เวลาแห่งความสุข...(มักผ่านไปเร็วเสมอ) - เวลาแห่งความสุข...(มักผ่านไปเร็วเสมอ) นิยาย เวลาแห่งความสุข...(มักผ่านไปเร็วเสมอ) : Dek-D.com - Writer

    เวลาแห่งความสุข...(มักผ่านไปเร็วเสมอ)

    เนื่องในวันพ่อแห่งชาติ

    ผู้เข้าชมรวม

    187

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    3

    ผู้เข้าชมรวม


    187

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  ซึ้งกินใจ
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  1 ธ.ค. 56 / 19:00 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
        หลายคนอาจคิดว่าชีวิตของเราจะขึ้นอยู่กับคนๆหนึ่งที่จากไปเท่านั้นโดยมองข้ามความรักจากอีกคนที่อยู่ข้างๆตัว

    หลายสิ่งที่เราทำและทำร้ายจิตใจคนข้างๆ โดยไม่รู้ตัว มัวแต่จมปลักอยู่กับความทุกข์ และยังจมอยู่กับอดีตที่ผ่านมา
     
    'หนูดี' เด็กสาวหน้าตาน่ารัก เธอสูญเสียมารดาไปเมื่อ 3 เดือนก่อน จมอยู่กับความเศร้า ที่ยาวนาน อดีตที่เรียกกลับคืนมาไม่ได้

    มองข้ามคนที่รักที่ใส่ใจคนที่มีพระคุณที่สุดของเธอไป หนูดีจะเป็นอย่างไร และจะผ่านความเศร้านี้ไปได้อย่างไร



    *นิยายนี้เป็นเรื่องสั้นแต่งขึ้นเนื่องในวันพพ่อแห่งชาติ 5 ธันวา มหาราช ไม่เกี่ยวกับเรื่องจริงเกิดจากจินตนาการล้วนๆค่ะ
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

                      ‘หนูดี เป็นเด็กหน้าตาน่ารัก เธอมีใบหน้าหวาน ริมฝีปากบางสีชมพู คิ้วโก่งโดยไม่ต้องกันคิ้ว เธอมีพี่ชายอยู่หนึ่งคนชื่อว่า พจน์  เธอและพี่ชายของเธอนั้นอายุห่างกันถึง 7 ปี ตอนนี้พจน์อายุ 23 ปีแล้ว หนูดีจึงมีอายุ 16 ปี

       ฐานะทางบ้านอยู่ในระดับดีมาก

                      ครอบครัวของเธอทำธุรกิจเกี่ยวกับน้ำมัน พ่อของเธอที่เป็นหัวหน้าใหญ่จึงต้องเทียวไปเทียวกลับ จึงไม่ค่อยได้อยู่กับลูกทั้งสองมากนัก และตอนนี้พ่อของเธอก็อยู่ที่ จ. เชียงใหม่ ท่านเดินทางไปได้เป็นเวลา 3 เดือนแล้ว ส่วนแม่ของหนูดีเสียชีวิตไปด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อ 3 เดือนก่อนที่พ่อของหนูดีจะเดินทางไปเชียงใหม่

