ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ exo ] 。 take me home ♡ { lubaek } ending

    ลำดับตอนที่ #14 : - take me home : chapters - 013 { 100% }

    • อัปเดตล่าสุด 3 ก.ค. 57






     

    - HATE -


     

    chapters – 013

     
     

                    เสียงย่ำลงพื้นจากวัตถูกกดลงหนักบนพื้นเฉอะแฉะ  ร้องเท้ากีฬาราคาแพงเปรอะเปื้อนเต็มไปด้วยคราบโคลนจากแอ่งน้ำนองขังหากแต่เจ้าของหาได้สนใจกับสิ่งของในเวลานี้ไม่  สมองประมวลหาตู้โทรศัพท์สาธารณะที่หลบฝนของคนตัวเล็กแถวสวนสนุกลอตเต้  เรียวขายาวก้าวฉับหมุนวนรอบตัวหันซ้ายหันขวาท่ามกลางสายฝนพร่ำจนกระทั่งสายตาเฉียบดวงโตปะทะเข้ากับหนุ่มน้อยในชุดเสื้อยืดกำลังคีบคิมบับเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อยแต่ทว่าหากสังเกตดีๆดวงตาเรียวเล็กนั้นไม่ได้มีความสุขเลยแม้แต่น้อย...





     

                “แบคฮยอน...”  ชานยอลพึมพำเรียกชื่อคนตัวเล็กออกก่อนขาสองข้างจะก้าวยาวประชิดตู้โทรศัพท์ในสภาพเปียกปอน  ทรงผมเซทเมื่อกลางวันลู่ลงมาปรกหน้าเพราะเปียก 



     

                เสียงวิ่งมาแต่ไกลทำให้แบคฮยอนเงยหน้าขึ้นไปมองขณะกินข้าวกล่องของมื้อเย็นคนเดียวสองกล่องด้วยความหิวโหย  ดวงตาเบิกโผลงทันที่ที่เห็นสภาพคนร่างสูงวิ่งฝ่าฝนมาหาและไว้กว่าความคิดทั้งยังไม่ได้ทักทายกันเป็นกิจจะลักษณะก็คว้าข้อมือหนาเข้ามาหลบในตู้โทรศัพท์ด้วยอีกคน 



     

                “ขอบใจนะ”  ชานยอลยกยิ้มกว้างโชว์ฟันสีขาวสะอาดเรียงสวย 



     

                “ฮื่อ  ขอบใจอะไรกันเราต่างหากต้องขอโทษด้วยซ้ำ  ทำไมเปียกแบบนี้ล่ะชานยอล”  ร่างบางโวยวายเสียยกใหญ่ว่าความผิดตัวเอง  คนรู้สึกไม่ดีรีบควานหาผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าผ้าทันทีก่อนจะยื่นส่งให้คนตรงหน้า



     

       “พอดีลืมหยิบร่มมา...ไม่ต้องมาขอโทษกันเลยนะครับ แล้วนี่ทำไมแบคฮยอนเปียกโชกเป็นลูกหมาขนาดนี้ล่ะเนี่ย...แล้วกล่องนั่น”  เอ็ดคนตัวเล็กตรงหน้าแล้วชี้ไปยังข้าวกล่องที่วางทิ้งไว้บนพื้น  คนตัวเล็กยิ้มจนปากสี่เหลี่ยมชมพูระเรื่อด้วยความหนาวก้มลงเก็บข้าวกล่องขึ้นมาปิดฝาแล้วใส่ลงในถุงผ้าอย่างเดิม



     

                ความรู้สึกจุกอกจนกลืนน้ำลายไม่สะดวกแล่นแปล๊บเข้ามาในจิตใจของร่างสูงทันที...






     

                “แฮ่ๆ  กล่องข้าวอ่ะ”  ยิ้มตอบเขินๆ  สภาพเขาเมื่อครู่คงดูตลกมาก




     

                ชานยอลไม่พูดอะไร  ตอนนี้เขาเป็นห่วงแบคฮยอนจนแทบจะเป็นบ้าเหมือนไม่ใช่ตัวเอง...ควบคุมหัวใจตัวเองไม่ได้  เขาถอดเสื้อคลุมตัวยาวออกแล้วสวมไว้เกาะไหล่บางที่สั่นเทิ้ม  ร่างบางช้อนตาขึ้นมองคนตรงหน้าแป๋ว


     

                “ใส่ไว้ครับจะได้อุ่นๆ  แล้วเดี๋ยวไปทานข้าวกัน”  ชานยอลเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้มชวนให้อบอุ่น ก้มลงมองใบหน้าหวานแก้มแดงฝาดแล้วต้องหลุดยิ้มอีกครั้ง


     

                “ชานยอลไม่หนาวเหรอ  เอาคืนไปเถอะผมโอเคอยู่”


     

