ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Seventeen] Vanilla Twilight #minwon #soonhoon

    ลำดับตอนที่ #6 : Chapter 5

    • อัปเดตล่าสุด 7 ก.ค. 61


    Matcha

    Chapter 5

     

     

                มันเป็นแผลต้องคำสาป 

     

                คำอธิบายสั้นๆที่มักจะลอยวนเข้ามาในหัวเขาเสมอเวลาที่เผลอตัวคิดอะไรฟุ้งซ่าน

     

                คำสาป...

     

                ที่ผูกพวกเขาทั้งสองคนเข้าด้วยกันอย่างแน่นหนา

     

                และมินกยูก็ยังไม่เห็นทางไหนที่จะคลายเงื่อนตายนี้ได้เลยสักนิด

     

                ดังนั้นสิ่งที่ทำได้ ก็คงแค่ทำใจให้ชินกับทุกเรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้นในชีวิตของเขา

     

                หาก... มันก็ย่อมมี บางเรื่อง

     

                ที่ยากต่อการทำใจเสียเหลือเกิน

     

     

     

     

     

     

               

               

     

               

    บรรยากาศภายในห้องนั่งเล่นของบ้าน vanilla twilight ยังคงเต็มไปด้วยความอบอุ่นเฉกเช่นเดิม ท่ามกลางความเงียบสงบของช่วงเวลาก่อนอาหารเย็น แสงสลัวของพระอาทิตย์ยามใกล้ลับขอบฟ้าทอประกายให้เห็นเลือนลางผ่านผ้าม่านสีขาวที่พลิ้วไหวไปมาจากสายลมในฤดูร้อน

     

                ทว่าเช่นเคย... ที่เดิม เวลาเดิม และเด็กหนุ่มคนเดิม

     

    บนโซฟาตัวใหญ่มีมินกยูกำลังนั่งตัวแข็งอยู่

     

    เด็กหนุ่มจับหัวเข่าทั้งสองข้างของตัวเองยึดไว้แน่น หวังให้มันเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจที่ตอนนี้เตลิดไปที่ไหนก็ไม่รู้แล้ว

     

                เก้าอี้นวมด้านขวาของมินกยูป็นวอนอูที่พึมพำอะไรบางอย่างกับตัวเองพร้อมกับจดอะไรบางอย่างลงบนสมุดบันทึก ในขณะที่ด้านซ้ายเป็นอารอนที่กำลังง่วนกับการเช็ดแอลกอฮอล์ให้กับอุปกรณ์ในมือ

     

                ภาพของอุปกรณ์หน้าตาประหลาดที่ใกล้เคียงกับเครื่องมือผ่าตัดที่เคยเห็นในซีรี่ย์และภาพยนตร์มาก่อน ทำให้คนมองอดไม่ได้ต้องกลืนน้ำลายอย่างฝืดคอ

     

                ดูเหมือนว่ามันคงไม่ใช่แค่ให้วอนอูกัดเขาแล้วก็จบแล้วล่ะ

     

                ควรจะรู้สึกโล่งใจดีรึเปล่านะ...?

     

                “เอาล่ะ...” เสียงของคุณหมอหนุ่มที่ดังขึ้นเรียกให้บุคคลที่เหลือเงยหน้าขึ้นมองโดยพร้อมเพรียงกัน “เรามาเริ่มกันเถอะ”

     

                มินกยูมองเครื่องมือตรงหน้าคนพูดแล้วหันไปหาคนที่นั่งด้านขวาของเขาด้วยสายตามีคำถาม

     

                “ไม่ต้องห่วง แค่เตรียมเผื่อเอาไว้น่ะ” หากก็เป็นอารอนที่ตอบแทนเช่นเคย ส่วนวอนอูแค่ส่ายหัวเล็กน้อยก่อนเอ่ยคล้ายบ่น

     

                “พี่อารอนกลัวนายเลือดไม่หยุดไหลน่ะ”

     

                “ซึ่งก็มีความเป็นไปได้...”

