The Last Time (Larry Stylinson) Harry x Louis[One Direction]
Larry Stylinson Drama Fanfiction
ผู้เข้าชมรวม
1,251
ผู้เข้าชมเดือนนี้
7
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
“Cause you never think that the last time is the last time.
You think there will be more. You think you have forever, but you don’t”
“เพราะคุณไม่เคยคิดว่าครั้งสุดท้าย คือสุดท้าย คุณคิดว่าคุณจะมีมันอีก คุณคิดว่าคุณจะมีคำว่าตลอดไป แต่คุณไม่มี”
ดวงตาสีเขียวบริสุทธิ์กระพริบมองเพดานห้องนอนของตัวเอง เขานอนลืมตานิ่งอยู่ซักพัก ก่อนจะลุกขึ้นไปจัดการธุระส่วนตัว
ร่างสูงเดินไปเปิดหน้าผ้าม่านใหญ่ที่อยู่มุมห้อง แสงแดดอ่อนๆของเดือนธันวาฉายเข้ามาในห้อง หน้าต่างเผยให้เห็นทิวทัศน์ของเมืองลอนดอนยามเช้า มันหนาวเย็น เต็มไปด้วยหิมะ และไร้ผู้คน มีไม่กี่คนที่จะออกมานอกบ้านในวันอากาศหนาวจัดอย่างนี้
ชายหนุ่มจัดการแต่งตัวด้วยเสื้อผ้ามิดชิดเพื่อกันความหนาวด้านนอก หยิบกระเป๋าใบเก่ง ผ้าพันคอผืนเก่า และเดินออกจากห้องไป
ทิวทัศน์รอบตัวปกคลุมด้วยหิมะสีขาว แม่น้ำเทมส์ไหลเอื่อยๆ มองเห็นหอนาฬิกาประจำเมืองอยู่ไกลๆ
อากาศหนาวบาดเนื้อ เขากระชับเสื้อโค้ตให้คลุมตัวเขาแน่นขึ้น เป่าลมอุ่นๆใส่มือเพื่อคลายความหนาว เดินไปตามทางเท้าที่แทบไร้ผู้คน
แม้จะเป็นช่วงเทศกาล แต่ทุกคนกลับขลุกตัวอยู่ในบ้าน หลบความหนาวเย็นด้านนอก ต่างจากเขา
ขายาวหยุดลงตรงหน้าร้านเบเกอรี่เล็กแห่งหนึ่ง ก่อนจะก้าวเข้าประตูร้านไป
ไม่นาน เขาออกมาพร้อมขนมนมเนยมากมาย มากพอจะจัดงานเลี้ยงเล็กๆได้ทีเดียว ก่อนจะออกเดินต่อไปยังร้านขายดอกไม้ใกล้ๆกัน
หลังจากออกมาจากร้านดอกไม้แล้ว เขาออกเดินต่อทั้งของเต็มมือ มุ่งหน้าไปยังจุดหมายที่นัดไว้
กับคนของเขา..
8 เดือนก่อนหน้า
“นายเป็นอะไรรึเปล่า”เสียงนุ่มถามคนตัวเล็กข้างกาย หลังจากที่เขาสังเกตมานาน คนตัวเล็กดูจะไม่ค่อยสบายเท่าไหร่
เขาสองคนนั่งเล่นอยู่ในสวนสาธารณะกลางเมือง วันนี้เป็นวันสบายๆของทั้งสอง วันนี้เขาหยุด อีกคนก็ไม่ต้องทำงาน
เขาเลยมีเวลาอยู่ด้วยกันทั้งวัน
นี่เป็นวันที่ดีเท่าที่คนอย่าง แฮร์รี่ สไตลส์ จะขอได้เลยทีเดียว
“ไม่เป็นไรหรอก แค่เจ็บคอเจ็บหน้าอกนิดหน่อยน่ะ” เสียงที่ตอบกลับมาฟังดูสดใส แต่ก็มีแววขุ่นมัวเล็กน้อยจากอาการไม่สบายตามที่เจ้าตัวบอก
“ไหวรึเปล่าเนี่ย ไอจนหน้าแดงไปหมดแล้ว”แฮร์รี่ยิ้มและพาดแขนลงบนบ่าของคนตัวเล็กอย่างที่ชอบทำประจำ
“ไหวน่า นายเถอะ เมื่อคืนนอนไม่หลับรึไง ฉันรู้นะ นอนมองฉันทั้งคืนซะขนาดนั้น” เสียงใสๆย้อนถามเขากลับ
ก็จริง...เมื่อคืนเขาแทบไม่ได้นอนเลย เพราะคนตรงหน้าดูไม่สบายเอาเสียเลย นานแล้วที่คนคนนี้เริ่มมีอาการไม่สบาย
เอาแต่ไอเหมือนเจ็บคอตลอดเวลา บางทีก็ไข้ขึ้นขึ้นมาเฉยๆ จะไม่ให้เขาเป็นห่วงได้ไง ก็นี่มันคนรักของเขาทั้งคนนะ
คนรักของเขาทั้งคน
“ก็นายน่ารักนี่ ฉันชอบมองนายตอนหลับ นายน่ารักดี”
“บ้า ชอบทำอะไรบ้าๆ”คนตัวเล็กหน้าแดงไปถึงหู ก่อนจะหยิบซองซองนึงขึ้นมาจากกระเป๋า คีบมวนสีขาวออกมาจากซอง คาบใส่ปาก ก่อนจะจุดไฟที่ปลายด้านหนึ่ง พ่นควันสีขาวออกจากปาก
“อีกแล้วนะ ฉันบอกแล้วไงว่านายไม่ควรสูบเลย มันไม่ดีกับนายนะ ลดลงบ้างเถอะ”แฮร์รี่ดุเสียงเข้ม ก็รู้ทั้งรู้ว่าไม่ดีแล้วจะยังสูบอยู่ทำไม
“เอาน่า ฉันกำลังพยายามเลิกอยู่นะ นี่น้อยลงเยอะเลยนะ---แค่กๆ!“ พูดยังไม่จบประโยคก็ก้มหน้าลงไปไอใหม่ซะแล้ว
“เฮ้ๆ พอเลยๆ พอก่อนเลย วันนี้ไม่ให้สูบแล้ว เดี๋ยวจะยิ่งไปทำให้เจ็บคอกว่าเดิม” คนตัวใหญ่แย่งบุหรี่มาจากมืออีกคน โยนลงพื้นแล้วให้เท้าดับมัน
“ว้า นั่นมันแพงมากนะ”คนตัวเล็กบ่นอุบอิบแต่ก็ยอมโดยดี นี่แหละแฟนเขา ว่าง่ายแบบนี้แหละ
“แพงไม่แพงไม่รู้แหละ วันนี้ฉันไม่ให้นายสูบแล้ว ไปหาอะไรใส่ท้องกันดีกว่า ฉันหิวแล้ว” เขาพูดพร้อมดึงมืออีกคนให้ลุกขึ้น
“กินอีกแล้วนะ แต่ก็ไม่เห็นอ้วนซักที”คนตัวเล็กลุกตามมาแล้วยิ้มให้
“คนหล่อเขาไม่อ้วนกันหรอกนะ”พูดติดตลกตามนิสัยของเขา แล้วคว้าคนตรงหน้ามากอดคอลากไปตามทางเดิน
