ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Got7] Love hostel อลวนรักหอพักเมี้ยวๆ (จบ)

    ลำดับตอนที่ #44 : ตอนที่ 43 สมุดบันทึกกับมือที่หายไป (โดย แบมแบม)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.65K
      34
      10 พ.ค. 61


     ตอนที่ 43

    สมุดบันทึกกับมือที่หายไป โดย แบมแบม

     

    นายถามฉันว่าควรทำยังไง แล้วฉันถามนายกลับบ้างได้ไหมว่าฉันควรทำยังไง ยูคยอม

    แบมแบม หยิบไม้บรรทัดให้หน่อย แบมแบม

    ฮะอ๋อ” ผมเงยหน้าขึ้นมา ก่อนจะหยิบไม้บรรทัดที่อยู่ข้างสมุดตัวเองส่งให้คนขอ

    “สี่วันแล้วนะ” พี่ชายที่นั่งทำการบ้านอยู่ด้วยกันพูดระหว่างที่้ก้มหน้าขีดเส้น “อีกเดี๋ยวจูเนียร์ฮยองได้มาคุยกับนายแน่”

    ผมเงียบ รู้ดีว่ายองแจฮยองพูดถึงเรื่องอะไร ยูคยอมไม่กลับหอมาสี่วันแล้ว เจบีฮยองบอกว่าหมอนั่นโทรมาบอกว่าจะอยู่ที่บ้านสักพัก ตอนนั้นพวกฮยองคนอื่นๆ ยังพากันพูดติดตลกว่าไม่เกินสามวัน เดี๋ยวเจ้าลูกหมายักษ์ก็วิ่งแจ้นกลับหอมา แต่จนถึงตอนนี้ที่เป็นวันเสาร์ก็ยังเงียบ ยูคยอมไม่ได้ติดต่อกลับมาอีกเลย

    “ทะเลาะกันหรือไง” ยองแจฮยองเงยหน้ามาถาม หลังจากขีดเส้นในสมุดเสร็จ

    ผมส่ายหัว

    “ยูคยอมไม่มีทางอยู่ห่างนายถ้าไม่เกิดอะไรขึ้น แล้วต่อให้เกิดอะไรขึ้นฉันก็ไม่คิดว่าหมอนั่นจะไปไหนไกลจากนายถ้าไม่ได้ทะเลาะกัน หรือนายเป็นคนไล่หมอนั่นไปเอง”

    ผมส่ายหัวอีกรอบก่อนพูด “ผมไม่เคยไล่ยูคยอม”

    “งั้นมันเกิดอะไรขึ้นระหว่างพวกนาย” ยองแจฮยองวางดินสอ สองแขนวางทับสมุดบนโต๊ะกลางในห้องรับแขกที่เรานั่งทำการบ้านกันอยู่ จ้องหน้าผมอย่างจริงจัง

    “ยูคยอมไปเอง เดินหนีไปเอง ทิ้งผมไว้ข้างหลัง” ไม่แม้แต่จะหันกลับมามองด้วยซ้ำ “ผม” ไม่มีคำใดหลุดออกมา ผมพูดไม่ออก พอเห็นสายตาของคนรอฟังจ้องมองอยู่ เลยได้แต่เสหลบไปทางอื่น ภาพแผ่นหลังของเพื่อนตัวโตที่หายไปพร้อมกับประตูที่ปิดลงยังชัดเจนในความทรงจำ

    “ถ้านายไม่อยากเล่าก็ไม่เป็นไร” เสียงยองแจฮยองดึงสายตาผมกลับไป พ่อครัวของหอกลับไปก้มหน้าก้มตาทำการบ้านต่อ

    “เปล่านะฮะ ผมไม่ได้ตั้งใจจะปิดบัง ผมก็แค่

    “ฉันเข้าใจ” ยองแจฮยองพูดโดยไม่เงยหน้าขึ้นมา “เรื่องบางเรื่องเราก็ไม่รู้จะพูดมันออกมายังไง ไม่รู้จะอธิบายยังไงให้คนอื่นเข้าใจ” รอยยิ้มเศร้าๆ ปรากฏบนใบหน้าคนที่กำลังจ้องมองสมุดตัวเอง “ฉันเข้าใจ แบมแบม”

    คราวนี้กลายเป็นผมที่นิ่งไปด้วยความรู้สึกสะกิดใจแปลกๆ รอยยิ้มแบบนั้นแทบไม่เคยได้เห็นจากคนตรงหน้า ยองแจฮยองในมุมแบบนี้ แบบที่ไม่จิกกัด ไม่แซวแรงๆ ไม่ยิ้มกว้างๆ แล้วทำหน้าประหลาดทำให้รู้สึกแปลก

    “ฮยอง เป็นอะไรหรือเปล่า”

