ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ exo ] 。 take me home ♡ { lubaek } ending

    ลำดับตอนที่ #16 : - take me home : chapters - 015 { 100% }

    • อัปเดตล่าสุด 8 พ.ย. 57






     

    - Care -


     

    chapters – 015


     

              

              ดวงตาเรียวเล็กเบิกกว้างสอดส่ายสายตาลอกแลก  ขมวดคิ้วเป็นปมพันกันยุ่งก่อนระบายยิ้มออกมาเหมือนผู้กำใช้ชนะทันที  เมื่อกลิ่นหอมของอาหารลอยฟุ้งกระจายเข้ามาถึงในห้องนอนสีขาวจนคนจมูกดีเรื่องกลิ่นอาหารถึงกับมีความสุขหุบยิ้มแทบไม่ได้  พยายามนึกขอบคุณคุณฝนที่ทำให้ตัวเองไม่สบายแล้วได้ทานอาหารฝีมือคนตัวโต  พอนึกได้ว่าเมื่อคืนลู่หานกอดตัวเองไว้ทั้งคืนหน้าก็กลับมาแดงอีกครั้ง  เอาใบหน้ากลมๆของตนฝังลงบนหมอนนุ่มของอีกคนที่วางไว้ข้าง
    กัน




     

                หื้อออ  หมอนคนแก่ขี้บ่นหอมจัง...



     

                พอเอาหน้าจุ่มได้สักพักความคิดแปลกๆบางอย่างก็โลดแล่นเข้ามาในสมอง  ลุกพรวดไปเปิดสมุดกางออกแล้วเริ่มจินตนาการถึงเรื่องราวในนิยายเรื่องใหม่ตามลำดับขึ้นตอนที่ได้เขียนร่างตัวละครกับพล็อตเรื่องไว้คร่าวๆไว้แล้ว   พล็อตกลางเรื่องคนตัวเล็กอยากให้มันโรแมนติกที่สุดจนคนอ่านเห็นแล้วต้องยิ้มเขิน  ภาษาคงต้องสลวยแล้วก็เข้าใจง่ายนึกภาพออก  พระเอกแบบนั้นแหละที่แบคฮยอนต้องการจะเขียนกับนางเอกโก๊ะๆ...



     

              “แบคฮยอนต้องมองรอบๆตัวเราดูว่าคนเราทำอะไรในชีวิตประจำวันกันบ้าง  นิยายเนี่ยถ้าใส่ไข่เยอะไปมันเพ้อฝันครับ”



     

              อยู่ๆประโยคของชานยอลในวันนั้นก็ลอยเข้ามาติดหู  ร่างเล็กเพ่งพินิจดูเนื้อเรื่องของตัวเองก่อนจะตัดสินใจลบมันทิ้งไปแล้วเริ่มต้นเขียนใหม่



     

                พระเอกแล้วนึกถึงคนรอบข้าง...  แบบลู่หานน่ะเหรอ?  ก็คนรอบข้างก็มีอยู่คนเดียวอ่ะ




     

                “น้ำมันเนี่ยมันต้องเลือกดีๆเข้าใจมั้ย  บลาๆ”  พอนึกถึงหน้าของตาบ้าขี้บ่นแล้วก็จุกจิกเรื่องอาหารก็พลางอารมณ์เซ็งสุดๆ  คนตัวเล็กเบ้ปากยกดินสอไม้ขึ้นกัดพลางเคาะนิ้วลงบนโต๊ะเป็นจังหวะ

     

                “แม่ง  อะไรวะไอ้เชี่ยเอ่ย  รสชาติหมาไม่แดก” 

     

    “มีดีแค่ซุปรึไง  อ่อนหัดชะมัด...”

     

    “ทำบ้าอะไรวะ  ผ้ามันต้องสักอย่างนี้  ใส่ผงซักฟอกลงไปอีก!

     

    “คุณแบคฮยอนวันนี้ถูบ้านไม่ใช่เหรอครับ...”









     

    อ๊ากกกกกก  น่าโมโหที่สุด!



     

    นึกแล้วก็หงุดหงิดไอ้พระเอกแบบนี้สังคมต้องการอยู่อีกเหรอ  ทั้งหยาบคาย  พูดไม่เพราะ  ปากไม่ดี  นิสัยแย่  ใช้เก่งแล้วยังจะขี้ลืมด้วย  คนแบบนี้เอามาเป็นพระเอกจะทำให้อิมเมจนิยายหลอนไปทางแนวสยองขวัญล่ะสิไม่ว่า  ฮ่อลลล



     

               “ฮื่อออ  พระเอกอะไรกันปีศาจชัดๆปีศาจในคราบเทพบุตรชีวิตเรามันรันทดหดหู่จริงๆ  กระซิก” คร่ำครวญถึงเรื่องราวต่างๆตั้งแต่เจอกันจนตอนนี้ผ่านมากี่วันแล้วก็จำไม่ได้  


     

                แต่ถ้าถามว่าแบคฮยอนมีความสุขมั้ยมันตรงข้ามกันมาก  เขามีความสุขมากจริงๆไม่ต้องเหงาชีวิตหลากหลายมากขึ้น  เขาไม่ต้องนอนกลัวเสียงฟ้าร้องหรือมุดเข้าไปในตู้เสื้อผ้าอย่างเมื่อก่อน  คนตัวเล็กรู้จักรับผิดชอบในการทำความสะอาดทำอาหารได้แม้รถชาติจะยังไม่บรรลุผ่านเกณฑ์ก็เถอะ


     

                หัวใจเขาก็ยังสูบฉีดตลอดเวลาที่ได้ทะเลาะกับคนตัวโต...


