ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Seventeen] Vanilla Twilight #minwon #soonhoon

    ลำดับตอนที่ #17 : Chapter 15

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 154
      10
      24 พ.ค. 64


    Chapter 15


     

    คุณกลัวผมไหม?


    ว่ากันตามตรง ถึงจะถามออกไปแบบนั้น แต่ซูนยองเองก็บอกไม่ได้เหมือนกันว่าเขาคาดหวังอะไรกับคำตอบจากคนตรงหน้า


    เพราะมันเป็นคำถามที่ฟังดูแปลกประหลาด... แม้จะออกจากปากของสิ่งที่เรียกว่าวิญญาณอย่างเขาก็ตาม


    แผ่นหลังของอีกฝ่ายเกร็งขึ้นมาชั่วขณะ มันเป็นช่วงวินาทีสั้น ๆ ที่ทำให้ภายในห้องเต็มไปด้วยบรรยากาศหนักอึ้ง ก่อนที่เจ้าตัวจะหันกลับมาหาเขาช้าช้า


    “ทำไมผมต้องกลัวคุณด้วยล่ะครับ?”


    คำถามย้อนกลับที่ทำให้ซูนยองอดไม่ได้ที่จะยิ้ม


    จีฮุนคงไม่รู้ตัวหรอกว่า ถึงจะแสดงท่าทางนิ่งเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแค่ไหน แต่ความหวาดหวั่นเล็ก ๆ ซึ่งเกาะกุมมากับลมหายใจที่กำลังติดขัดของเจ้าตัวนั่น วิญญาณหนุ่มก็มองเห็นมันได้อยู่ดี


    “นั่นสินะครับ” เขาหัวเราะ


    เสียงหัวเราะบางเบาที่ทำลายบรรยากาศแปลกประหลาดลงได้ หากแต่เมื่อจีฮุนหันกลับไปสนใจกีต้าร์ตรงหน้าต่อ ทั้งห้องก็กลับเข้าสู่ความเงียบอีกครั้ง


    ความเงียบงันอันน่าอึดอัดที่รายล้อมพวกเขาทำให้ซูนยองอดไม่ได้ที่จะนึกเสียใจที่ถามคำถามนั้นออกไป


    เสียงแจ้งโทรศัพท์ที่ดังขึ้นทำให้เขาเลือกที่จะก้มลงไปสนใจมันแทน


    คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันเล็กน้อยยามที่เห็นว่าเป็นข้อความของสมาชิกที่เป็นมนุษย์หนึ่งเดียวของบ้าน


    อะไรกัน ทักมาแค่ พี่ คำเดียวแล้วเงียบหายไปเลย


    เกิดอะไรขึ้นกับมินกยูรึเปล่านะ?


    ซูนยองส่ายหัว ระหว่างที่กำลังตัดสินใจว่าจะโทรหาเจ้าของข้อความดีหรือไม่ ชายหนุ่มก็รับรู้ได้ถึงสายตาที่มองมาจากอีกฝั่งของห้องเสียก่อน


    น่าแปลก... ที่พอมองกลับไป จีฮุนกลับเป็นฝ่ายหลบตาเขาเสียอย่างนั้น


    หากดวงตาสีดำสนิทของซูนยองยังคงจับจ้องไปยังอีกฝ่ายต่อไป วิญญาณหนุ่มเริ่มรู้สึกตัวตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว ว่าทุกครั้งที่เขาเผลอหรือไม่สนใจสิ่งรอบตัว จะมีสายตาที่แอบจับจ้องมาจากหลานชายคุณอีคนนี้ทุกครั้งไป


    และเมื่อดวงตาคู่นั้นมองมาอีกครั้ง ชายหนุ่มก็ไม่รอช้าที่คว้าโอกาสนั้นไว้


    “คุณมีอะไรจะพูดกับผมรึเปล่า?” ซูนยองถามพร้อมรอยยิ้มที่ชี้ชัดว่า ไม่ยอมให้อีกฝ่ายมีโอกาสได้ตั้งตัว


    “ครับ?”


