ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Got7] Love hostel อลวนรักหอพักเมี้ยวๆ (จบ)

    ลำดับตอนที่ #43 : ตอนที่ 42 ผมควรทำยังไง (โดย ยูคยอม)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.38K
      30
      10 พ.ค. 61


    ตอนที่ 42

     ผมควรทำยังไง โดย ยูคยอม

    “ยูคยอม ยูคยอม!

    “ครับ!” ผมสะดุ้ง หันมองไปทางต้นเสียง

    “เหม่ออะไรน่ะ เรียกตั้งหลายรอบ” แบมฮยองกอดอกถาม คิ้วขมวดมุ่น

    “อ๋อ ดูพวกนั้นเล่นเพลินไปหน่อย” ผมหัวเราะแห้งๆ ไม่ได้โกหกแต่ก็ไม่ได้พูดทั้งหมด

    คนตัวเล็กส่ายหัว ทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ แล้วมองกลุ่มเพื่อนที่กำลังแข่งบาสกันอยู่บ้าง เพราะตอนนี้เป็นช่วงท้ายของคาบพละแล้ว อาจารย์ก็เลยปล่อยให้เล่นกันอย่างอิสระ

    “ไม่ไปเล่นอะ”

    ผมส่ายหน้า “ขี้เกียจ ฮยองล่ะไม่เล่นแล้วเหรอ”

    “เหนื่อย” แบมฮยองชันเข่าทั้งสองข้าง ยกมือเสยผมที่เปียกนิดๆ ลวกๆ ก่อนจะวางแขนสองข้างลงบนเข่าอีกที ท่าทางแบบนี้พวกแฟนคลับก็คงกรี๊ดกร๊าดกันว่าเท่ แต่สำหรับผมแล้วนี่มันยั่วกันสุดๆ เลย

    “จ้องนานไปละ” แล้วก็ตามคาด มองได้ไม่เท่าไรก็โดนคนเซ็กซี่ผลักหน้าให้หันหนีเบาๆ


    “เดี๋ยวนี้ขี้หวงชะมัด” ผมบ่นก่อนจะมองไปที่สนามอีกครั้ง ไม่ได้อยากดูการแข่ง

    “ตกลงเมื่อวานไปซื้ออะไรมา” คำถามเดิมถูกถามเป็นรอบที่สองของวัน หลังจากครั้งแรกถูกผมเลี่ยงไม่ตอบ

    “ก็ของใช้ทั่วๆ ไป ทำไมฮยองต้องอยากรู้ขนาดนี้เนี่ย” ผมหันไปถามกลับยิ้มๆ

    “ก็นายหายไปไม่บอก แถมไม่เอาโทรศัพท์ไปด้วย”

    “ผมบอกแจ็คสันฮยองแล้วไง สงสัยจะได้ยินผิด” ผมโกหก อันนี้โกหกเต็มๆ เลย

    “ฉันเดินหานายอยู่ตั้งนาน ทีหลังจะไปไหนก็เอาโทรศัพท์ไปด้วยสิ”

    “อืม” พยักหน้ารับแต่โดยดี ก่อนจะเงียบไปพักหนึ่งแล้วถาม “ถ้าเกิดผมหายไปจริงๆ ฮยองจะทำยังไง”

    “หา” แบมฮยองหันขวับ “พูดอะไรของนาย นายจะหายไปไหน”

    “ไม่รู้สิ แค่สมมติ สมมติว่าจู่ๆ ผมหายไป ฮยองจะเสียใจไหม” ฮยองจะร้องไห้หรือเปล่า

    “หายยังไง เล่นอะไรของนายเนี่ย ฉันไม่ชอบคำถามแบบนี้นะ” คนถูกถามพูดหน้ามุ่ย “นายจะหายไปได้ยังไงล่ะ เป็นลูกหมาสายพันธุ์ปลิงไม่ใช่หรือไง”

    คำตอบที่ได้ยินทำผมหลุดขำนิดๆ “นั่นสิน้า~

     

    “ยูคยอม เสื้อลายสก๊อตสีแดงของฉันอยู่กับนายหรือเปล่า คอปกอะ” คนตัวเล็กยืนอยู่หน้าประตูห้องผม เงยหน้าถาม

    “อยู่ ฮยองจะเอาเหรอ”

    “อื้อ” แบมฮยองพยักหน้า แทรกตัวเข้ามาแล้วเดินไปห้องนอน “ซักแล้วใช่ปะ”

    “ซักแล้วคร้าบ” ผมตอบลากเสียง เดินตามไปจนเจ้าของเสื้อเปิดตู้เสื้อผ้าผมมองหา “ทำไมรีบเอาคืนอะ ฮยองจะใส่ไปไหน”

    “พรุ่งนี้หลังเลิกเรียนมาร์คฮยองชวนไปซื้อของ”

