ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ exo ] 。 take me home ♡ { lubaek } ending

    ลำดับตอนที่ #15 : - take me home : chapters - 014 { 100% }

    • อัปเดตล่าสุด 10 ก.ค. 57






     

    - Post it -


     

    chapters – 014


     

               หลังจากกลับบ้านมาเมื่อคืนทั้งคู่ก็ยังไม่ได้พูดอะไรอีกจนกระทั่งช่วงสายของวันหนึ่งขณะที่ต่างคนต่างใช้ความเงียบใส่กัน  เสียงกรอบแกรบบางอย่างก็ดังมาจากด้านหลังของร่างสูงที่นั่งกินขนมห่อใหญ่อยู่บนโซฟาไม่ไกลจากโต๊ะทำงานแบคฮยอนมากนัก  อินทีเรียหนุ่มหันขวับแทบจะทันทีแต่ใบหน้าหล่อนั้นปะทะเข้ากลับกระดาษแผ่นหนึ่ง


     

                “ผมว่าเรามาเปลี่ยนแปลงอะไรกันหน่อยดีมั้ยครับ  เสียงหวานพูดประโยคแรกของวันนี้...ลู่หานได้ยินแล้วแปร่งๆกับศัพท์ที่สุภาพและห่างเหิน...


     

                “โธ่  ยอมพูดแล้วเหรอหื้ม?”  หยอกเล่นแบบปกติไม่ได้สนใจอะไรมากนัก  เขายิ้มกว้างจนเกิดรอยยับเล็กน้อยที่หางตาก่อนจะเอื้อมไปดึงไปกระดาษเอสี่สี่ขาวหนึ่งแผ่นมาอ่าน  ดวงตากลมโตจดจ่องบนตัว หนังสือคอมฯไล่อ่านซ้ำอีกรอบจนต้องขมวดคิ้ว  “นี่มันอะไรแบคฮยอน”


     

                คราวนี้เป็นน้ำเสียงเคร่งขรึมมากกว่าขี้เล่นทั่วไปอย่างทุกที  หากแต่คนตัวเล็กได้หวาดกลัวไม่พร้อมส่งยื่นปากกาแท่งละห้าบาทให้กับคนตัวโต




     

                “เซ็นครับ  กฎใหม่จะอนุมัติใช้วันนี้มีผลใช้ได้ทันทีนับตั้งแต่วินาทีที่คุณจับสัญญา  สัญญาว่าเราจะต่างคนต่างอยู่ผมใช้เวลาตอนกลางคืนส่วนคุณก็อยู่ช่วงกลางวันถ้าหากเรามีปัญหาหรืออยากจะต่อว่าอีกฝ่ายก็เขียนโพสอิทแปะไว้หน้าตู้เย็น  อาหารผมจะทำไว้ให้ในตู้เย็นแบบอุ่นทานได้เลยส่วนงานบ้านผมจะมาทำช่วงที่คุณไม่อยู่หรือตอนกลางคืนดังนั้นเวลานี้ผมจะต้องไปแล้วสวัสดีครับ”  พูดเสร็จก็เดินสะบัดก้นกลมๆขึ้นไปบนห้อง  ที่ไว้เพียงหน้าตาเหวอหวาของร่างสูง



     

                “เฮ้ยแบคฮยอนไม่เอา  เดี๋ยวโว้ยไอเด็กบ้า!!”  กว่าจะตั้งสติได้คนตัวเล็กก็เดินขึ้นไปบนห้องปิดประตูลงกลอนเรียบร้อย  “จะบ้าเหรอวะ  ฉันอยู่ไม่ได้นะเว้ยไอ้เชี่ย”


     

                อะไรวะยังไม่หายโกรธอีกเหรอ  โอ๊ยยยยยเครียดจะง้อยังไงดีเนี่ย!



