little love เสริฟรักเหล่านักสู้
เมื่อความรักก่อตัวขึ้นท่ามกลางความรุนแรงแห่งนักสู้ พวกเค้าจะจัดการกับความรักครั้งนี้ยังไงกันต้องลุ้นกัน
ผู้เข้าชมรวม
400
ผู้เข้าชมเดือนนี้
1
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ว้าย !!! 5 โมงกว่าแล้วหรอเนี่ย วันนี้ต้องเรียนชั้น 4 ด้วยละซิตายแน่เลยชั้น TOT
ฉันรีบซอยเท้าขึ้นบันได คิดแล้วฉันยังแค้นใจไม่หาย ทำไมหนอทำไมฉันต้องจับฉลากได้อยู่สีฟ้าด้วยเนี่ย ???
ถ้าได้อยู่สีชมพูเรียนชั้น 1 แถมพี่เคจิ ประธานสียังใจดีและหล่อกระชากใจ
ส่วนสีเขียวอยู่แค่ชั้น 2 ส่วนประธานสีเนี่ยไม่ต้องพูดถึง พี่ไดโจเท่ห์แอนด์ เซ็กซี่บอย และยังสุภาพสุดๆ
ถ้าพูดถึงประธานสีของสีม่วงละก็ ถ้าใครไม่รู้จักเชยสุดๆ พี่แกเนี่ยป๊อบเหนือคำบรรยา ประมาณว่าเดินไปทางไหนเสียงกรี๊ดเป็นเงาตามตัว
แต่ถ้าจะพูดถึงประธานสีฟ้าของฉันละก็ (โหด + เฮียบ ) ยกกำลัง 2
ถึงวันนี้ฉันยังอดนึกถึงเหตุการณ์เมื่อวานซึนไม่ได้
นักเรียนทุกคนในยิมมาประชุมพร้อมกันเพื่อจับฉลาก สาธุขออย่าให้อยู่สีฟ้าเลย แต่ตาขวาฉันดันกระตุกซะนี่หรือว่าฉันต้องอยู่สีฟ้าจริงๆ ฉันพนมมืออธิฐานก่อนล้วงมือเรียวยาวคว้านหากระดาษในกล่องก่อนจะหยิบมมาใบหนึ่ง เมื่อเปิดอ่านแล้วใจฉันแทบแตกสลาย ~ ~ สีฟ้า ~ ~ คำนี้เขียนเด่นเป็นสง่าอยู่กลางแผ่น ฉันอยากจะร้องไห้เป็นภาษาฝรั่งเศสเสียจริงๆ ดีนะที่พี่คุโด้อยู่สีนี้ด้วยอะไรที่เลวร้ายจึงดีขึ้นมาก ก็ฉันแอบมอบหัวใจดวงนี้ให้พี่คุโด้ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอแล้วนี่หน่า
ถึงชั้น 4 ซักที ฉันดูนาฬิกานี่ฉันมาสายเกือบ 10 นาที ขนาดเมื่อวานมาสายแค่ 5 นาทียังโดนวิ่งรอบยิม
10 รอบ แล้ววันนี้ ฉันไม่วิ่งขาลากเลยหรอเนี่ย
“ นี่!! วันนี้เธอมาสายอีกแล้วนะ ปิดเทอมแท้ๆ ตาพี่ประธานสุดเฮี๊ยบยืนฝ้าประตูทางเข้า ”
“จ๊า ปู่หนูผิดไปแล้ว” +++ เธอเรียกใครว่า ปู่ ตาประธานซาซึเกะปั้นหน้าเก๊กขรึม น่ากลัวตายเลย
แล้วตอนเนี่ยฉันพูดกับใครอยู่ละ ถามไม่คิดเลยนะเนี่ย
“ยัยมิริน ไปทำอะไรมา” แหม ~ ทำเป็นดุ กลัวจนตัวสั่นเลยนะเนี่ย
“คนมันง่วงเลยนอนกลางวัน เมื่อคืนดูบอลดึกอะ” โกหกหน้าตายเลยเรา
“หรอ” ~ ตาประธานนั่นเชื่อด้วยแฮะ
“ใช่ละซิแมนยูชนะเชลซี 3 0 สุดยอดไปเลย” เอาน่าโกหกเพื่อความปลอดภัยของชีวิต
“นี่จะโกหกก็ให้มันแนบเนียนหน่อยดิ ตอนเนี่ยเขาจะแข่งบอลโลกกันแล้วเจ๊” ตาซาซึเกะยิ้มเยาะเย้ยฉัน
หน้าฉันเหลือ 2 นิ้วเลย ยืนก้มหน้ารอฟังคำตัดสินของท่านเปาปุ้นจิ้น TOT
“อืม ! คิดออกแล้วว่าจะให้เธอทำอะไรดี วิ่ง 20 รอบ ส่วนเรื่องที่เธอโกหกฉัน ซิทอัพ 50 ครั้งละกัน”
“ฉันอะ คนนะไม่ใช่ควายจะได้ถึกขนาดนั้น” โทษที นึกว่าใช่ เจ๊ถึก ถ้าทำได้ฉันละอยากกระโดดกัดหู
ตานั่นเสียจริงๆ โอ้ !!! ...พระเจ้าช่วย ต้องใช้แผนนี้ อ้อนเท่านั้นที่ครองโลก ฉันยิ้มเจ้าเล่ห์ เมื่อวานเพิ่งใช้มันกับพี่คุโด้สุดหล่อ จากวิ่ง 10 รอบเหลือ 5 รอบ แผนเนี่ยแจ่มสุดยอด แต่วันนี้พี่คุโด้จะอยู่มั้ยน๊า + + + +
“แล้วจะยืนขวางทำไมละปู่ ยืนนานๆระวังเป็นลมนะ” ตาซาซึเกะยืนขวางประตูคิดว่าเท่ห์ตายละ
หมับ ~ ~ มือปลาหมึกจับแขนฉันตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ “ไปพร้อมกันซิ วันเนี่ย ฉันคุมเธอเอง”
คุมเธอเองเหรอ โธ่ ! แผนของชั้นพังไม่เป็นท่าละซิ ฝากไว้ก่อนเถอะ ฉันบ่นขมุบขมิบ
“แล้วพี่คุโด้ละ” ฉันถามด้วยความอยากรู้และร้อนใจ ฉันอยากเจอพี่คุโด้ที่สุดเลยนี่หน่า
“ไม่มา” ตานั่นตอบสั้นๆ เล่นซะหัวใจฉันแตกสลาย รอยยิ้มบนใบหน้าหายไปทันที
ทั้งๆ ที่รัชกาลที่ 5 เลิกทาสแล้วแท้ๆเชียว แต่ทำไมวันนี้ฉันมีสภาพไม่ต่างทาสเลย ต้องทำตามนายนั่นสั่งตลอด วิ่งครบ 10 รอบ ปุ๊บ ซิทอัพ ปั๊บเลยให้พักหน่อยก็ไม่ได้ ใจของนายเป็นแค่ก้อนเนื้อเต้นได้รึไง ไม่มีความรู้สึกซะบ้าง (เห็น ใจ) อะสะกดเป็นมั้ย
“พักได้ยังเนี่ย หิวน้ำจะแย่อยู่แล้ว” เสียงของฉันหวานจนเลี่ยน ขนาดตัวฉันเองยังรับไม่ได้เลย
“แล้วทำไมต้องทำเสียงอย่างนี้ด้วยเนี่ย น่ารักตายแหละ”
“พอใจ ได้ยินมั้ย พอ ใจ” ฉันตะโกนเสียงดัง แต่ว่ากินน้ำได้ยังเนี่ย ฉันยังทำเสียงออดอ้อนเหมือนเดิม
“ยังไม่ได้ เหลือซิทอัพอีก 20 ทีเอง ความอดทนอะมีมั้ย อด ทน อะ” ตาบ้าซาซึเกะเลียนแบบเสียงฉัน
“ใจร้ายๆๆๆ ...” ฉันฝืนใจซิทอัพต่อ + + + ทำไมมันเหนื่อยอย่างนี้เนี่ย เสื้อเปียกเหมือนเพิ่งอาบน้ำเลย
“แล้ววันนี้ไม่มีสอนหรอ” คนในสีประมาณ 25 เข้าแถวรอครูฝึกกันอย่างเป็นระเบียบ
“ใช่ละซิเดี๋ยวเคนโตะคุงคงมาสอน ส่วนฉันว่างและวันนี้กะจะคุมเด็กดื้ออย่างเธอ” คิ้วหนาอย่างกับ
สก๊อตเทปสีดำขยับขึ้น-ลง
คำก็เด็กสองคำก็เด็กชั้นอายุห่างกับนายแค่ 3 ปีเองนะยะ # _# _#
“นายเชื่อเรื่องดวงมั้ย” + + + “ทำไมอะ”
“ก็ดวงในหนังสือนิตยสารละซิแม่นชะมัด เขาบอกว่าฉันจะโชคร้ายแล้วก็โชคร้ายจริงๆเพราะต้องเรียนกะ...”
