ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (END) ก็คนมันชอบ...좋아해 ♡ - KAISOO

    ลำดับตอนที่ #4 : CHAPTER 03

    • อัปเดตล่าสุด 4 พ.ย. 59











    03


     

     

    ลมอะไรหอบให้มึงมาเช้าได้ล่ะ คนเขาเลิกจ้างมึงแล้วหรอวะ ” เมื่อเปิดประตูห้องซ้อมดนตรีเข้ามาชานยอลก็ต้องเอ่ยปากแซวเมื่อเห็นร่างของคิมจงอิน นั่งกอดอกคิ้วขมวดอยู่ที่โซฟา

     

                 นานๆทีชานยอลจะเห็นหัวสว่างๆของจงอินมานั่งอยู่ในห้องก่อนเขาจะมา ปกติแล้วถ้ามันไม่ได้รับงานเดินแบบถ่ายแบบอะไรตั้งแต่เช้า ก็โน่นแหละสายๆหรือไม่ก็เที่ยงๆถึงจะได้เห็นหน้าเลยแซวมันสักหน่อยว่าโดนเลิกจ้างให้ไปถ่ายแบบแล้วหรอถึงมาให้เขาเห็นก่อนโรงเรียนเข้าแบบนี้

     

    มึง กูถามอะไรหน่อยดิจู่ๆ จงอินที่นั่งอยู่บนโซฟาก็ขยับท่าทางมาจ้องหน้า ชานยอลอย่างจริงจังทำเอาคนถูกถามที่กำลังเดินมาวางกระเป๋าบนโต๊ะต้องหันมามอง

     

    แม่งมาโหมดจริงจัง

     

    อะไรล่ะ ชานยอลพูดตอบแล้วเดินไปหยิบขวดน้ำก่อนจะไปเลื่อนเก้าอี้ข้างๆมาไว้ใกล้ๆเพื่อนเพื่อฟังปัญหาหนักอกของมัน

     

    “ มึง เคยเลี้ยงนกไหมวะ

     

    ก็มีบ้างตอนกูเด็กๆ ม๊ากูชอบ คือกูไม่เข้าใจ กะอีแค่เรื่องนกมึงจะต้องทำหน้าเครียดอะไรขนาดนั้น ” 

     

    แล้วถ้าจะเลี้ยง ต้องทำไง

     

    และมันจะมีสักครั้งไหมที่มึงจะตอบในสิ่งที่กูถามบ้างไม่ใช่ปล่อยให้กูถามเก้ออยู่แบบนี้อะ

     

    “ ก็ซื้อดิ นี้มึงไม่สบายหรอ ”

     

    แต่นกที่กูจะเลี้ยงมันไม่มีขายว่ะ กูต้องทำยังไงวะ

     

    “ เดี๋ยวนะ แล้วมึงจะเลี้ยงนกอะไร

     

    นกอะไรของมันวะ ไม่มีขายด้วยแล้วเสือกอยากจะเลี้ยง

     

    นกฮูก

     

    “ พรวด!! แค่กๆๆ นกฮูกเนี่ยนะ ” พอเจอคำตอบของคนตรงหน้าเข้าไปชานยอลที่ยกน้ำดื่มไปเมื่อกี้ถึงกับสำลักจนต้องยกมือขึ้นทุบๆอกตัวเองให้น้ำมันไหลลงคอ

     

    โห กูขอเวลาเช็ดน้ำบนหน้าบนเปลือกตากูก่อน   มึงทำกูสำลักจนมาถึงเปลือกตาเลยอ่ะมึงคิดดู

     

    “ เออ! นกฮูก ”

     

    นี่จงอินมันแอดว๊านถึงขนาดจะเลี้ยงสัตว์หายากแล้วหรอวะ

    หรือเดี๋ยวนี้เทรนเขากำลังฮิตจะเลี้ยงนกฮูกกัน กูไม่เข้าใจ กูเอ้าท์   

     

