คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : - take me home : chapters - 009 { 100% }
- Gift for you -
chapters – 009
[ lisining to music, please]
มะรืนวันเกิดแบคฮยอน...
ใช่เลยตอนนี้ลู่หานกำลังเดินวนไปวนมาอยู่บริเวณชั้นล่างของบ้านส่วนห้องนั่งเล่น นึกถึงแต่วันเกิดของคนตัวเล็กที่เมื่อครู่เขานอนไม่หลับเพราะแบคฮยอนไปอยู่ เลยลงมานั่งเล่นคอมฯของเจ้าของบ้านอย่างถือวิสาสะ อีกทั้งยังไปนั่งอ่านบล็อกเขียนบันทึกประจำวันที่นินทาตัวเองบ้าง เอ่ยชมบ้างจนคนรางสูงอดยิ้มเหมือนคนบ้าไม่ได้ อย่าเช่น ‘เวลาเขาอารมณ์ดีเขาหล่อมากเลยครับ ‘ผมอาจจะเป็นบ้าไปแล้วก็ได้ที่คิดว่าเขาดูดีอยู่ตลอดเวลานั้นแหละ’
งั้นเขาก็คงเป็นบ้าที่คิดถึงใบหน้าหวานๆนั้นทั้งคืน...มั้ง
เท่านั้นแหละอยู่ๆข้อความบางอย่างก็เด้งขึ้นมา ลู่หานเลยเผลอกดเข้าไปดูจนเจอข้อความอวยพรวันเกิดล่วงหน้าของแฟนเพจในวันที่หกของเดือนห้า
อื้ม...เด็กนั้นอยากได้ไรวะ
หยิบโทรศัพท์สมาร์ทโฟนขึ้นมาเสิร์ชหาคำว่า ‘ของขวัญวันเกิดที่น่าประทับใจ’ พิมพ์เสรจมันดันมีขึ้นมาเพิ่ม
“สำหรับคนพิเศษ?” ลู่หานแทบจะโยนมือถือไปนอนแอ่งแม่งบนโซฟา
ความรู้สึกสับสนเพิ่มพูนขึ้นมาขึ้น ทำไมเขาต้องมานั่งคิดทำอะไรแบบนี้ด้วยวะ แม่งดูไม่เหมือนเขา...
ไม่ๆ ไปนอนดีกว่าพรุ่งนี้ต้องทำงานอีก
ลู่หานนอนไม่หลับจนกระทั่งเช้าเขาได้งีบไปหน่อยหนึ่งบนโซฟานุ่ม ในมือยังถือโทรศัพท์คาอยู่จนกระทั่งเสียงรถยนต์ดังขึ้นและหายไป ตามมาด้วยเสียงก๊อกแกร๊กที่หน้าประตูบานไม้สีขาว คนหน้าหล่อที่นอนสะลึมสะลือรีบเด้งตัวขึ้นมานั่งไขว้ห้างพร้อมกดรีโมทเปิดทีวีแกว่งขาอย่างสบายใจ ทำเหมือนกับว่าตัวเองตื่นเช้าตามปกติ และทำตัวให้เป็นปกติที่สุด...
ร่างสูงเผลอคลี่ยิ้มขึ้นกว้างเสียจนหุบแทบไม่อยู่เมื่อใครบางคนตะโกนลั่นเข้ามาในบ้านก่อนตัวเสียอีก
“คุณณณณ! ผมกลับมาแล้ว” แบคฮยอนตะโกนขึ้นหลังจากได้ยินเสียงโทรทัศน์ แน่ใจว่าคนขี้บ่นตื่นนอนและรอคนทำอาหารเช้าอย่างเขาอยู่เป็นแน่ เลยรีบส่งเสียงดังขึ้นก่อนจะโผล่หน้าหวานๆออกไปรับศึก
ลู่หานหันไปมองแค่แว้บหนึ่งก่อนจะหันหน้ากลับมามองจอพลาสม่าต่อ
“อาหารเช้าด่วนเลย หิว” พูดไปก็ใจเต้นแรงไป เขามีความสุขแปลกๆเหมือนกับว่าฝนตกพร่ำๆให้น้ำต้นไม้ใหญ่...
“ชิ ไม่อยู่น่าจะบอกอะไรมากกว่าเรื่องข้าวสิ!” ร่างบางเดินเข้ามาในสภาพพะรุงพะรังจนคนตัวโตต้องเดินเข้าไปช่วยถือของ “มีมาการองด้วยล๊า แต๊น!” ยังไม่ทันวางของให้เรียบร้อย แบคฮยอนก็รู้สึกตื่นเต้นจนต้องเอามาการองที่เขาว่ายากแสนยากขึ้นมาอวด
“หื้ม ไม่น่าเชื่อ...” ลู่หานอดรู้สึกแปลกใจไม่น้อย “ทำอาหารไม่อร่อยแต่ทำขนมออกมาหน้าตาสวยนะเนี่ย”
“โหยคุณ ทำยากมากเลยนะไอ้มาการองแสนแพงเนี่ย ผมทำให้แม่คุณหมดแอลมอนด์ผงไปหลายกรัมเลยอ่ะ” พูดไปก็เอาเข้าปากไป
ตกลงแกะมากินเองว่างั้น...กูก็ยื่นมือออกไปรอเก้อ...
