คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : - take me home : chapters - 010 { 100% }
- Hello, your friend -
chapters – 010
ครืด
เสียงโทรศัพท์มือถือเครื่องบางกำลังสั่นไม่หยุดหลังจากกดปิดเสียงไปแล้วเมื่อสักครู่ ซึ่งคนที่กดโทรมาถี่ขนาดนี้คงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากคยองซูเพื่อนตัวเล็กที่แสนเอาแต่ใจจนเคยตัว พอเห็นเบอร์ก็ได้แต่ถอนหายใจ...เพราะร่างสูงรู้ว่าถ้ารับแล้วคงไม่พ้นจะอ้อนขอนั้นนี่ที่เขาคิดว่ามันเป็นการให้ความหวังหรือการบีบคั้นให้รักกัน
ขอโทษนะคยอง...
ดึ้งดึง...
ยังไม่ทันที่จะออกไปหาข้าวกลางวันทานแล้วเลิกสนใจเสียงสั่นน่าปวดหัวนั่น ข้อความก็เด้งขึ้นมาขัดการเลือกร้านอาหารทาน นิ้วหยาบจากการเล่นกีตาร์เป็นเวลานานกดเลื่อนหน้าจอเพื่อปลดล็อกก่อนจะฉายข้อความน่าปวดหัวอีกสิบเท่าจนเริ่มไม่อยากทานข้าวแล้ว
‘ยอล! ทำไมไม่รับสายเรา นี่จะตัดขาดกันเลยใช่มั้ย...คำว่าเพื่อนตัดกันง่ายจังนะ’
ก็แล้วเขาไปบอกตัดเพื่อนกันตอนไหน...แค่บอกให้กลับไปคิดดีๆแล้วหาความรู้สึกเดิมกลับมาค่อยเจอกัน
มือใหญ่บีบนวดต้นคอด้านหลังของตัวเอง บีบไล่ไมเกรนให้ออกไปไกลตัวพร้อมกับเสียงท้องร้องดังขึ้นอย่างน่าอายตามมาติดๆกัน แต่ระหว่างที่กำลังเบื่อๆกับชีวิตที่ขยับไม่สะดวก...สายตาดวงคมก็จดจ้องเข้ากับใครคนหนึ่งที่เดินเฉิดฉายออกมาจากลิฟต์ของบริษัท มันเป็นลิฟต์ตัวเดียวกับที่เขาพบคนๆนั้นชื่อว่าแบคฮยอน แล้วเหมือนจะเป็นพรหมลิขิตใช่มั้ย? เขาถึงได้เจอเดจาวูซ้ำๆเจ้าของร่างเล็กๆแต่งดูแข็งแกร่งกำลังย่างกายเข้ามาในเสื้อผ้าชุดเดิมๆสบายๆด้วยสีหน้าหงุดหงิด จมูกเชิดรั้น ตีหน้ายุ่ง เอ่ยบ่นหงุงหงิงคนเดียว
มือเหรอที่ร่างสูงจะอยู่เฉยๆ เพราะอยู่ๆไมเกรนอาการปวดหัวรักษาไม่หายก็มะลายหายไปเป็นปลิดทิ้ง ต้องเดินเข้าไปทักทายกันเสียหน่อย...
“แบคฮยอน!” ตะโกนเรียกชื่อพร้อมวิ่งเข้ามาหาสีหน้าตีอกดีใจที่ได้เจอกันอีก
คนถูกเรียกเงยหน้าขึ้นมองหาต้นเสียงพลางหมุนศีรษะไปมาจนเริ่มเวียนหัว สุดท้ายก็หันหน้ากระทบกับแผงอกของใครบางคนเข้าอย่างจังจนเกิดอาการเซเล็กน้อย มือเล็กลูบจมูกตัวเองเช็คความสูงของดั้งว่ายังอยู่ดีหรือไม่ก่อนเงยหน้าขึ้นช้าๆ...
“อ้าวคุณชานยอลนั้นเอง” ฉีกยิ้มกว้างหวานเชื่อมตามนิสัยเมื่อเจอคนที่แอบอ้างเอาว่าเป็นเพื่อนตัวเองโดยบังเอิญ
“จำกันได้ด้วยดีจังเลยนะครับ” ส่งยิ้มกว้างไปให้คนตัวเล็กเช่นเดียวกัน “ว่าแต่มาทำอะไรที่นี้เหรอ? สีหน้าดูไม่ดีเลยนะมีปัญหาอะไรรึเปล่า บอกผมได้นะครับ” ชานยอลเสนอแนะแนวทางใหม่ เผื่อจะได้มีเรื่องให้ต้องเจอกัน...