“ไปกันเถอะ ลูอี”
1เดือนถัดมา
“ลูอี!!” ชายหนุ่มร้องด้วยความตกใจเมื่อเห็นภาพคนรักของเขาคุกเข่าอยู่หน้าอ่างล้างมือ ตัวสั่นระริกด้วยความเหนื่อยอ่อน ในอ่างเต็มไปด้วยของเหลวสีแดงเข้มที่คนตัวเล็กเพิ่งถ่มออกมา
เลือด
หนึ่งเดือนที่ผ่านมาอาการลูอีไม่ดีขึ้นเลย นอกจากจะแย่ลง คนตัวเล็กมีอาการไอรุนแรงขึ้นทุกวัน รวมถึงอาการเบื่ออาหารและอาหารหายใจเหนื่อยหอบของลูอีด้วยแล้ว ทำให้เขาไม่สบายใจเลย
แต่ไม่ว่ายังไงเจ้าตัวก็ไม่ยอมไปหาหมอ โดยอ้างว่าเป็นผลของความเครียดจากการทำงาน เดี๋ยวก็ดีขึ้น ขอเพียงเจ้าตัวได้พักผ่อนบ้างก็ดีขึ้นเอง แฮร์รี่เองก็ไม่มีสิทธ์ไปบังคับลูอีเช่นกัน
จนวันนี้
เขารีบอุ้มคนตัวเล็กขึ้นก่อนจะพาลงไปเรียกแท็กซี่ไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด ในใจภาวนาขอให้คนรักของเขาเป็นอะไรมากเลย
นี่ต้องไม่ดีแน่
หลังส่งลูอีเข้าห้องตรวจ เขานั่งอยู่ตรงทางเดินอย่างไม่เป็นสุข กัดเล็บจนแทบกุดเพื่อระบายความเครียด
ลูอีจะเป็นอะไรรึเปล่า เขาไม่รู้เลย เขาไม่แน่ใจนักว่าอาการของลูอีคืออะไร ถ้าความเครียดจะสั่งสมจนเป็นขนาดนี้ ทำไมเขาไม่เคยรู้มาก่อน
ผ่านไปครึ่งชั่วโมง
พยาบาลออกมาเรียกให้เขาเข้าไปให้ห้องเพื่อพบหมอเป็นการส่วนตัว
“ลูอีเป็นยังไงบ้างครับหมอ”เขารีบถามก่อนทั้งๆที่ยังนั่งไม่ติดเก้าอี้
“หมอคิดว่าอาการของคุณทอมลินสันจะหนักกว่าเมื่อก่อนมากนะครับ จากผลที่ตรวจออกมาพบว่าเนื้อร้ายเริ่มไปอุดหลอดลมมากขึ้นแล้ว จากที่ดูหมอว่าSquamous carcinomaนี่ควรรับการรักษาทันทีเลยแต่คุณทอมลินสันดูจะไม่ยินยอมซัก---“
“หมอว่าอะไรนะ เนื้อร้ายอะไร เมื่อก่อนอะไร รักษาอะไร” เขาหน้าซีด เนื้อร้ายงั้นเหรอ..
“หมอคิดว่าคุณทอมลินสันจะบอกคุณแล้วซะอีก เอ่อ คือ...”
“หมอจะบอกอะไร!”
“คุณใจเย็นๆก่อนนะครับ หมอคงจะต้องบอกคุณว่า คุณทอมลินสันเป็นมะเร็งปอดระยะที่3ครับ”
เหมือนโลกเอียงวูบ ประสาทความรู้สึกด้านชาไปหมด อะไรนะ ลูอีน่ะเหรอ เป็นมะเร็ง มะเร็งปอด จริงเหรอ
นี่ใช่เรื่องจริงเหรอ
ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันมา ทำไมเขาไม่เคยสังเกตเลย ทำไมเขาไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้ ทำไมไม่เคยเอะใจเลย
อาการไอรุนแรงนั่นน่าจะบอกชัดเจนอยู่แล้ว ทำไมเขาไม่เคยคิดเลย ว่ามันไม่ใช่ไข้หวัดธรรมดาแน่ๆ
แล้วเรื่องที่หมอบอกว่าลูอีไม่บอกเขาคืออะไรกัน แสดงว่าลูอีรู้เรื่องนี้อยู่แล้วงั้นเหรอ รู้ว่าตัวเองเป็นโรคที่รักษาไม่หายและกำลังจะตายมาตลอด แต่กลับเลือกที่จะไม่บอกเขาเนี่ยนะ
เลือกที่จะไม่ให้แฮรืรี่รู้อะไรเลย
แล้วทำไมเขาไม่รู้จักห้ามไม่ให้ลูอีสูบ ทำไมไม่เข้มงวดกับเรื่องนี้ ทำไมถึงปล่อยปะละเลยคนรักให้ทำร้ายตัวเองมานานขนาดนี้ รู้ทั้งรู้ว่ามันไม่ดี
แต่เขากลับไม่คิดจะห้ามลูอีอย่างจริงจัง ทำไมเขาไม่ดูแลคนของเขาเลย
“หมอเสียใจด้วยนะครับที่ต้องเป็นคนแจ้งข่าวนี้ให้คุณทราบเอง แต่คุณทอมลินสันเข้ารับการตรวจกับหมอมาหลายเดือนแล้ว แต่เขาไม่ยอมรับการรักษาใดๆทั้งสิ้น เขารับแค่ยาจากหมอไปเท่านั้น หมอคิดว่าเขาคงจะบอกคุณแล้ว แต่เขาคงไม่อยากให้คุณไม่สบายใจ เลยเลือกที่จะเก็บไว้เอ—“
“แล้วทำไมหมอไม่บังคับเขา! ทำไมไม่บังคับให้เขายอมรับการรักษา!! เป็นหมอประสาอะไรไม่รักษาคนไข้วะ!!” อารมณ์โกรธพุ่งเข้ามาแทนที่ความตกใจ
เขาลุกยืนขึ้นตะโกนใส่หมออย่างเดือดดาล ทำไมไม่บังคับลูอีให้รับการรักษา ทำไมไม่ทำอะไรเพื่อยื้อชีวิตคนไข้บ้างเลย
“คุณใจเย็นๆก่อนนะครับ ทางโรงพยาบาลไม่มีสิทธ์ทำการรักษาคนไข้ถ้าคนไข้ไม่ยินยอม มันผิดกฎหมาย”
“แล้วไงวะ! ถ้าแฟนผมตายขึ้นมาจะทำยังไง!! ต่อไปนี้คุณเริ่มรักษาลูอีได้เลย เท่าไหร่ผมก็จะจ่าย แต่คุณต้องทำให้ลูอีกลับมาเหมือนเดิมให้ได้”
ลำพังเงินเดือนพนักงานบริษัทอย่างเขาไม่พอจะใช้ในค่ารักษาแน่ แต่เขาไม่สน ไม่รู้ล่ะ ไม่ว่ายังไงลูอีก็จะต้องหาย ต่อให้เขาต้องกู้หนี้ยืมสินเท่าไหร่เขาก็ยอม
ขอแค่ให้ลูอีหาย
