ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ exo ] 。 take me home ♡ { lubaek } ending

    ลำดับตอนที่ #10 : - take me home : chapters - 009 { 100% }

    • อัปเดตล่าสุด 9 พ.ค. 57




     





    - Gift for you -



    chapters – 009





    [ lisining to music, please]

     
     


     

                มะรืนวันเกิดแบคฮยอน...

     

                ใช่เลยตอนนี้ลู่หานกำลังเดินวนไปวนมาอยู่บริเวณชั้นล่างของบ้านส่วนห้องนั่งเล่น  นึกถึงแต่วันเกิดของคนตัวเล็กที่เมื่อครู่เขานอนไม่หลับเพราะแบคฮยอนไปอยู่  เลยลงมานั่งเล่นคอมฯของเจ้าของบ้านอย่างถือวิสาสะ  อีกทั้งยังไปนั่งอ่านบล็อกเขียนบันทึกประจำวันที่นินทาตัวเองบ้าง  เอ่ยชมบ้างจนคนรางสูงอดยิ้มเหมือนคนบ้าไม่ได้  อย่าเช่น เวลาเขาอารมณ์ดีเขาหล่อมากเลยครับ  ผมอาจจะเป็นบ้าไปแล้วก็ได้ที่คิดว่าเขาดูดีอยู่ตลอดเวลานั้นแหละ 

     

                งั้นเขาก็คงเป็นบ้าที่คิดถึงใบหน้าหวานๆนั้นทั้งคืน...มั้ง

     

    เท่านั้นแหละอยู่ๆข้อความบางอย่างก็เด้งขึ้นมา  ลู่หานเลยเผลอกดเข้าไปดูจนเจอข้อความอวยพรวันเกิดล่วงหน้าของแฟนเพจในวันที่หกของเดือนห้า 

     

    อื้ม...เด็กนั้นอยากได้ไรวะ

     

     

                หยิบโทรศัพท์สมาร์ทโฟนขึ้นมาเสิร์ชหาคำว่า  ของขวัญวันเกิดที่น่าประทับใจ’  พิมพ์เสรจมันดันมีขึ้นมาเพิ่ม 

     

                “สำหรับคนพิเศษ?”  ลู่หานแทบจะโยนมือถือไปนอนแอ่งแม่งบนโซฟา

     

                ความรู้สึกสับสนเพิ่มพูนขึ้นมาขึ้น  ทำไมเขาต้องมานั่งคิดทำอะไรแบบนี้ด้วยวะ  แม่งดูไม่เหมือนเขา...

     

                ไม่ๆ  ไปนอนดีกว่าพรุ่งนี้ต้องทำงานอีก 

     

                  


     

    ลู่หานนอนไม่หลับจนกระทั่งเช้าเขาได้งีบไปหน่อยหนึ่งบนโซฟานุ่ม  ในมือยังถือโทรศัพท์คาอยู่จนกระทั่งเสียงรถยนต์ดังขึ้นและหายไป  ตามมาด้วยเสียงก๊อกแกร๊กที่หน้าประตูบานไม้สีขาว  คนหน้าหล่อที่นอนสะลึมสะลือรีบเด้งตัวขึ้นมานั่งไขว้ห้างพร้อมกดรีโมทเปิดทีวีแกว่งขาอย่างสบายใจ  ทำเหมือนกับว่าตัวเองตื่นเช้าตามปกติ  และทำตัวให้เป็นปกติที่สุด...

     

    ร่างสูงเผลอคลี่ยิ้มขึ้นกว้างเสียจนหุบแทบไม่อยู่เมื่อใครบางคนตะโกนลั่นเข้ามาในบ้านก่อนตัวเสียอีก

     

    “คุณณณณ!  ผมกลับมาแล้ว”  แบคฮยอนตะโกนขึ้นหลังจากได้ยินเสียงโทรทัศน์  แน่ใจว่าคนขี้บ่นตื่นนอนและรอคนทำอาหารเช้าอย่างเขาอยู่เป็นแน่  เลยรีบส่งเสียงดังขึ้นก่อนจะโผล่หน้าหวานๆออกไปรับศึก

     

    ลู่หานหันไปมองแค่แว้บหนึ่งก่อนจะหันหน้ากลับมามองจอพลาสม่าต่อ

     

    “อาหารเช้าด่วนเลย  หิว”  พูดไปก็ใจเต้นแรงไป  เขามีความสุขแปลกๆเหมือนกับว่าฝนตกพร่ำๆให้น้ำต้นไม้ใหญ่...

               

                “ชิ  ไม่อยู่น่าจะบอกอะไรมากกว่าเรื่องข้าวสิ!”  ร่างบางเดินเข้ามาในสภาพพะรุงพะรังจนคนตัวโตต้องเดินเข้าไปช่วยถือของ  “มีมาการองด้วยล๊า  แต๊น!”  ยังไม่ทันวางของให้เรียบร้อย  แบคฮยอนก็รู้สึกตื่นเต้นจนต้องเอามาการองที่เขาว่ายากแสนยากขึ้นมาอวด

     

                “หื้ม  ไม่น่าเชื่อ...”  ลู่หานอดรู้สึกแปลกใจไม่น้อย  “ทำอาหารไม่อร่อยแต่ทำขนมออกมาหน้าตาสวยนะเนี่ย”

     

                “โหยคุณ  ทำยากมากเลยนะไอ้มาการองแสนแพงเนี่ย  ผมทำให้แม่คุณหมดแอลมอนด์ผงไปหลายกรัมเลยอ่ะ”  พูดไปก็เอาเข้าปากไป

     

                ตกลงแกะมากินเองว่างั้น...กูก็ยื่นมือออกไปรอเก้อ...