“เฮ้อ...คิดแล้วเครียดมากๆเลยครับ บางทีผมอาจจะ...ต้องถอยหนึ่งก้าว” ใบหน้าหวานพูดไปยิ้มไปแบบเหนื่อยๆ กระชับซองเอกสารสี่น้ำตาลขนาดเอสี่ในอ้อมกอดแน่นจนเกิดรอยยับ ช้อนตามองเพื่อนใหม่ที่โมเมขึ้นมาเองแล้วน้ำตาก็คลอล้นอยู่ขอบตา ทำเอาร่างสูงถึงกับตกใจรีบเอื้อมมือไปเช็ดปลายหางตาแผ่วเบา
ก็ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่...แต่คนตรงหน้ากำลังเศร้า เขาเลยเศร้าไปด้วย
“ไหนบอกสิครับว่ามีเรื่องอะไร” เอ่ยถามเสียงเข้มเค้นอยากได้คำตอบ
“เขาบอกว่านิยายผมมันไม่มีจิตวิญญาณของตัวละคร เนื้อเรื่องซ้ำซากจำเจมีแต่ฉากหวานเลี่ยนอ่านแค่หน้าแรกก็ปิดทิ้งแล้ววางลงบนชั้นหนังสือจนสุดท้ายต้องกลายเป็นหนังสือด้านหลังสุดในชั้นที่ไม่มีคนหยิบ...” เมื่อนึกถึงคำพูดแสนใจร้ายก็ตอกลึกเข้าไปในความทรงจำจนพาลจะร้องไห้ออกมาอีก
เนื่องจากว่าวันนี้เขาตัดสินใจว่าจะลองมาส่งต้นฉบับให้สำนักพิมพ์นี้อีกครั้ง ถึงกับแอบโดดทำงานบ้านกันเลยทีเดียว
“ไม่หรอกครับ...กลับกันคนเรามักหยิบเลือกหนังสือที่อยู่ในสุดมากกว่าด้านหน้าเสียอีก” พูดให้กำลังใจอย่างสภาพพร้อมคำพูดแง่คิดถึงหนังสือที่เหมือนเหรียญสองด้านและมีดสองคมในคราเดียวกัน
แบคฮยอนได้แต่จ้องหน้าคนตัวโตอย่างงุนงงด้วยความไม่เข้าใจ เนื่องจากช่วงนี้เขามักถูกลู่หานคนแก่ขี้บ่นพูดบ่อยๆว่าสมองเต่าจนอาจจะติดมันมาจากตรงนั้น ตีหน้าฉงนจนอีกคนเผลอหลุดยิ้มออกจนหุบกลับไม่ได้ ลูบหัวทุยกลมของคนตัวเล็กก่อนจะถือวิสาสะกับมือแล้วพาเดินตามตัวเองไปแบบงงๆ
“จะพาผมไปไหนครับ” ถามขึ้นเมื่อรู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกกึ่งลากกึ่งดึง
“ผมจะพาไปที่ๆหนึ่งครับ รับรองว่าต้องได้อะไรเยอะมากแน่ๆ”
25%
สถานที่พลุกพล่านผู้คนเดินขวักไขว่สวนทางกันไปมาผ่านดวงตาเรียวรีสวยกำลังจดจ้องไปยังบุคลิกการใช้ชีวิตในแต่ละตัวบุคคลอยู่เงียบๆ ตรงเก้าอี้สาธารณะหน้าห้างสรรพสินค้าเล็กๆในย่านนี้ มือข้างหนึ่งยกน้ำดื่มในแก้วขึ้นมาดูด เปิดหูรับฟังสิ่งที่คนข้างๆกำลังอธิบายความน่าจะเป็นในฉบับนักสังเกตการให้ฟัง นี่คือสิ่งที่ชานยอลอยากจะให้ร่างบางได้รับรู้ถึงมุมกว้างของงานเขียน
“เห็นคนนั้นใช่มั้ยครับ แบคฮยอนลองอธิบายดูว่าเธอเป็นคนยังไง” ชานยอลพยักพเยิดใบหน้าเปื้อนยิ้มไปยังสาวสวยคนหนึ่งที่ยืนพิงผนังร้านเสื้อผ้าสีหน้าหงุดหงิด
เป็นอีกครั้งที่หนุ่มหน้าหวานตีหน้ายุ่งขมวดคิ้วครุ่นคิดกับโจทย์ของร่างสูง นิ้วเรียวเกลี่ยหยดน้ำข้างแก้วเริ่มเพ่งสมาธิแล้วจ้องมองหญิงสาวผู้เป็นเป้าหมาย ริมฝีปากบางเริ่มเจื้อยแจ้วถึงสิ่งที่เห็น
“เธอสวยแล้วก็ดูแต่งตัวจัด” ตอบคำถามเสร็จก็หันขวับมาดูหน้าคุณครูชั่วคราวว่าตอบถูกมั้ย
“ไม่ใช่แล้ว” คนตัวโตจับหัวทุยๆที่เอาคางเกยเข่าโยกไปมา รู้สึกหมั่นเขี้ยวตอนคนตัวเล็กข้างๆทำหน้ามุ่ยแลยุ่งยาก “ดูนะครับ ถ้าเราจะอธิบายใครสักคนหนึ่งเราต้องมองนิสัยเขาออกด้วยอย่างน้อยก็ต้องหกสิบเปอร์เซ็นต์ ทุกคนมีความหลากหลายในตัว อย่างเช่น...แบคฮยอนต้องจำแนกคำว่าสวยในมุมมองของคุณ ผู้หญิงคนนั้นกำลังรอคนสำคัญอยู่แน่ๆ ต้องเป็นแฟนเธอเพราะว่าเสื้อคู่รักลายนั้นกำลังฮิตกันในช่วงนี้ ส่วนตัวเธอเองทำงานเป็นแอร์ที่หาเวลาเจอกันไม่ค่อยได้ เนื่องจากส่วนสูงของเธอแล้วยังท่าทางการเก็บอารมณ์ได้ดีเยี่ยมแม้จะมีคนขอให้ช่วยเก็บของเธอจะทำอย่างสุภาพแล้วก้มศีรษะลงในองศาที่พอเหมาะรอยยิ้มนั้นจริงใจที่สุดจากการผ่านอบรมมาโคเรียแอร์”
พูดจบก็แย่งแก้วน้ำในมือเล็กไปดื่มไม่ขอสักคำ ถ้าปกติแบคฮยอนคงตกใจเล็กน้อยแต่เพราะว่ากำลังทึ่งว่าชานยอลรู้ได้ยังไงว่าเขาทำงานอะไรที่ไหนยังไงและกำลังรอใครอยู่
“คุณ...” แบคฮยอนเรียกเสียงยานคาง
“หื้ม? ทำไมครับอึ้งเหรอ ผมเก่งใช่มั้ยล่ะ” คนตัวสูงยังคงเยินยอด้วยเองต่อ
“เปล่าครับ บางทีผมว่าคุณน่าจะไปทำงานเป็นหมอดูรับจ๊อบเสริมหลังเลิกงาน”
แล้วบรรยากาศทั้งสองคนก็ผ่านไปเรื่อยๆพูดคุยกันจนลืมเวลาล่ำเวลา กว่าจะรู้ตัวก็เสียงท้องร้องของแบคฮยอนและชานยอลตีกันไปมาเสียงดังแข่งกัน
“ฮ่าๆ แย่จังเลยผมก็คิดว่าจะออกมาทำธุระแป๊บเดียวเลยไม่ได้กินข้าวเช้ามาเยอะ คุยกับคุณชานยอลเพลินเลย” คนตัวเล็กเดินกอดซองสีน้ำตาลต้นฉบับข้างร่างสูง ตลอดทางก็เงยหน้ามองคนยิ้มสวยอย่างชานยอลไปเรื่อยๆ
“ผมเหมือนกันเลย จริงด้วยแบคฮยอนเรียกผมว่าชานยอลเฉยๆก็ได้ครับ มันดูห่างเหินแปลกๆ” ร่างสูงเสนอความคิดซึ่งถูกใจคนตัวเล็กอย่างมาก เลยพยักหน้ารัวๆ “โอเคนะ สรุปเราสองคนเป็นเพื่อนกันแล้วนับจากนี้แบคฮยอนเพื่อนชานยอลแล้วก็ชานยอลเพื่อนแบคฮยอน มีอะไรก็ปรึกษาได้เสมอเลยนะ”
ชานยอลถือโอกาสตัดสรรพนามและบทสนทนาแสนสุภาพเหลือแค่คำพูดแบบกันเองแบบเพื่อน มือก็ขยี้กลุ่มผมนุ่มนิ่มของร่างบางที่ทำหน้าตาน่ารักมาก แบคฮยอนจะดูน่ารักเสมอไม่ว่าจะทำอะไรยกเว้นร้องไห้...
