คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #44 : Special 4 Lilia x Christopher - 3
จู่ๆลิเลียก็ขาดการติดต่อไป...
คริสโตเฟอร์ที่ลงมาจากเรือสำราญที่ถูกใช้เป็นที่ตั้งของโรงเรียนโนอาห์ลองถามกับพวกนาซิสซ่าดูแล้ว แต่ดูเหมือนว่าจะลาหยุดแบบไม่มีกำหนด โทรศัทพ์ก็ไม่รับ เมลล์ก็ไม่ตอบ
เพราะแบบนั้นคริสโตเฟอร์เลยได้แต่เป็นห่วง
กลัวว่าลิเลียจะถูกใครลักพาตัวไป
เพราะลิเลียไม่ว่าจะนิสัยหรือท่าทาง(และร่างกาย)ก็ดูเหมือนเด็กมากกว่าเพื่อนๆคนอื่นๆ ลิเลียเป็นเด็กใสซื่อ ตามคนไม่คอยจะทันที่ชอบตามไลลาต้อยๆเหมือนลูกเป็ดเดินตามแม่เป็ดเลยด้วยซ้ำ
อีกอย่าง....
ตอนช่วงปิดเทอมลิเลียก็ส่งเมลล์แปลกๆมาให้อยู่หลายฉบับ เขาอยากจะถามดูว่ามันคืออะไร แล้วที่เขียนมามันเป็นความจริงรึเปล่า?
ตอนแรกๆที่อ่านไปมันก็โกรธสุดๆเพราะคิดว่าเป็นเรื่องจริงนั่นล่ะนะ...
ก็ถึงขนาดที่เขาเกลียดลิเลียไปเลยนี่คงไม่ใช่เรื่องล้อเล่นอยู่แล้ว
ตอนช่วงแรกๆไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองไม่ได้รับการติดต่ออะไรจากลิเลียอีกเลยหลังจากได้รับเมลล์พวกนั้น
แต่พอหลังจากเริ่มสงบสติอารมณ์ได้ถึงตั้งใจจะถามดูเลยโทรไปหาแต่ก็ไม่มีใครรับเลย
พอโทรไปไม่รับหรือส่งเมลล์ไปก็ไม่ตอบ ครั้นจะไปถามพวกโรซารี่ก็คิดได้ว่าบางทีลิเลียคงต้องการเวลากับตัวเองพอคิดงั้นเขาเลยได้ใช้เวลากับตัวเองไปพักใหญ่เหมือนกัน
ให้เวลาตัวเองคิดไปอีกยาวๆจนความรู้สึกโกรธหมดไป
เขาเลยหันมาลองทบทวนเรื่องของเธอดูบ้าง
ลองคิดเพื่อเข้าใจความรู้สึกหรือสาเหตุของเธอดูบ้าง...
“คริส นี่นายเป็นไข้....สินะ...?”กียุลถามเพื่อนสนิทอย่างไม่ค่อยจะมั่นใจเมื่อเห็นว่าบนโต๊ะของจอมขี้เกียจได้โล่คนนี้เต็มไปด้วยหนังสือมากมาย แถมยังเจ้าตัวยังถือหนังสืออยู่อีกเล่มอีก...
วันนี้พายุเข้าชัวร์ๆ!
“youจะบ้ารึไงกียุล? แค่Iอ่านหนังสือก็ถามว่าเป็นไข้แล้ว”คริสโตเฟอร์พูดด้วยความไม่ชอบใจเท่าไหร่ที่ถูกเพื่อนสนิทมาว่าแบบนี้
เพราะมันเหมือนถูกด่ากลายๆว่าเขามันเป็นคนขี้เกียจนั่นล่ะ!
“โทษทีๆ
ชั้นแค่เห็นว่ามันแปลกที่นายมาอ่านหนังสือเท่านั้นเอง”
“แค่มีเรื่องที่อยากรู้เท่านั้นเอง....”