     

                คนตัวสูงได้แต่พยักหน้าแล้วเปิดห่ออื่นๆดูว่ามันคืออะไร  บ้างถุงก็เป็นกล่องอาหารที่คาดว่าคนตัวเล็กต้องไปหอบหิ้วจากบ้านเขามาแน่ๆ  ว่าแล้วก็แกะอาหารจัดใส่จาน ปล่อยให้ร่างบางยืนง่วนกับการแกะขนมใส่กล่อง

     

                “อ่ะ  ลองกินดูๆ”  อยู่ๆแบคฮยอนก็ยื่นมาการองสีน้ำตาลหน้าเนียนเงามาตรงหน้าคนอายุมากกว่า  ลู่หานเพียงยิ้มกริ่มก่อนจะพูดขึ้นมาว่า

     

                “ป้อนดิ๊  มือไม่ว่าง”  ไม่ว่างจริงๆนั้นแหละ...แกะข้าวอยู่

     

     

     

                “งั้นก็กัดดิคุณ  จะได้ช่วยกันแกะ”  พยักพเยิดจ่อขนมเข้าที่ปากหยัก  ร่างสูงทำเพียงกัดเข้าไปครึ่งนึงเนื่องจากชิ้นมันใหญ่มาก 

     

                “อร่อยป่ะ”  ถามเสร็จก็ส่งอีกขึ้นชิ้นที่เหลือเข้าปากตัวเองไปอย่างไม่นึกรังเกียจ

     

                “อื้อ  พอใช้ได้...ทำครั้งแรกก็โอเคอ่ะนะ” 

     

     

                กว่าจะเริ่มทานมื้อเช้าได้เล่นเอาฟังเรื่องเล่าต่างๆนาๆของร่างเล็กจนเอาอิ่มไปหลายเรื่อง  ไปแค่วันเดียวยังเล่ายาวขนาดนี้ได้นับถือจริงๆ 

     

                “แล้วก็นะคุณ”  ตัวเล็กยังคงเล่าต่อไปแม้กระทั่งบนโต๊ะอาหาร  ลู่หานทำได้แค่นั่งฟังแล้วก็หัวเราะกับท่าทางประกอบที่แบคฮยอนแสดงให้สมจริงมากขึ้น  “เมื่อเช้าผมเจอพี่ชายคุณด้วยล่ะ  เขาหล่อดีเนอะแต่สู้คุณไม่ได้หรอก  ไม่ต้องเสียใจไป”  พูดไปก็ตักข้าวเข้าปากไป  พร้อมพูดเยินยอคนกระเป๋าหนักเพื่ออนาคตจะได้สบาย

     

                “ไม่ต้องมายอ...แล้วเขาพูดอะไรกับนายรึเปล่า”  ประโยคหลังเสียงเบาลง

     

                “ไม่หรอก...อย่าคิดมากนะคุณ  คุณยังมีผมนะ  อ๋อ!จริงด้วย  คุณมีเจ้านี่ด้วย”  เจ้าแก้มกลมวิ่งไปหยิบของในกระเป๋าเป้  ในมือก็ควานหาอะไรในช่องกระเป๋าใหญ่อยู่นาน  สักพักก็ดึงอะไรบางอย่างออกมา  “นี่แม่คุณบอกคุณชอบไอ้แมวผีนี่  ผมเลยหยิบติดมือมาด้วย”

     

                แม่นะแม่...

     

                “ไม่เอาเว้ยจะบ้าเหรอใครจะไปชอบพวงกุญแจมุ้งมิ้งแบบนั้นวะ  เอาไปเถอะฉันไม่เอาไปห้อยกระเป่าฉันแน่”  ยกตะเกียบขึ้นพลักปัดไปมาพันลวัน  ตัวเล็กเบ้ปากเล็กน้อยก่อนจะเก็บไปห้อยกระเป๋าตัวเอง

     

                ก็ไอ้ตุ๊กตาคิดตี้แบบนั้น  เขาชอบมันเมื่อนานมาแล้ว  สมัยยังเป็นเด็กๆแล้วแม่ชอบจับแต่งหญิงน่ะสิ...  เรื่องน่าอาบแบบนี้หวังว่าคนตรงหน้ายังไม่รุ้หรอกนะ  ใครจะอยากชอบไอ้ตัวนี่วะ

     

     

                “อื้อ  ให้ผมแล้วห้ามเอาคืนนะครับ”

     

     

                “เออ!  แล้วรีบไปอาบน้ำแต่งตัวเลย  เดี๋ยวจะพาไปซื้อของข้างนอก”  ลู่หานนึกได้ว่าต้องซื้อของเข้าบ้าน  เพราะผลัดมาหลายวันแล้ว

     

                “อาบแล้ว  คุณรีบไปอาบสิ”

     

     

                “อื้อ  แล้วก็นะ  วันหลังจะไปไหนก็ต้องโทรมาบอกด้วย  หรือส่งข้อความมาก็ได้เข้าใจมั้ย  อย่าให้ต้องตามหาทั่วบ้านแบบนี้”  น้ำเสียงฟังดุอ่อนลงทันที  เมื่อพูดถึงเรื่องที่ทำเขานอนไม่หลับจนตาคล้ำ

     

                แบคฮยอนได้แต่พยักหน้าตามช้า...