    คนถูกถามเงยหน้าขึ้น “เปล่านี่” ปฏิเสธหน้าตาย “ก่อนจะมาห่วงฉัน ห่วงตัวนายเองก่อนเหอะน่า”

    “แต่รอยยิ้มฮยองเมื่อกี๊ไม่ปกติเลยนะฮะ” ผมแย้ง

    “ไม่ปกติตรงไหน มัวแต่มาสงสัยอะไรไร้สาระ เตรียมคำพูดอธิบายกับจูเนียร์ฮยองไว้เถอะ ยูคยอมไม่กลับหลายวันขนาดนี้ นายเจอถามแน่”

    ผมทำหน้ามุ่ย รู้อยู่แล้วล่ะน่า ไม่เห็นต้องขู่กันเลย มองพี่ชายตรงหน้าที่กลับไปตั้งใจทำการบ้านก่อนแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ ไม่มีอะไรรอดพ้นสายตาคุณแม่ของหอไปได้ จูเนียร์ฮยองมักใส่ใจกับอะไรเล็กๆ น้อยๆ ที่เกิดขึ้นเสมอ

    ความจริงเรื่องที่เกิดขึ้นผมก็ไม่ได้คิดจะปิดบัง เพียงแต่ผมไม่รู้ว่าพูดออกไปแล้วมันจะดีหรือเปล่า พวกผมไม่ได้ทะเลาะกัน หรืออย่างน้อยผมก็คิดว่าตัวเองไม่ได้ทะเลาะ สิ่งที่ยูคยอมทิ้งไว้คือคำถามกับความที่รู้สึกหลายๆ อย่าง ผมยอมรับว่านอกจากจะใจหายแล้วยังเคืองหมอนั่นด้วย ผมคิดมาตลอดว่าเราสองคนสนิทกันมาก เราเข้าใจกัน รู้ใจกันยิ่งกว่าใครๆ เพราะงั้นที่ผ่านมาผมไม่เลยเคยคิดระแวงสงสัยในการกระทำหรือคำพูดของยูคยอมเลย มันชัดเจนและเป็นความจริงเสมอ เพราะเราไม่เคยโกหกกัน แต่มาวันนี้ผมเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าเราจะเข้าใจกันจริงๆ

    “อ้าว อยู่กันแค่สองคนเหรอ คนอื่นไปไหนหมด” เสียงร้องทักดังขึ้น ผมหันไปมองคุณแม่ของหอที่เพิ่งเดินเข้ามา

    “แจ็คสันฮยองออกไปไหนไม่รู้ ส่วนคนอื่นผมยังไม่เห็นใครเลยนอกจากแบมแบม” ยองแจฮยองเป็นคนเงยหน้าไปตอบ

    “เหรอ” ร่างสูงโปร่งเดินมานั่งที่โซฟาด้วยท่าทีสบายๆ ในขณะที่ผมเริ่มกดดัน  รีบหันกลับมาก้มหน้าก้มตาทำเป็นอ่านหนังสือ

    “พวกนายทำการบ้านกันอยู่?

    “อื้ม ฮยองอะ”

    “ไม่ได้ทำอะไร ฉันว่างเลยแวะมาหา มีเรื่องจะคุยด้วยหน่อย” สายตาคนพูดมองมาที่ผม ซึ่งถึงแม้จะไม่ได้มองกลับก็รู้สึกได้ “แบมแบม เกิดเรื่อง

    “ฮยอง!” จู่ๆ ยองแจฮยองก็โพล่งขึ้นมา “ยูคยอมพักร้อนยาวเลย สงสัยเจ้าลูกหมายักษ์คิดจะเริ่มเรียนรู้วิธีใช้ชีวิตด้วยตัวเองโดยไม่ต้องเกาะติดเจ้าของแล้ว เรียนรู้การเข้าสังคม ส่งการ์ดไปให้กำลังใจหมอนั่นกันดีไหม ฮ่าๆๆ”

    ผมหันมองยองแจฮยองที่กำลังหัวเราะจนตาปิดอึ้งๆ จูเนียร์ฮยองเองก็มองพวกผมสลับไปมางงๆ แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรโทรศัพท์เจ้าตัวก็ดังขึ้นเสียก่อน

    “ฮัลโหล” คุณแม่ประจำหอรับโทรศัพท์ โดยที่สายตายังมองมาทางพวกผมสองคน “อยู่หอ นายล่ะ หืม พรุ่งนี้เหรอ เปล่า ไม่ได้ไปไหน อ่า แต่ฉันไม่ค่อยรู้เรื่องพวกนี้เท่าไรนะ ชวนเพื่อนคนอื่นไม่ดีกว่าเหรอ แต่ว่า…  เปล่าๆ ไม่ใช่อย่างนั้น” สีหน้าคนคุยโทรศัพท์ดูลำบากใจขึ้นมา “ฉันแค่ไม่แน่ใจว่าจะช่วยนายได้เฉยๆ โอเคๆ ฉันจะไป อื้ม เจอกันที่ไหน กี่โมงดี โอเค แล้วเจอกัน”