     

                ไม่ได้คุยกันต่างคนต่างอยู่  จะไปเป็นครอบครัวเดียวกันได้ยังไง...ฮึ่ย


     


     

     

                  

                ร่างสูงเดินกระวนกระวายอยู่หน้าห้องของคนตัวเล็กยาวนานเป็นชั่วโมง  ไม่มีทีท่าว่าคนในห้องจะออกไปเจอหน้ากันเลยตลอดทั้งวันนี้  คิดแล้วก็คิดไม่ตกว่าจะทำยังไงดี


     

                เขาเองก็ไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมต้องแคร์ด้วยเพราะเพื่อนร่วมบ้าน  ครอบครัวที่ร่างเล็กพูดกรอกหูอยู่บ่อยครั้ง  รู้สึกผิดหรืออะไรกันแน่ลู่หานก็ไม่รู้เหมือนกัน...สุดท้ายก็ลงเอ่ยเช่นเดิม


     

                “แบคฮยอนฉันขอโทษ  ฉัน...ฉันไม่มีอะไรจะแก้ตัวนะเว้ยเปิดประตูมาคุยกันก่อนดิวะ  ไม่เคยได้ยินเหรอคนดีย่อมให้อภัยคนผิดน่ะ”


     

                ปังปัง!


     

    เงียบ...ไร้เสียงสัญญาณตอบรับรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก


     

    "นายไม่หิวเหรอ  ฉันพาไปกินอะไรที่ชอบมั้ย"  น้ำเสียงอ่อนลงอีกครั้ง  แผ่นหลังกว้างเอนพิงประตูห้องนอนสีขาว  แขนขาวยกขึ้นกอดอกถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างหนักอกหวังเหลือเกินว่าคนข้างในจะได้ยิน


     

    "แบคฮยอน  นายอยากได้อะไรฉันให้ทุกอย่างเลยเอ้า  ออกคุยกันดิ๊!"  แล้วมันก็วนลูปกลับมาอีกครั้งหลายๆครึ่งติดต่อกันจนกระทั่งร่างสูงเส้นอดทนขาดผึง!  เดิมทีก็ไม่ใช่คนใจเย็นใจดีอะไรยิ่งแผ่นกระดาษถูกสอดออกมาจากข้างใต้ประตูด้วยแล้ว  มันน่าโมโหนัก!


     

    ผมจะนอนขอความสงบด้วยครับ  ขอบคุณ


     

    ไอ้เด็กบ้า!

     

    "เออได้!  มึงจะทำไรก็ทำไปเลยป่ะ"  สรรพนามเปลี่ยนไปทันควัน  หากเป็นก่อนหน้านั้นลู่หานคงไม่มีทางได้ยืนเงียบอย่างนี้แน่ร่างบางจะต้องวิ่งเข้ามาแล้วติเตียนเขาว่ามันหยาบคาย  คนตัวสูงเห็นว่าข้างในห้องยังเงียบอยู่ผละออกแล้วถอยกลับไปคิดแผนใหม่ในห้อง


     

    จังหวะนั่นเองคนที่นั่งฟังทุกสิ่งทุกอย่างผ่านประตูบานหนากำลังเงี่ยหูฟังเสียงข้างนอก 


     

    แบคฮยอนได้ยินหมดทุกอย่างแล้ว...ชัดเจนเลยล่ะ











     

    แอ๊ดดด


     

    เสียงผลักประตูแผ่วเบาก่อนใบหน้าหวานซีดเผือดโผล่ออกมาแค่ตา  กรอกลูกตากลิ้งไปมาซ้ายขวาให้แน่ชัดว่าไม่มีใครอยู่  ค่อยๆแง้มปิดแล้วเดินลงปลายเท้าเล็กย่องลงบันไดวนไปช้าๆ 


     

    คนตัวเล็กเปิดฝากล่องข้าวแล้วใช้ช้อนยาวตักแบ่งออกมาใส่ถ้วยใบเล็ก  คลุกเคล้าเข้ากันจนทั่วแล้วตักทานแบบรวดเร็วไม่ยุ่งยากหวังว่าทานเสร็จยังหยิบหยูกยามาทานเพราะรู้สึกปวดหัว  ระหว่างที่กำลังเอร็ดอร่อยไปกับมื้อเย็นเล็กๆของตัวเองอยู่เสียงประตูห้องของอินทีเรียหนุ่มก็ดังขึ้น  ทำให้แบคฮยอนรีบตักข้าวยัดใส่ปากโยนสรรพสิ่งทั้งหลายแหล่ลงไปในซิงค์ล้างจานเปิดน้ำสะบัดๆใส่แล้ววิ่งพรวดขึ้นบันไดบ้านตัดหน้าลู่หานที่กำลังงัวเงียอย่างรวดเร็ว



     

    พรึบ! ตึกๆ ปัง!