     

     

     

     

     

     

     

     

                ตึกตัก  ตึกตัก

     

                เสียงหัวใจเต้นเร็วขึ้นจนวูบโหวงแปลกๆตั้งแต่โดนลู่หานตักเตือนเรื่องเมื่อวาน  สำหรับร่างเล็กแล้วในฐานะนักเขียนนิยายมาหลายปี  เขารู้สึกว่าคำพูดเมื่อครู่ฟังดูเป็นห่วงแล้วก็อบอุ่นแอบแฝงอยู่ในนั้น  ความจริงเขาเองก็ไม่รู้ว่าคิดถึงคนตัวโตทำไม...

     

                เขาเริ่มรู้สึกว่าแย่แน่...ถ้าเกิดวันหนึ่งจะต้องห่างกัน

     

                แบคฮยอนสะบัดหัวกับความคิดฟุ้งซ่านไล่ออกไปจากความคิดของเขา   คว่ำจานไปสุดท้ายพร้อมกับเสียงผิวปากอย่างอารมณ์ดีของใครอีกคนเดินลงมาชั้นล่าง  กลิ่นน้ำหอมโชยมาแต่ไกลจนแบคฮยอนเริ่มตีคิ้วยุ่ง 

     

                ทำอย่างกับจะออกไปหาสาว  ฉีดน้ำหอมซะเหม็นเลย!

                “เป็นไร”  นั่งรถมาได้สักพักก็เอ่ยถาม  เห็นทำจมูกฟุดฟิดจนน่าหมั่นไส้

     

                “เห็นน้ำหอมคนแถวนี้  ฉีดมาทำไมไม่รู้เยอะแยะ”  ขยับปากบางอุบอิบอยู่คนเดียว  ใบหน้ายู่ขัดใจสายตาคนมองจนต้องยกมือไปผลักหัวคนนั่งข้างๆ  “ทำไรอ่ะคุณ  สกปรก”

     

                หื้อ  กล้าเนอะ...

     

                “ตัวเองสะอาดตายล่ะ”

     

                แบคฮยอนไม่ได้เถียงหรือต่อความยาวสาวความยืดต่อ  ได้แต่มองออกไปข้างนอกที่หมู่นี้เขาได้ออกมาเยี่ยมชมมันบ่อยเหลือเกิน  แต่แล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อเส้นทางไปซุปเปอร์มันดูไม่คุ้นชิน  เหมือนกำลังออกไปนอกเมือง  หันขวับมาทางคนขับที่ฮัมเพลงสบายใจยังไม่วายหยิบแว่นเรย์แบรนด์มาสวมใส่จนหล่อเท่  เห็นดังนั้นเลยเอ่ยถามด้วยความสงสัย

     

                “คุณ...ขับรถผิดทางป่าว  เมื่อกี้ต้องเลี้ยวซ้ายนะตอนออกจากซอยอ่ะ  นี่มันทางออกนอกเมือง”  ชี้ไปทางด้านหลังอย่างร้อนลน 

     

                “เออน่า เดี๋ยวไปซื้อของในเมืองมันถูกกว่า  นายง่วงก็นอนไปก่อนได้เลย”  ลู่หานว่าพร้อมเบาแอร์เมื่อเห็นตัวเล็กยกมือลูบแขนปอยๆและหาววอดหลายครั้ง

     

                ร่างสูงยอดรถข้างทางพลางเอื้อมมือไปปรับเบาะรถให้กับคนตัวเล็กที่นอนคอพับหลับง่ายแต่ตื่นยาก แล้วเปิดเพลงคลอเบาๆ  เพลงก็ไม่ใช่จากที่ไหน...จากในคอมฯของเจ้าตัวที่ชอบเปิดฟังตอนแต่งนิยายบ่อยๆ  ได้ยินว่าเพราะดีลู่หานเลยแอบโหลดลงแฟลชไดฟ์มาเปิดในรถ

     

                เสียงเพลงคลอไปตลอดการขับรถ...และตามมาด้วยเสียงแจ้บๆจากตัวเล็ก

     

                “ทำไมน่ารักจังวะ...ซกมกด้วยชิบหายเบาะรถ”  แต่ถ้าหลับสบายด็ตามใจเถอะ... 

     

     

     

                แบคฮยอนมีความคิดว่าตอนเขียนนางเอกมาจากบ้านนอกเข้ามาเมืองกรุงมันตื่นตะลึงไม่มากเท่ากับเขาในตอนนี้เลยสักนิด  ดูยังไงของที่นี่ก็ไม่น่าจะมีราคาถูกกว่าแถวบ้านสักนิด  ราวกับบ้านนอกเข้ากรุงไม่มีผิดเพี้ยน  ผิดกับอีกคนที่เดินนำหน้าด้วยท่าทางสบายๆกับการแต่งตัวนำสมัย  แล้วเขาละ...เสื้อยืดกางเกงผ้าสามส่วนที่สุดจะโบราณหาแฟชั่นไม่มี

     

                “คุณทำไมมาห้างหรูอ่ะ  ผ...”  แบคฮยอนกำลังสั่นเพราะว่าตื่นเต้น  ยิ่งเห็นความงามของห้างใหญ่ก็ยิ่งตื่นเต้น

     

                ไว้เท่าความคิด  เมื่อคนตัวสูงคว้ามือเล็กที่ออกอาการตื่นเต้นมากุมไว้แน่น  ส่งต่อความอบอุ่นสัมผัสจากฝ่ามือร้อนทำให้แบคฮยอนอุ่นใจมากขึ้น  เขาไม่อาจจะบอกได้ว่าตัวเองขาดความอบอุ่นหรือเปล่า  แต่เขาชอบที่ลู่หานจับมือเขาเมื่อวินาทีแรก...ใจเขาเต้นแตกต่างออกไปจากเดิม...

