ทางเลือก - ทางเลือก นิยาย ทางเลือก : Dek-D.com - Writer

    ทางเลือก

    ดีหรือร้าย ซ้ายหรือขวา ใช่หรือไม่ ทาง...ที่ต้องเลือก

    ผู้เข้าชมรวม

    685

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    685

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  รักอื่น ๆ
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  11 มิ.ย. 54 / 10:53 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

    เรื่องสั้นเรื่องนี้แต่งขึ้นเพื่อเข้าประกวดเรื่องสั้นสะท้อนสังคมในบอร์ดนักเขียนค่ะ อาจจะไม่ได้ดีอะไรมากแต่อยากให้สาวๆมาอ่านกันเยอะๆนะคะ^^
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

                                                                                         ทางเลือก

       

                      เสียงร้องไห้โยเยของเด็กทารกแว่วมาตามลม คล้ายจะเร่งเร้าให้ผู้เป็นมารดาไปหา เด็กสาวในชุดคนไข้เดินออกไปที่ระเบียงแล้วปีนออกไปนั่งบนรั้วปูนของระเบียง สายลมอ่อนๆพัดเส้นผมสีเข้มของเธอเองปลิวระใบหน้า ดวงตาที่ควรจะทอประกายสดใสตามวัยกลับมีเพียงความเฉยชาที่แฝงความเจ็บปวดรวดร้าวไว้ภายใน สายลมพัดมาแรงขึ้นแต่เด็กสาวที่นั่งหมิ่นเหม่อยู่บนรั้วไม่มีทีท่าว่าจะเกรงกลัวต่อการตกลงไปจากตึกเจ็ดชั้นแม้แต่น้อย เสียงงอแงของทารกน้อยแว่วมาดังขึ้น เด็กสาวหลับตาลงแล้วเอ่ยในใจ

                      ไปหาเดี๋ยวนี้ล่ะจ้ะ... ลูกแม่...

                      แล้วเธอก็ทิ้งตัวลงไปจากระเบียง

       

                      วันนั้นเป็นวันเกิดพิมพ์ เมฆแฟนเธอพาเธอไปเลี้ยงข้าววันเกิดที่ร้านแถวบ้านเขา พิมพ์มีความสุขกับวันเกิดปีนี้มาก ปีนี้เธอมีเมฆมาคอยดูแลเอาใจใส่ ไม่ต้องฉลองเหงาๆอยู่บ้านคนเดียว ทางร้านเปิดเพลงแฮปปี้เบิร์ดเดย์ให้เธอด้วย แม้จะเขินคนอื่นแต่เธอก็มีความสุขมาก เพิ่งจะบ่ายสองเท่านั้นเมื่อเมฆบอกว่าพี่สาวโทรมาให้ไปไขกุญแจบ้านให้หน่อย

                      พี่มิ้นลืมของไว้น่ะพิมพ์ ที่บ้านไม่มีใครอยู่เลย เราไปเปิดบ้านให้พี่มิ้นกันก่อนเถอะ คงไม่นานหรอก บ้านเมฆอยู่ตรงนี้เอง แล้วเดี๋ยวเมฆพาพิมพ์ไปเลือกของขวัญที่ห้างนะ

                      พิมพ์พยักหน้ารับอย่างว่าง่าย เธอเดินตามเมฆเข้าไปในบ้านของเขาและนั่งรอเขาในห้องนั่งเล่น ขณะที่เขาคุยโทรศัพท์กับพี่สาว

                      พี่มิ้น เมฆดูแล้วไม่เห็นมีกระเป๋าถือพี่เลย ไหนว่าลืมไว้บนโต๊ะกินข้าวไง... อ้าว แล้วก็ไม่บอก โอเค แค่นี้นะ

                      เมฆเดินยิ้มเข้ามาหาเธอ เขาพูดขำๆว่า

                      เราไม่น่าเสียเวลามานี่เลย พี่มิ้นเขาละเมอเอง ไม่ได้ลืมกระเป๋าไว้ที่บ้านหรอก ทำกระเป๋าถือตกอยู่ในรถต่างหาก

                      พิมพ์ยิ้มตาม ก่อนเมฆจะพูดอวดๆว่า

                      เมฆมีอะไรให้ดูแน่ะ หลับตานะแล้วตามเมฆมา

                      พิมพ์หลับตาแล้วเดินจูงมือเมฆไปอย่างไว้ใจ เมฆคงพาเธอมาอยู่หน้าห้องห้องหนึ่งเพราะเธอได้ยินเสียงเปิดประตู

