ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Spread First Beat Wings

    ลำดับตอนที่ #4 : 3

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 35
      3
      5 ส.ค. 64

    8 นาฬิกา 57 นาที

    สถาบันอัศวิน Anosia Spread Wings แห่งราชอาณาจักร (Anosia Spread Wings Knight Academy of Kingdom)

    “แล้วตอนนี้อาการเจ้าปัญเป็นยังไงแล้วบ้างเต็น”

    “ดีขึ้นแล้วค่ะพี่เฌอแต่ว่าก็ยังไม่ฟื้น เพราะอาการสาหัสพอสมควร คาดว่าคงน่าจะขยับตัวทำอะไรไม่ได้ไปอีกเป็นเดือนเลยล่ะค่ะ”

    “อืม...คิดถูกจริงๆ ที่เปลี่ยนแปลงเจ้าภาพงานเป็นทางนั้น ไม่งั้นกำลังคนเราไม่พอรับมือกับงานใหญ่ขนาดนั้นได้แน่”

    ปึง! ปึง!

    เสียงสะเทือนดังลั่นไปทั่วบริเวณทำให้เฌอปรางกับเจนนิษฐ์ที่เดินคุยกันมาหยุดเดินทันที

    “พี่เฌอ...”

    “มีวัตถุฝ่าอาณาเขตป้องกันของสถาบันเข้ามา...”

    ฝูงผีเสื้อสีน้ำเงินฝูงหนึ่งบินกรูเข้ามาหาทั้งสองคนก่อนจะเปลี่ยนร่างเป็นหญิงสาว 2 คน

    “ท่านประธานอัศวินสูงสุด ท่านรองหัวหน้าอัศวิน!”

    “จิ๊บ! พี่ฝ้าย!”

    “พี่ได้ยินแล้วฝ้าย คงต้องไปตรวจส...”

    เฟี้ยวๆ!!!

    เสียงโลหะดังแหวกอากาศมาด้วยความเร็วสูงพุ่งตรงมาทางทั้ง 4 คนอย่างรวดเร็ว

    “หนูว่าคงไม่ต้องตรวจสอบแล้วมั้งคะพี่เฌอ”

    “อืม...เอ๊ะ! นั่นมัน...”

    ลูกศรโลหะสีดำพุ่งตรงดิ่งมาหาเฌอปรางก่อนจะแตกออกพุ่งเข้าหาจิ๊บอีกหนึ่งดอก

    “เฮ้ย! อะไรวะ!”

    จิ๊บเตรียมวิ่งหนีไปได้สองสามก้าวก็โดนเฌอปรางออกคำสั่งทันที

    “จิ๊บ! อย่าวิ่งนะ! ...ไม่ทันแล้วสินะ...”

    เฌอปรางยืนหันหน้ารับให้ลูกธนูพุ่งทะลุอกไปพร้อมกับมีม้วนกระดาษแปะอยู่ตรงหน้าอกส่วนจิ๊บที่ชะงักไปชั่วขณะก็โดนลูกธนูพุ่งทะลุผ่านตัวไปพร้อมกับมีแผ่นกระดาษแปะอยู่ที่หน้าอกเช่นกันก่อนจะลงไปนอนดิ้นทุรนทุรายอยู่กับพื้น

    “อ๊าก!!!!”

    “เอาแล้วไง...”

    “อ๊ากกกก เจ็บ!!! อะไรกันเนี่ย! ทำไมมันปั่นป่วนคุ้มคลั่งในตัวไปหมดเลย! อ๊ากกกกก!!!”

    ฝ้ายลงไปประคองตัวจิ๊บเอาไว้พร้อมกับหยิบแผ่นกระดาษออกมา

    “อีแบบนี้ฝีมือเจ้านิ้งแน่ๆ พี่เฌอ เจนนิษฐ์...คำถามก็คือ...คำสั่งใคร...”

    เฌอปรางหยิบม้วนกระดาษที่แปะอยู่ที่หน้าอกตัวเองออกมาก็เห็นตราประทับรูปคลื่นหัวใจสีชมพูประทับอยู่กับม้วนกระดาษ

    “ตาหวานตอบจดหมายกลับมาแล้ว...เรื่องงานน่าจะมาที่พี่ ส่วนเจ้าจิ๊บ...”

    ฝ้ายแกะแผ่นกระดาษของจิ๊บออกมาก่อนอ่านแล้วขมวดคิ้ว

    “มีอะไรรึเปล่าคะพี่ฝ้าย”

    “อ่านเองดีกว่าเจนนิษฐ์...”

    เจนนิษฐ์รับแผ่นกระดาษมาจากฝ้ายก่อนที่จะอ่านแล้วทำตาโต

    ระวังตัวไว้ไอ้น้องเฮงซวย ถือว่าหายกัน เดี๋ยวเจอกันแกโดนหนักกว่านี้แน่ๆ

    จาก พี่เอ็งไง

    “อะไรนะพี่เต็น!!! อ๊ากกกก!!!”