     

                “ที่น้อยมาก”

     

                “เอ่อ... โอเคครับ” มินกยูขัดขึ้นมาในที่สุด ก่อนที่จะมีการโต้วาทีกันมากไปกว่านี้ ใบหน้าหล่อเหลายังคงซีดเผือดหากก็แสดงออกชัดเจนว่ายอมรับในชะตากรรมตัวเองแต่โดยดี

     

                ก็มาถึงขนาดนี่แล้วนี่นะ

     

                สมาชิกเก่าแก่ของบ้านมองหน้ากันเล็กน้อย ก่อนที่อารอนจะหยิบเข็มฉีดยาที่บรรจุของเหลวสีใสไว้ขึ้นมาพร้อมถามด้วยน้ำเสียงอบอุ่น

     

                “อยากฉีดยาชารึเปล่า?

     

                เด็กหนุ่มหันไปหาวอนอูโดยอัตโนมัติ

     

                “คุณว่าผมควรฉีดรึเปล่า?

     

                “ไม่ ฉันไม่คิดว่ามันจะช่วยได้”แวมไพร์หนุ่มตอบอย่างรวดเร็ว “และก็น่าจะขมด้วย”

     

                “...”

     

                มินกยูนิ่งคล้ายสติหลุดไปอีกครั้ง แน่นอนว่าเขายังจำได้ดีถึงความเจ็บปวดเมื่อครั้งก่อน แต่เด็กหนุ่มก็เห็นด้วยกับวอนอู

     

                มันไม่น่าจะได้ผล...

     

                “งั้นไม่ต้องก็ได้ครับ” เขาพึมพำ แว่วๆได้ยินเสียงคุณหมอหนุ่มบ่นอะไรบางอย่าง หากประสาทสัมผัสทุกส่วนของมินกยูดูราวจะทำงานช้าลงทันทีที่วอนอูวางมือลงบนไหล่ของเขาจนทำให้ไม่สามารถประมวลผลคำพูดของอารอนได้

     

    ดวงตาสีน้ำตาลเข้มที่มองมาด้วยแววตาจริงจังคู่นั้นดึงดูดความสนใจทั้งหมดของเด็กหนุ่มเอาไว้เพียงแค่สบตาด้วย

     

                มินกยูไม่แน่ใจว่าตัวเองแสดงสีหน้าแบบไหนออกไปยามที่วอนอูชะโงกเข้ามาใกล้ และไม่แน่ใจด้วยเช่นกันว่าดวงตาสีน้ำตาลเข้มของคนตรงหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดงตอนไหน

     

                ดวงตาสีแดงเจิดจ้าที่ตรึงให้เขาไม่สามารถขยับตัวได้ดังโดนมนต์สะกด

     

                โลกของมินกยูหยุดหมุนอีกครั้งหนึ่ง

     

                ชั่วเสี้ยววินาทีที่เด็กหนุ่มรู้สึกราวกำลังจมดิ่งลงไปในแม่น้ำอันเย็นเฉียบที่กัดกินเขาไปทั้งร่าง ก่อนที่มันจะหายไปเมื่อคมเขี้ยวของวอนอูสัมผัสกับต้นคอของเขา

     

                ความปวดร้าวแล่นริ้วไปตามไขสันหลัง หากเสียงร้องของเด็กหนุ่มกลับดังอยู่แค่ภายในลำคอ

     

                ความรู้สึกคุ้นเคยบางอย่างปะทุขึ้นมารุนแรงภายในอกข้างซ้ายของมินกยูแข่งกับความเจ็บปวดที่เกิดขึ้น และแตกกระจายออกไปทั่วตัวดังเปลวไฟที่ลุกลาม ยามที่เลือดสีสดไหลลงมาตามการขยับตัวของวอนอู

     

