ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Spread First Beat Wings

    ลำดับตอนที่ #3 : 2

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 31
      0
      3 ส.ค. 64

    10 นาฬิกา 12 นาที

    สถาบันศักดิ์ศรีราชนิกูล First Beat แห่งราชอาณาจักร (First Beat Prestige Royal Descendant Academy of Kingdom)

    Auditorium’ s Dormitory

    ก๊อกๆๆ

    “เชิญค่ะ”

    “เป้มาแล้วฮะพี่หวาน มาพร้อมพี่หนึ่งที่ยังคงง่วงอยู่”

    “แม่ง...เมื่อคืนกูอยู่เวรมั้ยล่ะไอ้เป้!”

    “เอาน่าพี่หนึ่ง เพราะเรื่องสำคัญถึงต้องเรียกพี่มาด้วยไง”

    อรที่นอนหนุนตักตาหวานอยู่ตอบน้ำหนึ่งโดยที่ยังคงนอนหลับตาอย่างสบายใจ

    “ปากก็พูดว่าเรื่องสำคัญ แต่ตัวมึงยังนอนหนุนตักคุณตาสบายใจอยู่เลยนะมึงนะไอ้อุ๋งนะ”

    “อรคะ ลุกมานั่งคุยกันดีๆ ก่อนค่ะ”

    “ค้าบๆๆ”

    อรลุกขึ้นมานั่งบนเตียงอย่างเรียบร้อยแต่หัวยังเอนซบไหล่ตาหวานอยู่

    “เอาเรเปียร์จิ้มแม่งสัก 2 - 3 ทีได้มั้ยคุณตา”

    “หนึ่งคะ...”

    “โอเคครับคุณตา โอเคเลย”

    “พี่ก็อย่าเที่ยวเอาปากหมีของพี่ไปพูดหาเรื่องคนอื่นไปทั่วดิวะพี่หนึ่ง”

    เป้บ่นก่อนที่จะนั่งขัดสมาธิลงที่พื้นห้องด้วยท่าทีสบายก่อนจะเจอกำปั้นจากน้ำหนึ่งประทานให้กลางศีรษะ

    “โว้ย! ขยันทุบจังเลยหัวเนี่ย! สมองตึ้บไปหมดแล้วนะพี่!”

    “ปากเป็ดแบบมึงก็น่าเอาเรเปียร์เย็บปากให้อยู่เงียบๆ เหมือนกันแหละวะ!”

    “คุณหนึ่ง เจ้าเป้ หยุดตีกันก่อนได้มั้ยคะ แล้วไปนั่งที่เก้าอี้กันดีๆ ได้มั้ยคะ จะไปนั่งพื้นทำไม”

    “เป้ขอนั่งแบบนี้ละกันฮะพี่หวาน สบายดี”

    “แบบนี้ล่ะคุณตา”

    “ถ้างั้นก็มาเริ่มเลยแล้วกันค่ะ เรื่องที่จะคุยก็คือเรื่องนี้ค่ะ”

    ตาหวานแบมือออกก่อนที่ลูกธนูที่ผูกม้วนจดหมายไว้จะปรากฎขึ้นพร้อมกับหมุนควงไปมา

    “จดหมายเจ้าปัญหาที่ทำเป้เกือบตาย”

    “ไอ้น้องบ้า”

    “เค้ากำลังสงสัยเหมือนกันนะหวานๆ”

    “สงสัยอะไรเหรอคะเจ้าอุ๋ง”

    “สงสัยว่าถ้าเป็นจดหมายประทับตราสัญลักษณ์ทางการมาแบบนี้ ทำไมหวานๆ ไม่เปิดอ่านในที่ประชุมไปเลยล่ะงับ”

    ตาหวานพยักหน้าเล็กน้อยพร้อมกับยิ้มบางๆ แล้วจับลูกธนูยื่นส่งไปให้อร

    “ลองจับดูสิคะ”

    อรรับลูกธนูมาก่อนหันกลับไปมองตาหวานอย่างรวดเร็ว

    “อะไรวะพี่อร”

    “จดหมายลงผนึก...”

    “ก็นั่นแหละค่ะ”

    “เปิดเลยคุณตา”

    ตาหวานแกะม้วนจดหมายออกจากลูกธนูก่อนคลี่กระดาษออกอ่าน

    เรียน ท่านหญิงประธานอิสราภา ธวัชภักดี

    สถาบันศักดิ์ศรีราชนิกูล First Beat แห่งราชอาณาจักร

    ข้าพเจ้ามีเรื่องแจ้งเกี่ยวกับงานกระชับความสัมพันธ์ประจำปี เนื่องจากเกิดเหตุขัดข้องกับทางสถาบันของเราเล็กน้อย จึงไม่สามารถรับเป็นเจ้าภาพในการจัดงานกระชับความสัมพันธ์ในปีนี้ได้ จึงขอความกรุณาให้ทางสถาบันของท่านรบกวนช่วยเป็นเจ้าภาพในงานจัดการกระชับความสัมพันธ์ในปีนี้ จึงเรียนมาเพื่อพิจารณาและรับทราบ

    ขอแสดงความนับถือ

    เฌอปราง อารีย์กุล

    ประธานคณะกรรมการอัศวินสูงสุด

    สถาบันอัศวิน Anosia Spread Wings แห่งราชอาณาจักร

    “พี่เฌอเค้าว่ามางี้ล่ะค่ะทุกคน”