     

                “จับมือไว้แบบนี้...จะได้ไม่หลง”  ถึงจะบอกมาแบบนั้น แต่ห้างใหญ่ที่คนเดินไม่ได้เดินเบียดเสียดกันถึงขนาดต้องกลัวหลง  ก็ไม่รู้สินะ

     

     

                ผ่านไปสักพัก  แบคฮยอนก็เริ่มเหมือนเด็กน้อยมาสวนสนุกมากขึ้น  พอเห็ฯอะไรที่น่ารักๆก็ชอบกึ่งลากกึ่งจูงคนตัวโตขี้บ่นว่าเมื่อยเดินไปนั่นมานี่  มีอ้อนขอของด้วยนะ  แต่เชื่อเถอะว่าคนอย่างเสี่ยวลู่

     

                ยอมโดนหลอกแค่เรื่องกินอย่างเดียวพอ!





     

               “สวัสดีค่ะ  ถ่ายรูปสติ๊กเกอร์มั้ยคะ  ช่วงโปรโมชั่นเราปรับให้จ่ายเพียงครึ่งเดียว” พนักงานสาวคนหนึ่งร้องทักขึ้นเมื่อเจอชายหนุ่มสองคนที่หน้าตาดีเดินผ่านมา 

     

                “หื้ม  คุณถ่ายกันๆ”  ร่างเล็กออกแรงดึงแขนให้เข้าไปในตู้ถ่ายรูปอัตโนมัติ  จัดการแลกเหรียญมาหยอดเรียบร้อย

     

                “เฮ้ย!  ไม่ถ่ายไม่ชอบเว้ย”  ลู่หานตะโกนโวยวายปัดป้องใบหน้าตัวเองเต็มที่

     

                “เอาน้าๆ  คุณใส่วิกด้วยสิ  อะนี่คฑาด้วยฮ่าๆ”  แบคฮยอนเห็นพร็อบเสริมมากมายในการถ่าย  หยิบขึ้นมาใส่ให้คนตัวโตที่เริ่มหน้าบูดจนรอยย้นที่หางตาขึ้น  แต่นั้นไม่ได้ทำให้ความสนุกลดลง  เมื่อตัวเล็กแอบกดชัตเตอร์นับถอยหลังโดยไม่บอกร่างสูง

     

                แชะ!

     

                เหี้ย

     

                สบถออกมาพร้อมเสียงแชะ  ไม่รีรอรีบกดเปิดรูปขึ้นหน้าจอใหญ่เพื่อรอตกแต่ง  เท่านั้นล่ะแบคฮยอนหัวเราะเสียงดังลั่นจนพนักงานสาวสะดุ้งโหยง

     

                “โอ๊ยคุณ  นั่น!  ฮ่าๆๆ...ทำไมทำหน้าหาบานแม่แบบนั้นกร๊าก” 

                แชะ!

     

                “เย้ย  ลู่หาน!” แบคฮยอนตะโกนขึ้นมาทันทีเมื่อคนตัวสูงแอบแกล้วกลับกันเงียบๆ  จนภาพออกมาเป็นรูปตัวเล็กอ้าปากกว้างทุเรศน่าดู  แต่สร้างเสียงหัวเราะได้ดีสำหรับคนอื่น

     

                “ฮ่าๆ  เป็นไงล่ะฮะ”

     

                สุดท้ายรูปสติ๊กเกอร์ที่ออกมาก็มีแต่ภาพชวนหัวเราะยิ่งกว่าการ์ตูนขายหัวเราะของประเทศไทยอีก  ลู่หานเห็นแบบนั้นก็เลือกรูปที่จะแปะโชว์สาธารณะเป็นรูปที่ดีที่สุดคือไม่เห็นหน้า  แต่ดันเห็นหน้าแบคฮยอนแทน

     

                “คุณทำไมเลือกรูปนั้นล่ะ”  เด็กน้อยปากคว่ำชักสีหน้าทันที  หลังจากเห็นภาพที่คนอายุมากกว่าเลือกแปะโชว์ชาวบ้าน   คนถูกว่าได้แต่ยิ้มราวกับชนะเรียบร้อย  แบคฮยอนเลยจัดการแปะรูปลู่หานที่เห็นตัวเองเพียงลางๆลงบนกระจกใสข้างกัน

     

                “นี่!  เอาออกเดี๋ยวนี่เลยนะ”  ลู่หานแทบลมจับ  ก่อนจะหยิบรูปทุเรศทั้งคู่มาแปะปาบ

     

                ไหนๆก็ขี้เหล่แล้ว...ทั้งคู่ไปเลย  เอาฮาดี

     