    “ใครเหรอฮยอง” ยองแจฮยองถามทันทีที่จูเนียร์ฮยองวางสาย

    “ไบรอัน” อีกฝ่ายตอบยิ้มๆ “แล้วก็พรุ่งนี้ฉันจะออกไปข้างนอกนะ”

    “ไปเดตเหรอฮะ” ผมถามทันที เรื่องไบรอันฮยองทำให้ตื่นเต้นขึ้นมา จนพอจะลืมเรื่องที่เครียดๆอยู่

    “ไม่ใช่ พูดอะไรของนาย” จูเนียร์ฮยองรีบปฏิเสธ “แค่ไปเป็นเพื่อนหมอนั่นเฉยๆ”

    “แต่ก็ไปกันแค่สองคนใช่ไหมล่ะ” ผมถามยิ้มๆ ลุกขึ้นจากพื้นไปนั่งบนโซฟาข้างๆ

    “อ่า ก็สองคน”

    “นั่นไง!” รีบยกนิ้วชี้เอียงตัวไปหา ยิ้มล้อเลียนจนโดนคนถูกล้อตีเข้าให้

    “หมอนั่นไม่มีเพื่อนคนอื่นแล้วหรือไงถึงต้องมาชวนฮยองอะ” ยองแจฮยองพูดบ้าง น้ำเสียงเหมือนไม่ค่อยพอใจเท่าไร

    “เห็นว่าไม่มีใครว่าง”

    “ไม่มีคนคบล่ะสิ”

    “ยองแจ”

    “ก็มันจริงนี่” ยองแจฮยองลุกขึ้นเดินหน้ามุ่ยมาทิ้งตัวลงนั่งข้างจูเนียร์ฮยองอีกฝั่งหนึ่ง

    “โหฮยอง เพื่อนอะมีอยู่แล้ว แต่ไบรอันฮยองอยากไปกับจูเนียร์ฮยองมากกว่าน่ะสิ” ผมรีบบอก “ก็เห็นๆ อยู่”

    “เห็นๆ อะไร” จูเนียร์ฮยองตีเสียงดุถาม แต่ผมก็ยังยิ้มแป้น

    “ฮยองเขาก็ดีนะฮะ เป็นนักดนตรี เท่ด้วย”

    “อ๋อ จริงๆ แล้วนายชอบแบบนี้สินะ” เป็นยองแจฮยองที่ชะโงกหน้ามาพูด

    “ผมชอบนะ ผมว่าเหมาะกับออมม่าของผม หุหุ”

    “ไม่เห็นเหมาะ จูเนียร์ฮยองดีเกินไปสำหรับหมอนั่น” ยองแจฮยองค้าน

    “แล้วไบรอันฮยองไม่ดีตรงไหน”

    “นายจำไม่ได้เหรอว่าหมอนั่นวิพากษ์วิจารณ์คุกกี้ฉันยังไง เพิ่งมาบ้านคนอื่นเขาครั้งแรกก็เที่ยววิจารณ์ของในบ้านเขาแล้ว ปากไม่ดี”

    ผมมองหน้าคนพูด ทำไมฮยองกล้าว่าคนไม่สนิทกันด้วยประโยคแรงขนาดนี้เนี่ย

    “อะไร มองหน้าฉันงี้มีปัญหาเหรอ”                

    “เปล่าฮะ” ขืนพูดไปต้องโดนด่าแหง

    “พอเลยพวกนายสองคน เถียงอะไรกันไม่เข้าท่า” จูเนียร์อยองเอามือกอดคอพวกผม ดึงให้แยกออกจากกัน

    “หมอนั่นไม่เข้าท่าเลยใช่ไหมฮยอง ตาตี่ๆ คิ้วหนาอย่างกับชินจัง แถมดูไม่ค่อยเต็มยังไงไม่รู้อะ” ยองแจฮยองหันไปพูดเป็นจริงเป็นจัง

    “ไม่ใช่เลย ฮยองเขาดูศิลปินดีออก แถมยังคุยเก่ง ตลก ใจดีด้วย ผมเชียร์แหละ” ผมรีบแก้ต่างแทนให้

    “นายถามจูเนียร์ฮยองยังก่อนจะเชียร์อะ”

    “ฉันบอกว่าให้เลิกเถียงกันไง” คุณแม่ประจำหอดึงคอเสื้อพวกผมให้แยกออกจากกันอีกครั้ง “ไปกันใหญ่แล้ว”

    “แล้วฮยองว่าไงล่ะฮะ เรื่องไบรอันฮยอง” ผมหันไปถาม

    “เป็นเพื่อนกัน” จูเนียร์ฮยองตอบ

    “แล้วในอนาคตจะพัฒนาไหม”