                      ลืมตาได้ครับผม

                      พิมพ์ลืมตาและเห็นตุ๊กตาหมีตัวเบ้อเร่อนั่งอยู่บนเตียงพร้อมการ์ดอันใหญ่เขียนว่า Happy Birthday To You

                      สุขสันต์วันเกิดนะพิมพ์

                      เมฆยิ้มกว้างแล้วรุนหลังพิมพ์ให้เข้าไปในห้อง พิมพ์เดินเข้าไปกอดตุ๊กตาหมีตัวนั้น ไม่ทันได้สังเกตเลยว่าเมฆปิดประตูห้องและล็อคห้องอย่างแผ่วเบา

                      ขอบคุณนะเมฆ พิมพ์ชอบมันมากเลย

                      พิมพ์ยิ้มดีใจอย่างเด็กๆ เธอกำลังลูบขนของตุ๊กตาหมีเล่นสนุกมือเมื่อรู้สึกถึงแขนของเมฆที่สวมกอดเธอ เธอหันไปมองพร้อมถาม

                      เมฆ ทำอะไร...

                      เมฆจูบเธอแล้วกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น เขากระซิบเบาๆ

                      เมฆรักพิมพ์นะ รักมากเลย พิมพ์ให้เมฆได้มั้ย

                      พิมพ์หน้าแดง เธอรู้ดีว่าเขาหมายถึงอะไร เธอค้านตะกุกตะกัก

                      ตะ...แต่เมฆ... พิมพ์...พิมพ์ไม่...

                      เมฆปล่อยพิมพ์ทันที เขาแกล้งหันหน้าหนีแล้วพูดเสียงเศร้าๆ

                      ไม่เป็นไร พิมพ์ไม่รักเมฆ ไม่อยากให้เมฆไม่เป็นไร เมฆเข้าใจ

                      พิมพ์ไม่ได้ไม่รักเมฆนะ แต่ว่า...

                      พิมพ์รักเมฆมั้ย ถ้ารักเมฆ เมฆขอไม่ได้เลยเหรอ ครั้งเดียวนะ นะ

                      สายตาอ้อนวอนของเมฆทำเธอใจอ่อน เธอรักเขา เมฆแสนดีกับเธอเหลือเกิน อีกอย่าง เขาก็บอกเองว่าแค่ครั้งเดียว คงไม่เป็นไร พิมพ์ก้มหน้านิ่งอยู่ครู่ก่อนจะพยักหน้านิดๆ เมฆลอบยิ้มอย่างสมใจ เขาขยับเข้าไปชิดแฟนสาว ไม่กี่นาทีหลังจากนั้น ตุ๊กตาหมีก็ถูกโยนลงไปกองกับพื้นอย่างไม่ไยดี

       

                      เย็นวันนั้นเมื่อพิมพ์กลับบ้านก็ต้องประหลาดใจที่เห็นทั้งพ่อทั้งแม่อยู่พร้อมหน้า ปกติแล้วพ่อแม่เธอทำงานหนักทั้งวัน ไม่ค่อยได้เจอกัน เธออยู่บ้านด้วยความรู้สึกว่าไม่ต่างจากอยู่คนเดียวมาตลอด

                      “ไปไหนมาจ้ะพิมพ์”

                      แม่ของเธอถามขึ้นก่อน พิมพ์ก้มหน้าก่อนจะตอบไปตามตรง

                      “ไปกินข้าวกับเพื่อนมาค่ะ เขาเลี้ยงวันเกิด...”

                      พ่อของเธอแทรกขึ้นมาทันที

                      “กินข้าวกับเพื่อนหรือกินข้าวกับแฟน ฉันเห็นนะว่าช่วงนี้แกมีผู้ชายเทียวรับเทียวส่ง ริจะมีผัวตั้งแต่ม.4รึไงพิมพ์ เดี๋ยวก็ท้องจนได้ แล้วพ่อแม่แกจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน เสียแรงเรียนเก่ง ฉลาดนักฉลาดหนา อย่ามาโง่เรื่องนี้ได้มั้ย ผู้ชายมันก็ดีแต่จะหลอกฟันเท่านั้นแหล่ะ ใช้หัวคิดซะมั่ง”

                      พิมพ์สะอึกแต่ได้แต่เก็บอาการไว้ข้างใน เธอเชื่อว่าเมฆไม่ได้คิดกับเธอแค่นั้น เขารักเธอ เธอก็รักเขา พิมพ์จึงโกหกเบาๆ

                      “พ่อขา เมฆไม่ใช่แฟนพิมพ์ค่ะ พิมพ์ยังไม่มีแฟน”

                      “อย่าให้รู้แล้วกันว่ามี ถ้าแกก่อเรื่องเสื่อมเสียขึ้นมานะพิมพ์ ไม่ต้องมาเรียกฉันว่าพ่อ!

