คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : - take me home : chapters - 013 { 100% }
- HATE -
chapters – 013
เสียงย่ำลงพื้นจากวัตถูกกดลงหนักบนพื้นเฉอะแฉะ ร้องเท้ากีฬาราคาแพงเปรอะเปื้อนเต็มไปด้วยคราบโคลนจากแอ่งน้ำนองขังหากแต่เจ้าของหาได้สนใจกับสิ่งของในเวลานี้ไม่ สมองประมวลหาตู้โทรศัพท์สาธารณะที่หลบฝนของคนตัวเล็กแถวสวนสนุกลอตเต้ เรียวขายาวก้าวฉับหมุนวนรอบตัวหันซ้ายหันขวาท่ามกลางสายฝนพร่ำจนกระทั่งสายตาเฉียบดวงโตปะทะเข้ากับหนุ่มน้อยในชุดเสื้อยืดกำลังคีบคิมบับเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อยแต่ทว่าหากสังเกตดีๆดวงตาเรียวเล็กนั้นไม่ได้มีความสุขเลยแม้แต่น้อย...
“แบคฮยอน...” ชานยอลพึมพำเรียกชื่อคนตัวเล็กออกก่อนขาสองข้างจะก้าวยาวประชิดตู้โทรศัพท์ในสภาพเปียกปอน ทรงผมเซทเมื่อกลางวันลู่ลงมาปรกหน้าเพราะเปียก
เสียงวิ่งมาแต่ไกลทำให้แบคฮยอนเงยหน้าขึ้นไปมองขณะกินข้าวกล่องของมื้อเย็นคนเดียวสองกล่องด้วยความหิวโหย ดวงตาเบิกโผลงทันที่ที่เห็นสภาพคนร่างสูงวิ่งฝ่าฝนมาหาและไว้กว่าความคิดทั้งยังไม่ได้ทักทายกันเป็นกิจจะลักษณะก็คว้าข้อมือหนาเข้ามาหลบในตู้โทรศัพท์ด้วยอีกคน
“ขอบใจนะ” ชานยอลยกยิ้มกว้างโชว์ฟันสีขาวสะอาดเรียงสวย
“ฮื่อ ขอบใจอะไรกันเราต่างหากต้องขอโทษด้วยซ้ำ ทำไมเปียกแบบนี้ล่ะชานยอล” ร่างบางโวยวายเสียยกใหญ่ว่าความผิดตัวเอง คนรู้สึกไม่ดีรีบควานหาผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าผ้าทันทีก่อนจะยื่นส่งให้คนตรงหน้า
“พอดีลืมหยิบร่มมา...ไม่ต้องมาขอโทษกันเลยนะครับ แล้วนี่ทำไมแบคฮยอนเปียกโชกเป็นลูกหมาขนาดนี้ล่ะเนี่ย...แล้วกล่องนั่น” เอ็ดคนตัวเล็กตรงหน้าแล้วชี้ไปยังข้าวกล่องที่วางทิ้งไว้บนพื้น คนตัวเล็กยิ้มจนปากสี่เหลี่ยมชมพูระเรื่อด้วยความหนาวก้มลงเก็บข้าวกล่องขึ้นมาปิดฝาแล้วใส่ลงในถุงผ้าอย่างเดิม
ความรู้สึกจุกอกจนกลืนน้ำลายไม่สะดวกแล่นแปล๊บเข้ามาในจิตใจของร่างสูงทันที...