    “นายกำลังสมมติตัวเองเป็นนักข่าวเหรอแบมแบม” ยองแจฮยองแทรก

    “ฉันกับไบรอันเป็นเพื่อนกัน ไม่มีอะไรมากกว่านั้น” จูเนียร์ฮยองตอบ

    “ง่า ฮยองไม่ชอบไบรอันฮยองเหรอฮะ” ผมถามเสียงหงอยๆ ไบรอันฮยองแสดงออกชัดเจนขนาดไหนใครๆ ก็ดูออก พี่ชายนักดนตรีคนนี้เดินหน้าจีบคุณแม่ของพวกผมเต็มกำลังแบบไม่มีกั๊กเลย แบบนี้จะไม่ให้เชียร์ได้ยังไง

    “เอ่อ” จูเนียร์ฮยองอึกอัก

    “หรือฮยองมีคนที่ชอบอยู่แล้ว”

    พอได้ยินคำถามต่อมาของผม คนถูกถามก็นิ่งไป แม้จะไม่ได้มีท่าทีเขินอาย แต่ก็ไม่พูดอะไรเลย ดวงตาเรียวมองไปทางยองแจฮยองที่จ้องกลับงงๆ

    “ฮยองคงไม่ได้จะบอกว่าชอบผมนะ” มกโพฮยองถามตาเหลือกๆ

    คนถูกหาว่าชอบสำลักลมขำพรืด “ฉันชอบ” จูเนียร์ฮยองพูดทั้งหัวเราะ ยกแขนกอดคอทั้งผมและยองแจฮยอง “ชอบเด็กดื้อพวกนี้ไง ฮ่าๆๆ” มือยีผมพวกเราพร้อมกันแล้วหัวเราะลั่น

    ผมเอียงหลบตอนที่ผมตัวเองเริ่มฟู “แต่ผมก็เชียร์ไบรอันฮยองอยู่ดี” พูดหน้ามุ่ย

    “ฉันไม่เชียร์” แต่ยองแจฮยองเองก็ประกาศตัวอยู่ทีมตรงข้ามทันทีเหมือนกัน

    ผมไม่ได้อยู่ห้องยองแจฮยองนานนัก กลัวเดี๋ยวจูเนียร์ฮยองนึกได้จะถามเรื่องยูคยอมอีก ผมไม่รู้จะพูดยังไง ไม่รู้จะทำยังไง ไม่คิดด้วยซ้ำว่าพวกเราจะมีปัญหากัน เป็นเพราะผมมั่นใจในตัวยูคยอมมากและคิดว่าตัวเองโชคดีที่มีเพื่อนอย่างเจ้าลูกหมายักษ์เคียงข้างเสมอ หมอนั่นจะไม่มีวันทิ้งผม ไม่มีวันกดดันหรือบังคับให้ผมทำอะไรที่ไม่อยากทำ ยูคยอมไม่ใช่คนงี่เง่าแล้วก็ไม่เคยเป็นด้วย นั่นทำให้ผมทั้งโกรธทั้งงงและเก็บอาการไม่ได้จนมาร์คฮยองสังเกตเห็น แล้วพากลับมาส่งที่หอวันนั้น แต่ก็นั่นแหละ ตอนนี้ผมชักไม่แน่ใจแล้วว่าพวกเราจะเข้าใจกันจริงๆ

    บางทีมันอาจจะดีแล้วมั้งที่ยูคยอมตัดสินใจแบบนี้  ห่างกันสักพักอาจทำให้ได้รู้อะไรมากขึ้น ก็หมอนั่นเลือกที่จะเดินจากไปเองนี่ พอเป็นแบบนี้ผมคงมีอิสระมากขึ้น ยูคยอมเองก็มีเวลาได้คิด ไม่แน่ว่าหมอนั่นอาจจะชอบชีวิตที่ไม่ต้องเดินตามผมตลอดเวลาก็ได้ เรียนรู้วิธีการเข้าสังคมแบบที่ยองแจฮยองบอกไง ก็อาจจะดีล่ะมั้ง ผมตัดสินใจเลิกคิดเรื่องพวกนี้ รู้ตัวว่าเป็นพวกเก็บอาการไม่เก่ง ขืนเดินคิดเรื่องนี้ตลอดเป็นต้องได้โดนฮยองสักคนในนี้จับเค้นแน่ๆ ซึ่งนั่นเป็นเรื่องสุดท้ายที่ผมอยากเจอ

     

    ในตอนที่เดินออกมาจากห้องยองแจฮยองบังเอิญเจอแจ็คสันฮยองกับมาร์คฮยองยืนคุยกันอยู่หน้าห้องสำนักงานพอดี พี่ชายผมแดงเป็นคนหันมาเห็นผมก่อน

    “ฉันกำลังจะไปหานายเลย”

