คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #21 : CHAPTER 19
มาว่ากันด้วยเรื่องการรีไรท์ของเราเอง
เราได้ทำการรีไรท์ใหม่ตั้งแต่ตอน 1-17
ใครที่เข้ามาแล้วยังไม่ได้เข้าไปอ่านที่เรารีไรท์ใหม่ ไม่รู้จะขอเกินไปไหม
แต่เราอยากให้ทุกคนอ่านที่เรารีไรท์ค่ะ
ถามว่าทำไม และจำเป็นไหม
ตอบค่ะ เราอยากให้อ่านใหม่ค่ะ
เพราะเราปรับเปลี่ยนเนื้อเรื่องแล้วสำนวนคำพูดใหม่
แต่บางตอนอาจจะไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรมาก ปรับแค่นิดๆหน่อยๆ
เรายอมรับค่ะว่าตั้งแต่ต้นเรื่องเรื่อยมาเราวางพล้อตเอาไว้หลวม
ตอนนี้เราอยากให้เรื่องนี้จบและรวมเล่มเราเลยต้องขอรีไรท์ใหม่
ทำเนื้อหากระชับขึ้น วางปมชัดเจนขึ้นและปรับเปลี่ยนเนื้อเรื่องบางอย่าง
เลยอยากให้ทุกคนอ่านค่ะ
เดี๋ยวจะอ่านตอนนี้กันไม่รู้เรื่องนะเออ
นะนะ มิชขอร้อง *กระพริบตาปริบๆ*
อย่างน้อยๆถ้าขี้เกียจอ่าน เราขอให้ทุกคนอ่านเริ่มที่ตอนที่ 6 ก็ได้ค่ะ
เราไม่ได้มารีไรท์อย่างเดียวนะคะ มิชเปลี่ยนหน้าฟิค เปลี่ยนรูปแบบใหม่หมดเลย
น่ารักหรือเปล่า แนะนำว่าถ้าเป็นไปได้อยากให้อ่านในคอมค่ะ
น่ารักกกกกกกกกกกก เราชอบค่ะ
ติ๊กต่อก ติ๊กต่อก ติ๊กต่อก…
เสียงเข็มนาฬิกาเดินเป็นจังหวะสม่ำเสมอไปเรื่อยๆไม่หยุด ใครจะรู้ว่าคยองซูลืมตาจ้องเพดานมาได้สักพักแล้ว ดวงตากลมโตกระพริบตาปรับโฟกัสให้ชัดเท่าที่จะชัดได้ก่อนจะได้แต่นอนนิ่งๆคิดถึงเรื่องราวต่างๆเมื่อคืนวนไปมา จำได้ว่าเขานอนกอดจงอินเอาไว้ก่อนภาพทุกอย่างจะถูกตัดไป แต่พอตื่นขึ้นมากลับไร้เงาของร่างสูงจนคยองซูอดคิดทบทวนไม่ได้ว่ามันเป็นเพียงความฝันหรือเรื่องจริง
แล้วถ้าเมื่อคืนมันไม่ใช่ความฝันแล้วจงอินล่ะ จงอินไปไหน
ฮื่อออ ปวดหัวจัง
ร่างเล็กค่อยๆลุกขึ้นมาจากเตียงด้วยท่าทางทุลักทุเล ควานหยิบแว่นบนโต๊ะข้างเตียงมาใส่ ความแฮงค์จากเมื่อคืนมันทำให้คยองซูเวียนหัวนิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้มากอะไร ลุกขึ้นได้ก็พาตัวเองเดินหมายจะออกไปจากห้องเพื่อออกไปดูเผื่อจงอินอาจจะอยู่ข้างนอก แต่แล้วขาเรียวก็เลือกหยุดลงที่กระจกบานใหญ่ที่ตั้งอยู่ชิดผนังห้องเพราะคนตัวเล็กสังเกตได้ถึงอะไรบางอย่างเกี่ยวกับตัวเอง
รอยแดงช้ำที่เต็มลำคอกับแผ่นอกของเขานี่มันอะไรกัน
นิ้วเรียวไล้สัมผัสไปตามรอยแดงพวกนั้นใต้เสื้อเชิ้ตสีขาวที่มันดูใหญ่กว่าขนาดตัวของเขามากก่อนจะนิ่วหน้าเพราะความรู้สึกเจ็บจี๊ดๆ พยายามนึกเท่าไหร่คยองซูก็นึกไม่ออกว่าเขาได้รอยพวกนี้มาได้ยังไง เมื่อคืนคยองซูจำได้แค่ลางๆ ถามว่าจำได้ไหม จำได้นะ แต่เขาจำได้ไม่หมดหรอก มันมึนๆเบลอๆยังไงก็ไม่รู้ คยองซูก็บอกไม่ถูกเหมือนกัน
ล..แล้วทำไมเสื้อผ้าของเขาก็ไม่ใช่ชุดเดิมจากเมื่อวานด้วย
“ อืม รู้แล้วไม่ลืม...ไม่ต้องมารับ เดี๋ยวไปเอง…แค่นี้ก่อนนะ ”
!!
