คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : - take me home : chapters - 014 { 100% }
- Post it -
chapters – 014
หลังจากกลับบ้านมาเมื่อคืนทั้งคู่ก็ยังไม่ได้พูดอะไรอีกจนกระทั่งช่วงสายของวันหนึ่งขณะที่ต่างคนต่างใช้ความเงียบใส่กัน เสียงกรอบแกรบบางอย่างก็ดังมาจากด้านหลังของร่างสูงที่นั่งกินขนมห่อใหญ่อยู่บนโซฟาไม่ไกลจากโต๊ะทำงานแบคฮยอนมากนัก อินทีเรียหนุ่มหันขวับแทบจะทันทีแต่ใบหน้าหล่อนั้นปะทะเข้ากลับกระดาษแผ่นหนึ่ง
“ผมว่าเรามาเปลี่ยนแปลงอะไรกันหน่อยดีมั้ยครับ” เสียงหวานพูดประโยคแรกของวันนี้...ลู่หานได้ยินแล้วแปร่งๆกับศัพท์ที่สุภาพและห่างเหิน...
“โธ่ ยอมพูดแล้วเหรอหื้ม?” หยอกเล่นแบบปกติไม่ได้สนใจอะไรมากนัก เขายิ้มกว้างจนเกิดรอยยับเล็กน้อยที่หางตาก่อนจะเอื้อมไปดึงไปกระดาษเอสี่สี่ขาวหนึ่งแผ่นมาอ่าน ดวงตากลมโตจดจ่องบนตัว หนังสือคอมฯไล่อ่านซ้ำอีกรอบจนต้องขมวดคิ้ว “นี่มันอะไรแบคฮยอน”
คราวนี้เป็นน้ำเสียงเคร่งขรึมมากกว่าขี้เล่นทั่วไปอย่างทุกที หากแต่คนตัวเล็กได้หวาดกลัวไม่พร้อมส่งยื่นปากกาแท่งละห้าบาทให้กับคนตัวโต
“เซ็นครับ กฎใหม่จะอนุมัติใช้วันนี้มีผลใช้ได้ทันทีนับตั้งแต่วินาทีที่คุณจับสัญญา สัญญาว่าเราจะต่างคนต่างอยู่ผมใช้เวลาตอนกลางคืนส่วนคุณก็อยู่ช่วงกลางวันถ้าหากเรามีปัญหาหรืออยากจะต่อว่าอีกฝ่ายก็เขียนโพสอิทแปะไว้หน้าตู้เย็น อาหารผมจะทำไว้ให้ในตู้เย็นแบบอุ่นทานได้เลยส่วนงานบ้านผมจะมาทำช่วงที่คุณไม่อยู่หรือตอนกลางคืนดังนั้นเวลานี้ผมจะต้องไปแล้วสวัสดีครับ” พูดเสร็จก็เดินสะบัดก้นกลมๆขึ้นไปบนห้อง ที่ไว้เพียงหน้าตาเหวอหวาของร่างสูง
“เฮ้ย! แบคฮยอนไม่เอา เดี๋ยวโว้ยไอเด็กบ้า!!” กว่าจะตั้งสติได้คนตัวเล็กก็เดินขึ้นไปบนห้องปิดประตูลงกลอนเรียบร้อย “จะบ้าเหรอวะ ฉันอยู่ไม่ได้นะเว้ยไอ้เชี่ย”
อะไรวะ! ยังไม่หายโกรธอีกเหรอ โอ๊ยยยยยเครียดจะง้อยังไงดีเนี่ย!
