คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : Chapter 8 (แก้ไข)
“พี่ยิ้มไรของพี่เนี่ย” ดงอุนเดินเข้ามาในห้องอัดเสียงและเอ่ยทักพี่ชายตัวเองที่นั่งมองกระดาษในมือแล้วก็ยิ้มไปด้วย
“อ่ะ ของแกแต่งเสร็จล่ะ” จุนฮยองโยนกระดาษเพลงให้กับดงอุนที่นั่งกินกาแฟกับขนมอย่างอร่อย
“โหพี่ พี่ให้เพลงกับนักร้องอย่างนี้อ่ะนะ”
“เออ กับแกคนเดียวแล้วกัน
ฉันจะร้องให้ฟังก่อนพอใจไม่พอใจบอกจะเปลื่ยนตรงไหนบอก โอเค?”
“ค้าบ” จุนฮยองก็เริ่มร้องเพลงที่เนื้อหาที่เขาเรียบเรียงเอง
สีหน้าของดงอุนตอนนี้เหมือนกับความรู้สึกชอบเพราะความหมายมันดีทุกอย่าง
“พี่มันทุกอย่างโอเคเลยผมชอบเนื้อเพลงนี้มากชื่อเพลงว่าไร”
“Dreamgirl ไปจำเนื้อเพลงมานะ
จะอัดเร็วๆนี้”
“ผมว่าเนื้อเพลงมันดีมาก พี่ได้แรงบัลดาใจมาจากไหน?” ดงอุนยังคงมองกระดาษในมือโดยที่ไม่ได้มองพี่ชายตัวเองที่กระตุกยิ้มมุมปากและกำลังนึกย้อนไปเรื่องของคืนนั้น
“พี่”
“กลับบ้านเถอะแม่ยังไม่ได้กินข้าว” จุนฮยองหยิบกระเป๋าขึ้นมาสะพายและกดโทรหาคนสวยที่ยังไม่ได้คุยกันเลย
.
.
วันนี้ฮยอนซึงวุ่ยวายทั้งวันเพราะต้องรับหน้าที่คนเดียวยูอีก็ไม่สบายเลยไม่ได้มาทำงานวันนี้
ทำให้สับสนและมึนงงและเหนื่อย การที่เขาไม่มีดูจุนช่วยนี้มันลำบากที่สุด
“น้องฮยอนซึง แสงโอเคยังจ๊ะ” ฮยอนซึงกำลังเทสแสงใหม่อีกรอบเพราะกำลังถ่ายแบบชุดต่อไป
“โอเคแล้วฮะ เริ่มถ่ายกันได้ฮะ”
ฮยอนซึงเริ่มถ่ายต่อ
เขาเริ่มปวดแขนแต่หน้าก็ต้องยิ้มไว้ก่อนเพื่อไม่ให้สร้างความเซ็งกับทีมงานเพราะถ้าหัวหน้าเซ็งเมื่อไรลูกน้องก็จะเป็นเหมือนกัน
ฮยอนซึงเลยต้องทำหน้ามีความสุขเหมือนอย่างที่ดูจุนทำ
18.00
“โอเคเสร็จเรียบร้อยแล้วฮะ” ฮยอนซึงเดินไปนั่งพักที่เก้าอี้และวางกล้องลงอย่างเหน็ดเหนื่อยวันนี้เขาไม่มีตัวช่วยในการถ่ายรูป
ฮยอนซึงจับโทรศัพท์เครื่องหรูที่ยังไม่ได้จับทั้งวันขึ้นมาดู
‘junhyung
6 Missed Call’
“โอ้ะ นายโทรมาหรอ...
เดี๋ยวคุณเลือกรูปที่คุณชอบได้เลยนะฮะตามสบายเดี๋ยวผมขอไปคุยธุระก่อน” ฮยอนซึงบอกดาราสาวที่มาถ่ายแบบกับเขา
และเดินตรงมายังห้องทำงานของเขากับดูจุนแล้วกดโทรออกสายที่ไม่ได้รับล่าสุด
[ฉันโทรหานายตั้งหลายสายทำไมไม่รับ]
“เฮ้ย..แค่6สายเองนะ”
[นั่นแหละหลายสาย แล้วนายจะกลับกี่โมง] ฮยอนซึงเดินไปโซฟาตัวยาวแล้วล้มตัวนอนหลับตาแต่ปากยังคงขยับอยู่
“ยังไม่รู้เลย อ่า วันนี้ฉันเหมื่อยจังจุนฮยอง”
“ฉันก็มารับนายแล้วไง” ฮยอนซึงลืมตาแป้วขึ้นมาทันทีเมื่อเสียงจุนฮยองเหมือนอยู่ใกล้ๆเขา
“นายอย่ามาโม้น่า” ฮยอนซึงยังคงเอาปากตะโกนใส่โทรศัพท์คนในสายวางไปตั้งนานแล้ว
เมื่อจุนฮยองเห็นฮยอนซึงทำอึนไม่รู้เรื่องอยู่ดี จนจุนฮยองหลุดขำออกมา