    “แต่หนึ่งว่าถ้าถึงขั้นขอเปลี่ยนเจ้าภาพไม่น่าใช่แค่ปัญหาเล็กน้อยแล้วล่ะมั้งคุณตา”

    “เค้าเห็นด้วยกับพี่หนึ่งนะหวานๆ”

    “เป้เห็นด้วยกับพี่ทั้งสองคนฮะ”

    “จะเล็กน้อยจริงๆ หรือเปล่าคำตอบอยู่ในผนึกนี่แหละค่ะ”

    “ปลดผนึกเลยคุณตา อยากรู้เหมือนกันว่าอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้พี่เฌอต้องเขียนจดหมายผนึกแนบมากับจดหมายทางการด้วย”

    ตาหวานพยักหน้าเล็กน้อยก่อนใช้นิ้วชี้ปาดไปที่หัวธนูจนเลือดไหลออกมาก่อนหยดไปที่จดหมาย ทันทีที่หยดเลือดสัมผัสกับกระดาษลูกธนูก็หายไปพร้อมกับกลุ่มควันสีดำรูปผีเสื้อลอยออกมาจากตัวจดหมายก่อนแปรรูปร่างเป็นตัวอักษร

    “เอาล่ะ ขอขยายความจากตัวจดหมายทางการหน่อยละกันนะ ที่เขียนบอกไปว่าเกิดเหตุขัดข้องเล็กน้อยจนขอเปลี่ยนเจ้าภาพกะทันหันน่ะ จริงๆ มันก็ไม่ได้เล็กน้อยนะ มันมีเรื่องที่ป่ามนตราของสถาบันน่ะ จู่ๆ พวกสัตว์เวทย์ในป่ามนตราก็ออกอาละวาด ชิ้นส่วนศิลาอาคมป้องกันถูกทำลายไป 3 จาก 6 พูดก็คือถูกทำลายไปครึ่งหนึ่งนั่นแหละ ผลก็คือโทรลล์หลุดออกมา 1 ตัว แวร์วูล์ฟอีกเป็นสิบ แล้วก็ก็อบลินอีกเป็นร้อยทะลวงแนวป้องกันออกมาในเขตของสถาบันเมื่อตอนค่ำเมื่อวาน แต่ตอนนี้พี่จัดการปัญหาพวกสัตว์เวทย์ที่หลุดออกมาเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้เหล่าคณาจารย์กำลังทำการสร้างชิ้นส่วนศิลาอาคมใหม่ ซึ่งคาดว่าจะต้องใช้เวลาเป็นเดือนกว่าจะเสร็จ แต่งานกระชับมิตรตามกำหนดการเดิมมันจะเริ่มอาทิตย์หน้าไง ถ้าเกิดยังใช้สถาบันพี่เป็นเจ้าภาพจัดงานอยู่ก็กลัวว่าจะเกิดปัญหาอีกรอบ เพราะงั้นก็เลยขอเปลี่ยนเจ้าภาพกะทันหันนี่ล่ะ อีกอย่าง จากการที่สัตว์เวทย์หลุดออกมา ตอนนั้นมีเจ้าปัญรับหน้าคนเดียวผลก็คือตอนนี้สภาพเจ้าปัญร่อแร่ อวัยวะภายในบอบช้ำมาก กระดูกหักไปหลายจุด ไม่รู้จะฟื้นตัวได้เมื่อไหร่ หวานเข้าใจใช่มั้ย กำลังหลักสำคัญรองจากพี่กับพี่แก้วก็คือเจ้าปัญมาเดี้ยงไปแบบนี้ การป้องกันของสถาบันพี่ก็เทียบได้ว่าลดความสามารถลงไปเกือบครึ่งเลย นี่ก็คือปัญหาที่พี่จะบอกเรานั่นล่ะ ส่วนเราว่าไงก็ปรึกษากับสภาของเราก่อนแล้วกัน พี่จะรอคำตอบจากเราอีกที แต่ขอเร็วหน่อยก็ดีนะ เพราะว่าเวลาจัดงานมันใกล้เข้ามาทุกทีแล้ว พี่เองก็จะได้ให้พวกเด็กๆ เตรียมการรับมือได้ถูก พี่รอคำตอบอยู่นะ พี่เฌอเอง”

    หลังจากที่ตาหวานอ่านเนื้อหาในจดหมายผนึกจบตัวอักษรก็สลายไปพร้อมกับม้วนจดหมายที่มีเปลวไฟสีดำลุกขึ้นไหม้ตัวจดหมายกลายเป็นเถ้ากระดาษ

    “เดี๋ยวก่อน! เผากระทั่งจดหมายทางการที่เขียนบังหน้ามาด้วยเนี่ยนะพี่เฌอ!”

    “คุณก็รู้นิสัยพี่เฌอดีนี่คะคุณหนึ่ง”

    “สถาบันพวกพี่เค้ารวยกระดาษกันนักรึไงวะพี่ เป้เห็นส่งมากี่ทีพออ่านจบก็ไหม้พรึ่บทุกที”

    “ช่างหัวกระดาษก่อน พี่หนึ่ง สถานการณ์ที่พี่เฌอว่ามามันคุ้นๆ ป่าววะพี่”

    “เออ ไม่ต้องคุ้นๆ หรอกกูเพิ่งบอกไปในที่ประชุมเมื่อเช้าไงว่ามีรายงานเรื่องแวร์วูล์ฟฝ่าออกมาจากป่าต้องห้ามไง”

    “งั้นสถานการณ์ทางนู้นก็เหมือนของทางเราเลยดิวะพี่”

    “ไม่ค่ะเป้ ทางพี่เฌอหนักกว่าของเราเยอะค่ะ ทางเรามีแค่แวร์วูล์ฟ ทางนั้นมีทั้งโทรลล์ แวร์วูล์ฟแล้วก็ก็อบลิน อีกอย่าง ทางเราก็ไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บแต่ท...”