ความคิดถูกหยุดไว้เพียงเท่านั้นก่อนร่างของคยองซูจะสะดุ้งเมื่อประตูห้องนอนถูกเปิดออกพร้อมกับร่างสูงของจงอินที่สวมเพียงกางเกงผ้ายืดแต่ท่อนบนเปลือยเปล่าโชว์ซิกแพ็คที่เรียงตัวสวยบนหน้าท้องแกร่ง คยองซูเห็นว่าจงอินกำลังเอียงคอแนบโทรศัพท์เอาไว้กับไหล่เพื่อคุยกับใครสักคน ส่วนในมือทั้งสองก็ถือถาดอาหารเอาไว้ พอเห็นเขาจงอินเลยตัดบทคนในสาย จงอินวางสายเมื่อเห็นว่าไอ้มิมันตื่นแล้วกำลังยืนอยู่ที่หน้ากระจก เอาถาดถ้วยซุปพร้อมน้ำและยาแก้แฮงค์ที่เตรียมไว้วางบนโต๊ะแถวๆนั้นก่อนจะเดินเข้าไปหาคนที่ทำให้เขาต้องปวดหัวทั้งคืน
“ ตื่นแล้วหรอ ปวดหัวหรือเปล่า กูทำซุปมาให้ กินเสร็จจะได้กินยา ”
“ ท..ทำไมจงอินไม่ใส่เสื้อ แล้วร..เราก็ไม่ได้ใส่เสื้อตัวเดิมด้วย ” ความอยากรู้มันทำให้คยองซูไม่ได้สนใจร่างสูงที่เดินมาซ้อนอยู่ด้านหลังแล้วกำลังเนียนกอดเอวบางเอาไว้หลวมๆใบหน้าคมก็วางไว้บนไหล่ลาด ปลายจมูกก็สูดกลิ่นหอมของคนตัวเล็กเขาเต็มปอด ส่วนตาก็สบมองกับไอ้มิผ่านกระจก คนเราเนียนได้ต้องเนียนสิครับ ทำไมล่ะ มีโอกาสก็ต้องรีบกอบโกยดิ รออะไร
และที่ไอ้มิพูดแบบนี้ไม่ต้องเดาก็รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
ทะลึ่งเหมือนกันนะเนี่ย น่ารักจัง
“ อยากจับปล้ำอยู่หรอก แต่ถ้าไม่ติดว่ามีคนอ้วกใส่กูเมื่อคืนสภาพมันคงไม่เป็นแบบนี้ ”
ก็นั่นแหละที่พูดไป ใช่ เมื่อคืนเขาควรจะได้หลับไปพร้อมกับได้กอดไอ้มิไว้อย่างมีความสุข แต่มันกลับไม่เป็นอย่างนั้น หลังจากนั้นไม่กี่นาทีไอ้มิมันก็ตื่นมาแล้วบอกว่าคลื่นไส้เป็นสัญญาณให้รู้ว่าจงอินต้องหาถุงหรืออะไรสักอย่างมาแต่พอจะลุกไปมันก็ไม่ทัน จนเขาต้องจัดการตัวเอง เปลี่ยนผ้าปูที่นอน จับไอ้มิมันมาเช็ดตัวให้หอมฉุยเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ใหม่หมด กว่าจะเสร็จก็เล่นเอาเหนื่อยจนไม่คิดจะหาเสื้อผ้ามาใส่ให้ตัวเอง คว้าแค่กางเกงได้ก็ใส่แค่นั้นแล้วล้มตัวลงนอน
“ เมื่อคืนคุยอะไรกันไว้จำได้ไหม ” จงอินจับร่างเล็กหันมาหากันตรงๆ ก่อนจะเอ่ยถามแบบไม่อ้อมค้อม ริมฝีปากรูปหัวใจดวงเล็กเม้มเข้าหากันจนเป็นเส้นตรง ยิ่งคนตรงหน้าไม่ยอมสบตากับเขาตรงๆมันก็ยิ่งทำให้จงอินต้องกระชับเอวอีกคนเข้ามาตัวแน่น
“ ตอบดีๆนะ จำไม่ได้มึงมีรอยที่คอเพิ่มแน่ๆมิ ” กระซิบขู่ลงไปที่ข้างหูก่อนจะผละออกมาแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์ ดูไปดูมาผิวขาวเนียนของไอ้มิมันก็ยังมีพื้นที่ให้เขาแสดงความเป็นเจ้าของได้อีกสักรอยสองรอยถ้าคำตอบของไอ้มิมันไม่เข้าหู