    น้ำเสียงของคนฟังเต็มไปด้วยร่องรอยของพิรุธเหมือนเด็กที่เพิ่งโดนจับได้ว่าแอบทำความผิด


    “ก็เห็นคุณเอาแต่มองผมตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว” ชายหนุ่มว่าพลางเก็บโทรศัพท์มือถือลงกระเป๋าเสื้อนอก ตั้งใจไว้ว่าจะโทรหามินกยูทีหลัง “หรือแค่อยากมองเฉยๆครับ?”


    มีรอยยิ้มที่มุมปากผุดขึ้นมาเล็ก ๆ อย่างควบคุมไม่ได้เมื่อเห็นว่าจีฮุนทำหน้าไม่ถูก


    หลานชายคุณอีมองเขาราวกับพยายามเอ่ยอะไรบางอย่างออกมา แต่ก็แล้วเจ้าตัวก็เงียบไปอีกครั้ง


    ซูนยองหัวเราะให้กับท่าทางไปไม่เป็นนั่น


    เสียงหัวเราะของเขาคงดึงสติอะไรบางอย่างในตัวจีฮุนออกมา เพราะดวงตาเรียวรีคู่นั้นหันมาหาพร้อมกับถามตรง ๆ ด้วยน้ำเสียงกึ่งประชด


    “ถ้าแค่อยากอยากมองจริงๆล่ะครับ?”


    “ก็ยินดีให้มองไงครับ”


    ตอบพร้อมรอยยิ้มกว้างที่ทำให้อีกฝ่ายต้องชะงักงันไป และใช้เวลาอีกชั่วครู่วิญญาณหนุ่มถึงได้รู้ตัวว่าเพิ่งเอ่ยอะไรออกไป


    ซูนยองกระพริบตาปริบ ๆ รับรู้ได้ถึงความร้อนที่แล่นริ้วไปตามใบหน้า


    ไม่แน่ใจนักว่าเพราะคำพูดหรือรอยยิ้มของชายหนุ่มหรือเปล่าที่ทำให้จีฮุนต้องหลบสายตาไปอีกครั้ง รู้เพียงแต่ตอนนี้หน้าของเขาคงแดงไม่แพ้กับเจ้าตัวเป็นแน่


    นับว่าเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีหลังการตายที่วิญญาณหนุ่มกำลังทำตัวไม่ถูก


    ให้ตายสิ... เมื่อกี้เขาพูดอะไรแบบนั้นออกไปได้ไงนะ


    บรรยากาศขัดเขินอันน่าประหลาดที่ลอยวนอยู่คงทำให้พวกเขาคงนั่งเงียบต่อไปทั้งคู่แน่ ถ้าไม่ใช่เพราะการขัดจังหวะจากผู้มาใหม่ที่เปิดประตูเข้ามาอย่างไม่ทันให้ใครได้ตั้งตัวเสียก่อน


    “พี่ พ่อให้มาตามอ่ะ”


    น้ำเสียงอันคุ้นเคยของอี ซอกมิน ทำให้คนที่หลบตากันอยู่สะดุ้งพร้อมกันอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ลูกชายคนโตแห่งบ้าน mocha dawn มีสีหน้าแปลกใจยามที่เห็นเขานั่งอยู่ตรงนั้นด้วย


    “โอ๊ะ...” ดวงตาของผู้มาใหม่เบิกกว้างอย่างประหลาดใจสุดขีด ก่อนมองซูนยองสลับกับจีฮุนด้วยสายตาเลิ่กลั่ก “ทำไม...”


    “ได้เวลาแล้วเหรอ?” จีฮุนที่ถอนหายใจออกมาเล็กน้อยอย่างโล่งใจยามเห็นว่าผู้มาใหม่เป็นใคร ชายหนุ่มกระโดดลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว หลานชายของคุณอีเก็บข้าวของลวก ๆ แล้วหันมาหาซูนยอง “ขอโทษที่รบกวนนะครับ”


    พูดจบก็เดินหายออกไปทันที ทิ้งไว้เพียงแต่คนเป็นน้องชายที่ยังยืนอึ้งอยู่


    “พี่รู้จักพี่จีฮุนด้วยเหรอ?”