                      “พิมพ์ไม่ทำหรอกคุณ ใช่มั้ยจ้ะ แม่เชื่อใจพิมพ์นะลูก”

                      พิมพ์น้ำตาซึมกับคำพูดของแม่และได้แต่ขอโทษแม่ในใจ

                      ขอโทษค่ะแม่ พิมพ์ผิดไปแล้ว แก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว...

       

                      แม้เมฆจะบอกว่าครั้งเดียว แต่เมื่อมีครั้งแรก ครั้งที่สอง สาม สี่ก็ตามมาง่ายๆและแทบทุกครั้งเมฆไม่ยอมป้องกันเลยจนเธอแอบกังวลเล็กๆ แต่เธอก็เลือนๆเรื่องนี้ไปเพราะเกือบสองเดือนหลังจากวันเกิด พิมพ์ต้องเรียนหนักเป็นพิเศษ นอกจากเรียนและทำการบ้านของที่โรงเรียนแล้ว เธอยังเรียนพิเศษและอ่านหนังสือเพิ่มเติมเพราะทางโรงเรียนเพิ่งประกาศว่ามีทุนจากรัฐบาลจำนวนหนึ่งทุน ส่งนักเรียนสายศิลป์ภาษาอย่างเธอไปเรียนต่อต่างประเทศตลอดปีหน้าทั้งปี พิมพ์กระตือรือร้นมาก การได้ไปเรียนต่อต่างประเทศเป็นใบเบิกทางสู่อนาคตที่ดีและเธอเองก็ใฝ่ฝันมานานแล้วด้วย เธอจึงมุ่งมั่นเต็มที่ จนลืมเรื่องที่เธอเคยกังวลไปหมดและไม่ได้ทันสังเกตสักนิด ว่าช่วงนี้เธอกินจุขึ้น หิวง่ายขึ้น คิดเพียงว่าเพราะช่วงนี้เธออ่านหนังสือสอบจนดึกดื่นก็ต้องหิวเป็นธรรมดา และที่สำคัญเด็กสาวไม่ได้สังเกตเลยว่าประจำเดือนเธอเดือนนี้ขาดหายไป จนกระทั่งสอบชิงทุนเสร็จได้ร่วมสองอาทิตย์นั่นแหล่ะ เธอถึงได้เอะใจ พิมพ์นับดูแล้วเริ่มกังวล ประจำเดือนเธอขาดไปเกินสามอาทิตย์แล้ว

                      พิมพ์หน้าซีดเผือด มือสั่นระริก เมื่อเครื่องตรวจครรภ์ในมือเธอปรากฏขีดขึ้นสองขีด เด็กสาวมือไม้สั่นหยิบกล่องมาดูอีกครั้งด้วยหวังว่าเธอจะเข้าใจผิดไป แต่ที่กล่องก็เขียนไว้ชัดเจนจนเธอรู้สึกเหมือนเรี่ยวแรงถูกสูบเหือดหายไปหมดในพริบตา พิมพ์ไม่คิดเลยว่าเธอจะเป็นแม่คนได้ง่ายดายขนาดนี้ เด็กสาวเดินโผเผออกจากห้องน้ำและรีบโทรไปหาเมฆอย่างมึนชา

                      “เมฆ เมฆ พิมพ์มีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย”

                      “มีอะไรเหรอพิมพ์ พูดมาสิ”

                      พิมพ์สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะพูดออกไป

                      “พิมพ์ท้องเมฆ พิมพ์ท้อง”

                      เสียงปลายสายเงียบไป ก่อนจะถามขึ้นว่า

                      “รู้ได้ไงว่าท้องน่ะพิมพ์”

                      “พิมพ์เพิ่งตรวจกับชุดตรวจครรภ์มาเมื่อกี้เองเมฆ”

                      เมฆเงียบไปอีกพักใหญ่ ก่อนจะพูดขึ้นอีกครั้ง

                      “พิมพ์ ขอเวลาให้เมฆคิดหน่อยว่าจะยังไงดี นะพิมพ์นะ รอเมฆโทรไปหานะ อย่ากังวล เมฆจะหาทางออกเอง”

                      “พิมพ์กลัว พิมพ์กลัวจังเมฆ เราจะทำยังไงกันดี ถ้าพ่อพิมพ์รู้ พ่อพิมพ์ต้อง...”