“แฮ่ๆ กล่องข้าวอ่ะ” ยิ้มตอบเขินๆ สภาพเขาเมื่อครู่คงดูตลกมาก
ชานยอลไม่พูดอะไร ตอนนี้เขาเป็นห่วงแบคฮยอนจนแทบจะเป็นบ้าเหมือนไม่ใช่ตัวเอง...ควบคุมหัวใจตัวเองไม่ได้ เขาถอดเสื้อคลุมตัวยาวออกแล้วสวมไว้เกาะไหล่บางที่สั่นเทิ้ม ร่างบางช้อนตาขึ้นมองคนตรงหน้าแป๋ว
“ใส่ไว้ครับจะได้อุ่นๆ แล้วเดี๋ยวไปทานข้าวกัน” ชานยอลเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้มชวนให้อบอุ่น ก้มลงมองใบหน้าหวานแก้มแดงฝาดแล้วต้องหลุดยิ้มอีกครั้ง
“ชานยอลไม่หนาวเหรอ เอาคืนไปเถอะผมโอเคอยู่”
“ยังจะดื้ออีก ดูสิปากซีดหมดแล้วผมว่าเรารีบไปจากตรงนี้กันดีกว่า ฝนยังไม่ตกหนักมาก”
“พูดครับอีกแล้ว...อื้อ..ขอบคุณนะชานยอล” ก้มเก็บกระเป๋าขึ้นมากอดซุกหน้าอกไว้ไม่ให้เปียกแล้วกล่าวขอบคุณเบาๆ
“พูดมากน้าเรายินดีทำให้ ป่ะ! ไปกัน”
ลู่หานยกมือนวดขมับหลังจากกล่อมคยองซูให้ทานข้าวอาบน้ำและนั่งรับฟังปัญหาหัวใจที่คนเมาพร่ำเพ้อออกมาไม่รู้ว่าใครแต่เมื่อมารดาของเพื่อนไหว้วานมาเลยยากปฏิเสธกว่าจะจัดการให้คนตัวเล็กเข้านอนก็ล่วงเลยมาเป็นเวลาสามทุ่มกว่าแล้ว ร่างสูงเอื้อมมือเข้าไปปิดไฟตรงหัวเตียงก่อนเดินออกมาข้างนอกห้องเพื่อจะกลับบ้าน
เดี๋ยวนะ เหมือนกูลืมอะไรเลยว่ะ
แบคฮยอน!
นึกได้ดังนั้นก็รีบจอดรถข้างทางเปิดไฟกระพริบแล้วควานหาโทรศัพท์เพื่อโทรหาอีกคนที่ตนลืมนัดวันนี้เสียสนิท! ก่อนสไลด์หน้าจอดูเบอร์โทรที่ค้างไว้สายก็สะดุดหากแต่สายตาก็ไม่สะดุดกับเบอร์ที่โทรเข้ามานับร้อยสายกับอีกสิบกว่าข้อความทำเอาคนตัวโตถึงกับรู้สึกหน้าชา รู้สึกผิดที่ตัวเองทิ้งอีกคนไว้ไม่โทรบอกอีกต่างหาก ร่างสูงกดดูข้อความล่าสุดแล้วก็โล่งใจเมื่อแบคฮยอนส่งมาว่ากลับบ้านแล้ว
แล้วไป...
รถออดี้สีดำคันงามผ่านน้ำฝนจอดสนิทหน้าบ้านหลังสีขาวสุดซอยติดทะเลสาบ ร่างสูงเดินตัวปลิวคงกุญแจบ้านเพื่อจะไขประตูรั้วหากแต่ต้องชะงักลงเมื่อพบว่าบ้านทั้งหลังมืดสนิท บรรยากาศเงียบเฉียบเสียจนเหมือนไม่มีใครอยู่
ยังไม่กลับเหรอ?
รู้สึกเอะใจแปลกๆจนรีบพรวดพลาดเข้าไปในบ้าน
“แบคฮยอน! แบคฮยอนได้ยินมั้ยอยู่ไหนวะ!!” สบถออกมาหลังจากไร้ปฏิกิริยาตอบรับจากคนตัวเล็ก ผลักประตูห้องนอนเข้าไปดูแล้วก็พบว่ามันว่างเปล่า ทั้งห้องน้ำ ห้องครัว แม้แต่ห้องเก็บของก็แล้ว ร่างสูงวิ่งวุ่นไปทั่วบ้านไม่เพียงเท่านั้นยังบริเวณรอบตัวบ้านและทะเลสาบ
แบคฮยอน...หายไปไหน
แฮ่ก แฮ่ก
เสียงลมหายใจเหนื่อยหอบถูกพ้นออกมาติดต่อกัน พยายามนึกว่าร่างเล็กอยู่ที่ไหนบ้างทันทีก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋ากางเกงขึ้นมาเปิดข้อความล่าสุดจากบยอนแบคฮยอนสายตาก็ไล่ไปจนเจอเวลาที่ส่ง ‘หนึ่งทุ่มสิบนาที’
ไอ้บ้าเอ่ย!! ถ้ารู้ว่าไม่มาก็ไม่น่ารอสิ!!