                     หนูดีเป็นเด็กน่ารักขี้อ่อนเธอติดแม่ของเธอมาก เวลาแม่ของเธอไปไหนเธอก็จะตามไปด้วยเสมอ แต่ตอนที่แม่ของเธอเสียชีวิต หนูดีติดสอบกลางภาคเธอจึงไม่ได้ตามแม่ของเธอไป เมื่อทราบว่ามารดาที่รักเกิดอุบัติเหตุ เธอเสียใจมาก ไม่ยอมพูดไม่ยอมจากับใครตลอด 3 เดือนที่ผ่านมา พ่อของหนูดีที่ไม่สังเกตความผิดปกติของหนูดีจึงเดินทางไปดูงานที่เชียงใหม่ พจน์รู้สึกทรมานใจมากที่ผู้เป็นน้องเอาแต่เหม่อ ไม่กินข้าว ไม่พูดไม่คุยกับตน หลายครั้งที่เขาต้องโทรปรึกษาแฟนสาว ฟองแฟง แฟนสาวของพจน์ที่คบกันมามากกว่า 4 ปีก็ทำหน้าที่ให้คำปรึกษาได้ดี แล้วยังบอกว่าถ้าเคลียงานทางบ้านเรียบร้อยจะมาช่วยดูแลหนูดี  หนูดีกลายเป็นเด็กเก็บตัวไม่คุยเล่นกับเพื่อนๆ ยามที่อยู่ในห้องเรียนหนูดีก็จะเหม่อไม่สนใจเรียน คุณครูหลายคนที่สนิทกับหนูดีเห็นแล้วก็สงสารจับใจพยายามช่วยกันปลอบเพราะคุณครูอยากได้หนูดีที่น่ารักกลับคืนมา เพื่อนๆของหนูดีก็คอยช่วยปลอบอีกแรงแต่ก็ไม่เป็นผลหนูดียังคงไม่สนใจเหมือนเดิม เมื่อกลับมาถึงบ้านหนูดีก็จะเก็บตัวอยู่แต่ในห้อง ร้องไห้ไม่ยอมหยุด พจน์ที่มาแอบดูเห็นแล้วก็อยากจะร้องไห้ตามน้องสาว ที่จริงแล้ว พจน์และหนูดีสนิทกันมาก และหนูดีก็รักพจน์มาก ทุกเช้าหนูดีจะออกจากห้องด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ ตาปูดแดง

                       พจน์ทนไม่ไหวที่เห็นน้องสาวเป็นเช่นนี้จึงตัดสินใจโทรศัพท์หาพ่อและบอกพฤติกรรมที่น่าสงสารของหนูดี เมื่อคุณพ่อทราบก็ตกใจใหญ่บอกว่าอีก 2 วันตนจะกลับ และบอกกำชับให้พจน์ดูแลน้องดีๆ

                      2 วันต่อมา คุณพ่อก็กลับมาถึงบ้าน รีบตรงดิ่งไปหาหนูดีในห้องทันที ตอนนี้หนูดีที่มักจะเรียกบิดาของตนว่า คุณป๊าขา นั่งเหม่อลอยมองไปที่นอกหน้าต่างด้วยใบหน้าเศร้าๆไม่สนใจการกลับมาของคุณป๊าขาแม้แต่นิด

                      หนูดี...คุณป๊าเรียกลูกสาวสุดรักด้วยเสียงสั่นเครือ แต่หนูดีกลับยังเฉย ทำเหมือนไม่ได้ยิน พจน์เห็นดังนั้นจึงเดินเข้ามาหาบิดาจับไหล่ของบิดาและบีบมือเบาๆเป็นเชิงให้กำลังใจ คุณพ่อพยักหน้าเป็นนัยว่า พ่อไม่เป็นไร ท่านหันไปขยี้หัวพจน์เบาๆท่านน้ำตาซึม ทำให้พจน์น้ำตาไหลออกมาด้วยความสงสารคุณพ่อค่อยๆหันไปคุยกับหนูดีต่อแม่ลูกสาวจะไม่สนใจตนก็ตาม เย็นนี้พี่พจน์กับคุณป๊าจะจัดปาตี้ฉลองที่เราอยู่กันพร้อมหน้า.......

                   “มันไม่พร้อมแล้วล่ะค่ะคุณป๊า....จู่หนูดีก็ขัดขึ้น

               คุณป๊าแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินแม้ในใจกำลังกรีดร้อง และพูดต่อ นี่พ่อลางานมาอยู่กับหนูดีตั้ง 3 อาทิตย์แน่ะ ดีไหมคะ" คุณพ่อก้มลงนั่งข้างๆลูกสาวที่รักและลูบศีรษะเบาๆ

               หนูดีอยากอยู่กับม่าม๊า....เธอยังคงพูดต่อโดยไม่หันมามองใบหน้าย่นตามวัยนั้นเลยสักนิดว่าเป็นเช่นไร

              “เดี๋ยวพ่อกับพี่พจน์ต้องออกไปซื้อของแล้ว หนูดีอยากได้อะไรเป็นพิเศษไหมลูก ??”

