ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    SF TaoKacha' The Disabled Way

    ลำดับตอนที่ #5 : CHAPTER 4

    • อัปเดตล่าสุด 30 ก.ย. 56


    Chapter 4

     

    “อ๊า!!!

    “เหมี๊ยว!!!

    “คชา!!!!

    .

    จู่ๆร่างบางที่นอนหลับตาพริ้มอยู่บนเก้าอี้ยาวก็สะดุ้งเฮือกพร้อมกับหวีดร้องลั่น ไฉไลตัวอ้วนพลุ้ยตกใจกระโจนออกจากตักคชาก่อนจะวิ่งหายไป ไม่ทันที่เต๋าจะก้าวขาไปหา เสียงรองเท้าหลายคู่ก็กรูกันขึ้นมาด้านบนแล้ว เต๋าจำเป็นต้องก้าวถอยหลังเพื่อให้เค้นท์ได้เดินเข้าไปพี่ชายตัวเองได้สะดวก

    .

    “..คชา.. คชามองเค้นท์..”

    .

    มือสากของคนเป็นน้องเอื้อมมาปาดเหงื่อเม็ดโตออกจากหน้าผากใสของพี่ชายด้วยความเป็นห่วง คชาหอบหายใจถี่รัวและแรงจนเต๋ากลัวว่าร่างบางนี้จะช็อคไปเสียก่อน กวาดสายตามองหน้าน้องชายตัวเองด้วยสายตาว่างเปล่า ใบหน้าสีซีดทำเอาคชานั้นดูอ่อนแอกว่าเดิมหลายเท่า

    .

    “เกิดไรขึ้นวะเต๋า” เค้นท์หันมามองหน้าเขา “คชาหลับไปเหรอ?”

    .

    เพียงแค่เต๋าพยักหน้าเบาๆแค่นั้นเค้นท์ก็พอเข้าใจ เค้นท์บีบมือคชาเบาๆริมฝีปากพร่ำบอกคำปลอบโยนเบาๆเพื่อที่จะให้ได้ยินกันเพียงแค่สองคน เดาจากเหตุการณ์คร่าวๆก็พอจะรับรู้ได้ว่าคชาคงจะฝันร้ายมากทีเดียวถึงได้สะดุ้งแล้วร้องออกมาขนาดนั้น เขาเองก็ตกใจไม่แพ้กัน ในขณะที่คชายังคงหลับตาพริ้มอยู่บนเก้าอี้ยาวนั้น ภาพมันดูสวยงามมากเลยทีเดียว แต่จู่ๆคชาก็สะดุ้งเฮือกขึ้นมา

    .

    แต่ฝันอะไรกันนะ ทำไมคชาถึงกลัวขนาดนั้น?

    .

    .

    .

    .

    หลังจากที่เค้นท์พาคชาไปจัดการตัวเองเรียบร้อย ทุกคนก็มานั่งรวมกันที่ห้องอาหารของบ้านเต๋า หม้อสุกี้หม้อโตตั้งไว้กลางโต๊ะ ต้นกับเจมส์กำลังเปิดศึกแย่งเนื้อหมูชิ้นโตที่ถูกโยนลงหม้อไปเมื่อสามสี่นาทีก่อนจนตอนนี้มันเริ่มสุกและน่ากินมากๆ ในขณะที่เฟรมกำลังพยายามจะคายหมูที่อยู่ในปากตัวเองลงหม้ออีกครั้งด้วยเหตุผลว่ายังไม่สุกดีมือของเค้นท์ก็ฟาดเข้ากลางกระหม่อมพร้อมกับคำด่าตามประสา เต๋าหัวเราะให้กับบรรยากาศสนุกสนานนี้ แต่กลับมีหนึ่งคนที่ยังคงไม่ยอมปริปากพูดอะไรตั้งเมื่อเย็น

    .

    คชาเขี่ยข้าวโพดอ่อนเย็ดชืดในถ้วยตัวเองไปมา สายตานิ่งเฉยไร้ความรู้สึกถูกนำกลับมาใช้อีกครั้ง ไม่มีใครช่วยคชาได้ มีแค่คชาเท่านั้นที่จะสามารถฟื้นตัวเองกลับมาอีกครั้ง

    .

