[Fic Osomatsu-san]7/7[JyushiIchi/IchiJyshi] - [Fic Osomatsu-san]7/7[JyushiIchi/IchiJyshi] นิยาย [Fic Osomatsu-san]7/7[JyushiIchi/IchiJyshi] : Dek-D.com - Writer

    [Fic Osomatsu-san]7/7[JyushiIchi/IchiJyshi]

    เรื่องราวในวันทานาบาตะ และความรู้สึกที่ปกปิดเอาไว้

    ผู้เข้าชมรวม

    670

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    4

    ผู้เข้าชมรวม


    670

    ความคิดเห็น


    3

    คนติดตาม


    9
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  7 ก.ค. 59 / 20:12 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

    แฟนฟิคคู่ตัวเลขวันทานาบาตะค่ะ

     หวังว่าจะชอบกันนะ

    #เพลงประกอบ=w=


      CR.SHL
     
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
        CR.SHL
                                                                 

      วันนี้เป็นเพียงหนึ่งวันแสนจะธรรมดาในบ้านมัตสึโนะ ที่เหล่านีทหกแฝดต่างนอนเอกเขนกอยู่ที่บ้านและทำกิจวัตรประจำวันของแต่ล่ะคน

      มันก็ควรจะเป็นแบบนั้น

       ทว่าอยู่ๆจูชิมัตสึกลับลุกขึ้นแล้วเอ่ยออกมาด้วยเสียงอันสดใส

      “นี่ๆ คืนนี้น่ะ!!ทุกคนไปดูดาวด้วยกันเถอะนะ!!

      เพียงคำชวนเล็กๆคำนั้นเอง ที่ทำให้..ค่ำคืนในวันนี้ เป็นความทรงจำอันยากจะลืมเลือน

       

      “เปล่าจังเลยนะฮะ~ที่อยู่ๆจูชิมัตสึนี่ซังมาชวนไปดูดาวเนี่ย”

      โทโดมัตสึละสายตาจากโทรศัพท์ของตนแล้วพูดออกมาขณะที่กำลังเดินบนทางเท้า โดยที่พี่ๆอีก4คนก็แอบพยักหน้าเบาๆ จูชิมัตสึคลี่รอยยิ้มสดใสแล้วเอ่ยตอบกลับออกมาอย่างร่าเริง

      “งั้นเหรอ!?ไม่มีอะไรหรอก!วันนี้ก็แค่อยากจะดูดาวกับทุกคนแค่นั้นเองน่ะ!

      “งั้นเหรอฮะ”

      คำตอบที่ได้รับมาทำให้โทโดมัตสึพยักหน้ารับเบาๆก่อนจะหันไปสนใจโทรศัพท์มือถือของตนเองต่อ

      “แต่ว่า..บอกว่าจะมาดูดาวกัน แต่เล่นออกมาตอนนี้มันไม่เช้าไปหน่อยเรอะ?”

      โจโรมัตสึเงยหน้ามองท้องฟ้าสีครามสดใส ที่บัดนี้ยังคงสว่างเจ้า แถมแสงดวงอาทิตย์ยังส่องลงมาที่กลางกบาลของพวกเขาพอดิบพอดี ไหนจะเวลาที่เดินทางออกจากบ้านนาฬิกาที่ชี้ตรงไปที่12นาฬิกาหรือก็คือเป็นเวลาเที่ยงตรงอีกต่างหาก

      “น่าๆมายบราเธอร์ ยังไงซะพวกเรา6คนก็ไม่ได้ออกมาเที่ยวกันแบบนี้นานแล้วไม่ใช่เหรอ?”

      “อ่า..มันก็จริง แต่นีทอย่างพวกเราจะไปเที่ยวไหน เงินก็ไม่มีแถมกว่าจะค่ำก็อีกหลายชั่วโมงนะ”

      “นี่ซังอยากไปเล่นปาจิงโกะมากกว่านาอ๊ะ!?ตรงนั้นเหมือนจะมีจัดงานอะไรกันอยู่น่ะ?ลองไปดูกันไหม?”

