ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Got7] Love hostel อลวนรักหอพักเมี้ยวๆ (จบ)

    ลำดับตอนที่ #31 : ตอนที่ 30 คนธรรมดากับคนโง่ที่ไม่เคยเข้าใจอะไรเลย 2 (โดย ยองแจ)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.36K
      41
      10 พ.ค. 61

    ตอนที่ 30

    คนธรรมดากับคนโง่ที่ไม่เคยเข้าใจอะไรเลย 2 โดย ยองแจ
     

    เข็มนาฬิกายังคงเดินต่อไปในห้องที่เงียบงัน น้ำตาเหือดแห้งไปหมดแล้ว แต่ผมก็ยังนั่งนิ่งๆ อยู่แบบนั้น กอดหมอนเปียกชื้นเอาไว้ 

    คนโง่ คนไม่มีหัวใจ...

    จู่ๆ ก็บอกให้เลิกซะ มาพูดแบบนั้นกับผมที่ไม่ได้เตรียมใจไว้เลย มือกระชับกอดหมอน แบบนั้นมันใจร้ายเกินไปแล้วไม่ใช่หรือไง ใบหน้าจริงจังกับสายตาที่มองมาตรงๆ ของเจบีฮยองทำเอาใจรู้สึกเจ็บขึ้นมา มันเจ็บจริงๆ เหรอเนี่ย ที่ผ่านมาไม่เคยรู้เลยว่าความรักจะทำให้รู้สึกเจ็บปวดที่หัวใจได้จริงๆ ตั้งแต่เมื่อไรที่เจบีฮยองรู้ ตั้งแต่ตอนที่ผมโทรหาจากบ้าน แล้วไม่ค่อยคุยเล่นเหมือนเคยงั้นเหรอ เพราะแบบนี้สินะถึงได้พยายามเว้นระยะห่างจากผม

    อะไรกัน

    ผมสูดขี้มูกก่อนจะยกมือขึ้นเช็ดน้ำใสๆ ที่ไหลมาทางหางตา ร้องเป็นวรรคเป็นเวรขนาดนั้นไปแล้วแท้ๆ พอนึกถึงตอนที่เคยได้คุยเล่นกับคนใจร้ายนั่นน้ำตาก็ยังจะไหลอีก ผมแสดงออกเยอะเกินไปงั้นเหรอ ทำให้เจบีฮยองอึดอัดจนโดนจับได้เหรอ แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นก็ไม่เห็นต้องบอกให้เลิกซะเถอะเลยนี่ ทำไมต้องบอกให้ผมเลิก ผมมันไม่ดีพอที่จะชอบฮยองได้เลยหรือไง

    "ฮือ ให้ตายเถอะ ถ้ามินจุนฮยองรู้ว่ามานั่งร้องไห้เพราะผู้ชายต้องโดนด่าแน่ๆ!" 

    ผมพูดเสียงดัง ดีไม่ดีโดนโบกหัวทิ่มด้วยซ้ำ ยกมือเช็ดน้ำตาป้อยๆ หยุดสักทีสิ เหนื่อยแล้วนะ ร้องมากี่ชั่วโมงแล้วก็ไม่รู้ แถมร้องไปคนผมซีดนั่นก็ไม่ได้มาเห็นใจสักหน่อย ทำไมน่าสงสารแบบนี้นะตัวผม เกรียนฮยองก็ไม่อยู่ เวลาแบบนี้ควรทำตัวเป็นพี่ชายที่แสนดีมาดูแลผมไม่ใช่หรือไง ไปเป็นเบ๊ให้พ่ออยู่ฮ่องกงซะได้ กลับมาจะปล่อยให้อดตายเลย!

    อะไรๆ เริ่มขวางหูขวางตาไปหมด หมอนในมือนี่ก็น่าหงุดหงิด ผมเขวี้ยงหมอนไปทางหัวเตียงจนไปโดนไดอารี่ที่วางอยู่ ก้มตัวเอื้อมไปหยิบมาเปิดดูผ่านๆ เจบีฮยองๆ เต็มไปหมด ทั้งเรื่องที่ได้คุยด้วย ทั้งแผนเอาชนะใจ ทั้งบ้าบออะไรไม่รู้ พังหมดเลย...