พอมาตอนนี้คริสโตเฟอร์ถึงได้รู้ว่าความจริงแล้วเขาไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับลิเลียเลย เขาไม่รู้เลยด้วยว่าทำไมลิเลียถึงได้ชอบตามไลลาแบบนั้น
ไม่รู้ว่าทำไมลิเลียถึงไม่เคยพูดถึงเรื่องสมัยเด็กให้ฟัง
อาจจะมีเล่าให้ฟังบ้างแต่ว่ามันก็มีแค่ตอนที่พูดถึงพี่สาวของตัวเองเท่านั้น...
คริสโตเฟอร์ไม่รู้ว่าจะต้องเริ่มจากตรงไหนเขาถึงจะสามารถเข้าใจลิเลียได้ พอลองไปปรึกษากับอาจารย์ดูก็เลยได้รายชื่อหนังสือจิตวิทยามาให้ตามหาอีกเพียบ(ก็ที่กองอยู่บนโต๊ะเนี่ยล่ะทั้งหมดที่หามาได้)
เขาอ่านไปได้เล่มสองเล่มก็รู้สึกติดลมอ่านต่ออีกยาวจนสุดท้ายต้องไปทำเรื่องยืมท่ามกลางสายตาทึ่งๆเหมือนไม่อยากจะเชื่อของบรรณารักษ์ห้องสมุด
ก็นะ...
คริสโตเฟอร์ก็พอรู้ตัวดีอยู่หรอกว่าตัวเองเป็นคนที่ชอบขยับร่างกายมากกว่านั่งนิ่งๆอ่านหนังสืออย่างเดียว การเรียนของเขาก็ไม่ได้ตกต่ำอะไร ออกจะสูงพอสมควรด้วยซ้ำ
เพราะเขามีพวกเพื่อนๆที่เรียนได้อันดับหนึ่งและสองช่วยกันติวให้ช่วงสอบทุกครั้งแถมตอนช่วงสอบเขาก็พยายามอ่านหนังสืออย่างหนักจนถึงขนาดเก็บเนื้อหาให้หนังสือไปฝันเลย
เพราะเขามีเวลาสงบสติอารมณ์แล้วทบทวนตัวเองมานานถึงได้ไม่ได้เกลียดอะไรลิเลียแล้ว
ความจริงคนที่ผิดก็ไม่ใช่แค่ลิเลียทั้งหมดด้วย เขาเองก็ผิดเหมือนกันที่ทำแบบนั้นกับยูริ แต่เขาคิดว่าตัวเองโกรธลิเลียมากกว่าที่ส่งเมลล์มาแทนที่จะมาบอกด้วยตัวเอง
ช่วงเทอมนั้นทั้งเทอมดูเหมือนคริสโตเฟอร์จะนิ่งซะจนผิดปกติ
มันเป็นเรื่องที่น่าแปลกและเป็นห่วงของทุกคนมากเพราะคริสโตเฟอร์มันพูดมากและร่าเริงตลอด แต่ตอนนี้เหมือนเอาแต่คิดอะไรอยู่คนเดียวตลอดเวลา พวกเพื่อนสนิทอย่างพวกกียุลก็อยากจะถามเหมือนกัน แต่พอถามแล้วไม่ได้คำตอบมากๆเข้าเลยเลิกถามกัน
เขายังชอบยูริจังอยู่...
นั่นเป็นสิ่งที่เขามั่นใจหลังจากที่ทบทวนกับตัวเองมาตลอดทั้งเทอม
แต่ว่าสำหรับคนที่ทำร้ายเธอไปตั้งขนาดนั้นคงไม่มีหวังแล้วล่ะ อีกอย่างมันก็ดูจะทำร้ายลิเลียไปด้วย
สำหรับเขาแล้วโดยส่วนตัวถึงจะไม่รู้ว่าทำไมลิเลียถึงทำแบบนั้นแต่ก็คิดว่าเธอคงจะรักเขามากจริงๆ แต่สุดท้ายก็คงรู้สึกผิดเลยบอกความจริงกับเขา...