    อย่าบอกนะว่าเมื่อวานที่ว่ามึงไปส่องนกนี่คือ..นกฮูก?ที่ชานยอลถามเนี่ยก็ไม่ได้ต้องการคำตอบหรอก ถามไปงั้นแหละ เพราะยังไงก็รู้อยู่แล้วว่ามันถามถึงนกฮูกมันคงจะไม่ได้ไปส่องนกแก้วนกขุนทองหรอก

     

    อืม กูไปส่องนกฮูกมา 

     

              “ เออๆ กูไม่รู้หรอกว่านกฮูกมันเลี้ยงยังไง แต่ถ้ามึงจะเลี้ยงนก มึงก็ต้องเริ่มจากให้มันเห็นหน้าบ่อยๆ เล่นกับมันให้อาหารมันจนกว่ามันจะจำได้ว่ามึงเป็นเจ้าของ

     

                 “….”

     

                 เรียกชื่อมันบ่อยๆ เดี๋ยวมันก็จำได้เองว่ามึงเป็นเจ้าของมัน

     

                  “….”

     

                   “ นกบางตัวนิสัยมันก็ไม่เหมือนกันนะเว้ย บางตัวถ้ามันคุ้นเคยกับเจ้าของ มันก็จะยอมให้ลูบให้จับยอมให้เอาขึ้นบ่า ติดคนเลี้ยงชิบหาย ”

     

                    “ …หรอวะ

     

                    เดี๋ยวๆ ทำไมหน้ามึงดูเจ้าเล่ห์ยังไงไม่รู้ หรือกูคิดไปเอง ? ”

     

                     “ เปล่าหนิ คิดมาก  

     

     

     

     

     

     

     

                      ภายในห้องเรียนเมื่อครูสอนจบคลาสตอนเช้าก็เต็มไปด้วยเสียงพูดคุยของเด็กนักเรียนเต็มไปหมดบางก็ลุกจากเก้าอี้เพื่อออกไปพักกลางวัน  บ้างก็ยังคงอยู่คุยเล่นกันเม้าส์กันเสียงดังไปหมด หนึ่งในนั้นที่ยังไม่คิดจะลุกออกจากเก้าอี้คือ คยองซู ไอ้คนตัวเล็กที่คิมจงอินยืนพิงกำแพงหน้าห้องเรียนรออยู่ตั้งนานสองนาน

     

                      ‘ แต่ถ้ามึงจะเลี้ยงนก มึงก็ต้องเริ่มจากให้มันเห็นหน้าบ่อยๆ เล่นกับมันให้อาหารมันจนกว่ามันจะจำได้ว่ามึงเป็นเจ้าของ

     

                      และดูเหมือนเวลาที่จงอินรอคอยก็สิ้นสุดลง เมื่อเห็นร่างเล็กๆของคยองซูเดินออกมาจากห้อง ในมือก็เหมือนว่าจะถือน้ำกับกล่องข้าวกำลังจะเดินไปไหนสักแห่งจงอินก็ไม่รู้หรอก รู้แต่ตอนนี้เขาต้องรีบไปแสดงตัวเพราะเขาคิดว่าเมื่อกี้ที่คนตัวเล็กเดินผ่านคงจะไม่เห็นเขาที่ยืนพิงกำแพงรอเป็นแน่

     

     

                      เดี๋ยว! ” ต้องขอบคุณช่วงขายาวๆของตัวเองที่สามารถก้าวไปตัดหน้าอีกคนเอาไว้ได้จนคนตัวเล็กแถบจะหน้าทิ่มอกเขาอยู่แล้วถ้าไม่ติดว่าหยุดทัน

     

     

          “ เอ่ออจ..จงอิน มีอะไรกับเราหรอ ? ” ดันแว่นขึ้นเล็กน้อยก่อนจะเหลือบตามองร่างสูงที่มายืนขวางเขาเอาไว้อย่างกล้าๆกลัวๆ 

     

          ทำไมจงอินต้องจ้องกันขนาดนั้นด้วย

     