“พูดมากจริงเลย !!! จะกินน้ำมั้ยเนี่ย นับ1 - 3 ไม่ไปกินอด” ฉันไม่รอให้นับถึงหรอกใส่เกียร์หมาวิ่งแน๊บไปทันที
อยู่ม.3 หรือ ป.6 กันแน่เนี่ย ยัยมิริน
แฮ่ก ~ แฮ่ก ~ ใครนินทาชั้น ๆๆๆ _ _ _ เนี่ย สำลักน้ำเลยเห็นมั้ย
“อีก 1 เดือนจะมีการแข่งคาราเต้ของยิมเธอจะลงแข่งมั้ย”
“ไม่เด็ดขาด” ตอบโดยไม่ต้องคิดเลย ใบหน้าน้อยๆของฉันสั่นไป มา ถึงแม้ฉันจะอยู่สายเขียวแต่ใจมันไม่อยากแข่งนี่หน่า ฉันเริ่มยืดเส้น ตั้งแต่ท่ายืนไปจนถึงท่านั่ง
“ฉันถามจริงเถอะทำไมเธอถึงดื้อไม่เคยเปลี่ยนเลยฮะ” นายนั่นเงียบอยู่นานก่อนจะเอ่ยปากถาม
“หมายความว่าไงเนี่ย ?” ฉันละไม่เข้าใจจริงๆเลย
“ก็ตั้งแต่วันแรกที่ฉันเจอเธอตอนอยู่สายขาว จนถึงวันนี้ก็ยังเถียงคำไม่ตกฝากไม่เคยเปลี่ยน”
“นี่นายจำฉันได้ด้วยหรอ” ฉันถามอย่างตกใจก็ตอนนั้นมันนานแสนนานเป็นชาติได้แล้วมั้ง //- - - -//
“แน่ละซิทำไมจะจำไม่ได้”
ฉันเคยเจอนายนั่นแล้วครั้งนึง ในฐานะครูสอน ไม่ใช่ประธานสี ตอนนั้นฉันอยู่สายขาววันแรกที่
มาเรียน ฉันมาสาย
“นี่เธอเป็นเด็กใหม่ทำไมถึงมาสาย” คำพูดนี้ฉันจำได้ดี
“ก็.....” ฉันยังไม่ทันพูดอะไรเสียงนายนั่นก็แทรกมา
“วันนี้เธอต้องทำความสะอาดห้องน้ำของยิมชั้น 1 นี่คือบทลงโทษจะได้จำไว้”
“เห้ย !” + o + “ มันไม่มากไปหน่อยหรอน้องเขาเพิ่งมาใหม่นะ” พี่ชายคนข้างๆ ร่างสูงโปร่ง ดวงตาดำคมกริบตัดกับสีผิวขาวผ่อง ปากบางเฉียบสีแดงระเรื่อ ดูแล้วอ่อนโยน เข้ากับสันจมูกโด่งได้เป็นอย่างดี นี่แหละน๊าเจ้าชายของฉันแต่ดูเหมือนคำพูดของเขาจะไม่ได้ผลแม่แต่นิดเดียว { + D + }
หลังเลิกเรียนฉันต้องสวมวิญาณแจ๋วขัดห้องน้ำ ชีวิตใครจะรันทดขนาดนี้มีอีกมั้ยน๊า แต่ดีที่มีอัศวินขี้ม้าขาวมาช่วยไว้ เขาช่วยฉันขัดห้องน้ำ ที่จริงแล้วเขาก็ไม่ใช่ใครหรอกพี่ที่ช่วยพูดไม่ให้ฉันถูกลงโทษนั่นเอง
เราขัดห้องน้ำหญิงจนสะอาดแล้วจึงย้ายไปทำความสะอาดห้องน้ำชายต่อ ระหว่างที่ขัดห้องน้ำเราพูดคุยกันอย่าง
สนุกสนานและชื่อๆนี้ที่ทำให้ฉันจำไม่เคยลืม คุโด้ แล้วเขาก็คือคนที่ทำให้หัวใจฉันหวั่นไหวอย่างรุนแรง
หลังจากวันนั้นฉันก็ได้เจอพี่คุโด้ทุกวันและสนิทกันมากขึ้น ถ้าจริงๆแล้วจะเรียกว่ารักเขามากขึ้นถึงจะถูก
แต่สำหรับเขาแล้วฉันมันก็แค่น้องสาวคนหนึ่ง ส่วนตาซาซึเกะหลังจากวันั้นฉันก็ไม่เจอเขาอีกเลยเพราะ
ตานั่นจะสอนสายสูงๆตั้งแต่สายน้ำตาลขึ้นไปและฉันได้เจอเจอนายนั่นอีกครั้งนึงก็เมื่อวานเนี่นแหละ
ซึ่งนายนั่นก็เฮียบไม่เคยเปลี่ยนสั่งให้ฉันวิ่งจบหอบแห่ก ลิ้นห้อย เพราะมาสาย
“เป็นอะไรของเธอเนี่ยยืนหลับในรึไง” ตานั่นปลุกฉันให้ตื่นจากอดีต
“ป่าวซะหน่อย” //// *** ////
“ถ้าป่าวก็ไปเข้าแถวรวมกับเพื่อนๆซิ”
วันนี้เราซ้อมซะเหงื่อท่วม หลังเปียกอย่างกับเพิ่งอาบน้ำมาหมาดๆ
พอเลิกเรียนฉันรีบเดินไปลานจอดรถและได้เห็นภาพที่บาดตาบาดใจ พี่คุโด้กะพี่ฮานะจังเดินจูงมือกันสวีตซะจนมดแถวนั้นขนขบวนกันมาทั้งรัง ตอนพี่ฮานะสะดุดล้มพี่คุโด้ยื่นมือไปรับและประคองอย่างอ่อนโยน
ฉันได้แต่ยืนอึ้งความเจ็บปวดกลั่นจนเป็นน้ำหยดใสๆ ไหลเป็นทาอาบแก้ม มีมือนึงเช็ดน้ำตาให้ฉัน
“เธอคงเหงาเดี๋ยวฉันเดินไปเป็นเพื่อนละกัน” ตาซาซึเกะยื่นอยู่ข้างฉันพร้อมรอยยิ้มแสนอ่อนโยน
เราสองคนเดินเล่นตั้งแต่หน้ายิมจนถึงสวนสาธารณะใกล้ๆ และหย่อนก้นนั่งดูพระจันทร์ด้วยกัน
คืนนี้ฉันคงมีแค่เพียงดวงดาวและพระจันทร์เป็นเพื่อนยามค่ำคืนที่แสนเหงา เพื่อนที่ค่อยให้แสงสว่างท่ามกลาง
ความมืดของหัวใจ
หลังจากวันนั้นฉันทำตัวอย่างปกติคุยกับพี่คุโด้เหมือนเดิมแต่สิ่งที่ต่างไปนั้นคงเป็นตาซาซึเกะคุง คนที่คอยอยู่ข้างๆและให้กำลังใจฉันเสมอมา คนที่ทำให้ฉันยิ้มได้ท่ามกลางความเศร้า คนที่คอยยื่นมือมาเช็ดน้ำตาให้ฉัน ตอนนี้แม้ฉันกับเขาจะกัดกันแทบจะตลอดเวลา แต่เรากับผูกพันกันรวดเร็วอย่างน่าแปลกใจ
~ -- /// อีก 1 อาทิตย์ก่อนกีฬาสีของยิม เวลาหมุนไปอย่างรวดเร็ว แต่ความเศร้ายังไม่หมดใจ /// -- ~
“ยืนจ้องหน้าอยู่ได้ไม่มีอะไรสอนรึไงฮะ” ตาซาซึเกะยืนนิ่งเป็นท่อนซุงจ้องฉันตาไม่กระพริบเลย
“กำลังคิดอยู่ว่าอย่างเธอจะทำอะไรเป็นบ้างน๊า .... ลองท่านี้ละกันสวิงคิ๊ก” ( ท่าจระเข้ฟาดหาง )
รูปร่างเพียวสูงสมส่วนกระโดดหมุนตัวเตะ ผมสีน้ำตาลเข้มที่ปรกหน้าปลิวตามแรงเหวี่ยง เผยให้เห็นคิ้วเข้ม รับกับตากลมโตแสนหวานขนาดผู้หญิงอย่างฉันยังอาย ปลายสายดำที่คาดเอวสองข้างสะบัด และปลายเท้าทั้งสองข้างแตะพื้นอย่างสง่างาม ฉันมองด้วยความทึ่ง
แปะ ~ แปะ ~ แปะ ~ เสียงปรบมือดังสนั่น คนเตะเลยโค้งตัวนิดๆเป็นการขอบคุณ
“ยากขนาดนี้ใครจะไปทำได้ ท่าที่ง่ายกว่านี้มีมั้ยเนี่ย” ฉันพูดทั้งที่ยังทึ่งไม่หาย
“คำก็ยาก สองคำก็ยาก ยังไม่ทันทำเลยแล้วรู้ได้ไงว่าทำไม่ได้” + + + “ก็คนมัน.........”