    ลุกขึ้นเอาไดอารี่ยัดลิ้นชักล็อกกุญแจ ก่อนจะกลับมานั่งที่เตียงเหมือนเดิม ผมนั่งนิ่งๆ เหมือนซากอะไรสักอย่างอยู่พักใหญ่ ไม่ได้ร้องไห้ ไม่ได้คิด ไม่รู้จะไปไหนหรือทำอะไร แค่นั่งเหม่ออยู่แบบนั้น

    โครก เสียงกระเพาะอาหารร้องเตือนว่ายังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลยตั้งแต่เช้าจนถึงบ่าย ผมล้มตัวลงนอน เอื้อมไปคว้ามือถือมาแทนที่จะสนใจเสียงประท้วงจากร่างกาย กดเข้าไลน์แล้วพิมพ์ข้อความส่งไปหา ‘มันดูฮยอง

    ‘…’ จุดสามจุดถูกส่งไป

    นอนมองหน้าจอซักพัก ไม่ได้ขึ้นว่าอ่าน ไม่มีข้อความตอบกลับ คงไม่ว่าง ปล่อยมือถือให้หล่นไปคว่ำหน้าบนเตียงแล้วนอนตะแคงมองดูเงียบๆ 

    ตึ๊ง!

    เสียงแจ้งเตือนไลน์ดังขึ้น มือหยิบมือถือหันมากดดู

    อะไร?’

    คำถามสั้นๆ ห้วนๆ แค่นั้นไม่รู้ทำไมถึงทำให้รู้สึกเหมือนมีอะไรขึ้นมาจุกที่คอ

    ฮยองเป็นคนบ้า’ ผมพิมพ์แล้วกดส่ง

    หา! ว่างนักไงวะ จู่ๆ มากวนประสาทฉันเนี่ย!

    เกลียดฮยองแล้ว

    แล้วมาเกลียดฉันเรื่องอะไรวะ!

    ฉันไปทำไรให้

    ไปอารมณ์เสียอะไรมาก็อย่ามาลงที่ฉันสิโว้ย ไอ้เด็กนิสัยเสีย

    ยองแจ

    ยองแจ?’

    เมื่อไรฮยองจะกลับมาหลังจากผมส่งข้อความนี้ แจ็คสันฮยองไม่ได้ตอบมาทันที แต่กลับวิดีโอคอลเข้ามาแทน

    รับ!’ คำสั่งสั้นๆ ถูกพิมพ์มาเมื่อผมไม่ยอมกดรับในตอนแรก เห็นแบบนี้เลยต้องจำใจกดรับตอนคนจากฮ่องกงโทรมาอีกครั้ง

    “เป็นไร” น้ำเสียงห้วนๆ กับหน้าตาเคร่งเครียดจากอีกฟากทำเอาคำพูดหล่นหาย ผมไม่รู้จะพูดอะไร นึกไม่ออกเลยได้แต่นอนมองแจ็คสันฮยองขมวดคิ้วอยู่แบบนั้น “ยองแจ ฉันถามว่าเป็นอะไร”

    “เปล่า” ผมตอบ เสียงแห้งจนต้องกระแอม

    “ร้องไห้ทำไม”

    “เปล่า”

    “เกิดอะไรขึ้น”

    “ผมไม่ได้ร้องไห้!” ผมจับมือถือลุกขึ้นนั่ง พูดเสียงดังจนเกือบเป็นตะคอกใส่คนในสาย

    “ฉันไม่ได้ตาบอดนะโว้ย จะได้ไม่เห็นสภาพนายตอนนี้!