ไม่ได้คุยกันต่างคนต่างอยู่ จะไปเป็นครอบครัวเดียวกันได้ยังไง...ฮึ่ย
ร่างสูงเดินกระวนกระวายอยู่หน้าห้องของคนตัวเล็กยาวนานเป็นชั่วโมง ไม่มีทีท่าว่าคนในห้องจะออกไปเจอหน้ากันเลยตลอดทั้งวันนี้ คิดแล้วก็คิดไม่ตกว่าจะทำยังไงดี
เขาเองก็ไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมต้องแคร์ด้วยเพราะเพื่อนร่วมบ้าน ครอบครัวที่ร่างเล็กพูดกรอกหูอยู่บ่อยครั้ง รู้สึกผิดหรืออะไรกันแน่ลู่หานก็ไม่รู้เหมือนกัน...สุดท้ายก็ลงเอ่ยเช่นเดิม
“แบคฮยอนฉันขอโทษ ฉัน...ฉันไม่มีอะไรจะแก้ตัวนะเว้ย! เปิดประตูมาคุยกันก่อนดิวะ ไม่เคยได้ยินเหรอคนดีย่อมให้อภัยคนผิดน่ะ”
ปัง! ปัง!
เงียบ...ไร้เสียงสัญญาณตอบรับรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก
"นายไม่หิวเหรอ ฉันพาไปกินอะไรที่ชอบมั้ย" น้ำเสียงอ่อนลงอีกครั้ง แผ่นหลังกว้างเอนพิงประตูห้องนอนสีขาว แขนขาวยกขึ้นกอดอกถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างหนักอกหวังเหลือเกินว่าคนข้างในจะได้ยิน
"แบคฮยอน นายอยากได้อะไรฉันให้ทุกอย่างเลยเอ้า ออกคุยกันดิ๊!" แล้วมันก็วนลูปกลับมาอีกครั้งหลายๆครึ่งติดต่อกันจนกระทั่งร่างสูงเส้นอดทนขาดผึง! เดิมทีก็ไม่ใช่คนใจเย็นใจดีอะไรยิ่งแผ่นกระดาษถูกสอดออกมาจากข้างใต้ประตูด้วยแล้ว มันน่าโมโหนัก!
‘ผมจะนอนขอความสงบด้วยครับ ขอบคุณ’
ไอ้เด็กบ้า!
"เออได้! มึงจะทำไรก็ทำไปเลยป่ะ" สรรพนามเปลี่ยนไปทันควัน หากเป็นก่อนหน้านั้นลู่หานคงไม่มีทางได้ยืนเงียบอย่างนี้แน่ร่างบางจะต้องวิ่งเข้ามาแล้วติเตียนเขาว่ามันหยาบคาย คนตัวสูงเห็นว่าข้างในห้องยังเงียบอยู่ผละออกแล้วถอยกลับไปคิดแผนใหม่ในห้อง
จังหวะนั่นเองคนที่นั่งฟังทุกสิ่งทุกอย่างผ่านประตูบานหนากำลังเงี่ยหูฟังเสียงข้างนอก
แบคฮยอนได้ยินหมดทุกอย่างแล้ว...ชัดเจนเลยล่ะ
แอ๊ดดด
เสียงผลักประตูแผ่วเบาก่อนใบหน้าหวานซีดเผือดโผล่ออกมาแค่ตา กรอกลูกตากลิ้งไปมาซ้ายขวาให้แน่ชัดว่าไม่มีใครอยู่ ค่อยๆแง้มปิดแล้วเดินลงปลายเท้าเล็กย่องลงบันไดวนไปช้าๆ
คนตัวเล็กเปิดฝากล่องข้าวแล้วใช้ช้อนยาวตักแบ่งออกมาใส่ถ้วยใบเล็ก คลุกเคล้าเข้ากันจนทั่วแล้วตักทานแบบรวดเร็วไม่ยุ่งยากหวังว่าทานเสร็จยังหยิบหยูกยามาทานเพราะรู้สึกปวดหัว ระหว่างที่กำลังเอร็ดอร่อยไปกับมื้อเย็นเล็กๆของตัวเองอยู่เสียงประตูห้องของอินทีเรียหนุ่มก็ดังขึ้น ทำให้แบคฮยอนรีบตักข้าวยัดใส่ปากโยนสรรพสิ่งทั้งหลายแหล่ลงไปในซิงค์ล้างจานเปิดน้ำสะบัดๆใส่แล้ววิ่งพรวดขึ้นบันไดบ้านตัดหน้าลู่หานที่กำลังงัวเงียอย่างรวดเร็ว
พรึบ! ตึกๆ ปัง!