    “ขอโทษทีคุณตา แต่ทางเราก็มีผู้บาดเจ็บ แต่ไม่ร้ายแรง แค่โดนกรงเล็บแบบถากๆ แต่ไม่โดนกัด หนึ่งลืมบอกไป”

    “ไม่เป็นไรค่ะ ของทางเราบาดเจ็บไม่มากแต่ทางพี่เฌอ...ขนาดเจ้าปัญยังสาหัสขนาดนั้น หวานว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กแล้วล่ะค่ะ”

    “แล้วจะเอายังไงต่อดีครับหวานๆ”

    ตาหวานหลับตาลงพร้อมกับใช้ความคิดไปด้วยจนคิ้วขมวด

    “เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ พรุ่งนี้เรียกประชุมสภาท่านหญิงตอนเช้าค่ะ เราจำเป็นต้องแจ้งเรื่องนี้ให้ท่านหญิงทุกท่านทราบ จะได้เตรียมการวางแผนเรื่องงาน”

    “สถาบันเราจะรับเป็นเจ้าภาพแทนทางนั้นค่ะ แล้วก็...คุณหนึ่งคะ”

    “ว่ามาเลยคุณตา”

    “ตาอยากจะให้คุณ เจ้าอุ๋ง แล้วก็เป้ คอยตรวจตราดูแลแนวป่าต้องห้ามเพิ่มเติมด้วยค่ะ เผื่อเกิดกรณีฉุกเฉินขึ้นมาเหมือนทางพี่เฌอ จะได้เตรียมการรับมือได้ทันท่วงที”

    “ได้เลยคุณตาเดี๋ยวจัดการให้ ไม่ต้องนอนละกู ไปไอ้เป้ไอ้อุ๋ง”

    “ไปไหนวะพี่”

    “ทำงานดิวะ คุณตาสั่งงานมาแล้วนี่ไง มึงจะอู้เหรอไอ้เป็ด!”

    “ไม่ได้จะอู้พี่ แต่เป้มีเรียนตอนบ่าย!”

    “เรียนเอาไว้ก่อน! เซฟชีวิตคนสำคัญกว่า ถ้าจู่ๆ มึงนั่งเรียนอยู่แล้วโทรลล์บุกเข้ามามึงก็ไม่ต้องเรียนอยู่ดีแหละวะ!”

    “เอ๊า!”

    “ไม่เอ๊าไม่เอิ้วอะไรทั้งนั้นแหละ ไปทำงาน! ไอ้อุ๋งลุก!”

    “ไม่อาววววว อุ๋งจะอยู่กับหวานๆ ~~”

    “อรคะ...”

    “แง~~ หวานๆ ไล่เค้าเหยอ~~”

    “ไม่ได้ไล่ค่ะ แต่ถ้าอรไม่ไปทำงาน อรจะโดนราโกซิสของหวาน 3 วันเต็มๆ นะคะ”

    “อุแง้!!!”

    “เลิกงอแงแล้วไปทำงานได้แล้วไอ้หน้าแมวน้ำ! ลุกเร็วๆ ไอ้เป็ด!”

    7 นาฬิกา 2 นาที

    Central Operating Building

    Auditorium

    หญิงสาว 10 คนนั่งอยู่ในห้องประชุมโดยมีตาหวานนั่งอยู่ตำแหน่งประธานหัวโต๊ะ ปูเป้นั่งประกบด้านซ้ายและไข่มุกนั่งประกบด้านขวาโดยถือปากการอจดการประชุมอยู่ด้วย

    “ท่านหญิงทุกท่านมากันพร้อมเรียบร้อยแล้วใช่มั้ยคะ ท่านหญิงนาย ท่านหญิงแบมบู ทำไมเมื่อวานไม่ได้เข้าประชุมล่ะคะ”

    “ขออภัยด้วยค่ะพี่ท่านหญิงประธาน เมื่อวานดิฉันกับพี่ท่านหญิงนายพักอยู่ที่ห้องพยาบาลค่ะ”

    “สรุปว่าคนที่เผชิญหน้ากับแวร์วูล์ฟคือคุณกับท่านหญิงนายสินะท่านหญิงแบมบู”

    “ใช่ค่ะพี่ท่านหญิงหนึ่ง”

    “แล้วเป็นอะไรมากรึเปล่าคะพี่ท่านหญิงนาย...แบ๊ม...”