“ลองทำดูก่อนซิ นะมิรินลองทำดู” พี่คุโด้มาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ แต่เพราะคำพูดเขานี่แหละฉันเลยยอมลองทำ
“ค่ะ ฉันจะลอง” รอยยิ้มที่แฝงไปด้วยความไม่มั่นใจแต่ทำไงได้พี่คุโด้อุตส่าห์มาให้กำลังใจ
นี่แหละหนอที่เขาว่ายอมทุกอย่างเพื่อคนที่เรารัก
ฉันค่อยๆเหวี่ยงตัวไปข้างหลัง ปากบ่นขมุบขมิบท่องคาถา คนสวยสู้ตาย คนสวยสู้ตาย อยู่ 3 รอบ
แล้วค่อยเหวี่ยงเท้าตาม ตุ๊บ !!! ... เสียงอาจไม่ดังแต่ฉันระบมไปทั้งตัว
“เป็นอะไรมากมั้ย” ตาซาซิเกะและพี่คุโด้ตะโกนอย่างกับนัดกันมา
“ไม่ได้เป็นไรนี่” ฉันพูดเสียงเบาราวกับไม่มีแรง ขาตอนนี้ชาตั้งแต่ต้นขาไปถึงเท้า ฉันนอนราบแทบ
กระดุกกระดิกไม่ได้ คนในยิมเริ่มมามุงดู รู้สึกเหมือนกับว่าความอายกับความเจ็บเดินทางมาพร้อมกัน
“นายไปช่วยเคนตะ สอนต่อเถอะ เรื่องมิรินเดี๋ยวฉันจัดการเอง”
พี่คุโด้ลังเลนิดนึงก่อนตะโกนสั่งคนในยิม
“มุงอะไรกันไปเข้าแถวกันได้แล้ว นับ 1 10 ถ้ายังไม่เป็นระเบียบ วิ่ง 5 รอบ” คนในยิมเริ่มทยอยกันวิ่งไปเข้าแถว เหลือแค่ฉันที่นอนราบกับพื้น และตาซาซึเกะที่นั่งชันเข่าอยู่ข้างๆ
“เธอนี่มันจริงๆเลย ไม่ระวังบ้าง” ฉันรู้สึกได้ถึงความอุ่นจากมือเขาที่ถ่ายทอดมายังข้อเท้า
“โอ๊ย !!!
เจ็บนะ” + + + “ช่วยไม่ได้เธออยากไม่ระวังเองทำไมละ” ตานั่นเอาวิ่งไปเอายามานวดให้ฉัน
จะดีใจดีมั้ยเนี่ย ฉันแอบมองตาซาซึเกะนวดข้อเท้าให้ คนอย่างนี้อ่อนโยนเป็นด้วยเหรอเนี่ย ???
“ท่าทางข้อเท้าจะแพลง พันผ้าเสร็จแล้วเดี๋ยวฉันไปส่ง” ผู้ชายข้างหน้าตั้งหน้าตั้งตาพันผ้าที่ข้อเท้า
ส่วนฉันอึ้งกิมกี่เลย
“ไม่ต้องหรอกน๊า” /// ฉันไม่ชอบซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ผู้ชายนี่ + + +
“เสร็จแล้ว” ตานั่นไม่สนใจที่ฉันพูดแถมยังอุ้มฉันอีก
“ปล่อยเดี๋ยวนี้นะฉันไปเองได้” ฉันทุบตีข่วนหยิกประมาณว่าครบถ้วนกระบวนท่า ( + - 0 )
“อวดเก่ง” ตานั่นว่าฉันคำเดียวแล้วอุ้มฉันลงบันได ฉันเริ่มหมดฤทธ์เพราะเหนื่อยและเริ่มสงสารเขาบ้างแล้วก็อุ้มฉันลงบันได 4 ฉัน แถมฉันยังทุบตีสารพัดอีก
“นี่! นายจะไปส่งฉันจริงๆหรอ” ฉันถามย้ำอีกครั้ง
“ก็ใช่ละซิ แต่ไม่ต้องดีใจไปหรอกนะเพราะฉันแค่ทำตามหน้าที่เท่านั้นเอง” ฉันซ้อนท้ายมอร์เตอไซค์ ไปด้วยความเก้ๆกังๆ ก็คนมันไม่เคยนี่ต้องเข้าใจ
“กลับไปบ้านอย่าลืมกินยานะ /// เอาน้ำแข็งประคบด้วยละ /// พรุ่งนี้ก็ประคบน้ำร้อน /// แล้วก็อย่านอนดึก”
“
” ตาซาซึเกะยังพูดไม่หยุด
“นายพูดวนไปมา 3 รอบแล้วนะ” ฉันพูดแบบกลั้นหัวเราะสุดๆ + + + อ้าว! จริงดิ
555+++..... “ ฉันรู้แล้วเพราะอะไร นายไม่เคยให้ผู้หญิงซ้อนท้ายใช่มั้ยละ”
“คิดเข้าข้างตัวเองจริงๆ เพราะฉันนึกว่าเธอเป็นปลาทองตังหากละ” แต่ว่าปลาทองมันเกี่ยวอะไรด้วย เนี่ย ??? ฉันจึงถามไป และคำตอบที่ได้รับมันน่าแค้นใจยิ่งนัก
“ฉลาดจริงๆ เลยนะเธอเนี่ย ก็ปลาทองมันความจำสั้นจะตาย” 555+ .. หัวเราะซะน่าเอากำปั้นยัดปากจริงเลย
“ถึงบ้านฉันแล้ว ขอบใจมากนะแล้วนายจะไปไหนต่ออะ” ฉันลงเดินเขย่ง จะเปิดประตูเข้าบ้าน
“ไปยิมอะ ฉันต้องซ้อมต่อถึง 2 ทุ่มกว่าอะ ไปก่อนนะ เจ๊ถึก”
นี่คงเป็นมุมนึงของผู้ชายคนนี้ซินะมันคงจะอยู่ลึกมากด้วยฉันจึงพึ่งรู้ และเหตุผลนี่เองทำให้ฉันนอนคิด ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ นับแกะตัวแล้วตัวเล่าจนหมดคอกก็ไม่หลับเสียที โดยไม่รู้หรออีกฟากหนึ่งผู้ชายอย่างซาซึเกะยิ้มอย่างไม่เคยเป็นเพราะสาวน้อยคนนี้
“หวัดดีค่ะพี่คุโด้ และ พี่ซาซึเกะ” ฉันเรียกตาซาซึเกะว่าพี่แทนคำว่านาย
“หายดีแล้วหรอเรานะ” พี่คุโด้ยังเป็นพี่คุโด้ที่แสนดีเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน
“ไม่ได้เป็นอะไรมากซะหน่อยแค่เท้าแพลงเท่านั้นเอง” ฉันยิ้มให้พี่คุโด้
“เหรอ ก็ดีแล้ว” พี่คุโด้ขยี้หัวฉันเบาๆ
“อ้าว ! พี่ซาซึเกะจะไปไหนละ” อยู่ดีๆพี่ซาซึเกะก็เดินออกไปซะอย่างนั้น
“จะไปเตรียมการสอนนะ เชิญคุยกันตามสบายเถอะนะ” อะไรของเขาเนี่ย ฉันละไม่เข้าใจจริงๆ
ฉันกับพี่คุโด้คุยกันอีกซักพักก็เข้าเรียน
วันนี้เรียนท่าทุ่ม ฉันได้เข้าคู่ซ้อมกับพี่ซาซึเกะ
“ทุ้มดีๆละเดี๋ยวพลาดไปฉันขี้เกีขจอุ้มอีก” + + + จ๊า เจ้านาย
พี่ซาซึเกะทุ่มฉันล้มเอาล้มเอา แต่ฉันพยายามทุ่มพี่ซาซึเกะเป็นครั้งที่ 100 แล้ว ก็ยังทำไม่ได้ซักที จนชักท้อ
~ หลังเลิกเรียน ~ ฉันเดินไปเรื่อยประมาณว่ากำลังเล่นมิวซิคอยู่อะไรประมาณเนี่ย
“นี่กลับบ้านด้วยคนซิ พี่ซาซึเกะตะโกนบอก”
“แล้วรถมอเตอร์ไซค์พี่ละ” ฉันถามอย่างงงๆ ???