สามเสียงดังต่อกันทำเอาคนตัวโตที่เผลอผล็อยหลับไปด้วยความเหนื่อยตกใจขมวดคิ้วพันกันยุ่งเหยิง นิ้วชี้หน้าห้องคนขี้งอนก่อนอ้าปากค้าง
เมื่อกี้ออกมาแล้วใช่มั้ย!
คิดในใจก็ชะเง้อคอลงไปมองที่ห้องครัวสายตาสอดส่องไปมาหาสิ่งผิดสังเกตจนปะทะเข้ากับชามข้าวถ้อยหนึ่ง ช้อน แล้วก็กล่องอาหารเย็น
พลาดแล้วกู
เหมือนโดนเด็กหลอกแล้วยังทำครัวเลอะสกปรกอีก ชามข้าวไม่ยอมล้างไม่พอวิ่งผ่านหน้าเขาไปไม่ทักไม่ทาย
“นี่แบคฮยอน ออกมาคุยกันให้รู้เรื่องเลยนะ!” ทุบประตูห้องเรียกความสนใจอีกครั้งของวันนี้
ครืด
‘ไม่คุยกับคนขี้จุ๊’
กระดาษแผ่นบางใบเดิมถูกพลิกด้านหลังเขียนข้อความสั้นๆส่งตอบมา ใจจริงแบคฮยอนอยากจะคุยกับคนอีกฝั่งอยู่หรอกแต่คอมันแห้งเผือด คงเป็นเพราะทานข้าวเมื่อครู่
“เลิกเขียนสักทีได้มั้ยไอ้กระดาษเนี่ย!” ใบหูเล็กเอาหน้าแนบกับประตู ฟังเสียงคนใจร้ายกำลังฉีกแควกกระดาษเขาและถ้าเดาไม่ผิดมาขยุ้มแล้วปาทิ้งด้วยก่อนจะเสียงลงบันไดปึงปังลงไป
ฮ่วย!
เคร้ง!
“โอ๊ย!!”
ผ่านไปสักพักเสียงเหมือนของแตกก็ดังขึ้นทำให้เจ้าของบ้านตัวเล็กที่นอนหลับสนิทบนเตียงสะดุ้งเฮือกขึ้นมาแล้วสาวเท้าเปิดประตูห้องออกไปดู กวาดสายตาไปรอบๆหาต้นตอของเสียงสายตาก็ปะทะเข้ากับจานกระเบื้องหนาสีครามแตกระเนระนาด หยดอะไรสักอย่างหยดเป็นทาง
คุณพระ!
คนตัวเล็กวิ่งตึกตึกลงบันไดมาพร้อมกล่องอุปกรณ์ทำแผลสีขาวสัญลักษณ์รูปบวก
“คุณ! เป็นอะไรมากมั้ย โดนบาดตรงไหน” แบคฮยอนเอ่ยถามทันทีที่เห็นลู่หานก้มๆเงยๆอยู่ตรงอ่างล้างหน้า
“เฮ้ย ลงมาได้แล้วรึไง” ร่างสูงตกใจนิดหน่อยที่แบคฮยอนอยู่ตรงนี้ “ทีตอนเคาะแทบตายไม่ลงมา ทำไมต้องมาตอนนี้ด้วยวะ” สบถเสร็จก็หันหลังเหมือนจะซ้อนอะไรบางอย่าง
“อะไร! ซ้อนอะไรไว้ ทำไมอายพอเจอหน้าผมเลยเหรอ หื้ม? ไหนเอามาให้ผลดูสิคุณจะได้รีบทำแผล” ยังดื้อแพ่งอยากรู้อยากเห็นแม้ตัวเองจะกลัวเลือดก็ตาม
แผลอะไร? อย่างร่างสูงนี่น่ะเหรอ...