                      “พิมพ์อย่ากลัวเลย มันต้องมีทางออกอยู่แล้ว เชื่อเมฆเถอะ”

       

                      เวลาผ่านไปอีกหนึ่งอาทิตย์โดยไร้ข่าวคราวใดๆจากเมฆ พิมพ์กระสับกระส่ายอยากโทรไปหาเขาใจจะขาดแต่เพราะเคยโทรไปหาเขาแล้วครั้งหนึ่งแต่กลับโดนเมฆฉุนเฉียวใส่จนเธอตกใจ เธอจึงไม่มีทางเลือกอื่นใดนอกจากรอเขาติดต่อมา พิมพ์เชื่อว่าเมฆจะไม่ทิ้งเธอไปไหน เมฆรักเธอ เธอก็รักเมฆ เพียงแต่เขาคงจะเครียดถึงได้หงุดหงิดใส่เธอ เธอเชื่อว่าสุดท้ายแล้วเมฆคงจะตัดสินใจเหมือนที่เธอคิดไว้ในใจ เมฆคงจะพาพ่อแม่เขามาขอเธอ เขากับเธอจะได้อยู่ด้วยกัน ช่วยกันเลี้ยงลูก เธออาจจะต้องเลิกเรียนกลางคัน ถึงแม้โอกาสจะได้รับทุนมันจะยั่วยวนใจสักแค่ไหน แต่ถ้าแลกกับการได้อยู่กับเมฆและลูก แม้จะต้องถูกพ่อกราดเกรี้ยวใส่มันก็คุ้ม อีกอย่างถ้าเมฆพาพ่อแม่มาขอเธอจริงๆ พ่อก็คงจะไม่โกรธมากนักล่ะมั้ง ยังไงลูกเธอก็คือหลานของพ่อนี่นะ

                      พิมพ์ก้มลงมองหน้าท้องของตัวเอง ยังไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนไปจากปกติ ไม่น่าเชื่อว่าลูกของเธอจะอยู่ในตัวเธอนี่เอง พิมพ์ลูบท้องตัวเองเบาๆและยิ้มออกมาอย่างมีความสุขกับความฝันที่วาดไว้ในใจ ลูกเธอจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายกันนะ แล้วจะเหมือนพ่อหรือเหมือนแม่...

                      เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นขัดจังหวะความคิดของเธอ พิมพ์รีบรับทันที

                      “พิมพ์เหรอ”

                      “ใช่ พิมพ์เองเมฆ”

                      “เมฆคิดทางออกได้แล้วนะพิมพ์”

                      “จะทำยังไงเหรอเมฆ”

                      “เมฆมาเรียนต่อต่างประเทศแล้ว แต่พิมพ์ไม่ต้องรู้หรอกว่าประเทศไหน ไม่ใช่ประเทศเดียวกับที่พิมพ์ไปสอบชิงทุนอยู่แล้ว เมฆจะตั้งใจเรียน สร้างอนาคตดีๆ พิมพ์ก็พยายามเข้าละกันนะ”

                      พิมพ์ชะงัก เธอไม่แน่ใจว่าเมฆตั้งใจจะหมายความว่ายังไง

                      “เมฆ หมายความว่าไงน่ะ ให้พิมพ์พยายามเข้า...”

                      “ก็พยายามหาทางออกเข้าสิ เมฆมีทางออกของเมฆแล้ว พิมพ์จะทำยังไงกับเด็กก็ตามใจพิมพ์ละกันนะ จะเก็บไว้หรือจะเอาออกก็เรื่องของพิมพ์”

                      “เอาออกเหรอเมฆ เมฆพูดอย่างนี้ได้ยังไง นี่ลูกเมฆนะ ลูกของเรา...”

                      “ลูกเมฆแน่รึเปล่าก็ไม่รู้ พิมพ์อย่ามาอ้างหน่อยเลย”

                      เหมือนถูกทุบเปรี้ยงเข้าที่ศีรษะ พิมพ์ชะงัก เจ็บแปลบที่ใจทันที น้ำตาคลอหน่วยขึ้นมาเมื่อเข้าใจแล้วว่าคนที่เธอรักคิดยังไง

                      ...ที่เขาขอเวลาคิดหาทางออก มันไม่ใช่เพื่อเธอกับลูก แต่เพื่อตัวเขาเองเท่านั้น...

                      “ทำไมพูดอย่างนี้ล่ะเมฆ พิมพ์ไม่เคยมีใครนอกจากเมฆ พิมพ์รักเมฆ รักลูก...”