                “ยังจะดื้ออีก  ดูสิปากซีดหมดแล้วผมว่าเรารีบไปจากตรงนี้กันดีกว่า  ฝนยังไม่ตกหนักมาก”


     

                “พูดครับอีกแล้ว...อื้อ..ขอบคุณนะชานยอล”  ก้มเก็บกระเป๋าขึ้นมากอดซุกหน้าอกไว้ไม่ให้เปียกแล้วกล่าวขอบคุณเบาๆ





     

                “พูดมากน้าเรายินดีทำให้  ป่ะ!  ไปกัน”






     





     

             ลู่หานยกมือนวดขมับหลังจากกล่อมคยองซูให้ทานข้าวอาบน้ำและนั่งรับฟังปัญหาหัวใจที่คนเมาพร่ำเพ้อออกมาไม่รู้ว่าใครแต่เมื่อมารดาของเพื่อนไหว้วานมาเลยยากปฏิเสธกว่าจะจัดการให้คนตัวเล็กเข้านอนก็ล่วงเลยมาเป็นเวลาสามทุ่มกว่าแล้ว  ร่างสูงเอื้อมมือเข้าไปปิดไฟตรงหัวเตียงก่อนเดินออกมาข้างนอกห้องเพื่อจะกลับบ้าน 





     

                เดี๋ยวนะ  เหมือนกูลืมอะไรเลยว่ะ









     

                แบคฮยอน!






     

                นึกได้ดังนั้นก็รีบจอดรถข้างทางเปิดไฟกระพริบแล้วควานหาโทรศัพท์เพื่อโทรหาอีกคนที่ตนลืมนัดวันนี้เสียสนิทก่อนสไลด์หน้าจอดูเบอร์โทรที่ค้างไว้สายก็สะดุดหากแต่สายตาก็ไม่สะดุดกับเบอร์ที่โทรเข้ามานับร้อยสายกับอีกสิบกว่าข้อความทำเอาคนตัวโตถึงกับรู้สึกหน้าชา  รู้สึกผิดที่ตัวเองทิ้งอีกคนไว้ไม่โทรบอกอีกต่างหาก  ร่างสูงกดดูข้อความล่าสุดแล้วก็โล่งใจเมื่อแบคฮยอนส่งมาว่ากลับบ้านแล้ว



     

                แล้วไป...


     

    15%

     

     

            รถออดี้สีดำคันงามผ่านน้ำฝนจอดสนิทหน้าบ้านหลังสีขาวสุดซอยติดทะเลสาบ  ร่างสูงเดินตัวปลิวคงกุญแจบ้านเพื่อจะไขประตูรั้วหากแต่ต้องชะงักลงเมื่อพบว่าบ้านทั้งหลังมืดสนิท  บรรยากาศเงียบเฉียบเสียจนเหมือนไม่มีใครอยู่




     

                ยังไม่กลับเหรอ?





     

                รู้สึกเอะใจแปลกๆจนรีบพรวดพลาดเข้าไปในบ้าน 


     

            “แบคฮยอนแบคฮยอนได้ยินมั้ยอยู่ไหนวะ!!”  สบถออกมาหลังจากไร้ปฏิกิริยาตอบรับจากคนตัวเล็ก  ผลักประตูห้องนอนเข้าไปดูแล้วก็พบว่ามันว่างเปล่า  ทั้งห้องน้ำ  ห้องครัว  แม้แต่ห้องเก็บของก็แล้ว  ร่างสูงวิ่งวุ่นไปทั่วบ้านไม่เพียงเท่านั้นยังบริเวณรอบตัวบ้านและทะเลสาบ







     

                แบคฮยอน...หายไปไหน






     

                แฮ่ก  แฮ่ก

     

                เสียงลมหายใจเหนื่อยหอบถูกพ้นออกมาติดต่อกัน  พยายามนึกว่าร่างเล็กอยู่ที่ไหนบ้างทันทีก็ฉุกคิดขึ้นมาได้  ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋ากางเกงขึ้นมาเปิดข้อความล่าสุดจากบยอนแบคฮยอนสายตาก็ไล่ไปจนเจอเวลาที่ส่ง  หนึ่งทุ่มสิบนาที 


     

                ไอ้บ้าเอ่ย!!  ถ้ารู้ว่าไม่มาก็ไม่น่ารอสิ!!


