ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (END) ก็คนมันชอบ...좋아해 ♡ - KAISOO

    ลำดับตอนที่ #6 : CHAPTER 05

    • อัปเดตล่าสุด 4 พ.ย. 59










    05

     




                  แสงแดดยามเช้าฉายส่องกระทบกับร่างเล็กจนสะท้อนเป็นเงาทอดลงบนพื้นดิน รองเท้าผ้าใบสีขาวคู่เล็กพาเจ้าของเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าคอนโดหรูสูงลับฟ้า มือเล็กกระชับแฟ้มในมือเอาไว้แน่น เมื่อนึกไปถึงว่าวันนี้เขาต้องมาทำอะไรที่นี่ 

     

                  อ้าว มาแล้วหรอคยองซู… ”

                 ร่างเล็กเจ้าของชื่อโค้งตอบรับคำของครูที่ปรึกษาประจำชั้นที่อยู่ๆก็เรียนเขาให้มาหาตอนพักกลางวัน

     

     “ โดคยองซู เธอพอจะมีเวลาว่างช่วงเสาร์อาทิตย์บ้างมั้ย? ” เมื่อคนตัวเล็กนั่งลงที่เก้าอี้คุณครูสาวก็เอ่ยปากเปิดประเด็นทันที

    เอ่ออว่างครับ

    พอดีครูได้ยินว่าเธอรู้จักกับคิมจงอิน ครูเลยอยากให้เธอช่วยดูแลเรื่องการเรียนของจงอินหน่อยน่ะ

    ครูหมายความว่า…”

    ช่วงนี้ทางจงอินตารางงานเดินแบบถ่ายแบบเขาแน่นมาก…”

    “….”

    ครูกลัวว่าจงอินเขาจะตามบทเรียนที่สอนในห้องไม่ทันน่ะ เธอเก่งอยู่แล้ว ช่วยครูหน่อยได้มั้ยคยองซู ? ”

                 ..แต่ว่า

                  นะถือว่าครูขอ ช่วยรวบรวมงานแล้วก็ไปสอนวิชาที่เรียนไปในห้องให้จงอินทีนะจ๊ะ

     

                 ยิ่งนึกคยองซูก็คิดได้ว่าไม่น่าไปรับปากแบบนั้นเลย

     

    จงอินจะคิดกับเขายังไง

                 ทั้งๆที่คยองซูบอกให้จงอินอย่ามายุ่ง แต่เขาดันต้องมาหาจงอินซะเองแบบนี้

     

                 ..เอ่อ..ขอโทษนะครับ กว่าจะทำใจเดินเข้ามาได้ คยองซูคิดแล้วคิดอีกว่าการแต่งตัวของเขาจะสามารถเข้ามาเดินข้างในนี้ได้ไหม ที่นี่มีแต่คนแต่งตัวดีใส่เสื้อแพงๆใส่เสื้อสูทเดินกันเต็มคอนโดไปหมด แต่ก็ไหนๆคยองซูก็มาแล้ว ไว้พี่พนักงานไม่ให้เข้าเขาค่อยเดินออกมาก็แล้วกัน คนตัวเล็กรีบเดินเข้าไปยังล็อบบี้ของคอนโดและเมื่อเห็นพนักงานสาวเดินมาตอบรับก็เอ่ยถามอย่างเกรงใจ

     

                  สวัสดีค่ะ มีอะไรให้บริการรึเปล่าคะ? ” มือเล็กยื่นแผ่นกระดาษที่ในนั้นถูกจดเป็นแผ่นที่อยู่ของคอนโดนี้และหมายเลขห้องของคนที่คยองซูจะต้องมาหาในวันนี้ยื่นไปให้พี่พนักงานดูอย่างกล้าๆกลัวๆ


                  คือผมมาหาเจ้าของห้องนะครับ ต..แต่ว่าถ้าพี่ไม่สะดวกให้ผมขึ้นก็ไม่เป็นไรนะครับ งั้นผมฝากของ  

     