      ทุกคนหันมองไปตามนิ้วของโอโซมัตสึที่ชี้ไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง และก็เป็นไปตามที่โอโซมัตสึว่า บรรยากาศของที่แห่งนั้นแลดูครื้นเครง ผู้คนจำนวนมากเดินกันขวักไขว่ไปมาเสียจนผิดวิสัยของวันธรรมดาเช่นนี้

      “จะว่าไปวันนี้เป็นวันทานาบาตะนี่นา

      ดวงตาของโทโดมัตสึมองไปยังเลขวันที่7เดือน7ในโทรศัพท์มือถือแล้วยกมันขึ้นมาให้พวกพี่ๆดู

      “หึ..วันทานาบาตะเหรอ?เป็นวันที่ดาวDeneb และ Vega จะได้มาพบกันนี่นา ช่างเป็น Star Festival ที่สุดแสนน่าประทับใจจริงๆ”

      บุคคลที่พูดคำพูดแสนอิไตชวนซี่โครงหักนั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากคารามัตสึ

      “อิไต๊!!ผมขอไปเดินคนเดียวดีกว่า ขืนมีพวกพี่ๆไปด้วยได้โดนมองเป็นพวกบ้าไปด้วยแหง่ๆ เดี๋ยวพอเริ่มค่ำแล้วค่อยมารวมกันอีกรอบตรงนี้ก็ได้”

      ทันทีที่พูดจบโทโดมัตสึก็รีบจ้ำอ้าวสาวเท้าก้าวฉับๆหนีออกจากพี่ชายของตนทันที

      “อะ..อ้าว!?เดี๋ยวสิทตตี้!ไปคนเดียวแบบนั้นเดี๋ยวหลงหรอก”

      ไม่รอช้าคารามัตสึรีบวิ่งตามร่างของโทโดมัตสึที่กำลังเดินเข้าพุ่งชนไปทันที

      โอโซมัตสึมองร่างของน้องชายทั้งสองของตนที่ถูกกลืนหายเข้าไปในคลื่นฝูงชน และหันหลังกลับมามองร่างของน้องคนที่ 4 ที่วันนี้แลดูเงียบผิดปกติ ก่อนจะถอนหายใจและแสยะยิ้มอออกมาอย่างรู้ทันจากนั้นจึงเดินไปจับมือของโจโรมัตสึเบาๆ

      “คู่นั้นเขาก็ไปกันแล้ว งั้นเราก็มาเดทกันบ้างเถอะน้า~โจโรมัตสึ”

      “หา!?แล้วทำไมฉันต้องเดทกับนายด้วยเล่า!?”

      “น่าๆไม่เห็นไปไรเลยนี่ ไปเดินงานด้วยกันเถอะ”

      แน่นอนว่านั้นไม่ใช่การขอร้อง เพราะเมื่อสิ้นประโยคโอโซมัตสึก็ลากแขนของโจโรมัตสึเดินเข้าไปในคลื่นฝูงชนโดยที่ไม่ถามความสมัครใจของอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อยนิด

      “เดี๋ยวก่อนสิเฮ้ย!!

      ทั้งอิจิมัตสึและจูชิมัตสึกระพริบตามองเหล่าพี่ๆน้องๆของตัวเองที่เดินหายไปปริบๆก่อนจะหันหน้ามามองกันเอง

      “นี่ซั----

      “ไหนๆก็เหลือกันแค่พวกเราแล้วไปเดินงานเทศกาลด้วยกันไหม?”

      ไม่ทันที่จูชิมัตสึจะได้พูดจนจบประโยคดีอิจิมัตสึก็พูดแทรกออกมาซะก่อน จูชิมัตสึรีบยิ้มรับแล้วจับมือทั้งสองข้างของอิจิมัตสึแกว่งขึ้นลงอย่างดีอกดีใจ

      “อื้อ!!ไปสิไป!!

      อิจิมัตสึแอบยิ้มบางๆอย่างโล่งอก และจูชิมัตสึก็รีบลากอิจิมัตสึเดินเข้าไปในงานทันที

       

      เอาไงต่อดีล่ะ

      ตอนนี้อิจิมัตสึและจูชิมัตสึต่างก็เดินเข้ามาในย่านการค้าแล้ว รอบข้างเต็มไปด้วยผู้คนและร้านแผงลอยขายของมากมาย แต่ทั้งสองก็ยังไม่ได้แวะซื้อของอะไรที่ร้านแผงลอยไหนเลยสักร้าน แถมตั้งแต่เดินเข้ามาต่างฝ่ายก็ต่างเงียบไม่ได้พูดคุยอะไรกันเลยสักคำ ส่งผลให้บรรยายากาศรอบตัวตอนนี้อึมครึมเสียจนน่าอึดอัดและกระอัดกระอวน

      “นี่อิจิมัตสึนี่ซัง”

      จูชิมัตสึเป็นฝ่ายทำลายความเงียบด้วยการเอ่ยออกมาก่อน อิจิมัตสึหันไปมองคนที่เดินอยู่ข้างๆตนแล้วเอ่ยตอบ

      “อะไรเหรอ?”