ตลอดเวลาที่อยู่กับลิเลียเขาคิดว่าตัวเองทำผิดต่อเธอมามากมายจริงๆ ถึงจะคิดว่าชอบลิเลียแต่บางครั้งเขาก็ยังมองหายูริอยู่เรื่อยๆ บางทีลิเลียคงจะรู้แต่ไม่พูดอะไรออกมา... เขามองลิเลียเป็นเหมือนคนที่ต้องปกป้อง คงคล้ายๆน้องสาวล่ะมั้ง?
ลิเลียเป็นเด็กดีแถมยังน่ารัก
สำหรับเรื่องเขารู้มาตั้งแต่ก่อนจะคบกันอีกด้วยซ้ำ เธอชอบตามติดไลลา
เลียนแบบท่าทางของไลลาจนเหมือนเป็นพี่น้องกันจริงๆเลยด้วยซ้ำ แถมนิสัยหลายๆอย่างในตอนนี้ของลิเลียก็ได้มาจากไลลาไปซะเยอะเลยด้วย
พอลองมาคิดๆดูแล้วลิเลียคงเป็นเด็กมีปัญหาที่ขาดความรักจากครอบครัวล่ะมั้ง? นิสัยเหมือนเด็กตัวเล็กๆแถมยังดูไร้เดียงสา(?)
เขาตั้งใจจะไปถามทุกๆอย่างกับลิเลียเลยไปที่อิตาลีในช่วงปิดเทอม
ยังดีที่เขาพอจะจำที่อยู่ของลิเลียได้เลยทำให้ขึ้นเครื่องบินมาอิตาลีแล้วไปขอพักที่บ้านเจ้าดันเต้ก่อนจะโบกแท็กซี่ให้พามาไปที่บ้านของลิเลียได้เลย
ติ่งต่อง...
คริสโตเฟอร์เดินลงจากรถแท็กซี่แล้วกดออดที่อยู่ตรงแถวๆประตูคฤหาสน์
เขาไม่ค่อยแปลกใจเท่าไหร่ที่บ้านของลิเลียเป็นคฤหาสน์แบบนี้
เพราะบ้านของเขาก็เป็นคล้ายๆกันแถมลิเลียก็ยังเคยเปรยๆมาอีกด้วยว่าบ้านของตัวเองเป็นคฤหาสน์
[มาพบใครคะ?]
เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งที่คริสโตเฟอร์คาดว่าน่าจะเป็นแม่บ้านของคฤหาสน์หลังนี้ดังขึ้นจากลำโพงใกล้ๆออดหน้าบ้าน
“คฤหาสน์หลังนี้ใช่บ้านของลิเลียรึเปล่าครับ?”
[คุณคงหมายถึงคุณหนูลิเลีย?]
“ครับ ผมเป็นแฟนของเธอชื่อว่าคริสโตเฟอร์ ริชาร์ดครับ”
[....เข้าใจแล้วคะ ดิชั้นจะเปิดประตูให้นะคะ]
สรรพนามแทนตัวของเขาใช้เฉพาะคนรุ่นราวคราวเดียวกัน เพราะงั้นคงไม่แปลกอะไรที่เขาจะดูสุภาพกว่าปกติอย่างแทนตัวว่าผมแล้วลงท้ายว่าครับแบบนี้
หลังจากที่คุยกับคุณแม่บ้านได้ไม่นานก็มีผู้หญิงในชุดเมดเดินมาเปิดประตูแล้วพาเขาเข้าไปข้างใน
พวกเขาคุยกันนิดหน่อยเกี่ยวกับลิเลียและสาเหตุที่มาหาแล้วสุดท้ายคริสโตเฟอร์ก็เลยมาจบอยู่ที่ห้องรับแขกโดยมีเมดคนใหม่มารินชาเติมขนมให้
“ท่านคริสโตเฟอร์สินะขอรับ?”
จู่ๆก็มีผู้ชายที่มีใบหน้าเรียบนิ่งในชุดพ่อบ้านคนหนึ่งเดินเข้ามาถามเขาแบบนั้น
เขาพยักหน้าตอบกลับแล้วคุยกับเขาไปนิดๆหน่อยๆ
คริสโตเฟอร์เหลือบมองคนข้างๆที่มีกล้ามเนื้อส่วนใบหน้าเป็นอัมพาตนั่งนิ่งอยู่ข้างๆเขาด้วยความอึดอัด
“ล-แล้วลิเลียไปไหนงะ-งั้นเหรอ...ครับ?”