     

                คิดถึงตรงนี้ทุกสิ่งที่ดูร้ายกาจก็แทบจะกลบโลกสีดำไปเสียมิด...เขาก็คนดีนี่นา


     

    “ฉันจะดูแลให้ดีกว่านี้...”  พอนึกถึงคำพูดข้างหูก่อนนอนทั้งอบอุ่น  ราวกับถูกเติมเต็มในหัวใจดวงน้อย

    งั้นพระเอกก็เป็นคนดีแต่ปากร้าย  เขามักจะตะคอกคะโกนแล้วก็ตะหวาดแต่เขาก็อบอุ่น  แต่เดี๋ยวนะลู่หานไม่ใช้พระเอกสักหน่อยนิ  โอ๊ยยแบคฮยอนคิดอะไรอยู่เนี่ย

                “แต่พวกงานบ้านทำไมโหดจังเราไม่ใช่นางเอกฟูลเฮ้าสักหน่อยเหอะ”  บ่นพึมพำกับตัวเอง  นิ้วเรียวกระชับดินสอไม้แล้วเขียนลงบนแผ่นกระดาษบาง  โดยไม่ได้รู้สึกเลยว่ามีใครอีกคนที่ยืนดูพฤติกรรมหลายบุคลิกอยู่เงียบๆด้านหลัง

     

     

                “แล้วใครบอกว่านายเป็น  กบเคโรโระต่างหากคือนาย”




     

                คนตัวเล็กหันขวับส่งค้อนใหญ่ใส่ร่างสูงทันที  แต่พลันสายตาก็สบเข้ากับถาดอาหารเช้าอุดมไปด้วยคุณประโยชน์ครบห้าหมู่  ผักผลไม้โปรตีนวิตามินจัดเต็มพร้อมยาใส่แก้วใสเล็กๆระเบียบเรียบร้อยมาให้เป็นอย่างดี  คนตัวเล็กกลืนคำโต้วาทีลงคอลอบกลืนน้ำลายแทนเพราะกลิ่นหอมกรุ่น





     

                “หิวล่ะสิ  เด็กขี้นินทา”  ร่างสูงเดินเข้ามาหาคนตัวเล็กที่ยิ้มเจื่อนๆ  พร้อมวางถาดอาหารไว้บนโต๊ะของคนป่วยที่แลดูแข็งแรงใกล้หายแล้วเหลือเพียงปากซีดหน้าซีดนั่น




     

                “ผมเปล่านะคุณ  แล้วนี่คุณกินยังอ่ะ”  แบคฮยอนก้มหัวลงเล็กน้อยเป็นการน้อมขอบคุณสำหรับอาหารเช้าแสนวิเศษนี้หาที่ใดเปรียบเทียบไม่ได้อีก  ลู่หานฝีมือการทำอาหารเขาไม่มีทางลืมเลยว่ามันอร่อยแล้วก็ใส่ใจมากแค่ไหนผิดกับตัวเขาเองที่สักแต่ทำให้เสร็จไป








     

                “ยังกะว่าจะเอาข้าวกับยามาให้กินก่อนแล้วค่อยวงไปกิน”  พูดไปในมือก็กำลังรินน้ำใส่แก้วให้  แบคฮยอนหันมาจ้องใบหน้าหล่ออย่างซาบซึ้ง  ไม่นึกว่าเขาป่วยแล้วลู่หานจะน่ารักขนาดนี้




     

                ใจเต้นเลย...








     

                “กินซะ  ฉันไปละเดี๋ยวจะเป็นลม  เลยเวลากินมาเยอะ”  คนตัวโตเดินลูบท้องที่มีกล้ามเนื้อของตัวเองแล้วเดินออกจากห้องไป





     

                คนตัวเล็กก้มลงมองอาหารที่ตักเข้าปากไปพลาง  เมื่อวานก่อนนอนหลับไปเขาส่งข้อความไปบอกอาการป่วยกับชานยอลว่าดีขึ้นแล้วขอบคุณมากไม่ต้องเป็นห่วง  วันนี้เขาควรขอบคุณลู่หานด้วยเหมือนกันใช่มั้ย?