    สีหน้าแปลกประหลาดของคนอายุน้อยกว่าทำให้ซูนยองต้องยิ้มแห้ง


    “บังเอิญเจอกันครั้งหนึ่งน่ะ” วิญญาณหนุ่มว่า ก่อนรีบอธิบายต่อ “ลูกพี่ลูกน้องนายมาขอให้วอนอูช่วยดูเรื่องรีโนเวท ฉันเลยมาแทน”


    ซอกมินหรี่ตามองมาที่เขาอย่างสงสัย


    “พ่อรู้เรื่องนี้ไหมครับ”


    “เรื่องไหน?” เขาถามย้อนกลับ “เรื่องที่จีฮุนจะรีโนเวทที่นี่ หรือเรื่องที่ฉันกับจีฮุนเจอกันแล้ว”


    ซูนยองย้อนด้วยน้ำเสียงที่พยายามให้สงบที่สุด


    “ก็ทั้งสองเรื่อง” คนอายุน้อยกว่าว่า ในขณะที่วิญญาณหนุ่มแค่ยักไหล่แทนคำตอบ


    ดวงตาสีดำสนิทที่บัดนี้เริ่มมีสีแดงจางแทรกอยู่หันมาจ้องซอกมินด้วยสายตาจริงจัง


    “ไหนไหนก็ไหนไหนแล้ว ลองบอกมาสิว่าทำไมพ่อนายถึงไม่อยากให้ฉันเจอจีฮุน”


    คำถามที่ทำให้คนฟังต้องถอนหายใจ “เรื่องนั้นผมก็อยากรู้เหมือนกัน”


    “พี่คิดว่าพ่อจะบอกผมรึไง” ซอกมินว่า ก่อนร่ายยาวต่ออย่างไม่สบอารมณ์นัก “พอถามมาก ๆ เข้า ก็เอาแต่บอกว่าไม่ใช่เรื่องของเด็ก”


    “แล้วพี่อ่ะ บอกผมหน่อยได้ไหมว่าทำไม”


    คำถามที่ทำให้คนฟังได้แค่ถอนหายใจ


    “ถ้าฉันรู้ ฉันจะถามนายเหรอ”


    “ไหนเขาบอกวิญญาณรู้ทุกอย่าง”


    “ไม่รู้โว๊ยยยยยยยย”

     

     



     

     

    ควัก อารอนไล้นิ้วมือไปตามชั้นหนังสือตรงหน้าช้าช้า ดวงตาสีทองจับจ้องไปยังบรรดากองหนังสือที่วางซ้อนกันอยู่อย่างไม่เป็นระเบียบนักอย่างตั้งใจ ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาเล็กน้อยเมื่อพบกับสิ่งที่ต้องการ


    เขากำลังดึงมันออกมายามที่เสียงเคาะประตูดังขึ้น


    “มินกยู?” คุณหมอประจำบ้านเอ่ยเสียงฉงน เมื่อเปิดประตูออกไปพบกับสมาชิกของบ้านที่คิดว่าเข้านอนไปแล้ว


    “ขอเข้าไปหน่อยได้ไหมครับ”


    คำถามของผู้มาเยือนที่ทำให้คิ้วได้รูปที่มุ่นเข้าหากันอยู่แล้ว ขมวดเข้ากันมากกว่าเดิม


    มินกยูแทรกตัวเข้าไปในห้องตรงหน้ายามที่คนอายุกว่าหลีกทางให้ สอดส่ายสายตาไปทั่วห้องเล็กน้อย ก่อนหันมาถาม


    “เวอร์นอนล่ะครับ”


    “อาบน้ำอยู่น่ะ” อารอนว่า คุณหมอประจำบ้านลากเก้าอี้จากโต๊ะทำงานมาให้เด็กหนุ่มผู้มาใหม่ แล้วจึงนั่งลงบนเตียงของตัวเอง “มีอะไรรึเปล่า”


    “ผมมีเรื่องอยากปรึกษาหน่อยน่ะครับ”


    “อ่าหะ”