    มาร์คฮยอง ชื่อที่ได้ยินทำสีหน้าผมเปลี่ยนนิดๆ แต่คนที่กำลังหยิบเสื้อจากไม้แขวนคงไม่ทันได้สังเกต

    “ไปไหนกันเหรอ”

    “ก็ไม่ได้ไปไหนไกลหรอก ร้านไทยที่เคยไปซื้อเบนโตะคราวก่อนอะ จู่ๆ มาร์คฮยองก็บอกว่าอยากไป แต่ไม่กล้าไปคนเดียว ตลกปะล่ะ” แบมฮยองหัวเราะชอบใจ “งั้นไปก่อนนะ ยังไม่ได้อาบน้ำเลย” ยกเสื้อลายสก๊อตตีผมแล้วก็เดินออกจากห้องไป

    ผมเดินตามไปปิดประตู ความเงียบกลับเข้ามาเยือนเมื่อไม่มีร่างเล็กๆ นั่นอยู่ด้วย กระทั่งรอยยิ้มที่ยองแจฮยองเคยกัดว่าเหมือนหมาโง่ๆ ตัวใหญ่ๆ ก็เลือนหาย ผมยืนพิงประตูนิ่งอยู่ตรงนั้นเนิ่นนาน

     

    “ไม่เอาน่า อาจารย์คิมก็เป็นแบบนี้ตลอด วันนี้สงสัยไปโมโหอะไรมาก่อนแหง” แบมฮยองตบไหล่ผม “นายจำตอนที่ฉันโดนให้ตอบคำถามที่เรายังเรียนไม่ถึงได้ไหม สุดๆ อะ นายไม่ใช่คนเดียวที่โดนปีศาจคิมเล่นงานหรอกน่า”

    “ผมไม่ได้เป็นอะไร” ผมหันปฏิเสธ ในขณะที่คนข้างกายก็ยังคงทึกทักเอาเองว่าผมเสียใจจาการที่ถูกปีศาจคณิตศาสตร์เล่นงาน

    “แต่หน้านายตอนนี้นี่เหลือสองนิ้วแล้วนะ หดเหลือนิดเดียวเอง” พูดไม่เปล่า ยกสองนิ้วมาวางเทียบบนหน้าผมด้วย

    “ผมไม่ได้คิดมากอะไรหรอก” จริงๆ นะ เรื่องอาจารย์คิมวันนี้แทบไม่ได้เข้ามาอยู่ในการรับรู้ของผมเลย ที่ผมกำลังคิดอยู่คือเรื่องอื่นต่างหาก

    “วันนี้ฉันเอานายไปฝากไว้กับแจ็คสันฮยองดีกว่า ฉันไม่อยากให้นายนั่งหงอยคนเดียว”

    “งั้นฮยองก็อยู่กับผมสิ” ผมโพล่งออกไปก่อนจะทันได้คิด

    คนที่เพิ่งจะหันกลับไป หันมามองหน้าอีกครั้ง “ไม่ได้หรอก ฉันสัญญากับมาร์คฮยองไว้แล้ว”

    “สัญญาเลยเหรอ” น้ำเสียงที่พูดออกไปเจือหัวเราะ

    “อย่าบอกว่านายอิจฉานะ” แบมฮยองเอียงคอเหล่มอง

    “แล้วถ้าผมบอกว่าอิจฉาล่ะ”  ผมถามกลับ

    “เหอะ” คนถูกถามพ่นลมออกจากปากด้วยท่าทีขำๆ ส่ายหัวแล้วเร่งฝีเท้าเดินนำหน้าไป “ฉันก็เคยไปไหนมาไหนกับฮยองคนอื่น”

    แต่ฮยองคนอื่นไม่เหมือนมาร์คฮยอง  ผมค้านในใจ

    “ไม่เอาน่า เดี๋ยวฉันซื้อขนมมาฝาก” แบมฮยองหันกลับมายิ้มให้ แววตาสดใสไม่มีอะไรเจือปนอยู่

    ดูบริสุทธิ์จนผมทำอะไรไม่ได้นอกจากยิ้มกลับไป “สัญญาแล้วนะ”

    “อื้ม”

    ผมมันคนนิสัยไม่ดี

     

     

    “แล้วทำไมนายต้องมาอยู่นี่ด้วยเนี่ย”

    “มาดูฮยองเตรียมตัวไง”

    “เตรียมตัวอะไร” แบมฮยองที่อยู่ในชุดคลุมอาบน้ำกอดอกเอียงคอถาม

    “เตรียมตัวไปเที่ยวกับมาร์คฮยอง” ผมตอบ นอนตะแคงใช้ศอกเท้าหมอน มือรองหัวไว้อยู่บนเตียง