    ผมเหล่มองจอเล็กๆ ที่แสดงหน้าตัวเอง สภาพผมมันยังไง ก็แค่จมูกแดง ตาบวม หน้าอืด แล้วมันทำไม ใช่สิ ผมมันไม่หล่อ ไม่น่ารัก ตาก็บวม หน้าก็โทรม ใช่สิ ผมมันโดนปฏิเสธ!

    “เห้ยๆๆ เบะทำไม ฉันไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย!”

    “ฮยองมัดจุกน้ำพุแบบนั้นคิดว่าดูดีเหรอ โคตรขี้เหร่เลยรู้ตัวปะ”

    แจ็คสันฮยองอ้าปากค้าง เผลอเอามือข้างหนึ่งลูบผมตัวเองที่มัดจุกไว้ 

    “ตัวก็เตี้ย สติก็ไม่ดี ฮึก… นิสัยแย่ โง่ ใจร้าย ทำอะไรไม่เคยคิดถึงใจคนอื่น...”

    "เดี๋ยวๆๆ หลังๆ นั่นมันไม่ใช่ฉันละ"

    “อ๊า จริงๆ เลย ทำไมต้องเป็นแบบนี้ด้วยเนี่ย!” ผมเอามือถือวางพิงหมอนที่ตั้งไว้ แล้วยกหลังมือเช็ดน้ำตา

    “ทะเลาะกับเจบีมาหรือไง” คนอยู่ฮ่องกงถาม มือดึงยางมัดผมออกไปด้วย

    ผมค่อยๆ ลดมือลงมาวางบนตัก นั่งขัดสมาธิไหล่ห่อคอตก มองเหม่อ 

    “ยองแจ!”

    “จะเรียกเสียงดังทำไม” พูดเสียงเนือย

    “เอ้า ก็นายไม่ตอบฉัน อะไรวะ ผิดทุกอย่างเลย”

    “ใช่ ผิดทุกอย่าง ผมมันทำผิดไปหมดทุกอย่างนั่นแหละ”

    “เวร”

    “ฮยอง” ผมหันหน้าเบลอๆ ไปจ้องคนในจอ “เจบีฮยองบอกผมว่าให้เลิกซะเถอะ ให้เลิกสนใจเจบีฮยองซะ ฮยอง ผม...” คำพูดเหมือนถูกก้อนแข็งๆ มาอุดคอปิดกั้นไว้

    “นายสารภาพไปแล้วเหรอ”

    ผมส่ายหัว

    “แล้วหมอนั่นรู้ได้ไง” แจ็คสันฮยองถาม สีหน้าแปลกใจ

    ผมส่ายหัวอีก 

    “มันรู้เองใช่ไหม ไอ้บ้านั่น”

    ผมก้มหน้า ไม่ได้ตอบอะไร

    “คิดเองเออเองแล้วแม่งก็ลงมือทำ ไม่มีแม้แต่คำอธิบาย นั่นแหละมัน”

    “ฮยองควรจะบอกผมแบบนี้ตั้งแต่เข้ามาอยู่วันแรกสิ” ผมพูดทั้งก้มหน้า สูดน้ำมูกไปด้วย

    “ฉันจะไปรู้ได้ แต่ถึงบอกไปนายก็คงชอบมันอยู่ดีนั่นแหละ”

    “นี่ซ้ำเติมผมอยู่ใช่ไหม”

    “เปล่า แล้วจะเอาไงต่อ”

    “ไม่รู้” ผมยกมือถูจมูก

    “ร้องไห้อีกแล้วเหรอ”

    “เปล่า”

    “อย่าร้องดิวะ ฉันปลอบคนไม่เป็น”

    ผมเงยหน้ามองคนปลายสายที่กำลังทำหน้านิ่วคิ้วขมวด หลุดยิ้มออกมานิดหนึ่ง

    “ร้องจนหน้าบานหมดละ” ปากหุบยิ้มทันที

    “หน้าฮยองเรียวจังเลยนะ”

    “ก็ไม่บานเท่านายล่ะวะ”

    “ขาฮยองก็ยาวไม่เท่าผมด้วย รู้ยัง”

