ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เถื่อนรักจอมมาร

    ลำดับตอนที่ #14 : บทที่ 4 ข้อเสนอสุดแสนพิสดาร (2)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 13.26K
      30
      13 พ.ย. 64



    รัดเกล้าก้าวเดินเอื่อยเฉื่อยไปตามทางเท้าที่เต็มไปด้วยรถเข็นขายกับข้าวซึ่งตั้งอยู่ริมทาง กลิ่นเครื่องเทศหอมฟุ้งลอยมาจากกระทะที่แม่ค้ากำลังวุ่นวายกับการผัดกับข้าวมือเป็นระวิงจนต้องกลืนน้ำลายลงคอเฮือกใหญ่ แต่เพราะร้านนี้มีคนต่อคิวมากเกินไปและความหิวของเธอก็มากเกินกว่าจะรออะไรได้นานๆ รัดเกล้าจึงเดินไปร้านถัดไปที่เป็นข้าวราดแกง แต่เชือกผูกรองเท้าผ้าใบที่หลุดออกก็ทำให้ร่างบางชะงักกึก และแทบหัวทิ่มไปข้างหน้า

    รัดเกล้ากลอกตาก่อนจะก้มลงมองต้นเหตุที่ทำให้เธอเกือบได้อับอายขายหน้าต่อผู้คน หญิงสาวย่อตัวลงเพื่อผูกเชือกรองเท้าผ้าใบให้เข้าที่ ก่อนจะนิ่วหน้าเมื่อกลิ่นบางอย่างลอยโชยมาแตะจมูก เป็นกลิ่นที่ช่างแปลกแยกกับสถานที่แห่งนี้อย่างสุดขั้ว และถ้าเธอจำไม่ผิดกลิ่นนี้เป็นกลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ ปนกับกลิ่นกายบุรุษเพศ เหมือนกับกลิ่นที่อบอวลอยู่ในกล่องเหล็กสี่เหลี่ยมแคบๆ เมื่อสามวันก่อน

    จะบ้าหรือไงยายเกล้า! เขาจะมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง

    รัดเกล้าพร่ำบ่นตัวเองในใจก่อนจะลุกขึ้นเมื่อผูกเชือกรองเท้าเสร็จ แต่ทันทีที่เธอยืนขึ้นเต็มความสูงดวงตาของเธอก็ต้องเบิกกว้างด้วยความตกใจเมื่อพบว่า คนที่เธอไม่คิดว่าเขาจะมาอยู่ที่นี่ยามนี้ใบหน้าของเขาอยู่ใกล้กับเธอเหลือเกิน ใกล้...จนเกินไป ใกล้...จนต้องใช้ลมหายใจร่วมกัน

    รัดเกล้าผงะถอยหลังเพราะความตกใจ แล้วคราวนี้เธอก็ล้มจริงๆ แต่เป็นล้มหงายหลัง

    บ้าฉิบ!” เสียงสบถดังลั่นขณะที่มือหนาเอื้อมมาคว้าแขนเล็กเอาไว้แล้วกระตุกแรงๆ จนกระทั่งร่างเล็กที่ผงะหงายลอยหวือขึ้นมาแนบอกของเขา

    เดินระวังหน่อยสิเสียงทุ้มห้วนดังขึ้น

    รัดเกล้ามองรถจักรยานยนต์ที่แล่นหวือเฉียดร่างของเธอไปเพียงเส้นยาแดงอย่างตระหนก ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก วินาทีหนึ่งเธอกำลังหงายหลังลงไป แล้ววินาทีต่อมาเธอก็อยู่ในอ้อมแขนของเขา

    รัดเกล้าละสายตาจากจักรยานยนต์ที่แล่นผ่านไปอย่างไม่สนใจเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นแล้วหันมาสบตาเจ้าของลำแขนที่ยังโอบอยู่รอบตัวเธอ หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าลึกเพื่อเรียกสติที่กระจุยกระจายไปกลับคืนมา แล้วการทำอย่างนั้นก็ทำให้เธอสูดกลิ่นหอมสะอาดและเต็มไปด้วยความเป็นชายของเขาเข้าไปด้วย

    ใกล้กันอย่างนี้ กลิ่นของเขาให้ความรู้สึกแบบผู้ชายเต็มตัว น่าหวั่นเกรงและเย้ายวนใจในเวลาเดียวกัน

    คุณเป็นอะไรหรือเปล่าเสียงทุ้มดังขึ้นอีก คราวนี้ไม่ได้มีความห้วนอยู่ในน้ำเสียงแล้ว มีเพียงบางสิ่งในน้ำเสียงนั้น บางสิ่งที่แม้แต่เจ้าตัวยังแปลกใจ

    ไม่ค่ะ ฉันไม่เป็นอะไรรัดเกล้าตอบพร้อมกับจ้องเข้าไปในดวงตาคมเข้มราบเรียบไร้ความรู้สึก มีแวบหนึ่งเธอเห็นความห่วงใยอยู่ในนั้น แต่มันก็หายไปอย่างรวดเร็วจนเธอไม่รู้ว่ามันเคยเกิดขึ้นจริงหรือเปล่า ขอบคุณนะคะ หญิงสาวเอ่ยขึ้นอีกครั้งหลังจากตั้งสติได้มากพอ

    เรื่องอะไร

    ที่ช่วยฉันไว้รัดเกล้าว่าพลางดันตัวเองออกจากอ้อมอกกว้างอย่างสุภาพ

    ใช่สิ สองครั้งแล้ว”