“ยางแบน ถ้าไม่ให้กลับด้วยพี่กลับเองก็ได้” ถึงฉันจะไม่ใช่คนดีอะไรนักหนาแต่ฉันไม่ใจร้ายขนาดไม่ช่วยเหลือใครหรอก และที่สำคัญเมื่อวานเขายังอุตส่าห์ไปส่งฉันที่บ้านเลย
“ไม่ต้องหรอกกลับกับชั้นก็ได้ “
“นี่พี่หูไม่ฝาดใช่มั้ยเนี่ย” มันน่าให้เดินกลับจริงๆช่วยบอกทีเถอะฉันคิดผิดหรือเปล่า
และก็เป็นครั้งที่ 2 ที่ฉันต้องซ้อนทายมอเตอร์ไซค์ผู้ชายคนนี้ มันก็ทำให้หัวใจช้าน เต้นไม่เป็นจังหวะเอาเสียเลย
“โห !!!! พี่อยู่คอนโดหรูขนาดนี้เลยเหรอ”
“พ่อพี่ซื้อให้ บ้านพี่มันไกลจากโรงเรียนอยู่ที่นี้สะดวกกว่า”
ฉันรู้ว่าพี่ซาซึเกะพอจะมีกระตังค์แต่ไม่คิดว่าจะโคตรรวยขนาดนี้ นี่คือเรื่องนึงที่ทำให้ฉันอึ่ง ทึ่ง งง คนที่รวยขนาดนี้จะใช้ชีวิตธรรมดา ขี่มอเตอร์ไซค์แทนที่จะมีคนไปรับส่ง หรือว่าจะเป็นการกินแบบบ้านๆไม่น่าเชื่อว่ามีคนอย่างนี้อยู่ในโลก
“เป็นอะไรของเธอเนี่ย อยู่ดีๆก็เงียบไปซะงั้น” คนมันช๊อคนี่หว่า
“ป่าวแต่ว่าพี่อยู่คนเดียวหรอ” ฉันจะถามทำไมฟะทั้งที่รู้คำตอบอยู่ในใจ ท่าจะบ้าจริงๆช้าน
“ใช่ละซิ จะมาอยู่เป็นเพื่อนหรอ” ฝันกลางวันไปเถอะยะ
“ว่าไงละ ???” + + +
“ชาติหน้าตอนบ่ายๆละกันนะ” ฉันโบกมือก่อนจะขี่มอเตอร์ไซค์กลับบ้านทันที
“ชาติหน้าก็จะรอน๊า “ ยังจะโกนตามหลังอีก ถ้าฉันเอาจริงแล้วจะหนาว
3 วันนี้ สีเราฝึกหนักเป็นพิเศษก็ใกล้แข่งแล้วนี่หน่า ส่วนฉันถึงจะไม่แข่งก็ต้องฝึกหนักไปด้วย ถ้าเป็นเมื่อ
ก่อน ฉันคงนึกบ่นพี่ซาซึเกะในใจว่าคนอะไรโคตะระเฮียบและดุเลย ปั้นหน้าขรึมได้ทุกวินาที แต่ความคิดเหล่านั้นฉันขายให้ตาแป๊ะขายถั่วแล้ว ก็ 3 วันนี้ตานั่นทำตัวดีขึ้นเยอะ จากเดิม (โหด + เฮียบ ) กำลังสอง ตอนนี้ถูก หาร /
จนเหลือแค่ ( กวน + แอบขรึมเล็กๆเท่านั่นแหละ) และเพราะเหตุประการฉะนี้ทำให้ฉันกะนายนั่นสนิทกันมาก
ขึ้นเป็นกอง แม้จะยังทะเลาะกันเป็นกิจวัตรก็เถอะ
ยิมเราถูกเนรมิตเป็นสนามประลองความเก่ง มี 4 สนามด้วยกันตั้งแต่ชั้น 1 ชั้น 4 นักคาราเต้ที่จะแข่งต่าง
ตื่นเต้นจนนั่งไม่ติด โดยเฉพาะพี่ซาซึเกะไม่ต้องพูดถึงเลย รายนั้น เดินวนไป วนมา 5 รอบแล้ว ก็ 2 ปีที่แล้วพี่เซโจเป็นประธานสีและทำให้สีฟ้าฟ้าคว้าแชมป์ 2 สมัยติด แต่เพราะพี่เขาต้องเป็นนักกีฬาจังหวัดพี่ซาซึเกะเลยได้เป็นประธานแทน และการแข่งครั้งนี้ถือเป็นการพิสูจน์ความสามารถของตานั่นเลย
“จะเดินหยุดเดินได้ยัง มึนหัวจะตายอยู่แล้ว นั่งซักทีดิ” ถ้าพี่คุโด้ไม่พูดฉันก็กะว่าจะพูดแล้ว
“คนมันตื่นเต้นนี่หว่าแล้วนี่นักกีฬาของเราครบยังเนี่ย” พี่ซาซึเกะสีหน้ามีกังวลทันที
“ขาดคนนึงวะ เอนะจัง นักกีฬาสายเขียวยังไม่มาเลย” พี่คุโด้พูดเสียงกระอ่อมกระแอ่ม
“อะไรนะ! ขาดคนนึงนี่มันอีก30 นาทีต้องรายงานตัวก่อนแข่ง” จริงด้วยถ้าเขาไม่มาอะไรจะเกิดขึ้นฉันเองก็อดกังวลไม่ได้
“เดี่ยวก็คงมาแหละ พี่ซาซึเกะใจเย็นๆก่อนซิ” ฉันเองก็ร้อนใจไม่แพ้กันแต่ยังไงก็ต้องพูดให้ตานั่นใจเย็นก่อน
“ฉันก็หวังว่าอย่างนั้นเหมือนกัน” ไฟท่วมใจไม่ได้เคยได้มอดดับ ใจตานั่นคงร้อนเป็นไฟเลยมั้ง
“พี่ซาซึเกะ !!!!! .... แย่แล้วเอนะจังมาไม่ได้เพราะถูกรถชน” คนในสีคนนึงวิ่งหน้าตื่นมาบอก
“ว่าไงนะ ??? ถ้าเอนะแข่งไม่ได้สีเราต้องถูกตัดสิทธิ์” ตอนนี้ต่อให้รถดับเพลิงสักสิบคันก็คงดับ
ไฟไม่หมดใจหรอก
“หมายความว่าไงซาซึเกะ” พี่คุโด้ถามด้วยสีหน้าตื่นตระหนก
“กติกาบอกว่าถ้าสีไหนส่งคนลงแข่งไม่ครบทุกรุ่นก็จะถูกตัดสิทธิ์จากการรับรางวัล”
อะไรกันมีอย่างนี้ด้วยเหรอ???
