ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [fic KHR X Laflora] revenge of the sun

    ลำดับตอนที่ #45 : บทที่ 35 การทดสอบ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.78K
      58
      12 ธ.ค. 60

    ซาวาดะ  สึนะโยชิไม่อยากที่จะพูดออกมาเลยว่าการถูกสองคนนั้นสนใจมันช่างเลวร้ายเพียงใด  เขาไม่คิดที่จะอยากจะนึกถึงช่วงเวลาแห่งความทรมานอันแสนยาวนานในอดีตที่อดีตเจ้าห่วยอย่างเขาผ่านพ้นมาเลยซักนิดเดียว...


    กว่าที่เขา...กว่าที่เจ้าห่วยอย่างเขาจะกลายมาเป็นบอสวองโกเล่รุ่นที่สิบผู้สมบูรณ์แบบและน่าภาคภูมิใจจะเกิดขึ้นมาได้นั้น  เขาทั้งสองต้องเป็นที่รองมือรองเท้าของปีศาจที่ถูกเรียกว่าครูพิเศษของเขาทั้งสองมานานมากกว่าห้าปีถึงจะสลัดคราบห่วยแตกและกลายมาเป็นแบบนี้ได้


    บอสวองโกเล่รุ่นที่สิบหรือที่ถูกเรียกในวงการแบบย่อๆว่าเดชิโม่นั้นรู้สึกขอบพระคุณอาจารย์ทั้งสองอย่างสูงที่ช่วยให้เขาเติบโตมาได้ถึงเพียงนี้  แม้ว่าการสอนพิเศษของทั้งสองจะช่างหนักหนาสาหัส(เจียนตาย)มากเพียงใด  แต่พวกเขาทั้งคู่ก็ช่วยขุดเจ้าห่วยที่ไม่ได้เรื่องซักอย่างคนนี้ขึ้นมาจากหลุมและเปลี่ยนไปเป็นคนที่ทำได้ทุกอย่าง  เขารู้สึกขอบพระคุณอาจารย์(ผู้บังเกิดเกล้า)ทั้งสองอย่างจริงใจ


    เพียงแต่ว่า...


    หากเป็นไปได้เขาก็อยากจะหลีกหนีออกจากทั้งสองไปให้ไกลที่สุด(ยิ่งนอกโลกได้เลยยิ่งดี)  อยากจะขอให้ตนไม่ต้องพานพบกับการฝึกสุดโหด(ร้ายและทารุณ)ของอาจารย์อีกต่อไป  ไม่ต้องประสบพบเจอกับหายนะเดินได้ที่ถูกเรียกว่าอัลโกบาเล่อรุณและอัลโกบาเลโน่หิมะอีกต่อไปได้ยิ่งดี


    แม้จะรู้สึกปลื้มปริ่มในน้ำใจและความเมตตา(ที่แต่เดิมไม่เคยอยากจะรับ)ของโนโน่ผู้เป็นอดีตบอสวองโกเล่คนก่อนที่กรุณาส่งอาจารย์สอนพิเศษอันแสนดี(กัดฟันพูดอย่างสุดฤทธิ์)และเก่งกาจมาให้เจ้าห่วยผู้นี้ถึงสองคนด้วยกัน...


    เด็กหน้าตาน่ารักคนนั้น...ดวงกุดเหมือนชั้นเลยแฮะ...


    ชายหนุ่มเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่ช่างฟังดูเหือดแห้งเสียเหลือเกิน  เขารู้สึกอยากจะร้องไห้ออกมาขณะจ้องไปยังหญิงสาววัยเดียวกันที่แลดูอ่อนกว่าวัยมากพอๆกับเพื่อนสาวของเขาที่มีตำแหน่งมากมายเหลือจะกล่าวถึง


    สึนะโยชิรู้สึกสงสารลิเลียเหลือเกิน...สงสารในสิ่งที่เด็กสาวจะต้องเจอในอนาคตไม่แตกต่างจากเขาในอดีตที่ต้องพบกับความหายนะจากวีรกรรมการกลั่นแกล้งของท่านอาจารย์ที่แสนน่าเคารพ(ที่ทั้งน่าหวาดผวาและหวาดกลัว)ทั้งสองคน


    แม้ตนจะไม่ทราบถึงสาเหตุที่ลิเลียถูกเพชรฆาตที่ดูคล้ายจะมีมือมารส่งมาเกิดทั้งสองสนใจเข้าก็ตาม  แต่เขาก็ทำได้เพียงอวยพรให้เด็กสาวรอดตายและโชคดีผ่านพ้นกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้เท่านั้น....