“ จ..จำไม่ได้ ”
“ หรอ ใช่หรอ ”
“ ฮื่ออ ไม่เอา จงอินอย่าทำรอยนะ เราเจ็บ ร..เราจำได้ จำได้แล้วก็ได้ ” พอเขาแกล้งก้มหน้าลงชิดลำคอขาว มือเล็กก็ดันตัวเขาเอาไว้ ตามด้วยเสียงหงุงหงิ้งของไอ้มิที่กลัวเขาทำรอยจนต้องบอกความจริงพร้อมมืออีกข้างที่รวบเสื้อตัวใหญ่ปิดจนถึงคอใบหน้าของไอ้มิตื่นตระหนกขึ้นมาทันที มันน่ารักจนทำให้เขาแทบอยากเอาคนตรงหน้ามาฟัดให้มันรู้แล้วรู้รอด
“ ตกลงจะจำได้หรือไม่ได้ ”
“ จำได้แล้วว (. .) ”
น่ารัก น่ารักเกินไปแล้ว
“ อ๊ะ! จงอิน!! ” สองแขนกอดไว้ที่ลำคอแกร่งแน่นเมื่ออยู่ๆจงอินก็อุ้มคนตัวเล็กเอาไว้เต็มสองแขนก่อนจะเดินดุ่มๆเข้าไปในห้องน้ำ จัดแจงวางไอ้มิให้นั่งตรงขอบเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าก่อนเจ้าตัวจะตามไปแทรกตัวอยู่กลางพร้อมตวัดโอบรอบเอวไอ้มิเอาไว้ทันที
“ ปล่อยเรานะ ” คยองซูพยายามดิ้นหลุกหลิกให้หลุดออกจากจงอิน แต่มันเหมือนจะไม่ง่ายเมื่อแรงของจงอินมีเยอะกว่าตัวเองมากเหลือเกิน เหมือนว่าที่ดิ้นไปมันไม่ได้ทำให้จงอินสะเทือนเลยด้วยซ้ำ ไม่แฟร์เลย เป็นเพราะคยองซูไม่ชอบดื่มนมตามที่หม่าม๊าบอกหรอ เขาถึงทั้งแรงน้อยกว่าแล้วก็ตัวเล็กกว่าจงอินแบบนี้
“ ไม่ปล่อย ล้างหน้าให้กูหน่อย เมื่อกี้ออกไปทำซุปมาให้เนี่ย หน้ามันหมดแล้ว ” ทำไมจงอินต้องทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองต้องรับผิดชอบที่ต้องทำให้จงอินลำบากด้วยอ่ะ เนี่ยเลยต้องยอมเลย
“ ก็ได้ จ..จงอินยืนดีๆหน่อยสิ เราไม่ถนัด ” คยองซูดันให้จงอินกระเถิบออกห่างจากตัวเองเล็กน้อยเพราะตอนนี้คยองซูว่าจงอินอยู่ใกล้เขาเกินไป จะเอื้อมมือไปหยิบโฟมมันไม่ค่อยสะดวก พอหยิบโฟมแถวๆอ่างล้างหน้าได้คยองซูก็บีบใส่มือก่อนจะทำให้มือเปียกแล้วจึงค่อยๆถูมันลงไปที่ใบหน้าหล่ออย่างเบามือโดยที่มีสายตาของจงอินที่จ้องมองมาที่ใบหน้าของเขาตลอดเวลาเช่นกัน รู้สึกทำตัวไม่ถูกเลยเวลาโดนจงอินจ้องแบบนี้
จะว่าไปได้มองหน้าไอ้มิใกล้ๆแบบนี้ก็เพลินเหมือนกัน ไม่มีใครเดาได้หรอกว่าตอนนี้จงอินรู้สึกมีความสุขมากแค่ไหน รู้สึกเหมือนหัวใจจะระเบิดออกมาข้างนอก ทำไมไอ้มิมันน่ารักขนาดนี้นะ ทำอะไรก็น่ารัก มีแต่คำว่าน่ารักเต็มไปหมด
“ วันนี้กูมีถ่ายแบบตอนบ่าย ”
“ อื้อฮึ ”
“ กับไอ้เซฮุน ”
“…” คยองซูไม่ได้พูดอะไรออก คยองซูก็พอรู้จากที่คนอื่นพูดๆกันว่าเซฮุนก็เป็นนายแบบเหมือนกัน แต่ก็ไม่คิดว่าจงอินจะรับงานถ่ายแบบงานเดียวกับที่เซฮุนถ่าย จะยกเว้นก็แต่...
“ ลู่หานขอร้อง กูเลยต้องถ่าย ”
ใช่ จริงๆด้วย
จุ๊บ!