    “ไม่ชอบกินผักเหรอ?” เต๋ากระซิบถามเบาๆ “ผมเอาออกให้เอาไหม?”

    คชาเหลือบสายตาขึ้นมองเต๋านิ่งก่อนจะส่ายหน้าเบาๆพร้อมกับคีบข้าวโพดอ่อนเย็ดชืดนั่นเข้าปาก

    .

    อาหารมื้อเย็นจบลงด้วยดี เฟรมกับเจมส์รับหน้าที่เคลียร์จานชามทั้งหมดเองโดยการปฏิเสธน้าพิณที่จะเข้ามาล้างจาน แน่นอนว่าต้นเค้นท์และเต๋าก็เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งเพราะยังไงเสียพวกเขาก็ไม่ต้องไปล้างเองอยู่แล้ว และแน่นอนการกระทำนั้นย่อมไม่มีผลอะไรต่อคชาอยู่แล้ว

    .

    ทีวีจอแบนเครื่องโตถูกเปิดเป็นช่องรายการหนังของต่างประเทศแต่ดูเหมือนจะมีแค่ต้นเท่านั้นที่สนใจหนังนั่น เต๋าและเค้นท์นั่งจ้องคชาที่นั่งอยู่อีกมุมหนึ่งของห้อง มือเรียวลูบหัวเจ้าไฉไลไปมาอย่างอ่อนโยน เจ้าแมวอ้วนติดคชาแจ จนบางทีเต๋าก็แอบคิดว่าคชาอาจจะพูดภาษาแมวแทนแล้วก็ได้

    .

    “ไม่ต้องมองเหมือนคชากำลังจะตายได้ไหม” เค้นท์พูดขึ้นเบาๆ “เดี๋ยวก็ดีขึ้นเองอ่ะ เออนี่ฝากเอาเสื้อคลุมให้คชาด้วยนะ เดี๋ยวไข้ขึ้นอีก กูจะไปอาบน้ำ”

    .

    เต๋าไม่เถียงอะไรนอกจากจะรับเสื้อคลุมที่เค้นท์ยื่นมาให้มาถือไว้ เสียงเจี้ยวจ้าวของเฟรมกับเจมส์ดังตามเจ้าตัวที่กำลังเดินมาจากห้องครัว เจมส์หยิกแก้มต้นราวกับจะแกล้ง ซึ่งได้ผลว่าทั้งสามคนวิ่งไล่กันไปจนหน้าบ้าน ในห้องนั่งเล่นจึงเหลือเต๋ากับคชาสองคนและแมวไฉไลอีกหนึ่งตัว

    .

    คชาลูบไล้ขนนุ่มๆราวกับปุยนุ่นของไฉไลอย่างเหม่อลอย ดวงตาไร้ความรู้สึกนั่นเหม่อมองออกไปนอกบานกระจกใสที่เปิดออกไว้ตั้งแต่เมื่อเย็น ลมอ่อนๆพัดเอาความหนาวเย็นน้อยๆเข้ามา ถึงแม้จะแอบหนาวอยู่บ้างแต่ก็ไม่มีอารมณ์จะเรียกเค้นท์ คชาก็ไม่รู้ทำไม ทำไมจู่ๆถึงฝันแบบนี้ขึ้นมาอีกทั้งๆที่ไม่ฝันมานานมากแล้ว ภาพเหตุการณ์วันนั้น ในฝัน มันเหมือนโดนอัดด้วยเหล็กกล้าน้ำหนักเฉียดร้อยกิโลนั่นอีกครั้ง ราวกับว่าเขากลับไปยืนอยู่ตรงนั้นอีก ก่อนจะสะดุ้งเฮือกขึ้นมาพร้อมกับพบความจริงว่า.. มันเป็นเรื่องจริง..

    .

    ไม่เหลือคชาคนเดิมอีกต่อไปแล้ว

    .

    “ไม่หนาวเหรอไง”เต๋าพาดเสื้อคลุมที่เค้นท์ให้มาลงบนบ่าเล็กๆของคชา “เค้นท์ฝากมาให้”

    “อืม..”

    .