     

    สามเสียงดังต่อกันทำเอาคนตัวโตที่เผลอผล็อยหลับไปด้วยความเหนื่อยตกใจขมวดคิ้วพันกันยุ่งเหยิง  นิ้วชี้หน้าห้องคนขี้งอนก่อนอ้าปากค้าง



     

    เมื่อกี้ออกมาแล้วใช่มั้ย!



     

    คิดในใจก็ชะเง้อคอลงไปมองที่ห้องครัวสายตาสอดส่องไปมาหาสิ่งผิดสังเกตจนปะทะเข้ากับชามข้าวถ้อยหนึ่ง ช้อน  แล้วก็กล่องอาหารเย็น 




     

    พลาดแล้วกู



     

    เหมือนโดนเด็กหลอกแล้วยังทำครัวเลอะสกปรกอีก  ชามข้าวไม่ยอมล้างไม่พอวิ่งผ่านหน้าเขาไปไม่ทักไม่ทาย


     

    “นี่แบคฮยอน  ออกมาคุยกันให้รู้เรื่องเลยนะ!”  ทุบประตูห้องเรียกความสนใจอีกครั้งของวันนี้



     

    ครืด


     

    ไม่คุยกับคนขี้จุ๊



     

    กระดาษแผ่นบางใบเดิมถูกพลิกด้านหลังเขียนข้อความสั้นๆส่งตอบมา  ใจจริงแบคฮยอนอยากจะคุยกับคนอีกฝั่งอยู่หรอกแต่คอมันแห้งเผือด  คงเป็นเพราะทานข้าวเมื่อครู่



     

    “เลิกเขียนสักทีได้มั้ยไอ้กระดาษเนี่ย!”  ใบหูเล็กเอาหน้าแนบกับประตู  ฟังเสียงคนใจร้ายกำลังฉีกแควกกระดาษเขาและถ้าเดาไม่ผิดมาขยุ้มแล้วปาทิ้งด้วยก่อนจะเสียงลงบันไดปึงปังลงไป





     

    ฮ่วย!

     











     

    เคร้ง!


     

    “โอ๊ย!!


     

    ผ่านไปสักพักเสียงเหมือนของแตกก็ดังขึ้นทำให้เจ้าของบ้านตัวเล็กที่นอนหลับสนิทบนเตียงสะดุ้งเฮือกขึ้นมาแล้วสาวเท้าเปิดประตูห้องออกไปดู  กวาดสายตาไปรอบๆหาต้นตอของเสียงสายตาก็ปะทะเข้ากับจานกระเบื้องหนาสีครามแตกระเนระนาด  หยดอะไรสักอย่างหยดเป็นทาง



     

    คุณพระ!



     

    คนตัวเล็กวิ่งตึกตึกลงบันไดมาพร้อมกล่องอุปกรณ์ทำแผลสีขาวสัญลักษณ์รูปบวก 


     

    “คุณเป็นอะไรมากมั้ย  โดนบาดตรงไหน”  แบคฮยอนเอ่ยถามทันทีที่เห็นลู่หานก้มๆเงยๆอยู่ตรงอ่างล้างหน้า



     

    “เฮ้ย  ลงมาได้แล้วรึไง” ร่างสูงตกใจนิดหน่อยที่แบคฮยอนอยู่ตรงนี้  “ทีตอนเคาะแทบตายไม่ลงมา  ทำไมต้องมาตอนนี้ด้วยวะ”  สบถเสร็จก็หันหลังเหมือนจะซ้อนอะไรบางอย่าง



     

    “อะไรซ้อนอะไรไว้  ทำไมอายพอเจอหน้าผมเลยเหรอ  หื้ม?  ไหนเอามาให้ผลดูสิคุณจะได้รีบทำแผล”  ยังดื้อแพ่งอยากรู้อยากเห็นแม้ตัวเองจะกลัวเลือดก็ตาม



     

    แผลอะไร?   อย่างร่างสูงนี่น่ะเหรอ...