                  “ อย่าดีกว่าค่ะ น้องขึ้นเอาไปให้เองจะดีกว่าค่ะ นี่ค่ะบัตรใช้กดลิฟท์ ทาบบัตรก่อนแล้วค่อยกดชั้นนะคะ ”

     

                  และไม่กี่นาทีต่อมาร่างเล็กๆของคยองซูก็มาหยุดอยู่ที่ประตูหน้าห้องที่มีเลขติดเอาไว้ข้างหน้า คยองซูเงยหน้ามองเลขห้องสลับกับกระดาษที่อยู่ในมือว่ามันตรงกันแล้วแน่ๆใช่ไหม และก็ได้คำตอบว่าห้องนี่เนี่ยแหละ

     

                      ห้อง  812

                     

                      ห้องนี่สินะ

                      รีบให้แล้วรีบกลับดีกว่า

     

     

                      ก๊อก ก๊อกก

     

                      กว่าจะทำใจเคาะได้คยองซูต้องสูดลมหายใจเข้าออกไม่รู้กี่รอบมือเล็กลงมือเคาะลงไปที่ประตูห้องของจงอินอย่างไม่เบาและไม่ดังมากนักเพราะกลัวว่าเสียงเคาะประตูของเขาจะไปรบกวนห้องข้างๆเอาได้

     

                      เขาลืมถามพี่พนักงานข้างล่างด้วยสิว่าจงอินอยู่รึเปล่า

     

                      ทำไมนานจัง

     

                      ผ่านไปนานจนคนตัวเล็กต้องเคาะประตูห้องอีกรอบเผื่อคนในห้องอาจจะไม่ได้ยินเสียงเคาะประตูในตอนแรกของเขา ตามด้วยเอาหน้าแนบไปที่ประตูเพื่อฟังเสียงข้างในห้องที่อาจจะพอให้คยองซูเดาได้ว่ามีใครอยู่ข้างในห้องรึเปล่า

     

                      เข้ามาเลย กูไม่ได้ล็อกรหัสประตู

                     และเมื่อได้ยินเสียงที่คยองซูจำได้ว่ามันคือเสียงของจงอินออกมาจากในห้องคยองซูจึงตัดสินใจเอื้อมมือไปจับลูกบิดประตูห้องและก็พบว่ามันไม่ได้ล็อกตามอย่างที่เจ้าของห้องบอกแล้วค่อยๆเปิดแง้มเข้าไปในห้องอย่างช้าๆ ถึงแม้จะสงสัยนิดๆว่าถ้าเขาเกิดเป็นขโมยขึ้นมาคงเข้าไปปล้นข้าวของในห้องของจงอินได้อย่างง่ายดาย

     

                      ..จงอิน  เอ่อ..เราเข้าไปแล้วนะ

     

          …..

     

          จะได้ยินมั้ยนะ

     

         “ ร..เรา เข้ามาแล้วนะ ” คนตัวเล็กส่งเสียงของตัวเองบอกเป็นมารยาทถึงแม้ว่าจะไม่มีเสียงตอบรับ

     

                      จนปิดประตูห้องเรียบร้อยคยองซูพาร่างเล็กๆของตัวเองค่อยๆเดินเข้าไปอย่างระมัดระวัง ตาก็คอยมองไปรอบๆห้องใหญ่ที่ถูกตกแต่งด้วยโทนสีดำเรียบและถูกจัดแบ่งสัดส่วนไว้อย่างมีสไตล์ ห้องของจงอินมันสวยซะจนเขาไม่รู้เลยว่าจะสามารถพาตัวเองไปอยู่ในส่วนไหนของห้องได้บ้าง

     

                      ไม่กล้าแม้แต่จะเดินเหยียบบนพื้นพรม

                      และเพราะการเข้ามาในห้องไม่ได้เข้ามาด้วยเจ้าของห้องพาเข้ามา คยองซูจึงเลือกเดินไปยืนรออยู่ตรงข้างๆประตูที่คยองซูเดาว่ามันอาจจะเป็นห้องที่มีจงอินอยู่ก็เป็นไปได้เพราะเสียงของกึกกักอยู่ข้างใน และก็ต้องสะดุ้งเมื่ออยู่ๆประตูบานนั้นก็ถูกเปิดออกมาอย่างรวดเร็ว