“ฮ่าๆ” ฮยอนซึงได้ยินเสียงอย่างนั้นจึงลดโทรศัพท์ลงและหันไปมองชายร่างสูงที่ยืนพิงขอบประตูอยู่
“อะ…อ้าวนายมาจริงหรอฉันนึกว่าโกหกฉันเสียอีก”
“หึ นายนี่มันอึนจริงๆเลยนะ เสียงตัวจริงกับในโทรศัพท์มันต่างกันนะ”
“ต่างกันอย่างไง เสียงนายก็คือนายไง”
“ก็…โอ้ยกลับบ้านได้แล้ว”
“ฉันยังทำงานไม่เสร็จเลย”
“ก็เอากลับไปทำที่คอนโดไง ดูจุนให้ฉันมารับนายกลับบ้าน”
“อ่องั้นหรอโอเค”
เมื่อฮยอนซึงรู้ว่าเป็นคำสั่งของพี่ชายจึงคัดขืนไม่ได้เพราะถ้าคัดขืนพี่ชายเขาได้บ่นฮยอนซึงหูชาแน่นอน
จุนฮยองก็ช่วยฮยอนซึงถือกล้องไปฮยอนซึงเดินอยู่ข้างหลังก็อดยิ้มไม่ได้ในเมื่อแฟนเขาน่ารักขนาดนี้ช่วยถือของแถมยังมารับอีก
ถึงแม้จะเป็นคำสั่งของดูจุนก็เถอะ
“ยิ้มอะไรของนาย” จุนฮยองหันมามองฮยอนซึงที่เดินยิ้มอยู่ข้างหลัง
“ก็…นายมารับแล้วก็ถือของให้ฉันไง >///<”
ฮยอนซึงเกาท้ายทอยอย่างเขินๆ
จุนฮยองเห็นท่าทางน่ารักอย่างนั้นเลยกระตุกยิ้มมุมปากแปปเดียวและทำหน้านิ่งใส่ฮยอนซึงเหมือนเดิม
“นั้นนายถือเองแล้วกัน” จุนฮยองยื่นกระเป๋ากล้องใบหนักให้ฮยอนซึงแต่ฮยอนซึงดันคืนไป
“ไม่เอาอ่ะ นายนั้นแหละถือให้ฉันเลยวันนี้ฉันทั้งเมื่อยทั้งเหนื่อย”
ร่างบางทำปากยู่ใส่ร่างสูงและเดินไปกอดแขนร่างสูงอย่างที่คนรักทำกัน
เมื่อร่างสูงเห็นท่าทางน่ารักของฮยอนซึงก็อดยิ้มไม่ได้
“วันนี้นายต้องนวดให้ฉันนะ ปวดไปทั้งตัวเลย”
“นายต้องนวดให้ฉันต่างหากวันนี้ฉันก็เมื่อยนะ”
“นายอย่าขี้ตูน่ะยงจุนฮยองนายแค่นั่งแต่งเพลงอยู่ในห้องแอร์เย็นๆสบายๆได้ฟังเพลงสบายหู
ฉันเนี่ยต้องยืนทั้งถือกล้อง”
“ฉันก็จับปากกาไงเมื่อยมือเหมือนกัน …นายบ่นมากนายจะทำงานอย่างนี้ทำไมเนี่ยห๊ะ”
จุนฮยองดีดหน้าผากฮยอนซึงเบาๆ
“กวน….(ตีน)” ฮยอนซึงพูดลมปากแต่จุนฮยองก็รู้อยู่ดีว่าฮยอนซึงพูดไรออกมา
“ฮ่าๆ ฉันต้องสานความฝันของพี่ดูจุนน่ะ
ตอนนี้พี่ชายฉันทำงานไม่ได้ฉันก็ต้องทำให้เขาดูว่าความฝันเขายังอยู่ที่ฉันไง”
“อ่อจะงงนิดนึงนะ”
“นั้นนายจงงงต่อไปเถอะ กลับบ้านกันเถอะเรายืนคุยกันนานล่ะ”
“หึ” ทั้งสองคนก็เดินคุยเล่นกันตลกสนุกสนาน
จุนฮยองก็สรรหาอะไรมาเล่าให้ฮยอนซึงฟังเหมือนเคย
บางเรื่องฮยอนซึงก็ถามเยอะจนเขาก็หาคำตอบไม่ถูก
ก็เถียงกันบ้างอย่างไงตอนนี้จุนฮยองกับฮยอนซึงแซงหน้าความหวานของดูจุนกับโยซอบไปได้ล่ะ
----------------------------------------------------------------------------------------------------
ร่างสูงเดินเข้าไปในห้องและตรงไปโต๊ะทำงานของเขาที่มีรูปที่เขาถ่ายและคอมตัวใหญ่ตั้งไว้
และร่างสูงเอื้อมมือไปจับกล้องตัวโปรดที่เขายังคงไม่ได้ใช้งานอีกนาน..
“ฉันจะกลับไปใช้แกได้อีกไหม ? ฉันคงอ่อนแอใช่ไหม ?