     

                ลู่หานขยี้ผมตัวเองอย่างหัวเสียกดโทรหาคนตัวเล็กอีกครั้งก็ไม่มีคนรับ  จิตใจเริ่มกระวนกระวายไม่เป็นสุขทันเท่าความคิดมือหนารีบหยิบกุญแจรถแล้วขับออกไปที่ที่คิดว่าน่าจะอยู่...สวนสนุก












     

               

     

                “ถึงแล้วครับ”  ชานยอลดับเครื่องยนต์ก่อนหันมามองคนนั่งเบาะข้างกัน 


     

                ใบหน้าหวานตียุ่งคิ้วขมวดปมแล้วหน้าเหวอเมื่อเห็นว่าที่นี่ไม่ใช่ร้านอาหาร  แต่ทว่ากลับเป็นโรงจอดรถชั้นใต้ดินของคอนโดฯแห่งหนึ่งในกรุงโซล 


     

                “ที่นี่มัน...บ้านชานยอลเหรอ?”  แบคฮยอนคนฉลาดถามขึ้นทันควัน


     

                “ใช่เลยคนเก่ง  ดึกขนาดนี้ไม่มีร้านไปเปิดเลยฝนตกด้วยทานข้าวที่ห้องเราดีกว่า”  ชานยอลฉีกยิ้มกว้างก่อนจะเอื้อมมือไปหยิกแก้มอย่างหมั่นเขี้ยว 



     

                “งื้อออ  เอ๋”  มือหนาเลื่อนหลังมือขึ้นไปแตะหน้าผากทันทีเมื่อสัมผัสถึงอุณหภูมิร้อนของร่างกายที่สูงขึ้น  สำรวจใบหน้าริมฝีผากซีดเผือดนัยน์ตาเยิ้มเชื่อม  เหงื่อผุดขึ้นแล้วลมหายใจหอบถี่  “มีอะไรเหรอ”  ร่างบางถามด้วยความสงสัย


     

                “รู้สึกปวดหัวมั้ยหรือรู้สึกเมื่อยตัวเทือกนั้น”  ร่างสูงเอ่ยถามเพราะถ้าเดาไม่ผิดแบคฮยอนโดนไข้กินเสียแล้ว


     

                “ชานยอลรู้ได้ไงอ่า...อื้อปวดหัวแล้วก็โลกเหวี่ยงด้วย”



     

                “ไม่สบายแล้วครับ”  ไม่รอช้ารีบลงจากรถแล้วเดินข้ามไปอีกฝั่งช้อนร่างบางขึ้นแล้วใช้เข่าปิดประตูรถทันที  ทำเอาแบคฮยอนตกใจแต่ก็ไม่ได้ขัดขืนอะไรเหมือนตัวเองเริ่มเมาไอร้อนของไข้หวัดสังเกตลมหายใจตัวเองก็ร้อนจี๋  เปลือกตาคล้ายจะผิดตลอดเวลา



     

                ร่างสูงกดลิฟต์ชั้นยี่สิบห้า  ก้มหน้ามองคนตัวเล็กบางครั้งใจก็ร้อยรนนึกถึงแต่วิธีดูแลผู้ป่วยยังไงดี  เดิมทีเขาเคยดูแลคยองซูตอนไม่สบายอยู่เมืองนอกมาบ้างหากแต่ช่วงเวลานี้เขากลับรู้สึกทำอะไรไม่ถูกเลย เมื่อลิฟต์เปิดออกขายาวก็สาวเท้ากว้างเสียบคีการ์ดแล้วเดินตรงไปยังห้องนอนตัวเองทันที



     

                “หนาว...”  คนป่วยเริ่มงอแงเมื่อร่างกายระบายไอร้อนออกมารอบตัว  ดวงตาปรื๋อจะหลับแหล่ไม่หลับแหล่



     

                “เดี๋ยวเช็ดตัวให้นะ”  ดวงตาโตเลิกลั่กกำลังลำดับความคิดว่าควรทำอะไรก่อนดี  ปิดแอร์เสร็จแล้วก็เตรียมกะละมังเล็กในห้องน้ำผ้าขนหนูพื้นเล็ก   คิดได้ดังนั้นก็ก้าวออกจากห้องไป



     

                ครืด  ครืด


     

                เสียงโทรศัพท์มือถือระบบสั่นแบบเบากำลังแผดเสียงร้องอยู่ภายในกระเป๋ากางเกง  แต่ทว่าเวลานี้แบคฮยอนไม่สามารถรับรู้ความรู้สึกนั้นได้หัวสมองมันเบลอแผ่ซ่านปวดระบมไปหมดหรือถ้ารับรู้ก็คงไม่มีแรงที่จะหยิบในเมื่อแค่หายใจตอนนี้ยังลำบาก  จนในที่สุดมันก็เงียบหายไป...