คนตัวสูงได้แต่พยักหน้าแล้วเปิดห่ออื่นๆดูว่ามันคืออะไร บ้างถุงก็เป็นกล่องอาหารที่คาดว่าคนตัวเล็กต้องไปหอบหิ้วจากบ้านเขามาแน่ๆ ว่าแล้วก็แกะอาหารจัดใส่จาน ปล่อยให้ร่างบางยืนง่วนกับการแกะขนมใส่กล่อง
“อ่ะ ลองกินดูๆ” อยู่ๆแบคฮยอนก็ยื่นมาการองสีน้ำตาลหน้าเนียนเงามาตรงหน้าคนอายุมากกว่า ลู่หานเพียงยิ้มกริ่มก่อนจะพูดขึ้นมาว่า
“ป้อนดิ๊ มือไม่ว่าง” ไม่ว่างจริงๆนั้นแหละ...แกะข้าวอยู่
“งั้นก็กัดดิคุณ จะได้ช่วยกันแกะ” พยักพเยิดจ่อขนมเข้าที่ปากหยัก ร่างสูงทำเพียงกัดเข้าไปครึ่งนึงเนื่องจากชิ้นมันใหญ่มาก
“อร่อยป่ะ” ถามเสร็จก็ส่งอีกขึ้นชิ้นที่เหลือเข้าปากตัวเองไปอย่างไม่นึกรังเกียจ
“อื้อ พอใช้ได้...ทำครั้งแรกก็โอเคอ่ะนะ”
กว่าจะเริ่มทานมื้อเช้าได้เล่นเอาฟังเรื่องเล่าต่างๆนาๆของร่างเล็กจนเอาอิ่มไปหลายเรื่อง ไปแค่วันเดียวยังเล่ายาวขนาดนี้ได้นับถือจริงๆ
“แล้วก็นะคุณ” ตัวเล็กยังคงเล่าต่อไปแม้กระทั่งบนโต๊ะอาหาร ลู่หานทำได้แค่นั่งฟังแล้วก็หัวเราะกับท่าทางประกอบที่แบคฮยอนแสดงให้สมจริงมากขึ้น “เมื่อเช้าผมเจอพี่ชายคุณด้วยล่ะ เขาหล่อดีเนอะแต่สู้คุณไม่ได้หรอก ไม่ต้องเสียใจไป” พูดไปก็ตักข้าวเข้าปากไป พร้อมพูดเยินยอคนกระเป๋าหนักเพื่ออนาคตจะได้สบาย
“ไม่ต้องมายอ...แล้วเขาพูดอะไรกับนายรึเปล่า” ประโยคหลังเสียงเบาลง
“ไม่หรอก...อย่าคิดมากนะคุณ คุณยังมีผมนะ อ๋อ!จริงด้วย คุณมีเจ้านี่ด้วย” เจ้าแก้มกลมวิ่งไปหยิบของในกระเป๋าเป้ ในมือก็ควานหาอะไรในช่องกระเป๋าใหญ่อยู่นาน สักพักก็ดึงอะไรบางอย่างออกมา “นี่! แม่คุณบอกคุณชอบไอ้แมวผีนี่ ผมเลยหยิบติดมือมาด้วย”
แม่นะแม่...
“ไม่เอาเว้ย! จะบ้าเหรอใครจะไปชอบพวงกุญแจมุ้งมิ้งแบบนั้นวะ เอาไปเถอะฉันไม่เอาไปห้อยกระเป่าฉันแน่” ยกตะเกียบขึ้นพลักปัดไปมาพันลวัน ตัวเล็กเบ้ปากเล็กน้อยก่อนจะเก็บไปห้อยกระเป๋าตัวเอง
ก็ไอ้ตุ๊กตาคิดตี้แบบนั้น เขาชอบมันเมื่อนานมาแล้ว สมัยยังเป็นเด็กๆแล้วแม่ชอบจับแต่งหญิงน่ะสิ... เรื่องน่าอาบแบบนี้หวังว่าคนตรงหน้ายังไม่รุ้หรอกนะ ใครจะอยากชอบไอ้ตัวนี่วะ
“อื้อ ให้ผมแล้วห้ามเอาคืนนะครับ”
“เออ! แล้วรีบไปอาบน้ำแต่งตัวเลย เดี๋ยวจะพาไปซื้อของข้างนอก” ลู่หานนึกได้ว่าต้องซื้อของเข้าบ้าน เพราะผลัดมาหลายวันแล้ว
“อาบแล้ว คุณรีบไปอาบสิ”
“อื้อ แล้วก็นะ วันหลังจะไปไหนก็ต้องโทรมาบอกด้วย หรือส่งข้อความมาก็ได้เข้าใจมั้ย อย่าให้ต้องตามหาทั่วบ้านแบบนี้” น้ำเสียงฟังดุอ่อนลงทันที เมื่อพูดถึงเรื่องที่ทำเขานอนไม่หลับจนตาคล้ำ
แบคฮยอนได้แต่พยักหน้าตามช้า...