     

     

                      มึงมาหากูแต่เช้ามีอะไรวะไอ้ชานย….!!! ” ร่างสูงเดินออกมาจากห้องนอนกะจะเดินมาถามไอ้เพื่อนรักที่แวะมาเยี่ยมแต่เช้าว่ามีอะไร มือข้างนึงก็หยิบผ้าขนหนูขึ้นมาเช็ดผมสีสว่างของตัวเองที่เปียกชุ่มไปด้วยหยดน้ำอีกข้างก็ขยับประชับผ้าขนหนูอีกผืนที่พันอยู่ที่ท่อนล่าง แต่ก็ต้องชะงักเบิกตากว้างเมื่อเงยหน้าขึ้นมาและกลับพบว่าใครที่เข้ามาในห้องไม่ใช่คนที่ตัวเองเข้าใจ

     

                     

     

                      “ เห้ยย!  อะ ไอ้มิ! เข้ามาได้ยังไง

     

                      ก็จงอินเป็นคนบอกให้เราเข้ามานี่คยองซูไม่ได้โกหก เขาได้ยินเสียงร่างสูงบอกให้เข้ามาได้จริงๆนะ  ดวงตากลมโตหลบสายตาเมื่อได้ยินเสียงบ่นสถบของจงอินว่า ให้ตายสิ ไม่ใช่ไอ้ชานยอลหรอวะ’ สงสัยว่าเขาจะมาเพื่อสร้างความลำบากใจให้กับคนอื่นอีกแล้ว

     

                      เราเราขอโทษ เรานึกว่าจงอินจะรู้

     

                      เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน ว่าแต่มาทำอะไร?

     

                      เอ่อ จงอินไม่ไป เอ่อ ใส่เสื้อผ้าหรอ ” เมื่อเห็นสภาพของจงอินตอนนี้ คยองซูก็คิดว่าเขาลำบากใจนิดหน่อยที่ต้องมายืนคุยเรื่องสำคัญกับจงอินที่พันแค่ผ้าขนหนูหลวมๆไว้ที่เอว  ครั้งแรกที่เห็นหุ่นของจงอิน คยองซูไม่แปลกใจเลยว่าทำไมจงอินถึงได้เป็นไม้แขวนเสื้อผ้าให้กับแบรนด์ดังๆในประเทศอยู่หลายแบรนด์ คยองซูว่าจงอินคงผ่านการออกกำลังกายมาอย่างสม่ำเสมอแน่ๆเลย พอมาเทียบกับตัวเองแล้วก็อดอิจฉาจงอินไม่ได้

     

     

                      ทำไมหุ่นเรากับหุ่นจงอินมันคนละไซส์กันเลย

     

                      ทำไม?  ” ท่าทางที่ทำให้จงอินต้องก้มมองตัวเองแล้วยักไหล่ถามออกมา เอาจริงๆเขาก็แอบประหม่านิดๆที่ต้องแสดงตัวในชุดแบบนี้ต่อหน้าไอ้มิ แต่ไหนๆก็ไหนๆ เขาก็แค่อยากจะรู้ว่าไอ้มิมันจะทำยังไงต่อ

     

                      ปะ เปล่า เราก็แค่.. ”

     

                      หรือว่า…

     

                      มึงเขินกูหรอไอ้มิ? ” จงอินหรี่ตาลงอย่างจับผิด เมื่อสังเกตเห็นว่าคยองซูไม่ยอมสบตามองหน้าเขาตั้งแต่เมื่อกี้ และเมื่อถามไปก็ได้ปฎิกริยาตอบรับจากคนตัวเล็กกลับมาคือดวงตากลมๆใต้แว่นตานั้นเลิกลั่กไปมาและแก้มขาวที่ดูเหมือนจะเปลี่ยนเป็นสีชมพูจางๆนิดๆ


                      น่าแกล้งชะมัด

     

                      “ อายทำไม มึงกับกูก็มีเหมือนกัน  


                      “…..”


