ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Got7] Love hostel อลวนรักหอพักเมี้ยวๆ (จบ)

    ลำดับตอนที่ #8 : ตอนที่ 8 กำแพงที่มองไม่เห็น 2 โดย มาร์ค รีไรท์

    • อัปเดตล่าสุด 10 พ.ค. 61


    ตอนที่ 8

    กำแพงที่มองไม่เห็น 2 โดย มาร์ค 

     

    “ยังทำงานไม่เสร็จอีกเหรอฮะ”

    น้ำเสียงกึ่งน้อยใจนิดๆ ดังสะท้อนขึ้นมา ใครบางคนเคยนั่งชันเข่าเอาคางเกย มองผมด้วยดวงตากลมแป๋วจากตรงนี้ ผมกะพริบตาไล่ภาพในอดีตออก อาจเป็นเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่ทำให้เป็นแบบนี้

    “ออกไปจากห้องฉันได้แล้ว แจ็คสัน” พูดกับคนที่ตอนนี้เปลี่ยนมานั่งขัดสมาธิเงยหน้ามอง

    “ฮยองก็บอกมาก่อนสิ ว่ามีเหตุผลอะไรถึงต้องกันทุกคนออกจากห้องตัวเอง”

    ผมเบือนสายตาหนี ใครบางคนก็เคยนั่งมองผมด้วยท่าทางแบบนี้ เริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าที่ตาพร่าเห็นนู่นเห็นนี่ซ้อนทับกันไปหมด มันเป็นเพราะแอลกอฮอล์ หรือเพราะข้าวของทุกอย่างในนี้ไม่เคยเปลี่ยนไปจากแต่ก่อน ทุกอย่างยังคงอยู่ที่เดิม แบบเดิมเหมือนกับวันที่แบมแบมวิ่งออกจากห้องไป

    “ไม่ใช่เรื่องของนาย ออกไป” ผมย้ำเสียงต่ำ พยายามข่มอารมณ์ไม่ให้กระชากคนตรงหน้าโยนออกไปนอกห้อง

    “แล้วฮยองบอกผมไม่ได้หรือไงล่ะ” แจ็คสันลุกจากเตียงเดินมาหา ในขณะที่ผมก้าวถอยหนี

    “ออกไป!” ผมสั่งเสียงดังขึ้น ภาพเหตุการณ์ในวันนั้นย้อนกลับมาภาพต่อภาพ

    “มาร์คฮยอง”

    “อย่ามาจับฉัน ออกไป!” มือที่ยื่นมาหาถูกปัดออก

    “ฮยองเป็นอะไร...”

    “ฉันบอกให้ออกไป!!!” แจ็คสันถูกผลักอย่างแรงจนไปกระแทกกับชั้นหนังสือ พวกมันร่วงหล่นลงมาสองสามเล่มแต่คนโดนผลักไม่ได้สนใจ ตาคมยังคงมองมาที่ผมซึ่งพยายามกำมืออันสั่นเทาไว้

    “ฉันบอกให้ออกไป ไปให้พ้น ฉันไม่อยากเห็นหน้านาย!!

    เสียงของตัวเองในอดีตดังสะท้อนอยู่ในหู แจ็คสันค่อยๆ เดินออกจากห้องไปโดยไม่ละสายตาจากผม

    “ผมขอโทษ” น้ำเสียงเบาหวิวดังมาก่อนที่ร่างคนพูดจะเดินหายลับไป

    “ผมขอโทษ”

    ภาพของใครอีกคนที่เคยพูดประโยคเดียวกันปรากฏซ้อนทับขึ้นมา สองขาไร้เรี่ยวแรงจนไม่อาจทรงตัวอยู่ได้ ผมเดินเซไปนั่งลงบนเตียง กล่องความทรงจำที่พยายามฝังไว้ให้ลึกที่สุดเหมือนถูกกระชากแล้วเปิดออก ภาพต่างๆ ปลิวกระจายอยู่ภายในหัว ชัดเจนราวกับมันเพิ่งเกิดขึ้นไม่นาน