          “ กูมาทวงคำขอบคุณ

     

          “ ต..แต่เราก็ขอบคุณจงอินไปแล้ว… ”

     

          “ ตอนนั้นกูยังไม่รับ ตอนนี้กูหิวข้าวและมึงไอ้มิ มึงต้องไปกินข้าวกับกู ” ถึงจะจำได้ว่าคยองซูขอบคุณเขาไปแล้ว แต่มันไม่ใช่ประเด็น จงอินยอมรับว่ามันก็แค่ข้ออ้าง ไอ้เรื่องที่เขาหิวก็ข้ออ้างอีกนั้นแหละ เพราะตอนนี้เขาไม่ได้หิวอะไรขนาดถึงจะต้องมาดักรอให้ไอ้มิไปกินด้วยหรอก


           อ๋อแล้วที่เรียกว่าไอ้มิ ก็เพราะว่าเขาว่าคนตรงหน้าเหมาะกับการที่เขาจะเรียกว่าไอ้มิดี ไม่รู้ทำไม รู้แต่เขาชอบ จบนะ

      

           “ เอ่ออ จงอินแน่ใจหรอ ว่าอยากจะให้เราไปกินข้าวเป็นเพื่อน ” และดูเหมือนว่าคยองซูจะไม่ทันได้ยินชื่อใหม่ของตัวเอง คนตัวเล็กมองไปรอบๆตัวเขาทั้งสองคน ที่ดูเหมือนจะมีสายตาของใครหลายๆคู่ที่กำลังจ้องมองและให้ความสนใจมาที่พวกเขา

     

           “ ทำไมล่ะ ”

     

           “ เราไม่อยากให้จงอินดูไม่ดีน่ะ

     

           “ ถ้ามันจะดูไม่ดีนั่นมันก็เรื่องของกู แล้วการที่กูจะชวนมึงไปกินข้าวมันก็ไม่ได้เป็นเรื่องไม่ดีตรงไหน

     

           “ ต..แต่ว่า

     

           “ ก็แค่ไปกินเป็นเพื่อนกูหน่อย ได้หรือเปล่าล่ะ ”

     


     

     

     

     



     

    “ ขึ้นมากินที่นี่ทุกวันเลยหรือไง? ” ดวงตาของจงอินมองออกไปรอบๆบริเวณที่เขาอยู่ มองไปทางไหนก็เจอแต่รั้วกั้นขอบดาดฟ้า ใช่ ไอ้มิพาเขาขึ้นมานั่งที่ดาดฟ้าของโรงเรียน ที่ๆจงอินไม่เคยจะได้ขึ้นมาเลยซักครั้ง อาจจะเป็นเพราะที่ดาดฟ้าโรงเรียนเป็นที่ๆไม่ค่อยน่าขึ้นมานั่งเล่นนั่งกินอาหารแบบนี้สักเท่าไหร่ ส่วนใหญ่ก็เป็นที่เก็บพวกโต๊ะเก้าอี้ที่ชำรุดแล้ว บ้างก็พวกบอร์ดหรือป้ายประกาศของโรงเรียน เรียกได้ว่าเป็นห้องเก็บของลอยฟ้าของโรงเรียนดีๆนี่เอง

     

     

    และเขาก็ไม่เคยคิดมาก่อนว่าบรรยากาศมันจะดีกว่าที่จินตนาการเอาไว้เยอะถ้าไอ้มิไม่พาเขามาเขาก็คงไม่มีวันขึ้นมาเหยียบที่นี่เป็นแน่

     

    จงอินให้เรามากินข้าวเป็นเพื่อน  แต่ทำไมจงอินกลับเอาแต่นั่งมองเรากิน ? ” หลังจากที่ต้องยอมแพ้กับคำขอร้องของจงอิน คยองซูก็ตัดสินใจพาจงอินขึ้นมาในที่ๆ เรียกได้ว่าเป็นที่ลับของคยองซูเลยก็ว่าได้ เป็นเพราะดาดฟ้าไม่ค่อยจะมีเด็กนักเรียนขึ้นมาสักเท่าไหร่ ในตอนกลางวันของทุกวันคยองซูก็จะถึงมานั่งกินข้าวกลางวันเงียบๆอยู่คนเดียวจนกว่าจะหมดคาบพักเที่ยง