ตึกตัก ตึกตัก
เสียงหัวใจเต้นเร็วขึ้นจนวูบโหวงแปลกๆตั้งแต่โดนลู่หานตักเตือนเรื่องเมื่อวาน สำหรับร่างเล็กแล้วในฐานะนักเขียนนิยายมาหลายปี เขารู้สึกว่าคำพูดเมื่อครู่ฟังดูเป็นห่วงแล้วก็อบอุ่นแอบแฝงอยู่ในนั้น ความจริงเขาเองก็ไม่รู้ว่าคิดถึงคนตัวโตทำไม...
เขาเริ่มรู้สึกว่าแย่แน่...ถ้าเกิดวันหนึ่งจะต้องห่างกัน
แบคฮยอนสะบัดหัวกับความคิดฟุ้งซ่านไล่ออกไปจากความคิดของเขา คว่ำจานไปสุดท้ายพร้อมกับเสียงผิวปากอย่างอารมณ์ดีของใครอีกคนเดินลงมาชั้นล่าง กลิ่นน้ำหอมโชยมาแต่ไกลจนแบคฮยอนเริ่มตีคิ้วยุ่ง
ทำอย่างกับจะออกไปหาสาว ฉีดน้ำหอมซะเหม็นเลย!
“เป็นไร” นั่งรถมาได้สักพักก็เอ่ยถาม เห็นทำจมูกฟุดฟิดจนน่าหมั่นไส้
“เห็นน้ำหอมคนแถวนี้ ฉีดมาทำไมไม่รู้เยอะแยะ” ขยับปากบางอุบอิบอยู่คนเดียว ใบหน้ายู่ขัดใจสายตาคนมองจนต้องยกมือไปผลักหัวคนนั่งข้างๆ “ทำไรอ่ะคุณ สกปรก”
หื้อ กล้าเนอะ...
“ตัวเองสะอาดตายล่ะ”
แบคฮยอนไม่ได้เถียงหรือต่อความยาวสาวความยืดต่อ ได้แต่มองออกไปข้างนอกที่หมู่นี้เขาได้ออกมาเยี่ยมชมมันบ่อยเหลือเกิน แต่แล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อเส้นทางไปซุปเปอร์มันดูไม่คุ้นชิน เหมือนกำลังออกไปนอกเมือง หันขวับมาทางคนขับที่ฮัมเพลงสบายใจยังไม่วายหยิบแว่นเรย์แบรนด์มาสวมใส่จนหล่อเท่ เห็นดังนั้นเลยเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“คุณ...ขับรถผิดทางป่าว เมื่อกี้ต้องเลี้ยวซ้ายนะตอนออกจากซอยอ่ะ นี่มันทางออกนอกเมือง” ชี้ไปทางด้านหลังอย่างร้อนลน
“เออน่า เดี๋ยวไปซื้อของในเมืองมันถูกกว่า นายง่วงก็นอนไปก่อนได้เลย” ลู่หานว่าพร้อมเบาแอร์เมื่อเห็นตัวเล็กยกมือลูบแขนปอยๆและหาววอดหลายครั้ง
ร่างสูงยอดรถข้างทางพลางเอื้อมมือไปปรับเบาะรถให้กับคนตัวเล็กที่นอนคอพับหลับง่ายแต่ตื่นยาก แล้วเปิดเพลงคลอเบาๆ เพลงก็ไม่ใช่จากที่ไหน...จากในคอมฯของเจ้าตัวที่ชอบเปิดฟังตอนแต่งนิยายบ่อยๆ ได้ยินว่าเพราะดีลู่หานเลยแอบโหลดลงแฟลชไดฟ์มาเปิดในรถ
เสียงเพลงคลอไปตลอดการขับรถ...และตามมาด้วยเสียงแจ้บๆจากตัวเล็ก
“ทำไมน่ารักจังวะ...ซกมกด้วยชิบหายเบาะรถ” แต่ถ้าหลับสบายด็ตามใจเถอะ...
แบคฮยอนมีความคิดว่าตอนเขียนนางเอกมาจากบ้านนอกเข้ามาเมืองกรุงมันตื่นตะลึงไม่มากเท่ากับเขาในตอนนี้เลยสักนิด ดูยังไงของที่นี่ก็ไม่น่าจะมีราคาถูกกว่าแถวบ้านสักนิด ราวกับบ้านนอกเข้ากรุงไม่มีผิดเพี้ยน ผิดกับอีกคนที่เดินนำหน้าด้วยท่าทางสบายๆกับการแต่งตัวนำสมัย แล้วเขาละ...เสื้อยืดกางเกงผ้าสามส่วนที่สุดจะโบราณหาแฟชั่นไม่มี
“คุณทำไมมาห้างหรูอ่ะ ผ...” แบคฮยอนกำลังสั่นเพราะว่าตื่นเต้น ยิ่งเห็นความงามของห้างใหญ่ก็ยิ่งตื่นเต้น
ไว้เท่าความคิด เมื่อคนตัวสูงคว้ามือเล็กที่ออกอาการตื่นเต้นมากุมไว้แน่น ส่งต่อความอบอุ่นสัมผัสจากฝ่ามือร้อนทำให้แบคฮยอนอุ่นใจมากขึ้น เขาไม่อาจจะบอกได้ว่าตัวเองขาดความอบอุ่นหรือเปล่า แต่เขาชอบที่ลู่หานจับมือเขาเมื่อวินาทีแรก...ใจเขาเต้นแตกต่างออกไปจากเดิม...
