คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : CHAPTER 03
03
“ ลมอะไรหอบให้มึงมาเช้าได้ล่ะ คนเขาเลิกจ้างมึงแล้วหรอวะ ” เมื่อเปิดประตูห้องซ้อมดนตรีเข้ามาชานยอลก็ต้องเอ่ยปากแซวเมื่อเห็นร่างของคิมจงอิน นั่งกอดอกคิ้วขมวดอยู่ที่โซฟา
นานๆทีชานยอลจะเห็นหัวสว่างๆของจงอินมานั่งอยู่ในห้องก่อนเขาจะมา ปกติแล้วถ้ามันไม่ได้รับงานเดินแบบถ่ายแบบอะไรตั้งแต่เช้า ก็โน่นแหละสายๆหรือไม่ก็เที่ยงๆถึงจะได้เห็นหน้าเลยแซวมันสักหน่อยว่าโดนเลิกจ้างให้ไปถ่ายแบบแล้วหรอถึงมาให้เขาเห็นก่อนโรงเรียนเข้าแบบนี้
“ มึง กูถามอะไรหน่อยดิ ” จู่ๆ จงอินที่นั่งอยู่บนโซฟาก็ขยับท่าทางมาจ้องหน้า ชานยอลอย่างจริงจังทำเอาคนถูกถามที่กำลังเดินมาวางกระเป๋าบนโต๊ะต้องหันมามอง
แม่งมาโหมดจริงจัง
“ อะไรล่ะ ” ชานยอลพูดตอบแล้วเดินไปหยิบขวดน้ำก่อนจะไปเลื่อนเก้าอี้ข้างๆมาไว้ใกล้ๆเพื่อนเพื่อฟังปัญหาหนักอกของมัน
“ มึง เคยเลี้ยงนกไหมวะ ”
“ ก็มีบ้างตอนกูเด็กๆ ม๊ากูชอบ คือกูไม่เข้าใจ กะอีแค่เรื่องนกมึงจะต้องทำหน้าเครียดอะไรขนาดนั้น ”
“ แล้วถ้าจะเลี้ยง ต้องทำไง ”
และมันจะมีสักครั้งไหมที่มึงจะตอบในสิ่งที่กูถามบ้างไม่ใช่ปล่อยให้กูถามเก้ออยู่แบบนี้อะ
“ ก็ซื้อดิ นี้มึงไม่สบายหรอ ”
“ แต่นกที่กูจะเลี้ยงมันไม่มีขายว่ะ กู…ต้องทำยังไงวะ ”
“ เดี๋ยวนะ แล้วมึงจะเลี้ยงนกอะไร ”
นกอะไรของมันวะ ไม่มีขายด้วยแล้วเสือกอยากจะเลี้ยง
“ นกฮูก ”
“ พรวด!! แค่กๆๆ นกฮูกเนี่ยนะ ” พอเจอคำตอบของคนตรงหน้าเข้าไปชานยอลที่ยกน้ำดื่มไปเมื่อกี้ถึงกับสำลักจนต้องยกมือขึ้นทุบๆอกตัวเองให้น้ำมันไหลลงคอ
โห กูขอเวลาเช็ดน้ำบนหน้าบนเปลือกตากูก่อน มึงทำกูสำลักจนมาถึงเปลือกตาเลยอ่ะมึงคิดดู
“ เออ! นกฮูก ”
นี่จงอินมันแอดว๊านถึงขนาดจะเลี้ยงสัตว์หายากแล้วหรอวะ
หรือเดี๋ยวนี้เทรนเขากำลังฮิตจะเลี้ยงนกฮูกกัน กูไม่เข้าใจ กูเอ้าท์
“ อย่าบอกนะว่าเมื่อวานที่ว่ามึงไปส่องนกนี่คือ..นกฮูก? ” ที่ชานยอลถามเนี่ยก็ไม่ได้ต้องการคำตอบหรอก ถามไปงั้นแหละ เพราะยังไงก็รู้อยู่แล้วว่ามันถามถึงนกฮูกมันคงจะไม่ได้ไปส่องนกแก้วนกขุนทองหรอก
“ อืม กูไปส่องนกฮูกมา ”
“ เออๆ กูไม่รู้หรอกว่านกฮูกมันเลี้ยงยังไง แต่ถ้ามึงจะเลี้ยงนก มึงก็ต้องเริ่มจากให้มันเห็นหน้าบ่อยๆ เล่นกับมันให้อาหารมันจนกว่ามันจะจำได้ว่ามึงเป็นเจ้าของ ”
“….”