    “ไม่เป็นไรมากแล้วล่ะมิวนิค แบ๊มแค่โดนถากๆ แขน ส่วนพี่แค่โดนถากๆ หลังไปนิดหน่อย”

    “ยังไงช่วงนี้ก็ระวังตัวกันหน่อยละกันนะคะท่านหญิงทุกท่าน”

    “ทราบแล้วค่ะพี่ท่านหญิงประธาน”

    “เอาล่ะ เริ่มประชุมเลยแล้วกันนะคะ ที่ดิฉันเรียกสมาชิกสภาท่านหญิงเข้าประชุมด่วนวันนี้ก็เนื่องจากงานกระชับความสัมพันธ์ 2 สถาบันระหว่างสถาบันศักดิ์ศรีราชนิกูลของเรากับสถาบันอัศวิน Anosia Spread Wings กำลังมีปัญหาค่ะ”

    “ทางประธานคณะกรรมการอัศวินสูงสุดคุณ เฌอปราง อารีย์กุลได้แจ้งมาในจดหมายเมื่อวานว่าที่สถาบันอัศวินกำลังมีปัญหา จึงจำเป็นต้องให้ทางเรารับเป็นเจ้าภาพในการจัดงานในปีนี้อีกปีแทนค่ะ”

    “ขออนุญาตค่ะพี่ท่านหญิงประธาน”

    “เชิญค่ะท่านหญิงแบมบู”

    “ถ้าถึงขั้นต้องเปลี่ยนเจ้าภาพกะทันหันแบบนี้แสดงว่าปัญหาต้องใหญ่พอสมควร พี่ท่านหญิงประธานพอจะบอกพวกเราได้รึเปล่าคะ”

    “ในจดหมายทางการไม่ได้แจ้งถึงรายละเอียดปัญหามาค่ะ แจ้งแค่ว่าเกิดปัญหาขึ้นเล็กน้อยกับทางนั้น”

    “อะไรของคุณประธานอัศวินล่ะนั่น แค่ปัญหาเล็กน้อยต้องเปลี่ยนเจ้าภาพงานเลยเหรอ”

    “ท่านหญิงมิวสิค...”

    “ขออภัยค่ะพี่ท่านหญิงประธาน...”

    “ให้ดิฉันแจ้งเลยมั้ยคะพี่ท่านหญิงประธาน”

    “เชิญค่ะท่านหญิงปูเป้”

    “จดหมายทางการจากสถาบันอัศวินแจ้งไว้ว่าเกิดปัญหาเล็กน้อยแต่ในจดหมายทางการนั้นได้แนบจดหมายผนึกมาถึงพี่ท่านหญิงประธานโดยตรงด้วยค่ะ”

    “ซึ่งดิฉัน พี่ท่านหญิงประธาน พี่ท่านหญิงหัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยและพี่ท่านหญิงหัวหน้าหน่วยลาดตระเวนได้อ่านและรับทราบถึงปัญหาของทางนั้นเรียบร้อย”

    “ปรากฎว่าเกิดปัญหาเนื่องจากสัตว์เวทย์ของทางนั้นหลุดออกมาจากป่ามนตราเหมือนกับของทางเราแต่ของทางนั้นร้ายแรงกว่า”

    “เพราะศิลาป้องกันแนวป่ามนตราถูกทำลายไปถึง 3 ใน 6 ส่วน ผลก็คือ โทรลล์หนึ่ง แวร์วูล์ฟนับสิบและก็อบลินอีกนับร้อยหลุดออกมาจากด้านในป่า...”

    “โทรลล์!!!”

    “นอกจากนี้ผลจากสัตว์เวทย์ระดับสูงระดับกลางและระดับต่ำหลุดออกมาจำนวนมากยังส่งผลให้หัวหน้าอัศวินคุณปัญสิกรณ์ จาง ได้รับบาดเจ็บ เรียกได้ว่าสาหัสเลยทีเดียวเลยล่ะค่ะ”

    “พี่ปัญเหรอคะ!”

    “คิคิ ขนาดเจ้าปัญที่เรียกได้ว่าแกร่งเป็นลำดับ 3 ของสภาอัศวินยังสาหัสเลยเหรอ”

    “คุณเฌอปรางแจ้งว่าตอนที่สัตว์เวทย์หลุดออกมาคุณปัญเป็นคนรับหน้าป้องกันคนเดียวน่ะท่านหญิงผักขม”

    “เพราะเหตุนี้พี่เฌอถึงต้องขอให้ทางเรารับเป็นเจ้าภาพในการจัดงานแทนนั่นแหละค่ะ เพราะกำลังป้องกันสำคัญของสถาบันบาดเจ็บหนัก ทำให้ไม่สามารถรับรองความปลอดภัยให้กับแขกที่จะไปเยือนได้”

    “อีกอย่างเหล่าคณาจารย์ของทางสถาบันอัศวินก็ต้องใช้เวลาอย่างน้อยเกือบเดือนในการสร้างศิลาอาคมป้องกันใหม่ แต่งานกระชับความสัมพันธ์ของทั้ง 2 สถาบันจะเริ่มในอาทิตย์หน้าแล้ว”

    “ก็อย่างที่ท่านหญิงปูเป้กับท่านหญิงอรว่าไปนั่นแหละค่ะ ดิฉันเลยอยากขอความเห็นจากสภาท่านหญิงทุกท่านว่าจะทำอย่างไรกันต่อคะ”

    ตาหวานถามบรรดาเหล่าท่านหญิงที่ต่างหันหน้าปรึกษาพูดคุยกันเบาๆ มิวสิคและมิวนิคคุยกันเบาๆ ก่อนจะพยักหน้ากันเล็กน้อยก่อนที่มิวสิคจะยกมือขึ้นมา

    “เชิญค่ะท่านหญิงมิวสิค”

    “เรื่องการจัดการแก้ปัญหาหนูไม่รู้ว่ายังไงนะคะพี่ท่านหญิงประธาน แต่หนูกับมิวนิคคุยกันเรียบร้อยแล้ว เรื่องเตรียมการสถานที่และฝ่ายจัดการต้อนรับแขกพวกหนูสองคนพร้อมสแตนด์บายเสมอเหมือนเดิมค่ะ”

