คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : บทที่ 4 ข้อเสนอสุดแสนพิสดาร (2)
รัดเกล้าก้าวเดินเอื่อยเฉื่อยไปตามทางเท้าที่เต็มไปด้วยรถเข็นขายกับข้าวซึ่งตั้งอยู่ริมทาง
กลิ่นเครื่องเทศหอมฟุ้งลอยมาจากกระทะที่แม่ค้ากำลังวุ่นวายกับการผัดกับข้าวมือเป็นระวิงจนต้องกลืนน้ำลายลงคอเฮือกใหญ่
แต่เพราะร้านนี้มีคนต่อคิวมากเกินไปและความหิวของเธอก็มากเกินกว่าจะรออะไรได้นานๆ รัดเกล้าจึงเดินไปร้านถัดไปที่เป็นข้าวราดแกง
แต่เชือกผูกรองเท้าผ้าใบที่หลุดออกก็ทำให้ร่างบางชะงักกึก และแทบหัวทิ่มไปข้างหน้า
รัดเกล้ากลอกตาก่อนจะก้มลงมองต้นเหตุที่ทำให้เธอเกือบได้อับอายขายหน้าต่อผู้คน
หญิงสาวย่อตัวลงเพื่อผูกเชือกรองเท้าผ้าใบให้เข้าที่ ก่อนจะนิ่วหน้าเมื่อกลิ่นบางอย่างลอยโชยมาแตะจมูก
เป็นกลิ่นที่ช่างแปลกแยกกับสถานที่แห่งนี้อย่างสุดขั้ว
และถ้าเธอจำไม่ผิดกลิ่นนี้เป็นกลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ ปนกับกลิ่นกายบุรุษเพศ
เหมือนกับกลิ่นที่อบอวลอยู่ในกล่องเหล็กสี่เหลี่ยมแคบๆ เมื่อสามวันก่อน
จะบ้าหรือไงยายเกล้า! เขาจะมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง
รัดเกล้าพร่ำบ่นตัวเองในใจก่อนจะลุกขึ้นเมื่อผูกเชือกรองเท้าเสร็จ
แต่ทันทีที่เธอยืนขึ้นเต็มความสูงดวงตาของเธอก็ต้องเบิกกว้างด้วยความตกใจเมื่อพบว่า
คนที่เธอไม่คิดว่าเขาจะมาอยู่ที่นี่ยามนี้ใบหน้าของเขาอยู่ใกล้กับเธอเหลือเกิน
ใกล้...จนเกินไป ใกล้...จนต้องใช้ลมหายใจร่วมกัน
รัดเกล้าผงะถอยหลังเพราะความตกใจ
แล้วคราวนี้เธอก็ล้มจริงๆ แต่เป็นล้มหงายหลัง
“บ้าฉิบ!” เสียงสบถดังลั่นขณะที่มือหนาเอื้อมมาคว้าแขนเล็กเอาไว้แล้วกระตุกแรงๆ
จนกระทั่งร่างเล็กที่ผงะหงายลอยหวือขึ้นมาแนบอกของเขา
“เดินระวังหน่อยสิ”
เสียงทุ้มห้วนดังขึ้น
รัดเกล้ามองรถจักรยานยนต์ที่แล่นหวือเฉียดร่างของเธอไปเพียงเส้นยาแดงอย่างตระหนก
ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก วินาทีหนึ่งเธอกำลังหงายหลังลงไป แล้ววินาทีต่อมาเธอก็อยู่ในอ้อมแขนของเขา
รัดเกล้าละสายตาจากจักรยานยนต์ที่แล่นผ่านไปอย่างไม่สนใจเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นแล้วหันมาสบตาเจ้าของลำแขนที่ยังโอบอยู่รอบตัวเธอ
หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าลึกเพื่อเรียกสติที่กระจุยกระจายไปกลับคืนมา
แล้วการทำอย่างนั้นก็ทำให้เธอสูดกลิ่นหอมสะอาดและเต็มไปด้วยความเป็นชายของเขาเข้าไปด้วย
ใกล้กันอย่างนี้
กลิ่นของเขาให้ความรู้สึกแบบผู้ชายเต็มตัว น่าหวั่นเกรงและเย้ายวนใจในเวลาเดียวกัน
“คุณเป็นอะไรหรือเปล่า”
เสียงทุ้มดังขึ้นอีก คราวนี้ไม่ได้มีความห้วนอยู่ในน้ำเสียงแล้ว
มีเพียงบางสิ่งในน้ำเสียงนั้น บางสิ่งที่แม้แต่เจ้าตัวยังแปลกใจ
“ไม่ค่ะ ฉันไม่เป็นอะไร”
รัดเกล้าตอบพร้อมกับจ้องเข้าไปในดวงตาคมเข้มราบเรียบไร้ความรู้สึก มีแวบหนึ่งเธอเห็นความห่วงใยอยู่ในนั้น
แต่มันก็หายไปอย่างรวดเร็วจนเธอไม่รู้ว่ามันเคยเกิดขึ้นจริงหรือเปล่า “ขอบคุณนะคะ” หญิงสาวเอ่ยขึ้นอีกครั้งหลังจากตั้งสติได้มากพอ
“เรื่องอะไร”
“ที่ช่วยฉันไว้”
รัดเกล้าว่าพลางดันตัวเองออกจากอ้อมอกกว้างอย่างสุภาพ
“ใช่สิ สองครั้งแล้ว”
“อะไรคะ”