                แล้วสติของมินกยูก็หายไปในที่สุด  

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

                “จะเป็นไงบ้างนะ”

     

                ถัดออกมาไม่ใกล้ไม่ไกลจากตัวบ้านสีขาวมากนัก ปรากฏเป็นร่างสองร่างที่ยืนซุบซิบกันอยู่พลางจ้องไปยังหน้าต่างอันเป็นตำแหน่งของนั่งเล่นไปด้วย

     

                แสงไฟกริ่งบนถนนที่เริ่มสว่างขึ้นทีละดวงตัดกับท้องฟ้าในยามย่ำค่ำทำให้บรรยากาศไม่เงียบเหงาจนเกินนัก ในขณะที่ผู้เป็นเจ้าของเสียงทั้งคู่ยังคงยืนอยู่ที่เดิม ณ บริเวณที่แสงไฟจากถนนและจากตัวบ้านส่องไปไม่ถึง ทำให้เมื่อมองมาจากถนนจะเห็นซูนยองและเวอร์นอนเป็นเงาตะคุ่มเท่านั้น

     

                เหตุเพราะวันนี้เป็นดีเดย์ของคุณแวมไพร์และสมาชิกใหม่ของบ้าน และด้วยเหตุผลอะไรบาง(ที่พวกเขาก็ไม่เข้าใจ) ทำให้พื้นที่ส่วนกลางอย่างห้องนั่งเล่นต้องกลายเป็นสถานที่ปฏิบัติการซะงั้น เยบินสมัครใจอยู่ในห้อง ส่วนซองยอนยังไม่กลับจากโรงเรียน ดังนั้นพวกเขาที่เหลือจึงถูกอัปเปหิออกมา และจะเข้าไปได้ก็ต่อเมื่อถูกเรียกแล้ว ซึ่งก็คงเป็นช่วงอาหารเย็นเลยนั่นแหละ

     

                “ชักจะนานไปแล้วนะ” เจ้าของร่างที่ดูผิวเผินเหมือนจะกลืนไปกับบรรยากาศโดยรอบบ่น หลังจากที่ชะเง้อเข้าไปในบ้านเป็นรอบที่เท่าไรไม่รู้ของวัน

     

                “พี่ก็ทะลุหน้าต่างเข้าไปดูเลยดิ” คนอายุน้อยกว่ายุ เรียกดวงตาเรียวชี้ให้เหล่มองมาได้เป็นอย่างดี

     

                “อยากเห็นฉันโดนโยนออกมาเหรอ” ซูนยองว่าพลางส่ายหน้า “นั่นวอนอูกับพี่อารอนนะ”

     

                “งั้นเราจะยืนอยู่แบบนี้ไปเรื่อยๆจริงๆเหรอครับ” เวอร์นอนพึมพำ เด็กหนุ่มเอนตัวพิงกับผนังบ้านด้านนอก ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเขากับร่างโปร่งใสข้างๆถึงไม่อยู่ในห้องของตัวเองตั้งแต่แรก

     

                “ไป mocha dawn กันไหม?” ข้อเสนอที่ทำให้ต้องพยักหน้าอย่างกระตือรือร้น อย่างน้อยๆก็จะได้มีอะไรทำแหละน่า

     

                “เอ่อ... ขอโทษนะครับ”

     

                หากยังไม่ทันได้ขยับตัว เสียงของใครบางคนก็ดังขัดจังหวะขึ้นมาจากทางหน้าบ้าน เรียกให้ทั้งซูนยองและเวอร์นอนหันขวับไปตามต้นเสียงอย่างรวดเร็ว

     

                ถัดไปจากรั้วเตี้ยๆสีขาวที่กั้นเพื่อบอกอาณาเขตของบ้านเอาไว้ มีใครคนหนึ่งยืนอยู่ที่ตู้จดหมายสีแดง