     

               

                อินทีเรียหนุ่มกำลังตักอาหารของตัวเองยกมาวางเรียงบนโต๊ะอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย  เครื่องเคียงขิงดอง  กิมจิ แล้วก็ผักลวกชุดสุดท้ายพร้อมลงมือทาน  กำลังยกช้อนขึ้นมาภาพบางอย่างที่ไว้กว่าเร็วแสงผ่านตาพร้อมร่างเล็กของคนป่วยวางถาดลงปักแล้วทิ้งตัวนั่งลงตึง



     

                แบคฮยอนไม่ได้พูดอะไรต่อนอกจากยิ้มกว้างจนตาหยี่น่ารักทำเอาคนกำลังงงซดน้ำซุปแก้เขิน  ร่างบางตักข้าวเข้าปากด้วยความหิวโหย





     

                อร่อยมาก  อาหารที่ลู่หานทำอร่อยรองลงมาจากที่คุณแม่ทำเลยครับ...อยากกินแบบนี้อีกตลอดไปจัง




     

                “ค่อยๆกินดิวะเดี๋ยวก็ติดคอตาย  เอ้าน้ำ”  เพราะรับปากว่าจะดูแลให้ดีกว่านี้เลยได้แต่เทน้ำแล้วตักเตือนให้กินช้าลงกว่านี้   แบคฮยอนเป็นคนกินข้าวเร็วมากยิ่งพอรู้จักกันดีเขาถึงรู้ว่าคนตัวเล็กกินทุกอย่างที่ขวางหน้า







     

                “งั่ม  ขิงดองอร่อยจัง”  ปากเล็กเอ่ยชมเยินยอหวังผล 







     

                “ซื้อมา”  ตอบเสียงเนือยแล้วดึงกระดาษทิชชู่ส่งให้คนกินข้าวเหมือนเด็ก  เลอะเทอะไปหมดเลย!




     

                “ว้าววว  เก่งจังเลยคุณสุดยอดในการทำอาหารเลย  แถมเลือกแต่ของอร่อยๆมากินอ่ะ”  คนตัวเล็กยิ้มแป้น  คีบผักหวานยำใส่ปากเคี้ยวกรุบกรับกับแตงกวาดองปากหยักสวยก็เจื้อยแจ้วพูดต่อไป  “ผมมีไอดอลเป็นคุณเลยนะขอบอก”




     

                “หื้ม  เพิ่งรู้รึไงฮะ”  พูดไปแบบไม่ทันได้คิดทบทวน  เผลอไผลกับคำเยินยอจนติดกับคนตัวเล็กอีกครั้ง...




     

                “ใช่เลย  ข้าน้อยสำนึกผิดแล้วท่านผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการ  ให้คำชี้แนะด้วย”  ยังคงชมคนบ้าตัวเองต่อไปเมื่อเริ่มเห็นผล  “ความจริงผมอยากกินบะหมี่เย็นนะคุณ  แต่ทำไม่เป็นอะมันยากมากเลยใช่มั้ยเฮ้อ”




     

                “ไม่เห็นจะยาก  ไว้เดี๋ยวจะทำให้กิน”






     

                “จริงเหรอ  นี่มีอีกนะคุณ  ผมอยากกินซุนแด  ออมเล็ต(ข้าวห่อไข่ กำเนิดมาจากญี่ปุ่นอยู่ในเมนูอาหารกลางวันเด็ก)  ข้าวผัดกิมจิ  ไก่โสม  ซุปกระดูกวัวนี่ก็อร่อย  คัลกุกซู(ก๊วยเตี๋ยวไว้ทานหน้าหนาวทำจากแป้งสาลี) จัมปง  ฉับเช(ผัดวุ้นเส้น)  ไก่ผัดซอสก็น่ากินด้วยเยอะแยะไปหมดเลยอ่ะที่สำคัญผมชอบสปาเก้ตตี้ที่สุดแต่ทำไม่เป็น  น่าเศร้าเนอะ”





     

                “เหอะ  ของง่ายมากแค่เนี่ย  ไว้จะทำให้กินละกัน”





     

                “ฮ่าฮ่า  โอเคเลย”  คนตัวเล็กตักข้าวเข้าปากแล้วเงียบกริบ  ได้ยินเพียงเสียงเคี้ยวข้าวเท่านั้นเว้นวรรคไว้ให้ร่างสูงได้คิดจนกระทั่ง...

     







     

                เอาดีๆคือลืมตัวป่ะ?  แม่ง!  กูโดนเด็กหลอกอีกแล้วโอ๊ย!









     

                “หึๆ  ถ้าไม่อยากผิดสัญญาอีกคุณต้องทำตามที่สัญญาไว้ด้วย”  ยกเรื่องเก่าขึ้นมาขู่กันโชค  คำสัญญาที่เหมือนประกาศิตไปแล้วตอนนี้สำหรับลู่หาน 



     

                เด็กแสบแบคฮยอนยิ้มร่าทันทีที่ร่างสูงพยักหน้าปลงหงึกๆคีบข้าวมากินกันจนเสร็จ  แล้วเป็นหน้าที่ของเจ้าคนคำพูดหักกรอบล้างจานเก็บโต๊ะให้สะอาด 




     