“ไม่เว้ย ฉันทำเองได้ออกไปก่อน”
“ไม่!” ยิ่งซ้อนยิ่งอยากรู้ อะไรทำไมเขาเห็นไม่ได้! แบคฮยอนยื้อฉุดกันไปมาจนกระทั่งวัตถุบางอย่างล่วงลงจากพื้น
ดวงตาเรียวสวยเบิกกว้างขึ้นสีหน้าเหวอหวาตกใจฉายวาบบนใบหน้าหวานก่อนค่อยๆลดลงเป็นขมวดคิ้วขึ้นมาแทน คนตัวเล็กก้มลงปาดน้ำสีแดงฉานขึ้นมาดมฟุดฟิดแล้วเม้มริมฝีผากเรียวบางเข้าหากัน ตวัดสายตาไปยังคนร่างสูงเป็นเชิงถามอย่างไม่เข้าใจ
จานกระเบื้อง?
ลู่หานรอบกลืนน้ำลายเอื๊อกกับท่าทางของคนตัวเล็ก ก็ทำจานของแม่แบคฮยอนแตก...
“เห้ย ขอโทษนะเว้ยแบบพอดีมือมันลื่นเลยทำจานแตกแล้วมันก็เทกระจาดเต็มพื้นไปหมด...จานแม่นายคือ...ขอโทษ” คนตัวโตไม่อาจจะนับได้เลยว่าตั้งแต่เมื่อวานจนถึงวันนี้ เขาพูดคำว่าขอโทษที่ไม่เคยคิดว่าจะพูดได้ถี่ขนาดนี้กี่ครั้ง
ความเงียบเข้ามาครอบงำบรรยากาศรอบด้านราวกับถูกสะกดจิตไว้เมื่อจบคำสุดท้าย
“เจ็บมั้ย...” ใบหน้าหวานวิตกเล็กน้อยเมื่อเสียงหยดโลหิตสีแดงหยดกระทบพื้นกระเบื้องห้องน้ำที่เจิงนอง นิ้วเรียวสวยแตะสัมผัสบนบาดแผลจากการโดนบาด “เฮ้อเชื่อเลย คนเราห่วงของนอกกายมากกว่าตัวเองได้ไงกัน”
เสียงหวานบ่นงุบงิบก่อนลุกขึ้นไปหยิบกล่องปฐมพยาบาลที่ติดมือมาด้วย กระตุกยิ้มเล็กน้อยนึกขำสีหน้าของคนหงอ
“เดี๋ยวทำเองก็ได้นะเว้ย”
“ปากดีแล้วยังจะปากเก่งอีก ผมทำให้แป๊บเดียวก็เสร็จแล้วจะเล่นตัวอะไรนักหนาฮะ” บ่นไปก็ล้างแผลไป “คราวหลังระวังหน่อยสิคุณ แผลใหญ่ด้วยอ่ะจะหยุดหายมั้ยเนี่ย”
“ก็เครียดอะดิ เครียดเลยตามัวไปสะบัดจานแตก ว่าจะทำขนมง้อคนสักหน่อย...” พูดจบร่างเล็กก็เงยหน้าขึ้นมาสบตาคนตัวโตตาแป๋ว แรงกดที่ปากแผลเพิ่มขึ้น “โอ๊ย! เบาๆดิวะ”
“เหอะ! เจ็บบ้างก็ดีจะได้จำว่าวันหลังอย่ามาพูดคำหยาบกับผมอีก เอ๊ะ! นิ่งๆสิเลือดไหลอีกแล้ว รู้ว่าผิดยังมาโวยวายอีกใจเย็นบ้างน่ะเป็นมั้ย คุณมันใจร้อนจนเสียเรื่อง”
“แสดงว่าหายโกรธกันแล้วงั้นดิ” ลู่หานจ้องมองคนตัวเล็กบรรจงทายาอย่างตั้งใจจนเพลิน เขาลืมความแสบไปเลยขณะนั้น “ดีกันสิ จะพูดด้วยดีๆเลย อยากได้อะไรบอกเลยนะคนดี”
เด็กน้อยในร่างผู้ใหญ่กำลังทำท่าทางอ้อน (?) คนตัวเล็กอย่างกับลูกแมวโดยการโน้มศีรษะลงให้ริมฝีปากสวยเสมอใบหู “นะคนดีของผม...”
“ทะ ทำบ้าอะไรเนี่ย!”