     

                และที่ต้องเอ่ยคำถามนั้นออกไปกับร่างสูงข้างๆตัว เป็นเพราะตั้งแต่ขึ้นมาคยองซูก็ไม่เห็นว่าจงอินจะแตะแซนวิชที่คยองซูเป็นคนแบ่งให้จงอินกินเลยสักนิด ทั้งๆที่ก็บอกแล้วว่าจะให้เขาไปซื้ออาหารที่โรงอาหารให้ก่อนไหม แต่คนข้างๆกับปฎิเสธจนคยองซูต้องตามใจ

     

                 ไหนบอกว่าหิวไง

     

    แค่เห็นมึงกิน กูก็อิ่มแล้ว แล้วนั่นทำไมมึงถึงไม่กินมะเขือเทศ ” หลังจากที่จ้องคนตัวเล็กข้างๆตัวมานาน ก็เห็นว่าก่อนจะกิน ไอ้มิมันจะต้องเขี่ยเอามะเขือเทศออกไปจากแซนวิชก่อนจะกิน

     

    เอาจริงๆว่าการที่เข้านั่งมองไอ้มิกิน มันทำให้เขารู้สึกเพลินยังไงไม่รู้ ท่าทางเกร็งๆที่ต้องอยู่กับคนแปลกหน้าของไอ้มิมันดูตลกดี เวลาจะกินก็ต้องค่อยๆเหลือบมองเขาเป็นระยะๆ แต่ก็ไม่ได้พูดว่าอะไรเขาสักคำเมื่อเขาจ้องมองแบบไม่วางตาแบบนี้

     

     

                  “….”

     

                  ตัวก็เล็กแค่นี้ยังจะเลือกกินอีก ” คำพูดที่ทำให้คนที่โดนว่าชะงักไปนิดนึง คิ้วยุ่งพันกันไปหมดอย่างที่จงอินเดาได้ไม่ยากว่าไอ้มิมันคงกำลังขัดใจกับคำพูดของเขาอยู่เป็นแน่

     

                   เราไม่ชอบกิน แต่เดี๋ยวเราจะกินให้ดูก็ได้ ” คล้ายๆ อยากอวดว่าที่ไม่กินจริงๆก็กินได้นะ มือเล็กก็ตัดสินใจหยิบชิ้นมะเขือเทศที่เขี่ยแยกเอาไว้ขึ้นมา

     

                   ทำอะไรจะกินหรือไง? ” จงอินเลิกคิ้วถามเมื่อเห็นว่าไอ้มิกำลังหยิบสิ่งที่ไม่ชอบเข้าปากโดยที่มือเล็กก็ยกขึ้นบีบจมูกของตัวเองเอาไว้แน่นจนจงอินเห็นว่าจมูกเล็กๆนั้นขึ้นสีแดงระเรื่อนิดๆแล้ว กว่าจะได้คำตอบก็ตอนที่คนตัวเล็กกลืนลงไปแล้วยกน้ำขึ้นดื่มเหมือนจะอยากให้มันลงไปในท้องเร็วๆ

     

                   “ ก็..แม่เราบอกว่าถ้าไม่อยากกินแค่บีบจมูกตอนกินก็จะทำให้กินได้ แต่เราว่าเราทำไม่ค่อยได้เท่าไหร่ หายใจไม่ทันทุกทีเสียงใสเอ่ยอธิบายด้วยท่าทีที่ดูยังไงก็เหมือนเด็กน้อยที่ขัดใจกับวิธีแก้ปัญหาแต่ก็ยังทำ คนตัวเล็กตัดสินใจวางของในมือไว้ข้างๆตัว ก่อนมือก็ยกขึ้นลูบที่ปลายจมูกของตัวเองที่บีบเอาไว้เมื่อกี้ไปด้วย