    มีคำถามคะ!”


    เสียงของลิเลียที่ดังขึ้นอย่างร่าเริงและสดใสผิดกับท่าทางของเหล่าผู้ที่รู้อนาคตที่จะต้องมาถึงแน่ๆที่แลดูซีดลงยิ่งกว่าเก่ายามเมื่อเห็นใบหน้าแสยะยิ้มร้ายคล้ายกำลังยินดีที่เหยื่อเต้นไปตามแผนของบุคคลที่ขึ้นชื่อว่าเป็นนักฆ่าสุดแกร่งทั้งสอง 


    แต่พวกเขามั่นใจเลยว่าต่อให้เหยื่อ(?)อย่างลิเลียไม่ถาม  กรรมที่จะต้องเอ่ยถามเพื่อยกตัวอย่างให้คนอื่นได้ยินและได้รู้กันจะต้องตกไปที่พวกเขาไม่คนเดียวก็คนหนึ่งอยู่ดี!


    แค่คิดก็อดกลัวกับแผนการของพวกนั้นไม่ได้แล้วสิ....


    ที่บอกว่าจะให้สิ่งที่ปรารถนา ต่อให้เป็นเรื่องใหญ่แค่ไหนแต่ถ้าอยู่ในขอบเขตที่วองโกเล่ทำได้ก็จะทำให้สมหวังได้สินะคะ!”


    ลิเลียเอ่ยออกมาด้วยความคาดหวังอันมากล้น  ในยามนี้เธอไม่สนแล้วว่าจะถูกเปิดเผยตัวหรือสงสัยจากคนอื่นๆถึงเรื่องที่ว่าทำไมถึงได้ถามแบบนั้นออกมาหรือว่าจะเป็นการที่เธอเอ่ยถึงวองโกเล่ออกมาอย่างเต็มปากเต็มคำเช่นนั้น


    หากเป็นในสายตาของพวกนาซิสซ่าที่ไม่รู้เรื่องอะไรที่เกี่ยวข้องกับมาเฟียเลยคงจะคิดว่าวองโกเล่ที่เด็กสาวเอ่ยออกมาอย่างชัดเจนนั่นเป็นเพียงแค่ชื่อของโรงเรียนเท่านั้น  แต่หากเป็นในสายตาของเหล่าคนในโลกมืดที่รู้จักกับวงการมาเฟียแล้ว...


    การที่ลิเลียเอ่ยชื่อของแฟมิลี่มาเฟียที่ยิ่งใหญ่เป็นอันดับหนึ่งของโลกแล้วก็เท่ากับบอกว่าตนเองรู้จักกับโลกมืดมาบ้างแล้ว!


    ถ้าหากมีความสามารถทางด้านใดด้านหนึ่งที่มากพอจะเข้าไปยังระดับสูงได้  ชั้นขอรับประกันว่าจะช่วยทำให้ความต้องการนั้นเป็นจริงเอง...


    เอาล่ะ...แสดงให้ชั้นเห็นสิว่าตัวจริงของเธอเป็นยังไงกันลิเลีย  อัลเฟรด!