      “ไปที่นั่นกันไหม?”

      อิจิมัตสึมองไปตามนิ้วของจูชิมัตสึ

      “ท้องฟ้า..จำลอง?”

      “อื้อ!!ตอนนี้ยังไม่มืดเลยยังไม่มีดาวให้ดูนี่นา ไปดูที่นั่นก่อนก็ได้ วันนี้เข้าชมฟรีด้วยนะ!

      ก็ได้

       

      เมื่ออิจิมัตสึและจูชิมัตสึเดินเข้ามาในท้องฟ้าจำลอง โปรแกรมของท้องฟ้าจำลองก็เริ่มฉายขึ้นบนเพดานครึ่งวงกลม แสงระยิบระยับจากดวงดาวเป็นภาพที่ชวนพิศวง จูชิมัตสึแหงนหน้ามองท้องฟ้าจำลองด้วยแววตาระยิบระยับไม่แพ้ดวงดาวที่ถูกฉายอยู่บนเพดาน อิจิมัตสึแอบเหลือบมองอีกฝ่ายก่อนจะแอบยิ้มแล้วเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าจำลองเช่นกัน

      “สวยจังเลยนะนี่ซัง!!

      “อืม..นั่นสินะ”

      เสียงของโปรแกรมท้องฟ้าจำลองดังขึ้น เป็นการบอกเล่าประวัติของวันทานาบาตะ อิจิมัตสึนั้นแทบไม่ได้สนใจในสิ่งที่โปรแกรมอธิบายให้ฟังเลยแม้แต่น้อยนิด หากแต่กลับเหลือบมองหน้าของจูชิมัตสึเป็นระยะๆ ยิ่งมองเสียงหัวใจก็ยิ่งเต้นโครมครามอย่างหยุดไม่ได้ มือที่สั่นระรัวพยายามจะเอื้อมไปแตะมือของจูชิมัตสึ

      “อิจิมัตสึนี่ซัง..

      อิจิมัตสึสะดุ้งตัวและแทบชักมือกลับไม่ทันเมื่ออยู่ๆอีกฝ่ายเอ่ยเรียกชื่อของตนออกมา

      “อะไรเหรอ?”

      ถึงแม้ว่าในสมองของอิจิมัตสึจะมีความคิดมากมายตีกันมั่วไปหมดเพราะความตกใจ แต่ก็พยายามปรับน้ำเสียงให้เป็นปกติ

      “ฮิโกโบชิกับโอริฮิเมะเนี่ย..ถ้าเป็นวันฝนตกแล้วจะไม่ได้เจอกันสินะ?”

      อิจิมัตสึแอบแปลกใจที่อยู่ๆอีกฝ่ายพูดอะไรแปลกๆออกมาจึงแหงนหน้าขึ้นไปมองท้องฟ้าจำลองต่อแล้วถึงเข้าใจ ตอนนี้โปรแกรมของท้องฟ้ากำลังอธิบายถึงช่วงที่ว่า หากเป็นวันที่ฝนตกแล้วล่ะก็ แม่น้ำในอามะโนะคาวะจะขึ้นสูงจนฮิโกโบชิกับโอริฮิเมะไม่สามารถจะมาพบกันได้

      “อืม..ก็ตามนั้นนั่นแหละ”

      “อุตส่าห์มีโอกาสได้เจอกันแค่หนึ่งครั้งในรอบหนึ่งปีแท้ๆ แบบนั้นมัน..ดูเหงาจัง”

      …..

      ตอนนี้อิจิมัตสึไม่รู้จะสรรหาคำอะไรมาตอบจูชิมัตสึได้จึงเลือกที่จะเงียบแล้วมองท้องฟ้าจำลองต่อไป

      “อิจิมัตสึนี่ซัง”

      “อะไรอีก?”