จู่ๆคริสโตเฟอร์ก็รู้สึกเกร็งขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะการพูดคุยกับคนข้างๆที่พูดเฉพาะเวลาตอบคำถามเท่านั้นหรือว่าเป็นเพราะใบหน้าราบเรียบที่ไม่เปลี่ยนไปเลยรึเปล่าเขาก็ไม่ทราบเลยจริงๆว่าทำไมตัวเองถึงดูเกร็งขึ้นมาแบบนั้น
“ธุระหน่ะขอรับ”
และรอสหรือชายในชุดพ่อบ้านคนนั้นก็ตอบคริสโตเฟอร์แทบจะในทันทีที่เขาพูดจบประโยคเลยด้วยซ้ำ เขาเลยได้แต่สรุปในใจเลยว่าควรจะปล่อยเวลาผ่านไปท่ามกลางความอึดอัดเหล่านี้
ผ่านมาไม่รู้ว่ากี่ชั่วโมงแล้วที่คริสโตเฟอร์อยู่แต่ห้องรับแขกกับรอส เขานั่งรอลิเลียที่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะทำธุระเสร็จอยู่โดยไม่ออกไปไหนนอกจากห้องน้ำ ไม่ขอกลับก่อนหรือว่าขอให้รอสพาไปหา
เขาทำเพียงแค่นั่งรออยู่ในห้องรับแขกเงียบๆอย่างอึดอัดเท่านั้น
“ทำไม...ถึงไม่ยอมแพ้ล่ะขอรับ?”สุดท้ายแล้วรอสก็ถามคริสโตเฟอร์ออกไปอย่างสงสัย
“ยอมแพ้อะไรล่ะครับ?”
“งั้นกระผมขอเปลี่ยนคำถาม
ทำไมคุณถึงไม่กลับไปหรือจะไปหาท่านลิเลียด้วยตัวเองกัน?”
“ไม่รู้...”
ใบหน้าของรอสที่ราบเรียบเปลี่ยนไปเล็กน้อย
เขาขมวดคิ้วและหรี่ตาลงจนสังเกตได้อย่างชัดเจนว่ากำลังสงสัยกับคำตอบของคริสโตเฟอร์ไม่มากก็น้อย
“ผมไม่ใช่คนฉลาดอะไร... แต่ผมแค่...ผมแค่มาที่นี่เพื่อจะมาถามเรื่องที่กำลังสงสัยอยู่กับลิเลียเท่านั้น...”
เขาไม่รู้...เขาไม่รู้ว่าทำไมถึงไม่ทำอย่างที่คุณรอสบอก
เขาคิดแค่ว่าต้องรอต่อไปเรื่อยๆจนกว่าลิเลียจะมาเท่านั้น
คริสโตเฟอร์รู้ตัวดีว่าตัวเองนอกจากหน้าตาแล้วก็ความสามารถทางกีฬาตัวเองก็ไม่ได้เก่งกาจอะไรเหมือนกับพวกเพื่อนสนิท
เขาไม่ได้เรียนหนังสือเก่งอะไร เขาเรียนจบมาได้ก็เพราะเพื่อนๆช่วยติวให้ ไม่ได้เก่งอะไรเลย...