    “ถ้าอย่างนั้นพวกเราจะรับเป็นเจ้าภาพเหมือนเดิม ไม่มีใครคัดค้านใช่มั้ยคะ”

    บรรดาท่านหญิงทุกคนส่ายหัวเป็นการตอบรับว่าไม่มีใครคัดค้าน

    “ดีมากค่ะ ท่านหญิงไข่มุก รบกวนร่างจดหมายตอบกลับทางนู้นให้ด้วยนะคะ ส่วนเรื่องรายละเอียดอื่นๆ เดี๋ยวค่อยพูดคุยกันทีหลัง เลิกประชุมได้ค่ะ ท่านหญิงอร ท่านหญิงปูเป้ ท่านหญิงน้ำหนึ่งรบกวนอยู่ก่อนนะคะ”

    บรรดาท่านหญิงทุกท่านลุกขึ้นคำนับและถอนสายบัวให้ตาหวานก่อนจะทยอยออกจากห้องประชุมยกเว้น 3 คนและไข่มุกที่รอเขียนจดหมายให้กับตาหวาน

    “ไม่เป็นอะไรมากใช่มั้ยแบ๊ม ทำไมไม่เห็นบอกมิวเลยว่าโดนอะไรมา”

    “เอาน่าหนูมิว เจ้าแบ๊มก็ไม่ได้เป็นอะไรมากมายนี่นา”

    “พี่มิวอ่า...”

    แบมบูยิ้มกว้างจนตาปิดก่อนลูบหัวมิวนิคเบาๆ พร้อมกับยื่นแขนที่พันผ้าพันแผลไปให้มิวนิคลูบเบาๆ

    “เค้าไม่เป็นไรค้าบ โดนแค่กรงเล็บไม่โดนเขี้ยว ไม่มีผลข้างเคียงแน่นอนคับมิว”

    “ถ้าโดนเขี้ยวพี่ก็ไม่ให้แกเข้าใกล้เจ้าหนูมิวหรอกนะแบ๊ม ดีไม่ดีพี่จะแทงแกให้ตายด้วยมือพี่นี่แหละ!”

    “ใจร้ายอะพี่มิว นี่น้องเขยพี่ไง”

    “ใครน้องเขย! ยังไม่ได้ขอ ไม่ได้แต่งอย่ามามั่วนิ่มนะแบ๊ม!”

    “แหงะ...”

    “พี่มิว...”

    “หยุดเลยหนูมิว ไม่ต้องมาอ้อนพี่เลยนะคะ แล้วนี่จะไปไหนกันต่อ”

    “แบ๊มว่าจะกลับไปพักที่หอน่ะฮะตอนบ่ายมีเรียน”

    “หนูด้วยค่ะ แล้วพี่ล่ะคะพี่มิว”

    “อืม...พี่ว่าจ...”

    “สิค!!! สิค!!! ไอ้หมา!!!”

    หญิงสาวผมสั้นประบ่าคนหนึ่งวิ่งหน้าตาตื่นมาหาทั้งสามคนอย่างรวดเร็วจนกระโปรงที่ใส่อยู่แทบเปิด มิวสิคถึงกับกุมขมับ

    “ใจเย็นค่ะพี่หญิงน้ำใส”

    “อ้าว! มิวนิคกับแบมบูก็อยู่เหรอ นี่ไอ้หมา! จริงป่าวที่ว่าที่ Anosia เกิดเรื่องอะ”

    “พี่รู้ได้ไงพี่ใส! สิคเพิ่งออกจากที่ประชุมมาเองนะ!”

    มายด์ส่งจดหมายมาบอก พี่เลยเขียนจดหมายไปถามจอนอมา เห็นว่าปัญมันร่อแร่เลยทีเดียว”

    “ก็อย่างที่พี่เต็นบอกนั่นล่ะพี่ ปีนี้สถาบันเราเลยต้องรับเป็นเจ้าภาพงานกระชับความสัมพันธ์แทน”

    “แล้วอย่างงี้ปัญมันจะมาได้มั้ยล่ะเนี่ย ฟื้นเมื่อไหร่ยังไม่รู้เลย จอนอบอกว่าอวัยวะภายในบอบช้ำหลายจุด กระดูกหักหลายที่ด้วย”

    “ขนาดนั้นเลยเหรอฮะพี่ใส ที่พี่ท่านหญิงตาหวานบอกว่าสาหัสก็ไม่นึกว่าจะสาหัสขนาดนั้น”

    “นั่นล่ะแบ๊ม จอนอบอกว่าปัญมันรับมือก็อบลินกับโทรลล์คนเดียว เลยโดนฟาดปลิว คิดว่าเก่งนักรึไงไปสู้กับโทรลล์คนเดียวแบบนั้น”

    “แต่ปัญก็เก่งจริงนะพี่ใส นั่นลำดับ 3 ของสถาบันอัศวินเลยนะพี่”

    “จ้าๆๆๆ”

    “ถ้างั้นหนูกับแบ๊มกลับหอก่อนนะคะพี่มิวพี่หญิงน้ำใส”

    “เจอกันที่ห้องอาหารตอนเที่ยงนะหนูมิว”

    “ได้ค่ะ”

    “หวัดดีฮะพี่มิว พี่ใส”

    “ละนี่เอ็งจะไปไหนต่อล่ะไอ้หมา”

    “สิคจะไปสภาคณาจารย์ค่ะ ต้องเตรียมการเรื่องสถานที่ สนามแข่ง การต้อนรับแขกแล้วก็พิธีการ รวมถึงต้องแจ้งเรื่องการเปลี่ยนแปลงเจ้าภาพด้วย แล้วพี่ล่ะคะ”

    “พี่จะแวะไปหาจี้ จะไปเม้าท์เรื่องนี้ล่ะ ไว้เจอกัน”

    “พี่ใส! อย่าวิ่ง! เดี๋ยวพี่ท่านหญิงประธานมาเห็นก็โดนอีกหรอก!”