    ---------------------------------------------------------------------------------


    “สวัสดีฮะ คุณเพิ่งย้ายมาอยู่ใหม่ใช่ไหม” เด็กชายตัวเล็กยืนยิ้มกว้างอยู่หน้าประตูห้อง ดูแล้วน่าจะอายุราวๆ 12-13 ขวบ

    “สวัสดี” ผมทักกลับตามมารยาทแล้วหันไปยกลังใส่ของ วันนี้เป็นวันแรกที่ย้ายเข้ามา

    “ผมช่วยนะ” มือเล็กกำลังจะเอื้อมไปหยิบกล่องตรงหน้า แต่ก็ต้องชะงักเพราะเสียงผม

    “ไม่ต้อง!

    “ทำไมล่ะฮะ” เด็กน้อยเอียงคอมอง ตากลมกะพริบปริบๆ ด้วยความงุนงง “ช่วยกันสองคนจะได้เสร็จไวๆ นะ”

    “ฉันไม่ต้องการความช่วยเหลือ” ผมตอบปัด แล้วถือของเข้าไปวางด้านใน

    “แต่เราเป็นเพื่อนบ้านกันแล้วนะฮะ ฮึบ”

    เจ้าเด็กนี่! ริมฝีปากเม้มเข้าหากันอัตโนมัติ สองมือเท้าเอวมองเด็กไม่รู้ฟังที่กำลังอุ้มลังใบใหญ่เข้ามา

    “เหวอๆๆ”

    ผมรีบคว้าลังไปถือก่อนที่เจ้านั่นจะเซถลาแล้วล้มลง

    “ฉันบอกว่า...”

    “ขอบคุณฮะ” ยังไม่ทันจะพูดจบก็ถูกคนตัวเล็กชิงพูดแทรกก่อน พร้อมกับเงยหน้ามายิ้มให้จนตาเป็นสระอิ

    ความรู้สึกหงุดหงิดเล็กๆ พุ่งขึ้นมา ทำไมเด็กนี่ถึงไม่ปล่อยให้ผมอยู่คนเดียวสักที

    “กลับไปซะ”

    “คุณไม่ชอบผมเหรอ”

    คำถามตรงๆ กับหน้าซื่อๆ ทำเอาผมตอบไม่ถูก ผมไม่เคยต้องข้องเกี่ยวกับเด็ก ไม่รู้วิธีที่จะรับมือกับอะไรแบบนี้

    “เปล่า” ผมตอบส่งๆ ไม่อยากทำเด็กร้องไห้ ก็เสียงเด็กร้องไห้น่ารำคาญน้อยเสียเมื่อไร เบือนสายตาหนีรอยยิ้มดีใจนั่น ผมควรทำเป็นไม่สนใจเด็กนี่เสียดีกว่า เดี๋ยวก็คงเลิกยุ่งไปเอง คิดแล้วก็ออกไปยกของด้านนอกเข้ามาอีก

    “แทคยอนฮยอง แจบอมฮยอง จินยองฮยองไม่อยู่ คุณฮยองก็ยุ่งกับเอกสาร” เด็กน่ารำคาญเดินตามผม พูดเจื้อยแจ้วอยู่คนเดียว “ผมย้ายเข้ามาเมื่อาทิตย์ที่แล้วนี่เอง เราอยู่ห้องติดกันเลยนะ จริงสิ ผมชื่อแบมแบม”

    เป็นชื่อที่แปลกชะมัด ผมนั่งลงเปิดลังกระดาษแล้วยกของออกมา เฟอร์นิเจอร์ส่วนตัวอื่นๆ ให้คนขนมาก่อนแล้ว

    “เวลาผมบอกชื่อตัวเองไป คนที่นี่มักจะทำหน้าแปลกๆ ทุกที แล้วคุณชื่ออะไรฮะ”