ประธานหนุ่มมีความสุขที่สุดตั้งแต่กลับมาจากเมืองนอก เขาเพิ่งได้พบว่านี่เองที่เรียกว่าสนุกแล้วก็เดินเที่ยวของแท้
“ว่าแต่เราเลือกกินร้านไหนกันดีอ่ะ ฉันหิวแล้วอะชานยอล” เสียงหวานเอ่ยถามแม้สองมือยังเต็มไปด้วยของกินเล่นก็ตาม หากแต่มันเทียบกับอาหารหลักไม่ได้เลย
“งั้นกินร้านนั้น”
คนตัวโตชี้ไปยังร้านที่เล็งไว้ตั้งแต่ต้นแล้วว่ามื้อเที่ยงเขาจะมาทานที่นี่ เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นผสมผสานกับสไตล์ลอฟ (Loft) ด้านนอกและด้านในออกแบบสบายชิลๆ หรือถ้าจะให้อธิบายก็คือรูปแบบนิยมของสมัยนี้ ส่วนราคาอาหารก็อีกเรื่องหนึ่งที่หรูตามรูปลักษณ์ หากแต่แบคฮยอนกับไม่รู้สึกว่ามันสบายๆด้วยทั้งที่กะจะเลี้ยงขอบคุณที่มาช่วยสอนแนวคิดตั้งนานหลายชั่วโมงกลับต้องเก็บกระเป๋าตังเงียบเมื่อป้ายหน้าร้านเขาพอจ่ายแค่ข้าวเปล่าหนึ่งถ้วย...น้ำไม่ต้อง...
“เป็นไงร้านนี้บรรยากาศด้านในดีมากๆ อาหารก็อร่อยแบคฮยอนน่าจะชอบนะ” หันมาถามความคิดเห็นเพราะเขาไม่จำเป็นต้องสนใจราคาอาหารเลยสักนิด คนเราเกิดมาอยากกินอะไรก็กินในความคิดเขาเป็นแบบนั้น แต่พอมองหน้าที่ซีดเผือดจึงเริ่มหวั่นใจ “ไม่ชอบเหรอครับ?”
“หื้อ เปล่าเลยชอบนะแต่มื้อนี้เราอยากเลี้ยงชานยอลมากกว่า แต่ราคาไม่สู้....อื้ม เอางี้มั้ย! เดี๋ยวเราจะพาไปกินสปาเกตตี้ร้านอร่อย” เห็นทางสว่างเมื่อนึกขึ้นได้ว่าแถวนี้เป็นที่ที่ดูในเน็ตเขียนแนะนำว่าอาหารอร่อยซอยแคบ ราคากันเองให้เยอะอีกด้วยมันผุดขึ้นมาพอดี
“เอาสิ ถ้าแบคฮยอนแนะนำไปไหนก็ไปกัน” ตอบตกลงไม่มีอิดออดหรือคิดทบทวน ตามใจคนตรงหน้าพร้อมเดินตามไปอย่างดี
ตอนนั้นเองอยู่ๆโทรศัพท์เครื่องเก่ากึกของตัวเล็กก็สั่นครืดในกระเป๋ากางเกง แบคฮยอนจำใจต้องกดรับสายแม้เห็นรายชื่อแล้วอย่างเขวี้ยงมือถือทิ้งเสียจริงๆ ยิ่งนึกถึงเมื่อเช้าที่ในคนว่างงานอยู่บ้านมาส่งหน่อยก็ทำเป็นยกแม่น้ำทั้งห้ามาอ้าง รีบเอางานออกมาทำทันทีเลยอย่างกับเด็กอนุบาลโดนแม่ดุ!
“อ่า งั้นแป๊บนะชานยอล” หันมาบอกเพื่อนใหม่แล้วกดรับสายคนแก่ขี้บ่นนอนอืดอยู่ที่บ้าน “ฮัลโหล ว่าไงคุณ”
‘อะไรห๊ะ แหมโทรหานี่ทำเสียงไม่พอใจ ทำไมใครทำอะไรใครว่าอะไรรึไง’ ลู่หานกรอกเสียงตามสายมา ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าป่านนี้คงนอนเหยียดขาบนโซฟา เท้าแขนกับพนักพิงแล้วดูบอลแน่ๆเสียงงี้ดังลอดเข้ามา
น่าหมั่นไส้!