ที่ฉันไม่สามารถใช้งานแกได้อีก
สักวันฉันจะกลับมาใช้งานแกอีกครั้งคอยดูฉันจะไม่ยอมแพ้เป็นอันขาด” ดูจุนพูดไปน้ำตาของเขาก็เริ่มคลอ คนตัวเล็กที่ยืนฟังอยู่หน้าประตูห้องก็วิ่งเข้ามาและกอดด้านหลังดูจุนแน่น
“ฮึก..ดูจุน ฮือ ดูจุนอย่าเป็นอย่างนี้สิ ฮือ” ดูจุนหันหน้าไปมองคนตัวเล็กที่ยืนร้องไห้ขี้มูกไหลอย่างเด็กน้อย
“ฮ่าๆ โยนั่นแหละอย่าร้องไห้สิ ดูจุนกำลังให้กำลังใจตัวเองอยู่ไง” ดูจุนเลยดึงร่างเล็กไปกอดอย่างปลอบใจ
“การเป็นช่างกล้องอย่างมืออาชีพที่ดูจุนฝันเอาไว้ ดูจุน…ทำทุกอย่างเพื่อที่จะได้เป็นช่างกล้องดูจุนแค่นึกย้อนไปในสมัยก่อนที่พ่อแม่ดูจุนไม่อยู่แล้วดูจุนทำงานพาร์ทไทม์ไปทั่วเพื่อจะซื้อกล้องตัวนึงได้และกว่าจะมีร้านใหญ่ๆแบบนี้ ดูจุนแค่อยากกลับไปทำมันอีกครั้งเพื่อที่จะไม่ให้เรื่องในอดีตของดูจุนต้องศูนย์เปล่าไงโย”
“ฮือ…ฮึก…โอเคโยเข้าใจแล้ว แต่ตอนนี้โยอย่าให้ดูจุนพักก่อนได้ไหม? เชื่อโยได้ไหมดูจุน?” เมื่อเห็นน้ำตาของคนตัวเล็กร่างสูงเลยปาดน้ำตานั่นออกไปจากใบหน้าใส
“ครับ ^^ ดูจุนจะไม่ฝืนมันอีกเมื่อถึงเวลาดูจุนกลับไปใช้มันอีกรอบ”
“ขอบคุณนะดูจุน นั้นเราไปกินข้าวกันนะ” ดูจุนแกล้งหุบยิ้มให้กับโยซอบ
“อะไรอ่ะดูจุน”
“แหนะ กินเลยนะ”
“โหดูจุนอ่ะ ก็หิวอ่ะแถมวันนี้แม่จุนฮยองทำอาหารให้กินอีกโยกินเท่าไรก็มีซิกแพคนะจะบอกให้”
โยซอบแอบกระซิบเบาๆให้กับดูจุน
“หือ พุงมากกว่ามั้ง”
“ดูจุนอ่ะ…...”
“พี่ดูจุนพี่โยซอบกินข้าวได้แล้วน้า ทำไรกันอยู่เนี่ย” คนที่มาขัดจังหวะดูจุนกับโยซอบนั้นคือฮยอนซึงได้เข้ามาตามทั้งสองคนออกไปกินข้าว
“ไปกินกันข้าวกันโย”
“ป่ะ”
ทุกคนก็ออกมากินข้าวกันพร้อมหน้าพร้อมตาคราวนี้มีซัมดีและฮีชอลมากินด้วยแล้วก็แขกไม่ได้รับเชิญมาอีกหนึ่งคน
..มีร์ตักนู่นตักนี้ให้กับจุนฮยองแต่ไม่เป็นผลซะหรอกฮยอนซึงน่ะไม่ยอมให้ใครมายุ่งกับคนที่เขารักหรอกยิ่งเป็นแฟนเก่าของจุนฮยองยิ่งไม่ยอมเลย!
-----------------------------------------------------------------------------------------------------
“พ่อ! ผมไม่มีตังแล้วนะ! พ่อเลิกขอเงินผมสักที!” ร่างเล็กตะคอกใส่ผู้บิดาอย่างโมโห
“ไอ้กีกวัง! แกกล้าตะคอกใส่ฉันหรือไง! แกเอาเงินมาให้ฉันเลย”
“ผมไม่มีให้พ่อหรอกนะผมก็ให้พ่อไปหมดแล้วไง! จะเอาอะไรจากผมอีก!
พ่อเคยช่วยผมทำมาหากินบ้างไหม? วันๆก็อยู่แต่กับม้า
กินเหล้าไปวันๆผมเป็นคนต้องหาเงินคนเดียวแม่ก็ไม่สบายไหนผมต้องส่งน้องเรียนอีก
คนที่เป็นหัวหน้าครอบครัวมันพ่อไม่ใช่หรอ? ผมต้องรับหน้าที่เองทุกอย่างผมก็เหนื่อยเหมือนกันนะพ่อ”
“พี่กวังใจเย็นๆ” กีกวังไม่สนใจคำปลอบใจของน้องชายและเดินออกมาจากบ้าน..เขาเช่าบ้านอยู่บ้านอยู่บนเนินเขาสูง
ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาเลี้ยงครอบครัวของเขามาตลอดกว่าเขาจะสอบเข้ามหาลัยได้เขาต้องสอบชิงทุนเขาเลยได้รับสิทธิพิเศษ
และน้องชายของเขาก็ช่วยทำงานหาเงินมารักษาแม่ที่ปวดเป็นโรคหัวใจเขามีหลายๆอย่างที่เขาต้องรับผิดชอบ
“พี่กีกวัง” น้องชายเขาเดินมาจับบ่าพี่ชายเบาๆ “ผมไม่รู้จะช่วยพี่อย่างไงดี...”