    ผมเงยหน้ามองคนตัวเล็กที่กำลังนั่งบนลังหนังสือตาแป๋วรอคำตอบ

    “มาร์ค” ผมตอบ ไม่รู้ทำไมถึงตอบ

    “มาร์ค” ริมฝีปากสีชมพูขยับทวน “เท่ดีจัง เหมาะกับหน้าตาคุณเลย”

    นั่นคือการพบกันครั้งแรกของผมกับแบมแบม

     

    “มาร์คฮยอง ผมเรียกว่ามาร์คฮยองได้ไหม” เด็กตัวเล็กที่สูงแค่ไหล่วิ่งตาม

    ผมรีบไขกุญแจทันทีที่ถึงห้อง เปิดประตูเข้าไป

    “ห้ามปิดประตูหนีเข้าห้องนะ” แบมแบมเอาตัวมาขวาง เงยหน้ามามองด้วยตากลมๆ คู่นั้น

    “ตามใจนาย” ผมพูดทั้งถอนหายใจ รู้ว่าห้ามไปก็เท่านั้น

     

    ติ๊งต่อง

    “มาร์คฮยอง ผมเอานี่มาฝาก ขอเข้าไปได้ไหม”

    “นายควรจะรอให้ฉันอนุญาตก่อนเข้ามาไม่ใช่หรือไง” ผมกอดอกมองร่างเล็กที่แทรกตัวเข้ามายืนหัวเราะฮะๆ ตั้งแต่ผมเปิดประตู

    “นี่เบนโตะ ขนมจากเมืองไทย กินด้วยกันนะ”

     

    “ฮึก ฮือๆๆ ผมไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว”

    “เกิดอะไรขึ้น” ผมถามพลางยื่นแก้วโกโก้ร้อนให้แบมแบม

    “พวกนั้นไม่เลิกแกล้งผมสักที” เจ้าตัวรับแก้วไปถือ เล่าทั้งสะอื้น

    “นายก็อย่าไปยอมสิ” ผมนั่งลงบนโซฟาอีกตัว พูดแนะนำก่อนจะจิบโกโก้ร้อนของตัวเอง คงเป็นเพราะย้ายมากลางเทอมแถมตัวยังเล็กกว่าคนอื่น

    “ผมไม่ได้ยอมนะ แต่ ฮึก แต่ ฮือๆๆ พวกนั้นหาว่าผมอ้อนผู้หญิงในห้อง ฮึก หาว่าผม ฮือๆๆ เป็นผู้หญิงด้วย”

    คิ้วขมวดเข้าหากันเมื่อได้ยินคำตอบ เด็กพวกนี้นี่มัน

    “นั่นเพราะนายหน้าตาน่ารักกว่าไงล่ะ พวกนั้นก็แค่อิจฉา”

    “อิจฉา” แบมแบมทวนคำ มองผมงุนงง

    “ใช่ อิจฉา ธรรมดาของพวกขี้แพ้” ผมยักไหล่ ถ้าคุณฮยองมาได้ยินอาจจะเอาไม้แบดฟาดหัวผมที่เอาอะไรดาร์คๆ ไปใส่หัวหลานสุดที่รัก แต่โลกก็เป็นแบบนี้ ทำไงได้

    “เพราะผมน่ารักเหรอ”

    “ใช่ นายน่ารักกว่าคนอื่น สาวๆ ชอบนายก็เพราะนายน่ารัก มันก็แค่นั้น” ผมจิบโกโก้อีกอึก

    “อย่างนี้นี่เอง”

     

     “มาร์คฮยองเล่นบาสเป็นไหม” แบมแบมตัวน้อยอุ้มลูกบาสมาหา “สอนหน่อยสิ”



    “ยังทำงานไม่เสร็จอีกเหรอฮะ” แบมแบมนั่งกอดเข่าเอาคางเกยอยู่บนเตียง ตากลมมองตามผมที่กำลังเดินไปมาระหว่างชั้นหนังสือกับโต๊ะทำงาน