“คุณต้องกลับแล้ว...คุณอยู่ที่นี่ไม่ได้”
รอสพูดออกมาด้วยใบหน้าเคร่งเครียด
ความจริงแล้วเขาก็อยากจะคุยกับคนรักของท่านลิเลียต่ออีกซักหน่อยอยู่หรอก แต่ตอนนี้มันอันตรายแล้ว
ถ้าไม่รีบพาหนีออกไปหรือทำให้เขาได้รับบาดเจ็บขึ้นมาเขาคงไม่มีหน้าไปพบเธอได้แน่ๆ
เขารู้
รู้ว่าเจ้านายของเขาอย่างท่านลิเลียรักคนๆนี้มากเพียงใด
ทุกการกระทำของเธอบอกออกมาหมดแล้วว่าคิดถึงและรักใครในตัวคนที่เขากำลังจุงมือพาออกไปที่ทางลับคนนี้มากเพียงไร แต่เพราะรักมาก...และยังทำผิดต่อคนๆนี้
เธอจึงไม่กล้าที่จะออกมาเจอหน้าทั้งๆที่วันนี้ไม่ได้มีธุระที่ไหน
ก่อนที่จะมาท่านลิเลียบอกเรื่องทุกอย่างให้เขารู้หมดแล้ว...
ทั้งเรื่องที่เธอทำให้คนสองคนที่รักกันแตกแยกเพื่อให้ได้คนๆนั้นมา
ทั้งเรื่องที่เธอแกล้งคนรอบข้างและยังรวมถึงอีกหลายๆเรื่องที่เธอทำผิดไป
“อ้ากกก!!”
รอสเบิกตากว้างเมื่อได้ยินเสียงร้องของคนด้านหลัง
เขารีบหันไปมองคริสโตเฟอร์โดยไม่ลืมที่จะหยิบปืนขึ้นมาเตรียมลั่นไก
แต่ก็ต้องชะงักไปหลังพบว่าคนที่เขาต้องปกป้องในยามนี้กำลังถูกศัตรูจับตัวไว้และกำลังจะถูกฆ่า
ภายในหัวของรอสในยามนี้เต็มไปด้วยความคิดที่จะต้องปกป้องชายหนุ่มผู้เป็นคนที่เจ้านายรักเท่านั้น เขาไม่ลังเลเลยที่จะพุ่งเขาใส่ศัตรูอย่างไม่คิดชีวิต เขาเพียงต้องการจะปกป้องสิ่งสำคัญของเธอคนนั้น...คนที่เป็นเจ้าของครอสเซเรียเท่านั้น
ต่อให้ต้องตายไปเพื่อปกป้องคนสำคัญของเธอ...เขาก็ขอยอมตาย!
“บ้าเอ้ย...”
รอสสบถออกมาเมื่อพบว่าตัวเองเริ่มขยับตัวไม่ได้เพราะบาดแผลสาหัสที่มีอยู่เต็มตัว ถึงจะแย่งคริสโตเฟอร์คืนมาได้แต่ดวงตาของเขาก็ดูจะบอดไปแล้ว แถมยังถูกยิงที่หัวใจอีก
เขาคงไม่มีหน้าไปพบท่านลิเลียอีกแล้วสิเนี่ย...
“รอส!”
“ท่าน...ลิเลีย?”
ในตอนที่สติของเขาเริ่มที่จะเลือนลางจนแทบจะหายไปก็ได้ยินเสียงของลิเลีย สมกับเป็นท่านลิเลีย... คงจัดการพวกศัตรูไปแล้วสินะ ส่วนเขาหน่ะคงไม่รอดแล้วล่ะ... ทั้งตัวโดนยิงจนจะพรุนหมดแล้ว
ยังสงสัยเลยด้วยซ้ำที่ตัวเองยังรอดมาได้ถึงขนาดนี้ทั้งๆที่คงไม่มีใครขยับตัวได้ในสภาพนี้แล้วแน่ๆ
ปาฏิหาร์จริงๆที่เขายังหัวใจเต้นอยู่... หัวใจ?
จริงสิ!
“ด-ได้โปรดเอาหัวใจของกระผม....ดวงตาของกระผม...ได้โปรดมอบให้กับเขา...”
หากทำสำเร็จเด็กคนนั้นคงจะรอดและการตายของเขาก็จะไม่เสียเปล่า
ยังไงซะเด็กนั่นก็เป็นถึงคนที่ท่านลิเลียรัก
ถ้าเป็นไปได้เขาก็ยังอยากจะทำหน้าที่ผู้พิทักษ์วายุต่ออีกล่ะนะ
แต่คงไม่มีโอกาสแล้วล่ะ...