    “ผูกใจเจ็บกระทั่งน้องตัวเองเลยงั้นเหรอหนึ่ง”

    เฌอปรางบ่นพึมพำก่อนแกะม้วนจดหมายของตนออกอ่าน

    เรียนคุณเฌอปราง อารีย์กุล

    ประธานกรรมการอัศวินสูงสุด

    สถาบันอัศวิน Anosia Spread Wings แห่งราชอาณาจักร

    ตามที่ท่านได้แจ้งเหตุขัดข้องเรื่องการขอเปลี่ยนแปลงเจ้าภาพการจัดงานกระชับความสัมพันธ์ระหว่างสองสถาบันมานั้น ทางสภากรรมการท่านหญิงได้มีมติเห็นชอบขอรับเป็นเจ้าภาพในการจัดงานครั้งนี้ตามที่ท่านร้องขอและขอรับหน้าที่นี้ด้วยความยินดีเป็นอย่างยิ่ง

    ขอแสดงความนับถือ

    อิสราภา ธวัชภักดี

    ประธานสภาท่านหญิงสูงสุด

    สถาบันศักดิ์ศรีราชนิกูล First Beat แห่งราชอาณาจักร

    ปล. มีจดหมายแนบเฉพาะมาถึงท่านโดยเฉพาะซึ่งจดหมายจะถูกส่งมาทางเครื่องเคลื่อนย้ายค่ะ

    เฌอปรางอ่านจดหมายเสร็จก็พับจดหมายเก็บเข้ากระเป๋าเสื้อ

    “พี่หวานว่ายังไงบ้างคะพี่เฌอ”

    “หวานตอบรับคำขอเป็นเจ้าภาพมาแล้วแต่ว่าเหมือนจะมีจดหมายเพิ่มเติมมาทางเครื่องเคลื่อนย้ายด้วยน่ะ”

    “แค่จดหมายต้องส่งมาทางเครื่องเคลื่อนย้ายด้วยเหรอคะประธาน”

    “พี่ก็ไม่รู้เหมือนกันฝ้าย ไม่แน่เจ้าตัวอาจมาด้วยตัวเองล่ะมั้ง...ค่อยยังชั่วบ้างยังจิ๊บ”

    จิ๊บค่อยๆ ลุกขึ้นยืนพร้อมกับถูหน้าอกตัวเองไปมา

    “ค่อยยังชั่วบ้างแล้วฮะประธาน...นี่มัน...อะไรกันเหรอฮะ ทำไมประธานไม่เห็นเป็นอะไรเลย”

    “มันคือเคิร์สแอโรว์ของนิ้งน่ะ ใช้ยิงจาก Curse Furious เป็นเหมือนธนูต้องสาป ที่ระบุเป้าหมายชัดเจน ถึงจะบอกว่าเป็นธนูต้องสาปแต่มันก็มีเงื่อนไขอยู่”

    “ถ้าเป้าหมายไม่หลบหนีแล้วรับลูกธนูโดยตรงก็จะไม่เกิดอะไรขึ้น แต่ตำแหน่งที่โดนยิงจะมีปานรูปหัวกะโหลกขึ้นมาน...”

    เฌอปรางยังพูดไม่ทันจบจิ๊บก็ดึงคอเสื้อตัวเองพร้อมกับก้มลงดูทันที

    “ไอ้จิ๊บ!”

    “ไม่เห็นมีเลยฮะพี่เฌอ”

    “พี่ยังพูดไม่ทันจบเลย ก็ถ้าเป้าหมายหลบหนีก็จะมีอาการเหมือนแกที่ลงไปดิ้นทุรนทุรายเมื่อกี้นั่นแหละ แต่อาการมันแค่แป๊บเดียวเดี๋ยวก็หาย”

    “ไม่มีอะไรร้ายแรงใช่มั้ยฮะ”

    “อืม...ก็แค่ 3 วันหลังจากนี้ก็เผาได้เลย”

    “ฮะ!?”

    “พูดง่ายๆ ก็คือซี้แหงแก๋ไงล่ะ”

    จิ๊บหน้าซีดเข่าอ่อนแทบยืนไม่อยู่จนฝ้ายต้องหิ้วปีกเอาไว้

    “ใจเย็นน่าไอ้หนู ไปเอายาถอนจากนิ้งก่อน 3 วันก็รอดแล้ว”

    “พี่...พี่หนึ่งแม่ง...กะเอาตายเลยเหรอวะ...นี่น้องพี่นะเนี่ย...”

    ผีเสื้อสีน้ำเงินตัวเล็กตัวหนึ่งบินมาเกาะไหล่เฌอปรางก่อนจะเปล่งเสียงพูดออกมาเป็นเสียงของวี

    “ประธานครับ มีการแจ้งเตือนข้อความจากเครื่องเคลื่อนย้ายส่วนกลางมาครับ”

    “โอเค พี่กำลังไป ไปกันเถอะทางนั้นส่งคนมาแล้ว...คิง สปรีด”

    “ส...ส...ม...ไม่ไหวพี่ฝ้าย พี่เจนนิษฐ์...ช่วยหน่อย...ไม่มีแรงจะไปไหนเลยฮะ...”

    เจนนิษฐ์กับฝ้ายส่ายหัวก่อนจะช่วยกันประคองจิ๊บแล้วเปลี่ยนเป็นฝูงผีเสื้อบินตามเฌอปรางไป

    Science Laboratory

    วีสวมแว่นกันแดดสีดำยืนอยู่ที่โต๊ะทำงานพร้อมกับจ้องไปที่แท่นศิลาที่ตั้งอยู่ที่จุดศูนย์กลางของห้อง

    “วี...”

    “มาแล้วเหรอฮะประธาน อ้าว? พี่สะใภ้กับพี่ฝ้ายก็มาด้วยเหรอ...ละทำไมหิ้วปีกเจ้าจิ๊บมายังงั้นล่ะพี่”

    “เจ้าวี...”