    “ยัง” ผมชูหนังสือในมือให้ดู

    หน้าคนถามงอทันที

    “วันนี้เล่นเกมกับนายไม่ได้หรอกนะ” ผมวางมือลงบนผมนุ่มแล้วขยี้เบาๆ

    แบมแบมถอนหายใจแต่ก็ไม่ได้ค้านอะไร ผมเลยหันไปนั่งทำงานต่อ

    “แบมแบม ดึกแล้ว นาย...” หันมาอีกทีเจ้าของชื่อก็นอนหลับปุ๋ยไปแล้ว

    ผมเดินมานั่งข้างๆ ค่อยๆ ลูบผมสีดำขลับด้วยความเอ็นดู แบมแบมค่อยๆ เข้ามาในพื้นที่ของผมทีละเล็กทีละน้อย พื้นที่ที่ไม่เคยเปิดรับและไม่คิดว่าจะใครเข้ามา ไล้มือลงมาตามแก้มยุ้ยเรื่อยมาจนถึงริมฝีปากสีชมพู

    ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก

    หัวใจที่เคยเต้นเนิบนาบจนบางทีลืมไปว่ามีอยู่เต้นแรงขึ้น มือชะงัก ผมลุกขึ้นยืนถอยออกมา สายตามองไปที่ริมฝีปากของแบมแบมที่เผยอขึ้นเล็กน้อย

    ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก

    กุมหน้าอกด้วยความตกใจ ผมหันกลับไปนั่งที่โต๊ะทำงาน มือยังคงกุมหน้าอกอยู่แบบนั้น

    ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก

    เสียงหัวใจไม่มีทีท่าจะเบาลง ผมไม่ได้ไร้เดียงสาจนไม่รู้ว่านี่คือสัญญาณของอะไร ตั้งแต่เมื่อไรที่เด็กคนนี้แทรกซึมเข้ามาจนถึงหัวใจ


     

    “มาร์คฮยองงง” เสียงเรียกดังมาไกลๆ พร้อมกับร่างเล็กที่วิ่งถลามากอดผมจากด้านหลัง “วันนี้เพื่อนที่เคยชอบแกล้งผมมาคุยกับผมแล้วบอกว่าขอโทษด้วยแหละ”

    ผมค่อยๆ จับมือที่กอดตัวเองออก ก่อนที่คนกอดจะรู้สึกได้ว่าจังหวะหัวใจผมเปลี่ยนไป แล้วหันกลับไปถามยิ้มๆ

    “แล้วไง”

    “จะแล้วไง ผมก็ดีใจน่ะสิ” แบมแบมยิ้มตาหยี

    “แล้วทำไมหมอนั่นถึงมาขอโทษล่ะ”

    “อืม เพราะผมน่ารักไง ผมน่ารักขนาดนี้ใครจะแกล้งได้ตลอดจริงไหม” เจ้าตัวยักคิ้วให้กวนๆ

    “หน็อยแน่ เดี๋ยวนี้รู้จักบริหารเสน่ห์นะ” ผมเอามือสองข้างจับแก้มยุ้ยยืดออกด้วยความมันเขี้ยว

    “อ้วยไอ้ไอ้อี้(ช่วยไม่ได้นี่) โอ๊ย เอ็บๆ นี่แน่ะ” แล้วแบมแบมตัวแสบก็เตะผมเข้าให้ เตะแล้ววิ่งหนี

    “กล้าเตะเหรอ กล้าเหรอ” ผมวิ่งไล่ตาม

    “ฮ่าๆๆ”

     

    ทุกอย่างสวยงาม วันทุกวันผ่านไปอย่างสวยงาม สวยงามที่สุดในชีวิตของผม จนกระทั่งถึงวันนั้น ผมถูกเรียกตัวกลับบ้านและมีปากเสียงกับพ่ออย่างรุนแรงเกี่ยวกับคณะที่เรียนอยู่ เราทะเลาะกันอยู่หลายวันโดยหาข้อสรุปไม่ได้ จนสุดท้ายผมถูกบังคับให้ย้ายไปเรียนคณะที่พ่อเลือกให้โดยไม่มีข้อแม้ใดๆ