    “ตลกละ ฉันแค่ไปร้านไทยใกล้ๆ นี่เองต้องเตรียมตัวอะไรล่ะ” แบมฮยองส่ายหน้าขำๆ “แล้วนี่นายจะนอนดูฉันใส่เสื้อผ้าแบบนี้ใช่ปะ”

    “ไม่ได้เหรอ”

    “หันหลังไม่งั้นก็ออกไปเลย” มือเรียวชี้ไปที่ประตู

    ผมทำหน้าสลด “ใจร้ายอะ”

    “จะเลือกอันไหนล่ะ”

    “เฮ้อ” ได้แต่ถอนหายใจแล้วพลิกตัวไปอีกทาง “นับวันฮยองยิ่งขี้งกขึ้นทุกทีๆ”

    “ห้ามแอบดูนะ”

    “ผมไม่แอบดูหรอก” ผมตอบเนือยๆ ตามองออกไปนอกหน้าต่าง วันนี้อากาศดีเชียว ไม่หนาวมาก เหมาะเจาะจริงๆ

     “วันก่อนที่ฮยองออกไปชะเง้อดูโรงรถบ่อยๆ เพราะรอมาร์คฮยองอยู่เหรอ” หลังจากมองทิวทัศน์ที่ไม่ได้น่าสนใจเท่าไรแล้ว ผมก็ถามขึ้นมาเรียบๆ

    “อืม” คำตอบรับง่ายๆ แบบที่เจ้าตัวแทบไม่ได้หยุดคิด

    “ทำไมล่ะ มีเรื่องอะไรกัน”

    “ก่อนหน้านี้มาร์คฮยองโทรมาหา พูดแปลกๆ แล้ววางสายไป ฉันเลยเป็นห่วง นายก็รู้มาร์คฮยองกลับบ้านทีไรไม่เคยมีเรื่องดีๆ เลย”

    “ฮยองเลยเป็นห่วงมากขนาดนั้น”

    “ฉันรู้จักมาร์คฮยองมานาน มาร์คฮยองน่ะเป็นพวกที่ไม่เคยร้องขอความช่วยเหลือจากใคร เวลาเกิดอะไรขึ้นก็ชอบเก็บไว้คนเดียว เจ็บปวดอยู่คนเดียว เป็นแบบนี้มาตลอดเลย”

    ผมไม่ได้พูดอะไรอีก แค่ฟังเงียบๆ

    “ที่ผ่านมาถึงจะไม่เคยพูด แต่ฉันก็รู้นะว่าชีวิตฮยองเขาไม่ได้ง่าย แล้วฉันเองยังไปมีส่วนทำให้ต้องเจ็บปวดเพิ่มอีก” แบมฮยองเงียบไปพักหนึ่งก่อนจะพูดต่อ “ฉันอยากเห็นมาร์คฮยองมีความสุข มาร์คฮยองเหมาะกับรอยยิ้มกว้างๆ มากกว่า เวลายิ้มแล้วหล่อจะตาย นายไม่คิดงั้นเหรอ ฮ่าๆๆ”

    กลัว... สิ่งเดียวที่ผมรู้สึกอยู่ตอนนี้

    “เสร็จแล้วเจ้าลูกหมายักษ์ หลับเหรอ” ร่างเล็กคร่อมตัวชะโงกหน้ามาบอก

    ผมเหล่มองตากลมแป๋วที่จ้องอยู่ไม่ห่าง ก่อนจะพลิกตัวนอนหงายแล้วดึงคนจ้องมากอด

    “เอ้ย ยูคยอม” คนโดนกอดดิ้นประท้วงแต่ไม่เป็นผลนัก เพราะผมไม่ยอมปล่อย

    “รักนะ แบมแบมรู้ใช่ไหม รัก”

    คนถูกบอกรักดื้อๆ หยุดดิ้น “เป็นอะไรยูคยอม” น้ำเสียงที่ถามเต็มไปด้วยห่วงใยเหมือนทุกครั้ง เวลาที่สังเกตได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้นกับผม มันยังเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

    ผมไม่ตอบ ยังคงกอดคนในอ้อมแขนไว้แบบนั้น ตั้งแต่เมื่อไรที่กลายเป็นคนไม่รู้จักพอ ผมอยากได้มากกว่านี้ ไม่ใช่แค่ความห่วงใยแบบเดิมๆ แต่เป็นอย่างอะไรบางอย่างที่ทำให้รู้สึกว่าผมพิเศษ

    “ยูคยอม นายกอดฉันไว้ตลอดแบบนี้ไม่ได้นะ”

    “ทำไมไม่ได้”

    “ฉันจะหายใจไม่ออก”

    “ก็ผมไม่อยากปล่อย ผมรัก รักมาก”

    “นายนี่นะ พูดแบบนี้ได้ตลอด ไม่อายบ้างหรือไง”

    คำถามแบบที่ไม่คิดว่าจะได้ยิน ทำให้ผมเผลอคลายอ้อมกอด แล้วเหล่มองคนถามที่ตอนนี้หน้าจมอยู่กับหน้าอกผม