    “ไม่เห็นหรอกน่า! พี่หวานน่าจะมีงานย...แอ้ก!”

    น้ำใสวิ่งกระแทกกำแพงคริสตัลใสสีทองจนหงายหลังก่อนจะลุกขึ้นมาเอามือแปะๆ กำแพงคริสตัลแล้วตาเหลือก

    “ว้ากกกกก!!!!”

    “อืม...ตอนแรกก็ว่าจะกักไว้สัก 10 นาที แต่ส่งเสียงดังโหวกเหวกโวยวาย เปลี่ยนเป็นครึ่งชั่วโมงแล้วกันนะคะท่านหญิงพิชญาภา”

    ตาหวานที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งของกำแพงคริสตัลยืนกอดอกพร้อมกับมองมาที่น้ำใสด้วยสายตาวาววับ

    “แง้~~ พี่ท่านหญิงตาหว๊านนนน!!!”

    “อะไรคะ...พอดีงานดิฉันเคลียร์เสร็จเรียบร้อยแล้วน่ะค่ะก็เลยมีเวลามาทันเห็นท่านหญิงวิ่งกระโปรงปลิวอยู่นี่ไงคะ”

    “แอแง!!! 10 นาทีไม่ได้เหรอค้าาาาา”

    “ไทม์จัดจ์ ราโกซิส 30 นาที หรือจะอยู่ 1 ชั่วโมงคะท่านหญิงน้ำใส”

    “งึก...ทราบแล้วค่ะ”

    “คอนเฟิร์มจัดจ์...กำลังจะไปไหนเหรอคะท่านหญิงมิวสิค”

    “กำลังจะไปสภาคณาจารย์ค่ะพี่ท่านหญิงประธาน ต้องไปแจ้งเรื่องเปลี่ยนแปลงเจ้าภาพด้วยค่ะ”

    “ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวพี่ไปด้วยเลยแล้วกันค่ะ เดี๋ยวพี่จะรายงานอาจารย์เอง”

    “เอ่อ...”

    “ไปกันได้แล้วค่ะท่านหญิงมิวสิค กฎก็คือกฎนะคะ”

    “ค่ะ...”

    ตาหวานเดินนำออกไปอีกทาง มิวสิคชำเลืองมองน้ำใสที่นั่งจ๋อยอยู่ในกำแพงคริสตัลเล็กน้อยก่อนเดินตามตาหวานออกไป

    8 นาฬิกา 43 นาที

    กองกำลังรักษาความปลอดภัยส่วนกลางประจำราชอาณาจักร (Central Security Forces of Kingdom)

    Transport Room

    หญิงสาวคนหนึ่งกำลังนั่งอ่านและเขียนเอกสารอย่างละเอียดพร้อมกับหน้านิ่วคิ้วขมวด

    “ทำไมรายละเอียดยิบย่อยเยอะขนาดนี้นะ แล้วเขียนตัวเล็กอะไรขนาดนี้ จะประหยัดกระดาษไปถึงไหน ปวดตาไปหมดแล้วเนี่ย!”

    หญิงสาวถอดแว่นออกวางบนโต๊ะพร้อมกับทิ้งตัวลงพิงกับเก้าอี้เพื่อพักผ่อน

    ก๊อกๆๆ

    “เชิญค่ะ”

    หญิงสาวผมประบ่าคนหนึ่งเปิดประตูเข้ามาพร้อมกับถือเอกสารเข้ามาด้วย

    “ขออนุญาตค่ะพี่ออม”

    “อ้าวมายด์ ว่าไงคะมีอะไรรึเปล่า”

    “เอาเอกสารรายงานสรุปการใช้เครื่องส่งเอกสารระยะไกลของอาทิตย์ที่ผ่านมามาส่งค่ะ”

    “อ่อค่ะ...ทำไมมีแค่แผ่นเดียวล่ะคะ”

    “อาทิตย์ที่ผ่านมาทั้งสองสถาบันไม่ค่อยมีธุระติดต่อกันเท่าไหร่ค่ะ อีกอย่าง แผ่นเดียวนี่มีแต่รายงานการใช้แค่ของ First Beat ด้วยนะคะ”

    “โอเคค่ะ พี่ว่าพี่เริ่มจะเข้าใจอะไรขึ้นมาบ้างแล้วล่ะค่ะ คุณเฌอก็จริงๆ เลย พี่แก้วบ่นเท่าไหร่ก็ไม่เคยจำ”

    “พี่น่าจะชินได้แล้วนะคะพี่ออม”

    “สงสัยต้องเสนอให้คลังตัดงบกระดาษของ Anosia จริงๆ จังๆ สักทีล่ะมั้ง เขียนเสร็จทำลาย เขียนเสร็จเผา หึ!”