“ อื้อ จ..จงอิน ” คยองซูเบิกตากว้างเมื่ออยู่ๆริมฝีปากหยักตรงมาจุ๊บที่ริมฝีปากของตัวเองแล้วผละออกแบบไม่ทันให้คยองซูตั้งตัว
“ เห็นเงียบ เลยนึกว่าให้จูบได้ โอ้ย กูเจ็บนะ เมื่อคืนกัดกูไว้ตั้งหลายที่ ยังไม่หายเจ็บเลย ” จงอินแกล้งร้องตอนโดนคนตัวเล็กทุบเข้าที่อกของตัวเอง
“ .... ”
“ กูกับลู่หานไม่มีอะไรเลย อย่าเงียบสิ ” ร่างสูงยกมือขึ้นขยี้ผมนุ่มของอีกคนเบาๆ คยองซูมองที่จงอินแวบเดียวก่อนจะพยักหน้า คยองซูแสดงชัดขนาดจงอินดูออกเลยหรอว่าเขาคิดมากเรื่องจงอินกับพี่ลู่หาน คยองซูไม่รู้ตัวเลยสักนิด มันเป็นไปเอง คยองซูบังคับตัวเองไม่ได้เลย
“ เดี๋ยวพอเราล้างน้ำเปล่าจงอินก็หลับตานะ เดี๋ยวโฟมเข้าตา ”
“ ครับผม...มิ แล้วสร้อยที่กูซื้อให้หายไปไหนล่ะ ” จงอินจับข้อมือของอีกคนขึ้นมาดูอย่างอารมณ์ดี จริงๆเขาก็สังเกตมาหลายวันแล้วว่าบนข้อมือของไอ้มิมันไม่มีสร้อย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรจนมามีโอกาสถามตอนนี้
“ ค..คือว่า เราถอดเก็บเอาไว้ตอนทำข้าวต้มให้จงอินเมื่อวาน เราก..กลัวมันหาย ” คำตอบที่ทำให้จงอินพยักหน้ารับรู้ก่อนจะยิ้มกว้าง
จงอินจะรู้มั้ยว่าเขาโกหก คยองซูโกหกจงอิน
จะให้คยองซูบอกได้ยังไงว่าสร้อยเส้นนั่นอยู่ที่เซฮุน เขาไม่อยากให้จงอินโกรธและที่คยองซูโกหกไปแบบนั้นเพราะมั่นใจว่าจงอินจะต้องไม่รู้ พอเซฮุนยอมคืนสร้อยให้ทุกอย่างมันก็จะไม่มีอะไร คยองซูเชื่อแบบนั้น
“ มิ เหม่ออะไรอยู่ โฟมจะเข้าตากูแล้ว มานี่เลย ”
“ จงอิน ฮื่อ อย่าสิ มันเปียกก จงอินน! ”
คยองซูร้องออกมาทันทีเมื่อจงอินเอาหน้าหล่อๆที่เต็มไปด้วยฟองโฟมมาถูเข้ากับใบหน้าของคยองซูราวกับจะกลั่นแกล้งที่คยองซูเผลอคิดอะไรอยู่นานเมื่อกี้นี้ ไม่ใช่แค่โฟมอย่างเดียว จงอินแกล้งเขาด้วยกันเปิดก็อกน้ำแล้วเอามากวักใส่เขา จนตอนนี้ทั้งหน้าทั้งแว่นตาของคยองซูเต็มไปด้วยน้ำและโฟม ทั่วทั้งห้องน้ำเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะของจงอินที่ดูชอบใจเหลือเกินที่แกล้งเขาได้
“ มาๆ โอ๋ กูไม่แกล้งแล้ว ก็มึงน่ารักอะมิ ” จบการแกล้งคนตัวเล็กไว้เพียงเท่านี้ จงอินเอื้อมไปหยิบผ้าขนหนูที่แขวนราวเอาไว้ก่อนจะเอามาเช็ดคราบโฟม คราบน้ำที่เปียกใบหน้าและเสื้อให้คนตัวเล็ก
“ ม…ไม่เห็นจะเกี่ยวเลย จงอินอ่ะ นี่เราเปียกจนแทบจะอาบน้ำอยู่แล้วนะ ”
“ อ้าว งั้นอาบเลยไหมล่ะ เนี่ยของกูแค่ถอดกางเกงก็พร้อมถูสบู่เลย ”
“ ไม่เอา จงอินออกไปเลย เราจะอาบน้ำแล้ว เดี๋ยวไปโรงเรียนไม่ทัน ” ไหนๆก็เปียกแบบนี้แล้ว คยองซูก็เลยคิดว่าเขาควรจะอาบน้ำดีกว่า วันนี้ไม่ใช่วันหยุด คยองซูไม่อยากไปโรงเรียนสาย
“ ไม่อาบด้วยกันจริงอะ โอเคๆ ไม่แกล้งแล้ว ออกมากินซุปกินยาที่กูวางไว้บนโต๊ะด้วยนะ กูรอข้างนอก ”
“ อืออ เรารู้แล้ว จงอินไปได้แล้วว ” พูดเสร็จก็ต้องดันให้คนตัวสูงออกจากห้องน้ำ จงอินหัวเราะออกมาชอบใจก่อนจะยอมเดินออกจากห้องน้ำแต่โดยดี
โดยที่จงอินคงจะไม่รู้ว่าคยองซูยิ้มกว้างแค่ไหนตอนที่ตัวเองเดินออกจากห้องน้ำไป