     

                    “ ฮ่าๆ ปัญญาอ่อนชะมัด ” จนคนมองอดหลุดขำออกมาเสียไม่ได้

     

       “ …จงอินใจดีจัง ” จู่ๆ คนข้างๆก็หันมายิ้มแล้วเอ่ยพูดชมเขาขึ้นมา

     

                    ใจดี? ”

     

                      อื้อ ” คนตัวเล็กหันมาจ้องหน้าจงอินก่อนจะพยักหน้ารับอย่างกระตือรือร้นราวกับว่าสิ่งที่พูดไปเมื่อกี้คยองซูไม่ได้โกหก และหันกลับไปทางเดิมแล้วพูดในสิ่งที่คิดออกมา

     

         “ ก็ทั้งๆที่คนดังๆอย่างจงอิน แทบไม่มีความจำเป็นเลยที่จะมาคุยกับคนอย่างเรา ปกป้องเรา ทั้งๆที่คนอื่นๆยังไม่ค่อยอยากจะเข้ามายุ่งกับเรา โดยที่จงอินไม่กลัวเลยสักนิดว่าอาจจะทำให้จงอินดูไม่ดีถ้ามาคุยกับเรา… ”

     

                      “….” จงอินยังคงจ้องมองด้านข้างของคนตัวเล็กที่กำลังพูดไปเรื่อยๆ  บหน้าด้านข้างที่มีแว่นหนาๆมาบดบังหน้าเล็กๆ ตาโตๆ แต่ทว่าเขากลับรู้สึกว่าแว่นตาเชยๆนั้นมันไม่สามารถบังความใสซื่อที่ติดจะน่าเอ็นดูของคนตัวเล็กให้น้อยลงเลยสักนิดเดียว น่ารัก คำที่พรุดขึ้นมาในหัวของจงอินในตอนนี้

     

                      ยิ่งได้เห็น ยิ่งได้รู้จัก ก็ยิ่งทำให้จงอินสงสัยคนที่ชอบเอาเปรียบชอบแกล้งไอ้มิ พวกนั้นถ้าเกิดว่าได้มารู้จักกับไอ้มิจริงๆแล้ว คนพวกนั้นจะยังอยากทำแบบนั้นอยู่อีกหรือเปล่า สิ่งที่คนอื่นไม่รู้เกี่ยวกับคยองซู เขาอาจจะเป็นคนแรกที่ได้รับรู้

     

     

                      สิ่งที่คนอื่นไม่รู้ แต่วันนี้จงอินได้รู้เกี่ยวกับไอ้มิ

                      ไอ้มิมัน…ยิ้มเก่ง

     

     

                      “ ..ถึงแม้ว่าจงอินจะมาคุยกับเราเพื่ออยากจะได้คำขอบคุณจากเราก็เถอะ แต่เราก็คิดว่าจงอินใจดีกับเรามากจริงๆ  ขอบคุณ !!!!!

     

         คนตัวเล็กยังไม่ทันจบประโยคดี จงอินก็ทำในสิ่งที่เขาเองก็ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้เหมือนกันราวกับว่ามันเป็นไปตามอารมณ์ที่ไม่สามารถใช่ความนึกคิดมายับยั้งได้ ริมฝีปากของเขาตรงเข้าไปกดจูบลงบนแก้มขาวๆที่จงอินไม่คิดว่ามันจะนุ่มจนไม่เขาคิดอยากจะถอนริมฝีปากออก

     

         เขาก็แค่รู้สึกว่าตอนนี้ไอ้มิมัน น่ารักเกินไปแล้ว

     

     

                      !!!!

                      “….จงอิน 

                      เสียงของคนตัวเล็กครางขึ้นมาเบาๆ มือเล็กรีบยกขึ้นจับเข้าที่แก้มเมื่อสัมผัสร้อนๆจากริมฝีปากของจงอินผละออกไป  

     

                      เมื่อกี้จงอินเพิ่งหอมแก้มเขา

     

         “ …ไอ้มิ ”

     

                      “...”