     

                ไม่นานนักเจ้าของห้องก็เดินมาพร้อมสิ่งของที่ต้องใช้  ยาลดไข้


     

                อ๋า  จำได้ว่ามีเจลลดไข้อยู่ในตู้เย็นนี่นา


     

                วิ่งออกไปอีกรอบโทรศัพท์ก็สั่นขึ้นมาอีก...ดูเหมือนคนที่โทรมาจะไม่มีบุญวาสนาหรืออย่างไรกันแน่

     

     

                ชานยอลกลับมาพร้อมของทุกอย่าง เขาพับแขนเสื้อเชิ้ตสีขาวขึ้นสามทบตามด้วยจุ่มผ้าลงในน้ำอุ่นบิดจนแห้งหมาดแล้วเช็ดอย่างแผ่วเบาบริเวณใบหน้าเป็นที่แรก  จังหวะที่กำลังเช็ดอยู่นี้เองมือเรียวสวยของคนป่วยก็ยกขึ้นมาจับหมับ



     

                “ฮึก...อย่าปล่อยมือ...ผมกลัวหลง”  ดวงตาสวยหลับพริ้มละเมอออกมาพร้อมหยดน้ำตาไหลกลิ้งด้านข้าง



     

                เด็กน้อย...



     

                ชานยอลเกลี่ยเช็ดน้ำใสแผ่วเบา  เผลออมยิ้มออกมาไม่รู้ตัวยกให้คนตัวเล็กถูแก้มนิ่มๆลงบนหลังมือไม่กล้าขัดสัทธา  ส่วนอีกข้างที่ว่างก็บรรจงเช็ดตัวให้คนตัวเล็กต่อไปอย่างทุลักทุเลจนเสร็จแล้วผล็อยหลับตามไปเฝ้าพระอินทร์(?)ด้วยกัน



     

               






              เวลาล่วงเลยมาจนถึงตีสอง  เสียงท้องร้องโครกครากของตัวเองทำให้คนตัวเล็กตื่นขึ้นกลางดึกสภาพงัวเงียมึนงงด้วยพิษไข้ก่อนหน้าที่บัดนี้ลดลงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว  พยายามปรับโฟกัสรอบตัวเพดานผนังห้องนอน...








     

                เฮือก!


     

                บ้านชานยอลเพื่อนรักนิ!



     

                สัมผัสที่ฝ่ามือบีบแน่นขึ้นจนต้องหันมาสนใจ  ชานยอลลืมตาตื่นขึ้นสะลึมสะลือพอเห็นว่าแบคฮยอนตื่นแล้วก็ตาสว่างตามกันมา 



     

                “แบคฮยอน”  เรียกชื่ออีกฝ่ายแต่กลับง่วนหาปรอทวัดไข้ดิจิตอล  “อ้าปากสิครับ”  สั่งขึ้นมาทันที  คนป่วยก็ทำตามอย่างงงๆ  พยายามนึกเรื่องก่อนหน้านั้น



     

                “เรามาอยู่ที่นี่ได้ไงอ่ะ”  แท่งปรอทสีขาวถูกดึงออกจากผากอวบอิ่มก็เอ่ยถามทันที  ชานยอลเลิกคิ้วกับผลลับที่ได้




     

                “ลดลงไปเยอะแล้วนะ  แต่ว่าต้องพักผ่อนกินยานอนอีกสักหน่อยก็หายแล้วครับ” 




     

                “อ๋อ  เราไม่สบายชานยอลเลยดูแลเหรอ”  ว่าที่นักเขียนใช้เวลาทำความเข้าใจไม่นานก็ได้ข้อสรุปย่อ  ร่างสูงยิ้มละไมส่งมาให้แล้วใช้หลังมือแตะหน้าผากวัดความร้อนด้วยความเองอีกครั้ง




     

                “ใช่เลย  ตอนนี้แบคฮยอนนอนไปก่อนนะครับ  เดี๋ยวไปทำอาหารให้แล้วทานยาค่อยนอนต่ออีกรอบ” 




     

                “ว้าว  ขอบคุณมากเลยนะครับผมรบกวนคุณใช่มั้ยเนี่ย”  กุมมืออีกฝ่ายแล้วเขย่าขอบคุณสุดซึ้ง  กับน้ำใจของเพื่อนหูกางตัวโต 



     

                “ถ้าขอบคุณห้ามหลุดพูดทางการออกมาอีกนะ  เอาล่ะผมจะไปทำอาหารแล้วแบคฮยอนก็นอนพัก  โอเคนะครับ”



     

                “เฮ้ย  ไม่ดีกว่าเราช่วยกันทำจะได้เสร็จไวๆ”  ร่างบางบนที่นอนกำลังจะลุกขึ้นมา  แต่ก็ถูกกดไหล่บางให้นอนลง



     

                “อย่าดื้อนะ  เดี๋ยวไม่หายต้องรบกวนเราอีกยาวเลยไม่ต้องกลับบ้านกันพอดี”


     

                บ้าน...



     

                “อื้ม...ได้เลยรีบๆมานะ”  ระบายยิ้มบางๆส่งให้เพื่อนรักแล้วด้วยเองก็นอนในท่าหงายหน้า  รอจนเสียงประตูปิดก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูทันที




     

                หน้าจอสว่างขึ้นพร้อมกับเบอร์คุ้นเคยในช่วงนี้กำลังโทรเข้ามาพอดิบพอดี  'ลู่หานไอ้บ้า' นิ้วเรียวลูบปุ่มกดรับสายชั่งใจอยู่สักครู่หน้าจอก็ดับไปพร้อมโชว์เบอร์ก่อนหน้าที่โทรมาหกสิบกว่าสาย...