“จับมือไว้แบบนี้...จะได้ไม่หลง” ถึงจะบอกมาแบบนั้น แต่ห้างใหญ่ที่คนเดินไม่ได้เดินเบียดเสียดกันถึงขนาดต้องกลัวหลง ก็ไม่รู้สินะ
ผ่านไปสักพัก แบคฮยอนก็เริ่มเหมือนเด็กน้อยมาสวนสนุกมากขึ้น พอเห็ฯอะไรที่น่ารักๆก็ชอบกึ่งลากกึ่งจูงคนตัวโตขี้บ่นว่าเมื่อยเดินไปนั่นมานี่ มีอ้อนขอของด้วยนะ แต่เชื่อเถอะว่าคนอย่างเสี่ยวลู่
ยอมโดนหลอกแค่เรื่องกินอย่างเดียวพอ!
“สวัสดีค่ะ ถ่ายรูปสติ๊กเกอร์มั้ยคะ ช่วงโปรโมชั่นเราปรับให้จ่ายเพียงครึ่งเดียว” พนักงานสาวคนหนึ่งร้องทักขึ้นเมื่อเจอชายหนุ่มสองคนที่หน้าตาดีเดินผ่านมา
“หื้ม คุณถ่ายกันๆ” ร่างเล็กออกแรงดึงแขนให้เข้าไปในตู้ถ่ายรูปอัตโนมัติ จัดการแลกเหรียญมาหยอดเรียบร้อย
“เฮ้ย! ไม่ถ่ายไม่ชอบเว้ย” ลู่หานตะโกนโวยวายปัดป้องใบหน้าตัวเองเต็มที่
“เอาน้าๆ คุณใส่วิกด้วยสิ อะนี่คฑาด้วยฮ่าๆ” แบคฮยอนเห็นพร็อบเสริมมากมายในการถ่าย หยิบขึ้นมาใส่ให้คนตัวโตที่เริ่มหน้าบูดจนรอยย้นที่หางตาขึ้น แต่นั้นไม่ได้ทำให้ความสนุกลดลง เมื่อตัวเล็กแอบกดชัตเตอร์นับถอยหลังโดยไม่บอกร่างสูง
แชะ!
เหี้ย!
สบถออกมาพร้อมเสียงแชะ ไม่รีรอรีบกดเปิดรูปขึ้นหน้าจอใหญ่เพื่อรอตกแต่ง เท่านั้นล่ะแบคฮยอนหัวเราะเสียงดังลั่นจนพนักงานสาวสะดุ้งโหยง
“โอ๊ยคุณ นั่น! ฮ่าๆๆ...ทำไมทำหน้าหาบานแม่แบบนั้นกร๊าก”
แชะ!
“เย้ย ลู่หาน!” แบคฮยอนตะโกนขึ้นมาทันทีเมื่อคนตัวสูงแอบแกล้วกลับกันเงียบๆ จนภาพออกมาเป็นรูปตัวเล็กอ้าปากกว้างทุเรศน่าดู แต่สร้างเสียงหัวเราะได้ดีสำหรับคนอื่น
“ฮ่าๆ เป็นไงล่ะฮะ”
สุดท้ายรูปสติ๊กเกอร์ที่ออกมาก็มีแต่ภาพชวนหัวเราะยิ่งกว่าการ์ตูนขายหัวเราะของประเทศไทยอีก ลู่หานเห็นแบบนั้นก็เลือกรูปที่จะแปะโชว์สาธารณะเป็นรูปที่ดีที่สุดคือไม่เห็นหน้า แต่ดันเห็นหน้าแบคฮยอนแทน
“คุณทำไมเลือกรูปนั้นล่ะ” เด็กน้อยปากคว่ำชักสีหน้าทันที หลังจากเห็นภาพที่คนอายุมากกว่าเลือกแปะโชว์ชาวบ้าน คนถูกว่าได้แต่ยิ้มราวกับชนะเรียบร้อย แบคฮยอนเลยจัดการแปะรูปลู่หานที่เห็นตัวเองเพียงลางๆลงบนกระจกใสข้างกัน
“นี่! เอาออกเดี๋ยวนี่เลยนะ” ลู่หานแทบลมจับ ก่อนจะหยิบรูปทุเรศทั้งคู่มาแปะปาบ
ไหนๆก็ขี้เหล่แล้ว...ทั้งคู่ไปเลย เอาฮาดี
มือหนาเปิดกระเป๋าสตางค์ใบโปรดพร้อมเก็บรูปถ่ายสติ๊กเกอร์ที่แอบเก็บเอาไว้คนเดียวลงประเป๋า...รูปคู่ที่ใช้ได้ที่สุด ความทรงจำครั้งแรกของลู่หานและแบคฮยอน กับการถ่ายรูปคู่
50%
หลังจากเที่ยวเล่นสนุกๆไปหลายอย่างไปเมื่อวาน วันต่อมาร่างบางก็กลับมาเปิดคอมฯแล้วพิมพ์บันทึกประจำวันลงไป กำลังเรียบเรียงคำพูดได้ไม่นาน คนตัวเล็กก็ตัดสินใจเปิดกล่องจดหมายเพื่อเช็คยอดคนอ่านดู หากแต่ว่ากล่องข้อความบางอย่างที่ส่งมาเมื่อวานถูกเปิดอ่านเรียบร้อยเสียแล้ว
ใครเปิด?