    คุโรยูกิเอ่ยออกมาทั้งๆที่ในใจกำลังสังเกตถึงท่าทางและทุกๆอย่างของเด็กสาวร่างเล็กที่กำลังเป็นที่สนใจของนักฆ่าอย่างเธอและเขาเข้า  แม้ในยามนี้ความสงสัยบางส่วนจะกระจ่างชัดจากการแสดงออกและท่าทางของอีกฝ่ายแล้วก็ตามที


    หญิงสาวกระตุกยิ้มขึ้นมาอีกครั้งก่อนจะละสายตาออกไปจากลิเลีย  คุโรยูกิเปลี่ยนสีหน้าของตัวเองให้กลับมาราบเรียบและนิ่งเฉยเช่นทุกทีพร้อมกับหันหลังเดินนำทางเหล่านักเรียนแลกเปลี่ยนทั้งสิบห้าชีวิตไปยังสถานที่ทดสอบด้านต่างๆ


    ที่ๆเธอนำทางมาก็คือห้องที่ดูโล่งๆและมีโต๊ะมากมายวางเรียงกันอยู่  เป็นห้องสอบที่ดูธรรมดาสามัญทั่วไปหากไม่นับว่าสถานที่แห่งนี้นั้นคือโรงเรียนสำหรับเหล่ามาเฟีย  ที่เรียกได้ว่านอกจากพวกคงแก่เรียนและเหล่าว่าที่บอสของแฟมิลี่ต่างๆแล้ว  วิชาการเป็นเพียงสิ่งไม่จำเป็นและน่าหลีกหนีทั้งสิ้น


    แต่อย่างไรมาตรฐานของโรงเรียนที่คุโรยูกิสอนก็ย่อมต้องสูงตามคนคุมอยู่ดี  ตั้งแต่ที่ยูกิมาคุมโรงเรียนกฏก็เข้มงวดขึ้นมากพอที่เหล่านักเรียนต้องโอดครวญและทำตามกัน(ด้วยความกลัวเกรงในอำนาจมืด)โดยไม่บ่นอะไรทั้งสิ้นออกมา  แล้วไหนจะยังรวมไปถึงระดับการเรียนของนักเรียนที่ดูจะดีขึ้นกว่าแต่ก่อนขึ้นเยอะพอสมควรอีก...


    เริ่มจากการทดสอบด้านวิชาการทั่วไป  มีวิชาคณิตศาสตร์  วิทยาศาสตร์  ภาษาต่างๆและความรู้ในการปกครอง...


    ความจริงแล้วในแบบทดสอบทั่วๆไปของโรงเรียนก็ไม่มีความรู้ในการปกครองหรอกนะ  เพราะมันมักจะมีสอบในระดับของพวกที่สูงขึ้นไป  แต่เพราะความไม่แน่ใจว่าทุกคนจะเข้ามาอยู่ในระดับกลางๆได้จนครบหมดเลยต้องแทรกวิชาพวกนี้เพื่อเพิ่มระดับความสามารถโดยรวมเข้าไปหน่อย


    สีหน้าของแต่ละคนหลังจากได้ฟังเรื่องของการทดสอบ  พวกที่ฉลาดก็ไม่ได้มีสีหน้าที่แย่อะไร  แต่ถ้าหากว่าหันไปมองพวกที่มีดีด้านอื่นอย่างดันเต้หรือว่าเหมยฮัว  พวกนั้นหน่ะหน้าซีดกันสุดๆ


    มีเวลาทั้งหมด2ชั่วโมงในการทำแบบทดสอบทั้งหมดที่วางอยู่บนโต๊ะ


    ยูกิไม่สนใจสีหน้าคล้ายกำลังอ้อนวอนเธออย่างสุดชีวิตของเหมยฮัวและดันเต้  เธอปรายตามองสองคนนั้นที่รู้ตัวดีว่าตนคงสอบตกแน่นอนด้วยสายตาคล้ายเย็นชาผสมก่ำกึ่งกับความว่างเปล่า


    หญิงสาวไม่คาดคิดเลยว่าจะยังมีคนที่ห่วยแตกเท่าอดีตลูกศิษย์จอมห่วยของตัวเองได้อีก  ขนาดเธอที่ประเมินพวกนักเรียนลาฟลอร่าในระดับสูงพอสมควรแล้วยังไม่คาดเลยว่ากับอีแค่ข้อสอบสองร้อยข้อที่ให้เวลาทำถึงสองชั่วโมงจะทำให้พวกนั้นมีสีหน้าเหมือนกำลังไปรบมาแบบนั้น


    เธอถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายหลังจากที่หมดเวลาทำการทดสอบด้านวิชาการและเก็บข้อสอบครบหมดสิบห้าคนแล้ว  ดูจากสีหน้าที่แตกต่างไปของแต่ละคนแล้ว....