                “นี่คุณของใช้หมดแล้วว่าจะซื้อเพิ่ม  ไปข้างนอกกันป่ะ”  เสียงใสจนแน่ชัดว่าแข็งแรงแล้วเอ่ยชวนสารถีเบอร์หนึ่ง  คนอายุมากกว่ากำลังจะเปลี่ยนช่องโทรทัศน์ยกแขนยาวขึ้นเหยียดตรงทำนิ้มเป็นสัญลักษณ์ว่าโอเค



     

                แปลกจัง...เหมือนลู่หานทำตัวน่ารักมากขึ้นรึเปล่าน้า...ฮื่อ






     

                “แป้งกับยาสระผมก็หมดแล้วด้วยสิ  งั้นคุณไปอาบน้ำเร็วเราจะได้ไปกันสายๆรถติด”  ประโยคแรกพึมพำใช้ความคิด   พอล้างจานเสร็จก็เดินไปป่วนคนตัวโตกว่า



     

                “เพิ่งจะแปดโมงห้างที่ไหนจะเปิดวะ  มานั่งนี่มา”  พูดเสร็จก็ดึงรั้งร่างบางลงมานั่งข้างๆกันหวังให้อยู่นิ่งๆเสียบ้าง  “กินยายัง”



     

                “กินแล้ว...คุณวันนี้ไม่สบายเหรอ  ติดไข้ผมรึเปล่าทำไมแปลกๆ” เสียงใสเอ่ยถามด้วยความฉงนมึนงงกับความใจดีผิดปกติของคนข้างกาย




     

                “ฮื่อ  ไม่รู้สิ”  



               น่าจะเป็นไข้อยู่เหมือนกัน  ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ...ไข้ใจน่ะ  แต่รักษาด้วยการกินยาไม่น่าจะหาย...


    40%

     

              
               เสียงจ้อกแจ้กจอแจรอบบริเวณกว้างของห้างดังแห่งหนึ่งในตัวเมืองหลวง ผู้คนเดินขวักไขว่กันเลือกซื้อสินค้าในซุปเปอร์ใหญ่หนาตา  รถเข็นแสนคุ้นเคยเวลามาจับจ่ายของในครัวเรือนถูกเข็นโดนร่างสูงในชุดเสื้อยืดสีขาวพับแขนขึ้นของแบรนด์  
    Givenchy กับกางเกงผ้าลายทหารเขียวขี้ม้า  เสื้อผ้าสบายๆแต่กลับเรียกสายตาให้เหลียวหลังกลับมาดูกันเป็นตาเดียว คนตัวเล็กเดินนำหน้าในชุดเสื้อผ้าธรรมดากับผมทรงยุ่งเหยิงหลังจากหลับในรถมากำลังหยิบของใส่ตะกร้าตามที่ลิสรายการไว้ในกระดาษแผ่นเล็ก




     

                “เสร็จแล้วไปดูแปรงกัน”  เสียงหวานเอ่ยบอกสารถีรถเข็นแล้วช่วยลากให้ตรงมาตามทาง 



     

                “หื้อ  นายใช่ยี่ห้อนี้เหรอ?”  ร่างสูงถามอย่างสนใจเพราะว่าเขาจำได้ว่าแบคฮยอนใช้อีกยี่ห้อหนึ่งแถมแปรงของคนตัวเล็กก็ยังไม่หมดด้วย



     

                แบคฮยอนส่ายหน้าช้าๆสองสามที  ยกยิ้มขึ้นกว้างจนตาเรียวเล็กหรี่เกือบปิดลง  “ผมซื้อให้คุณ




     

                คำตอบแสนธรรมดาเรียกให้ลู่หานเลิกคิ้วขึ้นสูงด้วยความประหลาดใจ  พอสังเกตในตะกร้าดีๆอีกทีก็มีของใช้ส่วนตัวของตนปะปนกันไป 





     

                นี่แบคฮยอนใสใจเราขนาดนี้เลยเหรอ?




     

                “นมสดใส่กาแฟของคุณด้วยนะหมดแล้วอ่ะ  จริงๆผมไม่อยากซื้อเลยให้ตายสิกินกาแฟไม่ดีต่อสุขภาพนะ”  บ่นอุบอิบแต่ก็จำใจใส่ลงไปในตะกร้า  แบคฮยอนจำได้ดีว่าลู่หานไม่ชอบครีมเทียมเพราะมันไม่ดีต่อร่างกายหากทานกาแฟใส่นมตอนเช้าเขาจะใส่นมสดแทน  ส่วนตอนบ่ายแก่ๆคนทำงานชอบบ่นปวดหัวขอกาแฟดำบ่อยๆ  ยังไงซะแบคฮยอนก็คิดว่ามันไม่ดีทั้งหมดนั้นแหละ  ชาเอยกาแฟเอย



     

                คนอายุมากกว่ายิ้มกรุ่มกริ่มด้วยความดีใจ  รู้สึกสุขใจลึกๆมันวูบวาบขึ้นมาพร้อมความตื้นตันอยากจะเข้าไปกอดแน่นๆให้หายหมั่นเขี้ยวเสียจริง 



     