ข้อความอวยพรวันเกิดตามปกติทำเอาร่างบางเบิกตากว้าง เขาจำวันเกิดตัวเองไม่ได้สักครั้ง คงจะมีแต่ไอ้ข้อความเตือนความจำแบบนี้เนี่ยแหละ อีกอย่างคนที่มาเปิดดูของเขาคงไม่พ้นร่างสูงที่นอนหลับอุตุอยู่ข้างบนเป็นแน่
ที่พาออกไปเที่ยวเนี่ยคงไม่ได้พาไปฉลองวันเกิดใช่มั้ย?
คิดถึงอีกคนแบคฮยอนก็ยิ้มกรุ่มกริ่มขึ้นมาเสียอย่างนั้น คนตัวเล็กยิ้มกว้างจนสุดแทบหุบไม่อยู่อยู่คนเดียว พิมพ์นิยายไปก็ได้แต่ฉากหวานๆจนมานั่งอ่านอีกทีก็เขินเอง นิ้วเรียวยกขึ้นเคาะกับโต๊ะเป็นจังหวะเพลงที่ฟังอารมณ์ดี รู้สึกถึงใบหน้าที่ร้อนเห่อแล้วก็หัวใจเต้นแรง เมื่อมโนถึงวันนี้ที่เป็นวันเกิดตัวเอง...เขาคงไม่ได้คิดไปเองแล้วก็หวังไปเองใช่มั้ย
บางทีวันเกิดปีนี้อาจจะมีอะไรดีๆเกิดขึ้นก็ได้มั้ง หรือบางทีคนตัวโตอาจจะเซอไพรส์อะไรเพื่อนตัวเอง
“แล้วตอนนี้เราอยู่ใน..สถานะอะไรอ่ะ?” พอถามตัวเองอีกทีแบคฮยอนก็ถึงกับหุบยิ้มลงทันที ใบหน้าสวยเริ่มมุ่ยหน้ายู่ปาก พลางขบคิด
เจ้าของบ้านกับผู้อาศัย...อันนี้ไม่โอเคเท่าไร ถ้าเป็นครอบครัวเดียวกันล่ะ...ก็โอเคล่ะมั้ง สถานะลุงกับหลาน
นึกแล้วก็หัวเราะขึ้นมาซะอย่างนั้นจนปวดท้อง นึกถึงรอยตีนกาบนใบหน้าร่างสูงก็รู้สึกหัวเราะขึ้นมาไม่มีเหตุผล ส่งผลให้คนที่ยืนอยู่ข้างหลังถึงกับขมวดคิ้วหนาพันกันยุ่ง
เป็นบ้าอะไรอีกวะ
“โอ๊ย ฮาชะมัด ฮะๆงั้นเอาพระเอกมีริ้วรอยตีนกาดีกว่า ชื่อ...อื้มเสี่ยวลู่ ฮ่าๆ” ร่างเล็กตบโต๊ะอย่างมีความสุข อยู่ๆก็เกิดอยากเขียนนิยายเรื่องใหม่ เริ่มต้นอะไรใหม่ๆแทน
“ตลกมากมั้ยห๊ะ?” เสียงแหบพร่ากระซิบที่ข้างหู ทำเอาคนหัวเราะเอิ๊กอ๊ากอยู่ผุดลุกจากเก้าอี้ด้วยความตกใจ “ไง เอาฉันไปปู่ยี่ปู่ย่ำอะไรในนิยายตัวเอง บอกมาดิ๊”
“คุณมาตอนไหนอ่ะ” แบคฮยอนหันหน้ามาปะทะกับร่างสูงที่เลิกคิ้วพลางยกยิ้ม
“ไม่บอก”
ลู่หานหันหลังไปทิ้งตัวนั่งลงพร้อมนิ้วยาวกดปุ่มเปิดโทรทัศน์อย่างสบายใจ ทิ้งร่างบางให้ยืนฮึดฮัดขัดใจอยู่คนเดียว ก็ไม่รู้ว่าทำไมเวลาแบคฮยอนหงุดหงิดมันดูตลกดี เหมือนสีสันของชีวิตก็ว่าได้ เหมือนกับว่าถ้าสีสันหายไปมันคงดูน่าเบื่อมาก ชีวิตนิ่งเหมือนสายน้ำที่มีจระเข้แต่เขาชอบแบบคลื่นทะเลมากกว่า ชีวิตแปลกใหม่ที่คิดว่ากับคนตัวเล็กน่าจะมีสีแปลกเช่นสีผสมเป็นรุ้งกินน้ำ?