    มีเวลาให้ครึ่งชั่วโมง  จะไปห้องน้ำหรือจะไปซื้อของตามทางก็ได้ตามสบาย  แต่ต้องกลับมารวมตัวกันตรงนี้ให้เรียบร้อยตอนเก้าโมงครึ่ง  เราจะไปทำทดสอบด้านต่อไปกัน


    ดูท่าว่าการจะให้ทำการทดสอบต่อไปในสภาพแบบนี้คงอันตรายเกินไปล่ะมั้ง....?


    ตื่นกันตั้งแต่ตีห้าครึ่ง  กินข้าวจนถึงหกโมงเกือบๆจะเจ็ดโมงแล้วมาถึงที่นี่ทันทีตอนเจ็ดโมงเช้ารวมถึงทำข้อสอบอีกสองชั่วโมง  เพราะแบบนั้นมันจึงทำให้สภาพของแต่ละคนดูไม่ต่างอะไรกับซากศพเดินได้ในหนังเลยด้วยซ้ำ


    คุโรยูกิแน่ใจว่าตนเองไม่ได้ประเมินพวกนั้นผิดไปเท่าไหร่  แต่ก็ช่างมันเถอะ  เพราะเอาตามจริงแล้ว...การทดสอบหน่ะมันเริ่มตั้งแต่เริ่มวันแล้วต่างหากล่ะ


    หญิงสาวหันไปจ้องตากับนักฆ่าอันดับหนึ่งผู้เป็นอดีตคู่หูของตนก่อนจะแสยะยิ้มให้กัน  ด่านทดสอบต่อใบเป็นส่วนของรีบอร์นที่จะเป็นคนคุม...ไม่ใช่เธอซักหน่อย


    การเอาตัวรอด  การแก้ไขปัญหาในสถานการณ์ต่างๆและวิชาที่แสดงความสามารถพิเศษของตัวเองออกมาไม่ว่าจะด้านไหนๆก็ตาม  อาหาร  ขนมหวาน  การประดิษฐ์หรือแม้กระทั่งการต่อสู้...  ทั้งหมดนั่นรีบอร์นจะเป็นคนคุมแต่ว่าถ้ามีคนที่เลือกหัวข้อการต่อสู้ล่ะก็  เธอจะมาเป็นคนคุมอีกคน...


    เห...ไม่น่าเชื่อเลยว่าสองคนนั้นจะเลือกการต่อสู้แบบนี้ยูกิพูดขึ้นหลังจากที่ได้ฟังเรื่องน่าสนใจที่รีบอร์นบอกกับเธอผ่านทางโทรศัพท์เมื่อกี้


    ในตอนนี้เธอกำลังนั่งทำงานอยู่ที่ห้องของผู้อำนวยการเพื่อรอช่วงทดสอบการต่อสู้ที่จะเป็นรายการสุดท้ายในช่วงค่ำ  แม้ความจริงจะดูที่นี่ผ่านกล้องวงจรปิดเลยก็ได้เถอะนะ  แต่ยูกิก็ลุกขึ้นเดินออกไปจากห้องเพื่อมุ่งหน้าไปยังสนามที่ใช้ต่อสู้โดยเฉพาะ


    ลิเลียกับคริสโตเฟอร์  สำหรับคริสโตเฟอร์แล้ว....ในวิชามาเฟียที่เรียนเกี่ยวกับการต่อสู้และยิงปืนแล้วอีกฝ่ายก็ถือว่าทำได้ดีพอสมควร  แต่ว่ามันก็ยังไม่ดีพอที่จะเอาไปใช้สู้จริงอยู่ดี  มันอยู่แค่ในระดับที่พอเอาตัวรอดได้นิดๆหน่อยๆเท่านั้น 