    “มีอะไรเหรอฮะ” ผมเอียงคอถาม

    มาร์คฮยองเดินมายื่นถุงกระดาษในมือให้ “ฉันไปทำธุระ เห็นนี่แล้วนึกถึงนาย”

    ผมรับถุงกระดาษมา ยิ้มแป้น “ขอบคุณฮะ แต่ฮยองไม่ต้องซื้อของให้ผมบ่อยๆ ก็ได้”

    “นายไม่ชอบเหรอ” รอยยิ้มจากคนตรงหน้าหุบลง

    “เปล่าๆ ไม่ใช่ ก็แค่ไม่อยากให้ฮยองต้องลำบาก”

    “ฉันไม่ได้ลำบาก ฉันอยากซื้อ” มาร์คฮยองพูดด้วยรอยยิ้ม

    ในตอนนั้นแจ็คสันฮยองเดินผ่านผมไปโดยไม่ได้พูดอะไร ผมหันมองตามพี่ชายตัวเกรียนที่เงียบผิดปกติ กำลังจะเอ่ยปากเรียกแต่เจ้าตัวก็เดินเข้าห้องไปก่อนแล้ว

    “ทำการบ้านมาเหรอ” เสียงมาร์คฮยองดึงให้ผมหันกลับมาพยักหน้าตอบรับ “แล้วทำเสร็จหรือยัง”

    “เสร็จแล้ว”

    คนถามพยักหน้าหงึกๆ เอามือไพล่หลังก่อนจะเหล่มองไปทางอื่น

    “ฮยองมีอะไรหรือเปล่า” ผมถามกึ่งขำ ท่าทางแบบนั้นอย่างกับมีอะไรจะพูด แต่ไม่กล้าพูดออกมาอย่างนั้น

    “ก็เปล่า แค่นายจะทำอะไรต่อหรือเปล่า”

    “ผมเหรอ ไม่นี่ฮะ ว่าจะเอาสมุดหนังสือไปเก็บที่ห้อง”

    “อ่า งั้นก็ไปสิ”

    ผมเดินขึ้นบันไดโดยมีคนถามเดินตามหลังมา พอผมหยุดยืนหน้าห้องตัวเองคนเดินตามก็หยุดด้วย

    “ฮยองมีอะไรจะพูดกับผมหรือเปล่า” ผมหันกลับไปถามอีกรอบ

    “เปล่า ก็แค่

    “มาร์คฮยอง” ผมยื่นหน้าไปจ้องใกล้ๆ คนที่ตอนนี้ทำเป็นมองไปทางอื่น

    ดวงตาสีน้ำตาลเข้มเบนกลับมามองหน้าผม เม้มปากเข้าหากันก่อนจะพูดเสียงเรียบ

    “ใกล้ฉันมากขนาดนี้ระวังไม่ปลอดภัยนะ”

    ผมผงะถอยกลับ หน้าแดงวาบ แต่กลายเป็นว่าหน้าเหวอๆ แดงๆ ของผมกลับทำให้มุมปากของคนตรงหน้ายกขึ้น รอยยิ้มเจ้าเล่ห์กับดวงตาพราวระยับทำให้รู้ว่าโดนเข้าให้แล้ว มาร์คฮยองคนขี้แกล้ง

    “ฮยองอยากให้ผมไม่ไว้ใจจริงๆ ใช่ไหม” ผมถามหน้างอนิดๆ เผลอเป็นโดนแกล้งไม่รู้ตัวทุกทีเลย

    มาร์คฮยองงับริมฝีปากล่างตัวเองส่ายหน้าไปมาด้วยท่าทางสุดแบ๊ว ทำเอาผมแทบหลุดขำ

    “ไปนั่งเล่นที่ห้องฉันไหม ซื้อหนังมาเรื่องหนึ่ง ไม่มีใครดูเป็นเพื่อน”

    ผมมองหน้ามาร์คฮยองที่จ้องตาปริบๆ รอคำตอบแล้วหันกลับไปเปิดประตูห้องตัวเอง

    “ฮยองบอกว่าอยู่ใกล้ฮยองไม่ปลอดภัย” แกล้งพูดเสียงเรียบ แต่ความจริงกำลังกลั้นขำอยู่

    “เดี๋ยว” ข้อมือถูกคว้าหมับ มาร์คฮยองรีบแทรกตัวมาดักไว้ข้างหน้า ในขณะที่ผมทำเป็นมองไปทางอื่น ซ่อนรอยยิ้ม “ฉันแค่ล้อเล่น”

    ผมไม่ตอบอะไร

    “ฉันให้นายถือไม้ไปด้วยเลยดีไหม ถ้าฉันทำอะไรแปลกๆ นายก็เอาไม้ตีเลย”

    “พรืด” ผมกลั้นไม่อยู่ “สรุปว่าฮยองไว้ใจไม่ได้จริงๆ สินะ”