     

                      ที่กูหอมแก้มมึง กูจะไม่ขอโทษ

     

                      “…”

     

                  เพราะกูตั้งใจ

     

                      “…”

     

                      และที่กูลากมึงมา กูก็ไม่ได้ต้องการคำขอบคุณอะไรทั้งนั้น จริงๆแล้วกูก็แค่อยากมาเห็นหน้ามึง  และมึงก็ไม่จำเป็นต้องมาขอบคุณอะไร เพราะกูเป็นคนที่อยากเข้ามาช่วยมึงเอง ไม่มีใครสั่ง

     

                      พอพูดจบทั้งคู่ก็ตกอยู่ในความเงียบ ไม่มีใครพูดอะไรออกมาจนแม้แต่เสียงลมบางเบาก็เหมือนจะดังที่สุดในเวลานี้ คนตัวเล็กว่าที่ดูเหมือนจะยังอึ้งไม่หายค่อยๆก้มหน้าลงมองขาตัวเองมือก็ยังคงไม่ปล่อยให้หลุดออกจากแก้มด้านที่ใครบางคนเพิ่งได้สัมผัสไปอย่างใช้ความคิดเรียกสติของตัวเองกลับมา โดยที่มีอีกคนจ้องมองอยู่ตลอด

     

                      ใช้เวลาไม่นานใบหน้าที่ถูกบดบังด้วยกรอบแว่นก็ค่อยๆเงยขึ้นและหันมาหาจงอินที่มองมาอยู่ก่อนแล้วด้วยสายตาที่จงอินก็ไม่รู้เหมือนกันว่าดวงตากลมๆคู่นั้นต้องการจะสื่ออะไร

     

     

                      ดวงตากลมโตที่เหมือนว่าจะสั่นไหวนิดๆ ทำให้จงอินเลือกที่จะกลืนคำพูดของตัวเองลงไปและรอคอยว่าอีกคนจะพูดอะไร

     

                      จงอิน ก..แกล้งเราทำไม ”

     

                      สงสัยนกฮูกตัวนี้ที่เขาอยากเลี้ยง จะเอามาเลี้ยงได้ไม่ง่ายอย่างที่คิด                 

     

     

     


     

     


     

     

    ปัง!!!

     

    ไอ้ชานยอล!! ”

     

    เห้ยย! ” เสียงบานประตูห้องซ้อมที่ถูกเปิดโดยผู้มาใหม่กระทบเข้ากับกำแพงเสียงดัง ดังซะจนร่างของคนที่อยู่ในห้องทั้งสองคนที่นั่งอยู่บนโซฟาสะดุ้งและร้องออกมาด้วยความตกใจ

     

    นี่พวกมึงทำอะไรกันอยู่วะและดูเหมือนจงอินจะเก็บเรื่องที่จะพูดเอาไว้ก่อนเมื่อเค้าเห็นว่าเมื่อกี้ก่อนที่เขาจะเปิดประตูมาเพื่อนของเขาทั้งสองกำลังทำอะไรบางอย่าง

     

    ..เปล่านะเว้ย กูไม่ได้ทำอะไรเลย

     

    เปล่าอะไรไอ้เตี้ย เมื่อกี้กูเหมือนเห็นพวกมึงยื่นหน้ามาใกล้ๆกัน ” จงอินหรี่ตามองจับผิดแบคยอนที่ลุกขึ้นยืนพูดแก้ตัวกับเขา

     

    เห้ย บ..บ้า! มึงจะบ้าหรอไอ้ดำ  กูกับไอ้ชานยอลเนี่ยนะ ไม่มีทาง! ”

     

    กูไม่เชื่อ ใช่หรอไอ้ชาน? ”

     

     