ระหว่างที่เขากำลังถูกคุณรอสพาออกไปที่ไหนซักแห่งก็ถูกใครก็ไม่รู้มาฟันที่ตา
เขาร้องออกมาแล้วดูเหมือนจะถูกตัวการที่ทำจับตัวไป รอบข้างกลายเป็นความมืดไปหมด
เขามองไม่เห็นแต่ก็ได้ยินเสียงปืนและเสียงร้องของคุณรอส กลิ่นสนิมและกลิ่นคาวคละคลุ้งไปทั่ว
มันเป็นความผิดของเขาเองที่หยุดเดินแล้วหันไปมองข้างหลัง
เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่ว่ามันคงเป็นเรื่องเลวร้ายมากจริงๆ
เขาได้ยินเสียงปืนเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะรู้สึกถึงความเจ็บปวดที่เสียดแทงที่กลางอก
มันอาจจะเป็นเพียงแป๊บเดียวแต่สำหรับเขาแล้วมันยาวนานมากเลยจริงๆ
พอมารู้สึกตัวอีกทีเขาก็นอนอยู่บนเตียงของที่ไหนซักแห่งซะแล้ว
ก่อนหน้านั้นเขาไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่าตัวเองหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่
“คุณหลับไปหกวันเต็มเลยนะค่ะ”
เสียงที่เอ่ยกับเขาเป็นเสียงที่เขาไม่ได้ยินมานาน เสียงของลิเลียนั้นดูแหบแห้งมากๆ เขาคิดว่าเธอคงร้องไห้อย่างหนักแน่ๆ ในตอนนี้เขามองเห็นแค่ความมืดจึงไม่รู้ว่าตอนนี้เธอกำลังทำหน้าแบบไหนอยู่
แต่ว่าเขามั่นใจว่าเธอต้องร้องไห้อยู่แน่นอน
เพราะมันมีน้ำตาหยดใส่มือของเขาที่ถูกเธอกุมอยู่
ตลอดเดือนที่ผ่านมาลิเลียทำหน้าที่ตอบคำถามทั้งหมดกับเขาได้อย่างดี เธอไม่ปิดบังเลยด้วยว่าเพราะอะไรและทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น
ทำไมถึงหยุดเรียนหรือว่าทำไมถึงส่งข้อความมาหาเขา
ด้วยร่างกายที่ยังไม่หายดีทำให้คริสโตเฟอร์ต้องอยู่แต่บนเตียงนานกว่าครึ่งเดือนถึงจะถูกพาขึ้นรถเข็นออกไปนอกห้องได้ น่าแปลก...ทั้งๆปกติเขาเป็นคนใจร้อนแล้วก็ไม่ชอบอยู่เฉยๆแถมยังโง่
ทั้งๆที่เป็นแบบนั้นเขากลับอยู่อย่างสงบบนเตียงแถมยังรับเรื่องทั้งหมดที่ดูเหนือสามัญสำนึกเดิมได้อีก
เขากลายเป็นคนที่ดูเงียบกว่าเดิมแถมยังดูจำเรื่องราวต่างๆได้ดีขึ้นอีก...
“ทำไมชั้นถึง....เปลี่ยนไปกัน?”
“คงเป็นเพราะอิทธิพลจากรอสล่ะมั้งคะคุณคริสโตเฟอร์”
ทั้งสรรพนามเดิมของตัวเอง
ทั้งคำพูดคำจาและยังนิสัยก็ดูขัดกับตัวเอง...
