คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #17 : Chapter 15
Chapter 15
‘คุณกลัวผมไหม?’
ว่ากันตามตรง
ถึงจะถามออกไปแบบนั้น แต่ซูนยองเองก็บอกไม่ได้เหมือนกันว่าเขาคาดหวังอะไรกับคำตอบจากคนตรงหน้า
เพราะมันเป็นคำถามที่ฟังดูแปลกประหลาด...
แม้จะออกจากปากของสิ่งที่เรียกว่าวิญญาณอย่างเขาก็ตาม
แผ่นหลังของอีกฝ่ายเกร็งขึ้นมาชั่วขณะ
มันเป็นช่วงวินาทีสั้น ๆ ที่ทำให้ภายในห้องเต็มไปด้วยบรรยากาศหนักอึ้ง ก่อนที่เจ้าตัวจะหันกลับมาหาเขาช้าช้า
“ทำไมผมต้องกลัวคุณด้วยล่ะครับ?”
คำถามย้อนกลับที่ทำให้ซูนยองอดไม่ได้ที่จะยิ้ม
จีฮุนคงไม่รู้ตัวหรอกว่า
ถึงจะแสดงท่าทางนิ่งเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแค่ไหน แต่ความหวาดหวั่นเล็ก ๆ ซึ่งเกาะกุมมากับลมหายใจที่กำลังติดขัดของเจ้าตัวนั่น
วิญญาณหนุ่มก็มองเห็นมันได้อยู่ดี
“นั่นสินะครับ”
เขาหัวเราะ
เสียงหัวเราะบางเบาที่ทำลายบรรยากาศแปลกประหลาดลงได้
หากแต่เมื่อจีฮุนหันกลับไปสนใจกีต้าร์ตรงหน้าต่อ
ทั้งห้องก็กลับเข้าสู่ความเงียบอีกครั้ง
ความเงียบงันอันน่าอึดอัดที่รายล้อมพวกเขาทำให้ซูนยองอดไม่ได้ที่จะนึกเสียใจที่ถามคำถามนั้นออกไป
เสียงแจ้งโทรศัพท์ที่ดังขึ้นทำให้เขาเลือกที่จะก้มลงไปสนใจมันแทน
คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันเล็กน้อยยามที่เห็นว่าเป็นข้อความของสมาชิกที่เป็นมนุษย์หนึ่งเดียวของบ้าน
อะไรกัน
ทักมาแค่ ‘พี่’ คำเดียวแล้วเงียบหายไปเลย
เกิดอะไรขึ้นกับมินกยูรึเปล่านะ?
ซูนยองส่ายหัว
ระหว่างที่กำลังตัดสินใจว่าจะโทรหาเจ้าของข้อความดีหรือไม่
ชายหนุ่มก็รับรู้ได้ถึงสายตาที่มองมาจากอีกฝั่งของห้องเสียก่อน
น่าแปลก...
ที่พอมองกลับไป จีฮุนกลับเป็นฝ่ายหลบตาเขาเสียอย่างนั้น
หากดวงตาสีดำสนิทของซูนยองยังคงจับจ้องไปยังอีกฝ่ายต่อไป
วิญญาณหนุ่มเริ่มรู้สึกตัวตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว
ว่าทุกครั้งที่เขาเผลอหรือไม่สนใจสิ่งรอบตัว
จะมีสายตาที่แอบจับจ้องมาจากหลานชายคุณอีคนนี้ทุกครั้งไป
และเมื่อดวงตาคู่นั้นมองมาอีกครั้ง
ชายหนุ่มก็ไม่รอช้าที่คว้าโอกาสนั้นไว้
“คุณมีอะไรจะพูดกับผมรึเปล่า?”
ซูนยองถามพร้อมรอยยิ้มที่ชี้ชัดว่า ไม่ยอมให้อีกฝ่ายมีโอกาสได้ตั้งตัว
“ครับ?”