ขายาวหยุดยืนอยู่ข้างเตียงคนไข้ บนนั้นมีบุคคลร่างเล็กนอนไม่ได้สติอยู่ สายน้ำเกลือถูกเจาะเข้าที่เส้นเลือดใหญ่บริเวณแขน ใบหน้าที่เขาชอบแอบมองเวลาเจ้าตัวไม่รู้ตัว
ตอนนี้ดูเหนื่อยอ่อนและทรุดโทรมลงมาก เสียงหายใจหอบๆดังออกมาจากปากร่างบาง
ถ้าเพียงเขาสังเกต
ถ้าเพียงเขาเอะใจ
ถ้าเพียงเขาเอาใจใส่ลูอีมากกว่านี้
เรื่องแบบนี้คงไม่เกิดขึ้น
แฮร์รี่ยอมแลกทุกอย่าง เพื่อให้ตัวเองสลับที่กับลูอีได้ เขายินดีรับความเจ็บปวดจากคนตัวเล็กมาเป็นของตัวเอง ถ้าเพียงแต่ขอให้ลูอีกลับมาแข็งแรงเหมือนเดิม เขายอมได้
“แฮซ....” เสียงกระซิบแผ่วเบาดังจากร่างบาง ลูอีค่อยๆลืมตามองเขาด้วยสีหน้าที่อ่านไม่ออก ก่อนจะชันกายขึ้นนั่งมองหน้าเขา
“ลู...ทำไมนาย---“
“ทำไมฉันไม่บอกนายว่าฉันป่วย ทำไมฉันไม่บอกทั้งๆที่ฉันก็รู้มาตลอด ทำไมฉันทำกับนายแบบนี้ นายจะถามแบบนี้ใช่มั้ย” คนตัวเล็กชิงพูดขึ้นก่อนที่เขาจะพูดจบ
“ลู—“
“ฉันขอโทษ”
“ฉันขอโทษที่ไม่ยอมบอกนายแต่แรก ฉันขอโทษที่ปิดบังนาย แต่นายต้องเข้าใจ ถ้าฉันบอกนาย นายจะให้ฉันรับการรักษา แล้วนายก็รู้ว่าค่ารักษาโรคนี้มันน้อยๆซะที่ไหน เงินเดือนของพวกเราไม่พอที่จะรักษาฉันหรอกนะ และฉันไม่ยอมให้นายมาทำอะไรแบบนี้ให้ฉันหรอกนะแฮซ”
คำสารภาพที่ออกมาจากปากลูอีทำเขาตัวแข็งนิ่ง ที่ลูอีไม่ยอมบอกเขา เพราะลูอีเป็นห่วงเขามากกว่าสุขภาพของตัวเองเนี่ยนะ
“นายจะต้องหาย ลู ไม่ว่ายังไงนายก็จะต้องหาย นายห้ามไม่ให้ฉันรักษานายไม่ได้หรอก ไม่ว่าจะต้องจ่ายกี่หมื่นกี่แสน ฉันก็จะหามารักษานายให้ได้” เขาคว้ามือคนตัวเล็กมากุม จูบเบาๆที่หลังมือ เอามันมานาบไปกับใบหน้าของเขา ส่งผ่านความรู้สึกห่วงใยไปให้มากที่สุด
เขาไม่สนหรอกว่าจะต้องทำงานหนักแค่ไหน ขายทรัพย์สินอะไรบ้าง เพื่อให้คนตรงหน้าเขากลับมาแข็งแรงเหมือนเดิม ให้มีชีวิตยืนยาวไปกับเขา เขายอมแลกทุกอย่าง เพื่อให้ลูอีหายดี ต่อให้ต้องสิ้นเนื้อประดาตัวเขาก็ยอม
“ว่าแล้วนายต้องพูดแบบนี้ แต่ฉันก็คงห้ามอะไรนายไม่ได้หรอกใช่มั้ย” ลูอียิ้มเศร้าๆขณะมองหน้าเขา
และในวินาทีนั้น แฮร์รี่สัญญากับตัวเองเลยว่า เขาจะทำให้รอยยิ้มนี้กลับมาสดใสเหมือนเดิมอีกครั้งให้ได้
“ใช่ นายห้ามฉันไม่ได้หรอก ลู”
‘อาการของคุณทอมลินสันน่าเป็นห่วงมาก ก้อนมะเร็งลุกลามไปถึงต่อมน้ำเหลืองในช่องอกแล้ว ทำให้ไม่สามารถผ่าตัดออกได้ทันที ต้องผ่านการวินิฉัยอย่างละเอียดถี่ถ้วนก่อน ตอนนี้คุณทอมลินสันต้องได้รับการเคมีบำบัดอย่างด่วนที่สุดเพื่อหยุดยั้งเนื้อร้ายไว้ก่อน อาจต้องมีการฉายรังสีรักษาควบคู่ไปด้วย ซึ่งค่าใช้จ่ายในการฉายรังสีค่อนข้างสูง แต่ถ้าจะทำให้อาการคุณทอมลินสันดีขึ้นจริงๆหมอคิดว่ามันจำเป็น
หมอไม่ควรพูดแบบนี้ แต่ระยะของมะเร็งตอนนี้เข้าขั้นรุนแรงแล้ว หมอไม่รับประกันว่าคุณทอมลินสันจะมีโอกาสหายดีร้อยเปอร์เซนต์ ยังไงคุณก็ควรเผื่อใจไว้บ้างนะครับ’
ก็ลองดูสิ ถ้าพระเจ้าจะใจร้ายขนาดไม่ยอมให้ลูอีหายละก็
เขานี่แหละ จะทำให้ลูอีเป็นเหมือนเดิมเอง
แต่มันก็เป็นแค่สัญญาล้มๆแล้งๆ
2 เดือนผ่านไป
แฮร์รี่เพิ่มเวลางานของตัวเองเป็นสองเท่าทุกวัน เพื่อเพิ่มเงินเดือนที่จะเอามารักษาคนรัก เขาเข้างานตอนแปดโมงเช้า และออกจากออฟฟิซสี่ทุ่มทุกวัน หลังจากนั้นจะไปหาลูอีที่โรงพยาบาลทุกคืน อยู่ที่นั่นจนเที่ยงคืนกว่า แล้วจึงค่อยกลับมาที่อพาร์ตเมนท์เพื่อพักผ่อน ก่อนจะตื่นเวลาตีห้าเพื่อไปโรงพยาบาลเพื่อคุยกับลูอีก่อนไปทำงาน บางครั้งเขาถึงกับใช้ชีวิตกินนอนที่โรงพยาบาลเลยทีเดียว
เขาทำแบบนี้ทุกวัน ไม่มีวันเหนื่อย เพียงเพื่อให้มีเงินมากพอต่อค่ารักษาคนรัก เขาทนได้
หลังเข้ารับเคมีบำบัด คนรักของเขามีอาการดีขึ้นเพียงเล็กน้อย ลูอีลาออกจากงาน และได้รับเงินชดเชยก้อนหนึ่ง พอจะใช้ในค่ารักษาได้บ้าง แต่มันก็ไม่พอ แฮร์รี่ต้องเอาทรัพย์สินบางส่วนของเขาไปจำนำเพื่อนำเงินมาหมุนกับหนี้ที่เขากู้มาเพื่อรักษาคนรักของเขา
อาการของลูอีไม่ดีขึ้นเลย มีแต่จะแย่ลง ผลการเอ็กซเรย์ล่าสุดบอกได้ว่าตอนนี้มะเร็งได้ลุกลามไปทั่วต่อมน้ำเหลืองในทรวงอกแล้ว และกำลังจะไปถึง...