“เปล่าสักหน่อย คุณโทรมาทำไมอ่า”
‘นี่ดูนาฬิกาหน่อยสิ ข้าวเที่ยงไม่ทำนี่อู้มากนะ’ ได้ทีก็สวดมายกใหญ่
“แต่ผมจะกินข้าวข้างนอกนิคุณ ในตู้เย็นมีกับข้าวเมื่อเช้าเหลืออยู่คุณเอามาทำข้าวยำกินก็ได้นะ” ร่างบางนึกได้จึงพูดต่อ “เดี๋ยวกลับไปชดใช้มื้อเย็นแทนนะคุณ”
เท่านั้นแหละ...คนถูกเมินในปลายสายก็ฉุนกึกขึ้นมาทันที เมื่อความสนใจลดน้อยลงส่งเสียงฮึดฮัดไม่พอใจ
‘นี่ ยังไงก็ช่างรีบกลับมาทำข้าวเที่ยงเดี๋ยวนี้ ฉันจะเป็นลมถ้าไม่ได้ทานข้าวตรงต่อเวลา’ คนที่บ้านยังคงไม่พอใจกับคำตอบที่ได้รับ อีกทั้งจะให้เขาทานของเหลือคลุกๆเหมือนคนตัวเล็กน่ะเหรอ....อย่าหวังซะให้ยาก!
“ทำไมคุยไม่รู้เรื่องอย่างนี้อ่ะคุณ ผมก็ต้องมีธุระของตัวเองบ้างป่ะ” อีกคนที่ยืนกอดอกตบเท้าอย่างลืมตัวว่าชานยอลกำลังยืนมองอยู่ห่างๆด้วยความเอ็นดูยังคงรู้สึกอารมณ์เสียกับปลายสาย
‘นายคุยเสร็จแล้วนิ...กลับมาทานข้าวที่บ้านเถอะน้า...’ เมื่อไม้แข็งไม่ได้ผล ลู่หานก็เริ่มเสียงอ่อนลง ‘อย่าไปเลยนะ...’
อะไร? ไอ้เสียงเชื่อมๆนี่มันคืออะไร! ทำไมผมต้องใจเต้นตามด้วย
“คะ...แค่นี้นะคุณ ผมวางนะ” แบคฮยอนกดตัดสายไปทันทีไม่ทันรออีกฝ่ายเคลียร์ให้จบ แล้วหันมายิ้มแหยๆใส่ร่างโปร่ง “เอ่อ...คือว่า”
“ไม่เป็นไร ไว้เราค่อยไปกินข้าวกันวันหลังก็ได้” ชานยอลเห็นท่าทางไม่สะดวกใจบวกกับสิ่งที่ได้ยินร่างเล็กคุยโดยบังเอิญก็พูดให้สบายขึ้น ทั้งที่ในใจอยากไปทาทนข้าวด้วยเหลือเกิน
“งื้อ ขอโทษน้าชานยอล...เอางี้มั้ย ชานยอลว่างไว้ไหนก็บอกเราได้เลยนะ เราจะทำอาหารเลี้ยงที่บ้านในฐานะที่เราเป็นเพื่อนกันแล้ว”
“ได้สิ ฉันว่างทุกวันเลยแฮะ” ชานยอลพูดปด ความจริงงานยุ่งทุกวันน่าจะเหมาะสมกว่า
“ดีจังพรุ่งนี้เที่ยงนะ เดี๋ยวเราส่งที่อยู่ให้ทางข้อความนะ ขอเบอร์หน่อยสิ” คนตัวเล็กร่าเริงขึ้นทันทีที่แก้ปัญหาได้ รีบส่งโทรศัพท์ยื่นให้คนตัวโตพิมพ์เบอร์ “ไว้เจอกันพรุ่งนี้น้าชานยอล ขอโทษน้าไปละ”
อย่างน้อยๆชานยอลก็ยังได้เบอร์โทรไว้ติดต่อกัน...นัดทานข้าวที่บ้านงั้นเหรอ? บางที...ชานยอลเหมือนเห็นผีเสื้อนับล้านบินวนไปมาในตอนนี้ก็เป็นได้
50%
เสียงท้องร้องดังโครกครากของชายหนุ่มสัญชาติจีนยามว่างจากการทำงานที่ตระเตรียมเสนอลูกค้าในวันพรุ่งนี้เรียบร้อย แล้วนอนเหยียดกายอยู่บนเก้าอี้เบาะหุ้มผ้าแสนนุ่ม กระดิกเท้าสองสามทีเปลี่ยนท่านั่งพลางนึกหงุดหงิดตัวเองในใจกับบนสนทนาเมื่อครู่
ทำไมต้องไปง้อไอ้เด็กบ้านั่นด้วย นี่เสี่ยวลู่! อาหารแค่นี้ทำเองก็ได้ ใครจะอยากไปกินไอ้กับข้ารสชาติกำลังพัฒนาวะ โธ่!
คิดได้แบบนั้นก็ลุกเดินแบกท้องว่างๆในเวลาบ่ายนาฬิกาไปที่ห้องครัว อากาศหน้าร้อนชวนขี้เกียจถูกสลัดทิ้งอย่างไม่ไยดี เปิดตู้เย็นพลางหาเมนูยองวันนี้ไปด้วย พลันสายตาก็สบเข้ากับบางอย่าง?
แบคฮยอนเดินอยู่ทางซอยเล็กเข้าบ้านหลังสีขาวคุ้นตาร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ใหญ่ประดับด้วยดอกไม้เข้าบรรยากาศ ภาพมุมมองของบ้านที่แม่เขาชอบมากที่สุด ยกแขนขึ้นซับเหงื่อที่หยดไหลอาบข้างแก้ม นึกน้อยใจคนที่อยู่ที่บ้านโทรมาเพราะเรื่องตัวเองไม่คิดจะมารับกันเลยสักนิด มืออีกข้างที่กระชับถุงวัตถุดิบมาทำข้าวแกงกะหรี่หมูทอดกินกันเย็นนี้ ส่วนอีกถุงก็เป็นกับข้าวสำเร็จรูปไว้ให้คนหน้าบูดกินกันตายไปก่อน
ขาเรียวที่อินทีเรียหนุ่มมักบอกว่าใหญ่เหมือนหมูเดินมาหยุดอยู่หน้าบ้านก่อนเปิดเข้าไปเงียบๆเพื่อดูว่าคนแก่ขี้บ่นกำลังทำอะไรอยู่ ตายรึยัง ปรากฏว่าได้ยินแต่เสียงทีวีแต่ไร้คนดูเสียงดังครึม
"คุณอยู่ไหนอ่ะ" ส่งเสียงเรียกไประหว่างเก็บร้องเท้าเข้าชั้นแล้วหยิบรองเท้าใสในบ้านมาสวม
เงียบเชียบ...