                      แต่เมฆพูดแทรกเสียงแผ่วหวิวสั่นเครือของเธอด้วยน้ำเสียงรำคาญอย่างชัดแจ้ง

                      “ถ้ารักฉันนะพิมพ์ ก็ปล่อยฉันไปมีอนาคตที่ดีสิ แล้วถ้ารักลูก ก็เชิญเก็บลูกเอาไว้ตามสบายเลย แต่อย่ามายัดเยียดให้ฉันเป็นพ่อซะให้ยาก เธอง่ายกับฉันได้ เธอก็ง่ายกับคนอื่นได้ แค่นี้นะ แล้วไม่ต้องติดต่อฉันอีกล่ะ”

                      เสียงวางหูไม่เคยดังเท่านี้มาก่อนสำหรับพิมพ์ เธอค่อยๆทรุดตัวลงนั่งกับพื้น ก่อนจะฟุบหน้าลงกับเตียงแล้วร้องไห้สะอึกสะอื้นมาอย่างคนใจสลาย

                     

      พิมพ์ยืนซื้อของอยู่ที่ร้านขายของชำใกล้บ้าน ฝั่งตรงข้ามของร้านเป็นบ้านหลังเล็กๆหลังหนึ่ง มีเด็กสาวที่อายุไล่เลี่ยกับเธอนั่งเล่นบนม้าหินอ่อนหน้าบ้านพร้อมเด็กชายตัวกลมป้อมวัยไม่กี่เดือนบนตัก เด็กชายหัวเราะเอิ้กอ้ากชอบใจเมื่อผู้เป็นแม่เล่นด้วย เธอมัวแต่มองจนป้าร้านขายของชำหันมาเห็นเข้า

                      “อ้าว ไงจ้ะหนูพิมพ์ ยังได้ของไม่ครบเหรอจ้ะ เอาอะไรเพิ่มมั้ย”

                      “อ๋อ เปล่าหรอกค่ะ แค่กำลังคิดว่าเด็กคนนั้นน่ารักดีน่ะค่ะ”

                      ป้าขายของชำมองตามด้วยสายตารังเกียจก่อนพูด

                      “ลูกดาวเขาไง คลอดเมื่อปลายปีนี่เอง ไม่รู้พ่อมันไปอยู่ไหน ดาวเลยต้องเลี้ยงลูกคนเดียว”

                      พิมพ์มองเด็กสาวตรงหน้าอย่างเห็นอกเห็นใจมากขึ้น

                      “น่าสงสารนะคะ ต้องมาเลี้ยงลูกคนเดียว โดนผู้ชายทิ้งอย่างนี้”

                      “แหม หนูพิมพ์ใจดีไปแล้ว ผู้ชายมันอาจจะทิ้งเพราะไม่แน่ใจว่าใช่ลูกมันรึเปล่าก็ได้ ลงดาวมันท้องได้ตั้งแต่อายุแค่นี้ ไม่รู้ผ่านผู้ชายมาแค่ไหน ป้าจะบอกให้นะหนู ผู้หญิงเราถ้าไม่รักนวลสงวนตัวเสียอย่างนะ ก็ไม่มีอะไรดีหรอก ดาวมันก็ไม่ได้เรียนเก่งอะไร เรียนปวช.ยังไม่จบปีแรกเลย มันคงคิดว่าหาผัวง่ายกว่าล่ะมั้ง”

                      “เขาอาจจะโดนหลอกก็ได้นี่คะ คงไม่ตั้งใจจะให้ท้อง...”

                      “โง่เองน่ะสิหนู โดนผู้ชายฟันแล้วทิ้งก็อย่างนี้แหล่ะ ตัวเองง่ายเองจะไปโทษใครเขาได้ แล้วนังดาวมันก็แรดจะตาย ชอบใส่ขาสั้น เสื้อตัวนิดเดียว ป้าเห็นแล้วจะเป็นลม สาวๆสมัยนี้ชอบเอาอย่างฝรั่งมังค่ากันจริงๆ แล้วพอท้องไม่มีคนรับจะทำไงได้ นอกจากจ่ายค่าความโง่ความง่ายของตัวเองด้วยการก้มหน้าก้มตาเลี้ยงลูกไปสิ สมควรแล้วล่ะหนู มันต้องอย่างหนูพิมพ์สิ ถึงจะเป็นเด็กดีของป้า”

                      พิมพ์ฟังแล้วอยากหัวเราะ อยากตะโกนใส่หน้าป้าว่าเด็กดีของป้าก็กำลังท้อง เด็กดีของป้าก็โง่เองง่ายเอง ถูกผู้ชายฟันแล้วทิ้งมาเหมือนกันแต่สิ่งที่ทำได้มีเพียงการฝืนยิ้มให้ แล้วเดินกลับบ้าน ทั้งพ่อทั้งแม่เธออยู่บ้านกันทั้งคู่อย่างหาได้ยาก แม่เธอที่กำลังดูรายการทีวีอยู่หันมาถาม