                “ไม่ชอบให้กินก็ไม่กิน”  คนตัวโตพูดออกมาลอยๆตามประสาคนขี้เก๊กมากท่า  แล้วเข็นรถนำคนตัวเล็กที่ยืนเลือกยี่ห่อนมสดอยู่อย่างชั่งใจให้หันมามองแล้ววางนมสดวงแทบจะทันที



     

                “จริงเหรอ  ไม่กินแน่นะ  ไม่อยากให้กินเลยมันไม่ดีถ้าคุณปวดหัวผมจะปั่นน้ำให้กินแทนดีป่ะ  นมอุ่นก็ช่วยได้นะคุณ”  วิ่งไปเกาะแขนเขย่า  ปากเรียวก็ยิ้มกว้างด้วยความดีใจ




     

                “พูดแล้วทำด้วยเหอะ  เมื่อเช้ายังงอแงให้คนอื่นทำให้กินอยู่เลย”



     

                “บ้า...โอ๊ะ  ปลาแซลม่อนลดครึ่งราคา!”  ตะโกนโหวกเหวกอยู่คนเดียวก่อนจะวิ่งพรึบเหมือนแม่บ้านตอนเห็นของลดราคาแหลกฝ่าฝูงชนคนมุงเข้าไปยืนฟัง  โดยที่ลู่หานยืนรออยู่ข้างนอกเป็นกำลังใจให้ด้วยใจชื้น




     

                บรรยากาศแบบนี้คุ้นๆเนอะว่ามั้ย?










     

                “เอาล่ะครับผมซิ่วหมินจะมาเป็นกรรมการในวันนี้  เวลาที่ทุกคนรอคอยมาถึงแล้วครับ! ปลาแซล ม่อนชิ้นโตๆในราคาที่ลดกว่าครึ่งสดใหม่และถูกกว่านี้ไม่มีอีกแล้วครับ  เรามาร่วมนับถอยหลังกันเลยดีกว่า!




     

                   เสียงตะโกนนับถอยหลังของเหล่าแม่บ้านพ่อบ้านดังกระหึ่มเรียกความสนใจให้คนที่มาช็อปของแผนกของสดได้เป็นอย่างดี  ลู่หานพยายามสอดส่องสายตาหาคนตัวเล็กที่มุดหายตัวเข้าไปในกองทัพยักษ์เป็นที่เรียบร้อย  นึกเป็นห่วงในใจเพราะขนาดตัวที่เล็กจะสู้แรงคนอื่นเขาไม่ได้เจ็บตัวออกมาเปล่าๆอีก 





     

                ไม่นานนักการนับถอยหลังก็สิ้นสุดลงก่อเกิดสงครามขนาดย่อมขึ้น 



     

                “กรี้ดดดดดดดของฉัน!”  มือใหญ่ๆของป้าคนหนึ่งเอื้อมมาพร้อมตะโกน




     

                คนตัวเล็กที่ไวกว่าคว้าอีกถาดแล้วปล่อยถาดที่มีป้าคนหนึ่งยื้อแย่งไปก่อนจะกอดเนื้อปลาแซลม่อนไว้ด้วยใจรักภาพเมนูลอยมาทันที  แต่จังหวะระหว่างที่กำลังย่อตัวแล้วมุดดุ๊กดิ๊กออกมานั้นมีมือดีแย่งเอาปลาในอ้อมกอดออกไปเสียก่อน  แบคฮยอนเลยเซถลาออกมาจากวงพร้อมล้มก้นจำเบ่า



     

                “แบคฮยอน!”  ร่างสูงรีบวิ่งเข้ามาประคองจังหวะเดียวกัน  จู่ๆถาดปลาแซลม่อนชิ้นโตก็กระเด็นหลุดออกมานอกวง  “ ** ฮ้า  ปลาแซลม่อน  คุณดูสิ!”  เหมือนโชคหล่นใส่คนตัวเล็กในวันนี้รีบเอาปลาหลบเข้าซุกในเสื้อทันทีหลังจากโชว์อวดอินทีเรียหนุ่ม



     

                “เป็นอะไรมากมั้ย”  เสียงทุ้มละมุนนุ่มนวลเอ่ยถาม  มือก็ค่อยๆประคองร่างบางให้ลุกขึ้นตาม  “แค่ปลาเดี๋ยวพาไปกินก็ได้  ดูสิเนี่ยเจ็บตัวหมดเลย”  เอ็ดเด็กดื้อไม่จริงจังนัก



     

                "ไม่เจ็บสักหน่อย  ขอบคุณน้า  เดี๋ยวเย็นนี้ผมทำแซลม่อนลมควันให้กินเลย!”  ไม่ได้สนใจคำบ่นงุบงิบเลยสักนิด


     

                “ฮึ่ย!  ไอ้เด็กบ้า  ไอ้เด็กดื้อ”  รู้สึกหมั่นเขี้ยวจนต้องส่งมะเหงกไปเขกหัวกลมๆเบาๆอย่างเอ็นดู



     