น้ำเสียงของคนฟังเต็มไปด้วยร่องรอยของพิรุธเหมือนเด็กที่เพิ่งโดนจับได้ว่าแอบทำความผิด
“ก็เห็นคุณเอาแต่มองผมตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว”
ชายหนุ่มว่าพลางเก็บโทรศัพท์มือถือลงกระเป๋าเสื้อนอก
ตั้งใจไว้ว่าจะโทรหามินกยูทีหลัง “หรือแค่อยากมองเฉยๆครับ?”
มีรอยยิ้มที่มุมปากผุดขึ้นมาเล็ก
ๆ อย่างควบคุมไม่ได้เมื่อเห็นว่าจีฮุนทำหน้าไม่ถูก
หลานชายคุณอีมองเขาราวกับพยายามเอ่ยอะไรบางอย่างออกมา
แต่ก็แล้วเจ้าตัวก็เงียบไปอีกครั้ง
ซูนยองหัวเราะให้กับท่าทางไปไม่เป็นนั่น
เสียงหัวเราะของเขาคงดึงสติอะไรบางอย่างในตัวจีฮุนออกมา
เพราะดวงตาเรียวรีคู่นั้นหันมาหาพร้อมกับถามตรง ๆ ด้วยน้ำเสียงกึ่งประชด
“ถ้าแค่อยากอยากมองจริงๆล่ะครับ?”
“ก็ยินดีให้มองไงครับ”
ตอบพร้อมรอยยิ้มกว้างที่ทำให้อีกฝ่ายต้องชะงักงันไป
และใช้เวลาอีกชั่วครู่วิญญาณหนุ่มถึงได้รู้ตัวว่าเพิ่งเอ่ยอะไรออกไป
ซูนยองกระพริบตาปริบ
ๆ รับรู้ได้ถึงความร้อนที่แล่นริ้วไปตามใบหน้า
ไม่แน่ใจนักว่าเพราะคำพูดหรือรอยยิ้มของชายหนุ่มหรือเปล่าที่ทำให้จีฮุนต้องหลบสายตาไปอีกครั้ง
รู้เพียงแต่ตอนนี้หน้าของเขาคงแดงไม่แพ้กับเจ้าตัวเป็นแน่
นับว่าเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีหลังการตายที่วิญญาณหนุ่มกำลังทำตัวไม่ถูก
ให้ตายสิ...
เมื่อกี้เขาพูดอะไรแบบนั้นออกไปได้ไงนะ
บรรยากาศขัดเขินอันน่าประหลาดที่ลอยวนอยู่คงทำให้พวกเขาคงนั่งเงียบต่อไปทั้งคู่แน่
ถ้าไม่ใช่เพราะการขัดจังหวะจากผู้มาใหม่ที่เปิดประตูเข้ามาอย่างไม่ทันให้ใครได้ตั้งตัวเสียก่อน
“พี่
พ่อให้มาตามอ่ะ”
น้ำเสียงอันคุ้นเคยของอี
ซอกมิน ทำให้คนที่หลบตากันอยู่สะดุ้งพร้อมกันอย่างรวดเร็ว
ในขณะที่ลูกชายคนโตแห่งบ้าน mocha dawn
มีสีหน้าแปลกใจยามที่เห็นเขานั่งอยู่ตรงนั้นด้วย
“โอ๊ะ...”
ดวงตาของผู้มาใหม่เบิกกว้างอย่างประหลาดใจสุดขีด
ก่อนมองซูนยองสลับกับจีฮุนด้วยสายตาเลิ่กลั่ก “ทำไม...”
“ได้เวลาแล้วเหรอ?”
จีฮุนที่ถอนหายใจออกมาเล็กน้อยอย่างโล่งใจยามเห็นว่าผู้มาใหม่เป็นใคร ชายหนุ่มกระโดดลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว
หลานชายของคุณอีเก็บข้าวของลวก ๆ แล้วหันมาหาซูนยอง “ขอโทษที่รบกวนนะครับ”
พูดจบก็เดินหายออกไปทันที
ทิ้งไว้เพียงแต่คนเป็นน้องชายที่ยังยืนอึ้งอยู่
“พี่รู้จักพี่จีฮุนด้วยเหรอ?”