      “ไหนๆวันนี้ก็วันทานาบาตะแล้ว ถ้าได้เขียนคำอธิษฐานที่จะเขียนในกระดาษขอพรวันทานาบาตะน่ะ อิจิมัตสึนี่ซังจะเขียนว่าอะไรเหรอ?”

      จะเขียนว่าอะไร..งั้นเหรอ?

      “ไม่รู้สิ ยังไม่ได้คิดไว้น่ะ แล้วนายล่ะ?จูชิมัตสึ”

      “ฮะๆเก็บไว้เป็นความลับนะผมน่ะจะขอให้สมหวังในความรักล่ะ!!

      ดวงตาของอิจิมัตสึเบิกกว้างเมื่อได้ยินคำตอบของอีกฝ่าย ภายในหน้าอกถูกบีบรัดเสียจนเริ่มรู้สึกว่าหายใจลำบาก แถมเมื่อเห็นรอยยิ้มที่มีความสุขของอีกฝ่ายแล้ว..

      ยิ่งรู้สึกจุกราวกับมีก้อนอะไรบางอย่างอยู่ในลำคอ

      “งั้นเหรอขอให้สมหวังนะ

      อ่าชักอยากร้องไห้แล้วสิทั้งๆที่จะร้องออกมาตอนนี้ไม่ได้เด็ดขาดแท้ๆนะ

      แสงไฟในท้องฟ้าจำลองถูกเปิดขึ้นเป็นสัญญาณว่าการแสดงท้องฟ้าจำลองได้จบลงแล้ว อิจิมัตสึรีบลุกขึ้นมาแล้วเดินนำจูชิมัตสึไป

      “จบแล้วล่ะ ไปที่อื่นเถอะ”

      “อ๊ะ?อื้อ!รอด้วยสินี่ซัง!

       

      หลังจากออกจากบ้าน เดินดูนู้นดูนี่ และเข้าไปในท้องฟ้าจำลองตอนนี้ก็เวลาบ่าย 4 โมงแล้ว อีกไม่นานท้องฟ้าก็คงจะมืดพอที่จะดูดาวของจริงได้แล้ว

      จูชิมัตสึมองแผ่นหลังของอิจิมัตสึที่เอาแต่เงียบอย่างเป็นห่วงก่อนจะหันไปเจอต้นไผ่ที่วางประดับและกระดาษแทบยาวที่เอาไว้สำหรับเขียนข้อพรที่วางเอาไว้อยู่

      “นี่ๆนี่ซัง ตรงนั้นมีกระดาษขอพรอยู่ด้วยล่ะ ไปเขียนกันเถอะ!

      “อืมเอาสิ..

      อิจิมัตสึเดินนำมาจนถึงต้นไผ่แล้วก็ไปสะดุดตากับอะไรบางอย่าง..นั่นคือใบกระดาษขอพรสีชมพูเรียบๆและสีน้ำเงิน ที่ประดับกากเพชรวิบวับแทงลูกตา..ไม่ต้องบอกก็คงรู้กระดาษขอพรอันนี้ไม่ใช่ของใครอื่นนอกจากคารามัตสึแน่แท้ อิจิมัตสึเดาะลิ้นอย่างหงุดหงิดในใจแทบอยากหยิบกระดาษขอพรใบหน้ามาฉีกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยแล้วปล่อยให้เศษซากกระดาษนั้นปลิวไปตามสายลมซะด้วยซ้ำไป

      เมื่อมองสูงขึ้นไปอีกระดับก็มีกระดาษเขียนคำอธิษฐานสีแดงกับสีเขียวแขวนอยู่คู่กันขอให้เล่นปาจิงโกะชนะ ขอให้มีเงินเยอะๆ’ ‘ขอให้หางานได้เร็วๆ สองอันนี้ก็คงไม่ต้องเดาว่าใครเขียน ลักษณะนี้คงเป็นโอซมัตสึกับโจโรมัตสึแน่ๆ

      “อิจิมัตสึนี่ซางงง~~ เอากระดาษขอพรมาแล้วล่ะ”