“ เรียกชื่อมันบ่อยๆ เดี๋ยวมันก็จำได้เองว่ามึงเป็นเจ้าของมัน ”
“….”
“ นกบางตัวนิสัยมันก็ไม่เหมือนกันนะเว้ย บางตัวถ้ามันคุ้นเคยกับเจ้าของ มันก็จะยอมให้ลูบให้จับยอมให้เอาขึ้นบ่า ติดคนเลี้ยงชิบหาย ”
“ …หรอวะ ”
“ เดี๋ยวๆ ทำไมหน้ามึงดูเจ้าเล่ห์ยังไงไม่รู้ หรือกูคิดไปเอง ? ”
“ เปล่าหนิ คิดมาก ”
ภายในห้องเรียนเมื่อครูสอนจบคลาสตอนเช้าก็เต็มไปด้วยเสียงพูดคุยของเด็กนักเรียนเต็มไปหมดบ้างก็ลุกจากเก้าอี้เพื่อออกไปพักกลางวัน บ้างก็ยังคงอยู่คุยเล่นกันเม้าส์กันเสียงดังไปหมด หนึ่งในนั้นที่ยังไม่คิดจะลุกออกจากเก้าอี้คือ คยองซู ไอ้คนตัวเล็กที่คิมจงอินยืนพิงกำแพงหน้าห้องเรียนรออยู่ตั้งนานสองนาน
‘ แต่ถ้ามึงจะเลี้ยงนก มึงก็ต้องเริ่มจากให้มันเห็นหน้าบ่อยๆ เล่นกับมันให้อาหารมันจนกว่ามันจะจำได้ว่ามึงเป็นเจ้าของ ’
และดูเหมือนเวลาที่จงอินรอคอยก็สิ้นสุดลง เมื่อเห็นร่างเล็กๆของคยองซูเดินออกมาจากห้อง ในมือก็เหมือนว่าจะถือน้ำกับกล่องข้าวกำลังจะเดินไปไหนสักแห่งจงอินก็ไม่รู้หรอก รู้แต่ตอนนี้เขาต้องรีบไปแสดงตัวเพราะเขาคิดว่าเมื่อกี้ที่คนตัวเล็กเดินผ่านคงจะไม่เห็นเขาที่ยืนพิงกำแพงรอเป็นแน่
“ เดี๋ยว! ” ต้องขอบคุณช่วงขายาวๆของตัวเองที่สามารถก้าวไปตัดหน้าอีกคนเอาไว้ได้จนคนตัวเล็กแถบจะหน้าทิ่มอกเขาอยู่แล้วถ้าไม่ติดว่าหยุดทัน
“ เอ่ออ… จ..จงอิน มีอะไรกับเราหรอ ? ” ดันแว่นขึ้นเล็กน้อยก่อนจะเหลือบตามองร่างสูงที่มายืนขวางเขาเอาไว้อย่างกล้าๆกลัวๆ
ทำไมจงอินต้องจ้องกันขนาดนั้นด้วย
“ กูมาทวงคำขอบคุณ ”
“ ต..แต่เราก็ขอบคุณจงอินไปแล้ว… ”
“ ตอนนั้นกูยังไม่รับ
ตอนนี้กูหิวข้าวและมึงไอ้มิ มึงต้องไปกินข้าวกับกู ” ถึงจะจำได้ว่าคยองซูขอบคุณเขาไปแล้ว
แต่มันไม่ใช่ประเด็น จงอินยอมรับว่ามันก็แค่ข้ออ้าง
ไอ้เรื่องที่เขาหิวก็ข้ออ้างอีกนั้นแหละ
เพราะตอนนี้เขาไม่ได้หิวอะไรขนาดถึงจะต้องมาดักรอให้ไอ้มิไปกินด้วยหรอก
อ๋อแล้วที่เรียกว่าไอ้มิ ก็เพราะว่าเขาว่าคนตรงหน้าเหมาะกับการที่เขาจะเรียกว่าไอ้มิดี ไม่รู้ทำไม รู้แต่เขาชอบ จบนะ
“ เอ่ออ จงอินแน่ใจหรอ ว่าอยากจะให้เราไปกินข้าวเป็นเพื่อน ” และดูเหมือนว่าคยองซูจะไม่ทันได้ยินชื่อใหม่ของตัวเอง คนตัวเล็กมองไปรอบๆตัวเขาทั้งสองคน ที่ดูเหมือนจะมีสายตาของใครหลายๆคู่ที่กำลังจ้องมองและให้ความสนใจมาที่พวกเขา