สีหน้าแปลกประหลาดของคนอายุน้อยกว่าทำให้ซูนยองต้องยิ้มแห้ง
“บังเอิญเจอกันครั้งหนึ่งน่ะ”
วิญญาณหนุ่มว่า ก่อนรีบอธิบายต่อ “ลูกพี่ลูกน้องนายมาขอให้วอนอูช่วยดูเรื่องรีโนเวท
ฉันเลยมาแทน”
ซอกมินหรี่ตามองมาที่เขาอย่างสงสัย
“พ่อรู้เรื่องนี้ไหมครับ”
“เรื่องไหน?”
เขาถามย้อนกลับ “เรื่องที่จีฮุนจะรีโนเวทที่นี่
หรือเรื่องที่ฉันกับจีฮุนเจอกันแล้ว”
ซูนยองย้อนด้วยน้ำเสียงที่พยายามให้สงบที่สุด
“ก็ทั้งสองเรื่อง”
คนอายุน้อยกว่าว่า ในขณะที่วิญญาณหนุ่มแค่ยักไหล่แทนคำตอบ
ดวงตาสีดำสนิทที่บัดนี้เริ่มมีสีแดงจางแทรกอยู่หันมาจ้องซอกมินด้วยสายตาจริงจัง
“ไหนไหนก็ไหนไหนแล้ว
ลองบอกมาสิว่าทำไมพ่อนายถึงไม่อยากให้ฉันเจอจีฮุน”
คำถามที่ทำให้คนฟังต้องถอนหายใจ
“เรื่องนั้นผมก็อยากรู้เหมือนกัน”
“พี่คิดว่าพ่อจะบอกผมรึไง” ซอกมินว่า ก่อนร่ายยาวต่ออย่างไม่สบอารมณ์นัก “พอถามมาก ๆ เข้า ก็เอาแต่บอกว่าไม่ใช่เรื่องของเด็ก”
“แล้วพี่อ่ะ
บอกผมหน่อยได้ไหมว่าทำไม”
คำถามที่ทำให้คนฟังได้แค่ถอนหายใจ
“ถ้าฉันรู้
ฉันจะถามนายเหรอ”
“ไหนเขาบอกวิญญาณรู้ทุกอย่าง”
“ไม่รู้โว๊ยยยยยยยย”
ควัก
อารอนไล้นิ้วมือไปตามชั้นหนังสือตรงหน้าช้าช้า ดวงตาสีทองจับจ้องไปยังบรรดากองหนังสือที่วางซ้อนกันอยู่อย่างไม่เป็นระเบียบนักอย่างตั้งใจ
ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาเล็กน้อยเมื่อพบกับสิ่งที่ต้องการ
เขากำลังดึงมันออกมายามที่เสียงเคาะประตูดังขึ้น
“มินกยู?”
คุณหมอประจำบ้านเอ่ยเสียงฉงน เมื่อเปิดประตูออกไปพบกับสมาชิกของบ้านที่คิดว่าเข้านอนไปแล้ว
“ขอเข้าไปหน่อยได้ไหมครับ”
คำถามของผู้มาเยือนที่ทำให้คิ้วได้รูปที่มุ่นเข้าหากันอยู่แล้ว
ขมวดเข้ากันมากกว่าเดิม
มินกยูแทรกตัวเข้าไปในห้องตรงหน้ายามที่คนอายุกว่าหลีกทางให้
สอดส่ายสายตาไปทั่วห้องเล็กน้อย ก่อนหันมาถาม
“เวอร์นอนล่ะครับ”
“อาบน้ำอยู่น่ะ”
อารอนว่า คุณหมอประจำบ้านลากเก้าอี้จากโต๊ะทำงานมาให้เด็กหนุ่มผู้มาใหม่
แล้วจึงนั่งลงบนเตียงของตัวเอง “มีอะไรรึเปล่า”
“ผมมีเรื่องอยากปรึกษาหน่อยน่ะครับ”
“อ่าหะ”
มินกยูนั่งอย่างเกร็ง
ๆ ลงบนเก้าอี้ที่ถูกลากมาให้
แม้จะเป็นครั้งแรกที่ได้เข้ามาในห้องนอนของอารอนและเวอร์นอน