    “ฮึบ ฮ้า นึกว่าจะขาดอากาศตายแล้ว” จังหวะนั้นแบมฮยองเลยถือโอกาสยันตัวเองลุกขึ้น พลิกตัวหนีลงไปยืนอยู่ข้างเตียงอย่างรวดเร็ว “คิมยูคยอม ฉันอยู่ใกล้นายมากไม่ได้แล้วนะเนี่ย”

    “ผมรักก็บอกว่ารัก ผมบอกแค่แบมฮยองคนเดียว เพราะฮยองเป็นคนที่ผมรัก ผมไม่อายที่จะพูดหรอกแล้วฮยองล่ะ เบื่อที่จะฟังหรือเปล่า” ผมลุกขึ้นนั่ง ถามพร้อมกับมองหน้า

    แบมฮยองยกมือถูจมูกตัวเองที่แดงนิดๆ “ไม่รู้สิ” พูดพลางเสตาหลบ ทำเป็นเดินไปจัดผมหน้ากระจก

    “เบื่อหรือเปล่า” ผมถามซ้ำ

    “นายเป็นอะไรน่ะยูคยอม วันนี้แปลกเกินไปแล้วนะ” คนถูกถามหันกลับมา หน้าตาน้ำเสียงดูไม่ค่อยพอใจนัก แค่นั้นผมก็ฝ่อ ไม่กล้าเดินหน้าซักไซ้อะไรอีก

    “ผมแกล้งฮยองเล่นเฉยๆ ฮ่าๆๆ” ทำเป็นพูดเสียงดัง แล้วคว้าหมอนมานั่งกอดหัวเราะ ซ่อนสายตาสีหน้าไว้ตอนที่ทำเป็นก้มซบลงกับหมอน

    “ให้ตายเถอะ คิมยูคยอม” คำพูดที่มาพร้อมกับเสียงถอนหายใจเบาๆ ในขณะที่ผมนั่งเงียบ เอาแต่ก้มหน้ามองหมอนที่กอดอยู่ เวลาผ่านไปพักหนึ่ง ในตอนที่แบมฮยองกำลังจะจัดแต่งทรงผมของตัวเสร็จ ผมก็ตัดสินใจถามขึ้นมา

    “ฮยองอยากไปเที่ยวกับผมไหม”

    “อะไรอีกล่ะ ฉันก็ไปกับนายออกบ่อยนี่ ไปด้วยกันประจำอยู่แล้ว”

    เสียงโทรศัพท์ดังแทรก ผมเอาคางเกยหมอนมองตามคนตัวเล็กที่เดินไปหยิบมารับ

    “ฮัลโหล ผมกลับมาแล้ว ยังไงก็ถึงหอก่อนฮยองอยู่แล้วนี่ เปล่านะ ไม่ได้ลืม เนี่ยผมอาบน้ำแต่งตัวรอแล้ว ฮยองมาเมื่อไรก็ไปได้เลยเหอะ อะไรนะ ฮ่าๆๆ ไว้เจอกันฮะ” จากเสียงหัวเราะกลายเป็นรอยยิ้มบางๆ กับสายตาอ่อนโยนที่มองโทรศัพท์หลังจากวางสาย แบมฮยองถอนหายใจนิดๆ ทั้งรอยยิ้ม ในขณะที่ผมเบือนหน้าหนี

    “ทำหน้าแบบนั้น มีอะไรดีๆ เหรอ” ถามโดยที่สายตายังจ้องมองไปยังมุมหนึ่งของเตียง

    “หืม หน้าแบบไหน” คนถูกถามหันมามอง “ฉันแค่กำลังคิดว่าต่อไปคงไม่มีเรื่องอะไรแย่ๆ แล้ว ฉันกับมาร์คฮยองที่ผ่านมามีแต่เรื่องให้เข้าใจผิดตลอด เหมือนจะดีขึ้นมาแล้วก็กลับไปแย่อีก เลยหวังว่าจากนี้จะมีเรื่องแต่ดีๆ”

    บางทีถ้าตอนนั้นผมไม่เข้ามา ความเข้าใจผิดอาจไม่ยาวนานขนาดนี้ ถ้าไม่มีผมมาร์คฮยองอาจจะมีโอกาสได้พูดได้อธิบาย ถ้าไม่มีผมแบมฮยองอาจจะรู้อะไรได้เร็วกว่านี้ แล้วถ้าไม่มีผมบางทีตอนนี้สองคนนี้อาจจะ...