“อึนกวัง..แกแค่ตั้งใจเรียนและก็สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ แค่นี้แกก็ช่วยพี่ได้เยอะเลย”
“ผมกังวัลอยู่ พี่ทั้งเรียนเก่งแต่ช่วงหลังๆพี่ไม่อยู่ติวให้ผมเลยนะ”
“เฮ้ย..ร้านพี่ฮีชอลพี่ทำกับพี่ฮีชอลแค่สองคนทั้งร้านนะวันหนึ่งลูกค้าก็เยอะพี่กะจะขอเงินยืมเงินพี่ฮีชอลมาจ่ายค่าเช่าบ้านก่อนติดเขาไว้สองเดือนแล้วเงินติดตัวก็มีแค่สามร้อย”
“เอ้อพี่!” อึนกวังควักเงินมาจากกระเป๋ากางเกงนักเรียน
เงินนั้นมีจำนวนทั้งหมดสองพันห้า “ผมเก็บได้แล้วก็เพิ่งแลกเขามาน่ะสองพันพี่ไปจ่ายค่าเช่าบ้านเมื่อเดือนที่แล้วนะส่วนห้าร้อยพี่ก็เก็บไว้แล้วกัน”
กีกวังยิ้มอย่างภาคถูมิใจที่น้องชายของเขาหาเงินได้
“แกเก็บไว้เถอะห้าร้อยน่ะเอาไว้กินที่โรงเรียน”
“โหพี่ผมก็มีไง” อึนกวังชู่แบงศ์ห้าร้อยให้กับกีกวังดู
“ป่ะเดี๋ยววันนี้พี่จะติวข้อสอบแล้วสอนการบ้านให้แกแล้วกัน”
“โอเคครับ!” ทั้งสองคนเดินเข้าในบ้านอย่างมีความสุขโดยไม่แคร์สายตาคนเป็นพ่อของเขาเลยสักนิด
------------------------------------------------------------------------------------------------
1 สัปดาห์ต่อมา…
สภาพหัวใจของแม่จุนฮยองตอนนี้ปกติดีทุกอย่างแล้วแถมยังดีขึ้นกว่าเดิมอีก
เขามีความสุขเมื่อเขาได้คุยกับสมาชิกใหม่อย่างฮยอนซึง
ได้เห็นฮยอนซึงอ้อนจุนฮยองเอานู่นเอานี้
ปากจุนฮยองก็บ่นตามนิสัยของเขาแต่ก็หยิบให้ฮยอนซึงอยู่ดี เขามีความสุขที่เห็นลูกชายของเขาก็มีความสุขถึงแม้ว่าจุนฮยองจะไม่แสดงออกทางสีหน้าออกมาแต่คนแม่ก็รู้อยู่ดีเพราะการกระทำของจุนฮยองมันบ่งบอกตลอด…แต่อย่างไงลูกชายคนเล็กยังไม่มีความสุขเขาก็ทุกข์ใจอยู่
เวลาที่ฮยอนซึงอยู่ที่ห้องดงอุนก็จะเป็นคนออกไปเอง…
“จุนฮยองงงงงงงงงงงงง ~
!!!! นายบอกฉันมาเดี๋ยวนี้แหวนที่ฉันซื้อให้ไว้ไหน” แสงใสตะโกนดังลั่นห้องของร่างสูงทำให้ข้างนอกก็ได้ยิน
“ทำไมนายต้องตะโกนด้วยเนี่ย”
และร่างสูงก็ก้มเก็บเสื้อผ้าต่อเพราะต้องออกเดินทางไปส่งแม่ของเขาคืนนี้
“ก็นายบอกว่าทิ้งไปแล้วทำไมเล่า แหวนนั่นมันแพงมากเลยนะฉันสั่งทำมาให้นายเลยนะ”
ร่างบางทำปากยู่ใส่ร่างสูงที่ยืนเก็บของอยู่
“ฉันล้อเล่น หึ ฉันรู้น่ามันแหวนอะไร แหวนคู่กับนายอ่ะสิ” จุนฮยองเดินไปยีหัวทุยแดงของฮยอนซึงและหันกลับเก็บของเหมือนเดิม
“แล้วนายเก็บมันไว้ไหนถ้านายไม่ใส่แต่ขออย่าให้นายทิ้งมัน” ฮยอนซึงเริ่มทำหน้าเศร้าเพราะตั้งนานมาจุนฮยองไม่เคยสวมแหวนวงนั้นไม่เคยเอ่ยถึงเลยนิ้วมือใส่แหวนอะไรก็ไม่รู้
“หึ” จุนฮยองไม่ตอบอะไรจับคางของฮยอนซึงขึ้นมาและปากหนาก็ประกบลงกับริมฝีปากบาง
จูบครั้งนี้ไม่ได้จูบแบบที่เขาสองคนเคยทำ
เป็นแค่จูบปกติแต่จุนฮยองก็ได้รสชาติหวานจากปากของร่างบางเหมือนเดิม
“ฉ..ฉันไปเก็บของก่อนนะ” ฮยอนซึงพูดน้ำสียงเขินๆที่เมื่อเจอจุนฮยองจูบไป
เขาเดินออกจากห้องของจุนฮยองเพื่อไปเก็บของที่ห้องของตนเอง …หลังจากที่ฮยอนซึงออกไป
เขาก็หยิบแหวนที่อยู่ในสร้อยคอของเขาออกมาดูและยิ้มคนเดียว..
“หือ ?” จุนฮยองสังเกตว่าข้างในแหวนมีตัวอักษรภาษาอังกฤษอะไรบ้างอย่าง
“H
งั้นหรอ..อืม..มันย่อ Hyunseung ? หึ
จริงๆเลยไอ้สวย หึ”
.
บรรยากาศในรถที่เงียบมีแสงไฟจากข้างทางและในโทรศัพท์ของฮยอนซึงที่ต้องคุยงานผ่านทางโซเซี่ยว
จุนฮยองเพิ่งจะขับรถออกมาและยังไม่เข้าเขตต่างจังหวัดเลยสักนิดเดียวเพราะในถนนกรุงโซลนี้ตอนเวลาหัวค่ำคนก็จะกลับบ้านและทำให้เกิดรถติดนิดหน่อย
“จุนฮยองลูก น่าจะมาส่งแม่พรุ่งนี้นะ
รถก็ติดเนี่ย” มารดาสงสัยทำไมลูกชายเขาถึงต้องมาส่งเขาตอนกลางคืนด้วย
“พรุ่งนี้ผมมีประชุมตอนบ่าย3น่ะ
แล้วหลังจากวันนั้นผมก็เริ่มให้ดงอุนอัดเสียง แล้วแกร้องเพลงได้ยังดงอุน”
“ก็จำได้บ้างแล้วพี่ เห็นเขาบอกว่าเพลงนี้ปล่อยเฉยๆไม่มีอะไรใช่ไหม?”