     

                เอาไงดีเนี่ย  ทำไมโทรมาซะเยอะเลย...แต่เดี๋ยวก่อนนะ!



     

                นี่แหละสำหรับคนผิดคำพูดถ้าไม่ถึงจำนวนร้อยแปดสายที่เขาโทรหาอีกคนก็อย่าหวังว่าเขาจะรับสายเลย  ต่อไปจะได้หัดรักษาสัญญาเสียบ้าง  คิดว่าคนอย่างแบคฮยอนเป็นใครกันเป็นถึงเจ้าของบ้านเลยนะกล้าทิ้งกันแบบนี้แล้วตัวเองก็หายหัวไปไหนได้ไงกัน  เชอะคอยดูนะ!   ฮึ!

     

     



    40%

     

     

               




              คนตัวเล็กนอนกลิ้งไปกลิ้งมาด้วยความสะใจอยู่ได้สักพักก็รู้สึกหายปวดหัวเป็นปลิดทิ้ง  เขาคงจะขอรบกวนค้างที่นี่จนกว่าจะเช้าเพราะกลับบ้านเวลานี้มันไม่มีรถกว่าจะมีก็ตีห้าคาดว่าคงไปรบกันอีกนาน








     

                ไหนๆก็จะขอรบกวนแล้ว...ออกไปช่วยคนในครัวดีกว่า


     

    “หื้ม  ทำไมคนป่วยไม่นอนล่ะครับ”  ชานยอลเสียงทุ้มเอ่ยทักคนตัวเล็กที่ชะเง้อหน้าออกมาดูจากประตูห้องนอน  รอยยิ้มบางฉายบนใบหน้าเมื่อเห็นเด็กดื้อไม่ยอมทำตามคำสั่งอย่างเอ็นดูไม่นานนักแบค ฮยอนก็เดินย่องออกมาสีหน้าสดใสกว่าก่อนหน้าอีก



     

                “ฮะๆ  จะให้คนสบายดีไปนอนรอกินอย่างเดียวได้ไง  นี่เพราะเราได้หมอดีนะเนี่ย”  เยินยอคนตัวสูงก่อนจะเดินไปยืนข้างๆชะโงกหน้าดูของในหมอที่ส่งกลิ่นหอมกรุ่นออกมาไม่หยุด



     

                “โจ๊กเห็ดหอมน่ะ  แบคฮยอนชอบมั้ย”  ยิ้มละมุนถามส่วนอีกคนพยักหน้ารัวๆลอบกลืนน้ำลายอึกใหญ่  “ฮ่าๆ  งั้นยิ้มถ้วยในตู้กับจานลองมาให้หน่อยแล้วกัน  เลือกตามใจชอบเลยครับ” 




     

                “โอเคเลยโหเห็นแล้วนึกถึงที่บ้านเราเลยอ่ะ  แม่ชอบซื้อมาไว้เต็มตู้ไปหมดเลยพ่อก็บ่นบ่อยๆฮ่าๆ”  คนตัวเล็กหัวเราะรวน



     

                “ว้าว  เหมือนแม่เราเลยที่เห็นนั่นแม่ชอบซื้อมาไว้ทั้งนั้นแหละ  แสดงว่าพ่อกับแม่แบคฮยอนต้องใจดีมากแน่ๆเลย  พวกท่านสบายดีนะครับ?”  พูดไปก็คนโจ๊กในหม้อไป



     

                “อื้อ  ใจดีมากเลยล่ะแต่ก็ดุบางทีเราชอบโดนตีบ่อยๆ”  พูดไปก็ระบายยิ้ม  คิดถึงตอนเด็กๆทีพ่อกับแม่ท่านยังอยู่



     

                โจ๊กสีสวยอุดมไปด้วยข้าวกล้องหลากสี  เริ่มต้นสีเหลืองทองสีม่วงเข้มและสีแดงม่วงผมสมกันคนละเอียดแลกออกเป็นเม็กเล็กๆ  แล้วแยกสีแบ่งออกมาบ่งบอกความเอาใจใส่ของผู้ทำได้เป็นอย่างดี  ควบคู่กับชามใบสวยสีชาเขียวอ่อนช้อนเกาหลีคันยาว  กลิ่นหอมแตะจมูกจนคนตัวเล็กต้องตักกินก่อน



     

                “หื้ม!  อร่อยมากอ่ะ”  ร่างบางถึงกับตักโจ๊กคำโตเข้าปากไม่รออีกคนที่แขวนผ้ากันเปื้อนอยู่



     