    “ไอ้ยองแจ”

    “ผมเสียใจอยู่เนี่ย เห็นไหม”

    แจ็คสันฮยองทำหน้าเซ็ง “ก็บอกแล้วว่าปลอบไม่เป็น แล้วจะทำไง จะกล้าเจอหน้าเจบีมันไหมคราวนี้”

    ผมส่ายหน้า “ไม่ไหว เจอตอนนี้ผมต้องร้องแหง”

    “ปกติก็ไม่ใช่พวกบ่อน้ำตาตื้นนี่หว่า”

    “ฮยองลองมาโดนปฏิเสธมั่งไหมล่ะ!”

    “เห้ยๆ ไม่ต้องเบะ ฉันรู้น่าเรื่องนั้นอะ” แจ็คสันฮยองหน้าเจื่อนไปนิดหนึ่ง ก่อนจะกลับมาเป็นปกติ “แต่ยังไงนายก็ต้องเจอมันอยู่ดี เอางี้ ถ้าเจอหน้ามันแล้วอึดอัดก็ชกหน้าไปเปรี้ยงนึงแม่งเลย”

    “ผมไม่ใช่ฮยองนะ”

    มีเสียงเอะอะมาจากทางฝั่งฮ่องกง

    “ชิบละ พ่อเรียก ฉันต้องวางแล้ว นายโอเคนะ”

    “อือ” ผมพยักหน้า อย่างน้อยก็โอเคกว่าก่อนหน้านี้ 

    “เดี๋ยวศุกร์นี้ฉันก็กลับ อีกสามวันเอง ทนหน่อย”

    “ทนอะไร ฮยองกลับมาแล้วไง”

    “แล้วหน้าไหนมันถามตั้งแต่แรกว่าเมื่อไรฉันจะกลับวะ อย่างน้อยมีฉัน นายก็ไม่ต้องนอนคนเดียวอะ เออแค่นี้นะ ห้ามร้องอีกเข้าใจปะ”

    “จะพยายาม”

    “ต้องทำให้ได้โว้ย ไปละ ค่อยคุยกัน”

    “อือ”

    พี่ชายตัวเกรียนทำปากบานใส่ก่อนจะกดวางเล่นเอาผมหลุดขำ ส่ายหัวยิ้มๆ ก่อนจะโยนมือถือลงบนเตียงเบาๆ แล้วทิ้งตัวลงนอน

    เจบีฮยอง ตอนนี้ฮยองทำอะไรอยู่นะ หลังจากพูดแบบนั้นกับผม ตอนนี้ฮยองจะรู้สึกยังไง เสียใจบ้างไหม หรือไม่ได้รู้สึกอะไรเลย ทำไมล่ะ แม้แต่โอกาสก็ให้ผมไม่ได้เหรอ ผมนอนเหม่อ คิดอะไรเรื่อยเปื่อย มารู้ตัวอีกทีก็เย็นเลยลุกไปอาบน้ำ 



     

    ก๊อกๆๆ

    เสียงเคาะประตูห้องนอนทำใจร่วงวูบไปอยู่ตาตุ่ม ผมวางผ้าขนหนูผืนเล็กบนโต๊ะ ก่อนจะเดินไปหยุดอยู่หน้าประตู ใครมา คงไม่ใช่เจบีฮยองใช่ไหม 

    ก๊อกๆๆ

    เสียงเคาะประตูอีกครั้งทำให้ผมตัดสินใจเปิดประตู คนที่ยืนอยู่ต่อหน้าไม่ใช่เจบีฮยอง

    “ได้ยินว่านายไม่สบาย เป็นอะไรมากหรือเปล่า” ร่างโปร่งบางของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นคุณแม่ประจำหอยืนมองมาด้วยสีหน้าห่วงใย

    ผมส่ายหัว ยังงงๆ กับคำถาม จูเนียร์ฮยองเดินเข้ามาเอามือจับหน้าผากกับแก้มทั้งสองข้าง

    “ตัวก็ไม่ร้อน เพิ่งอาบน้ำเสร็จเหรอ”