“อือ แต่ออกโชว์แกต้องร้องเพลงนี้แล้วก็เพลงคัมแบ๊คของแกที่ทำอยู่ทุกวันนี้”
ดงอุนพยักหน้าอย่างเข้าใจและความเงียบก็ปกคุมอีกรอบ
ฮยอนซึงที่ไม่รู้จะทำอะไรต่อไปรถก็เงียบเกินไปเขาเลยเปิดวิทยุฟังได้แค่ครึ่งเพลง
เพลงก็จบไปก็มีแต่เสียงดีเจชายหญิงที่คุยกันอย่างสนุก
‘อ่า คุณว่าไหมค่ะ? ส่วนใหญ่แล้วผู้ชายสมัยนี้เนี่ยจะปากแข็งไม่ค่อยพูดบอกรักกันมีแต่การกระทำอย่างนั้นคุณเป็นหรือเปล่าคุณอีทึก?’
‘เอ่อ..พี่กาอึนครับ ฮ่าๆ
ผมก็ไม่รู้สิครับผมยังไม่เคยมีแฟนแต่มันก็ต้องมีเขินบ้างนั่นแหละ เป็นผมก็คงเลือกการกระทำ
ฮ่าๆ” ฮยอนซึงก็เหมือนจะแกล้งจุนฮยองเล่นเพราะจุนฮยองไม่เคยบอกรักเขา
เขาคงเขินที่ไม่กล้าบอก แต่การกระทำช่วงนี้มันทำให้เขาเข้าใจบ้างนั้นแหละ
จุนฮยองที่แสนเย็นชาและนิ่งไม่แสดงออกอะไรมากมายอย่างไงจุนฮยองก็เป็นคนปากห้อยอยู่ดี?
เฮ้ย..
“จุนฮยอง”
“หืม?” จุนฮยองรับคำและหยิบคันเร่งสูงเมื่อออกมาจากกการรถติด
“นายเป็นอย่างนั้นหรือเปล่า?....” จุนฮยองหันมากระตุกยิ้มมุมปากนิดหน่อยและกดปิดวิทยุ…
“จุนฮยองระวัง!!!!”
เอี๊ยด!!
มีใครบางคนกำลังตัดหน้ารถของจุนฮยองทำให้ทุกคนในรถอึ้งและทำไรไม่ถูก
“จุนฮยองนายชนเขาหรือเปล่า!”
“เปล่านะ! ฉันแบกทัน”
“นั้นเราลงไปดูหน่อยเถอะ” ดงอุนเสริมขึ้นจุนฮยองและฮยอนซึงปลดเข็มขัดนิรภัยออกและเดินไปดูคนที่นั่งล้มอยู่หน้ารถ..และดงอุนก็เป็นประครองชายหนุ่มตัวเล็กที่ดูคุ้นๆ
“อ้าว! พี่กีกวัง” กีกวังหันไปสบตากับดงอุนเป็นดวงตาที่เศร้าราวเหมือนกับจะร้องไห้
“กีกวังหรอ ? กีกวังนายเป็นไรหรือเปล่า ?” ฮยอนซึงรู้ว่าเป็นกีกวังก็รีบเข้าไปหาแล้วสำรวจร่างกายว่ากีกวังเป็นอะไรหรือเปล่า
“เอ่อ..ผมไม่เป็นไรครับคุณฮยอนซึง”
“พวกนายไปขึ้นรถเถอะคนอื่นมองใหญ่แล้วก่อนปัญหาจะมา” ทุกคนก็รีบขึ้นรถดงอุนก็ประครองกีกวังมาเพราะเหมือนกีกวังขาเจ็บ
“เอ่อ..สวัสดีฮะ” เมื่อกีกวังขึ้นรถก็เห็นผู้ใหญ่อยู่บนรถเขารู้ว่าเป็นแม่ของดงอุงเลยต้องทำความเคารพอย่างสุขภาพ
“หนูเป็นไรหรือเปล่าจ๊ะ?” สายตาของแม่ดงอุนเป็นห่วงเป็นใยกีกวัง
แต่กีกวังยังไม่ทันได้ตอบดงอุนก็เสริมขึ้นมา
“ทำไมพี่ไปตัดหน้ารถอย่างนั้นล่ะ
ถ้าเกิดพี่จุนฮยองหยิบถึงสองร้อยพี่ไม่ตายพอดีหรอ? วันหลังพี่มองทางหน่อยสิครับ”
ดงอุนสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อเขารู้สึกเป็นห่วงกีกวังคำบ่นพวกนี้ต้องใช้กับคนที่สนิทเท่านั้น
“เอ่อ..ก็พี่เป็นแฟนคลับผมไงผมก็ต้องเป็นห่วงแฟนคลับผมอยู่แล้ว” กีกวังที่แต่เอาหน้าก้มหน้าตา
พอดงอุนบอกเขาว่าเป็นห่วงเขาเลยเงยหน้าขึ้นมามองใบหน้าคล้ายๆลูกครึ่งตะวันตกของดงอุน
เขาก็แค่แคนยิ้มแห้งๆให้ได้เท่านั้นเพราะสถานการณ์ของเขามันยิ้มไม่ออกจริงๆ
“เอ๊ะ ? หน้าพี่ไปโดนอะไรมาเป็นรอยนิ้วมือ” กีกวังจับใบหน้าของตัวเองและนั่งก้มหน้าเหมือนเดิม
“ขอน้าดูหน่อยสิ” แม่ดงอุนจับคางกีกวังอย่างเบาๆและจับหันหน้ามาและดูรอยนิ้วมือใหญ่บนใบหน้าเนียนของกีกวัง
“หนูคงเจ็บมากใช่ไหม?” แม่ดงอุนยิ้มให้กำลังใจกีกวัง แม่ดงอุนรู้ดีกว่าเป็นรอยนิ้วมือของผู้ชายและดูท่าทางแล้วจะมีปัญหากับครอบครัวแน่นอน
“ฮะ..ฮึก” กีกวังเริ่มปล่อยสะอื้นออกและจุนฮยองก็เริ่มออกรถเดินทางต่อไปเพราะอย่างไงทุกคนคงไม่ปล่อยให้กีกวังกลับไปหรอก
ก่อนหน้านั้น
‘คุณ…ฮือคุณเลิกดื่มเหล้าเลิกเล่นการพนันเถอะนะ..ฮือ
สงสารลูกบ้างเถอะ” น้ำเสียงอันเศร้าสร้อยของคนเป็นแม่ที่สงสารลูกชายคนโต
‘เหอะ! ฉันไม่สนใจอารายทั้งนานนนน….’ เสียงคนเมาโวยวายและเสียงร้องไห้สะอื้นของแม่ดังจนกีกวังที่เพิ่งกลับมาจากทำงานก็วิ่งตรงไปยังห้องนอนของแม่
‘พ่อ! จะทำอะไรแม่!’