แบคฮยอนยังไม่ทันลงมือพิมพ์หรือแอบลอบเอาหมอนปาใส่ไอ้คนที่ดูบอลส่งเสียงเชียร์น่าหนวกหูรบกวนสมาธิการแต่งนิยายของเขา เสียงออดหน้าบ้านก็ดังขึ้นมาแทรกกลางวง ทั้งสองคนหันไปมองหน้าบ้านพร้อมกัน ผิดแค่ไอ้คนตัวโตดันไม่ยอมลุกไปเปิดทั้งที่ว่างอยู่แท้ๆ แล้วทั้งสองคนก็หันหน้าเข้าหากัน สีหน้าเกี่ยงว่าใครจะไปเปิดประตู
“นายไปดิวะ เจ้าของบ้านไม่ใช่?” ลู่หานหันมาบอกร่างเล็กที่ยืนจ้องจนตาเรียวลุกวาว
“ผมทำงานอยู่ คุณว่างก็ไปเปิดสิ” เจ้าของบ้านถึงกับออกคำสั่งใช้คนอายุมากกว่า จนลู่หานเบ้ปากแล้วหันไปหาโทรทัศน์แบบไม่แยแส
เอ๊ะ! ไอ้บ้านี่ ฝากไว้ก่อนเถอะ
สุดท้ายก็ไม่ใช่ใครเลยที่ออกมาเปิดประตู ก็แบคฮยอนนั้นแหละที่แพ้ตลอดการเวลาเจอเรื่องอะไรรับหน้าก่อนตลอด ตัวเล็กเดินดุกดิกมาถึงหน้าประตูบ้านคว้าลูกบิดประตูพร้อมเปิดออก...
เหมือนกับว่าตัวเองจะต้องปิดแล้วเปิดใหม่อีกครั้ง แต่ไม่ว่าจะกี่รอบก็เหมือนเดิม
คุณแม่ของลู่หาน!!
“เอ่อ...สวัสดีครับ” ร่างบางยังคงช็อกแล้วก็ตกใจเมื่อเห็นว่าเป็นใคร เกือบทักทายแทบไม่ทัน ไม่สิ! เขาเกือบปิดประตูบ้านไม้สีขาวใส่หน้าคุณป้าแล้วเมื่อกี้...
“ตกใจอะไรเอ่ย ลู่หานอยู่ไม่ลูก แม่ขอเข้าไปในบ้านหน่อยได้มั้ย?” คุณนายลู่ทักทายเสียงใสตามอายุ ก่อนแบคฮยอนจะผายมือเชื้อเชิญเข้าบ้านตามมารยาท
คนตัวสูงแทบจะเด้งตัวขึ้นทักทายแม่ตัวเองไม่ทันพร้อมใบหน้าเหยเก เคนเป็นแม่เลยเดินเข้าไปตีแขนเข้าให้ที่ลูกชายแสดงอย่างกับไม่อยากให้เขามาหาอย่างนั้นแหละ
“โอ๊ยม๊า ลู่เจ็บนะ” ยกมือลูบแขนปอยๆ
“เจ็บสิดี ดูทำหน้าเข้าเชอะ แม่ไม่ได้มาหาเสี่ยวลู่สักหน่อย” คำพูดของคุณนายลู่สร้างความสับสนให้ชายหนุ่มทั้งสอง “มาหาแบคฮยอนต่างหาก” พูดเสร็จก็หันมาหาร่างเล็กที่ยืนงงงันอยู่ไม่ไกล
“ผมเหรอครับ” แบคฮยอนยิ้มบางๆก่อนจะยกนิ้วชี้มาที่ตัวเองย้ำคำ สายตาขอความช่วยเหลือส่งไปที่ลู่หานทันที
“ใช่เลย คราวนี้ไปเดินห้างกันน้า ไม่นานหรอกจ้ะ ป้าไม่มีเพื่อนไปเดินเล่นด้วยเลยเลยมาชวนแบคให้ไปด้วย” หญิงวัยกลางคนส่งสายตาวิงวอนต่อคนตัวเล็กยากจะปฏิเสธ แถมสรรพนามเรียกชื่อเป็นกันเองเสียจนชวนอึดอัด
“เอ่อ...” แบคฮยอนพยายามส่งสายตาเรียกลู่หาน หากแต่สิ่งที่ได้กลับมาเป็นเพียงแค่กระไหวไหล่เบาๆแค่นั้น แล้วหันหลังกลับไปนั่งที่เดิม
“เที่ยวให้สนุกล่ะ ซื้อของมาฝากด้วย” บอกปัดๆด้วยท่าทางสบายๆไม่เดือดร้อนใดๆ
ไอ้ท่าทีแบบนั้นที่แบคฮยอนรู้สึกโหวงใจอย่างบอกไม่ถูก...หากลู่หานช่วยรั้งเอาไว้สักนิด หรือสนใจเขาสักหน่อย...