ลู่หานขยี้ผมตัวเองอย่างหัวเสียกดโทรหาคนตัวเล็กอีกครั้งก็ไม่มีคนรับ จิตใจเริ่มกระวนกระวายไม่เป็นสุขทันเท่าความคิดมือหนารีบหยิบกุญแจรถแล้วขับออกไปที่ที่คิดว่าน่าจะอยู่...สวนสนุก
“ถึงแล้วครับ” ชานยอลดับเครื่องยนต์ก่อนหันมามองคนนั่งเบาะข้างกัน
ใบหน้าหวานตียุ่งคิ้วขมวดปมแล้วหน้าเหวอเมื่อเห็นว่าที่นี่ไม่ใช่ร้านอาหาร แต่ทว่ากลับเป็นโรงจอดรถชั้นใต้ดินของคอนโดฯแห่งหนึ่งในกรุงโซล
“ที่นี่มัน...บ้านชานยอลเหรอ?” แบคฮยอนคนฉลาดถามขึ้นทันควัน
“ใช่เลยคนเก่ง ดึกขนาดนี้ไม่มีร้านไปเปิดเลยฝนตกด้วยทานข้าวที่ห้องเราดีกว่า” ชานยอลฉีกยิ้มกว้างก่อนจะเอื้อมมือไปหยิกแก้มอย่างหมั่นเขี้ยว
“งื้อออ เอ๋” มือหนาเลื่อนหลังมือขึ้นไปแตะหน้าผากทันทีเมื่อสัมผัสถึงอุณหภูมิร้อนของร่างกายที่สูงขึ้น สำรวจใบหน้าริมฝีผากซีดเผือดนัยน์ตาเยิ้มเชื่อม เหงื่อผุดขึ้นแล้วลมหายใจหอบถี่ “มีอะไรเหรอ” ร่างบางถามด้วยความสงสัย
“รู้สึกปวดหัวมั้ยหรือรู้สึกเมื่อยตัวเทือกนั้น” ร่างสูงเอ่ยถามเพราะถ้าเดาไม่ผิดแบคฮยอนโดนไข้กินเสียแล้ว
“ชานยอลรู้ได้ไงอ่า...อื้อปวดหัวแล้วก็โลกเหวี่ยงด้วย”
“ไม่สบายแล้วครับ” ไม่รอช้ารีบลงจากรถแล้วเดินข้ามไปอีกฝั่งช้อนร่างบางขึ้นแล้วใช้เข่าปิดประตูรถทันที ทำเอาแบคฮยอนตกใจแต่ก็ไม่ได้ขัดขืนอะไรเหมือนตัวเองเริ่มเมาไอร้อนของไข้หวัดสังเกตลมหายใจตัวเองก็ร้อนจี๋ เปลือกตาคล้ายจะผิดตลอดเวลา
ร่างสูงกดลิฟต์ชั้นยี่สิบห้า ก้มหน้ามองคนตัวเล็กบางครั้งใจก็ร้อยรนนึกถึงแต่วิธีดูแลผู้ป่วยยังไงดี เดิมทีเขาเคยดูแลคยองซูตอนไม่สบายอยู่เมืองนอกมาบ้างหากแต่ช่วงเวลานี้เขากลับรู้สึกทำอะไรไม่ถูกเลย เมื่อลิฟต์เปิดออกขายาวก็สาวเท้ากว้างเสียบคีการ์ดแล้วเดินตรงไปยังห้องนอนตัวเองทันที
“หนาว...” คนป่วยเริ่มงอแงเมื่อร่างกายระบายไอร้อนออกมารอบตัว ดวงตาปรื๋อจะหลับแหล่ไม่หลับแหล่
“เดี๋ยวเช็ดตัวให้นะ” ดวงตาโตเลิกลั่กกำลังลำดับความคิดว่าควรทำอะไรก่อนดี ปิดแอร์เสร็จแล้วก็เตรียมกะละมังเล็กในห้องน้ำผ้าขนหนูพื้นเล็ก คิดได้ดังนั้นก็ก้าวออกจากห้องไป
ครืด ครืด
เสียงโทรศัพท์มือถือระบบสั่นแบบเบากำลังแผดเสียงร้องอยู่ภายในกระเป๋ากางเกง แต่ทว่าเวลานี้แบคฮยอนไม่สามารถรับรู้ความรู้สึกนั้นได้หัวสมองมันเบลอแผ่ซ่านปวดระบมไปหมดหรือถ้ารับรู้ก็คงไม่มีแรงที่จะหยิบในเมื่อแค่หายใจตอนนี้ยังลำบาก จนในที่สุดมันก็เงียบหายไป...
ไม่นานนักเจ้าของห้องก็เดินมาพร้อมสิ่งของที่ต้องใช้ ยาลดไข้
อ๋า จำได้ว่ามีเจลลดไข้อยู่ในตู้เย็นนี่นา
วิ่งออกไปอีกรอบโทรศัพท์ก็สั่นขึ้นมาอีก...ดูเหมือนคนที่โทรมาจะไม่มีบุญวาสนาหรืออย่างไรกันแน่
ชานยอลกลับมาพร้อมของทุกอย่าง เขาพับแขนเสื้อเชิ้ตสีขาวขึ้นสามทบตามด้วยจุ่มผ้าลงในน้ำอุ่นบิดจนแห้งหมาดแล้วเช็ดอย่างแผ่วเบาบริเวณใบหน้าเป็นที่แรก จังหวะที่กำลังเช็ดอยู่นี้เองมือเรียวสวยของคนป่วยก็ยกขึ้นมาจับหมับ
“ฮึก...อย่าปล่อยมือ...ผมกลัวหลง” ดวงตาสวยหลับพริ้มละเมอออกมาพร้อมหยดน้ำตาไหลกลิ้งด้านข้าง
เด็กน้อย...
