กลางไร่ผักขนาดใหญ่ในพื้นที่วังน้ำเขียวแดดร้อนจัดแทบจะเผาหัวมันให้สุกได้ ร่างกลมกลึงของหญิงสาวผู้หนึ่งเดินคุมคนงานจัดการขึ้นแปลงและตรวจสอบผักที่ถึงเวลาตัดส่งออกแล้ว ตั้งแต่เช้าที่ร่างอ้วนกลมลงลุยงานแม้คนงานจะบอกให้หลบแดดแต่ร่างอ้วนก็หาไปไม่ เพราะงานนี้ปลายฝนทำจนชินกับแดดแล้วนั่นเอง
"ปลายพี่ได้ข่าวมาจากทางบ้านปลายว่าแม่ปลายไม่สบาย" ร่างสูงของน้ำหนาวอุ้มลูกฝาแฝดคู่ที่สามมาหาปลายฝนถึงกลางไร่
"เรื่องของเขาเถอะ เขาไม่ให้กลับไปเหยียบที่ของเขาก็ไม่ต้องไป เห็นหน้าปลายแล้วเขาช็อคตายปลายเป็นบาปอีก พี่น้ำหนาวเถอะเลี้ยงลูกดีๆเล่าจะหาแม่ใหม่ให้ลูกก็อย่าเอาอย่างแม่ปลายกับพี่ปลายฟ้าที่หยิบจับอะไรไม่ได้" ปลายฝนเอ่ยขึ้นเพราะตนเองมีลูกแฝดถึงสามคู่และคู่สุดท้ายเป็นเด็กหญิงหน้าตางดงามแต่ถูกเลี้ยงกลางไร่ผักจึงไม่มีแววเกียจคร้านเลยแม้แต่น้อย
"พี่ไม่คิดจะมีหรอก พี่จะเลี้ยงลูกของเราให้เป็นพ่อเลี้ยงไร่ผลไม้ไร่ผักให้ได้เหมือนปลายเลย ปลายเองก็รักษาสุขภาพให้มาก ไปหลบแดดเถอะต้นหูกวางกลางไร่มันคงงอลแล้วที่ปลายไม่ยอมเข้าร่มมัน" น้ำหนาวเอ่ยเย้าผู้เป็นภรรยา มู่ตานมองเห็นพี่เลี้ยงพาเหล่าลูกชายทั้งสี่มุ่งหน้ามาหาจึงก้าวเดินไปยังต้นหูกวางกลางไร่เพื่อทานมื้อเที่ยงร่วมกัน จบมื้ออาหารเที่ยงทุกคนก็นั่งคุยกันจอแจส่วนปลายฝนรู้สึกเวียนหัวหน่อยๆจึงนั่งพิงต้นหูกวางน้ำหนาวเห็นภรรยาพิงต้นหูกวางจึงเข้ามาซ้อนภรรยาเข้าวงแขนกอดกระชับร่างอวบพิงอกตน ปลายฝนหลับตาลงด้วยความสุขโดยที่ไม่มีใครรู้ว่าหลับครั้งนี้จะเป็นการหลับตลอดกาลของร่างอ้วน รอยยิ้มของปลายฝนแต้มมุมปากน้อยๆภาพอดีตที่ผ่านมาผุดขึ้นในหัว....