      น้ำเสียงร่าเริงดังขึ้น จูชิมัตสึโบกแทบกระดาษขอพรสีม่วงกับสีเหลืองไปมาบนอากาศก่อนจะยื่นแผ่นกระดาษสีม่วงให้อิจิมัตสึ

      “อ่าขอบใจ”

      แต่อิจิมัตสึไม่ได้หยิบกระดาษสีม่วงที่อีกฝ่ายยื่นให้ แต่ยื่นมือไปคว้ากระดาษสีเหลืองที่อยู่ในมืออีกข้างหนึ่งของจูชิมัตสึ

      จูชิมัตสึหันมองอิจิมัตสึนี่เขียนคำอธิษฐานเงียบๆ

      “งั้นผมจะเอาไปแขวนให้นะ”

      “อืม....

      อิจิมัตสึผูกกระดาษที่เขียนคำอธิษฐานของตัวเองไว้ที่ต้นไผ่แล้วหันไปมองจูชิมัตสึก่อนจะสลับไปยืนมองบรรยากาศรอบๆตนอย่างเหม่อลอย ท้องฟ้าเวลานี้เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นสีส้มเหลืองเพราะดวงอาทิตย์จวนจะลับขอบฟ้าไป

      “เฮ้ยๆ!มีคนกำลังปืนเสาไฟฟ้าอยู่ตรงแถวต้นไผ่ด้วยว่ะ!

      คำพูดของใครบางคนในฝูงชนและเสียงอึกทึกครึกโครมดังขึ้นทำเอาอิจิมัตสึรู้สึกสังหรณ์ไม่ดีจึงหันหน้าไปทางต้นไผ่ที่จูชิมัตสึจะเอาแถบกระดาษขอพรไปแขวน

      แล้วก็พบร่างของจูชิมัตสึกำลังพยายามปืนเสาไฟฟ้าเพื่อแขวนคำอธิษฐานอยู่..

      “จูชิมัตสึ!!ไปทำอะไรบนนั้นน่ะ!!

      “อีกนิดเดียว”

      จูชิมัตสึพยายามใช้เชือกของแถบกระดาษผูกคำอธิษฐานที่ยอดบนสุดของต้นไผ่ และเมื่อแขวนสำเร็จก็คลี่ยิ้มออกมาอย่างดีใจ

      “สำเร็จแล้ว!!

      เสียงตะโกนดังลั่นอย่างไม่อายฟ้าอายดินของจูชิมัตสึดังก้องไปทั่วบริเวณ แต่ทว่าดูเหมือนจะเพราะการขยับตัวเปลี่ยนท่ากะทันหันทำให้ร่างของจูชิมัตสึเสียการทรงตัวแล้วร่วงลงสู่พื้นเบื้องล่าง

      “เหวอ!!

      โครม!!

      เสียงดังโครมใหญ่ส่งผลให้ผู้คนรอบข้างหันควับมาให้ความสนใจทันที อิจิมัตสึรีบวิ่งมาดูน้องชายของตนที่เพิ่งร่วงลงมาจากเสาไฟฟ้าด้วยความเป็นห่วง หากแต่จูชิมัตสึกลับลุกขึ้นมานั่งแล้วยิ้มแย้มราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

      “ฮะๆพลาดไปหน่อยแฮะเรา”

      “พลาดไปหน่อยอะไรของนาย!?ขึ้นไปทำอะไรบนนั้นน่ะ!?”

      “ก็ในท้องฟ้าจำลองนั้นบอกไว้นี่นา..ว่าถ้ายิ่งแขวนคำอธิษฐานไว้ใกล้ท้องฟ้ามากเท่าไร คำอธิษฐานจะมีสิทธิเป็นจริงมากขึ้นน่ะ!

      “ตกใจแทบตายเลยนะ..เมื่อกี้น่ะ”

      เมื่อจูชิมัตสึเห็นอีกฝ่ายก้มหน้าลงก็รู้ตัวว่าตนเป็นฝ่ายผิดจึงเอามือของตนลูบหัวของอิจิมัตสึเบาๆ

      “ขอโทษที่ทำให้เป็นห่วงนะอิจิมัตสึนี่ซัง”

       

      “อ้าวๆเสียงอึกทึกเมื่อกี้เป็นฝีมือจูชิมัตสึจริงๆด้วยแฮะ”

      น้ำเสียงอันคุ้นหูดังขึ้น และต้นเสียงนั้นก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากพี่คนโตของหกแฝดนั่นเอง

      “ไม่ได้นะมายบราเธอร์~ไอ้ที่ทำเมื่อตะกี้น่ะมันเป็นอะไรที่dangarแบบสุดๆเลยล่ะ”

      “นี่พวกนาย..เดินงานกันปกติแบบคนธรรมดาเขาทำกันไม่ได้เหรอห้ะ?”