ชานยอลเกลี่ยเช็ดน้ำใสแผ่วเบา เผลออมยิ้มออกมาไม่รู้ตัวยกให้คนตัวเล็กถูแก้มนิ่มๆลงบนหลังมือไม่กล้าขัดสัทธา ส่วนอีกข้างที่ว่างก็บรรจงเช็ดตัวให้คนตัวเล็กต่อไปอย่างทุลักทุเลจนเสร็จแล้วผล็อยหลับตามไปเฝ้าพระอินทร์(?)ด้วยกัน
เวลาล่วงเลยมาจนถึงตีสอง เสียงท้องร้องโครกครากของตัวเองทำให้คนตัวเล็กตื่นขึ้นกลางดึกสภาพงัวเงียมึนงงด้วยพิษไข้ก่อนหน้าที่บัดนี้ลดลงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พยายามปรับโฟกัสรอบตัวเพดานผนังห้องนอน...
เฮือก!
บ้านชานยอลเพื่อนรักนิ!
สัมผัสที่ฝ่ามือบีบแน่นขึ้นจนต้องหันมาสนใจ ชานยอลลืมตาตื่นขึ้นสะลึมสะลือพอเห็นว่าแบคฮยอนตื่นแล้วก็ตาสว่างตามกันมา
“แบคฮยอน” เรียกชื่ออีกฝ่ายแต่กลับง่วนหาปรอทวัดไข้ดิจิตอล “อ้าปากสิครับ” สั่งขึ้นมาทันที คนป่วยก็ทำตามอย่างงงๆ พยายามนึกเรื่องก่อนหน้านั้น
“เรามาอยู่ที่นี่ได้ไงอ่ะ” แท่งปรอทสีขาวถูกดึงออกจากผากอวบอิ่มก็เอ่ยถามทันที ชานยอลเลิกคิ้วกับผลลับที่ได้
“ลดลงไปเยอะแล้วนะ แต่ว่าต้องพักผ่อนกินยานอนอีกสักหน่อยก็หายแล้วครับ”
“อ๋อ เราไม่สบายชานยอลเลยดูแลเหรอ” ว่าที่นักเขียนใช้เวลาทำความเข้าใจไม่นานก็ได้ข้อสรุปย่อ ร่างสูงยิ้มละไมส่งมาให้แล้วใช้หลังมือแตะหน้าผากวัดความร้อนด้วยความเองอีกครั้ง
“ใช่เลย ตอนนี้แบคฮยอนนอนไปก่อนนะครับ เดี๋ยวไปทำอาหารให้แล้วทานยาค่อยนอนต่ออีกรอบ”
“ว้าว ขอบคุณมากเลยนะครับ! ผมรบกวนคุณใช่มั้ยเนี่ย” กุมมืออีกฝ่ายแล้วเขย่าขอบคุณสุดซึ้ง กับน้ำใจของเพื่อนหูกางตัวโต
“ถ้าขอบคุณห้ามหลุดพูดทางการออกมาอีกนะ เอาล่ะผมจะไปทำอาหารแล้วแบคฮยอนก็นอนพัก โอเคนะครับ”
“เฮ้ย ไม่ดีกว่าเราช่วยกันทำจะได้เสร็จไวๆ” ร่างบางบนที่นอนกำลังจะลุกขึ้นมา แต่ก็ถูกกดไหล่บางให้นอนลง
“อย่าดื้อนะ เดี๋ยวไม่หายต้องรบกวนเราอีกยาวเลยไม่ต้องกลับบ้านกันพอดี”
บ้าน...
“อื้ม...ได้เลยรีบๆมานะ” ระบายยิ้มบางๆส่งให้เพื่อนรักแล้วด้วยเองก็นอนในท่าหงายหน้า รอจนเสียงประตูปิดก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูทันที
หน้าจอสว่างขึ้นพร้อมกับเบอร์คุ้นเคยในช่วงนี้กำลังโทรเข้ามาพอดิบพอดี 'ลู่หานไอ้บ้า' นิ้วเรียวลูบปุ่มกดรับสายชั่งใจอยู่สักครู่หน้าจอก็ดับไปพร้อมโชว์เบอร์ก่อนหน้าที่โทรมาหกสิบกว่าสาย...