"ไปเข้าฮ่มได้แล้วอีนาง แดดมันฮ้อนเดี๋ยวป้าสิเฮ็ดต่อเองลูก" เสียงป้านางหญิงหม้ายที่ปลายฝนจ้างมาทำงานด้วยตั้งแต่เริ่มทำไรผักปลอดสาร
"บ่เป็นหยั๋งจ้าป้านาง ปลายเฮ็ดนี่จักคาวก่อน เดี๋ยวมันสิบ่แล้ว" ร่างกลมๆร้องตอบมา แม่หม้ายสาวได้แต่ส่ายหัวในความดื้อรั้นของผู้เป็นนาย
"โอ้ยป้านางเจ้าบ่ต้องไปจ่มให้อีนางน้อยมันดอกเวียกบ่แล้วจ้างมันกะบ่ย๊อกหนีจากหม่อง" เสียงลุงชายบ้านข้างๆที่ผันตัวมาเป็นลูกจ้างมู่ตานกล่าวขึ้น
"ข่อยย่านมันเป็นลมนี่ล่ะลุงชาย แดดมื้อนี่ฮ้อนคักฮ้อนแหน่" ป้านางหันไปพูดกับลุงชาย
"ปลายฝน...ปลายฝน เฮ้...... ผมมารับผักแล้วผักชุดของผมได้รึยัง" เสียงของทศตะโกนมาจากหน้าไร่ ป้านางจึงไปรับหน้าชายหนุ่มเองเพราะปลายฝนอยู่ไกลมาก
"ที่ทศมาแล้วทำไมไม่ไปหาฟ้า ไปเถอะไม่ต้องมายุ่งแถวนี้หรอกเดี๋ยวพวกคนงานเขาก็จัดผักให้พี่เองนั่นแหล่ะ" ปลายฟ้าเดินมาจากเรือนมาดึงทศกลับเข้าบ้านเพราะด้านนอกอากาศร้อน ชายหนุ่มจำต้องเดินตามปลายฟ้าไปที่บ้านใหญ่ ทศเป็นลูกชายเจ้าของร้านอาหารในเมืองเป็นคนหล่อหน้าตาดีสาวๆติดล้อมหน้าล้อมหลังปลายฟ้าเองก็เป็นหนึ่งในนั้น ป้านางจัดผักให้ลูกค้าก่อนจะมาบอกปลายฝน
"อีนาง ขายผักได้รอบนี้เจ้าสิได้เงินบ่ล่ะ แม่เจ้านี่กะเหลือเกินเนาะเงินคำกำแก้วนี่เข้ามือบ่เคยเห็นมาให้เจ้าเลย" ป้านางบ่นไปกับฝนกับฟ้า เพราะรู้ดีว่าปลายฝนไม่มีทางได้เงินจากงานที่ทำ
"ส่างเถาะป้า " คำพูดติดปากของปลายฝน
ปลายฝนหรือปลายเป็นลูกคนเล็กของปลา ปลามีลูกสาวสองคน คนโตชื่อปลายฟ้าเป็นเด็กสาวผิวขาวผ่องเรียนเก่งแต่ไม่ทำงานทำการอันใด นอกจากเรียนและเที่ยวตอนนี้เรียนปริญญาตรีปีสาม ส่วนปลายฝนก็เป็นเด็กที่ปลาเกลียดตั้งแต่เห็นหน้า เพราะปลายฝนผิวคล้ำเหมือนพ่อ ยิ่งโตมาก็ยิ่งเหมือนพ่อปลายฝนเรียนไม่เก่งจึงเรียนแค่ม.3ตามที่กฏหมายกำหนด ก่อนจะออกมาปลูกผักขายโดยอาศัยที่ดินของพ่อที่อนุญาตให้ปลายฝนใช้ได้ตามสบาย ดังนั้นปลายฝนจึงสนุกกับสวนผักเป็นอย่างมาก ปลายฝนทำไร่ผักในที่ของพ่อที่อยู่ข้างบ้านแม่ที่พ่อซื้อไว้ตอนมีปลายฝนที่ 3 จึงกลายเป็นสวนผักขนาดใหญ่เต็มพื้นที่ ผักที่ขายได้ทุกต้นจากสวนนี้เงินไม่มีทางมาถึงมือปลายฝนนอกจากเงินค่าจ้างป้านางและลุงสมชาย ส่วนเงินที่ปลายฝนใช้นั้นคุณตาแบ่งมาให้ที่ละสองสามพัน เพราะปลายฝนไม่ออกจากสวนไปไหน นอนก็นอนกระท่อมในสวน กินก็อยู่ในสวน ข้าวก็ปลูกเองสีจากเครื่องสีข้าวมือหมุนเอง ฝัดข้าวเอาแกลบมาใส่คอกไก่ที่เลี้ยงไว้ ทุกอย่างล้วนอยู่ในสวน แต่ปลายฝนก็หนีออกจากสวนทีละอาทิตย์ในหนึ่งเดือน ไม่มีใครรู้ว่าไปไหนแม่ถามก็ตอบเพียงไปกรุงเทพ ไปเชียงใหม่ ไปดูต้นผัก พันธุ์ไม้ไปตามเรื่องแม่เคยตามมากรุงเทพครั้งหนึ่งปลายฝนพานั่งรถไฟชั้นสามเพื่อมาดูงานเกษตรแฟร์ทั้งร้อนทั้งคนมากวุ่นวายต้องเดินจากที่พักเพราะปลายฝนไม่ยอมนั่งรถ ทำให้ลูกปลาขยาดการมากรุงเทพของปลายฝนตั้งแต่นั้นมาก็ไม่เคยตามอีกเลย ปลายฝนซ่อนไร่ผักขนาดใหญ่ไว้ที่วังน้ำเขียวเนื้อที่นับร้อยไร่และยังมีไร่ผลไม้อีกแห่งที่เชียงใหม่ สองที่นี้คือแหล่งทำเงินให้ปลายฝนจนกระทั่ง....