    ส่วนลิเลีย  จากข้อมูลที่ได้มาแล้วนอกจากเจ้าตัวจะหนีการเรียนภาคปฏิบัติมาตลอดและมีร่างกายที่อ่อนแอไม่เหมาะกับการต่อสู้แล้วยังไม่มีความสามารถในด้านนี้เป็นพิเศษอะไร  ดูเผินๆก็คงจะเป็นแค่เด็กผู้หญิงร่างกายอ่อนแอธรรมดาๆที่หาได้ทั่วไป  หากไม่ใช่ว่ายูกิและรีบอร์นที่เป็นคนคุมสอบจะสนใจและสงสัยในตัวตนของลิเลียเข้า....

     

     





    ....


    ภายในห้องโถงโล่งๆขนาดใหญ่ที่เหมือนกับสนามกีฬาในร่ม  แม้จะมีคนในนั้นกว่ายี่สิบชีวิตก็ตาม...แต่บรรยากาศภายในกับกดดันและเงียบสงัดไร้ซึ่งเสียงใดๆที่เล็ดรอดออกมาจากปากของเหล่าคนที่อยู่ในนั้นที่กำลังเฝ้ามองไปยังสนามเบื้องล่าง


    สนามหรือพื้นโล่งอันไร้ซึ่งสิ่งกีดขวางใดๆมีร่างของมนุษย์อยู่ถึงสามคนด้วยกัน  ทั้งสามคนในนั้นเป็นคนที่เหล่าคนด้านบนที่มีสถานะเป็นผู้ชมต่างรู้จักกันดี


    สองคนแรกคือเพื่อนร่วมสถาบันลาฟลอร่าที่มาแลกเปลี่ยนยังโรงเรียนมาเฟียแห่งนี้อย่างคริสโตเฟอร์  ริชาร์ดและลิเลีย  อัลเฟรด...ส่วนอีกคนที่ยืนอยู่ในด้านตรงข้ามก็คือคู่ต่อสู้ที่ถูกรีบอร์นและคุโรยูกิเรียกออกมาเพื่อการทดสอบ


    เป็นนักเรียนร่วมสถาบันเดียวกันกับทั้งสองคนที่ไม่มีใครทราบว่าเหตุใดจึงถูกเรียกมาใช้เป็นผู้ทดสอบและยังเป็นถึงคนที่มีความสัมพันธ์กับสองคนนี้อย่างซับซ้อน...


    ถึงจะไม่อยากสู้กับทั้งสองคนก็เถอะ.... แต่เพราะนี่เป็นคำสั่งของยูกิจัง  เพราะงั้นกรุณาช่วยสู้แบบกะจะฆ่ากันด้วยนะคะ!”


    ฟุจิวาระ  ยูริคือคู่ต่อสู้ของคนทั้งสองคน...  ใบหน้ายิ้มแย้มที่ดูราวกับน้ำผึ้งอาบยาพิษถูกส่งให้กับคริสโตเฟอร์ผู้เป็นอดีตคนรักที่ปัจจุบันมีสถานะใกล้เคียงกับเพื่อนและลิเลียผู้เป็นถึงอดีตศัตรูที่เคยสุดแสนจะเกลียดและโกรธแค้น....


    แม้ในตอนนี้จะมีสถานะคล้ายเพื่อนและไม่เหลือซึ่งอารมณ์เหล่านั้นแล้วก็ตาม  แต่ในสายตาของพวกเขาที่มีต่อกันและในสายตาของคนภายนอกแล้ว....  มันยังคงเป็นความสัมพันธ์ที่อยู่ในสถานะที่ไม่อาจจะเข้าใจได้อยู่ดี


    ดวงตาของยูริคล้ายกับว่าไม่ใช่เธอคนเดิม  ใบหน้าที่แม้จะประดับไปด้วยรอยยิ้มหากแต่มันกลับชวนให้รู้สึกถึงความกดดันคล้ายกับว่าพวกเขาพบเจอกับเพชรฆาตที่สุดแสนจะอันตรายตรงหน้านี้


    มันช่างแตกต่างกับยูริที่พวกเธอรู้จักมากจริงๆ!!