ตอนนี้เป็นเวลาหลังเลิกเรียน คยองซูกับอึนจองกำลังนั่งกินขนมอยู่ที่โรงอาหาร จริงๆจะว่าคยองซูน่ะมาเป็นเพื่อนรุ่นพี่สาวจะดีกว่า เพราะตอนอยู่ที่ชมรมอึนจองนูน่าก็บอกว่าเดี๋ยวเลิกแล้วเพื่อนจะเอาของมาให้ อยากให้เขาอยู่เป็นเพื่อนหน่อยก่อนจะบ่นหิวขึ้นมาเลยต้องพากันมานั่งอยู่ที่นี่
“ คยองซู กินนี่หน่อยสิ พี่ซื้อมากินคนเดียวไม่หมดหรอก ตัวเล็กแค่นี้ต้องกินเยอะๆนะรู้ไหม กินๆ ” คยองซูหัวเราะก่อนจะพยักหน้าให้คนตรงข้ามก่อนจะรับเอาขนมคบเคี้ยวที่รุ่นพี่สาวซื้อมาเข้าปาก
“ นั่นไงชานยอล คยองซูอยู่ตรงนั้น คยองซูอาา ” เสียงที่ทำให้คยองซูต้องเงยหน้าขึ้นมอง ก็เห็นว่าแบคฮยอนกำลังวิ่งมาหาเขาโดยมีชานยอลที่เดินตามมาข้างหลัง พอมาถึงโต๊ะแบคฮยอนก็ตรงมานั่งข้างๆเขาทันที
“ คยองซู จงอินมันให้เรามารับคยองซูไปส่งที่คอนโดน่ะ ” แบคฮยอนเข้าที่ถูไหล่อย่างออดอ้อนจนคยองซูอดยิ้มไม่ได้ คยองซูรู้อยู่แล้วเพราะจงอินบอกกับเขาเอาไว้ก่อนจะไปถ่ายแบบว่าเดี๋ยวให้แบคฮยอนกับชานยอลไปส่ง ถึงเขาจะปฎิเสธบอกว่ากลับเองได้สบายมาก แต่สุดท้ายแล้วก็เถียงไม่ได้อยู่ดี
“ เอ่อ ชานยอลไม่นั่งหรอ ” ยิ้มให้แบคฮยอนเสร็จก็เงยขึ้นไปหาชานยอลที่กำลังยืนอยู่ข้างๆอึนจองนูน่าที่นั่งตัวแข็งไม่กระดุกกระดิกตั้งแต่ทั้งแบคฮยอนและชานยอลเดินมา คยองซูลืมไปได้ยังไงว่าอึนจองนูน่าแอบปลื้มชานยอลยิ่งกว่าอะไรดี งั้นแนะนำให้รู้จักดีไหมนะ
“ ไม่ล่ะ ขอยืนดีกว่า ”
“ ปล่อยมันทำเท่ไปเหอะคยองซู รำคาญ เอ่อ ว่าแต่แล้วนี่คือ… ” แบคฮยอนจ้องมองไปที่หญิงสาวคนเดียวในโต๊ะทันทีเมื่อไม่คุ้นหน้า
“ นี่อึนจองนูน่า พอดีอยู่ชมรมเดียวกันก็เลยสนิทกันน่ะ นูน่า นี่แบคฮยอน ชานยอลนะครับแต่ผมว่าคงไม่ต้องแนะนำหรอกเน้อะ ” ยิ้มตาหยีเมื่อเห็นท่าทางลุกลี้ลุกลนของรุ่นพี่สาว ยิ่งคยองซูพูดแหย่หญิงสาวก็ยิ่งหน้าแดงราวเปิดสวิตช์
“ อ่า ยินดีที่ได้รู้จักนะครับนูน่า ก้มหน้าก้มตาแบบนี้ก็คุยกันไม่ได้น่ะสิ ”
“ อ๊ะ คยองซู เพื่อนพี่โทรมาแล้วอ่ะ เดี๋ยวไปก่อนนะ หวัดดีนะแบคฮยอน ล..และก็เอ่อ ชานยอล >.< ” อยู่ๆมือเรียวของหญิงสาวรุ่นพี่ยกโทรศัพท์ขึ้นมามองก่อนจะรีบลุกขึ้นเดินออกจากโรงอาหารไปโดยทิ้งให้แบคฮยอนเกาหัวแกรกๆ กับท่าทีรีบร้อนของรุ่นพี่
“ คยองซู อะไรของนูน่าอ่ะ ”
“ แบบนี้แหละแบคฮยอน นูน่าคงอาย ”
“ แบคฮยอน ” แล้วจู่ๆเสียงทุ้มของชานยอลก็ดังขึ้น “ ว่าไง? ”
“ไปรอกูที่คอนโดไอ้จงอินก่อนนะ เดี๋ยวกูไปรับ ”
“ อ้าว แล้วไม่ไปด้วยกันหรอวะ? ” เอ้า งงสิครับ มีงง อะไรคือตอนแรกตั้งใจว่าจะไปส่องคยองซูที่คอนโดพร้อมกัน แต่ไหงมาทิ้งกันซะดื้อๆแบบนี้ แต่ก็ยังไม่ทันได้ถามอะไร ชานยอลมันก็พูดประโยคสุดท้ายเอาไว้ก่อนจะพาร่างอังสูงใหญ่ของมันเดินจากไปทันที
“ มีเรื่องต้องทำนิดหน่อยน่ะ กูไปก่อนนะ ”
บรรยากาศภายในเซ็ทถ่ายแบบวันนี้เป็นไปอย่างที่ทุกคนคาดหวังเอาไว้ ช่างภาพรัวชัตเตอร์ไปเรื่อยๆเมื่อนายแบบทั้งสองโพสท่าอย่างเป็นธรรมชาติ การถ่ายภาพของทั้งจงอินและเซฮุนดำเนินไปอย่างไม่มีปัญหา ลู่หานที่กอดอกมองอยู่ที่หลังฉากคลายความกังวลลงไปมากเมื่อเห็นว่าทั้งจงอินและเซฮุนมืออาชีพพอจะไม่เอาเรื่องส่วนตัวมาปะปนจนทำให้งานเสีย ยอมรับว่าทั้งคู่ทำให้เสื้อผ้าที่ใส่ออกมาดูดีไร้ที่ติสมกับคำที่ว่านายแบบคือไม้แขวนเสื้อ ถ้าไม้แขวนเสื้อดีก็จะทำให้ชุดดูมีราคาและน่าครอบครอง