                      จะพูดกันก็มองหน้า มองหน้ากูไอ้มิ ” จงอินเดินเข้าไปใกล้คนตัวเล็กที่เอาแต่หลบตาอยู่แบบนั้น เชยคางเล็กให้ขึ้นมาสบตากับเขา ดวงตากลมโตไหววูบเล็กน้อยเมื่อคยองซูต้องมาสบตากับคนตรงหน้าใกล้ๆแบบนี้ ก่อนที่จงอินจะยกยิ้มขึ้นมาอย่างที่คนมองไม่เข้าใจว่าจงอินคิดจะทำอะไร จงอินชี้ลงไปที่กล้ามเนื้อท้องเป็นลอนสีน้ำผึ้งของตัวเองจนคนตัวเล็กต้องมองตาม

     

         หมับ

     

                      “ จับได้นะลองมั้ย? ถ้าเป็นมึงกูให้จับฟรีไม่คิดตังค์ ” จงอินพูดก่อนจะคว้ามือเล็กให้มาทาบที่หน้าท้องของตัวเองตำแหน่งเดียวกับที่เสนอเอาไว้ การกระทำที่เรียกให้ดวงตากลมโตเบิกกว้างขึ้นอย่างตกใจ  

     

                      เฮือกก!!

     

                      เห้ยยย!! / อ๊ะ!! ”  และเหมือนว่าการที่อยากจะแค่แกล้งเล่นๆของจงอินจะทำให้คนตัวเล็กตกใจ มือที่ถูกให้ทาบกับหน้าท้องก็สะบัดออกจนเผลอไปปัดผ้าขนหนูห่อเอวของจงอินลงอย่างแรงจนมันค่อยๆคลายออกและหลุดลงไปกองแทบเท้า

     

                      ไอ้มิ!! ”

     

                      ฮื่ออ เราขอโทษ ร..เรา ไม่ได้ตั้งใจ!”

                     


     



                     

     


     

                      เดี๋ยววันจันทร์กูเข้าไป เออ กูดูแล้วพอจะว่างบ้างอืม ” เสียงทุ้มที่กำลังคุยกับใครสักคนในโทรศัพท์ยังคงดังลอดออกมาให้คนที่นั่งรออยู่บนโซฟาได้ยินเป็นระยะ หลังจากที่โดนร่างสูงสั่งให้เขามานั่งรอ ก่อนเจ้าตัวจะเดินเข้าไปในห้องที่เพิ่งจะออกมาโดยเอ่ยกับเขาสั้นๆว่า ‘ เดี๋ยวมา

     

     

                      และก็รอเพียงไม่นานร่างสูงของจงอินก็เดินออกมาจากในห้อง เสียงสลิปเปอร์ที่ร่างสูงใส่ดังเข้ามาใกล้จนคนรอต้องหันไปมอง จงอินที่แต่งตัวด้วยเสื้อแขนยาวสบายๆกับกางเกงยีนต์กำลังเดินถกแขนเสื้อให้สั้นขึ้นไปอยู่ที่ตรงข้อศอก โดยที่เมื่อสายตาของทั้งคู่สบกัน ภาพเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดไปเมื่อกี้ก็ฉายขึ้นมาในหัวจนทำให้ต่างคนต่างก็ต้องเลื่อนสายตาไปทางอื่นกันแทบไม่ทัน มือเล็กบีบเข้าหากันแน่น เขารู้สึกเหมือนว่าหน้าเขาจะร้อนเห่อขึ้นมาอีกแล้วเพราะได้สบตากับจงอินเมื่อครู่นี้  

     

                      ฮื่อออ ไม่คิดสิ ต้องไม่คิดนะคยองซู

     

                      “…..”

                      “…...”