    “อ่า...โทษครับท่านรองหัวหน้าอัศวิน สัญลักษณ์แจ้งเตือนมาว่าเคลื่อนย้ายมาจากส่วนกลางครับประธานก็เลยไม่แน่ใจว่าจะส่งใครมา”

    “ส่วนกลางเหรอ? ไม่ใช่คนของทาง First Beat เหรอคะประธาน”

    “ฮะ?”

    “คนของ First Beat ถูกแล้วล่ะฝ้าย แต่จดหมายถูกส่งมาจากนิ้งนะอย่าลืมสิ”

    “อ่อ...เลยใช้เครื่องเคลื่อนย้ายของส่วนกลางย้ายต่อเนื่องมาถึงที่นี่สินะคะ”

    “อืม...”

    ปี๊บๆๆๆ

    เสียงสัญญาณแจ้งเตือนดังมาจากบนโต๊ะของวี เฌอปราง เจนนิษฐ์ ฝ้ายและจิ๊บหยิบแว่นกันแดดออกมาสวมพร้อมกับที่ลานศิลากลางห้องเริ่มเปล่งแสงสว่างจ้า

    ทันทีที่แสงสว่างดับลงปลายแหลมของเรเปียร์ก็พุ่งตรงมาจี้ที่คอของจิ๊บอย่างรวดเร็วพร้อมกับค้อนที่จ่ออยู่ที่หน้าของเฌอปราง

    “ประธาน!”

    “จิ๊บ!”

    เฌอปรางยกมือขึ้นเป็นสัญญาณไม่ให้ฝ้าย เจนนิษฐ์และวีทำอะไรก่อนยิ้มมุมปากเล็กน้อย

    “เจอหน้ากันก็ทักทายกันแรงเลยเหรอ น้ำหนึ่ง อร แค่เคิร์สแอโรว์ของนิ้งที่ทักมายังไม่พอใจอีกเหรอ”

    อรลดค้อนลงมาก่อนจะเสกให้หายไปพร้อมกับทำหน้ามุ่ยขัดใจเล็กน้อยแต่น้ำหนึ่งไม่ยอมลดเรเปียร์ลงแถมทิ่มลงไปที่คอของจิ๊บลึกขึ้นจนเลือดเริ่มไหลออกมาเรื่อยๆ

    “พี่ออกคำสั่งบ้าๆ อะไรให้จิ๊บมันวะพี่เฌอ ถ้าหวานหวานไม่มีชิราชูร่านี่ตายนะพี่!”

    “ก็เพราะพี่รู้ว่าหวานมีชิราชูร่าไงถึงได้เล่นแบบนั้น ก็แค่หยอกๆ เองน่า”

    “พ...พี่ชาย...มันแทงลึกไปแล้วรึเปล่าพี่...เจ็บนะ...”

    น้ำหนึ่งแสยะยิ้มก่อนเก็บเรเปียร์ไปแล้วใช้กำปั้นเขกกลางศีรษะจิ๊บแบบเน้นๆ ไม่ยั้งมือ

    “โอ๊ย!!! นี่น้องนะพี่! เล่นแรงตั้งแต่เด็กยันโต!”

    “หุบปากไอ้น้องเฮงซวย! เป็นไงบ้างรสชาติของเคิร์สแอโรว์น่ะ...หึๆๆ”

    น้ำหนึ่งล็อคคอจิ๊บที่หน้าเริ่มซีดอีกรอบเอาไว้พร้อมกับลูบคางคนน้องเบาๆ ด้วยท่าทีกวนประสาทเล็กน้อย

    “จิ๊บแค่ทำตามคำสั่งพี่เฌอเองนะพี่หนึ่ง...พี่กะเอาถึงตายเลยเหรอ หนูฟ้องแม่แน่!”

    “ฟ้องกี่รอบแล้วท่านแม่เคยเชื่อรึเปล่าล่ะ”

    “ทำไมท่านแม่ไม่เคยเชื่อจิ๊บบ้างเลยวะ ว่าพี่น่ะ...มันเด็กผู้ชาย!!!”

    “จุ๊ๆๆๆ”

    น้ำหนึ่งใช้นิ้วจุ๊ปากพร้อมกับลูบหัวคนน้องเบาๆ อย่างเอ็นดู

    “ก็เพราะแกไปแสดงท่าทีโจ่งแจ้งให้ท่านพ่อกับท่านแม่เห็นตั้งแต่แรกว่าแกเป็นเด็กผู้ชายไงไอ้น้องโง่”

    “ใครมันจะไปเล่นละครเก่งเหมือนพี่วะพี่หญิงมิลินจอมปลอม อยู่บ้านทำตัวเป็นกุลสตรีผู้แสนเรียบร้อยแสนหวาน อยู่กับน้องหรือกับคนอื่นเป็นไอ้เด็กผู้ชายกวนโอ๊ยเอาแต่ใจใช้แต่กำลัง!”

    “แหงดิเรื่องเล่นละครมันงานถนัดกูอยู่แล้ว”

    “ถ้าท่านแม่รู้ป่านนี้พี่โดนจับส่งมาอยู่ Anosia ก่อนจิ๊บอีก!”

    “รู้ป่าวว่าอยู่ที่ First Beat บรรยากาศโคตรดีเลยนะไอ้น้องชาย สาวๆ สวยๆ เพียบ...ว่าแต่ขึ้นเสียงกับพี่เหรอวะ!”

    โป๊ก!!!

    “โอ๊ย! หยุดเขกหัวน้องสักที!!!”