                “ฮี่ๆ  ดื้อแล้วรักป่ะล้า~”  แกล้งเย้าหยอกคนตัวโตกว่าเล่นให้หน้าแดงเขินอายไปเหมือนอย่างทุกครั้ง  ทว่ากลับไม่เป็นอย่างที่คิดเมื่อคำตอบที่ได้เหมือนกระจกสะท้อนกลับโดนเข้าเอง  เล่นเองเขินเอง









     

     

                “รักครับเด็กดื้อ


     

                บู้มแล้วเราก็ระเบิดกลายเป็นโกโก้ครั้น



    75%
     

     

               กว่าจะซื้อของเสร็จกันปาไปบ่ายโมงกว่า  ลู่หานแอบบ่นว่าปวดท้องเพราะเลยเวลาเที่ยงกว่ามาแล้วกว่าจะกลับบ้านไปทำอาหารก็มื้อเย็นพอดี  และเนื่องจากคนตัวเล็กยังคงงอแงว่าอยากกลับบ้านไปทำปลาแซลม่อนลมควันให้ทานไวๆทั้งสองคนเลยมาจบที่ร้านอาหารญี่ปุ่นในห้างสรรพสินค้าชั้นนำของกรุงโซล 


     

                ภายในร้านมีโต๊ะสองแบบให้นั่งทั่งเป็นเก้าอี้แล้วก็ที่นั่งเสื่อแบบส่วนตัวให้อารมณ์ญี่ปุ่นอีกแบบ  ขึ้นชื่อว่าส่วนตัวเป็นอะไรที่อินทีเรียหนุ่มต้องการดังนั้นเลยจบลงมุมเงียบๆมุมหนึ่ง  ขณะเดียวกันที่พนักงานกำลังรอรับออเดอร์คนตัวเล็กก็หน้านิ่วคิ้วขมวดเลือกเมนูอย่างสองจิตสองใจเพราะอาหารแพงน่ากินทั้งนั้นอยากจะจิ้มนิ้วสั่งทุกอย่างมาทาน ผิดกับตอนชานยอลอยากจะเลี้ยงอาหารราคาแพงแบคฮยอนกลับเสีย ดายและเกรงใจ



     

                “เลือกได้ยัง”  เสียงทุ้มแหบเอ่ยถามขึ้น  “อยากจะกินอะไรก็สั่งเถอะ  ขืนรอนายเลือกอย่างเดียวคงรอร้านปิดพอดี”  พูดไปพลางส่งเมนูคืนไปพลาง


     

                “จริงเหรอคุณ  โหยผมไม่เกรงใจนะ”  ยิ้มร่าอารมณ์ดีเสียจริงๆ  ไม่รู้ว่ามันวันดีอะไรลู่หานถึงใจดีมากมายขนาดนี้


     

                แล้วคนตัวกลมสรรพนามใหม่ของแบคฮยอนก็ถือกำเนิดขึ้น  เมื่อคนตัวเล็กสั่งอาหารมาตามความ ชอบใจตัวเองจนล้นโต๊ะและไม่มีทีท่าว่าจะอิ่มเลยแม้แต่น้อย  ในขณะที่คนตัวโตอิ่มจนแทบขย้อนออก


     

                “ปากเลอะ”  เอ็ดคนกินมูมมามตลอดเวลาก่อนเอื้อมมือเข้าไปใกล้ๆใบหน้าหวานไล่นิ้วหยาบกร้านแต่อ่อยโยนไปตามมุมปากบนเบามือ  “กินดีๆสิฉันไม่รีบ”


     

                “อะ  อื้อ”  ขานรับ  ลำคอค่อยๆกลืนข้าวลงคออย่างยากลำบาก








     

                ฮื่อ  มาทำแบบนี้ก็เขินนะสิคุณ!


     

                “เป็นไร  เขินเหรอหื้ม?”  น้ำเสียงยั่วยวนกวนประสาตเอ่ยแซว  เล่นเอวใบหน้ากลมเห่อร้อนอยากจะมุดดินแล้วหายไปจากตรงนี้ซะ



     

                ให้ตายสิ!  ไอ้บ้าไอ้คนแก่  ฮึ่ย



     

                “แหม  ถ้าผมทำแบบนี้บ้าง...”  ไม่พูดเปล่าคนตัวเล็กเขย่งตัวเอนไปด้านฝั่งตรงข้ามในท่าชั้นเข่าแล้วนิ้วเรียวสวยก็สาธิตการปาดซาวครีมให้เลือดหัวใจสูบฉีดแก่คนขี้แกล้ง  “...คุณก็หน้าแดงเหมือนกันนั้นแหละ”  ชักมือกลับมาแล้วก้มหน้าก้มตากินข้าวต่อแก้เขินจนหมดโดยไม่มีใครพูดอะไร  รอยยิ้มที่ต่างคนต่างมีเปื้อนบนใบหน้าจนหุบไม่อยู่












     

               

                “ถึงบ้านแล้วเย้!”  คนตัวเล็กกระโดดลงจากรถแล้วไปยืนประจำตำแหน่ง  รอคนตัวสูงแสนยืดยาดมาเปิดเอาของลง  คำที่ว่าไม่มีที่ไหนสุขใจเท่าที่บ้านคนเป็นเรื่องจริง  พอเห็ฯบ้านแล้วมันอบอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก



     

                “ค่อยๆถือนะ  อันนั้นหนักเดี๋ยวถือเองเอาเบาๆไป”  ลู่หานแยกของเบาส่งให้แบคฮยอนถือส่วนตัวเองก็รับหน้าที่ถือพวกถังนม  ขวดซอสปรุงรสกับถุงข้าวสาร  “นี่!  อย่าวิ่งสิวะ”  ไม่วายตะโกนเอ็ดไล่หลังเด็กดื้อ



     

                ร่างเล็กสาวเท้าเร่งรีบไขกุญแจก่อนสัมผัสถึงความเย็นภายในตัวบ้าน  กลิ่นอายเอกลักษณ์ของบ้านชวนคิดถึงเสียเหลือเกิน  จึงทิ้งของที่ถืออยู่เต็มสองมือไม้บนโต๊ะกระจกแล้วเทตัวลงนบโซฟากว้างหลับตาพริ้มรอฟังเสียงบ่น  หวังเอนกายสักนิดก็ยังดี


     

    แกร๊ก


     

    เสียงปิดประตูบ้านชั้นแรกตามมาด้วยเสียงเปลี่ยรองเท้าเดินในบ้านและประตูเลื่อนอีกบานด่านสุดท้าย



     

    “เฮ้ย  อย่านอนอืดดิวะ  มาเก็บของเลยอย่าอู้”  ร่างสูงวางของในมือบนโต๊ะกินข้าวแล้วกันมาเร่งจอมขี้เกนจอีกรอบ  “เร็วเลย  ล้างไก่ให้สะอาดหมักใส่กล่องด้วย  ปลาที่ซื้อมาก็แกะออกจากพลาสติกใส่กล่องแต่อย่าเพิ่งหมักนะ  ปลาเป็นเนื้อที่ซึมซับเร็วไว้กินค่อยหมัก  ผักนี่มัดให้สนิทเมื่อเช้าเห็นออกันอยู่ในถึงเดียวกันเน่าไปหมด  นิ!ฟังสิวะ  ถ้าไม่ลุกจะเอาขนมไปทิ้งให้หมดเลย!



     

    “โหยยย  อย่านะคุณ!  ผมลุกแล้วฮื่อออ  อย่าทิ้งขนมเขานะตัวเอง” 



     

    “หึทำให้เรียบร้อยก่อนฉันลงมาเข้าใจมั้ย”  ลู่หานปลดกระดุมสองเม็ดบนออกก่อนจะเดินจากไปทิ้งพาละหนักอึ้งเอาไว้กับสองมือน้อยๆ 



     

    หน๊อย  สั่งเอาๆ  ที่เมื่อวานง้อเขาล่ะมาทำหงอ ชิ



     

    ในใจก็บ่นกระปอดกระแปดแต่สองมือสวยยังคงหยิบจับของมาจัดเรียงให้เข้าที่เข้าทางตามคำสั่ง  ดึงถาดปลาแซลม่อนแสนสาหัสชื่อใหม่เพิ่งแต่งตั้งให้ออกจากถาดพาสติกใส  เตรียมชามสแตนเลสหมักไก่ก่อนจะนึกอะไรขึ้นมาได้  รีบทำแล้วรีบไปจัดการสำหรับเย็นนี้



     

     








     

    ลู่หานเดินลงบันไดวนมาชั้นล่างด้วยเสื้อผ้าตัวใหม่เสื้อยืดกางบอลสบายๆ  ชะเง้อคอหาคนในห้องครัวก็ไม่พบ  ก่อนไล่สายตามาจนเจอคนตัวเล็กฟุบหลับบนโต๊ะทำงานของตัวเอง  ระยิ้มเอ็นดูก่อนเดินเข้าไปใกล้ๆ  อยากจับคนตัวเล็กมาตีก้นเสียให้เข็ดจะได้ไม่มานอนให้ปวดคอแบบนี้อีก 


     

    ง่วงยังฝืนอีก  แล้วนี่ทำอะไรล่ะเนี่ย


     

    “หื้อ...?”  สายตากลมโตจดจ้องแผ่นกระดาษเอสี่วางระเกะระกะไปมากับสมุดโน้ตเล่มบางหนึ่งเล่มเปิดค้างไว้อยู่





     

    มันไม่ใช่นิยาย...แต่เป็นชื่อของเขา  เรื่องของเขา






     

    อาหารของลู่หาน

    วันนี้ดูเหมือนเขาจะปวดท้องอีกครั้งหลังจากทานข้าวไม่ตรงต่อเวลา  ล่าสุดเมื่อวันก่อนอาการของเขาปวดทองหลังจากกินกิมจิรสจัดที่เราลองหมักเอง  สรุปว่าเขาเป็นโรคกระเพาะดังนั้นอาหารสำหรับคนที่เป็นโรคกระเพาะคือห้ามรสจัด

    คนเป็นโรคกระเพาะควรงดดื่มชา กาแฟ  เหล้า สูบบุหรี่ ยากัดกระเพาะ

    เมนูปลาช่วยย่อยง่ายเหมาะสำหรับคนเป็นโรคกระเพาะ 

    ผักใบเขียวทุกชิดรวมถึงเห็ดดีต่อสุขภาพ...