ไปไหนของเขา
หนุ่มหน้าหวานเอียงคอฉงนเดินตรงไปที่ครัวเพื่อจะเก็บของ...แต่ดันได้ยินเสียงเครงเหมือนช้อนกระทบอ่างสแตนเลสใบใหญ่พร้อมกับภาพที่เห็นอยากจะเชื่อสายตาตัวเอง ลู่หานกำลังกินข้าวในชามกะละมังเหมือนที่เขาบอก ผัดผักของเหลือๆเมื่อเช้าถูกคลุกเคล้าเข้ากันพร้อมใส่โคจูจังเข้าไปเพิ่มรสชาติให้กลมกล่อมถูกตักเข้าปากไม่ขาดสายอย่างมูมมาม ไม่ทันได้สังเกตจนแบคฮยอนยืนจ้องนานๆคนตัวโตก็เงยหน้าจากชามแล้วสบตากันพอดี
แค่กๆ แค่กๆ
สำลักเลยครับงานนี้...
“น้ำๆ คุณรอเดี๋ยว” คนตัวเล็กตกใจจนทิ้งข้าวของแล้ววิ่งไปเปิดตู้เย็นหยิบเหยือกที่แช่ไว้มาเทใส่แก้วอย่างร้อนลน แล้วส่งต่อให้ลู่หาน มือเล็กก็นวดคลึงที่แผ่นหลังให้อาหารย่อย “เป็นไงเอาน้ำอีกมั้ย”
“เฮ้อ! เกือบตายแล้วนะเว้ย” รอดตายทีก็เปิดปากว่าไม่รอช้า
“อ่อเหรอ...ก็แล้วใครที่ไหนบอกไม่กินหรอกๆ แล้วมานั่งกินอย่างกับน้องหมาอย่างนี้ล่ะห๊ะ” ผละมือออกจากแผ่นหลังกว้างแล้วก้มเก็บของที่ซื้อมาไว้บนเคาเตอร์ครัว ทิ้งคนที่จิปากขัดใจไว้เงียบๆแล้วอมยิ้ม...
“อ่ะนี่ผมซื้อมาให้” แกะข้าวผัดใส่จานให้คนตัวสูงที่นั่งลูบแขนตัวเองอยู่บนโซฟา สีหน้าขัดใจหงุดหงิดตีกันยุ่งไปหมดจนเผลหลุดหัวเราะออกมาอีกครั้ง
“ไม่กินเว้ย!” พูดเสร็จลู่หานก็หันหน้าหนีจนแบคฮยอนต้องเข้าไปจับเขายาวๆของตัวขี้งอนมาช่วยลูบแก้อาการอาหารไม่ย่อย นั่นก็ส่งผลให้คนตัวโตกว่าเลิกทำตัวเป็นเด็กๆแล้วหันกลับมามองใบหน้าหวานนิ่ง “กินอะไรมารึยัง...นึกว่าจะไม่กลับมากินข้าวบ้านซะอีก”
“คุณจะบ้าเหรอ ใครบอกว่าจะไม่กลับกัน นี่รีบออกมาแล้วซื้อข้าวมาให้เลยนะเนี่ย” ร่างบางพูดไปยิ้มไป “ผมก็ยังไม่ได้กินอะไรมากเลยอ่า งั้นเรามากินข้าวผัดจานนี้กันให้หมด แล้วเดี๋ยวผมจะทำของโปรดผมให้ทาน”
“อะไร? นี่อย่าบอกนะว่าซื้อมาแค่กล่องเดียวแล้วแบ่งกันกิน” ร่างสูงถาม
“ใช่ กินเถอะคุณ ผมหิวแล้วอ่ะ อิอิเดี๋ยวไปเอาต๊อกก่อนนะรอแป๊บ” พูดเออออตามคนบ้าไป ก่อนนึกได้ว่ามีอะไรจะบอก “คุณ...พรุ่งนี้เพื่อนผมจะมาบ้านแหละ” พูดไปแกะกล่องต๊อกใส่จานแล้ววิ่งดุ๊กดิ๊กมานางคนหน้าหล่อ
“แล้วไง มาบอกทำไมวะ”
“หยาบคายอีกแล้ว ก็เนี่ยเพื่อนใหม่ที่เล่าให้ฟัง เขาจะมากินมื้อเที่ยงที่บ้านอ่า...แล้วแบบ” คนตัวเล็กอยู่ๆก็เขยิบเข้ามาใกล้ๆพร้อมสายตาอออดอ้อน
ลางไม่ดีอีกแล้ว
“แล้วอะไร พรุ่งนี้ฉันไม่อยู่บ้าน ไปเสนองานลูกค้านายก็ไปซื้ออาหารสำเร็จรูปมาแล้วบอกทำเองดิ”
แบคฮยอนเบ้ปากคลายจะร้องไห้ เขาเบื่อคนรู้ทันที่สุด
“หื้อ ได้ไงอ่ามันไม่โอเคอะคุณ”
“นี่ไอ้เด็กบ้า ฉันจ้างนายมาทำงานบ้านทำกับข้าวนะเว้ย ลำดับใหม่ดิ๊ว่าสัญญาอะไรกันไว้ เอ้าเอาไป ตักแบ่งจานให้แล้วของใครของมันไปเลย” ลู่หานส่งยืนจานตักแบ่งข้าวผัดพร้อมเอ่ยปฏิเสธที่จะทำอาหารต้อนรับเพื่อนคนใหม่ของแบคฮยอน
ใครมันจะไปอยากทำให้คนที่แย่งตัวเล็กเขาวะ...