‘แกอย่ามาเรียกฉานว่าพ่อ!
ไอ้ลูกบ้าอย่างฉานไม่มีลูกอย่างแก!’ กีกวังเดินไปประชันหน้ากับพ่อของตนเองโดยอย่างไม่เกรงกลัว
‘ผมควรจะพูดมากกว่านะ!
พ่ออย่างคุณผมก็ไม่อยากมี!’
เพี๊ยะ! ฝากมือใหญ่ตบเข้ากับหน้าเนียนของกีกวังทำให้กีกวังรู้สึกเจ็บปวดจนร้องไห้ออกมา
‘คุณ!
คุณตบลูกทำไม ฮือ’
‘แกไสหัวออกไปเลย!’ เมื่อจบคำเด็ดขาดของพ่อเขา
กีกวังเดินออกไปไม่สนใจอึนกวังน้องชายเขาเลย กีกวังเดินมาตลอดทางโดยที่ไม่มองอะไรเลยเหมือนตัวเองเดินอยู่คนเดียว
‘เฮ้ยยยย!’ แสงไฟจ้าและความเร็วที่พุ่งตรงมาอย่างเร็วทำให้กีกวังล้มลง
------------------------------------------------------------------------------------------
‘หนูกีกวัง เดี๋ยววันนี้พักที่บ้านน้าก่อนนะมันอาจจะเล็กไปหน่อยนะจ๊ะ’
“เอ่อ…^^ บ้านผมเล็กกว่าบ้านของคุณน้าอีกครับเขาว่าบ้านเล็กอยู่ด้วยกันจะอบอุ่นสำหรับผมไม่เคยอุ่นเลย….ขอโทษคุณน้าด้วยนะครับที่ทำให้ลำบาก” แม่ดงอุนเห็นอย่างนั้นก็อดสงสารกีกวังไม่ได้
“ไม่เป็นไรหรอกครับพี่ฮ่าๆ
แต่รับรองบ้านผมอุ่นกว่าแน่นอนพี่มีแต่เสียงหัวเราะเข้าบ้านกันเถอะอากาศหนาวมาก”
ทุกคนก็ต่างเข้าห้องนอนของตัวเอง ก็มีอยู่สองคนที่ยังเล่นเกมในไอแพดอยู่บนเตียง
ร่างบางก็นอนซบอกจุนฮยอง ส่วนจุนฮยองก็มองเจ้าหัวแดงนี้เล่นเกมอย่างสนุก
“หือ ฮยอนซึงอย่าเอาหัวมาตรงจมูกฉันสิ หัวนายไม่ได้สระหรือไง”
“มั่วแล้วยงจุนฮยอง! ฉันเพิ่งสระเมื่อวานเองหัวฉันไม่เน่าสักหน่อย
นี่แหนะ..โอ้ย! อะไรแข็งๆเนี่ย” ฮยอนซึงจะตีไปที่อกของจุนฮยองแต่มีของแข็งกันไว้อยู่
“หึ”
“อะไรอ่ะ ดูหน่อยสิ” ฮยอนซึงจะดึงสร้อยเส้นนั้นออกมาแต่จุนฮยองรั้งมือฮยอนซึงอยู่
“ฮยอนซึง นายอย่ายุ่งกับของฉันได้ไหมเนี่ย มันแพง”
“แต่..มันแข็ง” ฮยอนซึงได้ดึงออกมาจนได้เขาเห็นแหวนสองวงกำลังคล้องอยู่ในสร้อยเส้นเดียวกัน
เขารู้ว่าวงไหนเป็นของเขา แล้วอีกวงล่ะเป็นของใคร?