เอาไงดีเนี่ย ทำไมโทรมาซะเยอะเลย...แต่เดี๋ยวก่อนนะ!
นี่แหละสำหรับคนผิดคำพูด! ถ้าไม่ถึงจำนวนร้อยแปดสายที่เขาโทรหาอีกคนก็อย่าหวังว่าเขาจะรับสายเลย ต่อไปจะได้หัดรักษาสัญญาเสียบ้าง คิดว่าคนอย่างแบคฮยอนเป็นใครกันเป็นถึงเจ้าของบ้านเลยนะกล้าทิ้งกันแบบนี้แล้วตัวเองก็หายหัวไปไหนได้ไงกัน เชอะคอยดูนะ! ฮึ!
40%
คนตัวเล็กนอนกลิ้งไปกลิ้งมาด้วยความสะใจอยู่ได้สักพักก็รู้สึกหายปวดหัวเป็นปลิดทิ้ง เขาคงจะขอรบกวนค้างที่นี่จนกว่าจะเช้าเพราะกลับบ้านเวลานี้มันไม่มีรถกว่าจะมีก็ตีห้าคาดว่าคงไปรบกันอีกนาน
ไหนๆก็จะขอรบกวนแล้ว...ออกไปช่วยคนในครัวดีกว่า
“หื้ม ทำไมคนป่วยไม่นอนล่ะครับ” ชานยอลเสียงทุ้มเอ่ยทักคนตัวเล็กที่ชะเง้อหน้าออกมาดูจากประตูห้องนอน รอยยิ้มบางฉายบนใบหน้าเมื่อเห็นเด็กดื้อไม่ยอมทำตามคำสั่งอย่างเอ็นดูไม่นานนักแบค ฮยอนก็เดินย่องออกมาสีหน้าสดใสกว่าก่อนหน้าอีก
“ฮะๆ จะให้คนสบายดีไปนอนรอกินอย่างเดียวได้ไง นี่เพราะเราได้หมอดีนะเนี่ย” เยินยอคนตัวสูงก่อนจะเดินไปยืนข้างๆชะโงกหน้าดูของในหมอที่ส่งกลิ่นหอมกรุ่นออกมาไม่หยุด
“โจ๊กเห็ดหอมน่ะ แบคฮยอนชอบมั้ย” ยิ้มละมุนถามส่วนอีกคนพยักหน้ารัวๆลอบกลืนน้ำลายอึกใหญ่ “ฮ่าๆ งั้นยิ้มถ้วยในตู้กับจานลองมาให้หน่อยแล้วกัน เลือกตามใจชอบเลยครับ”
“โอเคเลย! โหเห็นแล้วนึกถึงที่บ้านเราเลยอ่ะ แม่ชอบซื้อมาไว้เต็มตู้ไปหมดเลยพ่อก็บ่นบ่อยๆฮ่าๆ” คนตัวเล็กหัวเราะรวน
“ว้าว เหมือนแม่เราเลยที่เห็นนั่นแม่ชอบซื้อมาไว้ทั้งนั้นแหละ แสดงว่าพ่อกับแม่แบคฮยอนต้องใจดีมากแน่ๆเลย พวกท่านสบายดีนะครับ?” พูดไปก็คนโจ๊กในหม้อไป
“อื้อ ใจดีมากเลยล่ะแต่ก็ดุบางทีเราชอบโดนตีบ่อยๆ” พูดไปก็ระบายยิ้ม คิดถึงตอนเด็กๆทีพ่อกับแม่ท่านยังอยู่
โจ๊กสีสวยอุดมไปด้วยข้าวกล้องหลากสี เริ่มต้นสีเหลืองทองสีม่วงเข้มและสีแดงม่วงผมสมกันคนละเอียดแลกออกเป็นเม็กเล็กๆ แล้วแยกสีแบ่งออกมาบ่งบอกความเอาใจใส่ของผู้ทำได้เป็นอย่างดี ควบคู่กับชามใบสวยสีชาเขียวอ่อนช้อนเกาหลีคันยาว กลิ่นหอมแตะจมูกจนคนตัวเล็กต้องตักกินก่อน
“หื้ม! อร่อยมากอ่ะ” ร่างบางถึงกับตักโจ๊กคำโตเข้าปากไม่รออีกคนที่แขวนผ้ากันเปื้อนอยู่
ชานยอลหยิบแก้วน้ำออกมาสองใบเทน้ำใส่แก้วพอดีแล้วส่งต่อให้อีกคนที่ทานเอาน่าเอร็ดอร่อยคนทำเห็นแบบนั้นก็ยิ้มแก้มแถบปริ
“ค่อยๆทาน ปากเลอะแล้ว” ส่งกระดาษให้อีกคนเช็ดมุมปากล่าง
ชานยอลเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมตัวเองถึงรู้สึกว่าเอ็นดูคนตรงหน้ามากเหลือเกิน อาจจะเกินมากกว่าทำว่าเอ็นดูรึเปล่าก็ไม่ทราบ เพราะการเจอกันครั้งแรกกับสีหน้าห่อเหี่ยวแต่แฝงไปด้วยความมุ่งมั่นยิ่งเจอกันอีกครั้งในวันนั้นเขารับรู้ได้เลยว่าคนตรงหน้ามีความฝันที่ยิ่งใหญ่มาก ตัวเขานั้นเห็นแบบนี้ก็ค่อนข้างจะชอบอะไรฝันๆถึงได้มาทำงานด้านนี้
แต่...พอเข้าใกล้มากขึ้นมันกลับอยากดูแลคนตัวเล็กขึ้นมาเสียอย่างนั้น...อยากดูแลตลอดไป อยากรักษารอยยิ้มและความฝันของเขาเอาไว้
“เติมได้นะ” เสียงทุ้มบอกเมื่อเห็นว่าคนป่วยทานข้าวพร่องไปเกินครึ่ง
แบคฮยอนไม่ได้ตอบเป็นคำพูดเขาเลือกพยักหน้าแทนดีกว่าข้าวเต็มปากแล้วพูดออกมา ความรู้สึกตอนนี้ทั้งโหยหิวแล้วก็อร่อยจนหยุดไม่อยู่ โจ๊กเห็ดหอมที่เคี้ยวจนผสมกันละเอียดมันอร่อยมากจริงๆ
ครืด ครืด
ชานยอลละมือจากอาหารชามโตแล้วหันมาสนใจสายเรียกเข้าแทน พลันสายตาก็ต้องชะงักค้างเมื่อเบอร์ที่โทรเข้ามาเป็นเบอร์ของเพื่อนสนิทเขาเอง
‘ลู่หาน’
“ดึกแล้วใครโทรมาเหรอ ตีสามแล้วนะงานเยอะจังเลยพนักงาน อิอิ” เอ่ยแซวออกมาจนชานยอลอดเอื้อมมือไปขยี้ผมไม่ได้ ก่อนขอตัวเดินออกไปคุยโทรศัพท์ในห้อง
“ว่าไงไอ้ลู่” กรอกเสียงใส่ปลายสายทักทายเพื่อนรักที่โทรมาได้เวลาพอดี
‘เออ ทำไมเสียงใสจังวะ จังไม่นอนเหรอ’
“อื้อก็ยัง ว่าแต่มีอะไรรึเปล่า?” ยังคงถามคำถามเดิม บางทีเขาอาจะเดาถูกว่าลู่หานจะพูดถึงเรื่องอะไรในเวลานี้อาจจะเกี่ยวกับคนข้างนอกห้อง...แต่ก็อยากยื้อเวลาไว้สักนิด
‘พอดีฉันรู้ว่ามัน...มันบ้านะเว้ยแต่ แบคฮยอนไปหาแกเปล่าวะไอ้ชาน’
60%
“ขอข้าวเพิ่มน้า” ยิ้มกว้างแล้วคว้าทัพพีไปตักก่อนขออนุญาตเสียอีก
“อร่อยเหรอ” ชานยอลทิ้งตัวลงบนเก้าอี้สีขาว จ้องมองคนตัวเล็กพยักหนารัวๆดูดนิ้วหัวแม่มือที่เลอะข้าวนิดหน่อย “ถ้า...ถ้าสมมติว่าอยากกินอีกก็มาหาสิ โทรมาแล้วจะไปรับ” อดลูบหัวกลมทุยๆนั่นไม่ได้ เข้าใจแล้วว่าทำไมตัวเองถึงเป็นแบบนั้นเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น
“ได้เหรอ” เสียงใสถาม
“ได้สิ ว่าแต่ไม่ปวดหัวแล้วใช่มั้ยเดี๋ยวทานข้าวเสร็จกินยาอีกรอบนะ นอนพักอีกสักหน่อยจะได้หลับสบาย”
“อื้อๆ”
หลังจากอิ่มอาหารมื้อโต้รุ่งร่างสูงก็ขอตัวไปอาบน้ำ ดูเหมือนชานยอลจะรู้สึกว่าตัวเองก็มีไข้นิดหน่อยพรุ่งนี้ต้องไปทำงานเลยกินยาดักเอาไว้ ส่วนคนตัวเล็กก็ถูกสั่งให้นั่งเล่นหรือถ้าง่วงก็นอนหลับไปก่อนเลยก็ได้โดยที่ไม่ได้บอกเรื่องลู่หาน...