    สองพี่น้องยังคงล็อคคอคุยกันไปเรื่อยๆ โดยไม่สนคนที่อยู่รอบข้าง

    “เอ่อ...ประธานฮะ”

    “ว่าไงวี”

    “สองคนนั้นยังเห็นพวกเราอยู่กันตรงนี้รึเปล่าฮะ”

    “เฮ้อ...พี่น้องบ้านนี้ เจอกันทีไรตีกันยับตลอด”

    “ก็เรื่องปกตินะเจนนิษฐ์”

    อรยืนกอดอกโดยไม่ค่อยสนอะไรนักแต่ปากก็บ่นพึมพำไปด้วย

    “ไอ้พี่หมีมันลืมไปรึเปล่าว่าหวานหวานให้มาคุยธุระเฉยๆ น่ะ สรุปแล้วก็ยังไม่ได้คุยอะไรเป็นเรื่องเป็นราวสักที”

    “รู้รายละเอียดใช่มั้ยอร”

    “รู้อยู่ฮะพี่เฌอ”

    “งั้นไปห้องทำงานพี่ละกัน ทิ้ง 2 คนนี้ให้ตีกันไปอยู่นี่แหละ ถ้าว่างก็ตามไปด้วยเลยนะวี ฝ้าย เต็น...หรือให้พี่เรียกประชุมสภาอัศวินเลยมั้ย”

    “ไม่ต้องหรอกพี่เฌอ เรื่องที่หวานหวานฝากมาก็แค่นิดหน่อย รายละเอียดไม่เยอะ”

    “อืม งั้นไปก...”

    แกร๊ก

    “วี! อ้าว ประธาน เต็น พี่ฝ้าย จิ๊บก็อยู่เหรอ ละนั่นค...ไอ้อุ๋ง!”

    “เฮ้ย! ยัยกบ!!!”

    น้ำหนึ่งที่กำลังทุบหัวจิ๊บอย่างเมามันหันกลับไปทางเสียงของคนที่มาใหม่ก่อนชะงักไปเล็กน้อย

    “มาถึงก็ปากหาเรื่องเลยนะยะยัยอร!”

    “ก็เอ็งเรียกข้าอุ๋งก่อนนี่หว่าเนย”

    “เอาล่ะๆๆ พอก่อนทั้งแมวน้ำทั้งกบนั่นล่ะ”

    “ประธานคะ!!!”

    “โอเคๆจ้าเจ้าเนย หยุดตีกันก่อนนะ มาหาเจ้าวีไม่ใช่เหรอ มีอะไรรึเปล่า”

    “อ๊ะ! เกือบลืมไปเลย เต็นก็อยู่พอดี เจ้าปัญรู้สึกตัวแล้วนะจะป...”

    เนยยังพูดไม่ทันจบประโยคดีฝูงผีเสื้อสีขาวก็บินผ่านหน้าไปอย่างรวดเร็ว

    “พี่สะใภ้! รอวีด้วย! ขอตัวก่อนนะฮะประธาน พี่ฝ้าย ขอบคุณฮะพี่เนย สปรีด!”

    “อ่า...ยังพูดไม่ทันจบประโยคเลย”

    “เอ็งก็ต้องเข้าใจหน่อยนะเนย คนนึงก็น้องอีกคนก็ว่าที่เมีย ก็ต้องห่วงกันเป็นธรรมดาแหละ”

    “ชั้นรู้หรอกย่ะ! ไม่ต้องขยายความ!”

    โครม! แอ้ก!

    น้ำหนึ่งโยนจิ๊บไปกองที่พื้นด้านหนึ่งก่อนค่อยๆ ขยับตัวเดินมาหาอรพร้อมส่งสายตามองมาทางเนยเป็นระยะแล้วกระซิบคุยกับอรเบาๆ

    “ไอ้อุ๋ง...คนรู้จักเหรอ” (กระซิบ)

    “ฮะ...อ๋อ...เพื่อนอรตั้งแต่เด็กๆ อะพี่ แล้วพี่จะกระซิบทำไมวะ”

    “ไอ้ห่านี่ เบาๆ ดิวะ...น้องเค้าดูนุ่มนิ่มแก้มยุ้ยเชียว ไม่น่าอยู่ Anosia ได้เลยนะ” (กระซิบ)

    “เหยพี่ เห็นเนยมันดูนุ่มนิ่มแบบนี้ ยัยนี่มันกบมีพิษร้ายเลยนะจะบอกให้” (กระซิบ)

    “อ่อ...ชื่อเนยงั้นเหรอ...อืมๆ”

    “ไม่เขกหัวเจ้าจิ๊บต่อแล้วเหรอหนึ่ง”

    “พี่ก็พูดไปพี่เฌอ ใครมันจะไปใจร้ายกับน้องขนาดนั้นล่ะพี่”

    “ก็พี่นั่นล...”

    น้ำหนึ่งส่งสายตาพิฆาตไปหาจิ๊บที่หุบปากแทบไม่ทัน

    “เอ่อ...คนนี้ใครเหรอคะประธาน หนูไม่เคยเห็นมาก่อน”

    “อ๋อ...ม...”