                เด็กหนุ่ม... ไม่ใช่สิ น่าจะเป็นชายหนุ่มคนหนึ่งมากกว่ากำลังยืนมองมาที่พวกเขา ในมือของเจ้าตัวถือกล่องบางอย่างเอาไว้

     

    ผู้ชายตัวเล็กจนตอนแรกซูนยองเผลอนึกไปว่าคงอายุเท่ากับชาน โดยเฉพาะเมื่อประกอบกับใบหน้าอ่อนใสนั่น หากเมื่อคุณเป็นวิญญาณ มันจะมีสัญชาตญาณบางอย่างเกี่ยวกับอายุไขของมนุษย์ที่สามารถอ่านหรือคาดเดาได้ ดังนั้นแค่ใช้เวลาอีกเล็กน้อย วิญญาณหนุ่มจึงสามารถประเมินได้ว่าคนตรงหน้าคงอายุมากกว่ามินกยูที่เป็นสมาชิกใหม่ของบ้านแน่นอน

     

    “ขอโทษนะครับ พวกคุณพักที่ vanilla twilight รึเปล่า?

     

    ดูเหมือนว่าพวกเขาทั้งสองจะใช้เวลานานไปหน่อยในการพิจารณาคนตรงหน้า เพราะเจ้าตัวเริ่มขยับเข้ามาใกล้และถามซ้ำอีกครั้ง

     

    “ใช่ครับ” การกระทำที่เรียกให้ซูนยองตอบรับพร้อมกับก้าวออกไปจากเงามืดอย่างไม่ได้ตั้งใจ โดยมีเวอร์นอนตามมาติดๆ

     

    มีสีหน้าโล่งใจของบุคคลแปลกหน้าเล็กน้อย

     

    “คือเมื่อกี้มีไปรษณีย์มาส่งครับ แล้วมีพัสดุของ vanilla twilight ติดมาด้วย” ผู้ชายคนนั้นบอก ก่อนส่งกล่องในมือมาให้ เรียกให้เวอร์นอนยื่นมือไปรับอย่างรวดเร็ว

     

    นับว่าเป็นโชคดีอย่างหนึ่ง ที่ก่อนหน้านี้ได้มีการทำข้อตกลงถึงการปรากฏตัวของวิญญาณประจำบ้านเอาไว้ ว่ากันว่าในช่วงเวลากลางคืนร่างโปร่งใสจะยิ่งแยกจากมนุษย์ได้ชัดเจนมากขึ้น ดังนั้นถ้าชายหนุ่มจะออกจากบ้านจะต้องปรากฏตัวในสภาพที่ใกล้กับมนุษย์ที่สุดเท่านั้น เพื่อไม่ให้แถวนี้กลายเป็นย่านอันตรายจนไม่มีใครกล้าผ่าน(ดังที่เคยมีปรากฏการณ์มาแล้ว...)

     

    “ขอบคุณครับ” เด็กหนุ่มผมดำบอกพร้อมกับโค้งลงอย่างมีมารยาท แม้คนข้างตัวของเวอร์นอนจะมีสภาพที่สามารถจับต้องได้ หากเขาก็ไม่มั่นใจนักว่าเจ้าตัวจะคงสภาพได้มากพอที่จะจับต้องอะไรได้หรือเปล่า โดยเฉพาะต่อหน้าคนแปลกหน้าแบบนี้

     

    ดังนั้นให้เขาเป็นคนรับของน่าจะปลอดภัยที่สุด

     

    หากดูเหมือนวิญญาณหนุ่มจะไม่ได้คิดแบบนั้น...