                ชานยอลหยิบแก้วน้ำออกมาสองใบเทน้ำใส่แก้วพอดีแล้วส่งต่อให้อีกคนที่ทานเอาน่าเอร็ดอร่อยคนทำเห็นแบบนั้นก็ยิ้มแก้มแถบปริ


     

                “ค่อยๆทาน  ปากเลอะแล้ว”  ส่งกระดาษให้อีกคนเช็ดมุมปากล่าง


     

                ชานยอลเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมตัวเองถึงรู้สึกว่าเอ็นดูคนตรงหน้ามากเหลือเกิน  อาจจะเกินมากกว่าทำว่าเอ็นดูรึเปล่าก็ไม่ทราบ  เพราะการเจอกันครั้งแรกกับสีหน้าห่อเหี่ยวแต่แฝงไปด้วยความมุ่งมั่นยิ่งเจอกันอีกครั้งในวันนั้นเขารับรู้ได้เลยว่าคนตรงหน้ามีความฝันที่ยิ่งใหญ่มาก  ตัวเขานั้นเห็นแบบนี้ก็ค่อนข้างจะชอบอะไรฝันๆถึงได้มาทำงานด้านนี้  


     

                แต่...พอเข้าใกล้มากขึ้นมันกลับอยากดูแลคนตัวเล็กขึ้นมาเสียอย่างนั้น...อยากดูแลตลอดไป  อยากรักษารอยยิ้มและความฝันของเขาเอาไว้


     

                “เติมได้นะ”  เสียงทุ้มบอกเมื่อเห็นว่าคนป่วยทานข้าวพร่องไปเกินครึ่ง


     

                แบคฮยอนไม่ได้ตอบเป็นคำพูดเขาเลือกพยักหน้าแทนดีกว่าข้าวเต็มปากแล้วพูดออกมา  ความรู้สึกตอนนี้ทั้งโหยหิวแล้วก็อร่อยจนหยุดไม่อยู่  โจ๊กเห็ดหอมที่เคี้ยวจนผสมกันละเอียดมันอร่อยมากจริงๆ


     

                ครืด  ครืด


     

                ชานยอลละมือจากอาหารชามโตแล้วหันมาสนใจสายเรียกเข้าแทน  พลันสายตาก็ต้องชะงักค้างเมื่อเบอร์ที่โทรเข้ามาเป็นเบอร์ของเพื่อนสนิทเขาเอง




     

                ลู่หาน

     

              “ดึกแล้วใครโทรมาเหรอ  ตีสามแล้วนะงานเยอะจังเลยพนักงาน อิอิ”  เอ่ยแซวออกมาจนชานยอลอดเอื้อมมือไปขยี้ผมไม่ได้  ก่อนขอตัวเดินออกไปคุยโทรศัพท์ในห้อง



     

     

     

                “ว่าไงไอ้ลู่”  กรอกเสียงใส่ปลายสายทักทายเพื่อนรักที่โทรมาได้เวลาพอดี


     

                เออ  ทำไมเสียงใสจังวะ  จังไม่นอนเหรอ


     

                “อื้อก็ยัง  ว่าแต่มีอะไรรึเปล่า?”  ยังคงถามคำถามเดิม  บางทีเขาอาจะเดาถูกว่าลู่หานจะพูดถึงเรื่องอะไรในเวลานี้อาจจะเกี่ยวกับคนข้างนอกห้อง...แต่ก็อยากยื้อเวลาไว้สักนิด






     

                พอดีฉันรู้ว่ามัน...มันบ้านะเว้ยแต่  แบคฮยอนไปหาแกเปล่าวะไอ้ชาน

     

    60%



     

                “ขอข้าวเพิ่มน้า”  ยิ้มกว้างแล้วคว้าทัพพีไปตักก่อนขออนุญาตเสียอีก 






     

                “อร่อยเหรอ”  ชานยอลทิ้งตัวลงบนเก้าอี้สีขาว  จ้องมองคนตัวเล็กพยักหนารัวๆดูดนิ้วหัวแม่มือที่เลอะข้าวนิดหน่อย  “ถ้า...ถ้าสมมติว่าอยากกินอีกก็มาหาสิ  โทรมาแล้วจะไปรับ”  อดลูบหัวกลมทุยๆนั่นไม่ได้  เข้าใจแล้วว่าทำไมตัวเองถึงเป็นแบบนั้นเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น


     

                “ได้เหรอ”  เสียงใสถาม


     

                “ได้สิ  ว่าแต่ไม่ปวดหัวแล้วใช่มั้ยเดี๋ยวทานข้าวเสร็จกินยาอีกรอบนะ  นอนพักอีกสักหน่อยจะได้หลับสบาย”


     

                “อื้อๆ”


     

                หลังจากอิ่มอาหารมื้อโต้รุ่งร่างสูงก็ขอตัวไปอาบน้ำ  ดูเหมือนชานยอลจะรู้สึกว่าตัวเองก็มีไข้นิดหน่อยพรุ่งนี้ต้องไปทำงานเลยกินยาดักเอาไว้  ส่วนคนตัวเล็กก็ถูกสั่งให้นั่งเล่นหรือถ้าง่วงก็นอนหลับไปก่อนเลยก็ได้โดยที่ไม่ได้บอกเรื่องลู่หาน...