    ผมกลับหอมาพร้อมเบียร์เป็นสิบกระป๋อง นั่งกินอยู่คนเดียวตรงห้องรับแขก ถ้าจะปล่อยผมทิ้งไว้คนเดียว ทำไมไม่ปล่อยทุกเรื่อง ทำไมไม่ปล่อยผมไป ผมมีตัวตนอยู่เพื่ออะไร หรือแค่เพื่อผลประโยชน์เท่านั้น

    ติ๊งต่อง

    วางกระป๋องเบียร์ลงบนโต๊ะก่อนจะลุกไปเปิดประตู

    “กลับมาแล้วเหรอฮะ” เป็นแบมแบมที่ยืนอยู่

    ผมเดินกลับเข้ามาโดยไม่ได้ตอบอะไร ไม่อยากพูด ไม่อยากเจอใครทั้งนั้น กลับมานั่งตรงพื้นหลังพิงโซฟา ชันเข่าข้างหนึ่ง ยกกระป๋องเบียร์ขึ้นซด แบมแบมตามเข้ามา กวาดตามองกระป๋องเบียร์ที่หมดแล้วซึ่งวางระเนระนาดอยู่ ก่อนจะเดินไปนั่งบนโซฟาถัดจากผมไปเล็กน้อย

    ผมนั่งดื่มไปเรื่อยๆ แบมแบมเองก็นั่งมองเงียบๆ จนกระทั่ง

    “พอได้แล้ว”

    แขนผมถูกจับไว้  กระป๋องเบียร์ในมือถูกแย่งไป ผมหันมอง

    “ฮยองกินเยอะแล้วนะฮะ พอเถอะ” แบมแบมเอาเบียร์วางไว้อีกมุมหนึ่งของโต๊ะ

    ผมแบมือขอคืน ตามองคนแย่งของไปนิ่ง

    “พอก่อนเถอะนะ” ร่างเล็กขยับเข้ามาหา จับมือผมเอาไว้ “กินเยอะๆ ไม่ดีนะ ฮยองมีเรื่องอะไรไม่สบายใจบอกก็บอกผม ผมอยู่ตรงนี้ ผมอยู่กับฮยอง ผม...”

    ผมไม่รู้ว่าแบมแบมพูดอะไรบ้าง ใจความมันไม่เข้าหัว มีเพียงภาพริมฝีปากสีชมพูสวยที่ขยับไปมา ค่อยๆ พาร่างตัวเองขึ้นมานั่งบนโซฟาโน้มตัวเข้าไปหา

    “คุณฮยองบอกว่า อุบ”

    เสียงเจื้อยแจ้วถูกหยุดไว้ด้วยริมฝีปากผม ดวงตากลมเบิกกว้างด้วยความตกใจ ตัวแข็งทื่อ ผมขยับมือที่ถูกแบมแบมจับมาประสานนิ้วเข้าด้วยกัน มืออีกข้างรั้งเอวบางเข้ามาชิด ละเลียดชิมริมฝีปากนุ่ม รสจูบหวานปนวาบหวามทำสติสัมปชัญญะผมหลุดลอย บดจูบหนักหน่วงพร้อมๆ กับดันร่างในอ้อมแขนลงบนโซฟา มือเลื่อนลงมาล้วงสอดเข้าใต้เสื้อยืดตัวยาว เลิกขึ้นด้วยมือที่ไล้ขึ้นไปตามผิวเนียน

    ร่างเล็กเริ่มดิ้นขลุกขลัก ผมผละริมฝีปากกดจูบหนักๆ ไล่มาตามคาง ลำคอ ลงมาจนถึงหน้าอกเนียน

    “มะ มาร์คฮยอง”