    ผมพยักหน้า มองคนที่ยังไม่ได้ถอดเสื้อตัวนอกออกด้วยซ้ำ

    “ฮยองเพิ่งกลับมาเหรอ”

    “อื้อ ตอนแรกนึกว่าเจบีมากินข้าวกับนาย แต่หมอนั่นบอกว่านายไม่ค่อยสบาย ฉันเป็นห่วงเลยมาดู แล้วนี่กินอะไรหรือยัง”

    โครก เสียงท้องร้องประท้วงเหมือนเพิ่งนึกได้ จูเนียร์ฮยองหัวเราะก่อนจะเดินออกจากห้องไปทางครัว

    “มีอะไรพอกินได้มั่ง ซุปไหม รู้สึกเมื่อวานจะเหลือนี่” พูดไปก็เอาของจากตู้เย็นมาอุ่นไปด้วย

    “ฮยองอยู่กินด้วยกันสิ”

    “ก็ดีเหมือนกัน”

    บนโต๊ะอาหารมีกับข้าวง่ายๆ สำหรับสองคน พวกผมต่างคนต่างกินเงียบๆ อยู่พักหนึ่ง จูเนียร์ฮยองถึงเป็นฝ่ายพูดขึ้นมา

    “นายคุยกับฉันได้ทุกเรื่องนะ” ดวงตาสีดำขลับที่มองมาสะท้อนแววห่วงใย จนผมแทบกลืนข้าวไม่ลง

    ผมก้มหน้าเอาช้อนทำเป็นตักข้าวแล้วปล่อย แล้วตักใหม่อีกรอบ ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ ก่อนที่ผมจะได้คุยกับแจ็คสันฮยอง ผมคงเล่าทุกอย่างให้พี่ชายคนนี้ฟังแล้ว แต่ตอนนี้ผมมีสติมากพอที่จะรู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องดีเลยถ้าคนที่เป็นเพื่อนสนิท คนที่อยู่ห้องเดียวกับเจบีฮยองรู้เรื่องนี้ จูเนียร์ฮยองต้องโกรธมากแน่ และผมก็ไม่อยากเป็นต้นเหตุให้พวกเขาทะเลาะกัน

    “ผมไม่เป็นอะไร แค่รู้สึกไม่ค่อยสบาย” พูดทั้งที่ยังก้มหน้า

    จูเนียร์ฮยองไม่ได้พูดอะไรอีก เราเลยต่างกินข้าวกันไปเงียบๆ แบบนั้น

    “ให้ฉันอยู่เป็นเพื่อนไหม” ฮยองคนใจดีถาม หลังจากเก็บจานเสร็จแต่ผมส่ายหัว

    “ผมว่าจะนอนพัก แล้วฮยองก็กลับมาเหนื่อยๆ ยังไม่ได้อาบน้ำเลยไม่ใช่เหรอ เดี๋ยวไม่สบายนะ”

    “ฉันบอกให้เจบีมาอยู่กับนายไหม”

    ผมรีบส่ายหัวปฏิเสธ “ผมไม่เป็นไร แล้วอีกอย่างถ้าให้ผมเลือก ผมอยากอยู่กับฮยองมากกว่าเจบีฮยองอีก ผมชอบฮยองมากกว่า” ผมพูดพลางยิ้ม ไม่รู้ว่ารอยยิ้มที่พยายามส่งให้ไปเป็นยังไง ฮยองตรงหน้าถึงมองผมด้วยสายตาเป็นห่วงขนาดนั้น

    ผมภาวนาให้จูเนียร์ฮยองไม่เข้ามากอด ผมยังไม่พร้อมกับการปลอบประโลมหรือความอ่อนโยนใดๆ ตอนนี้ ผมไม่อยากร้องไห้แล้ว ยิ่งต่อหน้าคนใจดีอย่างจูเนียร์ฮยองยิ่งไม่อยาก