"ปลายฝน พ่อพี่อยากได้ปลายฝนไปเป็นสะไภ้ ปลายฝนรับหมั้นพี่ได้ไหมคะ" ทศเอ่ยกับปลายฝนในวันหนึ่งโดยไม่รู้ว่าแม่กับปลายฟ้าได้ยิน
"ไปถามตาเถอะ ปลายไม่มีพ่อแล้วตาก็เป็นผู้ใหญ่ที่สุดในบ้าน ปลายตัดสินใจเองไม่ได้หรอก หัวดำข้ามหัวหงอกมันไม่เหมาะไม่ควร ขอตัวไปทำงานก่อนนะจ๊ะ" ปลายฝนมุ่งหน้ากลับไปทำงาน ค่ำนั้นปลายฝนก็ถูกแม่เรียกไปบ้านใหญ่
"อีปลาย บักน้ำหนาวมันให้แม่มันมาสู่ขอมึงมื้อเซ้า กูกะรับขันดอกไม้แม่มันแล้ว สิบสามค่ำสิฮอดนี้เป็นมื้อแต่งงาน อย่าเฮ็ดให่มันยากหลายล่ะกูขี้ค้าน เฮ็ดน่อยๆกะพอ" ลูกปลาเอ่ยขึ้นทันทีที่ปลายฝนนั่งลง
"แม่จำพินัยกรรมของพ่อได้บ่" อยู่ๆปลายฝนก็เอ่ยขึ้นมา
" พินัยกรรมหยั๋งอีก ที่ดินกะแบ่งไปแล้วนั่นเด้" เพราะพ่อของปลายฝนทำพินัยกรรมแบ่งไว้อย่างดีแล้ว
"ถ่าปลายแต่งงานก่อนยี่สิบแม่สิบ่มีสิทธิ์ไปยุ่งกับชีวิตปลาย นั่นเท่ากับว่านับแต่มื้อปลายแต่งงาน แม่สิบ่มีสิทธิ์ในทรัพย์สินเงินทองของปลายอีก ปลายบ่ได้มีปัญหากับการแต่งงาน แต่แม่สิมีปัญหากับการแต่งงานของปลายแน่ๆ" ปลายฝนเอ่ยขึ้นเรียบๆ
" คะสั่นที่สวนผักนั่นโอนคืนมาให้ฟ้ามันส่วนมึงกะเฮ็ดสวนไปคือเก่า" ลูกปลาเห็นทางออก
" ถ่าบ่แม่นที่ดินจะของ ปลายจะเฮ็ดเฮ็ดหยั๋งล่ะ คนกะค้านเป็นตั้วะ เงินมวนที่แม่เอาไปมันเกินสิบล้านแล้ว แม่เลี้ยงหนูมากะบ่ได้ใช้เงิน หลุดออกจากท้องแม่กะแม่นอีพ่อเลี้ยง เงินสิบสี่ล้านที่แม่เอาไปกะถือว่าค่าอุ้มท้องให้ลูกหมาๆคือหนูมาเกิดเถาะ ที่ดินนั่นลูกสิโอนคืนมื้ออื่นกะให่ฟ้ามันไปกรมที่ดินแล้วกัน ส่วนเรื่องแต่งงานถ่าพ่อใหญ่รับขันดอกไม้แล้วกะให่เป็นไปดั่งคำพ่อใหญ่เถาะ มีหยั๋งอีกยุบ้อ ถ่าบ่มีสิได้หลบไปซักผ้า" ปลายฝนเอ่ยขึ้นมาง่ายๆ
" เอ้า นี่เป็นชุดผ้าซิ่นที่แม่ใหญ่เหลือไว้กับผ้าผืนบ่ทันได้ตัด พ่อใหญ่ยกให่เจ้าใช้ในมื้องาน" ผ้าซิ่นไหมพื้นสีแดงตัดลายน้ำตาลยกชายแดงสดและผ้าผืนสีน้ำตาลลายหมี่ขอขัดถูกยื่นส่งมาให้จากผู้อาวุโสสุดในบ้าน ปลายฝนก้มลงกราบก่อนรับผ้ามาถือ