    ผมลงจากเตียงเดินไปเปิดประตูห้องนอน

    “อ้าว จะไปไหนอะ” เสียงร้องถามจากเจ้าของห้องหยุดผมไว้ แล้วก็เป็นเสียงที่ทำให้ผมพูดในสิ่งที่ไม่สมควรพูดออกไป

    “อย่าไปเลย”

    “นายว่าไงนะ”

    “อย่าไปกับมาร์คฮยองเลยนะ ถ้าอยากไปร้านไทยเดี๋ยวผมพาไปเอง” ผมมันแย่ ผมนิสัยไม่ดี ผมมันเห็นแก่ตัว

    “ทำไมล่ะ ทำไมฉันไปกับมาร์คฮยองไม่ได้ ยูคยอม หันมาคุยกันดีๆ อย่าหันหลังให้ฉัน” แบมฮยองดึงแขนผมให้หันกลับไป

    “ผมไม่อยากให้ฮยองไป บอกแล้วไงว่าอยากไปไหนเดี๋ยวผมพาไปเอง” ผมตอบ

    “นายบ้าไปแล้วหรือไง” คนตรงหน้ามองมาด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ

    ผมอาจจะบ้าไปจริงๆ แต่ภาพแบมฮยองไปเที่ยวกับมาร์คฮยอง ภาพทั้งสองคนคุยกัน หัวเราะกัน ยิ้มด้วยกัน ผมหยุดภาพพวกนั้นในหัวไม่ได้ แล้วถ้ามันทำให้ความรู้สึกเก่าๆ กลับคืนมา ถ้ามันเป็นแบบนั้น...

    “อย่าไปนะ นะแบมฮยอง อย่าไปเลย” มือเอื้อมไปจับมือแบมฮยองดังเข้าหาตัว พยายามอ้อนเหมือนทุกครั้ง

    “ทำไมฉันไปไม่ได้ ทำไมนายไม่อยากให้ฉันไป ถ้านายไม่บอกเหตุผลมาให้ชัดๆ...”

    “เพราะผมรักฮยองไง!” ผมสวนขึ้นมา “ผมไม่อยากฮยองไปกับมาร์คฮยอง”

    สีหน้าตกตะลึงของคนตรงหน้า ทำให้ผมขบกรามเข้าหากัน ผมรู้ว่านี่มันงี่เง่า รู้ว่ามันไม่ใช่สิ่งที่ควรทำ รู้ว่าตัวเองแย่ ผมรู้

    “นายรักฉันแล้วฉันไปไหนมาไหนกับนายได้คนเดียวเหรอ นายรักฉันแล้วฉันต้องเลิกยุ่งกับคนในหอทุกคนด้วยไหม นายรักฉันแล้วฉันต้องผูกติดอยู่กับนายเหรอยูคยอม”

    ไม่ใช่ ผมไม่ได้หมายความแบบนั้น

    ดวงตากลมโตมองผมด้วยความผิดหวัง ใช้อีกมือหนึ่งแกะมือผมออกแล้วเดินผ่านไป หัวใจเหมือนหล่นวูบ ผมหันไปคว้าแขนคนที่เพิ่งเดินหนีไว้ ก่อนจะดึงเข้ามากอดแน่น อย่ามองผมด้วยสีหน้าแบบนั้น อย่าแกะมือผมออก อย่าไป...จากผม

    “ยูคยอม ปล่อย”  

    ไม่

    “ฉันบอกให้ปล่อย!

    น้ำเสียงกราดเกรี้ยวของคนในอ้อมแขนกับการขัดขืนอย่างถึงที่สุด ทำให้ผมทำอะไรไม่ถูก ยิ่งกอดรัดร่างผอมบางแน่นเข้าอีก ผมไม่ได้ตั้งใจจะให้มันเป็นแบบนี้ ผมทำบ้าอะไรลงไปไม่รู้ ผมทำพัง ทำพังหมดเลย

    “คิมยูคยอม!” แบมฮยองกระทืบเท้าแล้วอาศัยจังหวะตอนผมตกใจดันตัวออก ร่างเล็กถอยห่างออกไปสองก้าว มองหน้าผมทั้งหอบ “นาย นายมันงี่เง่าฉันไม่คิดเลยว่านายจะเป็นแบบนี้ ไม่ต้องเข้ามาใกล้ฉัน!

    ผมชะงักเท้าตามคำสั่ง

    “นาย...”