“อีกวงของใคร?” ฮยอนซึงมีสีหน้าน้อยใจอย่าเด่นได้ชัด
“เปล่าไม่มีไรหรอก” จุนฮยองก็เก็บสร้อยเส้นนั้นไว้ใต้เสื้อเหมือนเดิม
ฮยอนซึงก็เริ่มรู้แล้วว่าแหวนอีกวงเป็นของใคร มันก็คงเป็นของคนที่สำคัญคนเก่าแต่เขาก็ไม่ควรที่จะคล้องใส่ไว้ร่วมกับคนใหม่ และก็เงียบๆไปสักพักฮยอนซึงก็เป็นคนเริ่มบทสนทนาอีกรอบ
“แต่นายก็ไม่ควรใส่ไว้ร่วมกับของฉันนะ..นายยังลืมมีร์ไม่ได้หรอ?” จุนฮยองก็เงียบไปเหมือนกัน…
“อืม ตอนแรกฉันยังลืมมีร์ไม่ได้หรอกเพราะเขาเป็นคนแรกที่ฉันรักและแอบชอบ
แต่ฉันก็ยังแค้นใจในอดีต”
“แต่นายยังไม่ลืมมีร์อยู่ดี..นายจะมีฉันคนเดียวไม่ได้หรอจุนฮยอง?” ฮยอนซึงหันหน้ามาสบตากับจุนฮยองน้ำใสเริ่มคลอบนตาสวย มันคือคำขอร้องจากฮยอนซึงที่อยากจะเป็นคนรักของจุนฮยองคนเดียว
“โอเค” จุนฮยองจัดแจงถอดสร้อยออกและเอาแหวนที่ไม่ใช่ของฮยอนซึงออกไปวางไว้บนหัวเตียงและใส่สร้อยที่มีแหวนของฮยอนซึงเพียงผู้เดียว
“นายเต็มใจหรือเปล่า”
“หึ..ไม่เอาน่าฮยอนซึงร้องไห้ขี้มูกโป่งอีกแล้วนะนายไม่อายหรือไงที่ร้องไห้ต่อหน้าฉันเนี่ย
จมูกแดงแล้ว” จุนฮยองยิ้มออกมานิดหน่อยและเช็ดน้ำตาใสที่เปื้อนบนใบหน้าสวยออกให้หมด
“นายไม่น่าไว้ใจไง” ฮยอนซึงพูดติดตลกแต่ไม่ได้พูดจริงจัง
“นั้นจงไม่ไว้ใจต่อไป”
“เฮ้ยเดี๋ยว..นั่นมันคำพูดฉันนิ” ฮยอนซึงจำได้ว่าคำนี้เป็นของเขาที่เคยแกล้งจุนฮยองว่า
‘นั่นนายจงงงต่อไปเถอะ’
“หนาวไหม ?” จุนฮยองที่นั่งพิงหัวเตียงอยู่ก็ลุกขึ้นมาและขยับเข้ามาใกล้ร่างบางแล้วกอดแบบลวมๆ
“หนาวมากกกกกก…จุนฮยองตอนนี้ฉันหิวอ่ะ แฮร่ๆ^^”
เมื่อฮยอนซึงพูดถึงเรื่องกิน จุนฮยองคลายกอดทันทีและแกล้งทำเป็นนอนหลับ
“นี่ นายฉันหิวจริงๆนะตอนเย็นกินแค่นิดเดียวเอง”
“เฮ้ย….ตรงไหนของนายฉันเห็นนายกินข้าวตั้งสองถ้วย
นี่นะนิดเดียว?”
“นิดเดียวจริงๆ ฮ่าๆ นายอ่ะฉันหิวนะๆออกไปเป็นเพื่อนก็ยังดี” ปากจุนฮยองก็ยังบ่นเหมือนเดิมแต่ก็เดินนำฮยอนซึงไปด้วย
แต่ฮยอนซึงไม่ได้เดินตามเขาเข้ามาในห้องครัว
“นายทำอะไรน่ะ?” จุนฮยองมองฮยอนซึงที่แอบมองอะไรอยู่ข้างนอกไม่รู้
“นายว่ากีกวังกับดงอุนเป็นอะไรกันหรือเปล่า?”
“นี่นายแอบดูน้องฉันหรอเนี่ย อย่าไปยุ่งกับพวกเขาเลยนายยุ่งอยู่กับราเม็งของนายเถอะจะกินหรือเปล่าพรุ่งนี้ฉันไม่อยากตื่นสาย”
ฮยอนซึงยังคงแอบดูกีกวังกับดงอุนที่นั่งเล่นกันอยู่แต่ยังไม่ได้เริ่มบทสนทนาอะไรทั้งสิ้น
ฮยอนซึงแค่อยากรู้เผื่อสองคนนั้นชอบกันเขาจะได้ช่วยเหลือกีกวังได้
และอีกอย่างเขาก็อึดอัดที่ดงอุนต้องมาชอบเขาและทำหน้าไม่มีความสุขตลอดเวลา
“ทำไมพี่ออกมานั่งข้างนอกล่ะครับ
อากาศมันหนาวนะ” คนอยู่ข้างในก็เถียงเป็นลมปากสุดท้ายจุนฮยองก็นั่งฟังด้วยอีกคน
“ก็นอนไม่หลับน่ะ …แล้วทำไมนายไม่นอนสักที”
“ผมก็นอนไม่หลับครับ ผมเห็นพี่เดินออกมาจากห้องนอนผมเลยเดินตามออกมา”
กีกวังอยากจะเขินแต่ก็เขินไม่ออกอยู่ดีเพราะในหัวยังคงเครียดในสิ่งที่ครอบครัวของเขาที่กำลังเป็นอยู่
“พี่อยากจะ..เอ่อ..ระบายอะไรกับผมไหมครับ” ดงอุนก็อยากจะรู้เรื่องที่เกิดกับกีกวังเขาอยากรู้ว่ากีกวังเป็นอะไรทำไมไม่สดใสเมื่ออย่างที่เขาเจอบ่อยๆ
“ฉันมีปัญหากับครอบครัวของฉันนิดหน่อยน่ะ”