แต่ลักษณะห้องนอนทั้งสองฝั่งที่ถูกตกแต่งให้ต่างกันอย่างชัดเจนก็ทำให้เขาพอเดาได้ว่าใครเป็นเจ้าของฝั่งไหนได้อย่างไม่ยากเย็น
เด็กหนุ่มหันกลับมาสบตากับคนเป็นเจ้าของห้องอีกครั้ง
“พี่ซูนยองบอกผมว่าพี่คิดว่าคุณฮง
จีซูเป็นนักล่าสายตระกูลทางด้านปีศาจ แต่ยังไม่ใจว่าใครเป็นเป้าหมายใช่ไหมครับ”
“อืม... ประมาณนั้น” อารอนว่า
มีอะไรบางอย่างที่คล้ายสงสัยในจุดประสงค์ของคำถามในน้ำเสียงนั้น
“ผมว่าผมรู้แล้วว่าใครคือเป้าหมายของคุณฮง”
ดวงสีทองที่มองกลับมามีแววฉงน
“หมายความว่าไง”
เด็กหนุ่มนิ่งไปชั่วครู่
ในขณะที่สมองกำลังวิ่งวนถึงบทสนทนาระหว่างตัวเขาเองและฮง จีซูเมื่อเช้า
หัวหน้าคนใหม่ของวอนอูเอ่ยกับเขาเบา
ๆ ก่อนที่เจ้าตัวจะกลับไป
‘ฉันคิดว่านายไม่ควรบอกคนอื่นในบ้านถึงข้อตกลงของเรานะ’
‘คำขู่จากคุณเหรอครับ’
เด็กหนุ่มตัดสินใจถามออกไปตรง
ๆ
‘คำเตือนมากกว่านะ’
มินกยูถอนหายใจ
คนตรงหน้าคงไม่คิดว่าเขาจะเดินดุ่ม ๆ เข้าไปแทงวอนอูเพื่อให้ได้เลือดมาหรอกใช่มั้ย
ขืนทำแบบนั้นคนแรกที่ตายก็เขานี่แหละ
ไอ้การจะเอาเลือดแวมไพร์หนุ่มมาได้โดยไม่บอกใครน่ะ
มันเป็นไปได้ที่ไหนกัน
หากถึงแบบนั้น
จะให้เดินไปเคาะห้องแล้วบอกวอนอูตามตรง เด็กหนุ่มก็ไม่แน่ใจนักว่าเป็นความคิดที่ดีนัก
เขารู้ดีว่าชายหนุ่มคงยอมรับฟังแต่โดยดี เผลอ ๆ อาจจะให้เลือดเขามาเลยก็ได้
ทว่ามีอะไรบางอย่างที่ติดอยู่ในใจของเขามาตั้งแต่เช้าทำให้มินกยูเลือกที่จะมาหาคุณหมอประจำบ้านมากกว่า
ถ้าเป้าหมายของจีซูคือวอนอูจริง
เขาก็ไม่ปรารถนาให้บรรณารักษ์หนุ่มต้องเจ็บตัว
นอกจากนี้เด็กหนุ่มยังไม่คิดว่าตัวเองไว้ใจนักล่าหนุ่มนัก
คิดแล้วก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจอีกครั้ง
แล้วจึงเงยขึ้นสบตากับอารอนตรง ๆ
“วันนี้คุณฮง
จีซูมาหาผมที่บ้านครับ”
คิ้วของคนฟังเลิกขึ้นเล็กน้อยแต่ยังคงยิ้มอย่างใจเย็น
จากนั้นเรื่องราวข้อตกลงเมื่อตอนเช้าก็พลั่งพลูออกจากปากของมินกยู
“ผมเลยไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี”
เขาสรุป
อารอนถอนหายใจออกมาเล็กน้อย
“แปลก...”
คนที่นั่งฟังมินกยูด้วยความสงบมาตลอดเอ่ยเสียงงึมงำคล้ายกำลังบ่นกับตัวเอง
“ทำไมถึงเป็นวอนอูได้ล่ะ”
“เลือดของคุณวอนอูมีอะไรพิเศษแบบเวอร์นอนไหมครับ”
เด็กหนุ่มถาม
“พิเศษเหรอ...