หลังจากนั้นทุกคนในสีก็ได้มาประชุมกัน
“ก็อย่างที่ทุกคนรู้ว่าเอนะจังมาไม่ได้เราจึงต้องหาคนแข่งแทน ไม่อย่างนั้นสีเราจะถูกตัดสิทธิ์”
พี่ซาซึเกะหยุดแป๊บนึงและพูดต่อ “ใครสมัครใจจะลงแทนเอนะจังบ้าง” คนที่อยู่สายเขียวทุกคนต่างเงียบ
“ผู้หญิงสายเขียวสีเรามีตั้ง 2 3 คนจะไม่มีใครลงเลยรึไง ???” ตาซาซึเกะเครียดหนัก คิ้วสีดำเข้มผูกกันเป็นโบว์
“ถ้าไม่มีใครลงก็คงต้องยอมถูกตัดสิทธิ์แล้วแหละ” คำพูดประโยคนี้มันคงพูดออกมาอย่างยากลำบากทีเดียว
ถ้าสีเราถูกตัดสิทธิ์จริงๆ แล้วความฝันของพี่ซาซึเกะละ มันคงพังทลายตั้งแต่ยังไม่เริ่ม ถึงจะชนะแต่จะมีความหมายอะไรถ้าถูกตัดสิทธิ์เหมือนกับอีกเอื้มมือเดียวจะได้คว้าถ้วยรางวัลแต่ก็ทำไม่ได้ มันคงเจ็บจี๊ดถึงขั้วหัวใจ พี่ซาซึเกะอุตส่าห์ ทุ่มเททั้งแรงกายทั้งหัวใจฝึกซ้อมทุกคนเพื่อวันนี้ และไหนจะทุกๆคนที่ตั้งหน้าตั้งตาคอยขยันฝึกไม่ใช่เพื่อแข่ง
หรอกหรอ ฉันจะไม่ยอมให้ความฝันของทุกคนจบแบบนี้หรอกน่า ฉันต้องทำอะไรทำอะไรซักอย่าง แล้ว
“วันนี้ทุกคนทำกันให้เต็มที่ละกันถึงแม้ว่าเราจะไม่มีโอกาสได้ถ้วยรางวัล ไปรายงานตัวกันพวกเราสู้มั้ย” เสียงที่หนักแน่นมีพลังแต่ช่างเจือปนไปด้วยความเศร้าฉันรู้สึกถึงสิ่งนี้จริงๆ
“สู้ๆ ๆๆ” คำว่าสู้ที่ทุกคนตะโกนมันช่างมีพลังเสียจริง
“เดี่ยวก่อนซิ !!! พี่ซาซึเกะ ฉันจะลงแข่งเอง” ฉันได้ตัดสินใจอย่างแน่วแน่แล้ว O.O
ไม่ได้ยังไงพี่ก็ไม่ให้เธอลง อะไร??? ของเขานะฉันละงงทำไมไม่ให้ฉันลงและทำไมต้องตะคอกด้วยละ
“ทำไมละ ????”
... สมองของฉันเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม ??????~
“ไม่รู้ แต่ฉันไม่ให้เธอลง ฉันเริ่มเคืองขึ้นมาบ้างแล้ว” >>>>>> เหตุผลอะสะกดเป็นมั้ย
“สิทธิ์ของฉันก็ฉันจะลงนี่” ฉันเสียงแข็งยังไงก็ต้องลงให้ได้ แม้ใจลึกๆจะกลัวๆกล้าๆบ้างก็เถอะ
เมื่อรู้ว่ายังไงก็คงขัดใจฉันไม่ได้พี่ซาซึเกะก็ต้องปล่อยเลยตามเลย แม้จะฟึด ฟัด ด้วยความไม่พอใจบ้างก็เถอะ
ในการแข่งจะมี 4 สนาม สนาม 1 2 - -> อยู่ชั้น 1 ส่วน 3 4 --> อยู่ชั้น 2
ฉันและพี่คุโด้ต้องแข่งสนาม 1 ฉันแทบกระโดดเมื่อรู้ว่าอยู่สนามเดียวกับพี่คุโด้ ดวงฉันมันเฮงๆๆ ส่วน พี่ซาซึเกะรายนั้นนะแข่งสนาม 4 ยังไงวันนี้ตานั่นคงไม่ยอมพูดกับฉันแน่ๆ ต้นเหตุก็เพราะเรื่องที่ฉันลงแข่งนั่นแหละ
พี่คุโด้เริ่มแข่งคนแรก ฉันโก่งคอกรี๊ดเชียร์ จนเสียงแหบ คอขึ้นเอ็นเชียวละ ถ้าวัดละดับเสียงก็คงจะ กี่เดซิเบลดีละ ???
ผิดกับคนยืนไม่ห่างนักที่เอาแต่ตบมือ และจ้องวิธีการเล่นอย่างเดียว เป็นการเชียร์ที่ไร้อารมณ์สุดๆ หรือนี่คือร่างที่ไร้วิญญาณของพี่ซาซึเกะกันน๊า และแล้วพี่คุโด้ไม่ทำให้ฉันผิดหวังพลังงานที่เสียไปกับการเชียร์ไม่สูญเปล่า พี่คุโด้ชนะคู่ต่อสู้ขาดลอยแบบไม่เห็นฝุ่น
“เสียงเธอนี่ขนาดนกหวีดยังยกธงขาว ????”
“ชิ + o + คนเขาอุตส่าห์เชียร์ทำบุญบูชาโทษโปรดสัตว์ได้บาปจริงเลย รู้มั้ยว่าเหนื่อยขนาดไหน”
“อย่างงอนซิ อะพี่ให้แทนคำขอโทษ และ แทนคำขอบใจ”
“อะไรนะ ???” จากแกล้งงอนฉันยิ้มออกทันที /^ - ^/
“หุหุ นี่ไง” พี่คุโด้กำมือไว้แล้วค่อยๆวางมันบนฝ่ามือฉัน อะไรของเขานะไม่เห็นเข้าใจเลย
“หัวใจของพี่ไง ไว้เป็นกำลังใจตอนแข่ง งงละดิ”
“น้ำเน่าได้ที่เลยนะเนี่ย” ฉันแหย่พี่คุโด้ / O.O /
“พี่พูดจริงๆ มิรินพี่รักเธอ” ฉันยืนขาแข็งอยู่กับที่ เหมือนตอนนี้สมองไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น ถ้าเป็นเมื่อก่อนฉันคงดีใจ แต่ตอนนี้ ความรู้สึกอึ้งและแปลกใจ มันกลบความดีใจจนมิด
“แล้วพี่ฮานะละ ????” วันนั้นที่ฉันเห็นคืออะไรกัน
“เราสองคนเป็นญาติกัน” คำตอบนี้ทำเอาฉันอึ้งเป็นรอบสอง
“เธอไม่ต้องรักพี่ก็ได้ พี่แค่อยากบอกให้เธอรู้ว่ายังมีพี่คนนี้รักเธอเสมอ” พี่คุโด้พูดหลังจากเห็นฉันยืนนิ่งไม่พูดอะไร “ เราไปยืดเส้นก่อนแข่งกันเถอะ” พี่คุโด้เปลี่ยนเรื่องทันทีทันใด
ฉันยิ้มให้พี่คุโด้ เหมือนเคย
“กลัวมั้ยเนี่ยเรา” มืออุ่นๆของพี่คุโด้เอื้อมมาเตะบ่าฉันทำให้รู้สึกมีกำลังใจขึ้น
“อือ ! ฉันไม่เคยแข่งนี่”
เวลาที่หน้าฉันเศร้าหมองหรือกังวลใจก็ได้ พี่คุโด้เนี่ยแหละคอยแต่งเติมรอยยิ้มบนใบหน้า
พี่คุโด้จูงมือฉันเดินเข้าสนามความเย็นเริ่มครอบคลุมและแผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย ใกล้แข่งแล้วทำไมพี่ซาซึเกะยังไม่มาอีกนะ เขาจะใจร้ายขนาดไม่มาเชียร์ฉันเลยหรอ ความกังวลใจเริ่มผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด
“ไม่ต้องกลัวนะ ลงไปทำให้เต็มที่ผลออกมาจะยังไงก็ช่าง ถ้าเริ่มไม่ไหวบอกพี่ละกัน และอย่างลืมละหัวใจของพี่อยู่ฬฯมือเธอแล้ว”