    มาร์คฮยองยิ้มแห้งๆ ในขณะที่ผมหัวเราะพลางส่ายหน้า

    “ผมแค่จะเอาหนังสือไปเก็บ รอแป๊บหนึ่งนะฮะ”

     

    มาร์คฮยองคนไว้ใจไม่ได้ยืนรออยู่หน้าห้อง คิ้วเข้มเลิกขึ้นตอนที่เห็นผมถือถุงกระดาษออกมาด้วย

    “ว่าจะเอาไปดูด้วยว่ามันคืออะไร” ผมตอบคำถามที่ส่งมาทางสายตาคู่นั้น  เจ้าของถุงกระดาษพยักหน้าก่อนจะเดินนำไปที่ห้องตัวเอง

    ระหว่างรอมาร์คฮยองเตรียมของว่างมาให้ ผมก็หยิบของในถุงออกมาดู มันเป็นสมุดบันทึกเล่มกะทัดรัด ออกจะเป็นของฝากที่แปลกอยู่สักหน่อย เพราะผมไม่ค่อยเห็นพี่ชายคนนี้ซื้อของสไตล์น่ารักๆ แบบนี้บ่อยนัก แต่ลายการ์ตูนที่หน้าปกก็พอจะทำให้เข้าใจได้ว่าทำไมมาร์คฮยองนึกถึงผม มันเป็นรูปเด็กผู้ชายตากลมผมสีดำกำลังหันไปยิ้มให้เด็กผู้ชายอีกคนที่ตัวโตกว่า มีผมสีออกน้ำตาลแดงซึ่งส่งยิ้มกลับมา มองไปแล้วก็คล้ายมาร์คฮยองกับผมอยู่เหมือนกัน

    “จะเอาไปใช้เขียนอะไรดีล่ะ” ผมยกสมุดขึ้นหันไปถามคนที่ถือถาดใส่น้ำกับขนมมาวาง

    “อะไรก็ได้ นายไม่มีอะไรที่อยากจดเหรอ” มาร์คฮยองตอบพลางนั่งลงโซฟาอีกตัว

    “ไม่รู้สิฮะ”

    คนซื้อหยิบสมุดไปจากมือผม “เอาไว้คัดไทยดีไหม นายจะได้ไม่ลืมภาษาไทย”

    “ลายมือผมห่วยแตกสุดๆ” ผมพูดหน้าเหยเก ให้อ่านเองยังเกือบอ่านไม่ออกเลย

    มาร์คฮยองเปิดสมุดหน้าแรกแล้วหยิบดินสอมาบรรจงเขียน

    “มาร์ค”  ผมอ่าน ชื่อภาษาไทยของเจ้าตัวถูกเขียนลงไปตรงบรรทัดแรก

    “เป็นไง” คนเขียนเงยหน้ามาถาม เหมือนจะอวดนิดๆ

    “ฮยองลายมือสวยจริงๆ นะเนี่ย” ผมพูดทึ่งๆ “แต่นี่สมุดของผมไม่ใช่เหรอ เขียนชื่อฮยองไว้หน้าแรกแบบนี้มันก็กลายเป็นของฮยองสิ”

    “จริงด้วย” มาร์คฮยองทำท่านึกได้ “งั้นก็” พูดพึมพำกับตัวเองแล้วก้มหน้าค่อยๆ เขียนอีกคำลงไป

    ผมเอียงคอมองชื่อตัวเองถูกเขียนลงไปบรรทัดเดียวกัน แต่เว้นวรรคจากห่างจากชื่อมาร์คมาพอสมควร

    “ฮยองเขียนชื่อผมได้ด้วยเหรอ” ถามตาโต

    “ถูกไหม”

    ผมพยักหน้า “ถูก แต่แบบนี้ก็กลายเป็นสมุดของมาร์คกับแบมแบมสิฮะ ฮ่าๆๆ”

    มาร์คฮยองทำหน้าตกใจแต่ก็ไม่ได้ลบ นั่งมองชื่อที่ตัวเองเขียนยิ้มๆ

    “ฮยองดูท่าทางชอบภาษาไทยจริงๆ นะเนี่ย” ผมพูดทั้งหัวเราะ

    “ฉันชอบคนไทย”

    ประโยคที่ได้ยินทำเอาหัวเราะค้าง คนพูดหันมาสบตานิดหนึ่งก่อนจะหันหนี ทันเห็นแค่หูที่แทบเปลี่ยนเป็นสีเดียวกับสีผมเจ้าตัว