    “หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยสถาบันศักดิ์ศรีราชนิกูล First Beat มิลิน ดอกเทียน เรียกพี่น้ำหนึ่งหรือพี่หนึ่งก็ได้ค่ะ”

    น้ำหนึ่งพูดพร้อมกับส่งรอยยิ้มอันอ่อนโยนให้เนยและโค้งหัวเล็กน้อยทำให้เนยรีบถอนสายบัวให้อย่างทันที

    “กานต์ธีรา วัชรทัศนกุล หัวหน้าอัศวินฝ่ายจัดการอาคารสถานที่ หรือเรียกเนยก็ได้ค่ะพี่ท่านหญิงน้ำหนึ่ง”

    อรหันมองน้ำหนึ่งกับเนยสลับไปมาพร้อมกับทำตาโตส่วนฝ้ายกับเฌอปรางมองหน้ากันแล้วกะพริบตาปริบๆ

    “เรียกพี่หนึ่งก็ได้นะคะจะได้ไม่ดูเป็นทางการมากเกินไป”

    “ค่ะพี่หนึ่ง...เดี๋ยวนะคะพี่นามสกุลดอกเทียนงั้นเหรอคะ”

    “หนึ่งเป็นพี่สาวเอ๊ะ! หรือต้องเรียกว่าพี่ชายนะ”

    “พี่สาวตามทางการส่วนพี่ชายเวลาส่วนตัวน่ะพี่ฝ้าย”

    “นั่นล่ะ หนึ่งเป็นพี่สาวแท้ๆ ของเจ้าจิ๊บนั่นแหละเนย”

    “ละสรุปยังไงหนึ่ง จะไปแจ้งเรื่องที่หวานให้มาแจ้งที่ห้องทำงานพี่เลยรึเปล่า”

    “ไม่เป็นไรฮะพี่เฌอ เรื่องที่คุณตาฝากมาแค่เรื่องสั้นๆ นิดเดียว ก็คือเดี๋ยวอีก 2 วันตัวแทนจากสภาท่านหญิงจะมาพูดคุยเรื่องการจัดงานกระชับความสัมพันธ์ 2 สถาบันที่นี่น่ะฮะ เพื่อจะได้สรุปเรื่องข้อตกลงและการเตรียมการความพร้อมในด้านต่างๆ เรื่องที่คุณตาให้แจ้งก็มีเท่านี้แหละฮะ”

    “ถ้าไม่มีอะไรแล้วหนึ่งกับอรขอตัวกลับก่อนนะพี่ทิ้งเรื่องการตรวจตราเวรยามที่สถาบันมานานแล้ว เดี๋ยวต้องออกตรวจชายป่าต้องห้ามด้วย”

    “ทางเราก็มีปัญหาเหมือนกับทางพี่เหมือนกัน ต่างตรงแค่ที่ว่าทางเรามีแค่แวร์วูล์ฟที่หลุดออกมาจึงไม่ได้ร้ายแรงเท่าทางพี่”

    “เดี๋ยวนะไอ้พี่หมี พี่มึงเพิ่งออกเวรม...เอ๊า! อู้อี้ๆๆ”

    น้ำหนึ่งเอามือปิดปากอรไว้อย่างรวดเร็วก่อนลากคอกลับไปที่ตำแหน่งจุดเคลื่อนย้ายกลางลานศิลา

    “ถ้างั้นขอตัวก่อนนะฮะพี่ประธาน พี่ฝ้าย ไว้เจอกันที่บ้านนะจิ๊บ ไว้เจอกันใหม่นะคะน้องเนย ไว้เจอกันในอีก 2 วันที่จะมาแบบทางการกว่านี้และเรียบร้อยกว่านี้นะฮะ...อ้อจิ๊บ!”

    “อะไรอีกว...อะไรพี่หนึ่ง...”

    “มีข่าวดีอีกอย่างจะบอก พี่ด้วยนะพี่เฌอ”

    “คำว่าข่าวดีที่ออกจากปากแกไม่เคยเชื่ออะไรได้เลยหนึ่ง”

    “ถือว่ารู้ใจกันดีนะฮะพี่ นิ้งฝากบอกมาว่า ยาแก้คำสาปอาจจะมาวันที่ 3 แบบฉิวเฉียดนิดหน่อย เพราะวัตถุดิบทำยาบางตัวขาดพอดี ช่วยทนทรมานกันไปสักนิดก็แล้วกันนะฮะ บาย Wave Beat Heart!”

    พูดจบน้ำหนึ่งก็กระทืบเท้าลงกลางลานศิลาก่อนที่จะเกิดแสงสว่างเจิดจ้าทั่วทั้งห้องแล้วดับลงพร้อมกับร่างของน้ำหนึ่งและอรที่หายไป

    จิ๊บที่เพิ่งยันตัวเองลุกขึ้นมาตาเหลือกก่อนจะเข่าทรุดลงไปนั่งกับพื้นอีกรอบส่วนเฌอปรางได้แต่กุมขมับพร้อมกับส่ายหัวไปด้วย

    “พี่หนึ่ง...หนูจะฟ้องท่านแม๊!!!!!!”

    “งั้นพี่ฝากดูเรื่องสถานที่ต้อนรับแขกด้วยแล้วกันนะเนย ฝากรายงานทางคณาจารย์ด้วย”

    “ได้ค่ะประธาน”

    “ถ้าไม่มีอะไรแล้วไปพักก่อนก็ได้นะฝ้าย”

    “ค่ะประธาน”

    เฌอปรางเดินไปนั่งคุกเข่าข้างๆ จิ๊บพร้อมกับแตะไหล่เบาๆ

    “พี่คงบอกได้แค่ว่า...อดทนหน่อยแล้วกันนะจิ๊บ เพราะช่วงระยะเวลาสุดท้ายของคำสาป มันจะทรมานกว่าตอนแรกสิบเท่าเลยล่ะ...”