เวลาฉันอยู่ในสนาม กับคู่แข่งที่นึกแล้วสยอง เขาสูงกว่าฉันประมาณ 15 เซนได้ คิดเอาเองละกันว่าน้ำหนักจะมากกว่าฉันขนาดไหน อย่างว่าแหละ การแข่งขันคาราเต้ภายในยิมถ้ากำหนดอายุและน้ำหนักจะเอาคนมาจากไหน จึงต้องกำหนดแค่สาย คู่แข่งฉันเริ่มบุกแล้วซินะ ฉันพยายามนึกถึงท่ารับที่เรียนมาแต่เหมือนว่าจะช้าไป การเตะดอกนี้ฉันเลยรับไปเต็มๆท้องเลย แล้วอีกเท้านึงก็ตามมาดีนะที่ฉันใช้มือกันทัน ฉันเริ่มตั้งการ์ดสูง เพราะพี่แกเล่นหัวฉันได้อย่างสบายเลย พี่แกเริ่มเตะ เท้าแกเหมือนกับแท่งปูนชะมัดเล่นเอาแขนฉันแทบหัก ฉันเริ่มบุกบ้าง คาราเต้คือมวยเท้าตาย แม้จะช้าแต่ก็หนักแน่นและเปรี่ยมไปด้วยพลัง ฉันนึกถึงคำพูดของพี่ซาซึเกะ และใช้มือชกเกาะยัยหมูร่างยักษ์ ยกเท้าเตะขึ้นหัวต่อแต่ร่างนั้นไม่สะทกสะท้านเลย การต่อสู้ยังคงดำเนินไปเรื่อยๆ ฉันเป็นฝ่ายเสียเปรียบ พี่คุโด้ตะโกนสั่งฉัน
อยู่เป็นระยะ ตอนนี้ฉันรู้สึกจุก เกาะที่ใส่ทำให้อึดอัดหายใจไม่ค่อยออก ร่างกายฉันตอนนี้เหมือนมีแต่ร่างกายที่ไร้พลัง
ร่างหมูยักษ์ตรงหน้าเริ่มเข้ามาใกล้ขึ้นทุกที ฉันไม่มีแรงอีกแล้วและเริ่มหายใจไม่ออกฉันรู้ดีว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อจากนี้
“มิรินระวัง “ เสียงนี้ เสียงที่ฉันรอ พี่ซาซึเกะคุงนี้ ฉันรู้สึกตัวอีกทีตัวเองก็ถูกทุ้มไปอยู่กับพื้นแล้ว
“มิริน” เสียงนี้ยังดังลั่น พี่ซาซึเกะวิ่งเข้ามาในสนามอุ้มฉันฝ่ากองเชียร์ออกไปการแข่งขันยุติลง ฉันเริ่มหายใจไม่ออกแล้วซิ ร่างเล็กๆสั่นสะท้านไปทั้งตัว เสียงหายใจฟุตฟิตเสียงดังเนื่องจากหายใจไม่ออก เหงื่อเต็มหน้าผาก
พี่ซาซึเกะวางร่างฉันลงบนพื้น แกะเกาะออก ฉันค่อยหายใจสะดวกหน่อย
“เธอเป็นหอบใช่มั้ย ???” ตอบฉันซิมิริน สีหน้าของพี่ซาซึเกะบ่งบอกถึงความเป็นห่วงทำให้ฉันรู้สึกผิด
“ใช่” เสียงเบา สั่น และแหบแห้ง ออกจากปากอย่างยากลำบาก ฉันรู้สึกเหนื่อยเหลือเกิน
“เธอต้องไม่เป็นไรนะ” พี่ซาซึเกะกอดฉัน อ้อมกอดที่แสนอบอุ่นปนกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่ถ่ายทอกจากร่างกายเขามายังฉัน
“ซาซึเกะ นี่ยาพ่น” พี่ซาซึเกะหยิบยาพ่นจากพี่คุโด้มาให้ฉัน หลังจากพ่นยาได้ซักพักฉันก็เริ่มดีขึ้น แต่ยังหายใจติดขัดอยู่บ้าง
หลังการแข่งขันจบสีฟ้าของเราได้ครองแชมป์ในปีนี้และนี่คือความภูมิใจของสีเรา
พี่ซาซึเกะพาฉันมาส่งระหว่างทาง
“จอดรถทำไมหรอ” อยู่ดีๆพี่ซาซึเกะก็จอดรถซะอย่างนั้น
“พี่ยังไม่อยากกลับบ้าน เรามานั่งที่สวนสาธารณะกันก่อนนะ”
สวนสาธารณะยามค่ำคืนแทบไม่มีคน มีแต่ไฟส่องสว่างทำให้ที่นี้ดูไม่น่ากลัว เราสองคนนั่งบนเก้าอี้ยาวริม
แม่น้ำเนื่องจากพระจันทร์เต็มดวงจึงทำให้เห็นเงาของเราสองคนในน้ำ
“พี่ซาซึเกะ ทำไมพี่ถึงต้องโกรธตอนที่ฉันลงแข่งด้วยละ” ฉันถามทำลายความเงียบ
“แล้วทำไมเธอต้องแข่งด้วยละ” เธอตอบพี่ก่อนซิ
“ฉันทำเพื่อคนคนนึง” ฉันพยายามสรรหาคำพูดที่คิดว่าดีที่สุด
“บอกได้มั้ยว่าใคร” พี่ซาซึเกะยื่นหน้ามาใกล้ฉัน
“เอาไว้วันพรุ่งนี้ค่อยบอกละกัน” ฉันอยากบอกวันพรุ่งนี้เพราะมันคือวันที่มีความหมาย วันวาเลนไทน์วันแห่งความรักที่ทุกคนรอคอย ซึ่งฉันก็คือหนึ่งในนั้นด้วย
“วันวาเลนไทน์นะหรอ”
“ใช่ละซิ วันนั้นแหละ ฉันตอบพี่แล้วตาพี่ตอบคำถามฉันแล้วหละ”
“ฟังดีๆนะ เพราะ พี่ รัก เธอ” ใจฉันเต้นแรงอย่างบอกไม่ถูก และค่อยๆเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ ฉันเพิ่งรู้คำที่ใครๆว่ากันว่ายิ่งใหญ่และสวยงาม คำที่ทำให้โลกมีสีสันสดใส หรือจะทำให้คนๆหนึ่งแสนขมขื่นมีน้ำตาเป็นเพื่อน คำที่เรารู้จักดีว่ามันคือ รัก แต่สำหรับฉันคำนี้คือคำวิเศษ มันมีเวทมนต์อยู่ในตัว เหตุการณ์ในวันนี้มันบอกฉัน มันน่าแปลกมั้ยละ คำที่ออกเสียงเหมือนกัน ว่า รัก แต่ต่างกันแค่เพียงเจ้าของคำพูดนี้ มันกลับมีอิทธิพลกับฉันมากมาย เหมือนตอนที่พี่คุโด้พูดคำนี้ ฉันควรจะดีใจไม่ใช่หรอ แต่ฉันกลับนิ่งเฉยไม่รู้สึกอะไร สำหรับคนๆนี้ที่อยู่ตรงหน้าฉันคนที่คิดว่ายังไงก็ไม่ใช่คนที่จะรัก คำพูดของเขากลับทำให้หัวใจของฉันสั่นสะเทือนได้ถึงเพียงนี้ คนที่ทำให้ฉันเป็นอะไรอย่างที่ไม่เคยเป็น ความรู้สึกมากมายปะปนกันเหมือนหมอกควันแต่มันคือหมอกควันแห่งความปีติยินดีและตื้นตัน
“พี่รักเธอ” คำพูดนี้ถูกย้ำอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่แน่วแน่
“ พี่รู้ว่าพี่ไม่มีสิทธิที่จะห้ามไม่ให้เธอแข่งโดยไร้เหตุผล แต่เธอจะให้พี่ทำยังไง จะให้พี่บอกว่าเหตุผลคือรักและห่วงเธอต่อหน้าคุโด้นะหรอ พี่กลัวว่าเธอจะไม่ยอมฟังพี่กลัวว่าเธอจะวิ่งหนีไป พี่ขอเลือกที่จะบอกตอนนี้และตรงนี้ที่ๆมีแค่เธอและพี่” พี่ซาซึเกะกอดฉัน โอบกอดที่แทนคำพูดอีกมากมายที่ยากจะบรรยาย แทนความรู้สึกดีๆที่แสนอบอุ่นและอ่อนหวาน ( *_*)-(*_* )
ความรู้สึกของเราที่ถ่ายทอดผ่านอ้อมกอดนี้มีเพียงแค่สองเราเท่านั้นที่รับรู้มัน
หลังจากเราผละออกจากกันเราสองคนต่างคนต่างเงียบ จนถึงบ้านฉันพี่ซาซึเกะจึงพูดคำสั้นๆ ว่า
“sweet dream” ก่อนที่จะขี่รถออกไป
คืนนี้พระจันทร์ดวงกลมโตสีเหลืองนวลและดวงดาวระยิบระยับกลาดเกลื่อนฟ้า ดูมีชีวิตชีวาค่ำคืนที่แสนสว่างมีดวงดาวล้อมรอบพระจันทร์ทำให้ไม่เหงา คืนที่สวยงามเช่นนี้ยากนักที่ฉันจะข่มตาหลับลงได้