เอ๊ะเดี๋ยว เฮ้ย!!ลู่หานคิดอะไรอยู่ ไม่ๆๆไม่ใช่ล่ะ ไอ้เด็กนี่ก็แค่หม้อหุงข้าว
“ถ้าไม่ว่างก็ไม่เป็นไร...แต่ไม่เห็นต้องตักข้าวแยกจานเลยนินา! ร้ายกาจรังเกียจผมอ๋อ” แบคฮยอนพูดเสร็จก็ตักข้าวเข้าปากรัวๆ ไม่วายเอื้อมไปตักข้าวผัดในชามลู่หานมาเข้าปากทีแล้วส่งยิ้มซื่อๆส่งมาให้
ไอ้เด็กบ้า!
“เออ!”
ชิ...คนแก่นิสัยไม่ดีหยาบคายแล้วยังขี้งกสำอางเรื่องมาก
ฮึ่ยไอ้เด็กบ้าน่ารำคาญชิบหาย สกปรกแล้วยังซกมกอีก
!!
യ
ฮึก...ชานยอล ทำไมไม่รักกันบ้าง?
พึมพำเบาๆออกมายากจะอดกลั้นความเจ็บปวดราวกับเข็มนับพันพากันพุงตรงมาหาเขาเพียงคนเดียว แทบไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไร... คยองซูคิดว่าตัวเองคงขาดชานยอลไปไม่ได้แล้วในเวลานี้ แต่ทุกอย่างมืดแปดด้านหลังจากที่เขาสารภาพรักกับชานยอลไปเมื่อครั้งที่แอบหนีไปเรียนด้วยกับร่างสูง หวังพึงเชื่อมั่นในคำที่ว่าแพ้ใกล้ชิด...แต่เปล่าเลย ไม่มีครั้งไหนที่คนตัวสูงรักในแบบเดียวกับคนตัวเล็ก
คยองซูปล่อยน้ำตาหยดสุดท้ายให้แห้งเหือดหายไปข้างแก้มนวลเนียน ก่อนนึกถึงช่วงเวลาที่ตัวเองเศร้าแล้วมีเพื่อนดีๆทั้งสองคนมาปลอบใจ...เวลานี้ในเมื่อชานยอลทำให้เขาเสียใจ เพื่อนเพียงคนเดียวที่ปลอบใจเขาได้มีคนเดียว
ลู่หาน...
60%
“คุณ...นอนด้วยสิ” เสียงหวานดังก้องอยู่หน้าห้องพร้อมกำส่ายฝนที่เททิ้งตัวลงมา คนตัวโตเงยหน้าขึ้นจากกองแพทเทิร์นงานเสนอก่อนเดินไปเปิดประตูห้องนอน
เด็กหนุ่มอายุยี่สิบปีฉีกยิ้มกว้างจนปากเป็นสี่เหลี่ยมเอกลักษณ์ประจำตัวที่ลู่หานต้องยอมจำนน เพราะมันแสนจริงใจ ร่างบางกอดหมอนใบโปรดสีขาวเดินตรงเข้ามาภายในห้องแสนอุ่น...ห้องนอนลู่หานอุ่นจัง
“นอนก่อนเลยนะ เดี๋ยวฉันเขียนงานเสร็จแล้วจะนอน” พูดจบก็ทิ้งตัวลงบนเก้าอี้หมุนแล้วขมวดคิ้วเป็นปมย่นต่อ
“อื้อ นี่คุณ...เครียดอยู่เหรอ” แบคฮยอนเอ่ยถามเมื่อเห็นแววตาจริงจังจ้องมองอะไรสักอย่างที่ขีดเขียนทับๆกันจนเลอะเทอะไปหมดเพราะรู้สึกว่าเกรงใจคนที่กำลังต้องการสมาธิกับงาน เขารู้ว่าเวลาลู่หานทำงานจะมีสีหน้าที่เครียดเคร่งตลอดเวลา... “อ้า สงสัยฝนตกปรอยๆเอง ผมกลับไปนอนที่ห้องดีกว่าเนอะ”
กลัวจะรบกวนอีกคนจึงหยิบหมอนใบเดิมมากอดแล้วเดินออกไป แต่แล้วแขนเล็กก็ถูกจับเอาไว้
“ทำไมชอบคิดเองเออเองวะห๊ะ ไปนอนไป๊ ฉันจะนอนแล้ว” ร่างสูงปิดไฟที่โต๊ะหนังสือ เหลือไว้เพียงโคมไฟดีไซน์เก๋ที่แบคฮยอนคิดว่าสวยดีเปิดสว่างอยู่
มันเป็นความรู้สึกอบอุ่นลึกๆอย่างบอกไม่ถูกเวลาอยู่ใกล้คนที่กำลังจูงมือ แล้วก็ยังหาคำจำกัดความของคำว่าชอบไม่ได้ รู้แค่ว่าชอบคนนี้ๆแล้วล่ะ
“จะยืนอีกนานมั้ย มานอนได้แล้ว” ร่างสูงฉงนใจว่าจะมาไม้ไหนอีก
“งื้อ...คุณเต็มใจใช่รึเปล่า ให้ผมมานอนด้วยไม่ได้ฝืนใจใช่มั้ย?” แบคฮยอนต้องการคำตอบที่แน่ชัดว่าเขาเต็มใจไม่ใช่สมัครใจที่จะให้นอนชั่วคราวด้วยเพราะฝนตก
ผมกำลังคิดอะไรอยู่บางทีก็สับสน บางครั้งมันก็ฟูฟ่องพองโต
“อื้อ คราวนี้นอนได้ยัง” ร่างเล็กเริงร่าล้มตัวนอนตามเมื่อแสงไฟดับลง
“คุณ...นอนยัง” ถามขึ้นมาเมื่อความมืดเข้ามาครอบงำพร้อมเสียงฟ้าร้องลั่นครืด
แสงสลัวๆทำให้นัยน์ตาดำมองเห็นแผ่นหลังกว้างคล้ายกำแพงป้องกันทุกข์ขจัดความหนาวเย็น ไม่รู้เลยคนตัวเล็กจดจ้องอยู่แบบนี้นานเท่าไร...ลู่หานนอนหันหลังให้กับเขาเพื่อนเว้นระยะห่าง จนกระทั่งเปลือกตาค่อยๆปิดลงสนิทพร้อมลมหายใจเข้าออกที่สม่ำเสมอ ยามที่รู้สึกว่าปลอดภัยแล้ว...