“ ทำไมล่ะ ”
“ เราไม่อยากให้จงอินดูไม่ดีน่ะ ”
“ ถ้ามันจะดูไม่ดีนั่นมันก็เรื่องของกู แล้วการที่กูจะชวนมึงไปกินข้าวมันก็ไม่ได้เป็นเรื่องไม่ดีตรงไหน ”
“ ต..แต่ว่า”
“ ก็แค่ไปกินเป็นเพื่อนกูหน่อย ได้หรือเปล่าล่ะ ”
“ ขึ้นมากินที่นี่ทุกวันเลยหรือไง? ” ดวงตาของจงอินมองออกไปรอบๆบริเวณที่เขาอยู่ มองไปทางไหนก็เจอแต่รั้วกั้นขอบดาดฟ้า ใช่ ไอ้มิพาเขาขึ้นมานั่งที่ดาดฟ้าของโรงเรียน ที่ๆจงอินไม่เคยจะได้ขึ้นมาเลยซักครั้ง อาจจะเป็นเพราะที่ดาดฟ้าโรงเรียนเป็นที่ๆไม่ค่อยน่าขึ้นมานั่งเล่นนั่งกินอาหารแบบนี้สักเท่าไหร่ ส่วนใหญ่ก็เป็นที่เก็บพวกโต๊ะเก้าอี้ที่ชำรุดแล้ว บ้างก็พวกบอร์ดหรือป้ายประกาศของโรงเรียน เรียกได้ว่าเป็นห้องเก็บของลอยฟ้าของโรงเรียนดีๆนี่เอง
และเขาก็ไม่เคยคิดมาก่อนว่าบรรยากาศมันจะดีกว่าที่จินตนาการเอาไว้เยอะถ้าไอ้มิไม่พาเขามาเขาก็คงไม่มีวันขึ้นมาเหยียบที่นี่เป็นแน่
“ จงอินให้เรามากินข้าวเป็นเพื่อน แต่ทำไมจงอินกลับเอาแต่นั่งมองเรากิน ? ” หลังจากที่ต้องยอมแพ้กับคำขอร้องของจงอิน คยองซูก็ตัดสินใจพาจงอินขึ้นมาในที่ๆ เรียกได้ว่าเป็นที่ลับของคยองซูเลยก็ว่าได้ เป็นเพราะดาดฟ้าไม่ค่อยจะมีเด็กนักเรียนขึ้นมาสักเท่าไหร่ ในตอนกลางวันของทุกวันคยองซูก็จะถึงมานั่งกินข้าวกลางวันเงียบๆอยู่คนเดียวจนกว่าจะหมดคาบพักเที่ยง
และที่ต้องเอ่ยคำถามนั้นออกไปกับร่างสูงข้างๆตัว เป็นเพราะตั้งแต่ขึ้นมาคยองซูก็ไม่เห็นว่าจงอินจะแตะแซนวิชที่คยองซูเป็นคนแบ่งให้จงอินกินเลยสักนิด ทั้งๆที่ก็บอกแล้วว่าจะให้เขาไปซื้ออาหารที่โรงอาหารให้ก่อนไหม แต่คนข้างๆกับปฎิเสธจนคยองซูต้องตามใจ
ไหนบอกว่าหิวไง
“ แค่เห็นมึงกิน กูก็อิ่มแล้ว แล้วนั่นทำไมมึงถึงไม่กินมะเขือเทศ ” หลังจากที่จ้องคนตัวเล็กข้างๆตัวมานาน ก็เห็นว่าก่อนจะกิน ไอ้มิมันจะต้องเขี่ยเอามะเขือเทศออกไปจากแซนวิชก่อนจะกิน
เอาจริงๆว่าการที่เข้านั่งมองไอ้มิกิน มันทำให้เขารู้สึกเพลินยังไงไม่รู้ ท่าทางเกร็งๆที่ต้องอยู่กับคนแปลกหน้าของไอ้มิมันดูตลกดี เวลาจะกินก็ต้องค่อยๆเหลือบมองเขาเป็นระยะๆ แต่ก็ไม่ได้พูดว่าอะไรเขาสักคำเมื่อเขาจ้องมองแบบไม่วางตาแบบนี้
“….”