ถึงแม้ว่าเมื่อคืนกว่าฉันจะนอนหลับเกือบจะเที่ยงคืนแล้ว แต่วันนี้ฉันตื่นแต่เช้าเพื่อไปร้านเบเกอร์รี่ วันนี้บรรยากาศที่ร้านดูคึกคักเป็นพิเศษ ผู้หญิงทั้งวัยเดียวกับฉัน วัยทำงาน หรือจะเป็นผู้หญิงค่อนข้างมีอายุมาซื้อช๊อคโกแล๊ตเพื่อทำให้คนพิเศษของตน ฉันเลือกไวทช๊อตโกแล๊ตแท่งใหญ่หนึ่งแท่ง และช๊อตโกแล๊ตธรรมดาหนึ่งแท่งเช่นกัน
ฉันเดินเลือกซื้อของโน่นนี่อีกจิปาถะ ทั้งของตกแต่ง กล่องกระดาษ และกระดาษทำการ์ด กว่าจะได้กลับบ้านก็สายแล้ว คนต่อแถวคิดเงินอย่างกับต่อแถวรับของฟรี คนมาจากไหนเยอะแยะนะ (<_>)
ฉันลงมือทำช๊อตโกแล๊ตโดยเริ่มจากการตุ๋นช๊อคโกแล๊ตให้ละลายใส่ส่วนผสมปรุงตามสูตร เมื่อเดือดตักใส่ลงในพิมพ์รูปหัวใจอันใหญ่ ฉันทำช๊อคโกแล๊ตสองอัน อันนึงใช้ช๊อตโกแล๊ตสีน้ำตาลทำเป็นรูปดาว ตรงกลางเขียนตัวอักษรอย่างบรรจงว่าพี่ชายที่แสนดี ซึ่งฉันตั้งใจเอามันไปให้พี่คุโด้ และอีกอันนึงช๊อตโกแล๊ตของพี่ซาซึเกะฉันทำเป็นรูปหัวใจสองดวง ดวงเล็กอยู่ข้างในทำจากไวทช๊อตโกแล๊ต วาดรูปผู้ชายกับผู้หญิงนั่งซบไหล่กัน ซึ่งกว่าจะวาดได้ดั่งใจเล่นเอาฉันแทบตายเลยทีเดียว ส่วนหัวใจดวงใหญ่ที่อยู่ข้างนอกนั้นทำจากช๊อคโกแล๊ตสีน้ำตาลซึ่งเมื่อนำสองอันนี้มาประกอบรวมกันดูลงตัวทีเดียว และในที่สุดผลงานชิ้นโบว์แดงของฉันก็เสร็จเสียที เหลือขั้นตอนสุดท้าย ฉันเขียนข้อความลงบนการ์ด ขั้นตอนนี้คงยากที่สุดก็รายมือของฉันมันยุ่งเหมือนยุงตีกันชะมัดยาก คนที่อ่านคงปวดหัวน่าดู มีคนบอกฉันว่ารายมือของฉันต้องใช้แว่นขยายเป็นตัวช่วยถึงจะอ่านออก แต่ฉันก็จะพยายามเขียนให้สวยที่สุดเท่าที่ความสามารถจะอำนวย >O< >o< >.<
ดีค่ะ พี่คุโด้
เขาตั้งใจทำช๊อคโกแล๊ตรูปดาวให้พี่
พี่เหมือนกับดวงดาวเมื่อยามที่ท้องฟ้ามืดมิดไร้แสงของพระจันทร์ ยามนั้นยังมีดวงดาวที่คอยให้แสงสว่างจนถึงวันที่พระจันทร์เต็มดวง เหมือนกับชีวิตฉันถึงแม้เศร้าหมองสักเพียงไร แต่ยังมีรอยยิ้มของพี่ชายที่คอยแต่ง
แต้มความสุขตลอดมา
รักเสมอ มิริน
และฉันก็ค่อยๆบรรจงเขียนจดหมายฉบับต่อไปฉบับนี้คือจดหมายของพี่ซาซึเกะ
ขณะเขียนรอยยิ้มของฉันกว้างขึ้นเรื่อยๆเพราะความสุขใจ ไม่ว่าจะอ่านกี่รอบรอยยิ้มก็ไม่จางหาย
อยากให้พี่ซาซึเกะอ่านเร็วๆจัง
ฉันไปยิมเร็วกว่าปกติ
“ทำไมวันนี้มาเร็วจัง” คำถามแรกที่พี่คุโด้ถามเมื่อเจอฉัน
“วันนี้ไม่มีอะไรทำอะ” ฉันตอบพร้อมกับหยิบอะไรบางอย่างมาจากกระเป๋าสะพาย
“สุขสันต์วันวาเลนไทน์ “ ฉันยื่น กล่องช๊อคโกแล๊ตให้พี่คุโด้
“ขอบใจนะ อะพี่ให้” พี่คุโด้ยื่นกล่องเล็กมาให้ ฉันเปิดมันออกอย่างช้าๆ
“สร้อยคอนี่ มันคงแพงน่าดู” ฉันถามพี่คุโด้อย่างร้อนใจ
“ไม่หรอกน่า น้องสาวของพี่” เมื่อได้ยินคำนี้ฉันรู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก
พี่คุโด้หยิบสร้อยมาจากกล่องและใส่ให้ฉัน เรายิ้มให้กันอย่างสุขใจ
ฉันเหลือบไปเห็นพี่ซาซึเกะยืนอยู่ไม่ห่างจากตรงนี้ซักเท่าไหร่ เราสบตากันก่อนพี่ซาซึเกะจะหันหลังและวิ่งไปทางด้านหน้าของยิม ฉันรีบวิ่งตามไปทันทีทั้งที่มือยังถือช๊อคโกแล๊ตอยู่ ปากก็ตะโกนว่า “พี่กำลังเข้าใจผิด” แต่ดูเหมือนพี่ซาซึเกะไม่ยอมฟังอะไรเลย ฉันวิ่งตามไปทั้งเหนื่อยและล้าน้ำตาและเหงื่อผสมกันจนแยกไม่ออกว่าอะไรคืออะไร แต่อย่างน้อยฉันมีความหวังเพราะพี่ซาซึเกะหยุดเพื่อข้ามถนนไปเอารถมอร์เตอร์ไซค์ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามหน้าร้านเกม เมื่อฉันเริ่มเข้าไปใกล้ๆพี่ซาซึเกะตัดสินใจข้ามถนนทันที ฉันเห็นรถเก๋งคันหนึ่งวิ่งมาด้วยความเร็วใกล้ถึงร่างของพี่ซาซึเกะ ฉันไม่รู้เหมือนกันว่าเอาแรงมาจากไหนวิ่งเข้าไปผลักพี่ซาซึเกะให้พ้นจากรถคันนั้น สำเร็จแต่ดูเหมือนร่างของฉันเจ็บไปทั้งตัว ข้างๆตัวฉันมีเลือดสีแดงข้น และกล่องช๊อคโกแล๊ตวางอยู่ ฉันเอื้อมมือไปหยิบมันมาด้วยความยากลำบาก ฉันรู้สึกว่ามีคนมาประคองฉันและมือนึงเลื่อนไปหยิบกล่องนั้น มาใกล้ตัวฉัน ฉันมองหน้าเขาเพื่อที่จะขอบคุณ
“พี่ซาซึเกะ” ฉันตะโกนด้วยเสียงอันน้อยนิดด้วยความดีใจ มือค่อยๆเลื่อนไปลูบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาอย่างช้าๆ
“อย่าร้องไห้ซิ” ฉันบอกพี่ซาซึเกะทั้งที่แก้มของตัวเองอาบไปด้วยน้ำตา
“พี่ขอโทษ เธอต้องไม่เป็นอะไร” พี่ซาซึเกะพูดทั้งน้ำตา
“อย่าโทษตัวเองซิ พี่สัญญากับเขาอย่างนึงได้มั้ย” เสียงของฉันเบาราวกับกระซิบ
“ได้ซิอะไรละ” คำพูดที่หนักแน่นทำให้ฉันยิ้มได้
“พรุ่งนี้พี่จะแข่งแล้วเอาเหรียญทองมาให้เขาได้มั้ย เขาอยากมีแฟนเป็นนักกีฬาทีมชาติ”
“พี่สัญญาพี่จะเอาเหรียญมาให้เธอจนไม่มีที่เก็บเลย แต่เธอต้องสัญญานะว่าจะอยู่ดูความสำเร็จของพี่”
“พี่ก็รู้ว่าเขาทำไม่ได้” ตอนนี้ฉันเริ่มหมดแรงแล้ว ความเจ็บปวดเริ่มทวีคูณ
“เขาคงไม่มีแรงที่จะพูดแล้ว แต่คำนี้เขาอยากบอกพี่นะ” พี่ซาซึเกะแนบหูชิดกับปากของฉัน
