อัจฉะริยะสร้างได้ - อัจฉะริยะสร้างได้ นิยาย อัจฉะริยะสร้างได้ : Dek-D.com - Writer

    อัจฉะริยะสร้างได้

    นี่เป็นหนังสือเรื่องอัจฉะริยะสร้างได้ เป็นหนังสือของ วนิษา เรซ หรือหนูดีเจ้าคะ ซึ่งเธอเป็นประธานกรรมการ บริษัท อัจฉริยะสร้างได้ ที่เอาลงจะเป็นเพียงส่วนหนึ่งของหนังสือเท่านั้นนะเจ้าคะ

    ผู้เข้าชมรวม

    699

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    3

    ผู้เข้าชมรวม


    699

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  26 มี.ค. 51 / 16:29 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

    วนิษา เรซ หรือ หนูดี หญิงเก่งของไทย (อเมริกัน) วัย 30 ปี

    • จบปริญญาตรีเกียรตินิยมด้าน ครอบครัวศึกษา Family Studies มหาวิทยาลัยแมรี่แลนด์ คอลเลจพาร์ค สหรัฐอเมริกา
    • ปริญญาโทเกียรตินิยมด้านวิทยาการทางสมอง (Neuroscience) ในโปรแกรม Mind, Brain and Education มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด สหรัฐอเมริกา
    • ปัจจุบัน - เป็นผู้เชี่ยวชาญและที่ปรึกษาด้านอัจฉริยภาพ (เพียงคนเดียวในไทย)
    • ผู้ชนะล้านที่ 15 รายการ "อัจฉริยะข้ามคืน"
    • ประธานกรรมการ บริษัท อัจฉริยะสร้างได้ จำกัด www.geniuscreator.com
    • ผู้อำนวยการโรงเรียนวนิษา www.vanessa.ac.th
    • เป็นผู้นำเสนอแนวคิด - คนทั่วไปก็สร้างและฝึกฝนให้เป็นอัจฉริยะได้เช่นกัน - เขียนหนังสือ "อัจฉริยะสร้างได้"







    ขอให้ทุกคนนำความรู้ที่ได้ไปใช้ด้วยนะเจ้าคะ

    ^_^


    เมนท์ด้วยน้า!!!!!!!!!!! >O<

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      5 คุณสมบัตินักสร้างอัจฉริยะที่ดี

      "หนูดี" ยังแนะผู้ที่ต้องการเข้าสู่วงการนี้ว่า

      1.มีคุณธรรมและรู้จริง เพราะวงการนี้เป็นการสร้างคนซึ่งมีความละเอียดอ่อนสูง การให้ข้อมูลผิดเท่ากับเป็นการทำบาป นอกจากนี้ ความรู้ที่มีไม่ใช่แค่ความรู้ที่อ่านจากหนังสือต้องรู้ลึกถึงข้อมูลที่แท้จริง

      2. ชื่อธุรกิจบอกแล้วว่าสร้างอัจฉริยะ คนที่จะทำต้องมีปูมหลังชีวิตที่ดี ต้องเรียนเก่ง ทำงานเก่ง และบริหารชีวิตส่วนตัวได้ เพราะถ้าจะไปสอนคนอื่นต้องทำชีวิตตัวเองให้ดีก่อน

      3.รู้จักเอื้อคนอื่น

      4.รู้กติกาสากลในการเชิญผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศเข้ามา

      5.เก่งทั้งภาษาไทยและอังกฤษ


      ทิปส์ในการพัฒนาสมอง

      1. จิบน้ำบ่อย ๆ
      สมองประกอบด้วยน้ำ 85 % เชลล์สมองก็เหมือนต้นไม้ที่ต้องการน้ำหล่อเลี้ยง ถ้าไม่มีน้ำ ต้นไม้ก็เหี่ยว ถ้าไม่อยากให้เชลล์สมองเหี่ยวซึ่งส่งผลให้การส่งข้อมูลช้า กลายเป็นคนคิดช้าหรือคิดไม่ค่อยออก แต่ละวันจึงควรดื่มน้ำบ่อย ๆ

      2. กินไขมันดี
      คนไม่ค่อยรู้ว่าสมองคือก้อนไขมัน ซึ่งจำเป็นต้องมีไขมันดีไปทดแทนส่วนที่สึกหรอ แนะนำให้กินไขมันดีระหว่างวัน จำพวกน้ำมันปลา สารสกัดใบแปะก๊วย ปลาที่มีไขมันดีอย่าง ปลาแซลมอน นมถั่วเหลือง วิตามินรวม น้ำมันพริมโรสเป็นน้ำมันดี ที่ทำให้เชลล์ชุ่มน้ำ ส่วนวิตามินซีกินแล้วสดชื่น

      3. นั่งสมาธิวันละ 12 นาที
      หลังจากตื่นนอนแล้ว ให้ตั้งสติและนั่งสมาธิทุกเช้า วันละ 12 นาที เพื่อให้สมองเข้าสู่ช่วงที่มีคลื่น Theta ซึ่งเป็นคลื่นที่ผ่อนคลายสุด ๆ ทำให้สมองมี Mental Imagery สามารถจินตนาการเห็นภาพและมีความคิดสร้างสรรค์ (ถ้าทำไม่ได้ตอนเช้า ) ให้หัดทำก่อนนอนทุกวัน