                      “ทำไมกลับมาช้าจังล่ะลูก”

                      “พิมพ์มัวแต่มองลูกดาวเขาน่ะค่ะ น่ารักดี”

                       พ่อของเธอที่กำลังอ่านหนังสือพิมพ์แทรกขึ้นมาทันทีทั้งๆที่ยังอ่านหนังสือพิมพ์อยู่

                      “อย่าไปเอาอย่างเขาล่ะ ถ้าฉันเป็นพ่อดาวมันฉันคงไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ไหนดี คนเขาจะมองกันยังไง แล้วฉันคงไม่ใจดีรับมารหัวขนนั่นไว้เป็นหลานหรอก”

                      พิมพ์สะเทือนใจอย่างแรง พ่อไม่คิดจะรักลูกของเธอเลยใช่มั้ย ถ้าพ่อไม่คิดจะรับลูกเธอไว้เป็นหลาน เธอจะทำยังไง ใครจะเลี้ยงเธอกับลูก ในเมื่อเมฆก็ทิ้งเธอไปเสียแล้ว เขาไม่ได้รักเธออย่างที่บอกแม้แต่น้อย

                      พิมพ์เอาของที่ซื้อมาไปเก็บในครัว สายตาเหลือบไปเห็นตั้งจดหมายเล็กๆบนโต๊ะกินข้าว เด็กสาวหยิบมาดู จดหมายฉบับหนึ่งเป็นจดหมายเรื่องทุนของเธอ เธอรีบแกะออกอ่านแล้วไม่รู้จะดีใจหรือเสียใจดี เธอได้ทุนที่เธอใฝ่ฝันแล้ว แต่เธอจะไปเรียนได้อย่างไร ในเมื่อเธอกำลังจะมีลูก

                      เธอจะทำอย่างไรดีหนอ...

                      พิมพ์ตัดสินใจกลับขึ้นห้องส่วนตัวไปเปิดหนังสือรุ่นตอนม.2และหาจนได้เบอร์เพื่อนสมัยนั้นมาคนหนึ่ง เธอไม่มีทางเลือกอื่นจึงตัดสินใจลองโทรไปหาคนๆเดียวที่เธออาจจะปรึกษาได้ดู

                      “ฮัลโหล นั่นใช่เมย์รึเปล่าคะ”

                      “ใช่ค่ะ นั่นใครคะ”

                      “เมย์ นี่พิมพ์นะ ไม่ได้คุยกันนานเลยเนอะ”

                      พิมพ์คุยสัพเพเหระอยู่พักใหญ่ กว่าจะรวบรวมความกล้าถามไป

                      “เมย์ ตอนนั้นฉันได้ข่าวว่าเธอท้องแต่ไปทำแท้ง จริงรึเปล่า”

                      พิมพ์ได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวจากฝั่งเมย์และเสียงปิดประตู ท่าทางเพื่อนเธอคงจะย้ายที่คุยล่ะมั้ง

                      “ทำไมอยู่ดีๆถึงถามล่ะพิมพ์”

                      พิมพ์อึกอัก เธอลืมคิดคำแก้ตัวเสียสนิท ความที่เป็นคนไม่เคยโกหกใครทำให้นึกไม่ออกว่าจะพูดอย่างไร แต่เมย์ก็รู้ทันขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ

                      “เธอท้องล่ะสิพิมพ์ ฉันนึกแล้วว่าสักวันคนใสซื่ออย่างเธอต้องโดนหลอกเข้าจนได้”

                      พิมพ์น้ำตาร่วงเผาะเมื่อเพื่อนจี้จุดเจ็บของเธอได้ตรงเผง เธอเอามือปิดปากกลั้นเสียงสะอื้น เมย์พูดปลงๆแต่แฝงความขมขื่นไว้จางๆ

                      ไอ้ผู้ชายมันคงบอกว่ามันรักเธอใช่มั้ยพิมพ์ แล้วเธอก็เชื่อ มันขอ พอเธอจะไม่ให้มันก็ว่าเธอไม่รักมัน ใช่มั้ยล่ะ

                      เสียงสะอื้นจากพิมพ์ดังขึ้นแทนการตอบรับ เมย์พูดเหมือนสั่งสอนแต่เสียงเธอก็ไม่วายสั่น

                      ฉันก็เหมือนเธอนั่นแหล่ะพิมพ์ โง่เชื่อมันซะได้ แล้วเป็นไง พอท้องมันก็ไม่รับ แล้วฉันจะทำยังไงได้ บ้านฉันจน ฉันมีน้องหลายคน ถ้าฉันไม่เรียนสูงๆ ใครจะหาเงินมาพอเลี้ยงครอบครัวฉันล่ะ

                      งั้นแปลว่า... เธอ...