" มื้องานแต่งจัดยุเฮือนนี่ล่ะแต่งแล้วสิพากันย้ายไปอยู่ใสจั่งไปบักน้ำหนาวมันกะเป็นคนดี แม่นมันสิบ่แม่นคนแถวนี้แต่ที่พ่อใหญ่เบิ่งมันกะเป็นคนดีเติบยุ" คนเป็นตายยังเอ่ยเรื่อยๆ
"หลานฮู้แล้ว มีหยั๋งอีกบ่จ้า" ปลายฝนเอ่ยถามคุณตา
"บ่มีแล้วไปนอนสา" คนเป็นตาเอ่ยจบปลายฝนก็วางผ้าบนตักก่อนก้มลงกราบผู้เป็นใหญ่ในบ้านก่อนหันหลังเดินกลับกระท่อมน้อยกลางสวน
"ปลาย " เสียงหนึ่งเรียกจากริมรั้ว
"เอ่อ...ขอโทษเด้อจ้า เจ้าแม่นพุได๋ มีธุระกะเข้าไปคุยเทิงเถียงเถาะ มายืนมืดๆค่ำๆงูเงี้ยวเขี้ยวขอสิกัดเอา " ปลายฝนกวักมือเรียกเมื่อพิจารณาดีแล้วว่าไม่รู้จัก แต่จะให้ยืนคุยข้างรั้วก็ใช่ที่ ร่างสูงเดินตามหลังร่างอ้วนกลม กลิ่นหอมของดอกราตรีลอบตามลมก็ทำให้ชักแยกไม่ออกแล้วกลิ่นดอกไม้หรือกลิ่นคนที่เดินอยู่ข้างหน้า
" นั่งก่อนจ้า เดี๋ยวสิยกน้ำมาให่ กินข้าวกินน้ำมาแล้วไป่ ถ่าบ่ทันกินปลายสิหุงข้าวเผื่อ ขอโทษหลายๆพุเฒ่าเอิ้นไปเฮือนใหญ่ปลายเลยบ่ทันได้กินข้าว ถ่าบ่รังเกียจกะกินข้าวเป็นหมู่ปลายกะได้เด้อแต่ว่าถ่าจักคาวสะก่อน ปลายบ่ทันเฮ็ดแนวกิน" ร่างกลมไม่ได้รอคำตอบวางถาดน้ำลงก็หันกลับไปหุงข้าวแล้วก็เลยไปทำอาหารค่ำเสียแล้ว
"เจ้าถามแล้วกะบ่ถ่าเอาคำตอบ แม่นถามเฮ็ดหยั๋งล่ะหือ" น้ำหนาวบ่นตามหลังร่างกลมเมื่อเจ้าตัวคนถามไม่ได้รอฟังคำตอบ หม้อข้าวสุก อาหารก็เสร็จ แม้ไม่มีเนื้อมีหมูแต่ปลามีเยอะมาก อาหารที่ปลายฝนทำกลิ่นหอมอบอวนไปทั่วกระท่อม ผัดกะเพราเนื้อปลานิลหั่นเต๋าทอด ต้มยำปลา ผัดผักรวม ยำผักทอด เคียงเนื้อปลานิลทอดกระเทียม
"โอ้โห นี่ปลายกินหมดนี่จะนอนหลับหรอ" น้ำหนาวเอ่ยถามอึ้งๆเมื่อเห็นอาหาร