โอ๊ย!
เพราะตกใจเลยพันแผลซะแน่น สมน้ำหน้า...!
ลู่หานบ้าบ้าที่สุดในสามโลกเลย มาทำให้ชอบมากกว่าเดิมทำไมกัน...
คนตัวโตหัวเราะหึๆในลำคอ ก่อนจะขานรับคำสั่งของเจ้าของบ้านให้เก็บเศษแก้วจานให้หมดโดยห้ามเอาแผลโดนน้ำเด็ดขาดส่วนขนมคงต้องถัดไปทำอีกวันจนกว่าแผลจะปิดดีเสียก่อน สองขายาวเดินออกมาจากห้องน้ำแล้วยิ้มกว้างมีความสุขจนลืมไปเลยว่าอีกคนงอนหน้าแดงหายเข้าห้องไปอีกแล้ว
ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองทำไมถึงทำแบบนั้น แต่เขาอยากแกล้งจริงๆให้ตายสิ ยิ่งเวลาแบคฮยอนตั้งใจทำอะไรสักอย่างดวงตาใสแจ๋วจะจดจ้องราวกับว่าสิ่งนั้นเหมือนแก้วเปราะบาง...ผมอยากหยิกแก้มเขาในบางครั้ง อยากกอดเขาเวลาเห็นตัวบางๆนั่น...อยากเจอหน้าทุกวันตลอดเวลา...
เฮ้อ ต้องง้ออีกรอบแล้วสิ
70%
ก๊อกๆ ก๊อกๆ
“นอนแล้ว” เสียงหวานสดใสตะโกนบอกคนหน้าห้องที่เบ้มากขมุบขมิบตามคนพูดปด
คนบ้าที่ไหนวะนอนแล้วตะโกนตอบได้?
“ไม่แต่งนิยายแล้วไง นี่มืดแล้วนะ” ลู่หานยังไม่ลดละความพยามสองมือกระข้าวของพะรุงพะรัง ทั้งที่นอนหมอนผ้าห่มกะมาง้อตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงกันเลยทีเดียว พอใช้ชีวิตอยู่คนเดียวมันไม่มีสีสันเอาเสียเลยบอกตรงๆ ส่วนการทานข้าวคนเดียวก็ไม่ใช่เรื่องเล่นๆเลยสักนิด
เหงาชิบหาย...
นั้นแหละสรุปลู่หานก็เลยจะย้ายมานอนกับแบคฮยอนชั่วคราว...
ก๊อกๆ ก๊อก ก๊อกๆ ก๊อก ก๊อก
ร่างสูงไม่ได้พังประตูดังปังหรือเคาะถี่ๆแบบก่อนหน้า แต่กลับเคาะเป็นจังหวะดนตรีเพลงหนึ่งอย่างที่ชอบทำเป็นประจำแทน ไม่ใช่ว่าเขานั้นมีดนตรีในหัวใจหากแต่เวลาทำแบบนี้มันทำให้ไม่เบื่อดีเวลาคนมาเปิดประตูช้า
แอ๊ดดด
จังหวะมือหนากำลังจะเคาะอีกครั้งประตูไม้สีขาวก็เปิดผลัวะออกมาพร้อมใบหน้าน่ารักจิ้มลิ้มชะโงกชะเง้อมองของคนตัวเล็กร่างสูง ยู่ปากเล็กน้อยพลันสายตาก็ไปสะดุดกับผ้าห่มหมอนนุ่ม
“เอามาทำไมอ่ะ” ถามพลางชี้นิ้วเรียวยาวไปยังอุปกรณ์การนอน
“มาง้อคน เหยิบดิ๊จะเข้า” ลู่หานไม่รู้ตัวเลยว่าวินาทีนั้นตัวเอทำหน้ามึนเพียงใด แต่ตั้งแต่เกิดมาเข้าไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อนทั้งความคิดที่จะแคร์ใครสักคนที่ไม่ใช่คนในครอบครัว เขาเดินเข้ามาพร้อมหามุมเหมาะๆวางของทั้งหมดลงบนเก้าอี้ตัวหนึ่งตรงโต๊ะเขียนหนังสือ “เอ้า! ยืนทำไมล่ะมานอนดิ ดีแล้วล่ะตอนกลางคืนคนเราต้องนอนจะมานอนกลางวันทดแทนกันไม่ได้”