    ติ๊งต่อง เสียงกดออดดังขัดจังหวะ แบมฮยองมองผมด้วยสีหน้าโกรธจัด ก่อนจะเดินไปที่ประตู

    “เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า” เสียงมาร์คฮยองดังมา เป็นเพราะผมยังยืนอยู่ในห้องนอน ต่างฝ่ายต่างเลยไม่เห็นกันและกัน “หน้าตานายดูเหมือนไปโกรธใครมา”

    “เปล่าฮะ ไม่มีอะไร เราไปกันเลยไหม”

    “อ่า ไปสิ”

    เสียงเงียบไปพร้อมกับประตูที่ถูกปิดลง ผมค่อยๆ เดินออกมาจากห้องนอน ยืนมองประตูที่ปิดสนิท

    ผมขอโทษที่งี่เง่า ขอโทษที่ทำตัวแย่ๆ ใส่ พูดในใจอยู่ภายในห้องที่ไม่มีใครแล้ว สีหน้าสายตาของคนตัวเล็กที่เต็มไปด้วยความโมโหยังชัดเจนอยู่ในความรู้สึก เราไม่เคยทะเลาะกัน ตลอดสามปีมานี้เราไม่เคยทะเลาะกันแม้แต่ครั้งเดียว แต่ผมก็เป็นคนเริ่มมัน

    ภาพแบมฮยองร้องไห้ตอนไปหามาร์คฮยองที่โรงรถย้อนกลับเข้ามาในความคิด ผมเดินตามไปเพราะอย่างนั้นถึงได้เห็นตั้งแต่ต้น แล้วก็เป็นอีกครั้งที่พบว่าแบมฮยองร้องไห้ให้กับคนคนเดิม บทสนทนาไปถึงตอนที่มาร์คฮยองสารภาพรัก ตอนที่พูดถึงคนแพ้ ตอนที่แบมฮยองบอกว่าคงจะดีถ้าได้ยินคำพูดพวกนี้ตั้งแต่แรก เพราะถ้าเป็นแบบนั้นคงไม่ต้องเจ็บปวดกันมากมายขนาดนี้ พอถึงตอนนั้นผมก็ทนฟังไม่ได้อีกต่อไป ผมเดินออกมานอกหอ เดินไปเรื่อยๆ อย่างไม่มีจุดหมาย

    ที่ผ่านมาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าแบมฮยองเคยรู้สึกแบบนั้นกับมาร์คฮยองด้วย เคยรู้สึก จะใช้คำพูดแบบนี้ผมก็ไม่แน่ใจนัก ในเมื่อกระทั่งตอนนี้แบมฮยองก็ยังร้องไห้ให้กับคนแค่เดียว

    ความกลัวเริ่มขึ้นมาตั้งแต่ตอนนั้น ไม่ใช่ว่าผมไม่รู้ว่าระหว่างผมกับมาร์คฮยองต้องมีคนที่ผิดหวัง แต่ผม...  ระยะเวลาสามปีที่มีแบมฮยอง กว่าสามปีที่ผมใช้ชีวิตโดยมีแบมฮยองเป็นจุดศูนย์กลาง สายตาผมมองไปที่คนคนเดียวมาตลอด ทุกอย่างที่ทำ ทุกที่ที่ไปล้วนแล้วแต่มีแบมฮยองอยู่ข้างๆ เสมอ กิจวัตรประจำวันทุกอย่างเป็นยิ่งกว่าความเคยชิน ผมไม่รู้ว่าตัวเองจะทนได้ไหมถ้าจะไม่มีแบบนั้นอีกต่อไป

    ขาก้าวเดินออกมาจากห้องก่อนจะหยุดยืนแล้วเงยหน้า กะพริบตาไล่น้ำตาที่คลออยู่  

    ผมทนไม่ได้ ผม...ไม่ได้จริงๆ

     

    เสียงกดออดตอนหัวค่ำทำให้แปลกใจนิดๆ แบมฮยองไม่อยู่ ยองแจอยองเองก็เลิกสนใจแล้วว่าใครจะไปกินข้าวเย็นด้วย เพราะถ้ามาก็คงเห็นเอง นอกเหนือจากนี้ผมเลยไม่รู้ว่าจะมีใครอีกมากดออดประตูห้องผม ดังนั้นพอเปิดประตูออกไปแล้วเห็นคนที่ยืนอยู่ ตาทั้งสองข้างจึงเบิกกว้างขึ้นอัตโนมัติ

    “แบมฮยอง”

    “เราต้องคุยกัน”

    “อ้าว แล้วมาร์คฮยอง” ผมพูดได้แค่นั้นร่างเล็กก็แทรกตัวผ่านเข้ามา “ทำไมกลับมาเร็ว” ผมถาม เดินตามคนที่ตรงดิ่งไปยืนกลางอยู่ห้อง

    “มาร์คฮยองเป็นคนพากลับมาเอง ฉันก็ว่าฉันต้องคุยกับนายให้รู้เรื่องก่อน” แบมฮยองหันมาเผชิญหน้า “ไหนบอกมาซิว่านายเป็นอะไร ปกตินายไม่เคยทำตัวแบบนั้น”

    “ผมขอโทษ” ผมก้มหน้าพูดเสียงแผ่ว “ผมมันงี่เง่าเหมือนที่ฮยองพูดจริงๆ นั่นแหละ”

    “แล้วทำไมจู่ๆ นายงี่เง่าแบบนั้น มาห้ามไม่ให้ฉันออกไปกับมาร์คฮยองเนี่ยนะ แล้วถ้าเกิดวันไหนฉันจะออกไปกับแจ็คสันฮยองหรือคนอื่นๆ นายก็ห้ามด้วยเหรอ”

    “เปล่า ไม่ใช่นะ!