“ฉัน ... รัก .... พี่ ....” แต่ละคำออกมาด้วยความยากลำบาก แต่ฉันยังคงยิ้มได้เพราะมีเขาอยู่ข้างๆ
“ไม่พี่ไม่ฟัง พี่จะรอวันที่เธอลุกขึ้นมาบอกพี่อีกครั้งไม่นะ ไม่!!!!!!!!!!” ฉันได้ยินเสียงของเขาเป็นครั้งสุดท้าย
ก่อนที่ฉันจะหลับตาลงและไม่รับรู้อะไรอีกเลย ทั้งที่ยังมีลมหายใจ
หลังจากนั้นไม่นานรถพยาบาลได้มารับผู้ป่วยไปโรงพยาบาล ซาซึเกะหยิบกล่องข้างเขาติดตัวไปด้วย
ขณะรอหมอเขาตัดสินเปิดกล่องออกและเห็นช๊อคโกแล๊ตพร้อมการ์ด
ถึง พี่ซาซึเกะ สุดไม่หล่อ
ของที่อยู่ข้างๆกับจดหมายฉบับนี้คือช๊อคโกแล๊ต กรุณาดูให้ออกด้วยนะ ฉันอุตส่าห์ตั้งใจทำ ฉันอยากให้
ช๊อคโกแล๊ตอันนี้บอกแทนคำพูดทุกคำ พี่คงสงสัยว่าทำไมต้องมีหัวใจดวงเล็กสีขาว และดวงใหญ่สีน้ำตาล งงใช่มะ
คนน่ารักอย่างฉันจะบอกให้ หัวใจสีขาวมันคือตัวแทนความรักของเรา ความรักที่มีแต่ความจริงใจ ส่วนสีน้ำตาลมันเหมือนกับอุปสรรคที่อยู่ใกล้ความรักของเราตลอดเวลา แต่ก็ทำได้แค่อยู่ใกล้ไม่สามารถทำให้ความรักของเราแปดเปื้อนได้เลย เรื่องเมื่อวานฉันยังมีสิ่งนึงที่ติดค้างพี่ไว้ใช้มั้ยละ เรื่องที่เขาแข่งเขาทำเพื่อคนๆนึงที่มีความมุ่งมั่นอยากเอาถ้วยรางวัลมาให้ได้ก็นี่คือปีแรกที่เขาเป็นประธานเลยหวังไว้มากมั้ง แต่อยู่ดีๆกับต้องถูกตัดสิทธิ์ แล้วอย่างนี้ฉันจะปล่อยให้ความฝันของเขาพังทลายต่อหน้าต่อหน้าอย่างนั้นหรอ มันยากนะที่จะทำได้ มันยากที่จะเห็นคนที่เราแคร์ต้องเสียใจโดยที่ไม่ทำอะไรเลย ขอโทษนะที่ทำให้ลำบากใจและขอบคุณสำหรับความห่วงใย
ป.ล. ถ้ารู้ว่าเขาคนนั้นคือใครช่วยบอกเขาทีเถอะว่าฉันรักเขาที่สุดเลย
ซาซึเกะอ่านจดหมายนี้ทั้งน้ำตา (!o!)
หมอออกมาบอกว่าคนไข้ไม่รู้ว่าจะได้สติเมื่อไหร่บางคนก็เดือนเดียว หกเดือน เป็นปี หรือเป็นอย่างนี้ตลอดไปก็มี ซาซึเกะอยู่เป็นเพื่อนมิรินจนเช้า
“วันนี้พี่ไปแข่งแล้วนะ” เขาบอกกับร่างไม่รับรู้อะไรของเธอ
บรรยากาศของสนามกีฬาจังหวัดคึกคักและเต็มไปด้วยนักกีฬามากหน้าหลากตา ทำให้สนามกีฬาที่กว้างขวางดูแคบไปถนัด ทุกคนที่มาที่นี้ต่างหวังเหรียญทองกันทั้งนั้นเพราะการที่เขาได้เหรียญทองนั่นหมายความว่าเขาได้เป็นตัวแทนจังหวัดไปแข่งระดับภาค และระดับประเทศต่อไป ดังนั้นจุดเริ่มต้นของนักกีฬาทีมชาติจึงเริ่มที่นี่ ซาซึเกะถือได้ว่าเป็นตัวเก็งของรุ่นนอกจากรูปร่างที่ได้เปรียบแล้วความสามารถที่เขามีอยู่ก็ไม่ใช่ย่อย เขาสามารถใช้รูปร่างของเขาในการต่อสู้ได้ดีเยี่ยม และผลก็ออกมาดังคาดเขาสามารถคว้าเหรียญทองรายการนี้ได้ ตลอดการแข่งขันเขารู้สึกได้ว่ามิรินมาคอยให้กำลังใจอยู่ไม่ห่าง เขารีบกลับไปยังโรงพยาบาลเพื่อเอาเหรียญทองไปให้เธอตามที่สัญญา
“นี่ดูซิอะไร เหรียญทองที่เธออยากได้ไงพี่เอามาให้แล้ว สวยมั้ย “ และเขาก็เล่าเรื่องต่างๆในวันนี้ให้ผู้หญิงซึ่งเป็นที่รักฟัง ส่วนมากซาซึเกะมักใช้เวลาที่เหลือจาการเรียนซ้อนเทควันโดและอยู่กับมิรินด้วยความหวังว่าซักวันเธอจะตื่นขึ้นมา
คุยกับเขาเช่นเดิม
ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปวันแล้ววันเล่า เดือนแล้วเดือนเล่าแต่เขาก็ยังปฏิบัติกับเธอเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน ทุกครั้งที่เขาได้ เหรียญมาเขาจะนำมาให้เธอดูเป็นคนแรก เล่าเรื่องต่างให้ฟัง จนตู้ข้างเตียงของโรงพยาบาลเต็มไปด้วยเหรียญรางวัลมากมาย
วันที่ 14 กุมภาพันธ์
“มิรินเธอรู้มั้ยวันนี้พี่จะแข่งคาราเต้อีกแล้วนะ รายการนี้สำคัญมากเลย ถ้าชนะพี่จะได้เป็นนักกีฬาทีมชาติ เธอเตรียมตัวเตรียมใจมีแฟนเป็นนักกีฬาทีมชาติได้เลย พี่ต้องไปแล้วเพราะรายการนี้แข่งไกลด้วย”
รายการนี้เนื่องจากเป็นรายการใหญ่จึงไม่แปลกที่จะมีคนมากมายมาแข่ง แต่ซาซึเกะทำได้ดีเกินคาดเขาสามารถคว้าเหรียญทองมาคล้องคอได้สำเร็จ หลังจากพิธีมอบเหรียญจบลงเขามุ่งหน้าไปยังโรงพยาบาลทันทีแต่เมื่อเข้าไปในห้อง เขากลับพบเพียงความว่างเปล่า เขาวิ่งหามิรินทั่วทั้งตึกแต่ไม่พบ ด้วยความเหนื่อยและความอ่อนล้าทำให้เขาต้องกลับมานอนพักในห้องซึ่งเขาเคยนั่งเฝ้าเธอทุกวัน (~ _~z)
~ ~ เช้าวันใหม่ ~ ~
“อ้าวพี่ซาซึเกะตื่นแล้วหรอ” เสียงอันคุ้นหูดังขึ้น
“มิริน พี่ไม่ได้ฝันไปใช่มั้ย” ฉันยิ้มและหัวเราะเบา
“พี่ไม่ได้ฝันไปแน่นอน” พี่ซาซึเกะตบหน้าตัวเองทีนึง
“จริงด้วยนี้ไม่ใช่ความฝัน เธออยู่ตรงนี้แล้ว เมื่อวานพี่ไม่เห็นเธอพี่กลัวแทบแย่ว่าเธอจะเป็นอะไร” พี่ซาซึเกะสวมกอดฉัน
“เมื่อวานหมอพาเขาไปนอนอีกห้องนึงเพื่อดูแลอย่างใกล้ชิด และที่สำคัญเขายังตายไม่ได้หรอก ฉันต้องบอกบางสิ่งบางอย่างเพราะตอนที่เขาถูกรถชนเขาบอกพี่แล้วแต่พี่ไม่ยอมฟังแต่คราวนี้พี่ต้องฟังด้วย”
“อะไรหรอ” พี่ซาซึเกะทำหน้างงๆ (^.^?)
“เอียงหูมาใกล้ๆซิ” ฉันบอกพี่ซาซึเกะ
“ I Love You ”
ผลงานอื่นๆ ของ สาวน้อยคอยรักแท้ ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ สาวน้อยคอยรักแท้
ความคิดเห็น