     

    “เพิ่งย้ายมาแถวนี้เหรอครับ?” เวอร์นอนเผลอชะงักงันไปชั่วครู่ เมื่อซูนยองเอ่ยปากถามผู้มาใหม่อย่างคนมีอัธยาศัยดีโดยไม่สำนึกถึงสถานะของตนเองเลยแม้แต่น้อย

     

    “ใช่ครับ” ชายหนุ่มร่างเล็กตอบ “ผมเพิ่งย้ายมาที่นี่ครับ”

     

    เจ้าตัวชี้ไปยังบ้านหลังสีน้ำตาลข้างๆ

     

    mocha dawn?” คราวนี้ทั้งซูนยองและเวอร์นอนประสานเสียงกันอย่างฉงน ร้อยวันพันปีคุณอีไม่เคยเปิดบ้านให้มาพัก ซึ่งสาเหตุก็คงไม่พ้นเพราะเพื่อนบ้านอย่างพวกเขานี่แหละ

     

    แล้วนี่อยู่ๆทำไมถึงมีสมาชิกใหม่ล่ะ

     

    ดวงตาสองคู่หันมาสบกันอย่างรวดเร็ว

     

    มนุษย์?’ คนอายุน้อยกว่าขยับปากถามอย่างไม่มีเสียง เรียกให้ซูนยองหันไปพินิจผู้มาใหม่ที่ยังคงยืนอย่างงุนงงอยู่อย่างนั้น ก่อนจะพยักหน้า

     

                ใช่ คนตรงหน้าพวกเขาเป็นมนุษย์แน่ๆ

     

                “ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวก่อนนะครับ” หลังจากยืนอยู่ท่ามกลางความเงียบชั่วครู่ ชายหนุ่มแปลกหน้าก็เอ่ยออกมาเบาๆ เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรแล้ว

     

                “อ่า ครับ” เวอร์นอนตอบพลางโบกมือ ในขณะที่ซูนยองกลับส่งยิ้มกว้างให้กับเพื่อนบ้านคนใหม่แทน

     

                “ยินดีที่ได้รู้จักนะครับคุณเพื่อนบ้านคนใหม่” เด็กหนุ่มนึกอยากเขย่าคอเสื้อเพื่อนร่วมบ้านที่ยังคงไม่สำนึกในสภาพของตนเองเหลือเกิน เพราะวิญญาณหนุ่มยังคงแนะนำตัวต่อไป “ผมชื่อควอน ซูนยอง”

     

                มีสีหน้างุนงงเล็กน้อยบนใบหน้าของเพื่อนบ้านคนใหม่ ยามที่เจ้าตัวตอบกลับมา

     

                อี จีฮุน ครับ”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

                “พี่ทำอะไรลงไปน่ะ” เวอร์นอนถามเสียงเบาระหว่างที่พวกเขาเดินกลับเข้าไปในบ้าน

     

                ดูเหมือนว่าวอนอูจะจัดการ(?)มินกยูเรียบร้อยแล้ว เพราะหลังจากที่เพื่อนบ้านคนใหม่กลับไปไม่นาน อารอนก็ออกมาเรียกพวกเขาเข้าบ้านเพื่อรับประทานอาหารเย็น

     

                “ก็แค่แนะนำตัว” วิญญาณหนุ่มที่บัดนี้ร่างกายกลับมาโปร่งใสเหมือนเดิมตอบ

     

                “ผมนึกว่าเราต้องเก็บเรื่องพี่ไว้เป็นความลับซะอีก”

     

                “แค่คนอื่นน่า... แต่นี่เป็นคนของ mocha dawn นะ ต้องมีอะไรพิเศษสักอย่างแหละ ไม่อย่างนั้นคุณอีคงไม่ยอมให้มาพักหรอก” ซูนยองว่า

     

                “แต่พี่บอกว่าเขาเป็นมนุษย์นี่” เด็กหนุ่มถามต่อย่างฉงน

     

                “ก็คงเป็นพวกมีสัมผัสที่ 6 แหละ”

     

                บทสนทนาทั้งหมดหยุดลงทันทีที่พวกเขาย่างเท้าเข้าไปยังห้องกินข้าวที่บัดนี้มีสมาชิกกว่าครึ่งของบ้านนั่งอยู่ วิญญาณหนุ่มหันไปสบตากับมินกยูที่นั่งอยู่นิ่งๆเป็นคนแรก ก่อนขยับปากเป็นเชิงถามถึงสภาพของเด็กหนุ่ม