#ในบ้าน
“จุนฮยอง ฮยอนซึงลูกทำอะไรกันน่ะ” แม่ของสองพี่น้องเดินออกมาจากในห้องนอนเพื่อจะออกมาเข้าห้องน้ำแต่ดันไม่เจอดงอุนกับกีกวังอยู่ในห้องพอดีและกะจะออกมาตามหา
“ลูกเห็นกีกวังกับดงอุนหรือเปล่าเขาไม่ได้อยู่ในห้องแม่”
“เอ่อ…เขาสองคนอยู่ในข้างนอกฮะคุณแม่
เหมือนกีกวังจะมีปัญหากับครอบครัว” สาววัยกลางคนนี้ก็อยากจะรู้เรื่องพอๆกับฮยอนซึงเลยเดินมานั่งแอบมองเหมือนกัน
“อ้าวเอาเข้าไป..แม่จะรู้เรื่องของทั้งสองคนทำไมเนี่ย”
“นิ ตาพ่อโปรดิวเซอร์&ผู้จัดการส่วนตัวของดงอุน
ดิฉันไม่ปริปากเอาเรื่องนี้ไปบอกใครหรอกค่ะ” แม่จุนฮยองพูดสำเนียงฮาๆทำเอาฮยอนซึงต้องหลุดขำเพราะแม่จุนฮยองเป็นตลกแต่ก็ไม่น่าเป็นโรคหัวใจ
“แม่ไปฝึกมาจากไหนเนี่ย-.-“
“ก็ลูกนั่นแหละจะเป็นใครได้ จุ๊จุ๊ แม่อยากรู้เรื่องราวของกีกวังน่ะ
แม่ก็รู้ว่าเขามีปัญหากับครอบครัวแน่นอน”
“ฉันขอโทษนะที่มาให้ลำบากครอบครัวของนาย” กีกวังก็รู้สึกผิดที่เขาต้องมาเป็นส่วนเกินของบ้านดงอุนและกีกวังก็คิดว่าเขาเองไม่สมควรที่มาอยู่ตรงนี้เลย
“พี่กีกวัง พี่คิดมากแล้วครับ” ดงอุนยิ้มกว้างให้กับกีกวัง
“ไม่ลำบากอะไรเลยครับ วันนี้พี่ชายผมเกือบขับรถชนพี่และดูเหมือนพี่จะมีปัญหาอยู่ผมคิดว่าพี่คงไม่ไหนไม่ได้”
“ใช่ ฉันไม่มีที่ไป..ถ้าฉันกลับไปฉันคงเจอคนแย่ๆที่ฉันไม่อยากเจอ..”
กีกวังเริ่มก้มหน้าก้มตาอีกครั้งแต่ดงอุนยังคงมองกีกวังด้วยความสงสารเหมือนเดิม
“ใครกันหรอครับ ? พี่พอจะเล่าให้ผมฟังได้ไหม?”
กีกวังเงียบไปสักพักหนึ่งและเอ่ยขึ้นพร้อมเล่าประสบการ์ณของตัวเองทั้งหมด
“ฉันน่ะ..เป็นเด็กที่โชคร้ายที่สุดที่ไม่ได้เกิดมาอยู่ครอบครัวที่มีความสุข
ถึงแม้ฉันจะจนแต่ขอให้มีความสุขก็พอแต่นี่ทั้งจนและไม่มีความสุข
ฉันเริ่มทำงานหาเงินตั้งแต่ม.4 พ่อฉันติดการพนันและเหล้า
จนหนี้เต็มไปหมดแต่เขาก็ยังไม่เลิกทำอย่างนั้นอยู่ดี
พอช่วงหลังๆแม่ของฉันปวดเป็นโรคหัวใจ...”
“โอ้ะ จริงหรอครับ?
“อือ เป็นเหมือนแม่นายใช่ไหมล่ะ” กีกวังรู้ดีว่าแม่ของดงอุนก็เป็นโรคหัวใจเหมือนกันเพราะเขาดูรายการที่ดงอุนไปออกพร้อมกับแม่ของเขาและดงอุนก็เล่าว่าแม่ของเขาเป็นโรคหัวใจอยู่
“นี่พี่รู้ด้วยหรอครับ”
“อืมรู้สิ ฉันเป็นแฟนคลับนายนะ” กีกวังหันมายิ้มให้กับดงอุนแต่เป็นรอยยิ้มที่แห้งๆเท่านั้น
“อ่อใช่ๆ
แล้วมันอย่างไงต่อครับแม่ของพี่เป็นไงบ้างเขาปวดหัวใจบ่อยหรือเปล่า”
“ปวดบ่อยร้องไห้บ่อยได้แต่ยามากินเพราะฉันไม่มีเงินที่จะรักษาแม่ของฉันได้”
“ผมช่วยพี่ได้ไหมครับ” ดงอุนถามด้วยความที่อยากจะช่วยเหลือจริงๆจากใจ
“ไม่ต้องหรอกดงอุน ฉันอยากจะหาเงินด้วยตัวเองน่ะ ฉันไม่ยืมใครอีกแล้ว
ขอบคุณดงอุนที่ฟังฉันบ่นเรื่องไร้สาระอย่างนี้ ฉันง่วงล่ะฉันไปนอนก่อนนะ”
กีกวังลุกขึ้นเดินกำลังจะเดินเข้าไปในบ้าน
พอคนในบ้านเห็นก็รีบออกมาจากตรงนั้นและต้มราเม็งกันกินทันที
กีกวังเดินเข้าบ้านมาโดยที่ไม่ได้สนใจใครเลย
เขาทุกข์ที่ต้องมีคนมาให้ความช่วยเหลือไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากรับแต่ว่าเขาจะชดใช้ให้เมื่อไรนี่สิ…ปัญหา ทางที่ดีเขาช่วยตัวเองดีกว่า
ขอบคุณนะดงอุน
B E A U T Y ♥ B E A S T
ความคิดเห็น