    มินกยูนั่งอย่างเกร็ง ๆ ลงบนเก้าอี้ที่ถูกลากมาให้


    แม้จะเป็นครั้งแรกที่ได้เข้ามาในห้องนอนของอารอนและเวอร์นอน แต่ลักษณะห้องนอนทั้งสองฝั่งที่ถูกตกแต่งให้ต่างกันอย่างชัดเจนก็ทำให้เขาพอเดาได้ว่าใครเป็นเจ้าของฝั่งไหนได้อย่างไม่ยากเย็น


    เด็กหนุ่มหันกลับมาสบตากับคนเป็นเจ้าของห้องอีกครั้ง


    “พี่ซูนยองบอกผมว่าพี่คิดว่าคุณฮง จีซูเป็นนักล่าสายตระกูลทางด้านปีศาจ แต่ยังไม่ใจว่าใครเป็นเป้าหมายใช่ไหมครับ


    อืม... ประมาณนั้น อารอนว่า มีอะไรบางอย่างที่คล้ายสงสัยในจุดประสงค์ของคำถามในน้ำเสียงนั้น


    “ผมว่าผมรู้แล้วว่าใครคือเป้าหมายของคุณฮง”


    ดวงสีทองที่มองกลับมามีแววฉงน


    “หมายความว่าไง”


    เด็กหนุ่มนิ่งไปชั่วครู่ ในขณะที่สมองกำลังวิ่งวนถึงบทสนทนาระหว่างตัวเขาเองและฮง จีซูเมื่อเช้า


    หัวหน้าคนใหม่ของวอนอูเอ่ยกับเขาเบา ๆ ก่อนที่เจ้าตัวจะกลับไป


    ฉันคิดว่านายไม่ควรบอกคนอื่นในบ้านถึงข้อตกลงของเรานะ


    คำขู่จากคุณเหรอครับ


    เด็กหนุ่มตัดสินใจถามออกไปตรง ๆ


    คำเตือนมากกว่านะ


    มินกยูถอนหายใจ คนตรงหน้าคงไม่คิดว่าเขาจะเดินดุ่ม ๆ เข้าไปแทงวอนอูเพื่อให้ได้เลือดมาหรอกใช่มั้ย


    ขืนทำแบบนั้นคนแรกที่ตายก็เขานี่แหละ


    ไอ้การจะเอาเลือดแวมไพร์หนุ่มมาได้โดยไม่บอกใครน่ะ มันเป็นไปได้ที่ไหนกัน


    หากถึงแบบนั้น จะให้เดินไปเคาะห้องแล้วบอกวอนอูตามตรง เด็กหนุ่มก็ไม่แน่ใจนักว่าเป็นความคิดที่ดีนัก เขารู้ดีว่าชายหนุ่มคงยอมรับฟังแต่โดยดี เผลอ ๆ อาจจะให้เลือดเขามาเลยก็ได้


    ทว่ามีอะไรบางอย่างที่ติดอยู่ในใจของเขามาตั้งแต่เช้าทำให้มินกยูเลือกที่จะมาหาคุณหมอประจำบ้านมากกว่า


    ถ้าเป้าหมายของจีซูคือวอนอูจริง เขาก็ไม่ปรารถนาให้บรรณารักษ์หนุ่มต้องเจ็บตัว นอกจากนี้เด็กหนุ่มยังไม่คิดว่าตัวเองไว้ใจนักล่าหนุ่มนัก


    คิดแล้วก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจอีกครั้ง แล้วจึงเงยขึ้นสบตากับอารอนตรง ๆ


    “วันนี้คุณฮง จีซูมาหาผมที่บ้านครับ”


    คิ้วของคนฟังเลิกขึ้นเล็กน้อยแต่ยังคงยิ้มอย่างใจเย็น จากนั้นเรื่องราวข้อตกลงเมื่อตอนเช้าก็พลั่งพลูออกจากปากของมินกยู


    “ผมเลยไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี”


    เขาสรุป


    อารอนถอนหายใจออกมาเล็กน้อย


    “แปลก...” คนที่นั่งฟังมินกยูด้วยความสงบมาตลอดเอ่ยเสียงงึมงำคล้ายกำลังบ่นกับตัวเอง “ทำไมถึงเป็นวอนอูได้ล่ะ”