ผ่านไปจนมาถึงเซ็ตสุดท้ายของวันนี้
ทั้งจงอินและเซฮุนถูกสไตล์ลิสจัดให้อยู่ในชุดสบายๆเน้นนำเสนอวัยรุ่น เครื่องประดับต่างๆถูกนำมาใส่ให้ทั้งจงอินและเซฮุนก่อนจะพาทั้งสองไปยังฉากที่ถูกเตรียมเซ็ทเอาไว้อย่างดี
ใครที่อ่านในแอฟเด็กดีจะไม่เห็น เข้าลิ้งนี้นะ >> https://www.youtube.com/watch?v=b4EI-1Y1eSs
“ เซฮุน ช่วยเอาแขนไปวางไว้บนไหล่ไคด้วยครับ นั่นแหละ ดีมาก ” เสียงชื่นชมพร้อมเสียงชัดเตอร์ดังรัวออกมาไม่หยุด ร่างสูงทั้งสองเปลี่ยนท่าทางไปเรื่อยๆจนกระทั่งถึงท่าที่เซฮุนต้องเอามือเท้าไปที่ไหล่ของจงอิน…
ไม่รู้เพราะความบังเอิญหรือถูกตั้งใจให้เห็น ตาของจงอินก็เผลอไปสบเข้ากับสร้อยเส้นเล็กบนข้อมือของเซฮุน สายตาที่มองมาราวกับสงสัยของจงอินทำให้โอเซฮุนยกยิ้มในขณะที่กล้องก็ยังถ่ายที่พวกเขาไม่หยุด แต่แค่แวบเดียวจงอินก็ต้องหันกลับไปทำหน้าที่พรีเซ้นท์เสื้อผ้าที่ตัวเองใส่ให้ออกมาดูดีต่อ ดูก็รู้ว่าสายตามันแทบอยากจะเค้นถามเซฮุนจะตายไป แสดงว่ารู้ซะด้วยว่าสร้อยเส้นนี้มันเป็นของใคร
“ พี่ขออีกสองรูปนะ นั่นแหละครับ ดีมาก โอเค เสร็จแล้วครับ เลิกกองได้ ”
หมับ!
“ มึงไปเอาสร้อยเส้นนี้มาจากไหน ” พอทุกอย่างเสร็จสิ้นลง เมื่อเขาทั้งคู่เดินเข้ามาในห้องเปลี่ยนชุด จงอินก็คว้าแขนข้างที่มีสร้อยเส้นคุ้นตาของเซฮุนเอาไว้
“ มึงคิดว่ายังไงล่ะ ” ดูจากท่าทางแล้วเหมือนว่าสร้อยเส้นนี้จะไม่ใช่แค่ของคยองซูอย่างเดียว ถ้าให้เดาไอ้จงอินนั่นแหละอาจจะเป็นคนให้สร้อยเส้นนั่นกับคยองซู เพราะดูจะเดือดร้อนซะเหลือเกินว่าสร้อยเส้นนี้มันมาอยู่กับเขาได้ยังไง ดูจะหวงทั้งสร้อยแล้วก็เจ้าของจนเซฮุนต้องหัวเราะออกมานิดๆ
ลองแหย่มันซักหน่อยคงไม่เสียหาย
“ เซฮุน กูถามว่าสร้อยเส้นนี้มันมาอยู่กับมึงได้ยังไง!! ” พูดเสร็จก็ใช้สองมือกระชากคอเสื้อของอีกคนทันทีอย่างเหลืออด
“ มึงซื้อมันมาให้ใคร กูก็ได้มันมาจากคนนั่นนั้นแหละ ”
!!!
“ ไอ้เหี้ย มึง!!! ”
ผัวะ!
แล้วก็ไม่ผิดจากที่คิด ร่างของจงอินก็กระโจนตรงใส่หมัดเข้าที่โหนกแก้มขวาของเซฮุนเข้าอย่างจัง เหตุการณ์ชุลมนที่นายแบบทั้งสองคนผลัดกันคร่อมชกกันไปกันมาทำให้ลู่หานที่เพิ่งดีลงานกับทางช่างภาพเสร็จถึงกับต้องทิ้งแฟ้มเอกสารที่อยู่ในมือแล้วตรงไปดึงต้นแขนของเซฮุนที่กำลังจะง้างหมัดต่อยจงอินคืนอย่างไม่ลดละ แต่แรงอันน้อยนิดของลู่หานเหมือนจะไม่สามารถหยุดได้
“ เซฮุน!! จงอิน!! พอ!! หยุดได้แล้ว นี่มันอะไรกันเนี่ย!!! ใครยืนอยู่มาช่วยกันจับแยกหน่อย เร็ว!! ”
ทีมงานที่อยู่รอบๆต่างพากันตื่นตระหนก ก่อนเสียงของลู่หานจะทำให้ทีมงานผู้ชายเข้าไปจับทั้งสองนายแบบแยกออกจากกันด้วยความลุลักทุเล
นี่มันเรื่องบ้าอะไร ทำไมจงอินกับเซฮุนอยู่ๆก็กัดกันเป็นหมาบ้าแบบนี้
“ โธ่เว้ยย!! ปล่อย! ” จงอินสะบัดตัวออกจากการจับกุมของทีมงานที่ดึงห้ามเขาเอาไว้อย่างแรงจนหลุด ก่อนจะเดินตรงมากระชากสร้อยให้มันหลุดจากข้อมือของเซฮุนที่สภาพก็ช้ำไม่ต่างกัน
“ สร้อยของคยองซู กูขอคืน ” พูดเท่านั้นก็หันหลังเดินออกจากประตูไป โดยที่พอลู่หานเห็นแบบนั้นก็เตรียมจะวิ่งตามออกไปทันที
“ จงอิน จงอินจะไปไหน รอพี่ก่อนส.. ”
หมับ!