     

                รอยยิ้มซีดเซียวที่ได้กลับมาเป็นคำตอบทำให้ซูนยองทำได้แค่ส่งยิ้มปลอบใจไปให้เท่านั้น

     

                “กลับมาแล้วค่ะ”

     

                น้ำเสียงสดใสของสมาชิกอีกคนดังขึ้น พร้อมกับที่ร่างของแฟรี่สาวปรากฏขึ้นตรงประตู ก่อนที่ซองยอนจะนั่งลงตรงด้านข้างของมินกยู

     

                “ทำไมกลับเย็นจัง” อารอนหันมาถามพร้อมกับยกอาหารวางลงบนโต๊ะ

     

                “ไปคุยกับคุณอีมาค่ะ มีข่าวฝากมาบอกเรานิดหน่อย” เด็กสาวตอบ “เป็นไงกันบ้างคะ” ประโยคหลังหันมาถามวอนอูโดยที่มองหน้ามินกยูไปด้วย

     

                คำถามที่เรียกความสนใจจากวิญญาณหนุ่มและเวอร์นอนได้เป็นอย่างดี

     

                “ก็เรียบร้อยดี” แวมไพร์หนุ่มตอบสั้นๆ

     

                “จริงเร้ออออ” แล้วก็เป็นซูนยองอีกเช่นเคยที่ถามต่อด้วยน้ำเสียงใสซื่อ

     

                วอนอูขึงตาใส่รูมเมทของตัวเองแทนคำตอบ

     

                “ก็ฉันเป็นห่วง...”

     

                “ซูนยอง” อารอนส่งเสียงปรามเล็กน้อย ทำให้คนที่กำลังสนุกกับสีหน้าแปลกประหลาดของผู้เป็นเพื่อนต้องเงียบไป ทว่ายังคงส่งรอยยิ้มไม่น่าไว้ใจไปให้วอนอูอยู่ดี

     

                “คุณอีมีเรื่องอะไรเหรอ?” เยบินที่นั่งเงียบมาตลอดเป็นฝ่ายถามขึ้นมาบ้าง

     

                “อ๋อ... คือว่าตอนนี้ที่ mocha dawn จะมีสมาชิกใหม่มาอยู่ด้วยค่ะ” ซองยอนตอบ

     

                คำตอบที่เรียกให้สองสมาชิกของบ้านที่เพิ่งเจอ สมาชิกใหม่ มองหน้ากันเล็กน้อย ก่อนจะพร้อมใจกันเงียบ

     

                “มนุษย์?          

     

                “ใช่ค่ะ เป็นหลานของคุณอี เห็นว่าจะมาเป็นคุณครูสอนดนตรีที่นี่ค่ะ”

     

                “อ้าวแล้วคุณครูมุนล่ะครับ” เวอร์นอนถามแทรกขึ้นมาอย่างแปลกใจเล็กน้อย ก็คุณครูสอนเปียโนที่โรงเรียนก็มีอยู่แล้ว แถมเป็นนักเปียโนระดับประเทศอีกด้วย

     

                “ไม่ได้มาเป็นคุณครูที่ชอนจูน่ะ เห็นว่าจะมาเป็นครูที่โรงเรียนสอนดนตรีที่นี่ที่เคยปิดไปแล้ว แต่จะเปิดขึ้นมาใหม่”

     

                บรรยากาศในห้องกินข้าวเปลี่ยนไปทันที่เด็กสาวเอ่ยจบ แม้แต่มินกยูที่กำลังดื่มน้ำอย่างเชื่องช้ายังต้องเงยหน้าขึ้นด้วยความงุนงงกับความตึงเครียดที่อยู่ๆก็เข้ามาปกคลุมรอบโต๊ะอาหารอย่างไม่รู้ตัว แววตาแปลกใจจากซองยอนและเวอร์นอนที่มองกลับมาทำให้เด็กหนุ่มรู้ว่าไม่ได้มีแค่เขาคนเดียวที่กำลังสงสัย