                มือหนาเปิดกระเป๋าสตางค์ใบโปรดพร้อมเก็บรูปถ่ายสติ๊กเกอร์ที่แอบเก็บเอาไว้คนเดียวลงประเป๋า...รูปคู่ที่ใช้ได้ที่สุด  ความทรงจำครั้งแรกของลู่หานและแบคฮยอน  กับการถ่ายรูปคู่



    50%

     

              

               หลังจากเที่ยวเล่นสนุกๆไปหลายอย่างไปเมื่อวาน  วันต่อมาร่างบางก็กลับมาเปิดคอมฯแล้วพิมพ์บันทึกประจำวันลงไป  กำลังเรียบเรียงคำพูดได้ไม่นาน  คนตัวเล็กก็ตัดสินใจเปิดกล่องจดหมายเพื่อเช็คยอดคนอ่านดู  หากแต่ว่ากล่องข้อความบางอย่างที่ส่งมาเมื่อวานถูกเปิดอ่านเรียบร้อยเสียแล้ว

     

                ใครเปิด?

     

                    ข้อความอวยพรวันเกิดตามปกติทำเอาร่างบางเบิกตากว้าง  เขาจำวันเกิดตัวเองไม่ได้สักครั้ง  คงจะมีแต่ไอ้ข้อความเตือนความจำแบบนี้เนี่ยแหละ  อีกอย่างคนที่มาเปิดดูของเขาคงไม่พ้นร่างสูงที่นอนหลับอุตุอยู่ข้างบนเป็นแน่

     

                ที่พาออกไปเที่ยวเนี่ยคงไม่ได้พาไปฉลองวันเกิดใช่มั้ย? 

     

    คิดถึงอีกคนแบคฮยอนก็ยิ้มกรุ่มกริ่มขึ้นมาเสียอย่างนั้น  คนตัวเล็กยิ้มกว้างจนสุดแทบหุบไม่อยู่อยู่คนเดียว  พิมพ์นิยายไปก็ได้แต่ฉากหวานๆจนมานั่งอ่านอีกทีก็เขินเอง  นิ้วเรียวยกขึ้นเคาะกับโต๊ะเป็นจังหวะเพลงที่ฟังอารมณ์ดี  รู้สึกถึงใบหน้าที่ร้อนเห่อแล้วก็หัวใจเต้นแรง  เมื่อมโนถึงวันนี้ที่เป็นวันเกิดตัวเอง...เขาคงไม่ได้คิดไปเองแล้วก็หวังไปเองใช่มั้ย 

     

    บางทีวันเกิดปีนี้อาจจะมีอะไรดีๆเกิดขึ้นก็ได้มั้ง  หรือบางทีคนตัวโตอาจจะเซอไพรส์อะไรเพื่อนตัวเอง

     

    “แล้วตอนนี้เราอยู่ใน..สถานะอะไรอ่ะ?”  พอถามตัวเองอีกทีแบคฮยอนก็ถึงกับหุบยิ้มลงทันที  ใบหน้าสวยเริ่มมุ่ยหน้ายู่ปาก  พลางขบคิด

     

    เจ้าของบ้านกับผู้อาศัย...อันนี้ไม่โอเคเท่าไร  ถ้าเป็นครอบครัวเดียวกันล่ะ...ก็โอเคล่ะมั้ง  สถานะลุงกับหลาน

     

    นึกแล้วก็หัวเราะขึ้นมาซะอย่างนั้นจนปวดท้อง  นึกถึงรอยตีนกาบนใบหน้าร่างสูงก็รู้สึกหัวเราะขึ้นมาไม่มีเหตุผล  ส่งผลให้คนที่ยืนอยู่ข้างหลังถึงกับขมวดคิ้วหนาพันกันยุ่ง 

     

    เป็นบ้าอะไรอีกวะ

     

    “โอ๊ย  ฮาชะมัด  ฮะๆงั้นเอาพระเอกมีริ้วรอยตีนกาดีกว่า  ชื่อ...อื้มเสี่ยวลู่  ฮ่าๆ”  ร่างเล็กตบโต๊ะอย่างมีความสุข  อยู่ๆก็เกิดอยากเขียนนิยายเรื่องใหม่  เริ่มต้นอะไรใหม่ๆแทน

     

     

    “ตลกมากมั้ยห๊ะ?”  เสียงแหบพร่ากระซิบที่ข้างหู  ทำเอาคนหัวเราะเอิ๊กอ๊ากอยู่ผุดลุกจากเก้าอี้ด้วยความตกใจ  “ไง  เอาฉันไปปู่ยี่ปู่ย่ำอะไรในนิยายตัวเอง  บอกมาดิ๊”

     

    “คุณมาตอนไหนอ่ะ”  แบคฮยอนหันหน้ามาปะทะกับร่างสูงที่เลิกคิ้วพลางยกยิ้ม

     

    “ไม่บอก”

     

    ลู่หานหันหลังไปทิ้งตัวนั่งลงพร้อมนิ้วยาวกดปุ่มเปิดโทรทัศน์อย่างสบายใจ  ทิ้งร่างบางให้ยืนฮึดฮัดขัดใจอยู่คนเดียว  ก็ไม่รู้ว่าทำไมเวลาแบคฮยอนหงุดหงิดมันดูตลกดี  เหมือนสีสันของชีวิตก็ว่าได้  เหมือนกับว่าถ้าสีสันหายไปมันคงดูน่าเบื่อมาก  ชีวิตนิ่งเหมือนสายน้ำที่มีจระเข้แต่เขาชอบแบบคลื่นทะเลมากกว่า  ชีวิตแปลกใหม่ที่คิดว่ากับคนตัวเล็กน่าจะมีสีแปลกเช่นสีผสมเป็นรุ้งกินน้ำ?