    ทั้งคู่ปล่อยให้ความเงียบทำหน้าที่ต่อไป เต๋าทิ้งตัวลงนั่งกับพื้นข้างๆเก้าอี้วีแชร์ของคชา เจ้าไฉไลปรือตาขึ้นมามองหน้าเต๋าเล็กน้อยก่อนจะกระโจนทั้งตัวลงมาทับเขา คชามองตามแมวอ้วนนิดหน่อยก่อนจะหยุดสายตาลงบนใบหน้าของเต๋าซึ่งกำลังจ้องกลับมาเหมือนกัน ดวงตาว่างเปล่าของคชาสะท้อนใบหน้าของเต๋า ถึงแม้เต๋าจะอยากรู้ว่าเมื่อเย็นสิ่งที่อยู่ในฝันของคชานั้นคืออะไร แต่สุดท้ายปากก็หนักไม่กล้าถามอยู่ดี

    .

    “ผมฝันร้าย”คชาทำลายความเงียบ “ฝันถึงวันนั้น..วันที่ขาสองข้างของผมเสียความรู้สึกไป”

    “...”

    “สามพฤษภาคมเกือบๆจะตีสองได้มั้ง หน้าปากซอยบ้านตัวเองเลยล่ะครับ ผมกำลังข้ามถนน”

    “หา.. วันเกิดผมเลยนะนั่นน่ะ” เต๋าพึมพำเบาๆกับตัวเอง

    “ถ้าวันนั้น..เค้นท์ไม่ออกมาดูผมที่กลับบ้านช้าเกินไป ผมอาจจะหมดลมหายใจไปแล้วก็นะ”

    “คนชนล่ะครับ รู้หรือเปล่า?”

    “ชนแล้วหนีน่ะ บางทีเค้นท์ไม่ต้องออกมาเห็นผมก็ได้นะ ผมจะได้ไม่ต้องมาเป็นแบบนี้”

    “คชา..”

    “จะได้ไม่ต้องมาเป็นภาระคนอื่นแบบนี้ เกลียดตัวเองที่เป็นแบบนี้..”

    .

    เต๋ามองอีกคนที่หลับตาแน่น เต๋าไม่รู้ว่าความรู้สึกตอนนี้ของคชาเป็นอย่างไร รู้แค่เพียงว่า..มันคงทรมาณมากๆ.. มากจนเขาก็ไม่อาจจะช่วยได้ แต่อย่างนั้นก็เถอะมันมีบางอย่างที่มันสะกิดใจของเขาอยู่เล็กน้อย แต่ก็นึกไม่ออกว่ามันคืออะไรกันแน่

    .

    เต๋าชันเข่าขึ้นมือทั้งสองข้างวางบนไหล่บางๆ “คชา..มองมาที่ผมสิ่”

    ดวงตาเรียวสวยของคชามองอีกคนด้วยแววตาที่แสนจะเหนื่อยอ่อน “...”

    “คชาอาจจะรังเกียจตัวเองที่คชาเป็นแบบนี้” เต๋ายิ้มอ่อนให้ “แต่ผมไม่รังเกียจที่คชาเป็นแบบนี้นะ.. จำไว้”

    .

    ดวงตาคมจ้องลึกเข้าไปในดวงตาคู่สวยของคชาที่เอ่อล้นด้วยหยาดน้ำตาโดยที่เจ้าตัวเองก็ไม่รู้สึกตัว ก่อนที่มันจะหยดแหมะลงบนตักของคชาเอง อะไรบางอย่างในอกมันชื้นขึ้นมาจนแทบจะระเบิดราวกับว่าดอกไม้หลายร้อยดอกกำลังผลิบานในอก ความรู้สึกนั้นมันดันให้ริมฝีปากคชาเผยยิ้มหวานที่กว้างจนตาหยี รอยยิ้ม..ที่หายไปเกือบสองปี

    .

    “ขอบคุณนะเต๋า”

    .

    ครึ่งวันที่แม่กำปองหมดไปอย่างรวดเร็วแต่ความรู้ของคนคนนึงกำลังเปลี่ยนไปโดยที่เจ้าตัวเองก็ไม่ทันได้ตั้งตัว คงเป็นอีกหนึ่งวันที่คชาจะจดจำมันไปโดยไม่รู้ตัว..

    .

    .

    .

    .