    “ฮะๆๆ” ผมหัวเราะเก้อๆ ก่อนจะกลืนน้ำลายเลียปากตัวเอง มาร์คฮยองมุมแบบนี้นอกจากจะไม่เคยเห็นแล้วยังรับมือยากอีก ไม่แปลกใจเลยที่เมื่อก่อนแจ็คสันฮยองเคยโวยวายว่าจะไม่ไปเที่ยวกับมาร์คฮยองแล้ว เพราะโดนแย่งสาวๆ ไปหมด ผมหยิบสมุดกลับมาแล้วเอาดินสอเขียนคำว่า สวัสดีครับ ลงไป “คำนี้ฮยองรู้จักหรือเปล่าฮะ” หันสมุดไปให้ดู

    มาร์คฮยองส่ายหน้า

    “อ่านว่าสวัสดีครับ เป็นคำทักทายของไทย” ผมอธิบาย

    พี่ชายผมแดงจับสมุดกลับไปแล้วลงมือเขียนตามในบรรทัดล่าง คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันเมื่อตัวอักษรคราวนี้ยากกว่าที่เคย แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังเขียนตามออกมาจนได้ แม้จะยึกยือไปหน่อย

    “ฮยองเก่งจริงๆ นะเนี่ย” ผมชมทึ่งๆ แล้วลองเขียนเป็นประโยคสั้นๆ ลงไปบ้าง

    หลังจากนี้เลยกลายเป็นว่าผมเขียนประโยคภาษาไทย แล้วมาร์คฮยองเอาไปเขียนตามอยู่พักใหญ่ๆ

    “ฉันว่านี่มันจะกลายเป็นสมุดคัดไทยของฉันไปแล้วนะ” คนไต้หวันสัญชาติอเมริกาที่ปัจจุบันอาศัยอยู่ในเกาหลีพูดยิ้มๆ หลังจากเขียนประโยค  ผมสบายดี เสร็จ

    “ฮ่าๆๆ เอางี้ไหม เดี๋ยวผมจะเขียนประโยคภาษาไทยให้ฮยองวันละประโยค ให้ฮยองไปเขียนตามแล้วเอามาส่ง” ผมเสนอ “แบบนี้ก็จะกลายเป็นสมุดของมาร์คแบมแบมจริงๆ”

    คนโดนเสนอให้เป็นนักเรียนภาษาไทยทำท่าคิดอยู่พักหนึ่งก็พยักหน้า “เอาสิ ฉันไม่มีปัญหาอยู่แล้ว”

    “ถ้างั้นวันนี้เริ่มจากประโยคนี้แล้วกัน” ผมก้มหน้าเขียน ผมเป็นคนหล่อมาก “วันพรุ่งนี้ตอนฮยองเอามาส่ง ผมค่อยบอกว่ามันแปลว่าอะไร” ผมพูดยิ้มๆ พลางส่งสมุดให้

    “โอเค แล้ว” มาร์คฮยองเงยหน้าจากสมุดที่รับไปขึ้นมอง “ถ้าฉันทำได้ดี จะมีรางวัลหรือเปล่า”

    “รางวัลเหรอฮะ”

    “ก็ใช่น่ะสิ นักเรียนที่ดีก็ต้องได้รางวัลจากคุณครูจริงไหม”

    “อ่า แล้วจะเอาอะไรเป็นรางวัลดีล่ะ” ทันทีที่ผมพูดจบ มุมปากของคนบอกว่าตัวเองเป็นนักเรียนก็กระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์เหมือนรออยู่แล้ว และยังไม่ทันที่ผมจะพูดอะไรต่อ มาร์คฮยองก็ชิงพูดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

    “ให้ฉันขออะไรก็ได้นายจากนายหนึ่งอย่าง เอาตามนี้ ดูหนังกัน” พูดเร็วปรื๋อแล้วก็ลุกไปเปิดหนังที่เกือบลืมไปแล้วอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้ผมนั่งอ้าปากค้างพร้อมกับคิดในใจว่ามาร์คฮยองเป็นปีศาจ ผู้ชายคนนี้ปีศาจชัดๆ

    หนังที่นั่งดูสนุกกว่าที่คิด แต่พอหนังจบผมก็ขอตัวออกมา เพราะเห็นมีโทรศัพท์โทรเข้ามาหามาร์คฮยองเป็นระยะ แม้เจ้าตัวจะกดตัดสายทิ้งตลอด แต่ครั้งหนึ่งก็ทันเห็นชื่อว่ามาจากบริษัท ท่าทางจะมีงานต้องทำ

     

     

    ผมเจอเจบีฮยองที่เพิ่งกลับม าตอนกำลังจะเอาขยะลงไปทิ้งด้านล่าง เจบีฮยองดูตกใจนิดๆ ตอนผมเลี้ยวลงจากบันไดมาเจอ แต่ก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกตอนเห็นชัดๆ ว่าเป็นใคร

    “มีอะไรเหรอฮะ” ผมถาม

    “เปล่านี่” ท่านหัวหน้าหอทำเป็นตอบหน้านิ่งๆ มือไขกุญแจห้องสำนักงานไปด้วย

    “ฮยองไปไหนมาเหรอ ผมนึกว่าฮยองอยู่ห้องซะอีก”