      “อันตรายสุดๆเลยนะครับจูชิมัตสึนี่ซัง นั่นน่ะ

      เหล่าหกแฝดที่กลับมารวมตัวได้อีกครั้งโดยไม่ได้นัดหมายต่างมองหน้ากันไปมา โอโซมัตสึหัวเราะออกมาเบาๆก่อนจะพูดอะไรบางอย่างออกมา

       “กลับมาเจอกันครบองค์ประชุมแบบนี้แล้ว..จะไปกันเลยไหมล่ะ?ดูดาวน่ะ..?”

       

      ใช้เวลาไม่มากไม่น้อยเกินไปนักสำหรับการเดินมาจุดชมวิวที่น่าจะเห็นดวงดาวได้ชัดที่สุด ท้องฟ้าสีส้มเหลืองเมื่อไม่กี่นาทีที่แล้วนั้นเริ่มเปลี่ยนเป็นสีม่วงเทา

      “ทำไมฟ้ามันดูครึ้มๆแบบนี้ล่ะ?”

      โจโรมัตสึย่นคิ้วขณะจ้องมองท้องฟ้าที่เมฆาสีหม่นเริ่มตั้งเค้ามาแต่ไกล

      “จริงด้วยนะครับจะกลับกันเลยดีไหม?”

      “ไม่ด้าย!อุตส่าห์มาทั้งทีก็ต้องอยู่ให้ถึงที่สุดนะ!!เชื่อคำนี่ซังสิ!!

      อิจิมัตสึแหงนหน้าขึ้นจ้องมองเค้าเมฆสีเทาทมิฬที่ตั้งเค้ามาเป็นสัญญาว่าอีกไม่กี่นาทีเม็ดฝนต้องโปรยปรายลงมาแน่แท้ แล้วอยู่ๆก็นึกถึงคำของจูชิมัตสึที่พูดในท้องฟ้าจำลองขึ้นมาได้..

      “ฮิโกโบชิกับโอริฮิเมะเนี่ย..ถ้าเป็นวันฝนตกแล้วจะไม่ได้เจอกันสินะ?”

      “อุตส่าห์มีโอกาสได้เจอกันแค่หนึ่งครั้งในรอบหนึ่งปีแท้ๆ แบบนั้นมัน..ดูเหงาจัง”

      จริงสินะ..ถ้าฝนตกลงมาทั้งสองคนก็จะไม่ได้เจอกัน..งั้นแบบนี้คำขอของฉันท่าจะไม่เป็นจริงซะแล้วสิ

       

      ซ่า.. ซ่า

      ไม่ทันขาดคำสายฝนเย็นเฉียบก็โรยตัวลงมาจากท้องฟ้าประหนึ่งฟ้ารั่ว หกแฝดต่างเริ่มวิ่งหลบฝนกันไปคนละทิศคนละทาง

       

      “ขอโทษนะนี่ซังอุตส่าห์จะมาดูดาวแท้ๆ

      จูชิมัตสึหันไปผงกหัวขอโทษกับอิจิมัตสึที่นั่งหลบฝนข้างๆอย่างรู้สึกผิด

      “ไม่เป็นไรหรอก..มันไม่ใช่ความผิดของนายนี่นา..ที่ฝนจะตกลงมาน่ะ”

      “แต่ว่า

      จูชิมัตสึยังคงก้มหน้างุดอย่างรู้สึกผิด ตอนนี้จูชิมัตสึกับอิจิมัตสึนั่งหลบฝนอยู่ที่ศาลาเล็กๆที่ตั้งอยู่บนจุดชมวิว แต่เนื่องจากมันเป็นเพียงศาสานั่งพักเล็กๆบริเวณกันสาดจึงไม่สามารถกันฝนให้คนทั้งหกคนได้ อีกสี่คนที่เหลือเลยต้องไปหลบฝนที่อื่น

      “จูชิมัตสึ

      “อะไรเหรออิจิมัตสึนี่ซัง?”