“ที่ผมช่วยคุณไว้”
แม็กซิมัสว่าพลางปล่อยร่างนุ่มนิ่มออกจากอ้อมแขน
เขาต้องห้ามใจอย่างถึงขีดสุดเมื่อได้สัมผัสความเย้ายวนของเธอ กลิ่นสบู่ที่ปนกับกลิ่นกายสาวหอมยวนใจ
ใบหน้าสวยยามไร้เครื่องสำอางแต่งแต้มก็น่ามองจนเขาแทบละสายตาไม่ได้
แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็มีเรื่องสำคัญกว่าต้องคุยกับเธอ และที่สำคัญตอนนี้เขากำลังอยู่บนถนนที่เต็มไปด้วยผู้คนที่เริ่มมองมาอย่างสนอกสนใจ
“ใช่ค่ะ
ขอบคุณอีกครั้งนะคะ สำหรับทั้งสองครั้งที่คุณช่วยฉันไว้”
“เปลี่ยนคำขอบคุณเป็นอย่างอื่นแทนได้ไหม”
“แล้วคุณต้องการอะไรล่ะคะ” รัดเกล้าถอยห่างจากเขาพลางกวาดสายตามองชายหนุ่มที่ช่วยคนแล้วต้องการสิ่งตอบแทนอย่างไม่ชอบใจและพิจารณาเขาไปพร้อมๆ
กัน เขาอยู่ในเสื้อเชิ้ตสีขาวพับแขนขึ้นมาถึงข้อศอก
กางเกงขายาวสีฟ้าอมเทาคาดทับด้วยเข็มขัดหนังราคาแพง
รองเท้าหนังของเขาเป็นสีน้ำตาลเข้ม รัดเกล้าไม่เคยสนใจเรื่องของแบรนด์เนมมาก่อน
แต่เธอก็รู้ว่าความเรียบง่ายที่เห็นตรงหน้าคงต้องแลกมาด้วยราคาแพงระยับแน่ๆ
เพราะฉะนั้นสิ่งที่เขาต้องการคงไม่ใช่เงินแน่นอน
แล้วอะไรล่ะที่เขาต้องการ?
หรือเขาจะแค่พูดเล่น?
แต่ที่เขามาอยู่ตรงนี้...
เวลานี้... มันเป็นแค่ความบังเอิญงั้นเหรอ?
คำถามมากมายผุดขึ้นมาในหัว
รัดเกล้าช้อนสายตาที่มองสำรวจเขาขึ้นสบกับดวงตาคมเข้มเพื่อหาคำตอบ แต่สิ่งที่เธอเห็นกลับมีเพียงความว่างเปล่าที่ฉายออกมาจากนัยน์ตาคู่นั้น
แถมคำพูดที่ออกมาจากปากของเขานอกจากจะไม่ได้เฉลยข้อข้องใจของเธอแล้ว ยังทำให้เธองุนงงเข้าไปใหญ่
“คุณยังไม่ได้กินอะไรใช่ไหม”
“คะ...ค่ะ” รัดเกล้าตอบเขาไปงงๆ เธอรู้สึกว่าตัวเองกำลังกลายเป็นคนงี่เง่าที่พูดจาไม่รู้เรื่อง
หรือว่าบางทีอาจเป็นเขาก็ได้ที่เปลี่ยนเรื่องไปมาปุบปับจนเธอตามแทบไม่ทัน
“งั้นไปจากที่นี่กันเถอะ”
รัดเกล้ามองคนที่ชวนเธอไปที่อื่นอย่างไม่เข้าใจ
ก่อนจะเปลี่ยนเป็นตกใจเมื่อมือของเธอถูกมือใหญ่คว้าเอาไว้แล้วลากให้เดินตาม
เธอรู้สึกเหมือนมีกระแสไฟแล่นไปทั่วร่างแล้วหัวใจที่เต้นเร็วอยู่แล้วก็ยิ่งเร่งจังหวะขึ้นอีก
“จะไปไหนคะ”
“ไปหาอะไรกิน”
รัดเกล้าพยักหน้าหงึกๆ
ให้กับแผ่นหลังกว้างของคนที่รั้งให้เธอเดินตามเพราะคิดว่าสิ่งตอบแทนที่เขาอยากได้จากเธอคือให้เธอเลี้ยงข้าวเขาสักมื้อ
ก่อนจะขมวดคิ้วอย่างคิดบางอย่างได้ เธอกระตุกมือแรงๆ เพื่อให้คนที่ตั้งอกตั้งใจดึงเธอออกจากถนนที่เต็มไปด้วยรถเข็นอาหารหันมาสนใจเธอ
“ทำไมต้องไปที่อื่นด้วยคะ” รัดเกล้าว่ากวาดตามองรถเข็นขายกับข้าวที่เรียงรายไปตามความยาวของถนนเพื่อบอกเขาว่า
‘ที่นี่ของกินเยอะแยะไม่จำเป็นต้องไปที่อื่น’ ก่อนจะคิดขึ้นได้ว่าคนแบบเขาคงไม่มากินอาหารข้างทางเป็นแน่ แม้จะไม่รู้ว่าเขาเป็นใครมาจากไหน
แต่ทั้งสองครั้งที่พบเจอกันทั้งเสื้อผ้าที่เขาสวมใส่และท่าทางดูดีทุกกระเบียดนิ้วก็ทำให้เธอพอเดาได้ว่าเขาคงไม่ใช่คนธรรมดาเดินดินทั่วไป
“ผมไม่ชอบที่นี่...ไม่ใช่ว่าผมกินอาหารแบบนี้ไม่ได้
ผมไม่ชอบคนเยอะ มันวุ่นวาย”
ประโยคแรกอาจเป็นคำตอบที่เธอถามออกไป
แต่ประโยคที่สองที่ออกมาจากริมฝีปากได้รูปพร้อมกับมุมปากที่ยกขึ้นกลับเป็นคำพูดที่หลุดออกมาราวกับเขาล่วงรู้ว่าเธอกำลังแอบคิดอะไรอยู่ในใจ
_____________________
ความคิดเห็น