    เช้าวันใหม่เริ่มต้นใหม่อย่างเชื่องช้า เต๋าขยับตัวแทรกเข้ามาในห้องนอนของสองพี่น้องอย่างเค้นท์และคชาอย่างเงียบเชียบ เต๋ามองพี่น้องสองคนที่กำลังนอนเบียดกันราวกับว่าจะหาไออุ่นให้กับตัวเองแต่ดูเหมือนจะเป็นเค้นท์เสียมากกว่าที่นอนเบียดคชา เต๋าย่องเบาไปนั่งยองๆอยู่ข้างเตียง สะกิดเบาๆที่แขนเรียว

    .

    “คชา.. คชา..” ไร้ซึ่งปฏิกิริยาตอบสนอง เต๋าลองยื่นหน้าเข้าชิดริมหูอีกคน “คชา..”

    “อืม..” ดวงตาเรียวค่อยๆปรือขึ้นช้าๆก่อนจะสะดุ้งเบาๆกับระยะหางของใบหน้า “ตะ!!

    “ชู่วว..” เต๋ารีบใช้นิ้วแตะเบาๆที่ริมฝีปากบางเพื่อเตือนไม่ให้เสียงดัง “มานี่สิ่ จะให้ดูอะไร”

    .

    คชาขมวดคิ้วเล็กน้อยอย่างไม่เข้าใจ ตอนนี้ฟ้ายังไม่สางด้วยซ้ำ แต่ท่าทางจริงจังของเต๋าทำเอาคชาไม่กล้าเอ่ยถามอะไร คชามองเค้นท์ที่ยังนอนซุกเขาอยู่ เต๋าค่อยๆเอื้อมมือไปช้อนตัวอีกคนขึ้นมาให้นั่งดีๆโดยไม่ให้เค้นท์รู้สึกตัว เต๋าหันหลังให้คชาราวกับจะเป็นสัญญาณให้คชาขี่หลัง

    .

    “เอ่อ..เต๋า.. ผมว่าเรา..เอารถวีแชร์..”

    “ขึ้นมาเถอะครับ”

    .

    แม้ติดจะเกรงใจอยู่บ้าง แต่คชาก็ยอมเอื้อมมือไปโอบรอบคอของเต๋าอยู่ดี เต๋าอมยิ้มเล็กน้อยก่อนจะรวบขาของคชาไว้และเดินออกไปจากห้อง ทันทีที่เดินออกมาจากห้องนอนอากาศเย็นๆข้างนอกทำเอาคชาเผลอกอดอีกคนแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว

    .

    เสียงเหมี้ยวๆของไฉไลดึงความสนใจของคชาไปเต็มๆ “เต๋า เอาไฉไลไปด้วยนะ”

    .

    ไม่มีคำตอบจากเต๋าแต่เจ้าไฉไลมันก็วิ่งทั่กๆพาพุงกลมๆของมันตามมาด้วย เต๋าเดินออกมาจากประตูหลังบ้าน เผยให้เห็นบันไดเล็กๆที่สามารถเชื่อมยาวไปถึงหลังคาบ้านได้ คชากระพริบตาปริบๆ แอบหวั่นอยู่เหมือนกันว่าเต๋าจะพาทั้งตัวเองและเขาขึ้นไปข้างบนได้จริงเหรอ คำตอบอยู่หลังจากนี้ไม่นานเมื่อเต๋าวางคชาบนพื้นเสื่อที่ถูกปูไว้ บนเสื่อมีโกโก้ร้อนควันฉุยวางอยู่สองแก้ว

    .

    “อย่าบอกนะว่าเต๋าขึ้นมาเตรียมไว้น่ะ” คชาใช้มือดันพื้นไว้กันตัวเองหงายหลัง

    เต๋ายิ้มบาง “ถ้าบอกว่าไม่ก็คงไม่เชื่อใช่ไหมล่ะ พิงผมไว้สิ่ จะได้ไม่ล้ม”

    .

    คชายอมทำตามที่พูดอย่างง่ายดาย คชาเอนหลังพิงไปกับไหล่หนาของเต๋า จากมุมนี้คชาแทบจะมองเห็นภูเขาทุกลูกที่อยู่ในบริเวณนี้ หมอกตอนเช้าลงหนาจนเหมือนปุยนุ่นหนาที่กำลังครอบคลุมภูเขาเอาไว้ ไฉไลตัวอ้วนที่เพิ่งจะปีนขึ้นมาถึงข้างบนได้ ขึ้นมานอนทับตักคชาอย่างรู้งาน แสงสีส้มอ่อนๆของพระอาทิตย์ลอดผ่านหมอกหนาเล็กน้อย

    .