     

    แบคฮยอนยังไม่ทันลงมือพิมพ์หรือแอบลอบเอาหมอนปาใส่ไอ้คนที่ดูบอลส่งเสียงเชียร์น่าหนวกหูรบกวนสมาธิการแต่งนิยายของเขา  เสียงออดหน้าบ้านก็ดังขึ้นมาแทรกกลางวง  ทั้งสองคนหันไปมองหน้าบ้านพร้อมกัน  ผิดแค่ไอ้คนตัวโตดันไม่ยอมลุกไปเปิดทั้งที่ว่างอยู่แท้ๆ  แล้วทั้งสองคนก็หันหน้าเข้าหากัน  สีหน้าเกี่ยงว่าใครจะไปเปิดประตู

     

    “นายไปดิวะ เจ้าของบ้านไม่ใช่?”  ลู่หานหันมาบอกร่างเล็กที่ยืนจ้องจนตาเรียวลุกวาว

     

    “ผมทำงานอยู่  คุณว่างก็ไปเปิดสิ”  เจ้าของบ้านถึงกับออกคำสั่งใช้คนอายุมากกว่า  จนลู่หานเบ้ปากแล้วหันไปหาโทรทัศน์แบบไม่แยแส

     

    เอ๊ะไอ้บ้านี่  ฝากไว้ก่อนเถอะ

     

    สุดท้ายก็ไม่ใช่ใครเลยที่ออกมาเปิดประตู  ก็แบคฮยอนนั้นแหละที่แพ้ตลอดการเวลาเจอเรื่องอะไรรับหน้าก่อนตลอด  ตัวเล็กเดินดุกดิกมาถึงหน้าประตูบ้านคว้าลูกบิดประตูพร้อมเปิดออก...

     

    เหมือนกับว่าตัวเองจะต้องปิดแล้วเปิดใหม่อีกครั้ง  แต่ไม่ว่าจะกี่รอบก็เหมือนเดิม

     

    คุณแม่ของลู่หาน!!

     

    “เอ่อ...สวัสดีครับ”  ร่างบางยังคงช็อกแล้วก็ตกใจเมื่อเห็นว่าเป็นใคร  เกือบทักทายแทบไม่ทัน  ไม่สิเขาเกือบปิดประตูบ้านไม้สีขาวใส่หน้าคุณป้าแล้วเมื่อกี้...

     

    “ตกใจอะไรเอ่ย  ลู่หานอยู่ไม่ลูก  แม่ขอเข้าไปในบ้านหน่อยได้มั้ย?”  คุณนายลู่ทักทายเสียงใสตามอายุ  ก่อนแบคฮยอนจะผายมือเชื้อเชิญเข้าบ้านตามมารยาท

     

    คนตัวสูงแทบจะเด้งตัวขึ้นทักทายแม่ตัวเองไม่ทันพร้อมใบหน้าเหยเก  เคนเป็นแม่เลยเดินเข้าไปตีแขนเข้าให้ที่ลูกชายแสดงอย่างกับไม่อยากให้เขามาหาอย่างนั้นแหละ

     

    “โอ๊ยม๊า  ลู่เจ็บนะ”  ยกมือลูบแขนปอยๆ

     

    “เจ็บสิดี  ดูทำหน้าเข้าเชอะ  แม่ไม่ได้มาหาเสี่ยวลู่สักหน่อย” คำพูดของคุณนายลู่สร้างความสับสนให้ชายหนุ่มทั้งสอง  “มาหาแบคฮยอนต่างหาก”  พูดเสร็จก็หันมาหาร่างเล็กที่ยืนงงงันอยู่ไม่ไกล

     

    “ผมเหรอครับ”  แบคฮยอนยิ้มบางๆก่อนจะยกนิ้วชี้มาที่ตัวเองย้ำคำ  สายตาขอความช่วยเหลือส่งไปที่ลู่หานทันที

     

    “ใช่เลย  คราวนี้ไปเดินห้างกันน้า  ไม่นานหรอกจ้ะ  ป้าไม่มีเพื่อนไปเดินเล่นด้วยเลยเลยมาชวนแบคให้ไปด้วย”  หญิงวัยกลางคนส่งสายตาวิงวอนต่อคนตัวเล็กยากจะปฏิเสธ  แถมสรรพนามเรียกชื่อเป็นกันเองเสียจนชวนอึดอัด

     

    “เอ่อ...”  แบคฮยอนพยายามส่งสายตาเรียกลู่หาน  หากแต่สิ่งที่ได้กลับมาเป็นเพียงแค่กระไหวไหล่เบาๆแค่นั้น  แล้วหันหลังกลับไปนั่งที่เดิม 

     

     

    “เที่ยวให้สนุกล่ะ  ซื้อของมาฝากด้วย”  บอกปัดๆด้วยท่าทางสบายๆไม่เดือดร้อนใดๆ

     

    ไอ้ท่าทีแบบนั้นที่แบคฮยอนรู้สึกโหวงใจอย่างบอกไม่ถูก...หากลู่หานช่วยรั้งเอาไว้สักนิด  หรือสนใจเขาสักหน่อย...