    “หนูก็ไม่เข้าใจเหมือนกันค่ะ ขนาดจดหมายทางการลงตราประทับของสถาบันยังไหม้เป็นจุณ จะรักษาความลับกันเก่งอะไรขนาดนั้น”

    “อย่าว่าแต่จดหมายทางการที่ส่งระหว่างสถาบันเลยค่ะมายด์ จดหมายทางการที่ส่งมาส่วนกลางก็ไฟไหม้พรึ่บทุกครั้งที่อ่านจบเหมือนกัน จนท่านผู้อำนวยการสูงสุดเอือมแล้วเหมือนกัน”

    “อันนี้หนูเพิ่งรู้นะคะเนี่ย”

    “แล้วนี่คนอื่นๆ ไปไหนกันหมดล่ะคะ”

    พี่รินะไปประสานงานกับฝ่ายบริหารอยู่ค่ะเรื่องการเปลี่ยนแปลงเจ้าภาพงานกระชับสัมพันธ์ 2 สถาบัน พี่นิ้งประจำการอยู่ที่หอคอยตรวจการณ์ส่วนดีนี่เข้าไปช่วยฝ่ายอาคมอยู่ค่ะ ส่วนคนอื่นๆ หนูไม่ทราบเหมือนกัน”

    “จะว่าไป อาการเจ้าปัญเป็นยังไงบ้างนะ เจ้าเด็กนี่ก็จริงๆ เล้ย! คิดยังไงไปรับมือกับโทรลล์แล้วก็ฝูงก็อบลินขนาดนั้นด้วยตัวคนเดียว”

    “พี่ก็รู้นิสัยพี่ปัญดีนี่คะ ความรับผิดชอบต่อหน้าที่และความปลอดภัยของทุกคนมาเป็นอันดับแรกเสมอ”

    “แต่ก็ควรห่วงชีวิตตัวเองด้วยมั้ย ถ้าหายดีแล้วขอฟาดสักทีเถอะ!”

    “หนูว่าคงไม่ต้องถึงมือพี่หรอกค่ะ หนูว่าพี่เจนนิษฐ์ลับดาบรอวันที่พี่ปัญหายดีคนแรกเลยล่ะค่ะ”

    “อืม...จริงด้วยสิน...”

    ปี๊บๆๆๆ!!!

    เสียงสัญญาณแจ้งเตือนดังมาจากข้างโต๊ะทำงานของออม

    “หือ!?”

    มายด์หันกลับไปมองที่ลานศิลาวงกลมขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่กลางห้องที่เริ่มเปล่งแสงสว่างวาบเจิดจ้าออกมา

    “พี่ออม! มีคนกำลังใช้เครื่องเคลื่อนย้ายค่ะ!”

    “พี่เห็นแล้วมายด์พี่เห็นแล้ว...ทำไมไม่มีเอกสารแจ้งการขออนุญาตมาก่อน...จากทางไหนนะ” (พึมพำ)

    ออมหันกลับมามองบนโต๊ะทำงานก่อนเบิกตากว้าง สัญลักษณ์รูปคลื่นหัวใจสีชมพูมุมบนขวามือของโต๊ะเปล่งแสงจ้าขึ้นมา

    “ไม่จริงน่า! First Beat งั้นเหรอ!!!”

    แสงสว่างจากลานศิลาเปล่งแสงเจิดจ้าไปทั่วห้องจนออมกับมายด์ต้องยกมือขึ้นมาปิดตาก่อนที่แสงจะดับลงพร้อมร่างของหญิงสาว 2 คนในชุดเกราะสีเงินและสีทองยืนอยู่กลางแท่นศิลา

    “เฮ้ย! ไอ้พี่หมี เจ้าหนูมายด์ก็อยู่แฮะ นึกว่าพี่ออมจะอยู่คนเดียวซะอีก”

    “คงมาคุยธุระล่ะมั้ง หวัดดีฮะพี่ออม เจ้าหนูมายด์”

    “สวัสดีค่ะพี่ๆ ...”

    “โอเค...พี่ว่าพี่เข้าใจอีกแล้ว...ไหนเอกสารแจ้งขออนุญาตใช้เครื่องคะน้ำหนึ่ง! อร!!!”

    “เฮ้ยๆๆ พี่หมี พี่ออมโกรธแล้วว่ะ”

    “หุบปากไปก่อนไอ้หน้าแมวน้ำ ใจเย็นๆ ก่อนนะฮะพี่ออม นี่ฮะเอกสารขออนุญาต”

    “แล้วทำไมไม่ส่งมาก่อนคะน้ำหนึ่ง!”

    “พอดีว่าเรื่องด่วนน่ะครับพี่ออม พอจะทราบมั้ยครับว่าตอนนี้เจ้านิ้งอยู่ที่ไหน”

    ออมดึงเอกสารขออนุญาตมาจากมือน้ำหนึ่งด้วยท่าทีขัดใจก่อนหันไปทางมายด์

    “มายด์คะ”

    “ค่ะพี่ออม พี่นิ้งอยู่ที่หอคอยตรวจการณ์ค่ะพี่น้ำหนึ่ง”

    “โอเค ขอบใจมากนะมายด์ ขอตัวก่อนนะครับพี่ออม ไปไอ้หน้าอุ๋ง”

    “เคพี่”

    Surveillance Tower

    หญิงสาวผมยาวถึงกลางหลังในชุดเกราะสีน้ำเงินคนหนึ่งกำลังสอดส่ายสายตามองไปรอบๆ ทิศพร้อมกับพูดอะไรบางอย่างไปด้วย

    “ทิศเหนือไม่มีปัญหาอะไร ทิศตะวันออกกลุ่มควันตรงนั้นน่าจะเป็นการเผาขยะ ทิศตรงนั้น...” (พึมพำ)

    “ยังขยันขันแข็งเหมือนเดิมเลยนะนิ้ง”

    หญิงสาวหันกลับไปมองตามเสียงด้านหลังของตนก็เจอน้ำหนึ่งกับอรยืนส่งยิ้มมาอยู่โดยที่อรถือม้วนกระดาษม้วนหนึ่งมาด้วย หญิงสาวยิ้มเล็กน้อยก่อนจะถอนสายบัวให้ทั้งสองคน

    “พี่ท่านหญิงหัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัย พี่ท่านหญิงหัวหน้าหน่วยลาดตระเวน...”