     

         ความอึดอัดที่เกิดขึ้นในตอนนี้มันคืออะไรกัน

     

                      เสียงสลิปเปอร์ของจงอินก็ยังคงดังอย่างต่อเนื่อง แต่ไปที่ไหนคยองซูก็ไม่รู้หรอกและไม่คิดจะเงยขึ้นไปมองอีกรอบด้วย เลยทำได้แค่นั่งรอจนกว่าจงอินจะเดินมา และก็ต้องสะดุ้งเมื่อรับรู้ได้ว่าจงอินเดินมานั่งลงตรงข้ามเขาพร้อมกลิ่นน้ำหอมอ่อนๆที่คยองซูว่ามันก็หอมดี คนตัวเล็กต้องขมวดคิ้วทันทีเห็นว่าจงอินกำลังนั่งกับพื้นพรม

     

                      “ ขมวดคิ้วทำไม นั่งบนโซฟาไป…กูจะนั่งตรงนี้ ” และดูเหมือนว่าจงอินจะรู้ว่าคยองซูคิดอะไรอยู่

     

                      ..ทำไม จงอินเป็นเจ้าของห้อง ให้เรานั่งบนโซฟาแต่จงอินนั่งที่พื้นมันจะดีหรอ ” ที่บนโซฟาออกเยอะแยะทำไมต้องลงไปนั่งบนพื้นแบบนั้น มันยิ่งทำให้คยองซูอึดอัดใจเข้าไปใหญ่

     

     

                      ไม่ทำไม กูนั่งตรงนี้แล้วเห็นหน้ามึงชัดดีกูก็จะนั่งแค่นั้นแหละ” พูดเหมือนประโยคเมื่อกี้เป็นเพียงประโยคบอกเล่าธรรมดาแต่มันรู้สึกเหมือนว่าจะไม่ธรรมดาสำหรับคนฟัง คยองซูไม่รู้เหมือนกันว่ามันเป็นเพราะมาจากเหตุการ์ณเมื่อกี้รึเปล่า ที่ดูเหมือนว่าจงอินจะพูดอะไรมันก็ทำให้เขารู้สึก เขิน ขึ้นมา

     

                      “ ง..งั้นเราลงไปนั่งบนพื้นกับจงอินด้วยดีกว่า ” พูดเสร็จก็พาร่างเล็กๆของตัวเองลงมานั่งให้เสมอจงอินทันที ก็จะให้เขานั่งบนโซฟาทั้งๆที่เจ้าของห้องนั่งพื้นแบบนั้นหรอ คยองซูทำไม่ได้หรอก

     

                      หึหึ  แล้วนี่มาทำไม ยอมให้กูยุ่งด้วยแล้วรึไง? ” คำถามที่ทำเอาคยองซูต้องเม้มปากเข้าหากันแน่น นึกไปถึงคำพูดที่เขาได้เคยพูดเอาไว้กับจงอิน 

     

                      อย่ามายุ่งกับเราเลยนะ

                     

                      หลังจากวันนั้นคยองซูก็พยายามหลบหน้าจงอินตลอด แล้วก็พอดีกับที่จงอินไม่ค่อยได้เข้าเรียนเพราะรับงาน จนมาวันนี้ไอ้มิมันกลับเข้ามานั่งอยู่ในห้องเขาเสียเอง

     

                      “ ครูบอกให้เราช่วยเอาชีทเรียนมาให้จงอินน่ะ ”

     

                      อืม แล้วไงต่อ…” แขนของจงอินก็ถูกยกขึ้นมาเท้าไว้กับคาง ตาก็ยังคงจ้องมองมาที่คนตรงหน้าอย่างตั้งอกตั้งใจฟังคำอธิบายของคยองซู

     

                      แล้วก็มาช่วยทบทวนวิชาที่เรียนไปเพราะจงอินไม่ค่อยได้มาเข้าเรียน

     

                      “…”

     

                      “ ร..เราเข้าใจว่าจงอินคงลำบากใจที่เรามาหา แต่เรารับปากกับครูเอาไว้แล้วจริงๆ ”

     

                      “....”

     

                      “ เรามารบกวนจงอินแค่วันเสาร์อาทิตย์เท่านั้นเองแต่ถ้าจงอินไม่ว่างเสาร์อาทิตย์ก็ได้นะ จะให้เรามาหาวันธรรมดาก็ได้แต่ดึกมากไม่ได้นะ เพราะเดี๋ยวเราต้องกลับไปโดนหม่าม๊าว่าอีก ฟังนานๆแล้วหูชาเลยอ่ะ ”

     

                      “ …. ”

     

                      แต่บางทีถ้าสุดวิสัยจริงๆหม่าม๊าเราก็ไม่ได้ว่าอะไรเท่าไหร่นะ ม๊าเราแค่เป็นห่วงเพราะเวลาเรากลับบ้านดึกๆเราจะชอบหลงทางทุกทีเลย เอ่ออเอาเป็นว่าเราขอมารบกวนจงอินไม่นานเท่านั้นเอง ...ได้มั้ย

                     

                      “….”