      “ที่นายบอกว่าจะเขียนคำอธิษฐานขอพรให้สมหวังในความรักน่ะนายอยากจะสมหวังในความรัก..กับใครน่ะ?”

      เป็นการยิงคำถามจี้จุดแบบไม่ทันให้ตั้งตัว จูชิมัตสึถึงกับชะงักไปชั่วครู่ในขณะที่อิจิมัตสึเองก็ไม่คิดเหมือนกันว่าตัวเองจะพลั้งปากถามอะไรแบบนั้นออกไป

      “อะเอ่อ..ถ้าไม่อยากบอกก็ไม่ต้อง..ก็ได้..

      “ไม่เป็นไรหรอก..ผมจะบอกแต่ต้องมีข้อแลกเปลี่ยนนะ..ผมอยากจะรู้จากปากของอิจิมัตสึนี่ซังโดยตรงล่ะ..นี่ซังน่ะ เขียนอะไรลงไปในกระดาษขอพรเหรอ?”

      “เรื่องนั้น….

      อิจิมัตสึอ้ำอึ้งพูดไม่ออกราวกับมีก้อนอะไรสักอย่างจุกติดอยู่ในลำคอ

      “ว่าไงล่ะ?”

      จูชิมัตสึเขยิบเข้าไปใกล้อิจิมัตสึมากขึ้นอีกราวกับจะคาดคั้น อิจิมัตสึพยายามจะถอยหลังหลบสายตาอีกฝ่าย ตอนนี้หัวใจของอิจิมัตสึยิ่งเต้นแรงจนแทบจะทะลุออกมานอกอก ยิ่งโดนจูชิมัตสึคาดคั้นขนาดนี้ยิ่งทำอะไรไม่ถูก

      ทว่า..อยู่ๆอิจิมัตสึก็ขยับตัวแล้วประกบริมฝีปากของตนไปยังริมฝีปากของจูชิมัตสึ และเมื่อผละริมฝีปากออกก็พูดกับจูชิมัตสึด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาแล้ววิ่งออกมาทันที

      “แค่นี้ชัดเจอพอรึยังล่ะ?”

       

      แย่ล่ะเผลอทำลงไปแล้วแบบนี้คงโดนเกลียดแน่ๆแล้วสิเรา

      ร่างของอิจิมัตสึทรุดตัวลงแล้วหอบหายใจ ทั้งใบหน้าและดวงตาร้อนแผ่วไปหมด ในสมองก็ว่างเปล่าคิดอะไรไม่ออก มีเพียงแค่คำว่าคงโดนเกลียดแน่ๆแล้ววนเวียนไปมาเท่านั้น

      “อิจิมัตสึนี่ซัง!!

      เสียงที่คุ้นเคยตะโกนไล่หลังมาจนอิจิมัตสึต้องหันกลับไปมอง

      “ตามมาทำไมกัน?”

      “ผมต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายถามอิจิมัตสึนี่ซังน่ะ ทำไมอยู่ๆถึงวิ่งออกมาแบบนั้น?”

      …..

      มีเพียงความเงียบมาแทนคำตอบ จูชิมัตสึถอนหายใจเบาๆแล้วจับไหล่ของอิจิมัตสึ

      “ผมบอกไปแล้วใช่ไหมว่าถ้านี่ซังยอมบอกผมว่าเขียนอะไรลงไปในกระดาษขอพร ผมก็จะยอมบอกเหมือนกัน..

      ทันทีที่พูดจบจูชิมัตสึขยับใบหน้าไปใกล้ๆอิจิมัตสึและทาบทับริมฝีปากซ้ำลงไปอีกครั้งทันที อิจิมัตสึเบิกตากว้างอย่างตกใจ ร่างกายแข็งทื่อทำอะไรไม่ถูก ใบหน้าที่ร้อนแผ่วอยู่แล้วทวีความร้อนยิ่งขึ้นไปอีก

      “คนที่ผมอยากจะสมหวังในความรักด้วยน่ะก็อิจิมัตสึนี่ซังนั่นแหละ!!

      ฉัน?”