     

    “ไม่เว้ย  ฉันทำเองได้ออกไปก่อน”



     

    “ไม่!”  ยิ่งซ้อนยิ่งอยากรู้  อะไรทำไมเขาเห็นไม่ได้แบคฮยอนยื้อฉุดกันไปมาจนกระทั่งวัตถุบางอย่างล่วงลงจากพื้น




     

    ดวงตาเรียวสวยเบิกกว้างขึ้นสีหน้าเหวอหวาตกใจฉายวาบบนใบหน้าหวานก่อนค่อยๆลดลงเป็นขมวดคิ้วขึ้นมาแทน  คนตัวเล็กก้มลงปาดน้ำสีแดงฉานขึ้นมาดมฟุดฟิดแล้วเม้มริมฝีผากเรียวบางเข้าหากัน  ตวัดสายตาไปยังคนร่างสูงเป็นเชิงถามอย่างไม่เข้าใจ



     

    จานกระเบื้อง?



     

    ลู่หานรอบกลืนน้ำลายเอื๊อกกับท่าทางของคนตัวเล็ก  ก็ทำจานของแม่แบคฮยอนแตก...



     

    “เห้ย  ขอโทษนะเว้ยแบบพอดีมือมันลื่นเลยทำจานแตกแล้วมันก็เทกระจาดเต็มพื้นไปหมด...จานแม่นายคือ...ขอโทษ”  คนตัวโตไม่อาจจะนับได้เลยว่าตั้งแต่เมื่อวานจนถึงวันนี้  เขาพูดคำว่าขอโทษที่ไม่เคยคิดว่าจะพูดได้ถี่ขนาดนี้กี่ครั้ง




     

    ความเงียบเข้ามาครอบงำบรรยากาศรอบด้านราวกับถูกสะกดจิตไว้เมื่อจบคำสุดท้าย


     

    “เจ็บมั้ย...”  ใบหน้าหวานวิตกเล็กน้อยเมื่อเสียงหยดโลหิตสีแดงหยดกระทบพื้นกระเบื้องห้องน้ำที่เจิงนอง  นิ้วเรียวสวยแตะสัมผัสบนบาดแผลจากการโดนบาด  “เฮ้อเชื่อเลย  คนเราห่วงของนอกกายมากกว่าตัวเองได้ไงกัน”


     

    เสียงหวานบ่นงุบงิบก่อนลุกขึ้นไปหยิบกล่องปฐมพยาบาลที่ติดมือมาด้วย  กระตุกยิ้มเล็กน้อยนึกขำสีหน้าของคนหงอ


     

    “เดี๋ยวทำเองก็ได้นะเว้ย”


     

    “ปากดีแล้วยังจะปากเก่งอีก  ผมทำให้แป๊บเดียวก็เสร็จแล้วจะเล่นตัวอะไรนักหนาฮะ”  บ่นไปก็ล้างแผลไป  “คราวหลังระวังหน่อยสิคุณ  แผลใหญ่ด้วยอ่ะจะหยุดหายมั้ยเนี่ย”



     

    “ก็เครียดอะดิ  เครียดเลยตามัวไปสะบัดจานแตก  ว่าจะทำขนมง้อคนสักหน่อย...”  พูดจบร่างเล็กก็เงยหน้าขึ้นมาสบตาคนตัวโตตาแป๋ว  แรงกดที่ปากแผลเพิ่มขึ้น  “โอ๊ยเบาๆดิวะ”


     

    “เหอะเจ็บบ้างก็ดีจะได้จำว่าวันหลังอย่ามาพูดคำหยาบกับผมอีก  เอ๊ะ!  นิ่งๆสิเลือดไหลอีกแล้ว  รู้ว่าผิดยังมาโวยวายอีกใจเย็นบ้างน่ะเป็นมั้ย  คุณมันใจร้อนจนเสียเรื่อง” 


     

    “แสดงว่าหายโกรธกันแล้วงั้นดิ”  ลู่หานจ้องมองคนตัวเล็กบรรจงทายาอย่างตั้งใจจนเพลิน  เขาลืมความแสบไปเลยขณะนั้น  “ดีกันสิ  จะพูดด้วยดีๆเลย  อยากได้อะไรบอกเลยนะคนดี”


     

    เด็กน้อยในร่างผู้ใหญ่กำลังทำท่าทางอ้อน (?) คนตัวเล็กอย่างกับลูกแมวโดยการโน้มศีรษะลงให้ริมฝีปากสวยเสมอใบหู  “นะคนดีของผม...”


