาก็เลยกินเป็นเพื่อน  เม้ากันยาวเลยจนนี่ก็ดึกเนี่ยแหละ’  พูดจ้อยไปเรื่อยจนลู่หานรู้สึกว่าตัวเองอารมณ์ร้อนเกินไป

     

                “แล้วทำอะไรอยู่...ทำไมไม่กลับบ้าน”  ร่างสูงทิ้งตัวนั่งลงบนเตรียงนอนตัวเอง  แล้วพูดเสียงงุงงิ้งจนคนฟังรู้สึกว่าคลื่นมันไม่ดีหรือหูฝาดรึเปล่า

     

                ก็มันดึกแล้วอ่ะคุณ  แม่คุณเลยให้ผมนอนค้างแล้วค่อยกลับ...ผมไม่เคยค้างนอกบ้านคนเดียวเลยนะ...จะรบกวนคุณลุงคนขับอีก  คิดถึงบ้านจัง’ 

     

                “เดี๋ยวไปรับนะ  รอแป๊ป”  ลู่หานพูดขึ้น  แต่อีกคนกลับปฏิเสธ...

     

                ไม่เอา...พรุ่งนี้เหมือนพ่อคุณจะกลับบ้านนะ  พรุ่งนี้ผมก็กลับแล้ว  ฝันดีนะคุณ’  แบคฮยอนกลัวร้องไห้ให้คนตัวโตมารับกลับบ้าน...เขาอยากบอกให้ลู่หานมารับเขาทีเขาเหงา...นอนไม่หลับหรอกนะ

     

                กลัวจะเป็นแบบนั้นเลยต้องรีบวางสาย

     

                แล้วลู่หานจะนอนหลับได้ยังไงกัน...

     

    เพิ่งรู้ว่าตัวเองเหงาเป็นก็คร่านี้  นี่เป็นครั้งแรกที่ลู่หานเหงาจนปวดหนึบที่ใจหายวาบขึ้นมาเสียดื้อๆกลายเป็นคนแก่ขี้เกงาไปตั้งแต่เมื่อไรไม่อาจรู้ได้  รู้เพียงแค่ว่าเฝ้ารอพระอาทิตย์ขึ้นบ่งบอกวันใหม่...หากแต่ค่ำคืนนี้ยาวนานเสียเหลือเกินสำหรับของเขาทั้งสอง  ต่างคนต่างนอนไม่หลับยันสว่าง

     

    บางสิ่งก็รับรู้ได้เมื่อมันขาดหายไป  สิ่งนั้นเรียกว่าคิดถึง...ลู่หานคิดถึงเด็กแสบแบคฮยอน

     

    ครั้งอยู่ด้วยกันใจกลับอบอุ่น  พอแยกห่างกันเหมือนกับขาดอากาศหายใจ คิดถึงลุงที่บ้าน...

     

     

     

     

                เช้าวันต่อมาเสียงรถดังขึ้นหน้าบ้านแต่เช้าตรู่พร้อมกับร่างเล็กที่ยืนมองคุณลุงขับรถไปไกลลิบก็ถือของพะรุงพะรังเข้ามาให้บ้าน  คิดว่าลู่หานคงยังไม่ตื่นเลยค่อยๆย่องเข้าไปในบ้านในเงียบที่สุด  โชคดีที่กลับมาทันทำอาหารเช้า  ไม่งั้นมีหวังร่างสูงคงบ่นอีกแน่ 

     

                แต่ยังไม่ทันจะเก็บข้าวของเข้าที่ให้เรียบร้อย  สัมผัสอุ่นๆก็ถาโถมเข้ามาหาร่างบางจนแทบจะล้ม  แต่ดีที่มีแขนแกร่งของใครบางคนที่หลับตาสูดกลิ่นเด็กอ่อนๆจากคนตัวเล็ก  เกยคางไว้บนไหล่บาง...ไม่รอให้แบคฮยอนตั้งตัวได้ก็พูดประโยคที่ร่างเล็กคิดแบบเดียวกัน

     

                “เหงาว่ะแม่ง...”

     

     

     

     

     

                ก๊อกๆ  ก๊อกๆ

     

                “แบคฮยอนเช้าแล้วน้า  ไปทานข้าวกัน”  เสียงเคาะประตูดังขึ้นทำเอาร่างที่นอนหลับสนิทเพราะเมื่อคืนมัวแต่คิดถึงร่างสูงจนดึก...สะดุ้งโหยง

     

                ฝัน?นี่เขาไปฝันถึงคนบ้านั่นทำไม  แบคฮยอน!

     

     



    100%

     

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -



    เธอเติมเต็มให้ฉัน  รับรู้ได้ด้วยใจ
    ไม่เจอหน้ากันวันเดียวก็เหมือนขาดออกซิเจน



    ถ้าชอบก็เม้นและแท๊ก  #ฟิคกลับบ้าน
    พูดคุยกันนอกจากติดแท๊กก็  @peepanggy

     

     
    thank you:)  Shalunla
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×