              หนูดีค่อยหันมามองหน้าคุณป๊าช้าๆและเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือน้ำตาใสไหลรินเป็นทาง ผู้เป็นพี่และพ่อรู้สึกเหมือนโดนตัดขั้วหัวใจกับประโยคที่หนูดีเอ่ย คุณป๊าขา...หนูดีอยากได้ม่าม๊าคืน...คุณป๊าเอามาให้หนูดีหน่อยได้ไหมคะสิ้นประโยคนั้นน้ำตาที่พจน์และคุณพ่อกลั้นไว้ตั้งแต่ต้นก็ไหลลงมาอย่างสุดกลั้น

               คุณป๊าของหนูดีค่อยๆดันตัวลูกสาวสู่อ้อมกอดอย่างเบามือด้วยกลัวว่าถ้ากอดแรงอีกนิดหนูดีจะสลายกลายเป็นผง เพราะตอนนี้หนูดีดูบอบบางเหลือเกิน บอบบางกว่าแก้วชนิดไหนๆ
               “หนูดี...!!” พจน์เรียกน้องสาวอย่างตัดพ้อเมื่อเห็นว่าสีหน้าของบิดาของเธอจืดเจื่อนลง

             ไม่  ไม่เป็นไรพจน์ น้องบังเด็ก พ่อเข้าใจ พ่อเข้าใจน้อง....... คุณพ่อพูดปัด พลางกระพริบตาถี่ๆเพื่อไล่หยดน้ำใสออกจากดวงตา   พ่อว่า เราไปซื้อของมาจัดปาตี้กันดีกว่านะ พจน์  คุณพ่อหายใจเข้าลึกๆแล้วพูดต่อ หนูดีอยู่บ้านคนเดียวได้นะลูก

       

               “พ่อครับ...  พจน์เอ่ยขึ้นเมื่อเดินขึ้นมานั่งบนรถของคุณพ่อแล้ว

              “หือ ว่าไง?” คุณพ่อฝืนยิ้ม พจน์รู้ พจน์ดูออก เพราะตั้งแต่ที่พ่อของเขากลับมา คุณพ่อไม่เคยยิ้มอย่างสุดปากเสียที มีเพียงรอยยิ้มที่ฝืดเฟื่อนคล้ายจะร้องไห้อยู่ตลอดเวลา พจน์กำหมัดและเม้มริมฝีปากแน่นก่อนจะพูดต่อ

              “พ่อจำแฟงได้มั้ยครับ”   พจน์ถาม

              อ่อ..หนูแฟง ว่าที่ลูกสะใภ้ของพ่อน่ะเหรอ”    คุณพ่อเอ่ยขึ้นทีเล่นทีจริง เพื่อล้อเลียนพจน์ลูกชายคนโตของตน

              “ทำไม มีปัญหากันเหรอ

              “เปล่า เปล่าฮะพจน์ปฏิเสธ

              แล้วมีอะไร ฮึ ?” คุณพ่อทำสีหน้าจริงจัง ด้วยเพราะหมายมั่นอยากใ ห้ลูกชายตกแต่งกับลูกสะใภ้คนนี้ ท่านทั้งรักและหวงลูกสะใภ้คนนี้มาก จนบุตรชาย(ทำเป็น)อิจฉา และอีกเหตุผลหนึ่งพราะหนูดีก็ดูจะปลื้มพี่สะใภ้อย่างมากเช่นกัน  แต่ตอนนี้ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปเพราะ.....เขาเอง

             พอดีว่าแฟงอยากจะมาช่วยเราดูแลน้องน่ะฮะคุณพ่อเลิกคิ้วขึ้นสูง ซึ่งนั่นทำให้พจน์ถึงกับหน้าซีดเพราะกลัวว่าคุณพ่อจะไม่ชอบใจ แต่ก่อนที่พจน์จะได้คิดอะไรมาก คุณพ่อก็หัวเราะขึ้นเสีย พจน์จึงพูดต่อ ทางบ้านของแฟงก็อนุญาตแล้ว เพราะแฟงช่วนที่บ้านเสร็จแล้ว ก็เลยอยากจะขอ.....