หัวใจ
แฮร์รี่ต้องทนนั่งดูลูอีถูกเข็นเข้าห้องผ่าตัดถึงสองครั้ง ครั้งแรกเพื่อฉายรังสีทำลายก้อนเนื้อมะเร็งออกบางส่วน เพื่อยื้อชีวิตของลูอีให้ยาวขึ้นอีกนิดเท่านั้น
ครั้งที่สองเลวร้ายยิ่งกว่า เมื่อการฉายรังสีครั้งแรกไม่ได้ผล แพทย์จำต้องเจาะลำคอของลูอีเพื่อช่วยในการหายใจของคนตัวเล็ก เนื่องจากปอดของลูอีแทบจะทำงานเองไม่ได้แล้ว
เขาแทบทนมองคนรักของเขาไม่ได้
ไม่ใช่ว่าเขารังเกียจ แต่เป็นเพราะเขาสงสารคนคนนี้ใจแทบขาด
แฮร์รี่ยอมแลกทุกอย่างเพื่อแลกที่กับลูอี ให้เขาได้แบ่งเอาความเจ็บปวดของลูอีไว้บ้างก็ยังดี ไม่ใช่ทำได้แค่นั่งมองอย่างเดียวแบบนี้
ทุกวันที่เขามองลูอี เหมือนมีมีดค่อยๆเฉือนวิญญาณเขาออกทีละส่วน ค่อยดึงเอาส่วนสำคัญในชีวิตของเขาไป ค่อยๆทำให้เขาตายช้าๆ โดยที่เขาไม่มีทางทำอะไรได้เลย ได้แต่ปล่อยให้มันเกิดขึ้น
“ว่าไง ลู” เขานั่งอยู่ข้างๆคนรักข้างเตียงคนไข้ในห้องผู้ป่วยพิเศษ
วันนี้เป็นวันหยุด ซึ่งถ้าเป็นตามปกติแล้ว เขากับลูอีตอนนี้ควรจะเดินเล่นกันอยู่ในสวนสาธารณะที่เจ้าตัวชอบ หรือไม่ก็นอนดูหนังกันอยู่ในอพาร์ทเมนต์ทั้งวัน ไม่ใช่ต้องมาใช้ชีวิตอยู่กันในห้องปลอดเชื้อในโรงพยาบาลแบบนี้
ลูอีตอนนี้ แทบไม่เหลือเค้าเดิม ร่างเล็กที่เคยบอบบางแต่แข็งแรง ตอนนี้ผอมซูบและซีดเซียว เส้นผมสีน้ำตาลสวยที่เขาชอบลูบ ตอนนี้หลุดร่วงจนแทบไม่เหลือ ดวงตาสีฟ้าจางที่มักจะส่อประกายขี้เล่นอยู่เสมอ ตอนนี้ขุ่นมัวและเลื่อนลอย
ลำคอระหงส์ที่เคยสวยงาม ตอนนี้มีรู้สีดำขนาดใหญ่เจาะอยู่ตรงกลาง เสียงใสๆที่เคยออกจากปากบาง ตอนนี้แหบแห้งแตกพร่า
ลูอีดูเจ็บปวดในทุกๆอิริยาบถ
และนั่นทำให้แฮร์รี่ใจจะขาด
“ว...ว่าไง...แฮซ” เสียงแหบๆออกมาจากกลีบปากคนตัวเล็ก
“เป็นไงบ้าง”เขาถามออกไปอย่างไม่รู้จะคุยอะไรดี แล้วก็คิดได้ว่าไม่น่าถามแบบนั้นเลย
“แข็งแรง...ที่สุดเลย” ลูอีส่งเสียงแตกพร่าสั่นๆออกมาชุดหนึ่ง แฮร์รี่คิดว่านั่นคงจะเป็นเสียงหัวเราะ
ไม่มีแล้วเสียงหัวเราะกังวานใสเหมือนแต่ก่อน
โถ่ ลู
“ขอโทษทีที่ถามแบบนั้นนะ ฉันไม่น่าพูดเลย”เขาพูดด้วยความรู้สึกผิด
“เฮ้..ไม่เป็น..ไร..น่า” คนตัวเล็กส่งเสียงกลับมา “ว่าแต่...วัน..นี้..ไม่ทำงาน..เหรอ”
การเค้นเสียงออกมาอย่างยากเย็นทำให้แฮร์รี่รู้สึกผิด ยิ่งลูอีพูดหรือขยับตัวมากเท่าไหร่ ความเจ็บปวดยิ่งลุกลามไปทั่วร่างเล็กเท่านั้น
“วันนี้วันหยุดพิเศษน่ะ เจ้านายเขาให้หยุดทั้งวัน ฉันเลยมาอยู่กับนายได้ไง”เขาตอบด้วยน้ำเสียงร่าเริงตามประสาเพื่อช่วยให้คนตัวเล็กสดใสขึ้นได้บ้าง
ซักนิดก็ยังดี
“รู้มั้ย เมื่อกี๊ฉันคุยกับหมอมา หมอเขาบอกว่าอาการนายดีขึ้นนะลู เขาบอกว่าการผ่าตัดครั้งล่าสุดส่งผลดีต่อนาย นายจะไม่ต้องเข้าผ่าตัดอีกนานเลยเพราะอาการนายดีขึ้น อีกไม่นานนายก็หาย แล้วก็กลับบ้านได้แล้วล่ะ”
‘ผลการผ่าตัดออกมาไม่เป็นตามที่หมอคาดหวังเท่าไหร่ เราเอาเนื้อร้ายออกไปได้บ้างก็จริง แต่มันไม่มากพอที่จะทำให้อาการของคุณทอมลินสันดีขึ้น มันช่วยได้แค่ให้อาการทรงตัวไว้เท่านั้น และหมอเกรงว่าร่างกายของคุณทอมลินสันจะรับการผ่าตัดอีกไม่ได้เร็วๆนี้แน่ จากอาการแผลในปอดที่มากขึ้นทำให้กระบวนการรักษาร่างกายของเขาช้าลงมาก หมอคาดว่ากว่าคุณทอมลินสันจะรับการผ่าตัดครั้งต่อไปก็อีกหลายเดือน ตอนนี้ทำได้แค่รอเท่านั้น’
โกหก
แฮร์รี่จำต้องโกหก เพื่อให้ลูอีสบายใจ อย่าให้คนตัวเล็กต้องมีเรื่องเครียดไปมากกว่านี้เลย