    จิ๊บนั่งอ้าปากค้างดวงตาเหม่อลอย เฌอปรางลุกขึ้นยืนพร้อมกับครุ่นคิดอะไรบางอย่างไปด้วย

    ‘แต่คนที่เผชิญหน้ารับศรคำสาปนั้นตรงๆ จะรับผลความทรมานจากคำสาปโดยตรงร้อยเท่าเลยล่ะนะ...’

    “คิง สปรีด”

    ร่างของเฌอปรางแตกสลายกลายเป็นฝูงผีเสื้อสีดำบินออกจากห้องไป

    10 นาฬิกา 12 นาที

    สถาบันศักดิ์ศรีราชนิกูล First Beat แห่งราชอาณาจักร

    Transport Room

    แสงสว่างในห้องดับลงพร้อมกับร่างของน้ำหนึ่งที่ล็อคคออรเดินคุยกันมา

    “แล้วพี่จะล็อคคออรทำไมวะพี่! อะไรของพี่วะเนี่ย ทุบหัวเจ้าจิ๊บอยู่ดีๆ บทจะคุยธุระก็คุยขึ้นมาซะงั้น แถมลากกลับไม่มีบอกกล่าวกันก่อน”

    “เออน่า ช่างหัวเรื่องนั้นไปก่อน ตอนนี้มึงตอบคำถามกูมาก่อน”

    “เอ่อ...คุณอร พี่หนึ่งคะ...”

    “แป๊บนึงมุก พี่ขอคุยกับไอ้หน้าอุ๋งนี่แป๊บนึง”

    “ท่านหญิงหัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัย ท่านหญิงหัวหน้าหน่วยลาดตระเวน...”

    ทั้งสองคนสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงอีกเสียงก่อนจะค่อยๆ หันกลับไปช้าๆ ตาหวานยืนกอดอกพร้อมกับขมวดคิ้วโดยมีไข่มุกยืนหน้าจ๋อยอยู่ข้างๆ

    “ว...อุ๊บ!”

    อรที่กำลังจะหลุดปากก็โดนน้ำหนึ่งปิดปากอย่างรวดเร็วก่อนจะถอนสายบัวให้ตาหวานอย่างสวยงาม

    “ท่านหญิงประธาน...”

    “ดิฉันให้พวกคุณไปแจ้งทาง Anosia ตั้งแต่ 8 โมงกว่าๆ แถมเรื่องที่ให้แจ้งก็สั้นเพียงนิดเดียว ทำไมถึงเพิ่งกลับมาเวลานี้คะท่านหญิงอร ท่านหญิงน้ำหนึ่ง”

    “ก...”

    “พอดีว่าท่านประธานอัศวินสูงสุดไม่ได้อยู่ที่ห้องทำงานค่ะ พวกเรา 2 คนเลยต้องใช้เวลาในการตามหาตัวท่านประธานอัศวินนานไปหน่อยค่ะท่านหญิง”

    อรที่โดนน้ำหนึ่งขัดก็อ้าปากค้างก่อนจะรีบหุบปากลงแล้วพยักหน้างึกๆ เออออตามไปด้วยอย่างรวดเร็ว

    “อ่อ...เหรอคะ...”

    น้ำหนึ่งก้มหัวเล็กน้อยพร้อมกับพยายามหลบสายตาของตาหวาน

    “ถ้าดิฉันจำไม่ผิด...ดิฉันให้พวกคุณส่งจดหมายไปทางนั้นด้วยเครื่องส่งเอกสารระยะไกล แล้วให้พวกคุณเคลื่อนย้ายตามไปทีหลัง...ใช่มั้ยคะ...”

    “ค่ะ...”

    “แต่ที่ดิฉันตรวจสอบกลับพบว่า...ไม่มีบันทึกการใช้เครื่องส่งเอกสารระยะไกลไปที่ไหน...แต่มีบันทึกการใช้เครื่องเคลื่อนย้ายไปยังส่วนกลาง...ไม่ทราบว่า...ท่านหญิงทั้งสองท่านไปทำอะไรที่ส่วนกลางกันเหรอคะ...”

    “เอ่อ...”

    “คือว่า...”

    “ดิฉันต้องการคำตอบที่ยาวกว่านี้ ที่ไม่ได้มีแค่คำว่าเอ่อกับคือว่าน่ะค่ะ ????”

    น้ำหนึ่งกับอรมองตากันไปมาพร้อมกับกลืนน้ำลายอย่างพร้อมเพรียงกัน

    10 นาฬิกา 21 นาที

    สถาบันอัศวิน Anosia Spread Wings แห่งราชอาณาจักร

    Patient Room

    “รองประธาน...แค่กๆๆ”

    แก้วเผยรอยยิ้มบางๆ ออกมาจากมุมปากก่อนจะลูบหัวปัญที่นอนขยับตัวไม่ได้อยู่บนเตียงอย่างแผ่วเบา

    “ไม่เป็นไรค่ะปัญไม่เป็นไรนะ”

    “ท...โทรลล์...”

    “ทุกอย่างโอเคแล้ว ไม่ต้องห่วงนะ ทุกคนปลอดภัยดีไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ เจ้าเฌอจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้วจ้ะ”

    ปัญหลับตาลงช้าๆ พร้อมกับพยักหน้าเบาๆ

    “แต่เราเนี่ยนะ มันน่าตีจริงๆ เลย นึกอะไรถึงได้ไปรับมือโทรลล์คนเดียวแบบนั้นคะ”

    “มันเป็น...หน้าที่และความรับผิดชอบ...ของปัญนี่ฮะพี่แก้ว...”