    “งั้นมีอะไรก็โทรหาฉันนะ” คุณแม่ของหอพูด ก่อนจะเดินออกไปไม่วายหันมามองผมอีกรอบ

    ผมเดินถอยไปทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟา ยกมือเช็ดน้ำตาที่ไหลลงมาทันทีที่ประตูห้องถูกปิดลง ผมที่อ่อนแอแบบนี้น่าหงุดหงิดจริงๆ

     

    วันต่อมาผมไม่กล้าออกจากห้อง กลัวที่จะเจอเจบีฮยอง ผมยังไม่พร้อม ไม่รู้จะรับมือยังไงถ้าต้องเจอคนคนนั้นตอนนี้ ผมขังตัวเองอยู่ในห้องจนกระทั่งบ่ายถึงได้เดินออกไป ตั้งใจจะไปซื้อของข้างนอก แต่ทันทีที่เดินออกมาตรงลานบาสก็เจอเข้ากับคนที่ตั้งใจเลี่ยงราวกับโดนแกล้ง เจบีฮยองที่กำลังกวาดหิมะไปกองไว้ริมๆ เพื่อให้มีทางเดินเองก็หันมาเห็นผมแทบจะทันที

    ผมก้มหน้าหันมองไปทางอื่น รีบก้าวเร็วๆ หวังจะทำเป็นมองไม่เห็นแล้วเดินผ่านไป

    “สวัสดี ยองแจ” น้ำเสียงทักทายแบบปกติจากคนที่ผมกำลังจะเดินผ่าน ทำให้ขาชะงัก “จะไปไหน”

    ทำไมต้องทำแบบนี้นะ ทั้งๆ ที่ไล่ผมไปเองแท้ๆ บอกให้ผมไม่สนใจแล้วเป็นฝ่ายมาทักทำไม ผมยืนนิ่งอยู่กับที่ ไม่ตอบ ไม่หันกลับไป ได้แต่กำชายเสื้อตัวเองแน่น

    ผ้าพันคอผืนหนึ่งคล้องมาจากด้านหลัง

    “อากาศมันหนาว ไม่ทำตัวให้อุ่นไว้เดี๋ยวจะไม่สบาย” เสียงทุ้มพูดอยู่ใกล้ๆ ก่อนจะเงียบลงเมื่อเจ้าตัวเดินกลับเข้าหอไป

    ผมยกมือขึ้นจับผ้าพันคอสีเข้มของคนที่เคยยืนกวาดหิมะอยู่ ยังมีกลิ่นของเจบีฮยองอยู่จางๆ มือกำผ้าพันคอแน่น พยายามกลั้นเสียงสะอื้นไว้

    ฮยองทำแบบนี้กับผมทำไม...



    --------------------------------------------------------------------------------------TBC

    เจบีเป็นบุคคลที่เข้าใจยากอย่างแท้จริง 

    ตอนหน้าใครคิดถึงแจ็คสัน ตัวเกรียนกลับมาแล้วค่ะ ไว้ฝากแจ็คถามละกัน (แจ็คสันบอกตัวเองยังจะเอาตัวไม่รอด ฝากให้ยุ่งเรื่องชาวบ้านจัง) หลังจากตอนของแจ็คสันก็จะกลับไปฝั่งเราสี่คนละ แต่ฝั่งโน้นไม่ค่อยหน่วงละค่ะ เป็นช่วงเวลาทำคะแนน ฮ่าๆๆ เริ่มด้วยมาร์คก่อนเลย 

    ไปส่องแท็กมาแล้วค่ะ ดีใจที่มีคนชอบเรื่องนี้ >< ในอนาคตอาจจะมีตัวละครมาเพิ่มแบบชั่วคราว แต่เป็นบ้านใกล้เรือนเคียงนี่แหล่ะ โผล่มาแจมแบบรับเชิญ ไม่ใกล้ไม่ไกล ใครซักคนใน 5live 

    ตอนหน้าเจอกับแจ็คสัน แล้วต่อด้วยมาร์คในตอนถัดไปนะคะ 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×