‘อย่าบอกนะว่าฉันกำลังจะไปรับ...’
คำขอร้องถูกเปล่งออกมาจากปลายสายย้ำสองสามครั้งก่อนจะวางสายไปอย่างร้อยรน เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่านอกจากคยองซูลู่หานรู้จักคำว่าเป็นห่วงใครด้วย อดแปลกใจไม่ได้ว่าระหว่างสองคนที่อยู่บ้านเดียวกันถึงจะเป็นผู้ชายใครจะอดไม่หวั่นไหวกับคนตัวเล็กหัวกลมๆคนนี้ได้
อยู่บ้านจะเป็นยังไงน้า...
แบคฮยอนเหมาะกับแสงอาทิตย์ยามเช้ามากที่สุด ไม่ร้อนไปไม่มืดไปค่อยๆสว่างแล้วให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย
ออดดด ออดดด
เสียงออดหน้าห้องดังขึ้นถี่และติดกันขนาดที่ว่าคนที่ผล็อยหลับไปแล้วยังต้องสะดุ้งตื่น แบคฮยอนขยี้ตางัวเงียมองชานยอลในชุดนอนแล้วเอียงคอเป็นเชิงถามหากแต่ชานยอลกลับไม่พูดอะไรเดินออกไปเปิดประตูห้องเงียบๆ
แกร๊ก
“เฮ้ย แกโอเคนะเว้ย” ร่างสูงโปร่งเอ่ยถามเมื่อเห็นเพื่อนสนิทเหนื่อยหอบเหงื่อท่วมร่าง
“โอเคว่ะ แต่แบคฮยอนอยู่ใช่มั้ย” ตอบอาหารเพื่อนไปแล้วถามหาคนตัวเล็กที่งอนตุณ๊บป่องเขาหนีออกจากบ้าน
ให้ตายสิ มันน่าจับตีก้นจริงๆ
“อยู่ข้างในห้อง เข้ามาก่อนดิเดี๋ยวดื่มน้ำก่อนค่อยออกไปก็ได้” ชานยอลเชิญเพื่อนเข้าห้องแล้วขอปลีกตัวไปหาน้ำหาท่าให้เพื่อนดื่มก่อนมันจะเป็นลมตายคาห้องไปเสียก่อน
อักทางด้านหนึ่งเหมือนกำลังก่อสงครามกันทางสายตาหลังจากลู่หานเปิดประตูพรวดเข้าไปแล้วเห็นเป้าหมายกำลังนั่งหน้าจ๋องอยู่บนเตียงเพื่อนอารมณ์ก็แทบปรี๊ด แต่ทำไงได้รู้สึกนึกอยากตบหัวตัวเองแล้วเอาหัวโขกกำแพงขอโทษแบคฮยอนด้วยความจริงใจจริงๆก่อนคาดโทษนะน่ะ
“เหวอออ! คุณมาได้ไงอ่ะ” คนตัวเล็กตีหน้ายุ่งก่อนจะชี้หน้าไอ้คนกลับกลอกด้วยความตกใจ
“มารับเด็กดื้อหนีออกจากบ้านกลับ! รู้มั้ยว่าเป็นห่วงทำไมต้องทำให้เป็นห่วงด้วยวะ” ขยี้หัวตัวเองอย่างหัวเสียขมวดคิ้วเข้มจนหน้ายับผิดกับคนตัวเล็กที่เบ้ปากเล็กน้อยแล้วเมินหน้าใสจังๆ
“โด๊ ทำมาเป็นพูดดี เห๊อะ! ใครกันแน่ที่ผิด” บ่นขมุบขมิบ
“เออโอเคฉันขอโทษฉันผิดเองโอเคยังวะ กลับบ้านกัน” ลู่หานส่งมือให้แบคฮยอนคนหน้าบูด แต่คนตัวเล็กกลับเฉยแล้วทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
หมั่นไส้!