    “ ..อืม คงงั้นแหละมั้ง ” ชานยอลที่ยังคงนั่งอยู่บนโซฟาเงยขึ้นมองแบคฮยอนเพียงชั่วครู่ก่อนจะหันหน้ามาตอบคำถามเพื่อนผู้มาใหม่

     

    เออๆ  ไม่มีอะไรก็ไม่มี  ชานยอล มึง! ” จงอินพูดแบบไม่ได้ติดใจอะไรเพราะว่าเรื่องที่เขามาเนี่ยมันสำคัญเกินกว่า เลยเดินเข้าไปหาเพื่อนตัวสูงที่ดูเงียบๆไปตั้งแต่เมื่อกี้

     

    มีไรวะ ดูรีบ ” แบคยอนเดินเข้าไปแทรกกลางระหว่างจงอินที่กำลังยืนอยู่และชานยอลที่ยังคงนั่งอยู่อย่างอยากรู้อยากเห็น เป็นปกติอยู่แล้วที่เวลาใครมีอะไร แบคฮยอนจะต้องตามติดสถานการณ์

     

    “ เงียบก่อนไอ้เตี้ย ” และก็เป็นจงอินที่เอามือดันหัวกลมๆของเพื่อนไซส์เล็กกว่าออกไปจากวงสนทนา จนคนโดนเนรเทศออกจากวงเดินสะบัดตูดไปนั่งหงุดหงิดอยู่ที่เก้าอี้มุมห้อง

     

     เออ ไม่อยู่ใกล้ๆก็ได้วะ ไกลๆก็ได้ยิน(?)

     

    มึงมีอะไรไอ้จงอิน ” ชานยอลเอ่ยถามคำถามทันทีไม่ให้เสียเวลา

     

    กู  กูไม่รู้จะทำยังไงว่ะ ถ้าสมมุตินกฮูกมันเหมือนจะกลัวกูเล่าไปก็นึกไปถึงหน้าของไอ้มิที่เขายังคงจำได้ขึ้นใจ ดวงตากลมโตที่สั่นนิดๆ คำพูดของมันที่ทำให้เขารู้สึกราวกับว่า ไอ้มิมันกลัว

     

    “ บางทีถ้าจ้องจะเข้าไปจับตัวมันเลย มันอาจจะตกใจก็ได้ เพราะยังไงนกมันก็ไม่ใช่สัตว์ที่เอาไว้ให้เรากอดฟัดเล่นเหมือนหมาแมวอยู่แล้ว ”

     

     

    “....

     

    ค่อยๆเป็นค่อยๆไป นกมันตื่นคนง่าย เราต้องเข้าหาแบบค่อยๆ ช้าๆ อย่าใจร้อนดิวะ เดี๋ยวมันก็ได้บินหนีไปกูไม่รู้ด้วยนะ

     

    ยุ่งยากว่ะ! ”

     

    แล้วมึงยังจะเลี้ยงอยู่อีกหรอวะ นกฮูกเนี่ย

     


    กูถอนตัวจากมันไม่ทันแล้วว่ะ กูชอบไปแล้ว

     






     


    คิดจะเลี้ยงนกฮูกมันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกนะคะคิมจงอินน
    ตอนนี้เชิญด่าจงอินได้เต็มที่เลยค่ะ ทำมิกลัวได้ยังไง!! (รุม)
    มันต้องค่อยๆเป็นค่อยๆไปดิ!  ทำเป็นวัยรุ่นใจร้อนไปได้

    แฟน fav. ทะลุ 500 คนแล้วววว ดีใจและตกใจมาก 
    ขอบคุณมากจริงๆนะคะ และขอบคุณทุกคนในทวิตที่แท็กมาสกรีมกัน
    อ่านแท็กแล้วสนุกอ่ะ มีกำลังใจแต่งต่อ ฮ่าๆๆ



    เจอกันตอนต่อไปค่ะ รักจากมิช
    อย่าลืมคอมเม้น&เล่นแท็กฟิคกันด้วยน้า



    (c)  Chess theme
       








    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×