     

    “ทะ  ทำบ้าอะไรเนี่ย!


     

    โอ๊ย!



     

    เพราะตกใจเลยพันแผลซะแน่น  สมน้ำหน้า...!





     

     

    ลู่หานบ้าบ้าที่สุดในสามโลกเลย  มาทำให้ชอบมากกว่าเดิมทำไมกัน...












     

    คนตัวโตหัวเราะหึๆในลำคอ  ก่อนจะขานรับคำสั่งของเจ้าของบ้านให้เก็บเศษแก้วจานให้หมดโดยห้ามเอาแผลโดนน้ำเด็ดขาดส่วนขนมคงต้องถัดไปทำอีกวันจนกว่าแผลจะปิดดีเสียก่อน   สองขายาวเดินออกมาจากห้องน้ำแล้วยิ้มกว้างมีความสุขจนลืมไปเลยว่าอีกคนงอนหน้าแดงหายเข้าห้องไปอีกแล้ว 



     

    ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองทำไมถึงทำแบบนั้น  แต่เขาอยากแกล้งจริงๆให้ตายสิ  ยิ่งเวลาแบคฮยอนตั้งใจทำอะไรสักอย่างดวงตาใสแจ๋วจะจดจ้องราวกับว่าสิ่งนั้นเหมือนแก้วเปราะบาง...ผมอยากหยิกแก้มเขาในบางครั้ง  อยากกอดเขาเวลาเห็นตัวบางๆนั่น...อยากเจอหน้าทุกวันตลอดเวลา...



     

    เฮ้อ  ต้องง้ออีกรอบแล้วสิ




     


    70%
     

    ก๊อกๆ  ก๊อกๆ


     

    “นอนแล้ว”  เสียงหวานสดใสตะโกนบอกคนหน้าห้องที่เบ้มากขมุบขมิบตามคนพูดปด 




     

    คนบ้าที่ไหนวะนอนแล้วตะโกนตอบได้?



     

    “ไม่แต่งนิยายแล้วไง  นี่มืดแล้วนะ”  ลู่หานยังไม่ลดละความพยามสองมือกระข้าวของพะรุงพะรัง  ทั้งที่นอนหมอนผ้าห่มกะมาง้อตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงกันเลยทีเดียว  พอใช้ชีวิตอยู่คนเดียวมันไม่มีสีสันเอาเสียเลยบอกตรงๆ  ส่วนการทานข้าวคนเดียวก็ไม่ใช่เรื่องเล่นๆเลยสักนิด



     

    เหงาชิบหาย...



     

    นั้นแหละสรุปลู่หานก็เลยจะย้ายมานอนกับแบคฮยอนชั่วคราว...



     

    ก๊อกๆ  ก๊อก  ก๊อกๆ  ก๊อก ก๊อก



     

    ร่างสูงไม่ได้พังประตูดังปังหรือเคาะถี่ๆแบบก่อนหน้า  แต่กลับเคาะเป็นจังหวะดนตรีเพลงหนึ่งอย่างที่ชอบทำเป็นประจำแทน  ไม่ใช่ว่าเขานั้นมีดนตรีในหัวใจหากแต่เวลาทำแบบนี้มันทำให้ไม่เบื่อดีเวลาคนมาเปิดประตูช้า


     

    แอ๊ดดด








     

    จังหวะมือหนากำลังจะเคาะอีกครั้งประตูไม้สีขาวก็เปิดผลัวะออกมาพร้อมใบหน้าน่ารักจิ้มลิ้มชะโงกชะเง้อมองของคนตัวเล็กร่างสูง  ยู่ปากเล็กน้อยพลันสายตาก็ไปสะดุดกับผ้าห่มหมอนนุ่ม


     

    “เอามาทำไมอ่ะ”  ถามพลางชี้นิ้วเรียวยาวไปยังอุปกรณ์การนอน


     

    “มาง้อคน  เหยิบดิ๊จะเข้า”  ลู่หานไม่รู้ตัวเลยว่าวินาทีนั้นตัวเอทำหน้ามึนเพียงใด  แต่ตั้งแต่เกิดมาเข้าไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อนทั้งความคิดที่จะแคร์ใครสักคนที่ไม่ใช่คนในครอบครัว  เขาเดินเข้ามาพร้อมหามุมเหมาะๆวางของทั้งหมดลงบนเก้าอี้ตัวหนึ่งตรงโต๊ะเขียนหนังสือ  “เอ้ายืนทำไมล่ะมานอนดิ  ดีแล้วล่ะตอนกลางคืนคนเราต้องนอนจะมานอนกลางวันทดแทนกันไม่ได้”