            ได้สิ พ่อว่าก็ดีออก ในที่สุดคุณพ่อก็เอ่ยออกมาพร้อมด้วยระบายรอยยิ้มกว้าง 

             แต่แฟงจะขอมานอนที่นี่ด้วยนะครับ

              “ก็ดีสิหนูแฟงจะได้มาทดลองอยู่บ้านเราไปในตัวด้วยไง อีกอย่างนะ พจน์ก็โตแล้ว รู้จักรับผิดชอบ รู้จักคิดได้แล้วว่าอะไรควรไม่ควร สิ่งไหนดีไม่ดี ครั้งหนึ่งพ่อกับแม่ก็เคยผ่านจุดนี้มาแล้ว ฝ่ายผู้ใหญ่ไม่เห็นด้วยที่เราจะคบกัน รู้มั้ยว่าแม่น่ะเก่งมากเลยที่ทำให้ทางผู้ใหญ่ยินยอมได้น่ะ เพราะฉะนั้นพ่อกับแม่เลยสัญญากันไว้ว่า เมื่อเรามีลูกเราจะไมกีดกันลูก เราจะรักและดูแลลูกของเราให้ดีที่สุด จะไม่มีการบังคับลูกของเราจะต้องตัดสินใจอะไรๆด้วยตัวเองได้  คุณพ่อสูดลมหายใจเข้าลึกสุดปลอดและค่อยๆผ่อนออกมา เรื่องน้องน่ะ อย่าคิดมาก กาลเวลาเท่านั้นที่จะเปลี่ยนแปลงน้องให้ปรับตัวได้เอง เอาใจใส่หนูแฟงมากๆอย่าละเลยเธอนะ เพราะผู้หญิงแบบหนูแฟงน่ะ หายากคุณพ่อขยิบตาให้และหันไปขับรถต่อ พจน์ยิ้มตอบ รู้มั้ย...ว่าพ่อน้อยใจหนูดีแค่ไหน...จู่ๆคุณพ่อก็เอ่ยออกมาเสียงแผ่วเบาและตัวสั่นน้อยๆ

             พ่อครับ....

              “หนูดีทำเหมือนว่า... โลกนี้ไม่เหลือใครอีกแล้วเมื่อไม่มีแม่  คิดว่าต้องอยู่คนเดียวแน่ๆเลย หนูดีทำเหมือนลืมไปแล้วว่า หนูดียังมีพ่อ พ่อที่รักหนูดีมากๆอยู่ตรงนี้ เมื่อรู้ว่าตนคุมอารมณ์ไม่อยู่จึงขับรถเทียบข้างทางเพื่อสงบสติอารมณ์เพราะกลัวจะเกิดอุบัติเหตุอีก คุณพ่อซบหน้าลงกับพวงมาลัยและสะอื้นเบาๆ

                   ใช่...ที่ลูกทั้งสองต้องเสียแม่ไป เขาก็เป็นคนขับ คุณพ่อรอดมาได้แต่คุณแม่กลับเสียชีวิตทันที คุณพ่อเสียใจมาก กับการจากไปของคุณแม่ แต่เพราะเขาเป็นหัวหน้าครอบครัวจึงต้องเข้มแข็ง และกลับไปทำงานของตนได้ เขารู้ว่าหนูดีโกรธที่ทำเหมือนไม่เสียใจพจน์เองก็โกรธคุณพ่อมากแต่เพราะเขาเข้าใจหน้าที่ของพ่อจึงไม่ทำให้พ่อคิดหนัก  พ่อเองก็รู้สึกผิดไม่น้อยเลยที่ต้องเสียแม่ไป ถ้าวันนั้นคนที่ตายเป็นพ่อ เป็นครั้งแรกที่คุณพ่อของเขาร้องไห้ออกมาจนสุดกลั้น

                     “พ่อฮะ พ่อไม่ผิดหรอกครับ มันเป็นแค่อุบัติเหตุผมไม่อยากให้เกิด หนูดีไม่อยากให้เกิด พ่อไม่อยากให้เกิดและทุกๆคนก็ไม่อยากให้เกิดด้วยครับ เพียงแต่น้องยังไม่เข้าใจ ”  เสียงของพจน์แผ่วลงอย่างน่าสงสาร

       

       

       

                 หลังจากซื้อของเสร็จคุณพ่อและพจน์ก็กลับบ้านทันทีเพราะห่วงหนูดี ตอนนี้ทั้งบ้านเงียบและมืดมาก พจน์จึงลงจากรถและเข้าไปเปิดประตูบ้านและเปิดไฟให้สว่าง

                 พจน์ไปตามหนูดีลงมาเถอะ อยู่แต่บนห้องคงหดหู่แย่เลยเนอะ”  คุณพ่อพยายามปรับเสียงให้ดูดีที่สุด