อย่าทำท่าทางเหมือนไม่รู้ดิ ว่าวันนี้วันอะไร?
ผมเชื่อว่าคนเราต้องคิดอะไรบ้างล่ะ อย่างน้อยในคำว่าไม่เป็นไรต้องมีหนึ่งเปอร์เซ็นที่เป็นความหวังบ้างแหละน้า...
ในที่สุดวันนี้มันก็เป็นอีกวันที่ผมเหนื่อยสายตัวแทบขาด...รู้สึกว่าตัวเองอยู่บ้ายน้อยลงแต่ออกไปข้างนอกมากขึ้นจนไม่ได้แต่งนิยายเพิ่มเติมเลย กลับบ้านมาก็ง่วงนอนแล้ว ไหนจะต้องตื่นมาเตรียมอาหารเช้าให้ไอ้คุณชายตั้งแต่ไก่โห่ ซักผ้าทำงานบ้านอีกเยอะแยะมากมายมหาศาล ปกติซักผ้าอาทิตย์ละครั้งตอนนี้ต้องปรับเป็นซักสองวันครั้งหนึ่งเพราะอยู่กันสองคนประมาณนี้กำลังดี อาหารเช้าที่เคยทำทานง่ายๆคนเดียวก็ต้องมาหุงข้าวคิดเมนูอาหารแต่ละมื้อ บอกตามตรงว่าวันไหนร่างสูงไม่อยู่มันคือเรื่องน่ายินดีของแบคฮยอนจริงๆที่ไม่ต้องทำอาหาร
ต้องทำจนจากทำไม่เป็นก็ทำเป็นได้...เก่งเกินไปแล้ว
หื้อ? ทำไมประตูบ้านเปิดทิ้งไว้!
ตอนนี้หัวใจแบคฮยอนหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่มเพราะนอกจากประตูบ้านไม่ได้ปิดสนิทแล้ว สมก็พัดกระโชกมาดังหวิวชวนใจเต้นไม่เป็นส่ำ แสงไฟของบ้านที่ไม่เคยปิดสนิทบัดนี้กลับมืดมิดจนหาแสงสว่างไม่เจอ ขนแขนลุกชั้นอย่างไม่ทราบสาเหตุ...นึกถึงคนที่น่าจะอยู่บ้านดูก็คว้าโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหา ตอนนั้นเองคนหูดีก็ได้ยินเสียงเพลงอะไรสักอย่างดังขึ้นมาจากภายในตัวบ้าน แต่ไม่มีใครรับสาย...สภาวะอัตราการเต้นของหัวใจเกินร้อยสามสิบเริ่มต้นขึ้น
แบคฮยอนค่อยๆเปิดประตูชั้นแรกออกไป...แล้วแง้มๆไว้เผื่อเกิดเรื่องอะไรไม่ดีขึ้นมาจะได้เปิดหนีทัน เสียงโทรศัพท์เงียบหายไปแล้ว สองขาสั้นพยายามเดินให้เบาเสียงที่สุด...
มือเรียวสวยยกขึ้นเลื่อนบานประตูกระจกขุ่น...เพียงเท่านั้นราวกับถูกตึงรวบไว้
พรึบ
เสียงเทียนส่องสว่างพร้อมกันนับร้อยดวงทั่วบ้านตามทางเดินและระเบียงบันได เป็นทางยาวพร้อมเดินไปยังจุดพร้อมเพลงที่คุ้นหูแสนโปรดปราน
คนตรงหน้าที่เดินมาพร้อมช่อดอกไม้สวยสีแดงราวกับเจ้าชายในหนังสือนิยายหลายเล่ม
“เฮ้!”
เฮือก!