เพราะรับรู้ถึงตัวเองที่เปลี่ยนไปถึงได้ลองถามเรื่องนี้กับลิเลียดู ถึงจะยังถอดไอ้เจ้าผ้าพันแผลที่ตาออกไม่ได้แต่เขาก็ยังได้ยินเสียงและจำเรื่องที่ลิเลียเล่าให้ฟังได้ดี ทั้งหนังสือที่อ่านหรือเรื่องงานที่เธอทำ
หลังจากที่ได้คุยเรื่องข้อความที่ส่งมาจนเคลียร์กันได้แล้วลิเลียก็เปลี่ยนมาเรียกเขาด้วยชื่อจริงแทนชื่อเล่นที่มักเรียกจนติดปาก
ถึงเขาจะไม่ได้ถือสาเอาความอะไรเพราะความจริงแล้วเขาก็มีส่วนผิดแต่ก็ยอมรับว่าตัวเองไม่พอใจเรื่องที่เกิดขึ้น
เขามั่นใจว่าตัวเองยังรักยูริอยู่แต่เขาก็ยังไม่รู้ว่าสำหรับเขาแล้วลิเลียเป็นอะไรกันแน่
แต่ไอ้ความรู้สึกปวดหนึบในใจเวลาที่ถูกลิเลียเรียกชื่อจริงนี่มันอะไรกัน?
“หัวใจ
ดวงตาและรวมถึงเลือดที่ไหลเวียนอยู่ในตัวของคุณคริสโตเฟอร์คือของรอส...”
มันเป็นเรื่องที่คริสโตเฟอร์พึ่งจะเคยได้ยินเป็นครั้งแรก
ตลอดมาเขาไม่เคยถามเลยว่าทำไมเขาถึงจะกลับมามองเห็นได้อีกครั้งทั้งๆที่เคยได้ยินว่าคนตาบอดจะไม่สามารถกลับมามองเห็นได้อีก เพราะคิดว่ามันคงเป็นเรื่องปกติของพวกมาเฟีย
“หัวใจ?”
“อืม คุณตาย เอ่อ...เกือบตายมาแล้วครั้งหนึ่งถ้าไม่ได้หัวใจของรอสมาแทนหัวใจดวงเดิมที่หยุดเต้นไป”
มันเป็นเรื่องจริงที่น่าตกใจสำหรับคริสโตเฟอร์
กับการที่เขาได้รู้ว่าก่อนหน้านี้ตัวเองได้เกือบจะไปโลกหน้ามาแล้วครั้งหนึ่ง เขารู้ว่ารอสตายไปแล้วก็จริงแต่ว่าไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเขาจะมีชีวิตอยู่ได้จนถึงตอนนี้เพราะอวัยวะของพ่อบ้านที่เป็นมือขวาของลิเลีย
ยิ่งเขาได้ฟังเรื่องของรอสจากปากของลิเลียก็อดรู้สึกผิดไม่ได้
มันเป็นความผิดของเขาที่ทำให้ผู้ชายคนนั้นต้องตาย
เป็นเพราะเขามาหาลิเลียทำให้คุณรอสต้องเสี่ยงชีวิตเพื่อเขาจนตัวตาย ถึงจะไม่มีใครว่าแต่เขาก็รู้ว่าลิเลียรู้สึกเสียใจกับการที่ผู้ชายคนนั้นตายไปมาก คนอื่นๆที่เป็นผู้พิทักษ์ที่มาหาเขาก็ด้วย...
“สีอำพัน? ไม่สิ...สีเหลือง?”