     

                      เอ่อออ จ..จงอิน ” เมื่อไม่ได้รับเสียงตอบใดๆคยองซูก็เลยต้องเงยหน้าขึ้นมามองคนตรงข้ามว่าเมื่อกี้ที่เขาพูดไปจงอินได้ฟังอยู่รึเปล่า ความประหม่าที่มีอยู่ไม่น้อยมันทำให้คยองซูไม่สามารถจ้องไปที่ร่างสูงได้นาน แต่เหมือนจงอินจะไม่ได้รู้สึกแบบเดียวกับเขาเพราะคยองซูก็รับรู้ได้ตลอดเวลาว่าจงอินจ้องเขามานานแค่ไหนแล้ว เพียงแค่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นไปมองเท่านั้นเอง

     

                      “ อืม พูดไปสิ กูฟังอยู่ ” คยองซูเห็นว่าเมื่อกี้จงอินแอบยิ้มเมื่อเห็นว่าเขากำลังทำตัวไม่ถูก แขนก็ยังคงเท้าคางมองเขาอย่างสบายใจราวกับไม่คิดว่าตัวเองเป็นคนทำให้เขาต้องเกร็งขนาดนี้

     

     

                      รอยยิ้มที่ดูเหมือนว่าจะทำให้ใจของคยองซูเต้นไม่เป็นจังหวะ

                     

                      คยองซูเคยบอกหรือเปล่าว่าสิ่งที่ทำให้จงอินเป็นจงอินมากที่สุดคือเวลาที่ร่างสูงยิ้ม ถึงแม้ว่าบ่อยครั้งจงอินจะทำหน้าขรึมๆอยู่ตลอดเวลาแต่คยองซูเชื่อว่าถ้าใครได้เห็นรอยยิ้มของร่างสูงตรงหน้าแล้วก็คงอยากจะเห็นรอยยิ้มนั้นอีกเรื่อยๆ จงอินยิ้มแล้วมันดีมากจริงๆนะ

                     

                      “….”

     

                      “….”         

     

                      ก็จงอิน ..จ้องเราแบบนี้ ใครจะไปพูดต่อได้เล่ามือเล็กยกขึ้นกระชับแว่นเล็กน้อยราวกับประหม่ากับการที่ต้องเป็นเป้าสายตาให้จงอินจ้องมอง

     

                      “ เรื่องเมื่อกี้…

     

                      กึก!

     

                      คยองซูชะงักทันทีเมื่อได้ยินว่าคนตรงหน้าจะพูดอะไร เรื่องเมื่อกี้มันก็มีอยู่เรื่องเดียวนี่หน่า

     

                      ตะกี้ เราเราไม่เห็นอะไรจริงๆนะ ” รีบพูดสวนขึ้นทันทีเมื่อเดาได้ว่าจงอินกำลังจะพูดอะไร จะว่าคยองซูร้อนตัวก็ได้ แต่เพื่อเป็นการไม่ทำให้จงอินรู้สึกอายคยองซูก็จำเป็นที่จะต้องเอ่ยปากโกหกออกไป

     

     

     

        “ เดี๋ยว กูก็ยังไม่ได้ว่าอะไรหนิ ” อดขำไม่ได้เมื่อเห็นว่าตากลมๆนั้นตื่นตระหนกแค่ไหนเมื่อเขาแค่พูดแหย่ ไอ้การที่คยองซูจะเห็นอะไรหรือไม่เห็นอะไรจงอินก็ไม่ได้คิดมากแต่ดูเหมือนว่าจะมีคนที่คิดมากว่าเขาที่เป็นฝ่ายเสียหายซะอีก มีใครเคยบอกคยองซูรึเปล่าว่าตัวเองโกหกไม่เนียนแค่ไหน ดูได้จากท่าทางลุกลี้ลุกลนกับใบหูที่แดงฉ่าเพราะคงจะเขินอาย ดูแล้วมันน่าแกล้งดีจริงๆ