“ ตัวก็เล็กแค่นี้ยังจะเลือกกินอีก ” คำพูดที่ทำให้คนที่โดนว่าชะงักไปนิดนึง คิ้วยุ่งพันกันไปหมดอย่างที่จงอินเดาได้ไม่ยากว่าไอ้มิมันคงกำลังขัดใจกับคำพูดของเขาอยู่เป็นแน่
“ เรา…ไม่ชอบกิน แต่เดี๋ยวเราจะกินให้ดูก็ได้ ” คล้ายๆ อยากอวดว่าที่ไม่กินจริงๆก็กินได้นะ มือเล็กก็ตัดสินใจหยิบชิ้นมะเขือเทศที่เขี่ยแยกเอาไว้ขึ้นมา
“ ทำอะไรจะกินหรือไง? ” จงอินเลิกคิ้วถามเมื่อเห็นว่าไอ้มิกำลังหยิบสิ่งที่ไม่ชอบเข้าปากโดยที่มือเล็กก็ยกขึ้นบีบจมูกของตัวเองเอาไว้แน่นจนจงอินเห็นว่าจมูกเล็กๆนั้นขึ้นสีแดงระเรื่อนิดๆแล้ว กว่าจะได้คำตอบก็ตอนที่คนตัวเล็กกลืนลงไปแล้วยกน้ำขึ้นดื่มเหมือนจะอยากให้มันลงไปในท้องเร็วๆ
“ ก็..แม่เราบอกว่าถ้าไม่อยากกินแค่บีบจมูกตอนกินก็จะทำให้กินได้ แต่เราว่าเราทำไม่ค่อยได้เท่าไหร่ หายใจไม่ทันทุกที ” เสียงใสเอ่ยอธิบายด้วยท่าทีที่ดูยังไงก็เหมือนเด็กน้อยที่ขัดใจกับวิธีแก้ปัญหาแต่ก็ยังทำ คนตัวเล็กตัดสินใจวางของในมือไว้ข้างๆตัว ก่อนมือก็ยกขึ้นลูบที่ปลายจมูกของตัวเองที่บีบเอาไว้เมื่อกี้ไปด้วย
“ ฮ่าๆ ปัญญาอ่อนชะมัด ” จนคนมองอดหลุดขำออกมาเสียไม่ได้
“ …จงอินใจดีจัง ” จู่ๆ คนข้างๆก็หันมายิ้มแล้วเอ่ยพูดชมเขาขึ้นมา
“ ใจดี? ”
“ อื้อ ” คนตัวเล็กหันมาจ้องหน้าจงอินก่อนจะพยักหน้ารับอย่างกระตือรือร้นราวกับว่าสิ่งที่พูดไปเมื่อกี้คยองซูไม่ได้โกหก และหันกลับไปทางเดิมแล้วพูดในสิ่งที่คิดออกมา
“ ก็ทั้งๆที่คนดังๆอย่างจงอิน แทบไม่มีความจำเป็นเลยที่จะมาคุยกับคนอย่างเรา ปกป้องเรา ทั้งๆที่คนอื่นๆยังไม่ค่อยอยากจะเข้ามายุ่งกับเรา โดยที่จงอินไม่กลัวเลยสักนิดว่าอาจจะทำให้จงอินดูไม่ดีถ้ามาคุยกับเรา… ”
“….” จงอินยังคงจ้องมองด้านข้างของคนตัวเล็กที่กำลังพูดไปเรื่อยๆ ใบหน้าด้านข้างที่มีแว่นหนาๆมาบดบังหน้าเล็กๆ ตาโตๆ แต่ทว่าเขากลับรู้สึกว่าแว่นตาเชยๆนั้นมันไม่สามารถบังความใสซื่อที่ติดจะน่าเอ็นดูของคนตัวเล็กให้น้อยลงเลยสักนิดเดียว น่ารัก คำที่พรุดขึ้นมาในหัวของจงอินในตอนนี้
ยิ่งได้เห็น ยิ่งได้รู้จัก ก็ยิ่งทำให้จงอินสงสัยคนที่ชอบเอาเปรียบชอบแกล้งไอ้มิ พวกนั้นถ้าเกิดว่าได้มารู้จักกับไอ้มิจริงๆแล้ว คนพวกนั้นจะยังอยากทำแบบนั้นอยู่อีกหรือเปล่า สิ่งที่คนอื่นไม่รู้เกี่ยวกับคยองซู เขาอาจจะเป็นคนแรกที่ได้รับรู้
สิ่งที่คนอื่นไม่รู้ แต่วันนี้จงอินได้รู้เกี่ยวกับไอ้มิ
ไอ้มิมัน…ยิ้มเก่ง
“ ..ถึงแม้ว่าจงอินจะมาคุยกับเราเพื่ออยากจะได้คำขอบคุณจากเราก็เถอะ แต่เราก็คิดว่าจงอินใจดีกับเรามากจริงๆ ขอบคุณน… !!!!! ”
คนตัวเล็กยังไม่ทันจบประโยคดี จงอินก็ทำในสิ่งที่เขาเองก็ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้เหมือนกันราวกับว่ามันเป็นไปตามอารมณ์ที่ไม่สามารถใช่ความนึกคิดมายับยั้งได้ ริมฝีปากของเขาตรงเข้าไปกดจูบลงบนแก้มขาวๆที่จงอินไม่คิดว่ามันจะนุ่มจนไม่เขาคิดอยากจะถอนริมฝีปากออก
เขาก็แค่รู้สึกว่าตอนนี้ไอ้มิมัน …น่ารักเกินไปแล้ว
!!!!