                      ใช่ ฉันทำแท้งไปแล้ว

                      เมย์ ฉันจะทำยังไงดี ทำยังไงดี...

      เธอยังอยากเรียนต่อมั้ยพิมพ์

                      อยากสิ แล้วฉันก็เพิ่งได้ทุนไปต่อต่างประเทศ...

                      คิดง่ายๆแล้วกันนะ ถ้าเธอไม่ทำ เธออย่าหวังเลยว่าเธอจะได้เรียนต่อ แล้วคนอื่นล่ะ จะมองเธอยังไง เธออย่าฝันเชียวนะว่าทุกคนจะมองเธออย่างเดิมน่ะ ไม่มีทาง จากเด็กดีแสนดีเธอจะกลายเป็นเด็กเลวเด็กแรดขึ้นมาทันทีเลยล่ะ

                      พิมพ์นึกไปถึงคำพูดของป้าร้านขายของที่มีต่อดาว เธออ่อนลงและยิ่งอ่อนลงไปอีกเมื่อคิดถึงคำพูดของพ่อกับแม่ พ่อจะโกรธเธอสักแค่ไหน แม่ล่ะ แม่จะผิดหวังในตัวเธอมากมั้ย ถ้าเธอทำแท้งแล้วเรื่องนี้เงียบลง ชีวิตเธอกลับมาเป็นปกติ มีอนาคตที่ดีอย่างที่เธอเคยวาดหวังไว้ มันก็น่าจะดีแล้วไม่ใช่หรือ

                      พิมพ์ลูบหน้าท้องตัวเองเบาๆอย่างอาลัย ก่อนจะตัดใจถามเมย์ว่า

                      เธอไปทำแท้งที่ไหนเหรอเมย์

       

                      พิมพ์แตะที่หน้าท้องตัวเอง เม้มปากแน่นเมื่ออาการปวดคล้ายปวดประจำเดือนทวีขึ้น เธอปวดมานานเกือบชั่วโมงแล้ว ปวดๆหายๆถี่ขึ้นเรื่อยๆ พิมพ์ส่งเสียงครางออกมาเบาๆ พลันเธอรู้สึกได้ถึงของเหลวที่ไหลออกมาเลอะเทอะตามขาเธอเต็มไปหมด เธอทนต่อความปวดไม่ไหวแล้ว เด็กสาวพยายามเดินออกจากห้องตัวเองจนไปถึงห้องพ่อแม่ได้สำเร็จ พิมพ์มีแรงแค่เคาะประตู เธอได้แต่ยืนพิงผนังเอามือกุมท้องด้วยความปวดจนแม่เปิดประตูออกมา

                      พิมพ์ถูกพาไปโรงพยาบาลทันที ความเจ็บปวดทรมาณทำให้เธอจดจำได้เพียงเสียงของหมอกับพยาบาลและเลือดมากมายที่ไหลออกจากตัวเธอ หูเธอแว่วเสียงทารกน้อยร้องไห้ ก่อนเธอจะหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย

                      พิมพ์รู้สึกเหมือนกำลังอุ้มเด็กทารกตัวนิดๆไว้ในอ้อมแขน เธอก้มลงมอง ทารกผิวสีแดงระเรื่อกำลังร้องไห้งอแง พิมพ์ไกวแขนพยายามปลอบโยนจนเด็กน้อยหยุดร้อง เธอซบลงไปใกล้ๆทารกในอ้อมแขนเธอ คล้ายสายใยแม่ลูกก่อตัวเข้มแข็งขึ้นในทันใด พิมพ์รู้สึกรักและหวงแหนลูกน้อยของเธอเหลือเกิน แต่แล้วทารกน้อยก็กลายเป็นแค่เศษเลือดเศษเนื้อในมือเธอ พิมพ์ผวาตื่นทั้งน้ำตา ความรู้สึกสูญเสียยิ่งกว่าครั้งใดพุ่งเข้าจับใจเธอ

                      พิมพ์นึกทบทวนทุกสิ่งที่ผ่านมา เรื่องที่เธอท้องนั้น สุดท้ายก็ปิดไม่อยู่ เธอต้องออกจากโรงเรียน หมดสิทธิ์ที่จะได้ทุนที่เธอใฝ่ฝันไว้ พ่อโกรธเธอยิ่งกว่าครั้งไหนๆ แม่ที่เคยเชื่อใจเธอมากมายก็ผิดหวังในตัวเธอ เธอแทบไม่เหลืออะไรเลย ทุกคนที่รู้จักพากันมองเธอในแง่ร้าย แม้แต่เพื่อนสนิทเธอยังมองเธอด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป พิมพ์ร้องไห้สะอึกสะอื้น เนิ่นนานจนอาการสะอื้นจางลงเหลือเพียงความเหม่อลอย เธอคิดถึงลูกของเธอจับใจ ตอนนี้ลูกเธออยู่ที่ไหนหนอ เธออยากเจอลูกเหลือเกิน...