    “พี่เข้าใจนะว่าเราเป็นคนยังไง ห่วงแต่คนอื่นทำไมไม่ห่วงตัวเองบ้างคะ ถ้าเกิดเราเป็นอะไรไปมากกว่านี้จะทำยังไงคะ คุณพ่อ คุณแม่ เจ้าวี แล้วก็เจ้าเต็น ปัญคิดว่าทุกคนจะรู้สึกยังไงคะ”

    “...หนูขอโทษ...”

    “ขอโทษแล้วก็จำเอาไว้ด้วยนะคะ คราวหน้าจะทำอะไรให้นึกถึงตัวเองไว้ด้วย คิดไตร่ตรองถึงผลที่จะตามมาให้ดี...ดีนะที่คราวนี้เราไม่ได้เป็นอะไรร้ายแรง เจ้าเฌอถึงยังคุมสติไว้ได้”

    “ถ้าเกิดเราเป็นอะไรขึ้นมาป่ามนตราคงหายไปหนึ่งในสี่เลยล่ะนะ...”

    “ประธาน...”

    ปัง!

    ประตูห้องพยาบาลถูกกระแทกเปิดออกอย่างแรงด้วยแรงถีบ เจนนิษฐ์ยืนหอบหายใจอยู่หน้าประตูพร้อมกับน้ำตาที่หลั่งไหลออกมาจากดวงตาคู่สวย

    “เจ้าฉลาม!!!”

    แก้วหลับตาลงพร้อมกับถอนหายใจเบาๆ ขมับข้างซ้ายเต้นตุบๆ

    “หะๆๆ ...ขอโทษแทนเต็นด้วยนะฮะพี่แก้ว ใจเย็นๆ นะฮะ...”

    “เฮีย!”

    “ถัดจากเจ้าเต็นก็เป็นเจ้าวี...”

    “แหะๆ ...พี่แก้ว...ใจเย็นๆ นะคะ...”

    แก้วลืมตาขึ้นดวงตาทั้งสองข้างเปลี่ยนเป็นสีเขียว ฝูงผีเสื้อสีเขียวขนาดจิ๋วบินออกมาจากฝ่ามือพุ่งเข้าหาเจนนิษฐ์และวีที่ตาโตอย่างรวดเร็ว

    “ไซเลนท์...พาราลีซิส ล็อค...”

    เจนนิษฐ์และวีตัวแข็งทื่อก่อนทรุดลงไปนั่งกับพื้นกลอกตาไปมา เสียงที่กำลังเปล่งออกมาถูกกักไว้ในลำคอ

    “อึก! ...”

    แก้วหลับตาลงแล้วลืมตาขึ้นอีกครั้งดวงตาเปลี่ยนกลับเป็นสีน้ำตาลตามเดิมแล้วเดินไปหาเจนนิษฐ์กับวี

    “เด็กๆ ...พี่เคยบอกไป...หลายครั้งจนนับไม่ถ้วนแล้วใช่มั้ยคะว่าห้องพยาบาลเป็นที่พักฟื้นของผู้ป่วย ไว้สำหรับทำการรักษาและให้คนป่วยได้พักผ่อน”

    “เพราะฉะนั้นไม่ควรส่งเสียงดังรบกวนหรือก่อความรำคาญหรือความไม่สงบภายในเขตของห้องพยาบาลไม่ว่ากรณีใดๆ ทั้งสิ้น...จำได้รึเปล่าคะ”

    วีและเจนนิษฐ์กลืนน้ำลายพร้อมกับพยักหน้าเบาๆ เป็นการตอบรับ

    “แล้วไอ้การถีบประตูห้องพยาบาลเข้ามาเนี่ย ถือว่าเป็นการทำลายทรัพย์สินของสถาบันอย่างหนึ่ง...ซึ่งพี่คิดว่าเราน่ะผิดกฎข้อนี้บ่อยมากนะเต็น... ตัดขาทิ้งซะดีมั้ยคะ”

    เจนนิษฐ์ส่ายหัวด็อกแด็กอย่างรวดเร็ว ปัญที่นอนฟังอยู่บนเตียงแอบอมยิ้มเล็กน้อย

    “เอาล่ะ...หัวหน้าอัศวินสูงสุดปัญสิกรณ์ จาง เป็นเคสทำการรักษาฉุกเฉิน อาการบาดเจ็บสาหัสไม่สามารถขยับตัวได้”

    “ดิฉัน ณัฐรุจา อารีย์กุลรองประธานอัศวินแห่ง Anosia และประธานสูงสุดสภาแพทย์อัศวินขอสั่งห้ามการถูกเนื้อต้องตัวและการสัมผัสโดยตรงกับตัวของผู้ป่วย นี่เป็นคำสั่งเด็ดขาดนะคะ แต่ว่าอนุญาตให้ทำการเข้าเยี่ยมได้ จำกัดจำนวนการเข้าเยี่ยมได้ไม่เกินครั้งละ 3 คน”

    “อนุญาตให้มีผู้เฝ้าไข้ได้ 1 คน กรณีพิเศษให้เฉพาะคนในครอบครัวของผู้ป่วยที่เข้ามาเยี่ยมได้มากกว่า 3 คน รับทราบกันด้วยนะคะ ลูสเซินอัพล็อค”

    วีและเจนนิษฐ์ค่อยๆ ขยับตัวได้ก่อนจะลุกขึ้นยืนโดยเจนนิษฐ์ถอนสายบัวส่วนวีโค้งคำนับให้แก้ว

    “รับทราบค่ะ ควีน”

    “รับทราบครับ ควีน”

    “เชิญค่ะ ถ้ามีอะไรแจ้งดิฉันได้ทันที ควีน สปรีด!”