                 ครับ ”  

                 ติ้งหน่องงง~

               เสียงกริ่งหน้าบ้านทำให้พจน์ที่กำลังจะขึ้นไปตามน้องต้องชะงัก และมองหน้าผู้เป็นพ่อ

               ไปเปิดประตูก่อนก็ได้   คุณพ่อเอ่ยขึ้นอย่างใจดี

                J ครับ

       

                พจน์เดินเข้ามาพร้อมกับแฟนสาว  ในมือข้างหนึ่งของพจน์ถือกระเป๋าเป้ไว้ในมือ ในกระเป๋านั้นมีของไม่มากนัก มีเพียงเสื้อผ้าบางส่วนและของใช้เล็กๆน้อยๆเท่านั้น ความจริงแล้วแฟงจะถือเข้ามาเอง    แต่พจน์ก็ยังดึงดันที่จะถือเข้ามาให้

                      “สวัสดีค่ะคุณพ่อ แฟงกล่าวสวัสดีอย่างเกร็งๆ คุณพ่อจึงยื่นมือไปลูบหัวแฟงเบาๆอย่างเอ็นดู

                      ไม่เจอตั้งนาน สวยขึ้นกว่าแต่ก่อนเยอะเลยนะหนูแฟง คุณพ่อเอ่ยอย่างใจดี

                       “ ค่ะ ต้องรบกวนคุณพ่อด้วยนะคะ แฟงกล่าว

                       รบกงรบกวนอะไรกัน นี่ก็เหมือนบ้านของแฟงอีกหลังหนึ่งนะลูก

                       “ค่ะคุณพ่อ แล้วหนูดีล่ะคะ?”

                        “อ่อ..อยู่บนห้องน่ะ พจน์กำลังจะขึ้นไปตามพอดี ขึ้นไปพร้อมพจน์เลยก็ได้

                        “ไปแฟง พจน์ก้าวนำแฟงไปข้างบนห้อง  หนูดี ดูซิใครมา.....

         พจน์เปิดประตูเข้าไปก็พบแต่ความมืด จึงเอื้อมมือไปเปิดสวิตซ์ไฟ  ปรากฏว่าภายในห้องของหนูดีกลับว่างเปล่า  พจน์และแฟงต่างตกใจที่หนูดีไม่อยู่ในห้อง จึงรีบตามหากันทั่วบ้าน คุณพ่อตกใจมากที่หนูดีไม่อยู่จึงตระเวนขับรถตามหา พจน์กลับขึ้นไปดูบนห้องอีกครั้ง เห็นแสงไฟเรืองๆมาจากนอกระเบียงจึงค่อยๆเลื่อนกระจกออก.....พจน์จำได้ ว่าที่ตรงนี้เป็นที่ที่เขาสี่คนพ่อแม่ลูกชอบมานั่งชมวิวกัน เวลามีปัญหาทั้งสี่จะมารวมตัวกันอยู่บริเวณระเบียงและปรับความเข้าใจกัน เวลาที่หนูดีทำผิดจะชอบแอบมาซ่อนอยู่ตรงนี้ประจำ 

       หนูดีกำลังพิมพ์บางอย่างใส่โทรศัพท์มือถือ โดยไม่รู้เลยว่าพจน์ยืนอ่านข้อความต่างๆอยู่ข้างหลัง เธอกำลังส่งข้อความผ่านทางเฟซบุ๊คเข้าสู่กล่องข้อความของแม่  นี่เป็นอีกสิ่งที่พวกเขามักจะใช้สื่อสารกันและปรับความเข้าใจกัน  และตอนนี้หนูดีก็กำลังส่งข้อความบางอย่างที่ทำให้พจน์อ่านแล้วน้ำตไหล

       คุณแม่อยู่ไหนคะ?’