     

    ทว่าสมาชิกรุ่นใหญ่อย่างอารอน วอนอู เยบิน และซูนยองที่พร้อมใจกันหยุดกินอาหารกลับสบตากันอย่างมีความหมาย

     

    L'Estate?” เยบินพึมพำขึ้นมาเบาๆ

     

    “คะ?

     

    “ชื่อโรงเรียนน่ะ... ใช่ L'Estate (ลัลเอสตร้า) รึเปล่า?

     

    “อันนี้ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ” ซองยอนตอบพร้อมกับยิ้มแห้งๆ “มีอะไรกันรึเปล่าคะ”

     

    ไม่มีใครตอบคำถามของเด็กสาว มีเพียงเสียงพึมพำในลักษณะคุยกันเองจากสมาชิกรุ่นใหญ่เท่านั้น

     

    “โรงเรียนดนตรีแถวนี้ก็มีแค่นี่ไม่ใช่เหรอ”

     

    “ฉันว่าใช่”

     

    “คุณอีคิดจะทำอะไรกันแน่?

     

    “เอ่อ...” เป็นแฟรี่สาวอีกครั้งที่กระแอมขัดจังหวะขึ้นมา เรียกให้บทสนทนาเฉพาะกลุ่มหยุดลงอีกครั้ง “ฉันก็ไม่รู้หรอกนะคะว่ามีเรื่องอะไรกัน แต่ว่ายังมีอย่างหนึ่งที่คุณอีฝากมาค่ะ”

     

    “...”

     

    “คือคุณอีขอร้องมาว่าอยากพวกเราช่วยทำตัวให้ปกติธรรมดาที่สุด แล้วก็ขอให้พี่ซูนยองช่วยอย่าปรากฏตัวให้คุณจีฮุนเห็นค่ะ”

     

    มีแต่ความเงียบงันหลังจากซองยอนพูดจบ

     

    “เพราะว่าคุณจีฮุนไม่รู้ว่าพวกเราไม่ใช่... มนุษย์”

     

    “จีฮุน?

     

    “สมาชิกใหม่... หลานของคุณอีค่ะ ชื่อ อี จีฮุน”

     

    วิญญาณประจำบ้านหันไปสบตากับเวอร์นอนอีกครั้ง

     

    “หลานของคุณอี?

     

    “ใช่ค่ะ”

     

    “ห้ามให้เห็นพี่ซูนยอง?

     

    “ค่ะ”

     

    ดวงตาสีแดงของคนถูกเอ่ยถึงกระพริบปริบๆเล็กน้อย

     

    “อิ๊บอ๋ายแล้ว...”

     

    ซูนยองคราง

     

     

     

     

     

    TBC.

     

     

     

     

     

    อี จีฮุน

    >> มนุษย์

    >> คุณครูสอนดนตรี

     

     

    กลับมาแล้วค่ะ ในที่สุดก็ได้มีโอกาสอัพนิยายต่อสักที ต้องขอโทษจริงๆนะคะที่หายไปนาน เหตุเพราะช่วงที่ผ่านมาเราเจอกับมรสุมชีวิตนิดหน่อย แต่ตอนนี้ทุกอย่างเริ่มกลับมาเข้าที่แล้ว สัญญาว่าจะกลับมาอัพให้บ่อยที่สุดเท่าที่ทำได้ค่ะ

    ขอบคุณที่ติดตามค่ะ
                          
    Mianami

     

    ปล. สามารถมาพูดคุยกันได้ใน #MianamiFanfic หรือ @ Mianami17 นะคะ

     

               

     

     

     

     

     

     

     

     

     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×