“….จงอิน ”
เสียงของคนตัวเล็กครางขึ้นมาเบาๆ มือเล็กรีบยกขึ้นจับเข้าที่แก้มเมื่อสัมผัสร้อนๆจากริมฝีปากของจงอินผละออกไป
เมื่อกี้จงอินเพิ่งหอมแก้มเขา
“ …ไอ้มิ ”
“...”
“ ที่กูหอมแก้มมึง กูจะไม่ขอโทษ ”
“…”
“เพราะกูตั้งใจ”
“…”
“ และที่กูลากมึงมา กูก็ไม่ได้ต้องการคำขอบคุณอะไรทั้งนั้น จริงๆแล้ว…กูก็แค่อยากมาเห็นหน้ามึง และมึงก็ไม่จำเป็นต้องมาขอบคุณอะไร เพราะกูเป็นคนที่อยากเข้ามาช่วยมึงเอง ไม่มีใครสั่ง ”
พอพูดจบทั้งคู่ก็ตกอยู่ในความเงียบ ไม่มีใครพูดอะไรออกมาจนแม้แต่เสียงลมบางเบาก็เหมือนจะดังที่สุดในเวลานี้ คนตัวเล็กว่าที่ดูเหมือนจะยังอึ้งไม่หายค่อยๆก้มหน้าลงมองขาตัวเองมือก็ยังคงไม่ปล่อยให้หลุดออกจากแก้มด้านที่ใครบางคนเพิ่งได้สัมผัสไปอย่างใช้ความคิดเรียกสติของตัวเองกลับมา โดยที่มีอีกคนจ้องมองอยู่ตลอด
ใช้เวลาไม่นานใบหน้าที่ถูกบดบังด้วยกรอบแว่นก็ค่อยๆเงยขึ้นและหันมาหาจงอินที่มองมาอยู่ก่อนแล้วด้วยสายตาที่จงอินก็ไม่รู้เหมือนกันว่าดวงตากลมๆคู่นั้นต้องการจะสื่ออะไร
ดวงตากลมโตที่เหมือนว่าจะสั่นไหวนิดๆ ทำให้จงอินเลือกที่จะกลืนคำพูดของตัวเองลงไปและรอคอยว่าอีกคนจะพูดอะไร
“ จงอิน ก..แกล้งเราทำไม ”
สงสัยนกฮูกตัวนี้ที่เขาอยากเลี้ยง จะเอามาเลี้ยงได้ไม่ง่ายอย่างที่คิด
ปัง!!!