    “ไม่ใช่แล้วยังไงล่ะ!

    “ก็คนอื่นไม่ได้ชอบฮยองเหมือนที่มาร์คฮยองชอบ!

    แบมฮยองชะงัก

    “แล้วฮยองก็ไม่ได้เคยชอบคนอื่น เหมือนที่เคยชอบมาร์คฮยอง” ผมพูด พูดออกไปทั้งที่ในใจปวดหนึบ

    “นาย... รู้ได้ยังไง”

    “ยังไงดีล่ะ ผมควรทำยังไงดี” ผมหัวเราะฝืนๆ “ฮยองตื่นเต้นที่มาร์คฮยองมาชวนไปเที่ยว เพราะนานแล้วที่ไม่ได้ออกไปด้วยกัน ฮยองเป็นห่วงที่มาร์คฮยองไม่กลับบ้าน เพราะพวกฮยองไม่ค่อยได้คุยกันบ่อยนัก ฮยองร้องไห้เสียใจก็กับเฉพาะมาร์คฮยอง แล้วผมล่ะ ผมควรทำยังไงดี ผมที่ฮยองไปไหนมาไหนด้วยบ่อยๆ ผมที่คุยกับฮยองอยู่ตลอด ผมควรทำยังไงให้ตัวเองพิเศษขึ้นมาบ้าง”

    ไม่มีคำตอบใดๆ จากคนที่กำลังจ้องหน้าผมอึ้งๆ อยู่ตอนนี้

    “ผมบอกว่ารักฮยอง ผมทำทุกอย่างที่ผมทำได้ไปหมดแล้ว แต่สำหรับฮยองมันก็แค่เรื่องเดิมๆ เหมือนเดิมอย่างที่เคยเป็นมา แล้วตอนนี้ผมควรทำยังไงดี ตอนที่รู้ว่าคนที่ผมรักอาจจะรักใครคนหนึ่งอยู่ ผมควรทำยังไง” เสียงที่พูดอยู่เริ่มสั่น “ผมต้องทำยังไงถึงจะไม่เสียเขาไป”

    ยังคงไม่มีคำตอบใดๆ จากแบมฮยองที่ยืนนิ่งอยู่ต่อหน้า ผมหันหลังเดินไปที่ประตู

    “เดี๋ยวยูคยอม นายจะไปไหน”

    “ผมกับมาร์คฮยอง ฮยองจะเลือกใคร ถ้าผมถามแบบนี้ฮยองจะตอบยังไง” ผมถามโดยไม่หันกลับไปมอง และความเงียบที่ได้กลับมาก็เพียงพอให้เปิดประตูแล้วเดินออกไป

    มันคงเป็นคำถามที่โง่ที่สุด เป็นการกระทำที่งี่เง่า เพราะผมเป็นคนบอกเองว่าจะพยายามต่อไป ผมแสดงออกมาตลอดว่ารอได้ แต่ตอนนี้... ตอนนี้ผมไม่รู้อะไรอีกแล้ว ไม่รู้ว่าควรทำยังไงต่อ ไม่รู้ว่าต้องพยายามตรงไหน ยังมีอะไรที่ผมทำได้ ความคิดในหัวตีกันไปหมด ไม่รู้ว่าอะไรถูกหรือผิด ไม่รู้ว่าสิ่งที่เข้าใจมาตั้งแต่ต้นมันเป็นอย่างนั้นจริงไหม ไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วตลอดเวลาที่ผ่านมาเป็นผมหรือมาร์คฮยองกันแน่ที่สำคัญ

    ผมเดินออกมาจากหอพัก เดินไปเรื่อยๆ จนเริ่มหนาวมากๆ เลยเรียกแท็กซี่กลับบ้าน อาจจะเรียกว่าเป็นโชคดีก็ได้ที่พ่อกับแม่ไม่อยู่ พี่สาวเป็นคนออกมาจ่ายค่ารถให้ ตอนแรกทำท่าเหมือนจะว่า แต่พอเห็นสีหน้าท่าทางผมแล้ว ก็เปลี่ยนใจเป็นไล่ให้ไปอาบน้ำอุ่นๆ

    ถ้าตอนนั้นแบมฮยองตอบ แล้วคำตอบไม่ใช่อย่างที่ผมอยากได้ยิน ผมจะทำยังไง ทิ้งตัวลงนอนบนเตียง มันค่อนข้างเย็นในความรู้สึก คงเพราะผมไม่ได้นอนที่นี่บ่อยนัก ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ที่หอพักเมี้ยวๆ อยู่กับแบมฮยอง