    “สวย..”คชาพึมพำเบาๆ

    เต๋าหันมองเสี้ยวหน้าหวานของอีกคนแก้มใสขึ้นสีระเรื่อเพราะอากาศหนาวเย็น “อืม..สวย”

    .

    เต๋าหยิบหมวกไหมพรมสีฟ้าสดของตัวเองที่หยิบติดมือมาด้วยค่อยๆสวมบนศีรษะกลมๆของคชา เต๋าขำเล็กน้อยที่คชาหลับตาปี๋เพราะเขาใส่หมวกให้ แก้มใสขึ้นสีหนักกว่าเดิมเมื่อรู้ว่าเต๋ากำลังหัวเราะตัวเองอยู่  สายลมอ่อนๆพัดผ่านไปแผ่วเบาพัดเอาดอกอะไรสักอย่างมาด้วย คชาหลับตาพริ้มรับไอเย็นของลม

    .

    ดวงตาเรียวสวยหลับพริ้มลงทำให้แพขนตายาวทั้งสองประสานกัน จมูกรั้นๆที่ขึ้นสีเดียวกับพวงแก้มระเรื่อ ริมฝีปากสีสดเผยอขึ้นเล็กน้อยอย่างไม่รู้ตัวราวกับแรงดึงดูดอะไรบางอย่างไม่เต๋าเองก็ไม่เข้าใจ เต๋าใช้แขนโอบไหล่อีกคนแน่นก่อนจะเอี้ยวตัวเข้าใกล้อีกคน...

    .

    คชาสะดุ้งเฮือกทันทีเมื่อสัมผัสอุ่นทาบทับอยู่บนริมฝีปากของเขา คชาตกใจเผลอบีบไหล่อีกคนแน่น เรี่ยวแรงทั้งหมดไหลออกไปทันทีเมื่ออีกคนกดเน้นย้ำลงมาอีกที จำไม่ได้แล้วว่าเจ้าไฉไลกระโจนหนีไปเมื่อไหร่ ดวงตาที่เบิกกว้างเมื่อครู่ค่อยๆปรอยลงช้าๆ สัมผัสที่กดย้ำไม่หยุดทำให้คชาเผลอเผยอริมฝีปากเปิดทาง ลิ้นร้อนค่อยๆไล่ต้อนชิมหาความหวานไปทั่วโพลงปาก มือเรียวที่กำหัวไหล่ของเต๋าแน่นค่อยๆขยับขึ้นโอบรอบคอร่างสูงเอาไว้หลวมๆ ถึงแม้คชาจะไม่สันทัดเรื่องนี้สักเท่าไหร่แต่คชาเองก็พยายามโต้ตอบด้วยท่าทีเดียงสา ผิดกับอีกคนที่ยังคงคุมเกมส์ใล่ต้อนลิ้นเล็กจนคชาแทบหลอมละลายอยู่ในอ้อมกอดอุ่น..

    .

     

    ข้าวหมาก ; ว้ายยยยยยยย จูบกันแล้ว จูบกันแล้ว จูบแล้ว!! เขินจริงวุ้ย ถถถถถถถถ ตอนนี้ไม่หน่วงนะคะ คชาคลายเหตุการณ์วันนั้นให้เต๋ารู้แล้ว ย้ากก เอาล่ะ ปมในเรื่องเริ่มจะคลายออกทีล่ะน้อยแล้วนะ และ! คชาก็ยิ้มหวานออกมาครั้งในเรื่องด้วย อูยยย... หัวใจดวงน้อยเริ่มเปิดใช้งานแล้วใช่หรือไม่ ฝากติดตามด้วยนะคะ แต่งยากมากจริงๆๆๆ ไม่เคยแต่งฟิคอะไรตอนเดียวใช้เวลามากมายขนาดนี้ ฮอลล ขอบคุณที่อ่านมาถึงตอนนี้แล้วก็ช่วยอ่านต่อไปจนจบด้วน้า อิอิ

     

    :)  Shalunla
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×