เปรี้ยง!
“ฮื้อ!”
เสียงฟ้าร้องปลุกคนที่ใกล้เคลิ้มหลับให้สะดุ้งโหยงจนตาสว่าง มือเล็กดึงผ้าห่มขึ้นหวังคลุมโปรง ด้วยอาการตกใจจึงเผลอเขยิบเข้าใกล้เขตแบ่งระหว่างแดนของเจ้าของห้อง กำแพงหน้าดูเหมือนเครื่องทำความอุ่น แบคฮยอนแนบแก้มพวงกลมเข้ากับแผ่นหลังของลู่หานเพื่อหาไออุ่นและกำแพงปกป้องจากสายฟ้าที่ผ่าเปรี้ยงอย่างไม่ไยดี
ลู่หานยังไม่หลับ!
บ้าเอ่ย อุตส่าห์ออกห่างแล้วเชียว...
ร่างสูงรู้สึกพ่ายแพ้จนต้องหันหน้ามาประชันกัน หากแต่พอเห็นคนหลับลึกอย่างสบายใจแล้วก็อดคว้าตัวมากอดโดยให้หัวกลมดิ๊กหนุนแขนตัวเองแล้วซบที่หน้าอกของเขาแทน ส่วนฝ่ามือหนาก็เลื่อนมาปิดหูให้คนตัวเล็ก
นอนแบบนี้...ก็อุ่นดีเหมือนกันแฮะ
หอมกลิ่นแป้งเด็ก...
“ฝันดีไอ้เด็กดื้อ”
യ
ฝนยังคงตกอยู่พรำๆและเสียงเม็ดฝนที่ดังเปาะแปะทำให้แบคฮยอนลืมตาขึ้นช้าๆ เพราะว่าตอนเต็มอิ่มในหัวจึงปลอดโปร่ง เฉกเช่นเดียวกันกับคนตัวโตข้างกายกำลังงัวเงียขยี้ตาตื่น
“ฮื่อ คุณ! เจ็ดโมงแล้วนะ มีนัดไปเสนองานลูกค้าไม่ใช่เหรอ” ตกใจจนลืมความเขินไปชั่วครู่
“ไม่...ไม่ไปแล้ว” ร่างสูงกล่าวงัวเงียออกมาด้วยความยากลำบากเพราะต้องตั้งสติก่อน “นอนต่อเถอะ ฮื้อ...” ลู่หานพูดจบก็คว้าตัวร่างบางมากอดราวกับหมอนข้างก็ไม่ปาน แบคฮยอนอาศัยจังหวะช่องว่างกระทุ้งศอกแหลมใส่เข้าให้
โอ๊ย!
อย่ามาแหยมบยอน!!
“ปล่อยผมมม” แต่สุดท้ายก็ถูกกอดแน่นเพื่อแก้แค้น
“ไม่! ดื้อนักเหรอฮะ นี้เจอดีแน่” ลู่หานกัดฟันกรอด จิ้มที่ข้างเอวจนคนตัวเล็กดิ้นไปมาด้วยความจั๊กจี๊ หัวเราะจนต้องโก่งตัวงอไว้บนที่นอนเล่นกันไปมาอยู่สองคนก็สนุกได้
ออด ออด
เสียงกดออดหน้าบ้านดังขึ้นขัดจังหวะสงครามน้ำลายยามเช้าที่กำลังกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันจนผมเผ้าสภาพยุ่งเหยิง แบคฮยอนเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าวันนี้เพื่อนจะมาหาแต่ไม่คิดว่าจะมาเช้าขนาดนี้ แน่นอนว่านอกจากเพื่อนเขาไม่น่าจะมีใครมาบ้านเขาได้ คิดได้เลยรีบลุกขึ้นปัดผมให้อยู่ทรงในชุดนอนเชิ้ตปกอ่อนไม่ได้อัดผ้ากาวกับกางเกงวอร์มขายาวสีกรม
“ใครมาแต่เช้า” ลู่หานพูดพลางลมตัวนอนเอาหมอนของแบคฮยอนมาปิดหน้าปิดตา
“เพื่อนผมแน่เลย” พูดเสร็จก็รีบวิ่งไป ทิ้งคนแก่ว่างงานหลับอุตะต่อ...สักพัก
อ๋อเพื่อน...อื้ม...
ห๊ะ!! อะไรนะเพื่อนหรอ!