“แฮซ....”เสียงเรียกชื่อเขาพร้อมยื่นมือที่เต็มไปด้วยสายระโยงรยางค์มาหา เขาจับมือนั้นมากุมไว้
“ว่าไงครับ”
“ขอโทษ..นะ”ดวงตาสีฟ้าอ่อนมีน้ำตารื้นขึ้น มันเต็มไปด้วยความเจ็บปวด ......ความรู้สึกผิด
“ขอโทษฉันเรื่องอะไรลู นายยังไม่ทำผิดอะไรเลยนะ”เขาถามกลับ ทำไมจู่ๆลูอีต้องมาขอโทษเขาด้วย
“ขอโทษ...ที่ต้องทำให้ลำบาก..ขอโทษ..ที่เป็นภาระ..ขอโทษ ที่ทำให้เสียใจ” น้ำตาค่อยๆไหลรินลงบนใบหน้าสวย
“นายไม่เคยทำให้ฉันลำบาก นายไม่เคยเป็นภาระ นายไม่เคยทำให้ฉันเสียใจ เพราะงั้นนายไม่ต้องขอโทษอะไรทั้งสิ้น ลู ฉันเต็มใจทำทุกอย่างเพื่อนาย และ ฉันรักนาย ฉันทำทุกอย่าง เพราะว่าฉันรักนาย มันไม่เคยเป็นอะไรที่ลำบากใจหรือเป็นภาระเลย เพราะฉันยินดีที่จะทำเพื่อนายนะ”
เขาเอื้อมมือไปปาดน้ำตาออกจากดวงหน้าคนรัก กุมมือเล็กๆนั้นไว้แน่น จูบเบาๆที่หลังมืออย่างที่ชอบทำเป็นประจำ ส่งยิ้มปลอบประโลมให้คนตัวเล็ก
“ฉัน...”
“ชู่ว... ไม่ต้องพูดอะไรแล้วนะ ตอนนี้นอนเถอะ นายต้องพักผ่อนนะลู ฉันจะอยู่ตรงนี้แหละ ฉันสัญญานายตื่นมาจะเห็นฉันเป็นคนแรกเลย”
“...ขอบคุณ..นะ แฮซ”
‘ยังไงคุณก็ควรเผื่อใจไว้บ้างนะครับ’
3สัปดาห์ผ่านไป
‘การผ่าตัดไม่ช่วยอะไรเลย ตอนนี้มะเร็งได้ลามไปถึงหัวใจห้องที่2แล้ว หมอจำเป็นต้องเพิ่มเครื่องช่วยการเต้นของหัวใจ บวกกับเครื่องช่วยหายใจ เพื่อให้ระบบร่างกายของคุณทอมลินสันยังคงใช้งานได้ การให้อาหารจากสายน้ำเกลือดูจะได้ผลไม่ดีเท่าที่ควร ร่างกายของเขาไม่ยอมรับสารอาหารที่เท่าที่ควร และด้วยโรคแทรกซ้อนที่มักมากับโรคนี้แล้ว
หมอไม่ควรจะพูดแบบนี้เลย แต่คุณควรทำใจไว้นะครับ’
‘หมอก็พูดแบบนี้มาตลอด บอกให้ทำใจๆ ผมถามหมอจริงๆนะ เคยมีญาติคนไหนบ้างที่ทำใจได้บ้างถ้ารู้ว่าคนที่เป็นที่รักของตัวเองกำลังจะตาย’
‘ถ้าเป็นหมอ หมอจะทำได้มั้ย’
I remember tears streaming down your face when I said "I'll never let you go"
When all those shadows almost killed your light.
“แฮซ...”
“ว่าไงลู มีอะไรเหรอ”
“...ฉัน..เหนื่อย”
ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงคืนกว่าแล้ว แต่เขายังคงนั่งกุมมือคนตัวเล็กอยู่ เขาต้องการใช้เวลาทั้งหมดที่มีให้กับคนคนนี้ อยู่กับคนคนนี้ให้ได้นานที่สุด ตักตวงความสุขที่ยังพอมีเหลืออยู่ให้มากที่สุด
แฮร์รี่ลางานมาสามวันแล้ว นับจากที่เขาพบหมอของลูอีครั้งล่าสุด เขาไม่เคยก้าวออกจากโรงพยาบาลอีกเลย อันที่จริงเขาแทบไม่ได้ออกจากห้องผู้ป่วยเลยด้วยซ้ำ เขาใช้เวลาทั้งวันไปกับการนั่งกุมมือลูอีไว้ นั่งมองคนตรงหน้าหลับ ส่งยิ้มให้เมื่อลูอีตื่น เล่าเรื่องสารพัดให้ลูอีฟังเพื่อคลายความเหงาความเบื่อหน่ายที่คนตัวเล็กมี เขาจะปล่อยมือเล็กๆนั่นก็ต่อเมื่อถึงเวลากินหรือเวลาพยาบาลมาเช็คอาการลูอีเท่านั้น
I remember you said "don't leave me here alone"
“นายเป็นอะไรเหรอ ให้ฉันเรียกพยาบาลมั้ย” มือเรียวเตรียมกดปุ่มเรียกพยาบาล แต่มือเล็กยกขึ้นห้ามไว้ก่อน
“มะ..ไม่ต้อง”
“แล้วนายเป็นอะไร เจ็บตรงไหนรึเปล่า” แฮร์รี่ถามด้วยความเป็นห่วง
“ฉันเหนื่อย...แฮซ...เหนื่อย..มาก” เสียงแหบแห้งตอบกลับมาสั่นๆ
“ฉันเหนื่อย....ฉันกลัว...กลัวว่าฉันจะต้องไป” คนตัวเล็กหลับตาลง คิ้วขมวดแน่น บางเม้มเป็นเส้นตรง น้ำใสๆไหลลงที่ข้างแก้ม
คนตัวเล็กนิ่งไปก่อนจะพูดประโยคนึงออกมา
ประโยคที่ถ่วงหัวใจเขาลงเหว
But all that's dead and gone and passed tonight.