    “เลือดของคุณวอนอูมีอะไรพิเศษแบบเวอร์นอนไหมครับ” เด็กหนุ่มถาม


    “พิเศษเหรอ... ก็มีเวทย์มนต์ล่ะมั้ง แต่ก็ใช่ว่าใครที่ไหนจะใช้ก็ได้นะ” คุณหมอประจำบ้านตอบอย่างไม่แน่ใจนัก “นายบอก ฮง จีซู ว่าจะให้คำตอบเมื่อไร”


    “พรุ่งนี้ครับ”


    “พรุ่งนี้?” อารอนทวนพร้อมกับถอนหายใจอีกครั้ง “ไปเรียกวอนอูมาคุยกันเถอะ ไม่สิ...”


    คนที่กำลังพูดหันไปมองห้องน้ำอย่างใช้ความคิด “ไปคุยกันที่ห้องหมอนั่นกันเถอะ”


    “พี่จะบอกคุณวอนอูเหรอครับ?”


    “ก็ต้องบอกอยู่แล้วสิ” อารอนตอบอย่างงง ๆ “ฉันไม่ควรบอกเหรอ?”


    มินกยูส่ายหัว


    “ไม่ใช่แบบนั้นครับ”


    ดวงตาสีทองมีแววงุนงงอย่างปิดไม่มิด


    “งั้นก็ไปห้อง 101 กัน...”


    คุณหมอประจำบ้านกำลังลุกขึ้นยืน ยามที่มีเสียงแทรกมาจากด้านหลังของพวกเขา


    “ไม่ต้องหรอก บอกที่นี่เลยก็ได้”


    มินกยูกระพริบตาอย่างงุนงงเมื่อหันไปสบตากับเจ้าของเสียงที่ยืนยิ้มอิงประตูอยู่


    ซูนยองหัวเราะเล็กน้อยกับสีหน้าของเขาและอารอน ก่อนจะที่วิญญาณประจำบ้านจะก้าวเข้ามาในลักษณะที่เรียกว่าล่องลอยเสียมากกว่า ตามมาด้วยรูมเมทของเจ้าตัวที่เดินตามเข้ามาด้วยเช่นกัน


    “ได้ยินตั้งแต่ตอนไหนเนี่ย”


    คุณหมอประจำบ้านถาม


    “ตั้งแต่ที่ว่าควรบอกหรือไม่ควรบอก” วอนอูตอบสั้น ๆ


    “บอกไว้ก่อนว่าพวกเราเคาะประตูแล้วนะ แต่ไม่เห็นมีใครตอบ เลยแง้ม ๆ มาดู” ซูนยองเสริม


    อารอนส่ายหัว


    “พวกผมเป็นห่วงนี่” วิญญาณประจำบ้านแก้ตัวอีกครั้ง “เยบินบอกว่าวันนี้บ้านเราน่าจะมีแขก เลยมาเช็กว่ามีอะไรผิดปกติรึเปล่า”


    “พี่เยบินรู้ด้วยเหรอครับ” มินกยูถามขึ้นมาอย่างงุนงง


    “ยัยนั่นเป็นพวกมีสัมผัสพิเศษเรื่องกลิ่นน่ะ” วอนอูอธิบายง่าย ๆ ก่อนจะหันมามองเด็กหนุ่ม “นายไม่เป็นไรใช่ไหม”


    “ไม่เป็นไรครับ” เขาตอบ


    “เมื่อกี้ตอนไปเคาะห้องใต้หลังคาแล้วไม่มีใครตอบ พวกฉันตกใจแทบตาย” ซูนยองบ่นขึ้นมาอีกครั้ง


    หากก่อนที่จะมีใครได้เอ่ยอะไรออกมาต่อ คนเป็นเจ้าของห้องก็กระแอมขึ้นมาเบา ๆ


    “ทุกคน” คุณหมอหนุ่มพยักพเยิดไปทางห้องน้ำเหมือนกำลังเตือน “ย้ายไปคุยที่อื่นเถอะ”

     



     

     

     

     

    และนั่นก็ทำให้มินกยูพร้อมกับเพื่อนร่วมบ้านต้องมานั่งประชุมกันที่ห้องใต้หลังคาหรือห้องนอนของเขาอย่างจริงจังแทน