ดวงตาที่พร่าเลือนเพราะไม่ได้เจอแสงสว่างมานานทำให้เขายังมองอะไรไม่ชัดเท่าไหร่นัก ดวงตาสีเหลืองสว่างที่แตกต่างจากสีอำพันที่จะมีสีน้ำตาลแซมมาบ้าง มันเป็นสีเหลืองทองที่ราวกับสัตว์ป่าในตอนกลางคืน ราวกับว่ามันจะเรืองแสงได้ยังไงอย่างงั้น
หลังจากที่ผ่านมาจนครบสองเดือนที่อยู่ในคฤหาสน์ของลิเลีย
ในที่สุดเขาก็จะได้ถอดผ้าพันแผลและได้มองเห็นอีกครั้ง ดวงตาคู่ใหม่ของเขาเป็นสีที่แตกต่างจากเดิมมาก
มันเป็นสีเหลืองสว่างที่ดูโดดเด่นและผิดแปลกไปจากคนทั่วๆไปอย่างเห็นได้ชัด
มันทั้งดูผิดแปลก ลึกลับและ...ดูน่ากลัวอย่างประหลาด
เพราะดวงตาของรอสในความทรงจำคริสโตเฟอร์จำมันไม่ได้
ตอนนั้นเขายังไม่ได้มีความจำดีเหมือนกับตอนนี้เลยจำไม่ได้แม่นขนาดนั้น
“ตาของรอสหน่ะพิเศษ รอสสามารถมองเห็นในที่มืดได้ดีเหมือนกับมันสว่างแล้วยัง...”ลิเลียอธิบายถึงความพิเศษของดวงตาคู่ใหม่ให้คริสโตเฟอร์ฟังด้วยท่าทางที่ดูเศร้าๆ
เหลือเวลาอีกราวๆหนึ่งเดือนกว่าจะถึงเวลาเปิดเทอม ตอนนี้ร่างกายของเขาก็ปกติหมดแล้วแต่ว่าความรู้สึกแปลกๆที่มีให้กับลิเลียมันทำให้คริสโตเฟอร์เริ่มที่จะลังเลในการตัดสินใจของตัวเอง
“ขอร้องล่ะ!
ขอให้ชั้นเป็นผู้พิทักษ์วายุแทนคุณรอสเถอะ”
เพื่อตอบแทนกับชีวิตใหม่ที่ได้รับมาจากผู้ชายคนนั้นเขาถึงได้พูดแบบนั้นออกไป
เขารู้สึกผิดกับเรื่องนี้แล้วยังไม่อยากปล่อยให้ลิเลียต้องเจอเรื่องอันตรายแบบที่เขาได้เจอในตอนนั้นอีก
ถึงจะยังไม่รู้ว่าเขารู้สึกยังไงกับลิเลียกันแน่แต่ก็อยากจะปกป้อง
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอิทธิพลของคุณรอสรึเปล่าเขาถึงเป็นแบบนี้แต่ว่าเขาก็ไม่คิดจะปล่อยเธอไว้ทั้งๆที่รู้ทุกอย่างอยู่แล้วหรอกนะ!
________________________________________________________________________________________________________
ตอนนี้คริสโตเฟอร์ดูนิ่งขึ้นแบบสุดๆเลยล่ะ!! เราเคยดูอนิเมะแนวที่ตัวเอกได้อวัยวะมาจากคนอื่นแล้วจะมีพวกนิสัยการกินหรือความสามารถเหมือนกับเจ้าของอวัยวะที่ให้มา แล้วคุณรอสก็เป็นพ่อบ้าน(ที่เอามาจากอุดมคติของไรท์เองด้วย) เก่งงานบ้าน งานเอกสารแล้วก็ยังเก่งการต่อสู้อีก(ก็ไม่ได้ถึงขนาดยูกิหรือว่าผู้พิทักษ์แฟมิลี่ดังๆหรอกนะ แต่เก่งอยู่ในระดับที่สามารถสู้กับคนได้พร้อมกันราวๆสิบกว่าคนได้) เรียกได้ว่าคุณรอสเก่งกาจสมบูรณ์แบบมากคะ
ตอนเขียนให้ตายก็อดรู้สึกเศร้าไม่ได้ เพราะไรท์เคยลองวางอิมเมจไปแล้ว(แบบว่าวางซะเท่เลย)
อันนี้คือคุณรอส(นอกชุดพ่อบ้าน)
แบบ...หล่อโฮกอ่ะ! เขียนๆไปก็รู้สึกเสียดายเลยว่าจะให้มีฝาแฝดด้วย
อันนี้พอคริสกลายเป็นผู้พิทักษ์วายุเต็มตัวก็จะเป็นแบบนี้ เวลาอยู่โรงเรียนเจ้าตัวเลยต้องพยายามทำตัวให้ร่าเริงเหมือนปกติทั้งๆที่ตอนนี้นิ่งแล้ว แถมยังต้องใส่คอนแทคเลนส์สีแดงที่ใช้ปกปิดสีตากับสายตาที่ดีเกินไปของดวงตาคู่นั้นด้วย(สปอย)
ความคิดเห็น