      หนูดีคิดถึงคุณแม่จังเลย

      คุณพ่อไม่รักคุณแม่แล้วนะคะ

       คุณพ่อสนใจแต่งาน

       พี่แฟงก็ไม่มาหาหนูดี

      หนูดีเหงา

        พจน์เดินลงมาข้างล่างตรงมาที่ที่พ่อนั่งกุมขมับอยู่ เขา ล็อคอิน เข้าเฟซบุ๊คของแม่ และส่งให้คุณพ่ออ่าน

      เมื่อได้อ่านแล้วคุณพ่อก็น้ำตาไหลและกดตอบกลับหนูดี

       หนูดี

      แม่ก็คิดถึงหนูดีนะ

      คุณป๊าขายังรักแม่และรักหนูดีอยู่นะคะ

      หนูดีอย่ามัวแต่เศร้านะ แม่เห็นแล้วไม่มีความสุขเลย คุณป๊าก็ไม่มีความสุขเลยนะคะ หนูดีไม่ยอมพูด กับป๊าเลย ป๊าเศร้ามากเลยนะรู้มั้ย

       

      หนูดีอ่านข้อความที่เด้งขึ้นมาอย่างตื่นเต้น และรู้สึกผิดต่อคุณป๊ามากน้ำตามากมายพรั่งพรูออกมาจากตาใสไม่ขาดสาย

      คุณป๊า....

      หนูดีขอโทษ.....

      หนูดี......................

      หนูดีหยุดพิมพ์ข้อความ และวิ่งลงไปชั้นล่างของบ้านอย่างรวดเร็วและหยุดยืนปาดน้ำตาทิ้งตรงหน้าของคุณป๊าที่กำลังพยายามจิ้มพิมพ์ข้อความตอบหนูดี

      คุณป๊า......หนูดี ฮึก...หนูดีกลืนก้อนสะอื้นลงคอ และโผเข้ากอดคุณป๊าอย่างแรงจนเซเล็กน้อย คุณป๊าลูบหัวของหนูดีแผ่วเบา หนูดียิ่งกอดคุณป๊าแน่นขึ้นเพื่อทดแทนกับเวลาที่ตนทิ้งไปอย่างไร้ค้า พี่พจน์ขา.....หนูดีถอนกอดจากป๊าและวิ่งไปหาพี่ชายที่แสนดีอย่างแรง ขอ....หนูดีขอโทษพี่พจน์ ขอโทษคุณป๊าขานะคะ ฮึก หนูดีเป็นเด็กเกเรทำให้คนอื่นเป็นห่วง ทำให้คุณแม่ไม่สบายใจพจน์ดึงหนูดีเข้ามากอดแน่น

      มันผ่านไปแล้วนะหนูดีไม่เป็นไรนะพจน์ขยี้หัวของหนูดีเบาๆ ร้องไห้จนตาแดงขนาดนี้ไม่อายพี่แฟงเหรอหนูดีทำตาโตและหันไปมองด้านหลังทันที

                    “พี่สาว ! ” ว่าจบก็กระโจนกอดแฟงอย่างแรงจนเกือบล้ม แต่ดีที่พจน์ เอื้อมมือมาจับทัน

                   “ระวังหน่อยสิเราหนูดีจึงส่งยิ้มห้งๆมาให้แก้ขัด คืนนั้นทั้งสี่ก็จัดปาตี้กันอย่างสนุกสนานหนูดีกลับมาร่าเริ่งดังเดิม ทำให้คุณพ่อยิ้มอย่างปลื้มอกปลื้มใจ และเปรยขึ้นมาเบาๆหวังให้คนบนฟ้าได้ยิน

                       ดูสิคุณลูกๆของเราน่ารักกันทั้งนั้นเลยนะ อีกหน่อยเจ้าพจน์ก็จะแต่งเมียเข้าบ้านแล้ว ต่อให้พรุ่งนี้ผมต้องตาย ผมก็ไม่เสียใจ

       

       

      หนูดีรีบตื่นแต่เช้าไปซื้อมาลัยมะลิมากราบขอโทษป๊าทีทำไม่ดีใส่ เมื่อกลับถึงบ้าน เธอก็วิ่งไล่ปลุกคนทั้งบ้านให้ลงมาข้างล่างแต่เธอไม่ได้เข้าไปปลุกคุณป๊า  วันนี้วันที่5 ธันวา..........ใช่วันนี้เป็นวันพ่อ หนูดีจึงอยากจะกราบพ่อของตน เธอซื้อพวงมาลัยมา 6 พวง  3 พวงแรกเธอและพี่ๆเอาไปไหว้อัฐิของแม่ และก็ค่อยๆแอบย่องขึ้นไปบนห้องของป๊าอย่างเงียบๆ แต่ทำไมป๊าไม่ตื่นสักทีนะ หนูดีบ่นเบาๆในใจ