    แม้กระทั่งคนข้างบนที่กำลังชมสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นก็ยังอดคิดแบบนั้นขึ้นมากันไม่ได้  พวกเขาทั้งหมด(ไม่นับพวกเอสเมอรันด้า)ไม่เคยเห็นหรือพบเจอกับท่าทางเช่นนี้เลยซักครั้ง


    ที่บอกว่าให้สู้แบบกะจะฆ่านี่...จริงงั้นเหรอ?”โรซารี่เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่สั่นๆเล็กน้อยเพราะว่าเธอกำลังพยายามที่จะอดกลั้นความรู้สึกหวาดกลัวที่จู่ๆก็ผุดขึ้นมาในจิตใจของเธอ


    หญิงสาวไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคนที่พูดออกมาว่า ฆ่า แบบง่ายๆตรงนั้นจะเป็นยูริที่ทั้งกลัวเลือดและเอะอะก็จะตัดนิ้วตัวเองในตอนเด็กๆคนนั้น  แม้จะอยู่ไกลออกไปพอสมควรทำให้ไม่เห็นว่าข้างล่างพูดอะไรกันบ้างก็ตาม  แต่ด้วยเพราะด้านบนมีทีวีที่ถ่ายเหตุการข้างล่างไว้ผ่านกล้องทำให้พวกเธอทั้งหมดเห็นและได้ยินเสียงอย่างชัดเจน


    แม้ก่อนหน้านี้เธอจะสงสัยว่าทำไมคนที่ต้องไปทดสอบสองคนนั้นจะเป็นยูริก็ตาม  แต่ในเวลานี้โรซารี่ก็คล้ายจะเข้าใจและไม่เข้าใจในเรื่องที่สงสัยไปพร้อมๆกัน  อาจเพราะบรรยากาศและท่าทางที่ผิดกับยูริในยามปกตินั่นก็ได้...


    ใช่แล้ว  แต่ก็คงเป็นยูกิที่สั่งให้ยูริทำแบบนั้นอีกนั่นละ


    มาริโอน่าตอบคำถามของโรซารี่พลางยกมือทั้งสองข้างขึ้นมากุมหัวหลังมองท่าทางของยูริที่คล้ายจะเหมือนกับอาจารย์ของเจ้าตัวขึ้นมาทุกทีด้วยความเหนื่อยทั้งใจ  เหนื่อยทั้งกาย...


    หญิงสาวผู้เป็นเจ้าของเรือนผมสีเงินยาวจ้องมองไปที่มอนิเตอร์พร้อมกับเหงื่อกาฬอันเกิดจากความเครียดที่ไหลออกมาทางหน้าผากหลังพบว่าเจ้าสิ่งที่ยูริเอาออกมามันคืออะไร  เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่ายูกิจะให้ยูริเอาจริงกับสองคนนั่นถึงขนาดให้ใช้ดาบแบบนั้น!


    พวกเธอตั้งใจจะให้ยูริฆ่าสองคนนั้นรึไงยูกิ! รีบอร์น!”


    ไม่ได้มีเพียงแค่เสียงของมาริโอน่าคนเดียวที่ตะโกนถามผู้คุมสอบทั้งสองอย่างคุโรยูกิและรีบอร์นเท่านั้น  ทั้งเอสเมอรันด้า  เรโอนี่และยังรวมไปถึงสึนะที่ดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่างเอ่ยถามกับคนทั้งสองด้วยความตื่นตระหนกและกังวลถึงสถานการณ์เบื้องล่าง


    แม้ปกติแล้วเรโอนี่และมาริโอน่าจะเป็นคนที่เยือกเย็นเป็นปกติกันทั้งสองคนอยู่แล้ว  แต่ในสถานการณ์แบบนี้พวกเธอกลับยังใจเย็นและสงบนิ่งอย่างเคยต่อไปไม่ได้เมื่อเห็นว่ายูริตั้งใจจะเอาจริงกับคริสโตเฟอร์และลิเลีย


    ปัง!!