      “ก็อิจิมัตสึนี่ซังน่ะชอบทำท่าทางไม่สนใจผมเลยนี่นา ช่วงนี้มีอะไรก็หลบหน้าตลอดจะทักอะไรไปก็ไม่ค่อยยอมพูดตอบ ผมน่ะ!!กังวลแทบตายเลยนะ!!

      สายฝนที่โปรยปรายลงมาเริ่มค่อยๆซาลง

      “ระ เรื่องนั้นน่ะ..

      “ผมน่ะชอบอิจิมัตสึนี่ซัง..ไม่ได้ชอบในสถานะพี่ชายแต่เป็นคนรัก..ก็รู้อยู่หรอกว่ามันเป็นไปไม่ได้..แต่ว่า!!ถ้าจูบเมื่อกี้เป็นของจริงก็พูดออกมาจากปากของนี่ซังหน่อยสิ!ช่วยยืนยันให้ผมแน่ใจหน่อย!!

      ใบหน้าของอิจิมัตสึแดงซ่าน ดวงตาสีดำของอิจิมัตสึหันไปสบสายตาของจูชิมัตสึแล้วเอ่ยคำบางคำออกมา ถ้อยคำที่ซื่อตรงที่สุดที่อยากจะเอื้อนเอ่ยมานานแล้ว

      “ฉันเอง..ก็ชอบนาย ชอบ...ในแบบที่ไม่ใช่น้องชายด้วย

      จูชิมัตสึยิ้มก่อนจะจับใบหน้าของอิจิมัตสึแล้วหอมแก้มอีกฝ่ายเบาๆ

      เมฆสีหม่นเริ่มสลายตัว สายฝนที่ตกลงมาก็หยุดลงแล้ว ร่างของฝาแฝดอีกสี่คนที่แอบมองคนทั้งคู่อยู่ห่างๆแล้วต่างทำหน้าเอือมก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ ต่างคนต่างบ่นกันไปตามประสา โทโดมัตสึแอบหยิบโทรศัพท์มือถือมาบันทึกภาพที่เกิดขึ้นอย่างใกล้ชิดติดขอบสนาม

      “ให้ตายเถอะเจ้าพวกนี้ทำอะไรไม่เกรงใจพวกนี่ซังกันบ้างเลยน้า”

      “อ่า....ดีจังนะที่ใจตรงกัน มายบราเธอร์”

      “รู้กันทั้งบ้านมาตั้งนานแล้วว่าต่างฝ่ายต่างชอบกัน..คงมีแค่สองคนนั้นละมั้งที่เพิ่งมารู้ตัวว่าตัวเองใจตรงกันน่ะ”

      “แหม วิวดีจริงๆนะครับ”

       “เอาเถอะคืนนี้น่ะปล่อยๆให้พวกนั้นสวีตกันต่อหน่อยเถอะนะ”

       

      ท่าทางคำอธิษฐานวันทานาบาตะจะเป็นจริงแล้วล่ะ

      ==ขอให้กล้าพูดความรู้สึกกับจูชิมัตสึ :อิจิมัตสึ==

      ==ขอให้การสารภาพรักกับอิจิมัตสึนี่ซังผ่านไปได้ด้วยดี :จูชิมัตสึ==

       

      #กรี๊สสสสสสสสสส!! ในที่สุดก็สำเร็จค่ะ!!เป็นฟิคที่รับวัวตายความล้มที่สุดในชีวิตเพราะเพิ่งเริ่มเขียนวันนี้และลงกันสดๆเลย;-; ไม่คิดไม่ฝันว่าจะปั่นฟิคได้เร็วป่านนี้เหมือนกัน เดธไลน์ไม่เคยปราณีใคร ถถถถถถถ สำหรับฟิคนี้เป็นฟิคฉลองวันทานาบาตะค่ะ แต่งคู่ตัวเลขเพราะคิดว่ามันเข้ากับเทศกาลสุดๆแล้ว ชื่อฟิคนี่ตอนแรกกะจะใช้ทานาบาตะตรงๆเลยด้วยซ้ำแต่แลดูสิ้นคิดไป(ฮา) #ทั้งที่7/7ก็สิ้นคิดไม่แพ้กัน ยังไงก็ติชมด้วยนะคะ=w=7 อ๊ะ?ใครเคะใครเมะเหรอแล้วแต่แพริ่งเลยค่ะ!!

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×