พอลู่หานจะเดินตามจงอินออกไปเขากลับรู้สึกที่ไออุ่นของมือเซฮุนที่ตรงมารั้งแขนเขาเอาไว้ ไม่มีการดึงบังคับ มีแต่สัมผัสที่จับมาที่แขนเบาๆ ราวกับขอร้อง..
“ พี่อย่าหันหลังให้ผมเหมือนวันนั้นได้ไหม ได้โปรด …อยู่กับฮุนนะลู่ ”
ซึ่งมันก็ทำให้คนที่ใจแข็งมาตลอดอ่อนวูบเมื่อได้ยินประโยคที่ออกมาจากปากของเซฮุน
ปัง!
เสียงประตูที่ปิดดังสนั่นไปทั่วทั้งห้อง ทำให้คยองซูที่กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่โซฟาตัวใหญ่ต้องหันมามอง หลังจากที่ชานยอลมารับแบคฮยอนกลับไปคยองซูก็นั่งเล่นนั่งอ่านหนังสือรอจงอินกลับมา พอเห็นว่าเป็นจงอินก็ต้องยิ้มดีใจ แต่แล้วก็ต้องหุบยิ้มเมื่อเห็นใบหน้าของร่างสูงเต็มไปด้วยรอยช้ำ
“ จงอิน! ห..หน้าไปโดนอะไรมา ”
“…ไม่ต้องหรอก ” ใบหน้าคมคายเอียงหลบสัมผัสเมื่อมือเล็กหมายจะแตะดูรอยช้ำเหล่านั้นด้วยความเป็นห่วง การกระทำที่ทำให้ใจของคยองซูหล่นไปถึงพื้นดิน คำถามมากมายเกิดขึ้นในใจของเขาเต็มไปหมดตั้งแต่จงอินเปิดประตูเข้ามาด้วยสีหน้าเรียบเฉยผิดกับเมื่อเช้า
“ จ..จงอินเป็นอะไร ” คำถามนี้คงดีที่สุดที่จะเอ่ย
ร่างสูงเงียบไปพักใหญ่ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตากับอีกคนที่ยังคงจ้องมองตนอยู่ ก่อนจะเอื้อนเอ่ยประโยคที่ร่างเล็กต้องยืนเม้มริมฝีปากของตัวเองเอาไว้แน่น
“ มิ ที่บอกว่ากลัวสร้อยหายเลยเก็บไว้.. ”
“…”
“…เอาออกมาให้กูดูตอนนี้เลยได้ไหม ”
เสียงของจงอินตอนนี้เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า นัยน์ตาคมจ้องมองไปยังคนตัวเล็กที่เอาแต่หลบสายตา ความคิดที่ว่าสร้อยเส้นนั้นอาจจะแค่บังเอิญเหมือนถูกลบออกไปอย่างรวดเร็ว งั้นแบบนี้มันก็คงมีทางเดียวก็คือไอ้มิรู้อยู่แล้วว่าสร้อยมันไม่ได้หายไปไหนและอยู่ที่ใคร จงอินกำมือตัวเองแน่นจนเส้นเลือดเด่นชัด
“ จงอิน ค..คือเรา ”
“ ไหนล่ะ เอาออกมาซักที! ” พอคยองซูจะเข้าไปจับที่แขนก็โดนอีกคนแกะออก
“ …อึก ”
“ หึ ไม่มีสินะ”
“ ฮึก..อึก ”
“ เพราะมันอยู่นี่ไงมิ กูไปเอามาจากไอ้เซฮุนไง!! ” คนตัวเล็กเงยมองไปที่สร้อยจี้รูปแว่นตาที่อยู่ในมือของจงอิน พอร่างสูงเริ่มขึ้นเสียง หยาดน้ำใสที่กลั้นเอาไว้ก็ถูกปล่อยมาให้อาบหน้า ทั้งตกใจทั้งไม่อยากให้จงอินเข้าใจผิด คยองซูไม่รู้หรอกว่าจงอินเอาสร้อยเส้นนี้มาจากเซฮุนยังไง ที่รู้คือตอนนี้จงอินกำลังโกรธเขา โกรธที่เขาโกหก
“ ฮึก จงอิน ฟังเราก่อนนะ ”
“ กูไม่รู้เลยมิ กูไม่รู้ว่าที่มึงบอกว่ารู้สึกเหมือนที่กูรู้สึกเป็นเพราะกูบังคับให้มึงรู้สึกหรือเปล่า ”
“ อึก จงอิน ม..มันไม่ใช่แบบนั้น ฮึก ”