    มาร์คฮยองจะเสียใจหรือเปล่านะที่ต้องกลับเร็วแบบนี้ ผมเรียกร้องอะไรมากเกินไปหรือเปล่า ผม... นึกแล้วก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ผมนี่มันแย่จริงๆ

     

    เช้าวันต่อมาผมโดนแม่ซักยกใหญ่ แต่ก็ตอบไปแค่ว่าอยากกลับบ้าน ทั้งพ่อและแม่ทำหน้าเหมือนเป็นเรื่องเหลือเชื่อ แต่ถึงจะถามมากแค่ไหนผมก็ตอบไปเหมือนเดิมว่าแค่อยากกลับ ทั้งสองคนเลยเลิกราไปในที่สุด ผมไม่ได้เอาอะไรกลับมาเลย ทั้งโทรศัพท์กระเป๋าสตางค์ เพราะแบบนี้เลยต้องไปยืมเงินพี่สาวเพื่อไม่ให้พ่อกับแม่สงสัยไปกว่านี้ ยูนานูน่า แน่นอนว่าไม่ใช่พี่สาวประเภทที่ใจดีหรอก แต่อาจจะด้วยช่วงนี้นูน่าอารมณ์ดีหรือดวงผมไม่ได้ตกต่ำจนเกินไปนัก นูน่าคนเดียวของผมคนนี้ถึงได้ยอมให้ยืม แถมเหล่มองถามนิ่มๆ ด้วยว่าพวกนายทะเลาะกันหรือไง ผมไม่ได้ตอบและนูน่าเองก็ดูเหมือนว่าจะแค่ถามไปงั้นๆ

    ผมไปโรงเรียนตามปกติแล้วก็เจอแบมฮยองที่มาโรงเรียนตามปกติเหมือนกัน สายตาเผลอจ้องมองคนตัวเล็กที่กำลังยืนคุยกับเพื่อนคนอื่นอยู่พักหนึ่ง จนเจ้าตัวหันมามองถึงได้รู้สึกตัวแล้วทำเป็นเดินไปนั่งที่โต๊ะตัวเอง เราไม่ได้คุยกันเลยตลอดทั้งวัน แม้แต่ตอนพักเที่ยงผมก็เป็นฝ่ายเดินออกจากห้องก่อน ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมต้องหลบหน้า ไม่รู้ว่าทำไมต้องหนี ผมไม่เคยเป็นแบบนี้ ที่ผ่านมาไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ไม่เคยมีสักครั้งที่ผมจะเป็นฝ่ายออกห่างจากแบมฮยอง เพราะถ้าทำแบบนั้นจะกลายเป็นผมเองที่ทนไม่ได้ แต่คราวนี้กลับตรงข้าม ผมไม่กล้าเผชิญหน้ากับแบมฮยอง ไม่รู้ว่าทำไม

    หรือบางทีผมอาจกลัว ว่าจะได้ยินอะไรที่ไม่อยากได้ยิน




    ------------------------------------------------------------------------------------------TBC

    หอบหิ้วเจ้าลูกหมายักษ์มาแล้ว ตอนนี้เราไม่แน่ใจว่ารีดจะเข้าใจถึงความสับสนของเจ้าลูกหมาหรือเปล่า จากที่เคยคิดว่าเค้าไม่ได้มีอะไรพิเศษต่อกันแค่พี่น้องธรรมดา พอมารู้แบบนี้เจ้าลูกหมาเลยเสียสูญไปพอสมควรเลยค่ะ ตอนนี้เราใช้เวลาเขียนไวมาก ปั่นแบบสุดพลังเลยไม่ค่อยมั่นใจ แต่จะช้ากว่านี้ก็ไม่ได้แล้วเนอะ แหะๆ

    จำได้ว่ามีคนสงสัยว่ายูคยอมรู้เรื่องที่ยองแจชอบเจบีได้ยังไง ถ้ายังจำได้ในตอนต้นๆยองแจเขียนไดอารี่แล้วยูคยอมไปเจอตอนยองแจเขียนอยู่พอดีไงคะ ที่แย่งกันแล้วเจ้าลูกหมายักษ์เลยได้เห็น ยูคยอมรู้คนแรกเลยนะเรื่องยองแจอ่ะ จริงๆช่วงนี้ก็ถือว่าเดินทางกันมาถึงโค้งสุดท้ายแล้วล่ะค่ะสำหรับเรื่องราวของหอพักเมี้ยวๆ ยาวนานมากเลยเนอะ ความจริงเราก็เหล่ๆมองตอนอยู่เหมือนกันว่ามันจะเยอะไปแล้วหรือเปล่าเนี่ย ฮ่าๆๆ

    สำหรับตอนหน้าเราจะพยายามมาอัพให้ไวที่สุดเท่าที่ทำได้นะคะ คือเรายุ่งมากจริงๆช่วงนี้ TT

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×