    เจบีฮยองเหล่มองผมที่ส่งสายตากลับไปว่าผมรู้นะ แต่งตัวเต็มขนาดนี้ไม่มีทางแต่งอยู่บ้านเฉยๆ หรอก

    “ธุระ” แล้วก็ตอบมาสั้นๆ “นายจะไปทิ้งขยะเหรอ”

    ผมพยักหน้า สายตายังมองตามพี่ชายที่เพิ่งเดินเข้าห้องสำนักงานไป ถึงจะไม่ได้มีท่าทีลุกลี้ลุกลน แต่ทำไมถึงรู้สึกว่าเจบีฮยองแปลกๆ ยังไงก็ไม่รู้ โอ๊ะ จริงสิ

    ผมเปิดประตูห้องสำนักงาน แล้วชะโงกหน้าเข้าไปหา

    “ฮยองรู้ยังว่าพรุ่งนี้จูเนียร์ฮยองจะไปเดตกับไบรอันฮยอง”

    “อะไรนะ!” คนที่กำลังก้มไปเปิดคอมลุกพรวด หันขวับมาถามเสียงดัง

    ผมชะงัก มองฮยองตรงหน้าแล้วกะพริบตาปริบๆ ทำไมเหรอ ผมทำอะไรผิด ทำไมต้องทำโหดแบบนั้นใส่ด้วย

    “นายว่าใครไปเดตกับใครนะ!” เจบีฮยองเดินมาถาม เดี๋ยวสิ อยู่ใกล้ขนาดนี้ไม่เห็นต้องเสียงดังเลย

    “จูเนียร์ฮยองกับไบรอันฮยอง” ผมตอบอย่างไม่มั่นใจนัก หรือจริงๆ แล้วผมไม่ควรพูดเรื่องนี้

    “ไปที่ไหน”

    “ผมไม่รู้ แค่อยู่ตอนไบรอันฮยองเขาโทรมาชวนจูเนียร์ฮยอง”

    “ไปกี่โมง”

    “ฮยอง” ผมมองหน้าพี่ชาย “ผมจะไปรู้ได้ยังไง”

    เจบีฮยองนิ่งไปเหมือนกำลังใช้ความคิด

    “มีอะไรหรือเปล่าฮะ” ผมถาม

    “ไม่มีอะไร แล้วนายมายืนถือถุงขยะอยู่ตรงนี้ทำไม ไปทิ้งสิ ไปเลยไป” หัวหน้าหอพูดเสียงกึ่งดุพร้อมกับโบกมือไล่ ดันตัวผมออกแล้วปิดประตูห้องสำนักงาน

    ผมยืนเอ๋ออยู่หน้าประตู อะไรของเขาเนี่ย ฮยองจะทำตัวให้คนอื่นเข้าใจง่ายๆ บ้างไม่ได้หรือไง คิดในใจก่อนจะเดินไปทิ้งขยะอย่างที่ตั้งใจไว้ ผมคงไม่ได้ทำอะไรผิดไปนะ หรือเจบีฮยองจะไม่ชอบไบรอันฮยอง แต่ก็เห็นว่าเป็นเพื่อนกันนี่ ไบรอันฮยองเองก็นิสัยดี คงไม่มีอะไรหรอกมั้ง

    พรืด

    “เหวอ” กำลังคิดอะไรเพลินๆ เท้าก็เหยียบเข้ากับบางอย่างจนเสียหลักหงายหลังลื่น ก้นกระแทกพื้นอย่างแรง ถุงขยะหลุดมือร่วง เจ็บสุดๆ “โอ๊ย ใครมาทิ้งอะไรไว้ตรงนี้เนี่ย ยู

    ผมชะงัก มองมือตัวเองที่ยกชูขึ้นอย่างเคยชินด้วยความตกใจ

    ไม่มียูคยอม




    -------------------------------------------------------------------------------------------------------TBC

    ขอโทษที่หายไปนานค่ะ เราแทบไม่มีโอกาสได้พิมพ์ฟิคเลย กว่าจะได้ตอนนี้มานี่ก็เท่าไหร่นะ สองอาทิตย์กว่าเลยเนอะ 

    ไม่ได้ตั้งใจให้นานขนาดนี้เลย ขอโทษจริงๆค่ะ แหะๆ

    ได้ดูเด็กๆGot7คัมแบ็คสเต็จไปหน่อยนึง น่ารักเนอะ หล่อทะลุปรอทกันทุกคนเลย นั่งกรี๊ดอยู่คนเดียว ฮ่าๆๆๆ

    ตอนหน้าก็คงช้าหน่อยเหมือนกัน แต่จะพยายามอัพให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้นะคะ m(_ _)m 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×