                      พิมพ์ลุกขึ้นจากเตียงช้าๆ เธอตรงไปที่ระเบียง...

       

                      สยอง สาวม.ปลายโดดตึกรพ.ดับ! เหตุต้องกลายเป็นคุณแม่วัยเรียน ลอบทำแท้งแต่ความแตก ถูกไล่ออกจากรร. เครียดจัดจึง...อ่านต่อหน้า 12

       

                      พิมพ์อ่านพาดหัวข่าวนี้ด้วยความสลดใจ เด็กสาวในข่าวคงมีชะตากรรมไม่ต่างจากเธอนัก แต่พวกเธอคงจะเลือกทางเดินชีวิตคนละสาย ผลลัพธ์ที่ได้จึงออกมาต่างกัน พิมพ์วางหนังสือพิมพ์ลง ก่อนจะหันไปมองรถเข็นคันเล็กๆที่พยาบาลเพิ่งเข็นเข้ามาให้เมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้ ลูกสาวตัวน้อยของเธอหลับปุ๋ยอยู่ในนั้น

                      พิมพ์ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข ความรักใคร่เอ็นดูท่วมท้นหัวใจ เธอเอื้อมมือลงไปแตะแก้มยุ้ยๆของทารกน้อย ฝันร้ายเมื่อวันที่เธอคลอดคงเกิดจากความรู้สึกผิดลึกๆในใจที่ก่อนหน้านั้นเธอเคยคิดจะทำแท้ง โชคดีเหลือเกินที่ตอนเธอคุยโทรศัพท์กับเมย์อยู่นั้น แม่เธอบังเอิญมาได้ยินเข้าพอดี เธอถูกแม่คาดคั้นจนต้องเล่าทุกสิ่งทุกอย่างให้แม่ฟัง ทั้งเรื่องที่เธอท้อง เรื่องที่เมฆไม่รับผิดชอบและทิ้งเธอไป เรื่องความกลัวการจะอุ้มท้องต่อไป เธอกลัวไม่ได้เรียนต่อ กลัวคนอื่นจะมองเธอไม่ดี กลัวพ่อโกรธ กลัวแม่ผิดหวัง

                      เด็กสาวรู้สึกว่าตัวเองโชคดีมากๆที่แม้แม่จะผิดหวังในตัวเธอบ้างแต่ก็ไม่โกรธและยังเข้าใจเธอ แม่เป็นคนปลอบโยนและช่วยเธอหาทางออกอื่นแทนการทำแท้ง แม่เป็นคนเล่าเรื่องของเธอให้พ่อกับญาติๆฟังพร้อมทั้งเกลี้ยกล่อมจนพวกเขาพอจะทำใจได้เรื่องเธอ พิมพ์ลาออกจากโรงเรียนและไปฝากท้องกับแม่ แม่ดูแลทุกเรื่องที่จำเป็นสำหรับเธอและลูก แม่ทำให้เธอเข้าใจถึงความรักของคนเป็นแม่ได้มากขึ้นและรักลูกของเธอมากขึ้นเสียจนเธอรู้สึกผิดเหลือเกินที่เคยคิดจะเอาลูกออก

                      พิมพ์ได้แต่นึกสงสารเพื่อนร่วมชะตากรรมในข่าว ถ้าเด็กสาวคนนั้นเลือกที่จะเก็บลูกเอาไว้อย่างที่เธอทำ อย่างน้อยแม้จะต้องเสียอนาคต อาจจะถูกตัดขาดจากครอบครัวแต่สุดท้ายก็ยังมีลูกที่น่ารักอยู่ใกล้ๆดีกว่าสูญเสียทุกอย่างไม่เหลืออะไรจนต้องจบชีวิตตัวเองลงอย่างน่าสงสารแบบนั้น

                      พิมพ์อุ้มลูกขึ้นมาอย่างทะนุถนอม หากผู้หญิงทุกคนที่เคยทำแท้งไปรู้ซึ้งถึงความรักของคนเป็นแม่อย่างที่เธอรู้ในตอนนี้แล้วล่ะก็...

                      พวกเธอจะไม่มีวันยอมเสียลูกไปเป็นอันขาด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง...ด้วยน้ำมือของตัวเอง...

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×