    “นิ้ง...”

    “โอ๊ะ...ขอโทษทีค่ะพี่หนึ่ง พี่อร หนูยังชินอยู่น่ะค่ะ ว่าแต่ลมอะไรถึงหอบพวกพี่สองคนมาถึงส่วนกลางได้ล่ะคะเนี่ย”

    “ลมด่วนจากหวานๆ ไง”

    “หืม!? พี่ท...เอ่อ...พี่ตาหวานเหรอคะ?”

    “ช่ายยยยย พี่เฌอส่งจดหมายมาแจ้งเรื่องปัญหาทางนู้นน่ะ คุณตาเลยให้เขียนจดหมายตอบกลับ”

    “พวกท...พี่ก็ส่งผ่านเครื่องส่งเอกสารระยะไกลกันได้นี่คะ ทำไมถึงต้องมากันถึงส...”

    “ทางพี่เฌอให้น้องพี่หนึ่งเป็นคนส่งจดหมายมาไง”

    นิ้งพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจก่อนหันกลับไปมองน้ำหนึ่งที่กัดฟันกรอดๆ แล้วแอบอมยิ้ม นิ้งแบมือซ้ายออกก่อนจะปรากฎคันธนูแสงขึ้นมาในมือ

    “ขอจดหมายด้วยแล้วกันค่ะ ให้ส่งให้ใครดีคะ”

    น้ำหนึ่งหยิบม้วนกระดาษอีกม้วนหนึ่งออกมาจากกระเป๋าเสื้อ

    “เฮ้ยพี่หนึ่ง จดหมายที่หวานๆ ให้ส่งกลับหาพี่เฌอมันอยู่ในมืออรไม่ใช่เหรอวะพี่”

    “ของคุณตาอยู่ที่เอ็งน่ะใช่ แต่อันเนี้ย ส่งถึงไอ้น้องบ้านั่นจากกูโดยเฉพาะเลย”

    นิ้งเสกลูกศรแสงออกมาจากมืออีกข้างสองดอกก่อนยื่นให้อรกับน้ำหนึ่งผูกม้วนจดหมายเข้ากับลูกศร เสร็จแล้วนิ้งก็ถือลูกศรแสงไว้ในมือ

    “ทาร์เก็ต เฌอปราง อารีย์กุล สุชญา ดอกเทียน แอโรว์ฟ...”

    “นิ้ง...”

    “คะพี่หนึ่ง”

    น้ำหนึ่งเดินเข้ามากระซิบอะไรบางอย่างที่ข้างหูของนิ้งก่อนที่นิ้งจะเบิกตากว้างก่อนจะสลายคันธนูแสงในมือออกไป

    “หือ?”

    “ถ้าพี่หนึ่งขอมาหนูก็จัดให้ได้ค่ะ รวมถึงพี่เฌอด้วยเหรอคะ”

    “นั่นล่ะ พี่เฌอน่ะรู้อยู่แล้วว่าจะเป็นยังไง แต่ไอ้น้องบ้านั่นมันไม่รู้ หึๆๆๆ”

    “พี่ให้นิ้งทำรัยวะพี่น...”

    “ถ้าอย่างงั้นก็คงต้องใช้สิ่งนี้แหละค่ะ...Curse Furious”

    คันธนูเหล็กสีดำสลักลายเปลวเพลิงสีแดงปรากฎขึ้นในมือ ทันทีที่ลูกศรแสงทั้งสองดอกถูกทาบเข้ากับคันธนูลูกศรก็กลายเป็นศรเหล็กสีดำทันที

    “เคิร์สล็อคทาร์เก็ต เฌอปราง อารีย์กุล สุชญา ดอกเทียน เซ็ตฟิวเรียสล็อค”

    “เฮ้ยๆๆๆ เอางี้เลยเหรอพี่หนึ่ง!”

    “เอาแบบนี้แหละ ขอบใจมากนะนิ้ง ไว้เดี๋ยวค่อยเจอกันใหม่”

    “ด้วยความยินดีค่ะพี่หนึ่ง”

    น้ำหนึ่งเดินกลับลงจากหอคอยไปโดยมีอรวิ่งตามไป นิ้งโก่งคันธนูพร้อมกับหลับตาลงแล้วหันหน้าไปทางทิศตะวันตกก่อนจะลืมตาขึ้น ดวงตาทั้งสองข้างกลายเป็นสีแดง

    “Fire...”

    นิ้วถูกปล่อยจากสายพร้อมกับที่ลูกศรเหล็กทั้งสองดอกพุ่งทะยานเป็นลำแสงสีดำมุ่งตรงไปข้างหน้าด้วยความรวดเร็วก่อนจะหายวับไป

    คันธนูเหล็กสีดำถูกเรียกเก็บไปพร้อมกับดวงตาทั้งสองข้างเปลี่ยนกลับเป็นสีน้ำตาลตามเดิม

    “ขอให้โชคดีนะจิ๊บ...อย่าแตกตื่นเกินไปล่ะ...”

    To be continue

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×