ก็มีเวทย์มนต์ล่ะมั้ง แต่ก็ใช่ว่าใครที่ไหนจะใช้ก็ได้นะ”
คุณหมอประจำบ้านตอบอย่างไม่แน่ใจนัก “นายบอก ฮง จีซู ว่าจะให้คำตอบเมื่อไร”
“พรุ่งนี้ครับ”
“พรุ่งนี้?”
อารอนทวนพร้อมกับถอนหายใจอีกครั้ง “ไปเรียกวอนอูมาคุยกันเถอะ ไม่สิ...”
คนที่กำลังพูดหันไปมองห้องน้ำอย่างใช้ความคิด
“ไปคุยกันที่ห้องหมอนั่นกันเถอะ”
“พี่จะบอกคุณวอนอูเหรอครับ?”
“ก็ต้องบอกอยู่แล้วสิ”
อารอนตอบอย่างงง ๆ “ฉันไม่ควรบอกเหรอ?”
มินกยูส่ายหัว
“ไม่ใช่แบบนั้นครับ”
ดวงตาสีทองมีแววงุนงงอย่างปิดไม่มิด
“งั้นก็ไปห้อง
101 กัน...”
คุณหมอประจำบ้านกำลังลุกขึ้นยืน
ยามที่มีเสียงแทรกมาจากด้านหลังของพวกเขา
“ไม่ต้องหรอก
บอกที่นี่เลยก็ได้”
มินกยูกระพริบตาอย่างงุนงงเมื่อหันไปสบตากับเจ้าของเสียงที่ยืนยิ้มอิงประตูอยู่
ซูนยองหัวเราะเล็กน้อยกับสีหน้าของเขาและอารอน
ก่อนจะที่วิญญาณประจำบ้านจะก้าวเข้ามาในลักษณะที่เรียกว่าล่องลอยเสียมากกว่า
ตามมาด้วยรูมเมทของเจ้าตัวที่เดินตามเข้ามาด้วยเช่นกัน
“ได้ยินตั้งแต่ตอนไหนเนี่ย”
คุณหมอประจำบ้านถาม
“ตั้งแต่ที่ว่าควรบอกหรือไม่ควรบอก”
วอนอูตอบสั้น ๆ
“บอกไว้ก่อนว่าพวกเราเคาะประตูแล้วนะ
แต่ไม่เห็นมีใครตอบ เลยแง้ม ๆ มาดู” ซูนยองเสริม
อารอนส่ายหัว
“พวกผมเป็นห่วงนี่”
วิญญาณประจำบ้านแก้ตัวอีกครั้ง “เยบินบอกว่าวันนี้บ้านเราน่าจะมีแขก
เลยมาเช็กว่ามีอะไรผิดปกติรึเปล่า”
“พี่เยบินรู้ด้วยเหรอครับ”
มินกยูถามขึ้นมาอย่างงุนงง
“ยัยนั่นเป็นพวกมีสัมผัสพิเศษเรื่องกลิ่นน่ะ”
วอนอูอธิบายง่าย ๆ ก่อนจะหันมามองเด็กหนุ่ม “นายไม่เป็นไรใช่ไหม”
“ไม่เป็นไรครับ”
เขาตอบ
“เมื่อกี้ตอนไปเคาะห้องใต้หลังคาแล้วไม่มีใครตอบ
พวกฉันตกใจแทบตาย” ซูนยองบ่นขึ้นมาอีกครั้ง
หากก่อนที่จะมีใครได้เอ่ยอะไรออกมาต่อ
คนเป็นเจ้าของห้องก็กระแอมขึ้นมาเบา ๆ
“ทุกคน”
คุณหมอหนุ่มพยักพเยิดไปทางห้องน้ำเหมือนกำลังเตือน
“ย้ายไปคุยที่อื่นเถอะ”
และนั่นก็ทำให้มินกยูพร้อมกับเพื่อนร่วมบ้านต้องมานั่งประชุมกันที่ห้องใต้หลังคาหรือห้องนอนของเขาอย่างจริงจังแทน
ภาพของบรรดาคนอายุมากกว่าที่พยายามจับจ้องพื้นที่แคบ