“ฉัน..ฉันว่า ฉันไม่ไหวแล้ว”
“ไม่นะลู นายต้องไม่เป็นไร นายจะต้องหายฉันบอกนายแล้วไง”เขารีบพูดรัวเร็ว ทำไมลูถึงพูดแบบนี้ ลูอียอมแพ้ไม่ได้
“ฉันรู้..ว่าไม่หาย..แฮซ...แต่ฉันแค่กลัว..ฉันกลัว” เสียงสะอื้นแหบแห้งดังขึ้น แฮร์รี่โน้มใบหน้าไปหาหน้าคนบนเตียง เอาหน้าผากชนกัน จมูกคลอเคลียกัน ส่งสายตามั่นคงไปให้อีกฝ่าย
“นายไม่ต้องกลัว ฉันจะอยู่กับนายตรงนี้ ฉันจะไม่ไปไหน นายก็จะอยู่กับฉัน เราจะอยู่ด้วยกัน” เขาพูดให้กำลังใจคนรัก ทั้งๆที่เสียงร้องในใจตะโกนออกมาชัดเจนว่า นายสองคนจะไม่ได้อยู่ด้วยกัน
“อยู่..ข้างฉันนะ..แฮซ”
เขาบรรจงจูบที่หน้าผากเล็กๆ จูบซับน้ำตาที่ไหลริน จูบปลายจมูกโด่งรั้น จูบปากบางที่เขาหลงใหล ก่อนจะก้มมองหน้าคนตัวเล็ก
“อยู่เสมอ และจะอยู่ตลอดไป”
Just close your eyes, the sun is going down
You'll be alright, no one can hurt you now
“สัญญานะ”
“สัญญา”
Come morning light,
you and I'll be safe and sound.
5:45
เสียงกรีดร้องอย่างใจสลายดังห้องทั่วโรงพยาบาล เสียงร้องไห้ของคนที่หัวใจสลาย คนที่ไม่เหลืออะไรแล้วในชีวิต
ร่างเล็กถูกถอดเอาเครื่องช่วยหายใจออก หน้าจอสีเขียวด้านข้างแสดงภาพเส้นสามเส้น
ทั้งสามเส้นนั้นนิ่งสนิท
ร่างนั้นถูกนำออกจากห้องไอซียู เหลือเพียงคนคนเดียวอยู่ในห้อง คนที่ตอนนี้แทบไม่เหลือแรงชีชีวิตอยู่ต่อไปแล้ว
แฮร์รี่สะดุ้งตื่นขึ้นมาพบกับพยาบาลรอบตัว ไฟในห้องสว่างจ้าทั้งๆที่เขาแน่ใจว่าเป็นคนปิดมันแล้ว หมอประจำตัวลูอียืนจดอะไรอยู่ที่มุมห้อง
ก่อนที่เขาจะทันสังเกต
ว่ามือที่เขากุมอยู่นั้น เย็นชืดเสียแล้ว
คุณเคยถูกลากลงไปในน้ำลึกไหม มันเป็นความรู้สึกอึดอัด หายใจไม่ออก แรงกดดันมหาศาลในอก ทุกอย่างรอบตัวค่อยๆมืดลง
แล้วปอดของคุณก็จะระเบิด
ความรู้สึกเดียวกัน ภาพที่เห็นตรงหน้าคือภาพคนตัวเล็กนอนหลับตาพริ้ม สีหน้าสบายเหมือนกำลังอยู่ในห้วงนิทรา เพียงแต่ว่าคนตัวเล็กจะไม่มีวันตื่นขึ้นมาอีกแล้ว
ลูอีตายแล้ว
โดยที่ไม่มีโอกาสได้ร่ำลา เขาคิดว่า สิ่งที่ลูอีพูดตอนนั้น เป็นเพียงแค่ความรู้สึกของเจ้าตัว เขาคิดว่า เมื่อเขาตื่นขึ้นมาครั้งต่อไป จะพบกับลูอีอยู่บนเตียง โดยยังกุมมือกับเขาอยู่ รอให้เขาตื่นขึ้นมาพูดคุยด้วย เหมือนทุกครั้ง
เขาไม่คิดว่า
ครั้งนั้นจะเป็นครั้งสุดท้าย
ที่เขากับลูอี ได้อยู่ด้วยกัน
ขายาวหยุดยืนนิ่ง ตรงหน้าเขาคือป้ายหินสีขาวปลอด แกะสลักไว้ด้วยตัวหนังสือที่เทาเข้ม
Louis William Tomlinson
19xx – 20xx
"Life moves pretty fast...if you don't stop to look around once in a while, you might miss it."
ชีวิตผ่านไป อย่างรวดเร็ว ถ้าคุณไม่หยุดและมองไปรอบๆบ้าง คุณอาจจะพลาดบางอย่างไป
บรรยากาศรอบตัวเย็นยะเยือก แต่ชายหนุ่มกลับเลือกที่จะนั่งบนพื้นหิมะ วางขนมปังหอมกรุ่นมากมายที่ซื้อมาตรงหน้าป้ายหิน เอื้อมมือไปสัมผัสเนื้อหินอ่อนเย็นเยียบแผ่วเบา ราวกับกำลังสัมผัสแก้มนวลของใครบางคน
“หวัดดี ลูอี” รอยยิ้มแต้มลงใบหน้า ดวงตาจับจ้องไปที่ตัวหนังสือที่เทาที่มีชื่อของบุคคลที่เขารักอยู่
บุคคลที่เขารักมากกว่าอะไรทั้งสิ้น
“นายเป็นยังไงบ้าง สบายดีมั้ย? ” ปากพร่ำพุดถึงสิ่งที่เคยพูดมาไม่รู้กี่ครั้งที่ต่อกี่ครั้ง
“นี่..รู้มั้ย เจ้านายของฉันเขาเพิ่งจะเพิ่มเงินเดือนให้ฉันด้วยนะ เพราะฉันขยันทำงานมาตลอด เขาบอกว่าฉันเป็นพนักงานที่ดีมากเลยนะ” เสียงหัวเราะฝืดๆหลุดออกจากปาก
“แล้วเมื่อวันก่อนน่ะ แมวของคุณนายสมิทธหลุดเข้ามาในห้องเราด้วยล่ะ กว่าจะจับออกไปได้เล่นเอาเหนื่อยแย่เลย ดีนะที่เจ้าของอะพาร์ตเมนท์ไม่มาเห็นเข้า ไม่งั้นคุณนายสมิทธแกเดือดร้อนแน่ ฮ่าๆๆ”
ตั้งแต่ลูอีจากไป แฮร์รี่มาหาลูอีที่นี่แทบทุกวัน มาเพื่อพูดคุยทุกเรื่องที่ผ่านเข้ามา และผ่านออกไป เหมือนอย่างที่เขาพูดกับลูอีมาตลอด ตอนนี้การมาที่สุสานแห่งนี้กลายเป็นหนึ่งในชีวิตประจำวันของเขาไปแล้ว
“อ้อใช่ วันนี้ฉันเอาดอกไม้มาให้นายด้วยล่ะ” พลันนึกได้ก็คว้าเอาช่อดอกไม้ข้างตัว บรรจงวางลงข้างป้ายหิน
“สวยใช่มั้ยล่ะ ให้นายคนเดียวเลยนะ มีตั้งหลายดอกแหน่ะ รู้มั้ยดอกไม้พวกนี้แปลว่าอะไรบ้าง”
“นี่ ดอกกุหลาบสีขาวกับแดง รวมกันแล้วแปลว่า’ฉันกับเธอ เราเป็นหนึ่งเดียวกัน’ ดอกสเตติส แปลว่า’ความรู้สึกที่มีอยู่ตลอดไป’ ดอกกล้วยไม้สีขาว หมายความว่า’ฉันคิดถึงคุณ’”
"..."