     

                อย่าบอกนะว่าฉันกำลังจะไปรับ...



     

                คำขอร้องถูกเปล่งออกมาจากปลายสายย้ำสองสามครั้งก่อนจะวางสายไปอย่างร้อยรน  เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่านอกจากคยองซูลู่หานรู้จักคำว่าเป็นห่วงใครด้วย   อดแปลกใจไม่ได้ว่าระหว่างสองคนที่อยู่บ้านเดียวกันถึงจะเป็นผู้ชายใครจะอดไม่หวั่นไหวกับคนตัวเล็กหัวกลมๆคนนี้ได้   



     

                อยู่บ้านจะเป็นยังไงน้า...



     

                แบคฮยอนเหมาะกับแสงอาทิตย์ยามเช้ามากที่สุด  ไม่ร้อนไปไม่มืดไปค่อยๆสว่างแล้วให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย








     

                ออดดด  ออดดด




     

                เสียงออดหน้าห้องดังขึ้นถี่และติดกันขนาดที่ว่าคนที่ผล็อยหลับไปแล้วยังต้องสะดุ้งตื่น  แบคฮยอนขยี้ตางัวเงียมองชานยอลในชุดนอนแล้วเอียงคอเป็นเชิงถามหากแต่ชานยอลกลับไม่พูดอะไรเดินออกไปเปิดประตูห้องเงียบๆ


     

                แกร๊ก


     

                “เฮ้ย  แกโอเคนะเว้ย”  ร่างสูงโปร่งเอ่ยถามเมื่อเห็นเพื่อนสนิทเหนื่อยหอบเหงื่อท่วมร่าง


     

                “โอเคว่ะ  แต่แบคฮยอนอยู่ใช่มั้ย”  ตอบอาหารเพื่อนไปแล้วถามหาคนตัวเล็กที่งอนตุณ๊บป่องเขาหนีออกจากบ้าน



     

                ให้ตายสิ  มันน่าจับตีก้นจริงๆ



     

                “อยู่ข้างในห้อง  เข้ามาก่อนดิเดี๋ยวดื่มน้ำก่อนค่อยออกไปก็ได้”  ชานยอลเชิญเพื่อนเข้าห้องแล้วขอปลีกตัวไปหาน้ำหาท่าให้เพื่อนดื่มก่อนมันจะเป็นลมตายคาห้องไปเสียก่อน



     

                อักทางด้านหนึ่งเหมือนกำลังก่อสงครามกันทางสายตาหลังจากลู่หานเปิดประตูพรวดเข้าไปแล้วเห็นเป้าหมายกำลังนั่งหน้าจ๋องอยู่บนเตียงเพื่อนอารมณ์ก็แทบปรี๊ด  แต่ทำไงได้รู้สึกนึกอยากตบหัวตัวเองแล้วเอาหัวโขกกำแพงขอโทษแบคฮยอนด้วยความจริงใจจริงๆก่อนคาดโทษนะน่ะ



     

     “เหวอออ!  คุณมาได้ไงอ่ะ”  คนตัวเล็กตีหน้ายุ่งก่อนจะชี้หน้าไอ้คนกลับกลอกด้วยความตกใจ



     

                “มารับเด็กดื้อหนีออกจากบ้านกลับรู้มั้ยว่าเป็นห่วงทำไมต้องทำให้เป็นห่วงด้วยวะ”  ขยี้หัวตัวเองอย่างหัวเสียขมวดคิ้วเข้มจนหน้ายับผิดกับคนตัวเล็กที่เบ้ปากเล็กน้อยแล้วเมินหน้าใสจังๆ



     

                “โด๊  ทำมาเป็นพูดดี เห๊อะใครกันแน่ที่ผิด”  บ่นขมุบขมิบ



     

                “เออโอเคฉันขอโทษฉันผิดเองโอเคยังวะ  กลับบ้านกัน”  ลู่หานส่งมือให้แบคฮยอนคนหน้าบูด  แต่คนตัวเล็กกลับเฉยแล้วทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้




     

                หมั่นไส้!