" ฮ่าๆๆ โอ้ยน้อ แม่นไผ๋สิตักปลาแดกกับแจ่วมาให่ไทแขกกิน ปกติยุพุเดียวกะกับข้าวอย่างเดียว แจ่วกับปลาแดกถ่อนั่นล่ะจ้า มื้อนี้ซงสิบ่ได้นอนหรอก ปลายต้องเย็บผ้าซิ่นกับตัดเสื้อใส่งานแต่งจะของอีกเหลือเวลาแค่แปดเก้ามื้อหนึ่ง คั่นแล้วบ่ทันย่านได้นุ่งเสื้อยืดเข่าพาขวัญยุ ถืกยายปลาฟาดหลังลายอีก" ปลายฝนพูดตามที่คิดพลางยกโต๊ะเตี้ยๆมาวางก่อนยกถ้วยยกจานกับข้าวมาวาง
" กินข้าวสะก่อนเถาะ มีหยั๋งกะค่อยว่ากันปลานั่นกินได้เลยบ่ต้องห่วงก้าง" ปลายฝนตักกับข้าวก่อนชายหนุ่มตรงหน้าจึงตักบ้าง ทันทีที่อาหารแตะลิ้นน้ำหนาวก็กินไม่พูดไม่จา ปลายฝนเห็นก็ยกยิ้มกลั้นขำ ไม่นานอาหารทุกอย่างก็เกลี้ยงจาน เมื่อปลายฝนเก็บถ้วยจานเสร็จก็ยกเตาเล็กที่มีหม้อดินตั้งอยู่มาวาง
"ปลายได้ชามาจากเชียงใหม่ ปกติบ้านนี้ไม่มีน้ำหวาน ดื่มได้หรือเปล่าคะ" ปลายฝนใช้ภาษากลางเพราะเข้าใจว่าเป็นเรื่องสำคัญ
"เว้าปกติกะได้ อ้ายกะมักชาคือกัน แม่อ้ายนี่แห่งมักหลาย อ้ายชื่อน้ำหนาว" น้ำหนาวหยุดดูปฏิกิยาคนตรงหน้า เมื่อเห็นว่าปลายฝนเพียงมองนิ่งๆก็เอ่ยเล่าต่อ
"แม่ของปลายไปหาแม่พี่ บอกว่าถ้าหากอยากได้ปลายมาเป็นลูกไภ้ก็ให้ไปขอ เพราะแม่พี่เคยชมปลายที่วัดว่าอยากได้มาเป็นสะไภ้เพราะชอบที่ปลายขยัน" น้ำหนาวเอ่ยเล่า
"แล้วอ้ายคึดจะได๋คึให่แม่มาขอ" ปลายฝนถามพลางขยับไปดึงผ้าซิ่นมาจับจีบก่อนเอาเข็มหมุดปักยึดเมื่อรับรู้ว่าชายหนุ่มร่างสูงตรงหน้าเป็นใคร
"อ้ายบ่ได้คึด แม่อ้ายบ่ถืกกันกับย่าเลยกลายเป็นแม่ผัวรังแกลูกไภ้ แม่อ้ายทนบ่ไหวกะเลยหย่าพาอ้ายหนีมาอยู่นำป้าที่ได้สามีอยู่หมู่บ้านนี้ แต่เพราะแม่อ้ายมีเงินติดโตมาหลายเติบอ้ายกะเลยบ่ได้ทำการทำงานหยั๋ง อ้ายเรียนจบแล้ว งานอ้ายกะอยู่ในกรุงเทพเป็นหลัก อ้ายเฮ็ดร้านอาหาร มีผู้จัดการที่ไว้ใจได้กะเลยบ่ไปวุ่นวาย อ้ายกะบ่ฮู้คือกันว่าปลายสิบ่ฮุ้จักอ้าย" น้ำหนาวเอ่ยกับปลายฝน