    หลังจากฝูงผีเสื้อสีเขียวบินออกไปจากห้องเจนนิษฐ์และวีก็รีบวิ่งไปเกาะอยู่ข้างเตียงปัญทันที

    “ป...ขำอะไรคะเจ้าฉลาม!”

    “แค่กๆ ...หะๆ ...ขำเด็กโดนพี่แก้วขู่ตัดขาน่ะครับ”

    “ชิ!”

    “เมื่อไหร่จะแก้นิสัยใจร้อนได้สักทีครับเต็น เราก็เหมือนกันนะเจ้าวี ไอ้นิสัยขี้โวยวายเนี่ย ขอตั้งแต่เด็กจนโตป่านนี้แล้วก็แก้ไม่ได้สักที”

    “โห่วเฮียอะ...อย่าบ่นนักเลย ขอกี่ครั้งแล้ววีเคยทำได้ที่ไหนล่ะ”

    “เอ็งขอให้ข้าแก้นิสัยใจร้อนแล้วเอ็งแก้นิสัยห่วงคนอื่นมากกว่าตัวเองได้รึเปล่าล่ะเจ้าฉลาม”

    “โอเค ปล่อยผ่านเนอะ ก็ข้ารู้ไงว่าข้าแก้นิสัยนี้ของตัวเองไม่ได้เหมือนกัน แต่ที่พูดบ่อยๆ ก็เผื่อจะฟลุคเผื่อเอ็งเปลี่ยนได้ไง...”

    “ถึงพี่สะใภ้จะใจร้อนแต่พี่สะใภ้เป็นคนรอบคอบไม่ทำอะไรบุ่มบ่ามนะเฮีย ไม่เหมือนไอ้จิ๊บหรอกรายนั้นเอะอะบวกเอะอะลุยตลอด”

    “อย่างเจ้าจิ๊บมันไม่ใช่พวกอารมณ์ร้อน แต่เป็นพวกหัวร้อน ความอดทนต่ำแค่กๆ ...ขอน้ำหน่อยได้มั้ย”

    เจนนิษฐ์เทน้ำใส่แก้วแล้วหยิบหลอดส่งให้ปัญดื่มพร้อมกับพูดไปด้วย

    “แต่ช่วงนี้คงไม่หัวร้อนหายซ่าไปพักหนึ่งล่ะนะ อย่างน้อยก็ 3 วันแหละ”

    “อืม...มีอะไรกันรึเปล่า”

    “โดนเคิร์สแอโรว์ของนิ้งไปน่ะ...แถมยาแก้คำสาปน่าจะมาทันวันสุดท้ายเลยด้วย”

    “ฮะ!!! อัก...โอ๊ย!!!”

    “เฮีย!”

    “ปัญ! อย่าขยับตัว!”

    “โอย...ก...เกิดอะไรขึ้น...ทำไมจู่ๆ นิ้งถึงยิงเคิร์สแอโรว์ใส่เจ้าจิ๊บ...โอยยย”

    “พี่เฌอส่งจดหมายไปทาง First Beat ขอแจ้งเปลี่ยนแปลงเจ้าภาพโดยให้จิ๊บเป็นคนส่งจดหมายไป เอ็งรู้วิธีการส่งจดหมายของเจ้าจิ๊บใช่มั้ย”

    “รู้คับ แต่ว่านิ้งมันถอนตัวมาส่วนกลางแล้วไม่ใช่เหรอ ทำไม...”

    “พี่หนึ่งกับพี่อรคงเคืองเรื่องที่ยิงจดหมายไปให้พี่หวานแหละ เลยส่งจดหมายคอบกลับมาโดยขอความร่วมมือจากนิ้งน่ะ”

    “รู้ใช่มั้ยว่าพี่หนึ่งเป็นพวกผูกใจเจ็บแค่ไหน แล้วรู้ใช่มั้ยว่ายัยนิ้งก่อนถอนตัวมีความผูกพันกับสภาท่านหญิงขนาดไหน”

    “อืม...หน่วยลอบสังหารระยะไกลองครักษ์ใกล้ชิดประจำตัวของพี่หนึ่ง...”

    “ก็นั่นล่ะคาดว่าตอนแรกคงจะส่งด้วยแอร์โรว์ฟอร์ซธรรมดา แต่ดันมาเป็นเคิร์สแอโรว์แบบนี้แสดงว่าเป็นคำขอจากพี่หนึ่งโดยตรงแน่ๆ”

    “เฮ่อ...นิสัยแค้นคนเข้ากระดูกนี่แก้ไม่หายเลยจริงๆ ท่านหญิงมิลิน ดอกเทียน กับน้องตัวเองก็ยังไม่เว้นเลยเหรอ”

    “ประเด็นคือเคิร์สแอโรว์สองดอก...”

    “ฮะ? สองดอกเหรอฮะพี่สะใภ้”

    “อืม...”

    “แล้วอีกดอก...”

    “ก็คนสั่งการของทางเราท่านประธานอัศวินสูงสุดเฌอปราง อารีย์กุลไงคะ”

    “เฮ่อ...พี่เฌอก็พอกัน ก็รู้ๆ นิสัยพี่หนึ่งอยู่ ยังอุตส่าห์เล่นอะไรแผลงๆ ส่งผ่านเครื่องส่งเอกสารระยะไกลแบบปกตินี่ทำกันไม่ได้รึยังไงกัน”

    To be continue

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×