    ภาพของบรรดาคนอายุมากกว่าที่พยายามจับจ้องพื้นที่แคบ ๆ ในห้องนั้น ทำให้เจ้าของห้องชั่วคราวอดไม่ได้ที่จะต้องกลั้นยิ้ม ทั้งวิญญาณประจำบ้านที่ครอบครองพื้นที่ของขอบหน้าต่างอยู่ อารอนที่กำลังยืนพิงชั้นหนังสือพร้อมกับมองมันอย่างสนใจไปด้วย ส่วนเจ้าของห้องที่แท้จริงอย่างวอนอูนั้นนั่งอยู่บนเตียงคนฝั่งกับเขา


    แวมไพร์หนุ่มรับฝังทุกอย่างที่อารอนเล่าให้ฟังอย่างสงบ แตกต่างกับรูมเมทของเจ้าตัวที่ดูจะมีปฏิกิริยาแทน


    “กับดักชัด ๆ” ซูนยองว่า


    “ก็เป็นไปได้” คุณหมอประจำบ้านพยักหน้ารับ “แต่ปัญหาก็คือเราไม่มีทางเลือกแล้วน่ะสิ”


    “ยังหาทางไม่ได้เลยเหรอ?”


    ร่างโปร่งใสเหลือบตาไปมองเพื่อนร่วมห้องของตัวเอง


    “อืม”


    “ถ้ามันเป็นกับดักอย่างที่พี่ซูนยองว่า ผมคิดว่าเราก็ไม่ควรเสี่ยง” มินกยูที่เงียบฟังอยู่นานเอ่ยขึ้นมาบ้าง “ถึงจะเปิดเทอมแล้ว แต่ผมมาหาคุณวอนอูที่นี่ได้ หรือคุณไปหาผมก็ได้นี่ครับ”


    ประโยคสุดท้ายเด็กหนุ่มหันไปหาวอนอู ในขณะที่คนถูกพูดถึงส่ายหน้าแทนคำตอบ


    “ก็อันตรายอยู่ดี” แวมไพร์หนุ่มปฏิเสธ “ถ้านายเข้ามหาลัยแล้วก็จะยิ่งลำบากไปใหญ่”


    คนฟังที่เหลือในห้องถอนหายใจพร้อมกัน


    “นายต้องมีชีวิตของนาย และการถูกผูกอยู่กับฉันแบบนี้มันไม่ดีแน่ ๆ” วอนอูเอ่ยต่อ


    มีรอยยิ้มบางราวกับปลอบประโลมบนใบหน้าของคนพูดที่ทำให้มินกยูต้องนิ่งไปอย่างเถียงต่อไปออก


    “เพราะแบบนั้น...” แวมไพร์หนุ่มเงียบไปสักพักคล้ายกับกำลังตัดสินใจ “ฉันว่ามันคุ้มที่จะเสี่ยง”


    ทุกคนในห้องมองหน้ากันอีกครั้ง มีสีหน้าหลากหลายทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย หรือแม้กระทั่งลังเลใจ


    ก่อนที่วิญญาณประจำบ้านจะเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง


    “นี่”


    มีประกายบางอย่างในดวงตาสีแดงคู่นั้นที่ทำให้มินกยูอดไม่ได้ที่จะรู้สึกขนลุก


    “ถ้ามันจะเป็นกับดักจริง...” ซูนยองว่าด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นในแบบที่เด็กหนุ่มไม่เคยได้ยินมาก่อน “ก็น่าลองเปลี่ยนให้กับดักของเราแทนได้นะ”



     

     

     

     

     

    TBC.

               

                วันที่ 18/06/20 นี้ seventeen จะปล่อยมินิอัลบั้มใหม่แล้ว แถมวันที่ 28/05/20 นี้ มินวอนยังมีเพลงใหม่ที่ได้ร่วมงานกับคุณฮาอีด้วย อย่าลืมติดตามให้กำลังใจเด็ก ๆ กันด้วยนะคะ

                ขอบคุณที่ยังติดตามเรื่องนี้กันอยู่นะคะ ><

                Mianami

     

     

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×