“เดี๋ยวๆ คุณทำอะไรอ่ะ” แบคฮยอนเพ่งดวงตาคมเฉียวเรียวสวยไปทางอินทีเรียหนุ่ม ร่างสูงกำลังจัดแจงหามุมเหมาะๆสำหรับการนอนคืนนี้ “ล้อเล่นป่ะเนี่ย ห้องคุณก็มีมานอนห้องคนอื่นทำไมอ่า”
คนตัวเล็กทำเสียงยานคางเหมือนเด็กน้อยไม่ได้ของเล่นแล้วทำท่าจะดิ้นลงกับพื้น หากแต่เวลานี้เขารู้สึกว่าตัวเองปวดหัวมากจนไม่มีแรงจะเอ่ยไล่คนตัวโตกว่า ทำได้เพียงแต่บ่นกระปอดกระแปดแล้วเดินไปทิ้งตัวนอนลงบนที่นอน คว้าผ้าห่มพื้นหน้าขึ้นปิดกายจนมิดคอโดยไม่สนใจคนที่กำลังเดินสารวนไปมาในห้อง
พอใกล้จะเข้าสู่ห้วงนิทราจู่ๆก็รู้สึกอุ่นๆจากทางด้านหลัง แผ่นอกหนาประชิดแผ่นหลังของคนตัวเล็กก่อนแขนยาวจะคว้าเอวแล้วรั้งเข้ามาให้ใกล้กัน มันคือแผนการง้อที่ลู่หานต้องล็อคคอแล้วพร่ำบอกขอโทษพันครั้ง ทว่าอุณหภูมิของแบคฮยอนแผ่กระจายออกมาตามิผิวหนังร้อนระอุจนต้องจับคนตัวเล็กหันหน้ามาประชิดกัน
“แบคฮยอน นายไม่สบายเหรอ” เสียงแหบห้าวเอ่ยถามขึ้นในขณะที่หลังมือก็จัดการเช็คไข้คนป่วยตัวเล็ก
“อื้ม ใกล้หายแล้วล่ะแต่ผมคงต้องนอนพักสักหน่อย” ปรือตามองคนตัวโตแล้วส่งยิ้มจางๆให้ ก่อนจะแพขนตาหนาจะค่อยๆปิดลง พ้นลมหายใจร้อนออกอย่างสม่ำเสมอ
“เดี๋ยวอย่าเพิ่งหลับ ลุกขึ้นมากินยาก่อนแล้วค่อยนอน” ผู้อาศัยหันมาสะกิดปลุกคนตัวเล็ก ถึงเขาจะเหมือนเก่งไปซะทุกเรื่อง แต่เรื่องดูแลคนป่วยแบบจริงจังคงต้องขุดขึ้นมาใช้ใหม่อีกครั้งเพราะเขาดูแลไม่เป็น “ยานี่กินแก้ปวดหัวไปก่อนเดี๋ยวจะไปเอ้ามาเช็ดตัวให้ ทำไมนายไม่สบายไม่บอกฉัน นี่เป็นตั้งแต่เมื่อไรเนี่ย”
ลู่หานขมวดคิ้วตำหนิ
“เมื่อวาน...” ตอบคำถามเสร็จก็เอายาใส่ปากแล้วดื่มน้ำตามลงไป กำลังจะทิ้งตัวลงนอนก็พลันต้องหยุดชะงัก
“ทำไมเมื่อวานายไม่บอกฉันว่านายไม่สบาย...แบคฮยอน” แววตาและน้ำเสียงจริงจัง ไม่มีล้อเล่นอยู่ในนั้นหลงเหลืออยู่เลย
“ก็คุณไม่ถาม จะมีใครที่ไหนบอกคุณว่าไม่สบายนะทั้งๆที่ผมคิดว่าตัวเองหายแล้ว ช่างเถอะเดี๋ยวพรุ่งนี้มันก็หาย” คนตัวเล็กส่งยิ้มกว้างให้คนทำสีหน้ากังวลใจได้คลายปมออก ส่ายหน้าบอกว่าไม่เป็นไร
ร่างสูงกำลังรู้สึกผิด ผิดมากกว่าเก่ารวมถึงการกระทำหยาบคายก่อนหน้านั้นด้วย เขาปล่อยให้แบคฮยอนรอเก้อ ทำให้ป่วยเพิ่ม ตัวเขาเองนั้นไม่ได้สังเกตคนตัวเล็กเลยด้วยซ้ำความจริงแล้วเขาไม่ได้สนใจแบคฮยอน เอาใจใส่คนตัวเล็กเลยสักนิด ที่ผ่านมาเขาก็แค่คิดถึงแต่ตัวเอง...ทั้งๆที่เป็นเขาเสียส่วนใหญ่ที่ได้รับการดูแลเอาใจใส่เหมือนคนในครอบครัว...