“นิ จะกลับดีๆหรือต้องให้ใช้กำลัง คนเป็นห่วงโทรหายิกๆทำไมไม่รับใครกันแน่ต้องโกรธ” คนลืมความผิดเริ่มตั้งข้อกล่าวคนร่างเล็ก “รู้มั้ยฉันตามไปไกลเกือบออกชนบทแล้ว”
“อ๋อเหรอ?” น้ำเสียงเรียบๆถูกส่งมาทำเอาอินทีเรียหนุ่มถึงกับเย็นว้าบแปลกๆ ตาเรียวตวัดพรึบมองหน้าคนปากบอนนิ่งทั้งดวงตาและปากสวยเป็นเส้นตรงก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปหาอย่างเอาเรื่อง “รู้มั้ยทำไมผมถึงต้องโกรธคุณแล้วคุณก็ไม่มีสิทธ์มาตะคอกหรือว่าผมด้วยซ้ำ! ข้อแรกคือคุณนัดผมไว้แต่ไม่มารู้มั้ยว่าผมเป็นห่วงแทบบ้าคิดว่าเกิดอุบัติเหตุอะไรรึเปล่า สองคือผมโทรรัวๆหาคุณส่งข้อความก็แล้วจนฟ้ามืดแต่คุณก็ไม่รับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย! ข้อสามผมอุตส่าห์คิดว่าคุณเป็นคนดีพอที่เจอหน้ากันแล้วจะสำนึกผิดบ้างแต่เปล่าเลยคุณมันก็แค่คนเห็นแก่ตัวเท่านั้นแหละ!! ผมนั่งรอคุณรอจนมืดคนเขาก็หาความผมเหมือนคนบ้าเดินมัวไปหมดข้าวก็หิว ฝนมันก็ตกลงมาอีก ผมเกลียดคุณที่สุดในโลกเลยหน้าก็ไม่อยากเจอด้วย!! ไอ้คนโกหกหลอกลวง!!”
คำพูดแสนเก็บกดถูกระบายออกมาตอกหน้าคนผิดเต็มประตูอย่างลู่หาน ร่างบางสั่นไปด้วยความโกรธกำหมัดแน่นอยากชกหน้าสักที หน้าหวานหายใจเข้าออกระงับความโกรธร่างกายเริ่มกลับมาร้อนและหนักหัวอีกครั้งพยายามปรับในมันเย็นทั้งใจและกาย
ชานยอลยืนฟังอยู่หลังประตูเงียบๆเรียงลำดับเหตุการณ์จนเข้าใจชัดเจน
“ขอโทษ...ขอโทษจริงๆ พอดีว่าคยองซูไม่สบายแล้วฉันก็ไปดูแลเขามา ไม่มีอะไรจะแก้ตัวจริงๆว่ะ”
เชี่ยเอ่ย กูพูดอะไรออกไปเนี่ย...
“เหอะ! งั้นก็ต่อไปนี้เอางี้ดีกว่า ผมว่าเราตัวใครตัวมันแล้วกันนะครับ” พูดจบก็เดินอาดๆออกไปปะทะเข้ากับชานยอล “ชานยอลอ่า ขอโทษที่มารบกวนนะ...ไว้จะมาหาใหม่ขอบคุณมากเลยนะวันนี้ที่ดูแลกัน ไปนะ”
พูดทิ้งท้ายเอาไว้ทำให้ลู่หานต้องรีบวิ่งตามออกไปเพราะการมาทะเลาะกันบ้านคนอื่นมันคงไม่ดีเท่าไรนัก อีกทั้งเขาต้องกลับไปคุยกันให้รู้เรื่องอีกที
อะไรคือตัวใครตัวมัน!
“ขอบใจมากนะเว้ย”
“ไม่เป็นไร รีบตามไปเถอะฉันคิดว่าดึกป่านนี้ไม่มีรถ เขาคงกลับกลับแกนั้นแหละ”
“เออๆแต๊งกิ้วมาก” ล่ำลากันเสร็จก็เดินออกจากห้องไป...
ทิ้งไว้เพียงเจ้าของห้องที่ตอนนี้รู้สึกสับสนในใจ...
บางทีลู่หานอาจจะไม่รู้การกระทำตัวเองว่าที่ทำอยู่เนี่ย มันแสดงออกว่าชอบเขามาก
ส่วนทางด้านหนึ่งอินทีเรียหนุ่มกำลังคิดวิธีง้ออยู่ในรถแสนเงียบเฉียบ ยังไงซะรอบนี้เขาก็ผิดเต็มประตู...ทำไงดีวะ
100%
หากผมปีนกำแพงหนาสูงใหญ่
เข้าไปค้นหาในหัวใจคุณดู
ผมจะพบตัวเองมั้ยครับ?
ถ้าชอบก็เม้นและแท๊ก #ฟิคกลับบ้าน
พูดคุยกันนอกจากติดแท๊กก็ @peepanggy
ความคิดเห็น