" ปลายบ่ได้ออกไปใส ถ่าคนในหมู่บ้านนี่นอกจากเฮือนจะของกะมีแต่ป้านางกับลุงชายถ่อนั้นล่ะ ปลายกะเลยงงๆอยู่ว่าพุได๋มาเอิ้น" ปลายฝนตอบตามความจริงก่อนสิถามขึ้น
" ว่าแต่สิแต่งกับปลายนี่ แต่งแล้วสิไปยุไส คึดไว้ล่ะยัง" ปลายฝนถามชายหนุ่มก่อนจะวางแบบตัดเสื้อเป็นแบบชุดจิตรลดา
"ถ่าบ่มีบ้านอยู่กะคงกลับไปอยู่บ้านแม่อยู่เชียงใหม่ แต่ว่าบ้านแม่หลังบ่ใหญ่เด้ ปลายสิอยู่ได้บ่ แม่อ้ายเพิ่นใจดีคงบ่มีปัญหาเรื่องแม่ผัวลูกสะไภ้ดอก" น้ำหนาวเอ่ยกับร่างกลมตรงหน้า
"เข้าใจแล้ว จะกลับยัง ปลายสิตัดผ้าเย็บชุด ถ่าบ่กลับกะจิบชาเล่นไปก่อนกะได้ ปลายตัดเย็บชุดพวกนี่ก่อนจ้า" ปลายฝนเอ่ยจบก็หันไปจมอยู่กับงานตัวเอง เพราะแบบไม่ยุ่งยากไม่นานผ้าถุงรูปทรงเก๋ไก๋ก็เรียบร้อย
" ปลายตัดเสื้อเป็นติ ตัดให่อ้ายนำได้บ่ตัดแต่เสื้อกะพอ กางเกงสแลคสีดำกับสีเทาอ้ายมีอยู่" น้ำหนาวเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นฝีมือปลายฝน
"ปลายบ่มีผ้าติล่ะ" ปลายฝนตอบโดยไม่หันมา
"มื้ออื่นจะเอามาให้ " น้ำหนาวยกยิ้ม ปลายฝนได้แต่พยักหน้าเที่ยงคืนกว่าๆน้ำหนาวก็เริ่มง่วงจึงขอตัวกลับรุ่งเช้าผ้าไหมยกดอกสีขาวงาช้างก็ถูกว่าที่แม่สามีหิ้วมาแต่เช้า ปลายฝนเลยจับวัดตัวตัดชุดใหม่ให้แม่ของน้ำหนาวไปด้วยด้วยผ้าไหมสีส้มโอโรสที่แม่ว่าที่สามีเอามา หลังจากวันที่รู้ข่าวหมั้นปลายฝนก็ไม่เห็นหน้าทศอีกเลยจนกระทั่งวันแต่งงานที่ทศควงสาวๆมาด้วยถึงสี่คน ปลายฝนแต่งหน้าอ่อนๆแต่งชุดที่ตัดเองเข้าพิธีด้วยรอยยิ้ม จนจบงานจึงหาวันย้ายกลับไปอยู่เชียงใหม่ตามแม่สามีและสามีอย่างน้ำหนาวได้ตัดสินใจ แต่เมื่อมาถึงเชียงใหม่ปลายฝนก็กลายเป็นแม่เลี้ยงใหญ่ของไร่ปลายวสันต์ไปทันทีท่ามกลางความตกตะลึงของน้ำหนาวและนงคราญผู้เป็นแม่สามีของปลายฝน เมื่อรู้จักนงคราญก็ยิ่งรักลูกสะไภ้ผู้นี้สุดหัวใจและกลายเป็นคุณย่าที่ตามใจหลานอย่างมาก
ความคิดเห็น