“........ฉันคิดถึงนายนะ ลูอี”
“นี่สามเดือนมาแล้วนะ นายคิดถึงฉันบ้างรึเปล่า นายยังจำฉันได้รึเปล่า นายสบายดีรึเปล่า”
“ฉัน..ฉันขอโทษ ที่ตอนนั้น ไม่อยู่กับนายในตอนสุดท้าย....ฉันขอโทษ ที่สัญญาอะไรแล้วทำไม่ได้....ฉันขอโทษ ที่ช่วยอะไรนายไม่ได้เลย” เสียงของเขาสั่น รู้ตัวอีกที น้ำตาก็ไหลนองหน้าแล้ว
“ขอโทษนะ” เขาเค่นรอยยิ้มออกมา รอยยิ้มที่บิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด
“รู้มั้ยทำไมฉันถึงเอาดอกไม้มาด้วย ขนมก็เยอะกว่าปกติ”
“วันนี้วันที่24 ธันวาคม นายรู้มั้ยวันนี้เป็นวันอะไร”
“วันคริสมาสต์อีฟ วันแห่งความสุข วันที่ทุกคนรอคอยจะได้ของขวัญจากซานต้า แล้วยังเป็นวันอะไรอีกนะ จำได้มั้ย??”
“วันนี้.....เป็นวันเกิดนายไง” น้ำตาหยดลงบนพื้นหิมะ มือเอื้อมไปสัมผัสแผ่นหินนั้นอีกครั้ง จินตนาการถึงใบหน้าของคนตัวเล็ก ที่จากไป อย่าไม่มีวันกลับมา
“สุขสันต์วันเกิดนะ ลูอี” เขาโน้มตัวไปบรรจงจูบลงบนตัวอักษรสีเงิน จูบที่แผ่วเบาเรากับกลัวว่าเจ้าของชื่อจะตื่นจากการพักผ่อนถ้าเขารุนแรงเกินไป ก่อนจะถอนตัวออกมา นั่งอ่านชื่อของคนที่รักซ้ำไปซ้ำมา
ภาพช่วงเวลาที่ทั้งสองผ่านมาด้วยกันหลั่งไหลเข้ามาในหัว
วันที่เขาเจอกันครั้งแรกเมื่อ5ปีก่อน แฮร์รี่บังเอิญเดินชนกับลูอีหน้าร้านกาแฟ ทำกาแฟหกเลอะตัวลูอีเต็มไปหมด เขาชดใช้ให้ด้วยการส่งเสื้อผ้านั้นไปซัก และพาลูอีไปซื้อเสื้อใหม่
วันที่เขาออกเดทครั้งแรก ที่สวนสนุก ลูอีในเสื้อยืดสีดำกับสกินนี่ยีนส์ รองเท้าผ้าใบเป็นภาพที่ติดตราในใจเขามาจนทุกวันนี้
วันที่เขาสารภาพรักกับลูอีบนลอนดอนอาย วันที่ลูอีรับรักเขา
วันที่ทั้งสองย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกันในอาพาร์ทเมนต์วันแรก เขาสองคนช่วยกันจัดของกันจนมืดค่ำ ก่อนจะนอนบนฟูกนอนทั้งที่ยังไม่ได้แกะพลาสติกออก
วันที่ลูอีเซอร์ไพรส์วันเกิดเขาด้วยเชมแปญราคาแพง และนาฬิกาข้อมือเรือนที่แฮร์รี่ใฝ่ฝันอยากได้มานาน
ภาพวันคืนเหล่านั้น รอยจูบนั้น สัมผัสนั้น ยังคงตราตรึงในหัวใจเขา ยังคงอยู่ไม่จางหายไปไหน
อย่างเดียวที่หายไปคือคนที่ใช้ช่วงเวลานั้นผ่านมากับเขา
ของทุกอย่างยังอยู่ครบ เสื้อผ้า น้ำหอม ของใช้ส่วนตัวของลูอียังอยู่ดีทุกอย่าง ได้รับการดูแลรักษาอย่างดีจากแฮร์รี่
เพื่อไม่ให้คนตัวเล็กจากหายไปจากเขา เขาเลือกจะไม่เก็บของเหล่านั้นทิ้ง ทำเหมือนว่าลูอียังคงอยู่กับเขา
เหมือนแต่ก่อน
ทั้งที่ความเป็นจริงคือ ทุกเช้าเขาต้องตื่นมาบนเตียงว่างเปล่า ที่ว่างข้างกายเย็นชืด แต่งตัวจากตู้เสื้อผ้าที่มีชุดของอีกคนอยู่ แต่ไม่มีวันได้หยิบขึ้นมาใส่อีก กินอาหารเช้าบนโต๊ะกินข้าวโดยลำพัง ทำงานโดยปราศจากข้อความให้กำลังใจในโทรศัพท์อย่างที่เคยมี และเข้านอนบนเตียงคนเดียวทุกคืน วนซ้ำไปซ้ำมาอย่างไม่รู้จบ
ลูอีจากไปแล้ว ไปอย่างไม่มีวันกลับ
เขาอาจจะมีความคิดเป็นเด็กๆ แต่ถ้าวันนี้เป็นคริสมาสต์อีฟ และซานต้าหรือพระเจ้ามีจริง ขอเขาขอพรซักข้อได้มั้ย
ขอให้เขาได้เจอคนที่เขารัก อีกซักครั้ง
มือเรียวหยิบวัตถุสีขาวขึ้นมาคาบไว้ในปาก ก่อนจะจุดไฟ อัดเอาควันสีขาวลงไปในปอด ก่อนจะพ่นออกมา
“โทษทีนะลู ฉันรู้ว่านายไม่อยากให้ฉันทำแบบนี้ แต่ฉันไม่รู้จะยังไง”
“ตอนแรกฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตอนนายสูบมันรู้สึกยังไง แต่ตอนนี้ฉันรู้แล้ว”
“เวลาฉันสูบ ฉันคิดถึงนาย.......คิดถึงนายเสมอ” เขาเหม่อมองออกไปที่ทิวทัศน์ด้านนอก ผู้คนเริ่มออกมาจับจ่ายซื้อของเตรียมสำหรับเทศกาลสำคัญในคืนนี้ ถนนประดับประดาไปด้วยแสงไฟจากต้นคริสมาสต์ เสียงเพลงอวยพรดังขึ้นที่มุมถนนไกล้โบสท์
บรรยากาศรอบตัวช่างสวยงามเหลือเกิน ถ้าเพียงแต่เขามีอีกคนนั่นอยู่ด้วยข้างๆ
เขานั่งอยู่อย่างนั้นนานเท่าไหร่ก็ไม่รู้ รู้ตัวอีกทีฟ้าก็เริ่มมืดแล้ว อากาศที่หนาวเย็นกว่าเดิมทำให้เขาจำต้องลุกขึ้น