     

                      เราก็แค่อยากบอกจงอินเท่านั้นเองว่าเราไม่ได้ตั้งใจ จะปัด เอ่อ ผ้าขนหนูของจงอินแบบนั้นนะ

     

                      “ หรอ…แต่กูเสียหายนะว่ามั้ย

     

                      แล้วจงอินจะให้เราทำยังไง ” เอ่ยเสียงแผ่ว น้ำเสียงของคยองซูตอนนี้รู้สึกผิดเสียเต็มประดาที่เขาต้องทำให้จงอินรู้สึกเสียหาย 

     

                      มึงต้องรับผิดชอบกู

     

                   ..แต่

     

                       “….”

     

                       “ …ก็ได้ ล..แล้วจะให้เราทำยังไง ” เหมือนว่าเมื่อกี้ที่ค้านไปจะไร้ประโยชน์ในเมื่อคยองซูเป็นคนผิดเต็มๆ จึงต้องเอ่ยถามสิ่งที่คนตรงหน้าต้องการด้วยเสียงเบา แต่เมื่อเอ่ยออกไปคยองซูมั่นใจว่าเขาเห็นจงอินยิ้มแบบแปลกๆ ก่อนจะต้องผละไปด้านหลังเมื่ออยู่ๆจงอินก็ลุกเอามือยันที่โต๊ะกลางก่อนจะค่อยๆใช้มือข้างที่ยังว่างอยู่เอื้อมไปจับปลายผมนุ่มของคนตัวเล็ก โน้มตัวก้มลงไปพูดที่ข้างหูของคยองซู

     

     

     

                      “ มึงก็แค่ เลิกกลัวกู เลิกหลบหน้าแล้วมาอยู่ใกล้ๆกู ตามใจกูทุกอย่าง เป็นไอ้มิของกูด้วย แค่นั้นมึงทำได้ไหม? ” มือใหญ่ยังคงจับเล่นที่ปลายผมหอมๆของคนตัวเล็กอยู่แบบนั้น ยกยิ้มเมื่อเห็นว่าหน้าของไอ้มิแสดงออกอย่างชัดเจนว่าหน้าเล็กๆผ่านใต้กรอบแว่นนั้นมันแดงเหมือนลูกมะเขือเทศที่คนตัวเล็กไม่ชอบกินแค่ไหน ไอ้มิของเขาน่ารักจริงๆให้ตายสิ

     

           ใครจะรู้ว่าเนี่ยแหละเป็นสิ่งที่จงอินต้องการสำหรับวันนี้

     


           จะว่าไปคยองซูคงจะไม่ได้สังเกตเลยซักนิดว่าคอนโดระดับ5ดาวใจกลางเมืองแบบนี้ การรักษาความปลอดภัยก็ต้องขึ้นชื่อ การจะปล่อยให้คนนอกเข้ามาและขึ้นไปสุ่มสี่สุ่มห้าแบบนี้แทบจะไม่มีความเป็นไปได้ นอกเสียจากจะได้รับอนุญาติจากเจ้าของห้องในคอนโดเอาไว้แล้วล่วงหน้า

     

     


              




    Hello, is it me you're looking for? 

    555555555 ใจเย็นๆนะทุกคนนนนน
    ทำไมมีแต่คนคิดว่ามิตั้งใจปัดผ้าจงอินด้วยคะ
    น้องมิใสจะตายบอกเลยย!! ตอนนี้ก็ไม่มีอะไรมากใสๆกันไป

    อย่าเบื่อก็แล้วกันรอออ่านไปจนกว่าอิจงอินจะได้เลี้ยงนกนะคะ
    เขายังไม่ได้กัน โอเคนะ จบจ่ะ 5555555


    อิอิ แล้วเจอกันค่ะ





    (c)  Chess theme    


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×