     

    อย่าทำท่าทางเหมือนไม่รู้ดิ  ว่าวันนี้วันอะไร?

     

    ผมเชื่อว่าคนเราต้องคิดอะไรบ้างล่ะ  อย่างน้อยในคำว่าไม่เป็นไรต้องมีหนึ่งเปอร์เซ็นที่เป็นความหวังบ้างแหละน้า...

     

     

     

    ในที่สุดวันนี้มันก็เป็นอีกวันที่ผมเหนื่อยสายตัวแทบขาด...รู้สึกว่าตัวเองอยู่บ้ายน้อยลงแต่ออกไปข้างนอกมากขึ้นจนไม่ได้แต่งนิยายเพิ่มเติมเลย  กลับบ้านมาก็ง่วงนอนแล้ว  ไหนจะต้องตื่นมาเตรียมอาหารเช้าให้ไอ้คุณชายตั้งแต่ไก่โห่  ซักผ้าทำงานบ้านอีกเยอะแยะมากมายมหาศาล  ปกติซักผ้าอาทิตย์ละครั้งตอนนี้ต้องปรับเป็นซักสองวันครั้งหนึ่งเพราะอยู่กันสองคนประมาณนี้กำลังดี  อาหารเช้าที่เคยทำทานง่ายๆคนเดียวก็ต้องมาหุงข้าวคิดเมนูอาหารแต่ละมื้อ  บอกตามตรงว่าวันไหนร่างสูงไม่อยู่มันคือเรื่องน่ายินดีของแบคฮยอนจริงๆที่ไม่ต้องทำอาหาร 

     

    ต้องทำจนจากทำไม่เป็นก็ทำเป็นได้...เก่งเกินไปแล้ว

     

     

     

     

     

     

    หื้อ?  ทำไมประตูบ้านเปิดทิ้งไว้!

     

    ตอนนี้หัวใจแบคฮยอนหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่มเพราะนอกจากประตูบ้านไม่ได้ปิดสนิทแล้ว  สมก็พัดกระโชกมาดังหวิวชวนใจเต้นไม่เป็นส่ำ  แสงไฟของบ้านที่ไม่เคยปิดสนิทบัดนี้กลับมืดมิดจนหาแสงสว่างไม่เจอ  ขนแขนลุกชั้นอย่างไม่ทราบสาเหตุ...นึกถึงคนที่น่าจะอยู่บ้านดูก็คว้าโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหา  ตอนนั้นเองคนหูดีก็ได้ยินเสียงเพลงอะไรสักอย่างดังขึ้นมาจากภายในตัวบ้าน  แต่ไม่มีใครรับสาย...สภาวะอัตราการเต้นของหัวใจเกินร้อยสามสิบเริ่มต้นขึ้น

     

    แบคฮยอนค่อยๆเปิดประตูชั้นแรกออกไป...แล้วแง้มๆไว้เผื่อเกิดเรื่องอะไรไม่ดีขึ้นมาจะได้เปิดหนีทัน  เสียงโทรศัพท์เงียบหายไปแล้ว  สองขาสั้นพยายามเดินให้เบาเสียงที่สุด...

     

    มือเรียวสวยยกขึ้นเลื่อนบานประตูกระจกขุ่น...เพียงเท่านั้นราวกับถูกตึงรวบไว้

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    พรึบ

     

     

     

     

     

     

    เสียงเทียนส่องสว่างพร้อมกันนับร้อยดวงทั่วบ้านตามทางเดินและระเบียงบันได  เป็นทางยาวพร้อมเดินไปยังจุดพร้อมเพลงที่คุ้นหูแสนโปรดปราน

     

    คนตรงหน้าที่เดินมาพร้อมช่อดอกไม้สวยสีแดงราวกับเจ้าชายในหนังสือนิยายหลายเล่ม

     

     

     

     

     

    “เฮ้!

     

    เฮือก!

     

    ร่างบางสะดุ้งโหยงเมื่อเสียงเรียกพร้อมแรงเขย่าจนศีรษะโงนเงนไปมา ดวงตาเรียวเบิกโผลงจ้องเขม็งคนตรงหน้าที่สีหน้ายุ่งหลากหลายอารมณ์  ก่อนจะรู้สึกตัวว่าเจ็บแปลบๆตรงแรงบีบ  ร่างเล็กผละออกห่างทันที

     

    “คุณ...เทียน...เอ่ยเดี๋ยว”  แบคฮยอนเหมือนจะกำลังสับสนงุนงนเลยพูดจาติดขัด

     

    “โว๊ะ  พูดบ้าไรวะ  แล้วกลับมาแล้วตั้งนานไม่เข้าบ้านสักทีต้องให้ออกมาตาม”  ลู่หานทำเอามือล้วงกระเป๋าก่อนจะเดินนำเข้าไปในบ้านที่แสงไฟสว่างโล่  ไม่ได้มีความโรแนติกเมื่อในความฝันเมื่อสักครู่

     

    พอเปิดประตุเข้าไปก็ไม่ได้เจอกับเทียนเต็มบ้านนับรอยดวง  แบคฮยอนถอนหายใจออกมาสองสามครั้งก่อนวางกระเป่าไว้บนโซฟา  เข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตากับภาพความฝันล้านแปดที่ไม่เห็ฯมีแม้ดอกไม้สักช่อ  ความหวังลมๆแล้งๆจริงๆ

     