“วันนี้ฉันไปก่อนนะ พรุ่งนี้ฉันจะมาหานายใหม่ เราจะฉลองคริสมาสต์ด้วยกัน” รอยยิ้มระบายบนใบหน้า เขาก้มลงไปจูบแผ่นหินนั้นอีกครั้ง ก่อนจะเดินออกมา ก้าวไปตามถนนที่คร่าคร่ำไปด้วยผู้คน
“ราตรีสวัสดิ์นะลู ฉันรักนายนะ”
ถ้าเพียงตอนนั้นแฮร์รี่หันมามอง เขาก็อาจจะทันได้เห็นชายตัวเล็กคนหนึ่ง คนที่มีผมสีน้ำตาลเข้มสวย นัยน์ตาสีฟ้าอ่อน ยืนอยู่ที่เดียวกับที่เขายืนเมื่อครู่ ส่งยิ้มน้อยๆมาให้เขา
“ขอบคุณนะ แฮซ”
Writer Talk
สวัสดีค่ะทุกคนนนนนน ก่อนอื่นเลยแนะนำตัวนิดนึง เราชื่อมะปรางค่ะ เรียกอะไรก็ได้ มะปราง ปราง มะ อะไรก็ได้ได้หมดค่ะ อายุ17 เรียกพี่เรียกน้องเรียกเพื่อนได้หมดค่ะ ไม่ซี
มะต้องขอบคุณทุกคนจริงๆที่เขามาอ่านฟิคเรื่องนี้ คือมะเป็นมือใหม่กับการเขียนนิยายอยู่แล้ว ผ่านงานเขียนมาน้อยมาก(อย่างที่เห็นจากงานเขียนอื่นๆ) แต่เรื่องนี้ก็เป็นฟิค1Dเรื่องที่สองของมะ ซึ่งเรื่องนี้มะใช้พลังไปกับมันเยอะพอสมควรทีเดียว พยายามให้มันออกมาดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ค่ะ
เข้าเรื่องเนื้อหา เชื่อว่าหลายคนพออ่านเรื่องนี้แล้วแอบอยากทำร้ายมะใช่มั้ย55555 มะไปทำลูอีแรงขนาดนั้น5555เอาจริงๆคือมะมีเมนหลักเป็นแฮร์รี่ เมนรองเป็นท่านลูเนี่ยแหละค่ะ รักเหมือนกัน อย่าว่าเค้าน้า555
มะเป็นLarry Shipperค่ะ แต่ไม่เข้าขั้นขนาดถึงLarry Is Real คือเราชอบสองคนนี้ก็เอามาจิ้นกันเป็นปกติ แต่ไม่ถึงขนาดบังคับให้เขาได้กันในชีวิตจริงนะ55555
เรื่องคาเรกเตอร์ของตัวละครเรื่องนี้ มะพยายามทำให้มันต่างจากฟิคเรื่องอื่น คือให้ตัวเอกสองคนของเรามีความแข้มเข็งในแบบของตัวเอง ลูอีแข็มแข็งที่จะไม่ยอมให้แฮร์รี่ลำบากเพราะตัวเอง แฮร์รี่แข้มแข็งที่ต่อสู้เพื่อลูอีและเชื่อมั่นว่าลูอีจะต้องหายดี
แต่พอมาถึงจุดอ่อนแอ ทั้งสองคนก็มีความอ่อนแอเป็นของตัวเองเช่นกัน ทุกคนกลัวตายใช่มั้ยคะ ลูอีก็กลัวเหมือนกัน ทุกคนเสียใจเมื่อคนรักจากไปใช่มั้ยคะ แฮร์รี่ก็เสียใจเหมือนกัน
มะจะไม่เน้นเรื่องความโรแมนติกที่สองคนมีให้กันมาก แต่เป็นความเสียสละที่ทั้งสองมีให้กันมากกว่า เรื่องนี้ใครเคะใครเมะรู้กันเนอะ555 มันชัดเจนอยู่แล้ว
มะต้องขอบคุณทุกคนอีกที่จริงๆที่เข้ามาอ่าน คือมะเป็นนักเขียนโนเนมอันนั้นแน่อยู่แล้ว การจะเขียนนิยายให้มีคนอ่านนี่ยากมาก เพราะใครๆก็เขียนได้ แต่มะอยากลองทำ ลองดูว่าเรามีความสามารถแค่ไหนกัน
สำหรับนักเขียนโนเนม ยิ่งมียอดวิวยอดคอมเม้นท์มากเท่าไหร่ยิ่งเป็นกำลังใจให้นักเขียนเท่านั้น มันช่วยได้จริงๆนะคะกับการหาพลังในการเขียนเรื่องต่อไป ต่อให้เป็นคอมเม้นติแรงๆ หรือคำชมเพียงแค่ ”สนุกดี” "พอใช้ได้" แค่นี้ก็เป็นกำลังใจชั้นเยี่ยมแล้วค่ะ
ขอบคุณทุกๆคนมากนะคะ
ถ้าใครมีอะไรอยากติชม หรือแนะนำเกี่ยวกับฟิคเรื่องนี้หรือเรื่องต่อๆไป ไปคุยกันในทวิตเตอร์ได้เลยนะคะ
@maprang_tym ชื่อทวิต นิ้วกลางคุณทอมลินสัน
หรือจะคุยในAsk.fm ก็ได้ค่ะ@maprangtym
ขอบคุณ(อีกครั้ง)ค่ะ
สวัสดีค่ะ
********************************************************************************************************************************************
ฮั่นแน่! อย่าเพิ่งไปไหน
มะปรางมีข่าวมาแจ้งให้ทุกคนทราบค่ะ
ตอนนี้The Last Timeของเรามีภาค2แล้วนะ (มีกับเขาด้วย555555)
เรื่องราวหลังจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ มันจะเป็นอย่างไรต่อไปนะ มาอ่านไปพร้อมๆกันเลย! กับภาคสองของเรื่องงราวความรักของแฮร์รี่ สไตลส์ค่ะ เอาสปอยไปอ่านเรียกน้ำย่อยกันก่อนเลย
เป็นไงๆ ถ้าอยากรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เข้าไปที่ลิ้งค์ด้านล่างนี้ได้เล้ยย
พบกับ "After That" ได้เลยค่ะ
http://writer.dek-d.com/dek-d/writer/view.php?id=1421428
รักนะ
ผลงานอื่นๆ ของ maprang ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ maprang
ความคิดเห็น