                          “เซอร์ไพรส์คุณป๊า!!!! ”  ทั้งสามตะโกนเสียงดัง  แต่คนบนเตียงก็ไม่มีทีท่าว่าจะตื่นเลย หนูดีและพจน์รู้สึกใจเสีย จึงวิ่งขึ้นไปบนเตียง ร่างกำยำของคุณป๊านอนแน่นิ่งไม่ไหวติงจนทั้งสองใจเสีย หน้าท้องแบนราบไม่มีการเคลื่อนไหว พจน์กลั่นใจยื่นนิ้วชี้เรียวไปที่ปลายจมูกของคุณพ่อ นิ้วของเขาสั่น       สั่นเนื่องจากแรงสะอื้นของตน เขาดึงตัวน้องสาวเข้ามากอด หนูดีนั่งช็อคอยู่กับที่น้ำตาเอ่อล้นมาไม่ขาดสาย  แฟงเอามืบทาบอกอย่างใจหายไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์ณืเช่นนี้ขึ้น

       การจากไปของคุณป๊าทำให้สองพี่น้องเสียใจอย่างมากแขกเหรื่อเข้าร่วมงานพิธีบำเพ็ณกุศลศพของคุณพ่อ และแวะเวียนเข้ามาให้กำลังใจทั้งสองพี่น้องไม่ขาดสาย  แต่ครั้งนี้หนูดีเข้มแข็งขึ้น เธอพยายามยิ้มสู้กับทุกปัณหาที่ผ่านมา และเธอเชื่อว่า คุณป๊าก็ดีใจที่เธอทำอย่างนี้แน่นอน เธอคิดเสมอว่า เวลาแห่งความสุข มักผ่านไปเร็วเสมอ’………………..

       

       

       

       

      สัมภาษณ์หนูดี

      พิธีกร :รู้สึกอย่างไรกับสิ่งที่เกิดขึ้นคะ?

      หนูดี :   (ยิ้ม) ค่ะ ก็รู้สึกเสียใจที่ก่อนหน้านี้ทำตัวไม่ดี

      พิธีกร : แล้วหนูดีผ่านเหตุการณ์น่าเศร้าอย่างนั้นมาได่ยังไงคะ ?

      หนูดี หนูดียังมีพี่ชายที่รักหนูดีอยู่ค่ะ จากเหตุการณ์ที่คุณแม่เสียชีวิต หนูดีก็เคยเศร้ามาแล้ว คุณพ่อสอนให้หนูดีรู้ว่า ความเศร้ามีได้ แต่อย่าให้อยู่กับเรานาน เราต้องทุกข์ก่อนเพื่อเข้มแข็งต่อไปค่ะ

      พิธีกร : คุณหนูดี มีอะไรจะฝากกับผู้อ่านมั้ยคะ?

      หนูดี : ค่ะ หนูดีอยากจะบอกว่าเราควรทำปัจจุบันให้ดีที่สุด ชีวิตคนเราย่อมมีการสูญเสียอยู่แล้ว มันเป็นกฎของธรรมชาติ เมื่อเราเศร้าก็ควรเศร้าแต่พอควร หนูดีเคยผ่านจุดนี้มาแล้ว ก็อยากแนะนำว่า อย่ามองเลยผ่านความรักของคนรอบข้าง  แม้เราจะเสียคนๆหนึ่งไป เราควรปรับตัวให้เข้มแข็ง ไม่ต้องทำถึงกับ ยิ้มรับทุกสถานการณ์ แต่แค่คุณร้องไห้ และกลับมายิ้มให้เหมือนเดิมก็พอค่ะ  หนูดีเคยเศร้ามากที่แม่เสียไป เลยมองข้ามความรักของพ่อไป เมื่อมารู้ตัวทีหลังว่ายังมีคนข้างๆอยู่ มันอาจจะสายไปแล้วก็ได้คะ เพราะ เวลาแห่งความสุขมันมักจะผ่านไปเร็วเสมอเพราะงั้นหนูดีอยากให้ทุกคนตักตวงความสุขจากปัจจุบันให้มาก อย่ามัวไปทุกข์กับอดีตนานๆค่ะ

       

       

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×