    เดลฟีโน่ตบโต๊ะเสียงดังจนทำให้คนที่พึ่งตะโกนอย่างตื่นตระหนกอยู่เมื่อกี้นี้เงียบเสียงกันลง  หญิงสาวใช้ดวงตาสีอำพันจับจ้องไปยังเหล่าคนที่แหกปากโวยวายอยู่เมื่อครู่อย่างเย็นชาและแฝงไปด้วยความหงุดหงิดและรำคาญอยู่ลึกๆ


    จะเงียบกันได้รึยัง?


    เดลเอ่ยออกมาด้วยเสียงเย็นชาที่ช่างหนาวจับขั้วหัวใจได้ไม่แพ้กันกับคุโรยูกิยามหงุดหงิด  เธอปรายตามองไปยังเหล่าคนทั้งสี่ที่คล้ายจะพึ่งสงบสติอารมณ์ได้อยางไม่ชอบใจก่อนจะหันไปจดจ่อกับการต่อสู้ที่ใกล้จะเริ่มต้นขึ้นอย่างตั้งใจอีกครั้ง


    ในหมู่เพื่อนแล้ว  คนที่อยู่จุดสูงสุดย่อมต้องเป็นยูกิ  ส่วนอันดับที่รองลงมาก็คือมาริโอน่า  เดลฟีโน่  เรโอนี่และเอสเมอรันด้า...  เพียงแต่ความจริงแล้วหากลองเทียบดูกันจริงๆก็จะพบว่าเดลฟีโน่แข็งแกร่งกว่ามาริโอน่าเพราะอย่างไรเสียก็เป็นถึงลูกสาวบุญธรรมของสเปลบี  สควอโล่คนนั้น


    จะให้ไม่เก่งดาบก็คงกระไรอยู่ล่ะนะ...


    ___________________________________________________________________________________________

    หลังจากที่ผ่านมานานแสนนาน  ในที่สุดไรท์ก็มาอัพได้.... (จะตายแหล่มิตายแหล่แล้ว)

    ปัจจุบันยังคงเครียดอยู่กับการสอบงานโปรเจคคะ  ทั้งต้องพรีเซ้นต์ต่อหน้าอาจารย์แล้วก็เพื่อนๆเป็นภาษาไทยกับอังกฤษ  ไหนจะยังต้องออกแบบหน้าปกกับพื้นหลังอีก... ไรท์พึ่งอยู่ปวช.1เองนะ!  เราพึ่งจบม.3มายังไม่ถึงปีเลย! เอาแต่ให้ทำงานงกๆอีก!  อะไรคือเก็บชั่วโมงสมรรถนะ80ชั่วโมงคะ!?  ถึงจะอยู่สาขาคอมพิวเตอร์กราฟิกแต่จะไปให้หางานมาจากไหนเยอะแยะขนาดนั้นกัน-่ะคะ!  แค่ออกไปถ่ายรูปข้างนอกก็ได้แค่ชั่วโมงสองชั่วโมงเองนะ!!(แบบว่าเก็บกดมาเยอะเลยอยากระบายให้รีดฟังกันบ้างอ่ะคะ)  แต่แบบว่าเค้าอยากจะร้องไห้จริงๆนะ....

    แต่ไม่ว่าจะยังไงก็ตามก็จะพยายามมาอัพให้ได้เลยล่ะคะ  แต่บางทีอาจจะผุดมาแต่ตอนพิเศษ(?)ก็ได้...


    ปล.หากว่ามีรีดซักคนที่อ่านแล้วเข้าใจความรู้สึกของไรท์บ้างคงจะดีนะคะ....(ปัจจุบันกำลังจิตตกเพราะใกล้สอบพรีเซ้นต์)

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×