      4. ใส่ความตั้งใจ
      การตั้งใจในสิ่งใดก็ตาม เหมือนการโปรแกรมสมองว่านี่คือสิ่งที่ต้องเกิดระหว่างวันสมองจะปรับพฤติกรรมเราให้ไปสู่เป้าหมายนั้นทำให้ประสบความสำเร็จในสิ่งต่าง ๆ เพราะสมองไม่แยกระหว่างสิ่งที่ทำจริงกับสิ่งที่คิดขึ้นทั้งสองอย่างจึงเป็นเสมือนสิ่งเดียวกัน

      5. หัวเราะและยิ้มบ่อย ๆ
      ทุกครั้งที่ยิ้มหรือหัวเราะ จะมีสารเอ็นโดรฟิน ซึ่งเป็นสารแห่งความสุข หลั่งออกมาเท่ากับเป็นการกระตุ้นให้มีความอยากรักและหวังดีต่อคนอื่นไปเรื่อยๆ

      6. เรียนรู้สิ่งใหม่ทุกวัน
      สิ่งใหม่ในที่นี้หมายถึง สิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน เช่น กินอาหารร้านใหม่ ๆ รู้จักเพื่อนใหม่ อ่านหนังสือเล่มใหม่
      คุยกับเพื่อนร่วมงานและเรียนรู้วิธีการทำงานของเขา เป็นต้น เพราะการเรียนรู้สิ่งใหม่ทำให้สมองหลั่งสารเอ็นโดรฟิน และโดปามีนซึ่งเป็นสารแห่งการเรียนรู้ กระตุ้นให้อยากเรียนรู้และสร้างสรรค์ ไปเรื่อย ๆ เมื่อมีความสุขก็ทำให้มีความคิดสร้างสรรค์

      7. ให้อภัยตัวเองทุกวัน
      ขณะที่การไม่ให้อภัยตัวเอง โกรธคนอื่น โกรธตัวเอง ทำให้เปลืองพลังงานสมอง การให้อภัยตัวเอง เป็นการลดภาระของสมอง

      8. เขียนบันทึก Graceful Journal
      ฝึกเขียนขอบคุณสิ่งดี ๆ ที่เกิดขึ้นแต่ละวันลงในสมุดบันทึก เช่น ขอบคุณที่มีครอบครัวที่ดี ขอบคุณที่มีสุขภาพที่ดี
      ขอบคุณที่มีอาชีพที่ทำให้มีความสุข เป็นต้น เพราะการเขียนเรื่องดี ๆ ทำให้สมองคิดเชิงบวก พร้อมกับหลั่งสารเคมีที่ดีออกมา ช่วยให้หลับฝันดี ตื่นมาทำสมาธิได้ง่าย มีความคิดสร้างสรรค์

      9. ฝึกหายใจลึก ๆ
      สมองใช้ออกชิเจน 20-25 % ของออกชิเจนที่เข้าสู่ร่างกาย การฝึกหายใจเข้าลึก ๆ จึงเป็นการส่งพลังงานที่ดีไปยังสมอง
      ควรนั่งหลังตรงเพื่อให้ออกชิเจนเข้าสู่ร่างกายได้มากขึ้น ถ้านั่งทำงานนาน ๆ อาจหาเวลายืนหรือเดินยึดเส้นยืดสายเพื่อให้ปอดขยายใหญ่สามารถหายใจเอาออกชิเจนเข้าปอดได้เพิ่มขึ้นอีก 20 %

      การมีสมองที่ดีก็เหมือนทักษะทุกอย่างในโลกที่เรียนรู้ได้ แต่จะเก่งหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับการฝึกฝน ถ้าเราดูแลและฝึกฝนสมองให้ดี คุณภาพชีวิตก็จะดีตาม


      วนิษากล่าวว่า คนทั่วไปมักมองว่าคนที่เป็นอัจฉริยะมักจะหมกมุ่นอยู่กับตำรากองโต ใส่แว่นหนาเตอะและไม่ค่อยมีมนุษยสัมพันธ์ซึ่งมักเกิดกับคนในวงแคบ เช่น คนที่เก่งด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์หรือดนตรี แต่ความจริงแล้ว อัจฉริยภาพมีมากกว่านั้น ดร.โฮเวิร์ด การ์ดเนอร์ ผู้คิดค้นทฤษฎีพหุปัญญาซึ่งเสนอว่ามนุษย์มีอัจฉริยภาพอย่างน้อย 8 ด้าน เพียงแต่บางด้านอาจเด่นกว่าด้านอื่นและขึ้นอยู่กับการฝึกฝนมาตั้งแต่เด็ก

      อัจฉริยภาพ 8 ด้านที่ว่า ได้แก่ อัจฉริยภาพด้านภาษาและการสื่อสาร อัจฉริยภาพด้านร่างกายและการเคลื่อนไหว อัจฉริยภาพด้านมิติสัมพันธ์ อัจฉริยภาพด้านตรรกะและคณิตศาสตร์ อัจฉริยภาพด้านการเข้าใจในตนเอง อัจฉริยภาพด้านการเข้าใจผู้อื่นและมนุษยสัมพันธ์ อัจฉริยภาพด้านธรรมชาติ และอัจฉริยภาพด้านดนตรี

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×