     

    “เดี๋ยวๆ  คุณทำอะไรอ่ะ”  แบคฮยอนเพ่งดวงตาคมเฉียวเรียวสวยไปทางอินทีเรียหนุ่ม  ร่างสูงกำลังจัดแจงหามุมเหมาะๆสำหรับการนอนคืนนี้  “ล้อเล่นป่ะเนี่ย  ห้องคุณก็มีมานอนห้องคนอื่นทำไมอ่า”



     

    คนตัวเล็กทำเสียงยานคางเหมือนเด็กน้อยไม่ได้ของเล่นแล้วทำท่าจะดิ้นลงกับพื้น  หากแต่เวลานี้เขารู้สึกว่าตัวเองปวดหัวมากจนไม่มีแรงจะเอ่ยไล่คนตัวโตกว่า  ทำได้เพียงแต่บ่นกระปอดกระแปดแล้วเดินไปทิ้งตัวนอนลงบนที่นอน  คว้าผ้าห่มพื้นหน้าขึ้นปิดกายจนมิดคอโดยไม่สนใจคนที่กำลังเดินสารวนไปมาในห้อง 



     

    พอใกล้จะเข้าสู่ห้วงนิทราจู่ๆก็รู้สึกอุ่นๆจากทางด้านหลัง  แผ่นอกหนาประชิดแผ่นหลังของคนตัวเล็กก่อนแขนยาวจะคว้าเอวแล้วรั้งเข้ามาให้ใกล้กัน  มันคือแผนการง้อที่ลู่หานต้องล็อคคอแล้วพร่ำบอกขอโทษพันครั้ง  ทว่าอุณหภูมิของแบคฮยอนแผ่กระจายออกมาตามิผิวหนังร้อนระอุจนต้องจับคนตัวเล็กหันหน้ามาประชิดกัน



     

    “แบคฮยอน  นายไม่สบายเหรอ”  เสียงแหบห้าวเอ่ยถามขึ้นในขณะที่หลังมือก็จัดการเช็คไข้คนป่วยตัวเล็ก


     

    “อื้ม  ใกล้หายแล้วล่ะแต่ผมคงต้องนอนพักสักหน่อย”  ปรือตามองคนตัวโตแล้วส่งยิ้มจางๆให้  ก่อนจะแพขนตาหนาจะค่อยๆปิดลง  พ้นลมหายใจร้อนออกอย่างสม่ำเสมอ



     

    “เดี๋ยวอย่าเพิ่งหลับ  ลุกขึ้นมากินยาก่อนแล้วค่อยนอน”  ผู้อาศัยหันมาสะกิดปลุกคนตัวเล็ก  ถึงเขาจะเหมือนเก่งไปซะทุกเรื่อง  แต่เรื่องดูแลคนป่วยแบบจริงจังคงต้องขุดขึ้นมาใช้ใหม่อีกครั้งเพราะเขาดูแลไม่เป็น  “ยานี่กินแก้ปวดหัวไปก่อนเดี๋ยวจะไปเอ้ามาเช็ดตัวให้  ทำไมนายไม่สบายไม่บอกฉัน  นี่เป็นตั้งแต่เมื่อไรเนี่ย”



     

    ลู่หานขมวดคิ้วตำหนิ 




     

    “เมื่อวาน...”  ตอบคำถามเสร็จก็เอายาใส่ปากแล้วดื่มน้ำตามลงไป  กำลังจะทิ้งตัวลงนอนก็พลันต้องหยุดชะงัก



     

    “ทำไมเมื่อวานายไม่บอกฉันว่านายไม่สบาย...แบคฮยอน”  แววตาและน้ำเสียงจริงจัง  ไม่มีล้อเล่นอยู่ในนั้นหลงเหลืออยู่เลย



     

    “ก็คุณไม่ถาม  จะมีใครที่ไหนบอกคุณว่าไม่สบายนะทั้งๆที่ผมคิดว่าตัวเองหายแล้ว  ช่างเถอะเดี๋ยวพรุ่งนี้มันก็หาย”  คนตัวเล็กส่งยิ้มกว้างให้คนทำสีหน้ากังวลใจได้คลายปมออก  ส่ายหน้าบอกว่าไม่เป็นไร