“ ไอ้ชานยอล!! ”
“ เห้ยย! ” เสียงบานประตูห้องซ้อมที่ถูกเปิดโดยผู้มาใหม่กระทบเข้ากับกำแพงเสียงดัง ดังซะจนร่างของคนที่อยู่ในห้องทั้งสองคนที่นั่งอยู่บนโซฟาสะดุ้งและร้องออกมาด้วยความตกใจ
“ นี่…พวกมึงทำอะไรกันอยู่วะ ” และดูเหมือนจงอินจะเก็บเรื่องที่จะพูดเอาไว้ก่อนเมื่อเค้าเห็นว่าเมื่อกี้ก่อนที่เขาจะเปิดประตูมาเพื่อนของเขาทั้งสองกำลังทำอะไรบางอย่าง
“ ป..เปล่านะเว้ย กูไม่ได้ทำอะไรเลย ”
“ เปล่าอะไรไอ้เตี้ย เมื่อกี้กูเหมือนเห็นพวกมึงยื่นหน้ามาใกล้ๆกัน ” จงอินหรี่ตามองจับผิดแบคยอนที่ลุกขึ้นยืนพูดแก้ตัวกับเขา
“ เห้ย บ..บ้า! มึงจะบ้าหรอไอ้ดำ กูกับไอ้ชานยอลเนี่ยนะ ไม่มีทาง! ”
“ กูไม่เชื่อ ใช่หรอไอ้ชาน? ”
“ ..อืม คงงั้นแหละมั้ง ” ชานยอลที่ยังคงนั่งอยู่บนโซฟาเงยขึ้นมองแบคฮยอนเพียงชั่วครู่ก่อนจะหันหน้ามาตอบคำถามเพื่อนผู้มาใหม่
“ เออๆ ไม่มีอะไรก็ไม่มี …ชานยอล มึง! ” จงอินพูดแบบไม่ได้ติดใจอะไรเพราะว่าเรื่องที่เขามาเนี่ยมันสำคัญเกินกว่า เลยเดินเข้าไปหาเพื่อนตัวสูงที่ดูเงียบๆไปตั้งแต่เมื่อกี้
“ มีไรวะ ดูรีบ ” แบคยอนเดินเข้าไปแทรกกลางระหว่างจงอินที่กำลังยืนอยู่และชานยอลที่ยังคงนั่งอยู่อย่างอยากรู้อยากเห็น เป็นปกติอยู่แล้วที่เวลาใครมีอะไร แบคฮยอนจะต้องตามติดสถานการณ์
“ เงียบก่อนไอ้เตี้ย ” และก็เป็นจงอินที่เอามือดันหัวกลมๆของเพื่อนไซส์เล็กกว่าออกไปจากวงสนทนา จนคนโดนเนรเทศออกจากวงเดินสะบัดตูดไปนั่งหงุดหงิดอยู่ที่เก้าอี้มุมห้อง
เออ ไม่อยู่ใกล้ๆก็ได้วะ ไกลๆก็ได้ยิน(?)
“ มึงมีอะไรไอ้จงอิน ” ชานยอลเอ่ยถามคำถามทันทีไม่ให้เสียเวลา
“ กู กูไม่รู้จะทำยังไงว่ะ ถ้าสมมุตินกฮูกมันเหมือนจะ…กลัวกู ” เล่าไปก็นึกไปถึงหน้าของไอ้มิที่เขายังคงจำได้ขึ้นใจ ดวงตากลมโตที่สั่นนิดๆ คำพูดของมันที่ทำให้เขารู้สึกราวกับว่า ไอ้มิมันกลัว
“ บางทีถ้าจ้องจะเข้าไปจับตัวมันเลย มันอาจจะตกใจก็ได้ เพราะยังไงนกมันก็ไม่ใช่สัตว์ที่เอาไว้ให้เรากอดฟัดเล่นเหมือนหมาแมวอยู่แล้ว ”
“....”
“ ค่อยๆเป็นค่อยๆไป นกมันตื่นคนง่าย เราต้องเข้าหาแบบค่อยๆ ช้าๆ อย่าใจร้อนดิวะ เดี๋ยวมันก็ได้บินหนีไปกูไม่รู้ด้วยนะ ”
“ ยุ่งยากว่ะ! ”
“ แล้วมึงยังจะเลี้ยงอยู่อีกหรอวะ นกฮูกเนี่ย ”
“ กูถอนตัวจากมันไม่ทันแล้วว่ะ กูชอบไปแล้ว ”
ตอนนี้เชิญด่าจงอินได้เต็มที่เลยค่ะ ทำมิกลัวได้ยังไง!! (รุม)
มันต้องค่อยๆเป็นค่อยๆไปดิ! ทำเป็นวัยรุ่นใจร้อนไปได้
แฟน fav. ทะลุ 500 คนแล้วววว ดีใจและตกใจมาก
ขอบคุณมากจริงๆนะคะ และขอบคุณทุกคนในทวิตที่แท็กมาสกรีมกัน
อ่านแท็กแล้วสนุกอ่ะ มีกำลังใจแต่งต่อ ฮ่าๆๆ
อย่าลืมคอมเม้น&เล่นแท็กฟิคกันด้วยน้า
ความคิดเห็น