    อะไรคะ

    ที่ผมช่วยคุณไว้แม็กซิมัสว่าพลางปล่อยร่างนุ่มนิ่มออกจากอ้อมแขน เขาต้องห้ามใจอย่างถึงขีดสุดเมื่อได้สัมผัสความเย้ายวนของเธอ กลิ่นสบู่ที่ปนกับกลิ่นกายสาวหอมยวนใจ ใบหน้าสวยยามไร้เครื่องสำอางแต่งแต้มก็น่ามองจนเขาแทบละสายตาไม่ได้ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็มีเรื่องสำคัญกว่าต้องคุยกับเธอ และที่สำคัญตอนนี้เขากำลังอยู่บนถนนที่เต็มไปด้วยผู้คนที่เริ่มมองมาอย่างสนอกสนใจ

    ใช่ค่ะ ขอบคุณอีกครั้งนะคะ สำหรับทั้งสองครั้งที่คุณช่วยฉันไว้

    เปลี่ยนคำขอบคุณเป็นอย่างอื่นแทนได้ไหม

    แล้วคุณต้องการอะไรล่ะคะ รัดเกล้าถอยห่างจากเขาพลางกวาดสายตามองชายหนุ่มที่ช่วยคนแล้วต้องการสิ่งตอบแทนอย่างไม่ชอบใจและพิจารณาเขาไปพร้อมๆ กัน เขาอยู่ในเสื้อเชิ้ตสีขาวพับแขนขึ้นมาถึงข้อศอก กางเกงขายาวสีฟ้าอมเทาคาดทับด้วยเข็มขัดหนังราคาแพง รองเท้าหนังของเขาเป็นสีน้ำตาลเข้ม รัดเกล้าไม่เคยสนใจเรื่องของแบรนด์เนมมาก่อน แต่เธอก็รู้ว่าความเรียบง่ายที่เห็นตรงหน้าคงต้องแลกมาด้วยราคาแพงระยับแน่ๆ เพราะฉะนั้นสิ่งที่เขาต้องการคงไม่ใช่เงินแน่นอน

    แล้วอะไรล่ะที่เขาต้องการ?

    หรือเขาจะแค่พูดเล่น?

    แต่ที่เขามาอยู่ตรงนี้... เวลานี้... มันเป็นแค่ความบังเอิญงั้นเหรอ?

    คำถามมากมายผุดขึ้นมาในหัว รัดเกล้าช้อนสายตาที่มองสำรวจเขาขึ้นสบกับดวงตาคมเข้มเพื่อหาคำตอบ แต่สิ่งที่เธอเห็นกลับมีเพียงความว่างเปล่าที่ฉายออกมาจากนัยน์ตาคู่นั้น แถมคำพูดที่ออกมาจากปากของเขานอกจากจะไม่ได้เฉลยข้อข้องใจของเธอแล้ว ยังทำให้เธองุนงงเข้าไปใหญ่

    คุณยังไม่ได้กินอะไรใช่ไหม

    คะ...ค่ะรัดเกล้าตอบเขาไปงงๆ เธอรู้สึกว่าตัวเองกำลังกลายเป็นคนงี่เง่าที่พูดจาไม่รู้เรื่อง หรือว่าบางทีอาจเป็นเขาก็ได้ที่เปลี่ยนเรื่องไปมาปุบปับจนเธอตามแทบไม่ทัน

    งั้นไปจากที่นี่กันเถอะ

    รัดเกล้ามองคนที่ชวนเธอไปที่อื่นอย่างไม่เข้าใจ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นตกใจเมื่อมือของเธอถูกมือใหญ่คว้าเอาไว้แล้วลากให้เดินตาม เธอรู้สึกเหมือนมีกระแสไฟแล่นไปทั่วร่างแล้วหัวใจที่เต้นเร็วอยู่แล้วก็ยิ่งเร่งจังหวะขึ้นอีก

    จะไปไหนคะ

    ไปหาอะไรกิน

    รัดเกล้าพยักหน้าหงึกๆ ให้กับแผ่นหลังกว้างของคนที่รั้งให้เธอเดินตามเพราะคิดว่าสิ่งตอบแทนที่เขาอยากได้จากเธอคือให้เธอเลี้ยงข้าวเขาสักมื้อ ก่อนจะขมวดคิ้วอย่างคิดบางอย่างได้ เธอกระตุกมือแรงๆ เพื่อให้คนที่ตั้งอกตั้งใจดึงเธอออกจากถนนที่เต็มไปด้วยรถเข็นอาหารหันมาสนใจเธอ

    ทำไมต้องไปที่อื่นด้วยคะ รัดเกล้าว่ากวาดตามองรถเข็นขายกับข้าวที่เรียงรายไปตามความยาวของถนนเพื่อบอกเขาว่า ที่นี่ของกินเยอะแยะไม่จำเป็นต้องไปที่อื่นก่อนจะคิดขึ้นได้ว่าคนแบบเขาคงไม่มากินอาหารข้างทางเป็นแน่ แม้จะไม่รู้ว่าเขาเป็นใครมาจากไหน แต่ทั้งสองครั้งที่พบเจอกันทั้งเสื้อผ้าที่เขาสวมใส่และท่าทางดูดีทุกกระเบียดนิ้วก็ทำให้เธอพอเดาได้ว่าเขาคงไม่ใช่คนธรรมดาเดินดินทั่วไป

    ผมไม่ชอบที่นี่...ไม่ใช่ว่าผมกินอาหารแบบนี้ไม่ได้ ผมไม่ชอบคนเยอะ มันวุ่นวาย

    ประโยคแรกอาจเป็นคำตอบที่เธอถามออกไป แต่ประโยคที่สองที่ออกมาจากริมฝีปากได้รูปพร้อมกับมุมปากที่ยกขึ้นกลับเป็นคำพูดที่หลุดออกมาราวกับเขาล่วงรู้ว่าเธอกำลังแอบคิดอะไรอยู่ในใจ

    _____________________



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×