     

    ร่างสูงกำลังรู้สึกผิด  ผิดมากกว่าเก่ารวมถึงการกระทำหยาบคายก่อนหน้านั้นด้วย  เขาปล่อยให้แบคฮยอนรอเก้อ  ทำให้ป่วยเพิ่ม  ตัวเขาเองนั้นไม่ได้สังเกตคนตัวเล็กเลยด้วยซ้ำความจริงแล้วเขาไม่ได้สนใจแบคฮยอน  เอาใจใส่คนตัวเล็กเลยสักนิด  ที่ผ่านมาเขาก็แค่คิดถึงแต่ตัวเอง...ทั้งๆที่เป็นเขาเสียส่วนใหญ่ที่ได้รับการดูแลเอาใจใส่เหมือนคนในครอบครัว...




     

    “ฉันขอโทษ...  ฉันดูแลนายไม่ได้เรื่องเลย  ไม่เคยเอาใจใส่นาย” 





     

    “อย่าคิดมากดิคุณ  ปกติไม่เป็นงี้นิอย่าคิดมากเลยไม่ต้องเช็ดตัวด้วยผมหนาว”  ปากเล็กพร่ำบอกประโยคซ้ำๆเพื่อให้ลู่หานสบายใจ  เขาหายโกรธตั้งแต่เห็นลู่หานเดินเข้ามาหาในบ้านเพื่อนของเขา...ตั้งนานแล้ว



     

    “หนาวเหรอ?”  ท่าทางเลิกลักอยากจะดูแลคนป่วยนั้นทำให้เผลอหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ  แต่ก็ต้องหุบลงฉับพลันแล้วแปรเปลี่ยนเป็นอารมตกใจแทน  “ถ้าหนาวก็นอนกอดกันนี่แหละ  นายแบ่งไข้มาให้ฉันได้ด้วยน้า”



     

    “เฮ้ย!  ไม่ต้อง”  ดิ้นขลุกขลักปล่อยกำปั้นเล็กกระแทกอกจนจุกแปล๊บ  “ผะ  ผมนอนห่มผ้าเอาก็ได้ไม่หนาวหรอก”



     

    “โกหก  ไม่รู้ล่ะนอนซะ”




     

    คนอายุมากกว่าจัดการคลุมผ้าห่มให้คนตัวเล็กแล้วก็ตัวเองคนละผืน  เอื้อมมือไปดับไฟที่หัวเตียง  ดึงคนป่วยเข้ามานอนใกล้ๆแล้วเอาหัวกลมนอนลงบนแขนแกร่ง  กอดที่ให้ความอบอุ่นมากกว่าผ้าห่มเสียอีก...



     

    แบคฮยอนหลับไปแล้วเพราะพิษไข้...




     

    “ฝันดีนะแบคฮยอน”  กระชับกอดเข้ามาให้ชิดขึ้นอีก  “ฉันควรดูแลให้ดีกว่านี้  ขอโทษนะครับ”




     

    เสียงละเมองึมงำเงียบหายไปท่ามกลางคืนหนึ่งที่แม้เสียงฝนตกพายุจะเข้าเพียงใดก็ไม่อาจะปลุกให้ทั้งสองคนลุกขึ้นจากความอบอุ่นหอมกรุ่นราวกับขนมปังยามเช้าได้เลย...




     

    ถึงผมจะไม่รู้ว่าการดูแลเอาใจใส่กันมันเป็นยังไง  แต่เห็นทีคนตัวเล็กในอ้อมกอดจะช่วยอธิบายมันออกมาให้ผมได้...

     

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -



    ถ้าว่างเรามาคุยกันหน่อยมั้ย
    เขยิบเข้ามาใกล้กันมากขึ้น
    ทำความรู้จักกันมั้ยในแบบของเรา

    ----------------------------------

    มากำจัดดราม่ากันเถอะ!

    ถ้าชอบก็เม้นและแท๊ก  #ฟิคกลับบ้าน
    พูดคุยกันนอกจากติดแท๊กก็  @peepanggy


     

     
    thank you:)  Shalunla
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×