    คิดว่าล้างหน้าเสร็จจะไปอาบน้ำนอนเลย  ด้วยความที่ว่าวันนี้ถูกลากไปโน่นมานี่  เป็นผู้ชายแท้ๆต้องไปเดินช็อปกับผู้หญิง...มันไม่ใช่สไตล์...แบคฮยอนชอบความสงบมากกว่า  แถมเวลานี้ก็มืดมากแล้วด้วยสองทุ่มกว่า

     

     

    “เฮ้ย  ไม่กินข้าวก่อนเหรอ”  ลู่หานทักขึ้นเมื่อเห็นแบคฮยอนเดินหน้าบูดเตรียมขึ้นข้างบน

     

    “ไม่อ่ะ...อิ่มแล้ว”  คนตัวเล็กเดินขึ้นบ้านไป  ยกมือขึ้นมานวดต้นคอไป

     

     

     

     

     

     

     

     

    “เสียดายว่ะ  คนเขาอุตส่าห์ทำอาหารไว้รอพร้อมเค้กวันเกิด...เฮ้อ  กินคน...”  ยังไม่ทันที่จะกล่าวจบ  เสียงวิ่งตึงตังโครมครามก็ตามมาพร้อมแบคฮยอนในชุดนอนเสื้อยืดกางเกงขาสั้นเอวยางยืด

     

    “เมื่อกี้ว่าอะไรนะคุณ”  น้ำเสียงแสนเบาบางตามมาด้วยใยหน้าตื่นเต้น  ริมฝีปากบางเริ่มเบ้...น้ำตาใสเอ่อคลอรอบขอบตาร้อนผ่าว  ขาเรียวค่อยๆเดินตามร่างสูงกระเผลอจับมือตอนไหนไม่รู้มายังโต๊ะทานข้าวที่เต็มไปด้วยอาหารมากมาย... 

     

    กลางโต๊ะมีเค้กก้อนใหญ่วางไว้พร้อมอักเทียน...

     

              “ฮึก...”  ยากเกินจะอดกลั้น  ในเมื่อความประทับใจมันเอ่อล้นจนจุกอกจนต้องระบายเป็นสายธาร

     

                “อย่าร้องดิวะ  เจ้าของวันเกิดหน้าเบี้ยวได้ไง”  ลู่หานเอื้อมมือหยาบของตัวเองปาดหยดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มกลม  ก่อนผละออกแล้วเกาหัวแก้เก้อ  เพราะนี่ครั้งแรกที่ลู่หานจัดงานวันเกิดให้ใครสักคน...มันยากมากเหมือนกันแฮะ  “สุขสันต์วันเกิดนะเว้ย!  ไม่รู้ว่าจะชอบมั้ยแต่ก็ทำได้แค่เนี่ย  อ่ะ!

     

     

                “ขอบคุณมาก  ชอบ...ชอบสุดๆไปเลย  ฮึก”  ไม่รู้ว่ารอบที่เท่าไรที่ไม่ว่าเมื่อไร...แบคฮยอนเผลอยกมือขึ้นกอดรอบคนตัวโต...

     

                เขาไม่คิดเลยว่าความไม่โรแมนติกมันจะประทับใจเกินคาด...เขาไม่ต้องการเทียนร้อยเล่มกับช่อดอกไม้...เขาแค่ต้องการอาหารฝีมือคนตรงหน้าที่ทำเสียเต็มโต๊ะวางเรียงราย  เค้กที่ลงมือทำด้วยตัวเองมันพิเศษและมีคุณค่ามากกว่าเค้กที่ซื้อมาพันเท่า  ความอบอุ่นจากเทียนในที่มืดไม่สามารถเทียบชั้นอ้อมกอดอีกคนที่กอดกลับมาได้เลย...มันอ่อนโยนแล้วก็อบอุ่นในแบบของมัน 

     

                “ฮือออ  คนบ้า  ทำไมชอบทำให้ตกใจ!”  แบคฮยอนทุบลงบนหน้าอกแกร่งของร่างสูง  น้ำหูน้ำตาก็ไหลเป็นทาง  ตามมาด้วยเสียงสูดน้ำมูกที่คิดว่าน่าจะติดเสื้อตัวนอกลู่หานแล้วล่ะ

     

                “เอ้า  นี่ลงทุนให้แม่ออกจากบ้านแล้วลากนายไปข้างนอกนะเนี่ย   แล้วชอบมั้ยล่ะฮะ!”  ถึงปากจะร้ายแต่ก็กระชับกอดแน่นไม่ยอมปล่อย

     

                ไม่รู้สิคนตัวเล็กไม่รู้ทำไมยิ่งกอดยิ่งเพลิน...อยากอดนานๆไม่อยากปล่อย  ตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้เหมือนกัน...

     

     

     

     

     

     

     

     

                “ชอบดิ!

     

                ใช่เลยเขาชอบมากเลย...เสี่ยวลู่หานตรงหน้านี้แบคฮยอนชอบที่สุดเลย....ก็เพิ่งรู้



     

    100%

     

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -



    ก็เริ่มชอบแล้วอ่ะ
    ความชอบเกิดขึ้นจากความใกล้ชิด



    ถ้าชอบก็เม้นและแท๊ก  #ฟิคกลับบ้าน
    พูดคุยกันนอกจากติดแท๊กก็  @peepanggy

     

     
    thank you:)  Shalunla
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×