     

                “นิ  จะกลับดีๆหรือต้องให้ใช้กำลัง  คนเป็นห่วงโทรหายิกๆทำไมไม่รับใครกันแน่ต้องโกรธ”  คนลืมความผิดเริ่มตั้งข้อกล่าวคนร่างเล็ก  “รู้มั้ยฉันตามไปไกลเกือบออกชนบทแล้ว”


     

                “อ๋อเหรอ?”  น้ำเสียงเรียบๆถูกส่งมาทำเอาอินทีเรียหนุ่มถึงกับเย็นว้าบแปลกๆ  ตาเรียวตวัดพรึบมองหน้าคนปากบอนนิ่งทั้งดวงตาและปากสวยเป็นเส้นตรงก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปหาอย่างเอาเรื่อง  “รู้มั้ยทำไมผมถึงต้องโกรธคุณแล้วคุณก็ไม่มีสิทธ์มาตะคอกหรือว่าผมด้วยซ้ำข้อแรกคือคุณนัดผมไว้แต่ไม่มารู้มั้ยว่าผมเป็นห่วงแทบบ้าคิดว่าเกิดอุบัติเหตุอะไรรึเปล่า  สองคือผมโทรรัวๆหาคุณส่งข้อความก็แล้วจนฟ้ามืดแต่คุณก็ไม่รับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยข้อสามผมอุตส่าห์คิดว่าคุณเป็นคนดีพอที่เจอหน้ากันแล้วจะสำนึกผิดบ้างแต่เปล่าเลยคุณมันก็แค่คนเห็นแก่ตัวเท่านั้นแหละ!!  ผมนั่งรอคุณรอจนมืดคนเขาก็หาความผมเหมือนคนบ้าเดินมัวไปหมดข้าวก็หิว  ฝนมันก็ตกลงมาอีก  ผมเกลียดคุณที่สุดในโลกเลยหน้าก็ไม่อยากเจอด้วย!!  ไอ้คนโกหกหลอกลวง!! 



     

                คำพูดแสนเก็บกดถูกระบายออกมาตอกหน้าคนผิดเต็มประตูอย่างลู่หาน  ร่างบางสั่นไปด้วยความโกรธกำหมัดแน่นอยากชกหน้าสักที  หน้าหวานหายใจเข้าออกระงับความโกรธร่างกายเริ่มกลับมาร้อนและหนักหัวอีกครั้งพยายามปรับในมันเย็นทั้งใจและกาย



     

                ชานยอลยืนฟังอยู่หลังประตูเงียบๆเรียงลำดับเหตุการณ์จนเข้าใจชัดเจน


     

                “ขอโทษ...ขอโทษจริงๆ  พอดีว่าคยองซูไม่สบายแล้วฉันก็ไปดูแลเขามา  ไม่มีอะไรจะแก้ตัวจริงๆว่ะ” 



     

                เชี่ยเอ่ย  กูพูดอะไรออกไปเนี่ย...



     

                “เหอะงั้นก็ต่อไปนี้เอางี้ดีกว่า  ผมว่าเราตัวใครตัวมันแล้วกันนะครับ”   พูดจบก็เดินอาดๆออกไปปะทะเข้ากับชานยอล  “ชานยอลอ่า  ขอโทษที่มารบกวนนะ...ไว้จะมาหาใหม่ขอบคุณมากเลยนะวันนี้ที่ดูแลกัน  ไปนะ”




     

                พูดทิ้งท้ายเอาไว้ทำให้ลู่หานต้องรีบวิ่งตามออกไปเพราะการมาทะเลาะกันบ้านคนอื่นมันคงไม่ดีเท่าไรนัก  อีกทั้งเขาต้องกลับไปคุยกันให้รู้เรื่องอีกที




     

                อะไรคือตัวใครตัวมัน!



     

                “ขอบใจมากนะเว้ย” 



     

                “ไม่เป็นไร  รีบตามไปเถอะฉันคิดว่าดึกป่านนี้ไม่มีรถ  เขาคงกลับกลับแกนั้นแหละ”


     

                “เออๆแต๊งกิ้วมาก”  ล่ำลากันเสร็จก็เดินออกจากห้องไป...





     

                ทิ้งไว้เพียงเจ้าของห้องที่ตอนนี้รู้สึกสับสนในใจ...


     

                บางทีลู่หานอาจจะไม่รู้การกระทำตัวเองว่าที่ทำอยู่เนี่ย  มันแสดงออกว่าชอบเขามาก  

     


                ส่วนทางด้านหนึ่งอินทีเรียหนุ่มกำลังคิดวิธีง้ออยู่ในรถแสนเงียบเฉียบ  ยังไงซะรอบนี้เขาก็ผิดเต็มประตู...ทำไงดีวะ

    100%


     

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -



    หากผมปีนกำแพงหนาสูงใหญ่
    เข้าไปค้นหาในหัวใจคุณดู
    ผมจะพบตัวเองมั้ยครับ?


    ถ้าชอบก็เม้นและแท๊ก  #ฟิคกลับบ้าน
    พูดคุยกันนอกจากติดแท๊กก็  @peepanggy


     

     
    thank you:)  Shalunla
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×