ร่างบางสะดุ้งโหยงเมื่อเสียงเรียกพร้อมแรงเขย่าจนศีรษะโงนเงนไปมา ดวงตาเรียวเบิกโผลงจ้องเขม็งคนตรงหน้าที่สีหน้ายุ่งหลากหลายอารมณ์ ก่อนจะรู้สึกตัวว่าเจ็บแปลบๆตรงแรงบีบ ร่างเล็กผละออกห่างทันที
“คุณ...เทียน...เอ่ยเดี๋ยว” แบคฮยอนเหมือนจะกำลังสับสนงุนงนเลยพูดจาติดขัด
“โว๊ะ พูดบ้าไรวะ แล้วกลับมาแล้วตั้งนานไม่เข้าบ้านสักทีต้องให้ออกมาตาม” ลู่หานทำเอามือล้วงกระเป๋าก่อนจะเดินนำเข้าไปในบ้านที่แสงไฟสว่างโล่ ไม่ได้มีความโรแนติกเมื่อในความฝันเมื่อสักครู่
พอเปิดประตุเข้าไปก็ไม่ได้เจอกับเทียนเต็มบ้านนับรอยดวง แบคฮยอนถอนหายใจออกมาสองสามครั้งก่อนวางกระเป่าไว้บนโซฟา เข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตากับภาพความฝันล้านแปดที่ไม่เห็ฯมีแม้ดอกไม้สักช่อ ความหวังลมๆแล้งๆจริงๆ
คิดว่าล้างหน้าเสร็จจะไปอาบน้ำนอนเลย ด้วยความที่ว่าวันนี้ถูกลากไปโน่นมานี่ เป็นผู้ชายแท้ๆต้องไปเดินช็อปกับผู้หญิง...มันไม่ใช่สไตล์...แบคฮยอนชอบความสงบมากกว่า แถมเวลานี้ก็มืดมากแล้วด้วยสองทุ่มกว่า
“เฮ้ย ไม่กินข้าวก่อนเหรอ” ลู่หานทักขึ้นเมื่อเห็นแบคฮยอนเดินหน้าบูดเตรียมขึ้นข้างบน
“ไม่อ่ะ...อิ่มแล้ว” คนตัวเล็กเดินขึ้นบ้านไป ยกมือขึ้นมานวดต้นคอไป
“เสียดายว่ะ คนเขาอุตส่าห์ทำอาหารไว้รอพร้อมเค้กวันเกิด...เฮ้อ กินคน...” ยังไม่ทันที่จะกล่าวจบ เสียงวิ่งตึงตังโครมครามก็ตามมาพร้อมแบคฮยอนในชุดนอนเสื้อยืดกางเกงขาสั้นเอวยางยืด
“เมื่อกี้ว่าอะไรนะคุณ” น้ำเสียงแสนเบาบางตามมาด้วยใยหน้าตื่นเต้น ริมฝีปากบางเริ่มเบ้...น้ำตาใสเอ่อคลอรอบขอบตาร้อนผ่าว ขาเรียวค่อยๆเดินตามร่างสูงกระเผลอจับมือตอนไหนไม่รู้มายังโต๊ะทานข้าวที่เต็มไปด้วยอาหารมากมาย...
กลางโต๊ะมีเค้กก้อนใหญ่วางไว้พร้อมอักเทียน...
“ฮึก...” ยากเกินจะอดกลั้น ในเมื่อความประทับใจมันเอ่อล้นจนจุกอกจนต้องระบายเป็นสายธาร
“อย่าร้องดิวะ เจ้าของวันเกิดหน้าเบี้ยวได้ไง” ลู่หานเอื้อมมือหยาบของตัวเองปาดหยดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มกลม ก่อนผละออกแล้วเกาหัวแก้เก้อ เพราะนี่ครั้งแรกที่ลู่หานจัดงานวันเกิดให้ใครสักคน...มันยากมากเหมือนกันแฮะ “สุขสันต์วันเกิดนะเว้ย! ไม่รู้ว่าจะชอบมั้ยแต่ก็ทำได้แค่เนี่ย อ่ะ!”
“ขอบคุณมาก ชอบ...ชอบสุดๆไปเลย ฮึก” ไม่รู้ว่ารอบที่เท่าไรที่ไม่ว่าเมื่อไร...แบคฮยอนเผลอยกมือขึ้นกอดรอบคนตัวโต...
เขาไม่คิดเลยว่าความไม่โรแมนติกมันจะประทับใจเกินคาด...เขาไม่ต้องการเทียนร้อยเล่มกับช่อดอกไม้...เขาแค่ต้องการอาหารฝีมือคนตรงหน้าที่ทำเสียเต็มโต๊ะวางเรียงราย เค้กที่ลงมือทำด้วยตัวเองมันพิเศษและมีคุณค่ามากกว่าเค้กที่ซื้อมาพันเท่า ความอบอุ่นจากเทียนในที่มืดไม่สามารถเทียบชั้นอ้อมกอดอีกคนที่กอดกลับมาได้เลย...มันอ่อนโยนแล้วก็อบอุ่นในแบบของมัน
“ฮือออ คนบ้า ทำไมชอบทำให้ตกใจ!” แบคฮยอนทุบลงบนหน้าอกแกร่งของร่างสูง น้ำหูน้ำตาก็ไหลเป็นทาง ตามมาด้วยเสียงสูดน้ำมูกที่คิดว่าน่าจะติดเสื้อตัวนอกลู่หานแล้วล่ะ
“เอ้า นี่ลงทุนให้แม่ออกจากบ้านแล้วลากนายไปข้างนอกนะเนี่ย แล้วชอบมั้ยล่ะฮะ!” ถึงปากจะร้ายแต่ก็กระชับกอดแน่นไม่ยอมปล่อย
ไม่รู้สิคนตัวเล็กไม่รู้ทำไมยิ่งกอดยิ่งเพลิน...อยากอดนานๆไม่อยากปล่อย ตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้เหมือนกัน...
“ชอบดิ!”
ใช่เลยเขาชอบมากเลย...เสี่ยวลู่หานตรงหน้านี้แบคฮยอนชอบที่สุดเลย....ก็เพิ่งรู้
100%
ก็เริ่มชอบแล้วอ่ะ
ความชอบเกิดขึ้นจากความใกล้ชิด
ถ้าชอบก็เม้นและแท๊ก #ฟิคกลับบ้าน
พูดคุยกันนอกจากติดแท๊กก็ @peepanggy
ความคิดเห็น