ๆ ในห้องนั้น ทำให้เจ้าของห้องชั่วคราวอดไม่ได้ที่จะต้องกลั้นยิ้ม ทั้งวิญญาณประจำบ้านที่ครอบครองพื้นที่ของขอบหน้าต่างอยู่
อารอนที่กำลังยืนพิงชั้นหนังสือพร้อมกับมองมันอย่างสนใจไปด้วย ส่วนเจ้าของห้องที่แท้จริงอย่างวอนอูนั้นนั่งอยู่บนเตียงคนฝั่งกับเขา
แวมไพร์หนุ่มรับฝังทุกอย่างที่อารอนเล่าให้ฟังอย่างสงบ
แตกต่างกับรูมเมทของเจ้าตัวที่ดูจะมีปฏิกิริยาแทน
“กับดักชัด
ๆ” ซูนยองว่า
“ก็เป็นไปได้”
คุณหมอประจำบ้านพยักหน้ารับ “แต่ปัญหาก็คือเราไม่มีทางเลือกแล้วน่ะสิ”
“ยังหาทางไม่ได้เลยเหรอ?”
ร่างโปร่งใสเหลือบตาไปมองเพื่อนร่วมห้องของตัวเอง
“อืม”
“ถ้ามันเป็นกับดักอย่างที่พี่ซูนยองว่า
ผมคิดว่าเราก็ไม่ควรเสี่ยง” มินกยูที่เงียบฟังอยู่นานเอ่ยขึ้นมาบ้าง “ถึงจะเปิดเทอมแล้ว
แต่ผมมาหาคุณวอนอูที่นี่ได้ หรือคุณไปหาผมก็ได้นี่ครับ”
ประโยคสุดท้ายเด็กหนุ่มหันไปหาวอนอู
ในขณะที่คนถูกพูดถึงส่ายหน้าแทนคำตอบ
“ก็อันตรายอยู่ดี”
แวมไพร์หนุ่มปฏิเสธ “ถ้านายเข้ามหาลัยแล้วก็จะยิ่งลำบากไปใหญ่”
คนฟังที่เหลือในห้องถอนหายใจพร้อมกัน
“นายต้องมีชีวิตของนาย
และการถูกผูกอยู่กับฉันแบบนี้มันไม่ดีแน่ ๆ” วอนอูเอ่ยต่อ
มีรอยยิ้มบางราวกับปลอบประโลมบนใบหน้าของคนพูดที่ทำให้มินกยูต้องนิ่งไปอย่างเถียงต่อไปออก
“เพราะแบบนั้น...”
แวมไพร์หนุ่มเงียบไปสักพักคล้ายกับกำลังตัดสินใจ “ฉันว่ามันคุ้มที่จะเสี่ยง”
ทุกคนในห้องมองหน้ากันอีกครั้ง
มีสีหน้าหลากหลายทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย หรือแม้กระทั่งลังเลใจ
ก่อนที่วิญญาณประจำบ้านจะเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“นี่”
มีประกายบางอย่างในดวงตาสีแดงคู่นั้นที่ทำให้มินกยูอดไม่ได้ที่จะรู้สึกขนลุก
“ถ้ามันจะเป็นกับดักจริง...”
ซูนยองว่าด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นในแบบที่เด็กหนุ่มไม่เคยได้ยินมาก่อน
“ก็น่าลองเปลี่ยนให้กับดักของเราแทนได้นะ”
TBC.
วันที่ 18/06/20
นี้ seventeen จะปล่อยมินิอัลบั้มใหม่แล้ว
แถมวันที่ 28/05/20 นี้ มินวอนยังมีเพลงใหม่ที่ได้ร่วมงานกับคุณฮาอีด้วย
อย่าลืมติดตามให้กำลังใจเด็ก ๆ กันด้วยนะคะ
ขอบคุณที่ยังติดตามเรื่องนี้กันอยู่นะคะ ><
Mianami
ความคิดเห็น