“ฉันขอโทษ... ฉันดูแลนายไม่ได้เรื่องเลย ไม่เคยเอาใจใส่นาย”
“อย่าคิดมากดิคุณ ปกติไม่เป็นงี้นิอย่าคิดมากเลยไม่ต้องเช็ดตัวด้วยผมหนาว” ปากเล็กพร่ำบอกประโยคซ้ำๆเพื่อให้ลู่หานสบายใจ เขาหายโกรธตั้งแต่เห็นลู่หานเดินเข้ามาหาในบ้านเพื่อนของเขา...ตั้งนานแล้ว
“หนาวเหรอ?” ท่าทางเลิกลักอยากจะดูแลคนป่วยนั้นทำให้เผลอหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ แต่ก็ต้องหุบลงฉับพลันแล้วแปรเปลี่ยนเป็นอารมตกใจแทน “ถ้าหนาวก็นอนกอดกันนี่แหละ นายแบ่งไข้มาให้ฉันได้ด้วยน้า”
“เฮ้ย! ไม่ต้อง” ดิ้นขลุกขลักปล่อยกำปั้นเล็กกระแทกอกจนจุกแปล๊บ “ผะ ผมนอนห่มผ้าเอาก็ได้ไม่หนาวหรอก”
“โกหก ไม่รู้ล่ะนอนซะ”
คนอายุมากกว่าจัดการคลุมผ้าห่มให้คนตัวเล็กแล้วก็ตัวเองคนละผืน เอื้อมมือไปดับไฟที่หัวเตียง ดึงคนป่วยเข้ามานอนใกล้ๆแล้วเอาหัวกลมนอนลงบนแขนแกร่ง กอดที่ให้ความอบอุ่นมากกว่าผ้าห่มเสียอีก...
แบคฮยอนหลับไปแล้วเพราะพิษไข้...
“ฝันดีนะแบคฮยอน” กระชับกอดเข้ามาให้ชิดขึ้นอีก “ฉันควรดูแลให้ดีกว่านี้ ขอโทษนะครับ”
เสียงละเมองึมงำเงียบหายไปท่ามกลางคืนหนึ่งที่แม้เสียงฝนตกพายุจะเข้าเพียงใดก็ไม่อาจะปลุกให้ทั้งสองคนลุกขึ้นจากความอบอุ่นหอมกรุ่นราวกับขนมปังยามเช้าได้เลย...
ถึงผมจะไม่รู้ว่าการดูแลเอาใจใส่กันมันเป็นยังไง แต่เห็นทีคนตัวเล็กในอ้อมกอดจะช่วยอธิบายมันออกมาให้ผมได้...
ถ้าว่างเรามาคุยกันหน่อยมั้ย
เขยิบเข้ามาใกล้กันมากขึ้น
ทำความรู้จักกันมั้ยในแบบของเรา
----------------------------------
มากำจัดดราม่ากันเถอะ!
ถ้าชอบก็เม้นและแท๊ก #ฟิคกลับบ้าน
พูดคุยกันนอกจากติดแท๊กก็ @peepanggy
ความคิดเห็น