ไม่รอช้ารีบลุกพรวดพราดตามออกทันที แม้ในความคิดก็ไม่รู้สาเหตุเช่นเดียวกันแต่ที่ร่างกายมันตื่นตูมไปเองคงเพราะ ใจสั่งมา
เชี่ยกูคิดอะไรออกไปวะ? ไม่เอาๆ แล้วไอ้ดื้อไปไหน
“เข้ามาก่อนเลยครับ เดี๋ยวผมไปเอาผ้าเช็ดตัวมาให้นะ” แบคฮยอนชวนแขกคนหนึ่งเข้ามาในบ้านด้วยสภาพที่เปียกปอนด้วยน้ำฝน
คนที่มากดกริ่งหน้าบ้านมีดวงตาแดงก่ำตายังฉ่ำเหยิ้มไม่แน่ใจว่าสายฝนหรือร้องไห้กันแน่... เห็นท่าไม่ดีเลยพามาในบ้าน
“นี่ ทำไรอ่ะ” ลู่หานที่เดินลงมาถึงข้างล่างก็เห็นหลังคนตัวเล็กวิ่งป๊าดเข้าไปในห้องน้ำแล้วออกมาพร้อมผ้าขุนหนู
“มีคนมากดออดหน้าบ้านนะ หนาวตัวสั่นเลย” ส่งยิ้มให้เสร็จกำลังจะเดินไปก็ต้องชะงักเพราะฝ่ามือใหญ่มาจับต้นแขนไว้
“แล้วนายก็ให้เขาเข้ามาเนี่ยนะแบคฮยอน!” เสียงเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ “เฮ้อ จริงๆเลยฉันไปด้วย”
“ลู่หาน?” เสียงเล็กเรียกชื่อคนที่เดินทะเลาะกันมาเคียงข้างกันและกันด้วยรอยยิ้ม
“คยองซู!? มาอยู่นี่ได้ไง แล้ว...ทำไมตัวเปียกงี้ล่ะ”
ลู่หานตกใจมากแทบช็อคเมื่อเห็นเพื่อนรักตัวเองนั่งตัวหนาวสั่นพับๆอยู่บนโซฟา ปากเล็กซีดเซียวพร้อมเสียงสะอื่นก็แปรเปลี่ยนเป็นปล่อยโฮออกมา รีบลุกพรวดวิ่งเข้ามากอดร่างสูงแน่นจนแบคฮยอนเหมือนโดนผลักแทบเซ มือของอินทีเรียหนุ่มดึงผ้าขนหนูผืนเล็กไปคลุมล่างของเพื่อนตัวเล็กไว้
“ฮึก ระเรา เราทำยังไงดีฮือ ช่วยเราด้วยฮึก!” กอดรัดเพื่อนไว้แน่นแล้วระบายความอึดอัดออกมา จนลืมไปเสียแล้วว่ายังมีคนๆหนึ่งยืนอยู่ไม่ห่าง
“เอ่อ...พวกนายรู้จักกันเหรอ...” เสียงหวานเอ่ยถามตามระเบียบ ทำให้สองสองคลายอ้อมกอดออกจากกัน แล้วเป็นคยองซูเองที่พูดขึ้น
“ใช่ครับ ขอโทษที่เข้ามาโดยพละการนะครับ” ข่มเสียงสะอื้นไห้ไว้แล้วเบ้ปากต่อ แบคฮยอนเห็นอย่างนั้นก็ไม่ได้ว่าอะไรเพียงแค่ส่งยิ้มหวานกลับไปให้
ดูเหมือนลู่หาน...จะดูแลคนนี้เป็นพิเศษดีจัง...
ทั้งสองเพื่อนสนิทนั่งปลอบใจกันเป็นเวลาหลายชั่วโมงอยู่บนโซฟา โดยคยองซูได้เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นของลู่หานพร้อมแก้วน้ำอุ่นหนึ่งแก้ว หากแต่ว่าคนเศร้าก็ไม่เล่าอะไรให้ร่างสูงฟังอีกเลยนอกจากร้องไห้
ทางด้านแบคฮยอนก็เคี้ยวน้ำสต็อกในการทำสปาเกตตี้แล้วลวกเส้นไว้เรียบร้อยแล้ว แม้จะทุลักทุเลอยู่บ้างแต่มันก็ออกมาอร่อยรสชาติดีมั่นใจจนทำเผื่อคยองซูไว้ด้วย พลิกนาฬิกาก็ใกล้จะถึงเวลานัดเต็มทน
“ขอโทษที่มารบกวนนะครับ”
“ไม่เป็นไรครับตามสบายเลยๆ วันนี้เพื่อนผมจะมาเลยทำอาหารไว้เยอะเลย คุณคยองซูก็ทานข้าวเที่ยงกับพวกเรานะครับ” เอ่ยปากชวน แต่ยังไม่ทันได้รับคำตอบ...
ออด ออด
เสียงกริ่งหน้าบ้านก็ดังระงมขึ้นมาอีกครั้งของวัน ลู่หานหันขวับทันทีด้วยลางสังหรณ์บ่งบอกว่าใครคนนั้นกำลังมา...เพื่อนใหม่เจ้าหมาน้อยของเขา คิดได้ดังนั้นก็รีบลุกขึ้นยืนเพื่อรอดูหน้าคนจะมาเป้นเพื่อนใหม่ร่างบางเสียหน่อย
“เข้ามาเลยๆ ดูสิเปียดหมดแล้ว” แบคฮยอนรีบวิ่งเข้าไปหยิบผ้ามาให้คนตัวสูงที่ยังคงยื่นยิ้มแป้นไม่ได้มีท่าทีเดือดร้อนสักนิดในชุดเสื้อเชิ้ตสบายๆ
“ขอรบกวนหน่อยนะครับ”
เพล้ง!
เสียงแก้วกระเบื้องหล่นกระทบพื้นไม้อย่างแรงจนแตกเพล้ง มือไม้คยองซูอ่อนยวบลงทันทีเมื่อเห็นว่าใครคนนั้นที่ปฏิเสธนัดเขาด้วยเหตุผลที่ไม่ว่างมีประชุม...กำลังยืนยิ้มแป้นให้กับเจ้าของบ้านคนนั้น วินาทีแรกความตกใจของโลกกลม แต่พอต่อมาก็รู้สึกโกรธจนแทบจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่...
ทุกคนในบ้านรีบหันมามองกันเป็นจุดเดียวกัน...
ก็คงมีเพียงแบคฮยอนเท่านั้นที่ไม่ได้รับรู้เรื่องราวอะไรเลยสักนิด...ราวกับพื้นที่ของตัวเองเริ่มหดเล็กลงเรื่อยๆ
“ชานยอล”
100%
ผีเสื้อนับสิบพันตัว
อยากเชื่อว่าโลกกำลังหมุนรอบตัวเอง
โง้ยยน สนุกมั้ยพวกเธอววว มีอะไรก็ติชมมาได้ทางช่องทางด้านล่างนี้เลยน้า
อยากทอร์คจังแต่เดี๋ยวยกยอดไปไว้ตอนหน้าเนอะ อิอิ
ถ้าชอบก็เม้นและแท๊ก #ฟิคกลับบ้าน
พูดคุยกันนอกจากติดแท๊กก็ @peepanggy
ความคิดเห็น