              **** ห้ามเครียดเด็ดขาด ****







     

              เขาไม่รู้เลยว่าระหว่างที่เอาแต่คิดเรื่องของตัวเองอยู่ตลอดเวลากำลังมีคนคอยปลีกเวลาของตัวเองมาสนใจ  คอยสังเกตแล้วหาทางเยียวยาโรคที่แม้แต่คนในบ้านก็ยังไม่รู้...เขากลัวคนอื่นจะเป็นห่วงจนบางทีก็อดทานของอร่อยเพราะเขา  แต่แบคฮยอนสามารถทำทุกอย่างให้ดูสมดุลไม่ให้เขารู้ตัวเพราะรู้ว่าคนหยิ่งรักศักดิ์ศรีอย่างลู่หานต้องไม่ยอมให้เขาดูแลแน่ๆ



     

                “ทำไมมีแต่ผัดผักละวันนี้?  มังสวิรัติเข้าสิงเหรอหื้ม”

     

              “ไม่นะ  มีปลาด้วย กินๆไปเหอะน้าบ่นจัง”

     

              อย่างวันนี้ก็เช่นกัน

     

                “ไม่กินไม่ได้เหรอกาแฟ”

              ...




     

              คำว่าตื้นตันจุกอกมันก่อตัวขึ้น  ขอบคุณและมากกว่าขอบคุณเขาไม่รู้ว่าจะอธิบายอารมณ์พวกนี้ว่าอะไรดี  ขอบตามันร้อนผ่าวพร้อมความปลื้มเอ่อล้นออกมา  อยากกอดคนตัวเล็กให้แน่นๆแล้วพูดว่าขอบคุณจากใจจริงๆความรู้สึกที่ขาดหายไปตั้งแต่เด็กที่ไม่เคยได้รับรู้มัน  ตอนนี้เขารู้แล้วว่ารู้สึกดีแค่ไหน




            บางครั้งให้ขณะที่เรากำลังเหมือนขีวิตขาดอะไรสักอย่างไปจนลืม   แล้วมีคนมาสะกิดความรู้สึกนี้ด้วยสิ่งที่เรียกว่าเติมเต็ม  มันมีความสุขมากมายเหนือนับคณา





     

                ลู่หานไม่รู้เลยว่าตัวเองมีความสุขแล้วก็ดีใจจนรอยยิ้มผุดขึ้นตลอดเวลาแค่ไหนตั้งแต่รู้จักกับคนตัวเล็กคนนี้  เขาไม่รู้เลยว่าตัวเองกำลังตกหลุมพรางสิ่งที่เรียกว่าความจริงใจและซื่อตรงแบบไม่รู้ตัว  แบคฮยอนเริ่มต้นจากคำว่าให้โดยไม่หวังผลตอบแทน  ให้กำลังใจ  ให้คำปรึกษา  ให้ความอบอุ่น


     

                “ขอบคุณนะขอบคุณ...ขอบคุณที่เป็นห่วงกัน” 


     

                คำว่าชอบ  ชอบมาก  ชอบที่สุด  รัก  รักมาก  รักที่สุด  เขาคิดว่าตัวเองกำลังจะเป็นบ้ากับคำเหล่านี้ที่นับวันยิ่งเพิ่มพูนมากขึ้น


     

                ถ้าอยากดูแล  อยากถะนุถนอม...มันควรใช้คำบัญญัติอารมณ์เหล่านั้นว่าอะไรดี?




     

                “ฝันดีนะตัวเล็ก”  ลูบกลุ่มผมนุ่มก่อนริมฝีปากจะประทับหน้าผากสวย...

     

     

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -



    แค่เราสองคนจับมือกันมั้ย
    เหมือนกะทะกับตะหลิว
    แล้วให้สายลมนำพาเราไป

    ----------------------------------

    ครบแล้วฮ่อลลลตอนนี้อยากสื่ออะไรหลายอย่างจริงๆ
    มันหลากหลายอารมณ์ไปแต่มันเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่

    แล้วตอนนี้พีก็รู้สึกถูกเติมเต็มเหมือนพระเอก
    ขอบคุณนักอ่านครอบครัวเดียวกันที่เติมเต็มความโหวงเหวงให้กัน
    ขอบคุณมากๆ  ถ้าคนในครอบครัวเรามีความสุขพีก็มีความสุขเช่นกันคะ
    ดังนั้นเรามามีความสุขให้กันและกันเถอะเนอะ  สู้ๆ



    ถ้าชอบก็เม้นและแท๊ก  #ฟิคกลับบ้าน
    พูดคุยกันนอกจากติดแท๊กก็  @peepanggy


     

     
    thank you:)  Shalunla
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×