ถ้าจะให้พูดก็คือเขาไม่รู้เลยว่าไอ้มิชอบเขาในแบบที่เขาชอบไหม ยิ่งคิด ภาพเมื่อวันก่อนที่เห็นไอ้มิอยู่กับไอ้เซฮุนก็ฉายวนซ้ำไปมาในหัว ทั้งๆที่เขาพูดแล้วว่าไม่อยากให้คยองซูไปยุ่งกับเซฮุน ไหนจะเรื่องที่อยู่ๆสร้อยที่เขาซื้อให้มันกลับไปอยู่ที่เซฮุน นั่นคงไม่ผิดที่เขาไม่มั่นใจว่าตัวเองมีความสำคัญกับอีกคนแค่ไหน ถึงไอ้มิจะบอกกับเขาว่ารู้สึกเหมือนกัน แต่มันก็อาจเพราะเขามัดมือชกให้อีกคนตอบ หรือไม่ก็อาจจะพูดเพราะเมา
แล้วการกระทำที่ผ่านมาของไอ้มิ ก็อาจจะเป็นแค่การกระทำที่ไอ้มิมันไม่ได้คิดอะไรกับเขาไปมากกว่าคำว่าเพื่อนเลยก็ได้ ทั้งหมดจงอินอาจจะคิดไปเองว่าตัวเองสำคัญสำหรับไอ้มิก็ได้
“ ฮึก ฮืออ ”
“ ทำไมกูรู้สึกว่ากูชอบมึงอยู่ฝ่ายเดียวเลยวะมิ ”
“ ฮืออ ไม่ใช่นะ ฮึก จงอิน ” ร่างเล็กตรงเข้ากอดเอวจงอินที่กำลังหันหลังกลับไปที่ประตู กอดเอาไว้แน่นราวกับกลัวว่าคนตรงหน้าจะหายไป
จงอินไม่เข้าใจ ขอร้อง ฟังเขาก่อน
“ กูคงคิดไปเองคนเดียวว่ะมิ กูมันเพ้อไปเองว่ามึงจะคิดเหมือนกัน ”
“ ฮืออ ฮือออ ”
“ มึงคงไม่ได้ชอบกูเหมือนที่กูชอบมึงขนาดนั้น… ”
“ ฮึก ไม่..จงอิน อ..อย่าไปได้ไหม อึกก จงอินจะไปไหน ฮืออ ” หัวใจของจงอินแทบจะหยุดเต้นเมื่อเสียงสะอื้นปนคำของคนตัวเล็กหลุดออกมาให้ได้ยิน ไอ้มิยังคงกอดเขาเอาไว้ไม่ยอมปล่อย ใบหน้าเล็กที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำตาซบลงบนไหล่กว้างก่อนจะร้องไห้ไม่หยุด
“ปล่อยเถอะ ก่อนนอนอย่าลืมห่มผ้าลดแอร์ด้วยเดี๋ยวไม่สบาย กูจะโทรให้แบคฮยอนมาอยู่เป็นเพื่อน ” เสียงทุ้มเอ่ยอย่างข่มอารมณ์ก่อนจะแกะมือเล็กของอีกคนที่พยายามกอดรั้งตัวเขาเอาไว้ไม่ยอมปล่อย ก่อนจะเดินออกประตูไป
“ ฮึกก ฮือออ ” เสียงประตูที่ปิดลงทำให้ร่างเล็กทรุดลงไปนั่งลงกับพื้น แรงสะอื้นเริ่มมีมากขึ้นเรื่อยๆ
ตอนนี้หัวใจของคยองซูกำลังร้องไห้ไม่แพ้น้ำตาที่อาบไปทั่วแก้ม
จงอินไปแล้ว จงอินไม่อยู่แม้แต่จะรอฟังคำอธิบายจากคยองซูเลยด้วยซ้ำ
โอ้ยยย แต่งดราม่าไม่ค่อยถนัดเลยอ่ะ สงสารทั้งสองคนเลยค่ะ
ทุกคนคะ เราไม่รู้ว่าทุกคนพอจะเข้าใจความรู้สึกของจงอินไหม
คือต้องอธิบายตรงนี้ว่า ที่จงอินพูดไปสาเหตุมันไม่ได้มาจากว่าหึงน้องมินะคะ
คืออาจจะมีส่วนด้วย แต่เรื่องหลักๆคือเรื่องความรู้สึกของคยองซูล้วนๆเลย
คยองซูไม่กล้าบอกความรู้สึกของตัวเองให้ชัดเจน ส่วนจงอินก็ไม่ถามให้เคลียร์
เข้าใจผิดกันไปมา ก็มาลงเอยกันแบบนี้แหละ เฮ้อออออออออ
สงสารน้องมิได้แต่อย่าว่าพระเอกของเราเลยนะคะ
5555555555555555555555555
เอาล่ะ ตอนหน้าจะเล่าปมของจงอินเซฮุนแล้วนะ
เรื่องใกล้จะจบแล้วนะะ เตรียมตัวววววววว
ตอนนี้เรากำลังดำเนินการรวมเล่มอยู่นะคะ ใครอยากได้น้องมิไว้นอนกอด
เป็นที่ระลึกก็เตรียมตัวกันไว้เลยเน้อะะ ^^
ถ้าเราแต่งดราม่าไม่ดี ขออภัยเอาไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ
พอดีไม่ถนัด ฮึกกกกก แฮ่!
รักจากมิชช
ความคิดเห็น