    เสียงเรียกปนหอบจากการหายใจไม่ทันเพราะจูบของผมเหมือนเพิ่มแรงปลุกเร้า ผมไม่รู้ว่ามันคือเสียงร้องห้ามหรืออะไร ไม่รับรู้ ในความคิดมีเพียงความอยากครอบครองร่างกายนี้ ต้องการทั้งหมดของคนตรงหน้า รอยแดงเต็มไปทั่วหน้าอกเนียน ผมในตอนนี้ไม่ต่างจากปีศาจที่ไร้ซึ่งการควบคุม

    “ฮึก”

    เสียงสะอื้นเหมือนดังอยู่ไกลๆ ในขณะที่ผมลุ่มหลงมัวเมา ขบเม้มผิวเนียนใสอย่างกระหาย

    “ฮยอง ผมเจ็บ ฮยอง ฮือๆ ไม่เอานะ”

    ร่างเล็กสั่นเทา สัมผัสสั่นเทานั้นเองที่ทำให้ผมได้ยินเสียงชัดขึ้น

    “ฮึก ผมกลัว ฮยอง!

    เสียงกรีดร้องเหมือนไม้หน้าสามฟาดเข้าแรงๆ ที่หัว ผมชะงัก

    “ฮือๆๆ ผมขอโทษ”

    ภาพที่เห็นคือแบมแบมที่กำลังกำมือแน่น ตัวสั่นเทา ใบหน้าเต็มไปด้วยน้ำตาอย่างน่าสงสาร ผมผละออก มองร่างเล็กที่แปดเปื้อนไปด้วยรอยแดงด้วยความตกตะลึง นี่ผม...ทำอะไรลงไป

    แบมแบมลืมตาขึ้นมองผมที่ลุกขึ้นถอยหนีเหมือนคนหมดแรง มือเรียวดึงเสื้อตัวเองลงพร้อมๆ กับลุกขึ้นนั่งฝังตัวเองชิดจนติดขอบโซฟา ดวงตากลมที่มองมาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวปนไม่เข้าใจ

    “ผมทำฮยองโกรธเหรอ ฮึก” ถามทั้งสะอื้น

    หัวใจเหมือนถูกทุบ ความเจ็บปวดกระแทกเข้าใส่ ผมทำแบบนี้กับเด็กคนนี้ได้ยังไง

    “มาร์คฮยอง” แบมแบมค่อยๆ ลุกขึ้นจากโซฟา แววตาฉายแววเป็นห่วงเมื่อเห็นผมยืนนิ่ง “ฮยองเป็นอะไรหรือเปล่า”

    “อย่ามาใกล้ฉัน!” ผมตะคอก ผลักไหล่เล็กอย่างแรงจนเจ้าตัวล้มลง

    “ฮึก ผมขอโทษ ขอโทษที่ทำให้ฮยองโกรธ ขอโทษ” แบมแบมเงยหน้าพูดซ้ำๆ

    เหมือนมีคนเอามีดมากรีดที่หัวใจ กับเด็กที่ใสบริสุทธิ์แบบนี้ ผม ผมมัน...

    “ออกไป” ผมพูด เบือนหน้าหนีไปอีกทาง

    “มาร์คฮยอง” เด็กตรงหน้าลุกขึ้นมาใหม่

    “ฉันบอกให้ออกไป ไปให้พ้น ฉันไม่อยากเห็นหน้านาย!!

    แบมแบมอึ้ง ตากลมมองมาด้วยความตกตะลึง กัดริมฝีปากกลั้นเสียงสะอื้นไว้ก่อนจะค่อยๆ เดินถอยหลังไปช้าๆ ในขณะที่ผมยังคงมองไปอีกทาง กำมือที่สั่นระริกไว้แน่น ได้โปรด ไปซะ ไปให้ไกลจากฉัน นายไม่ควรแปดเปื้อนด้วยน้ำมือปีศาจตนนี้ ได้โปรด...

    “ฮึก” เสียงสะอื้นที่กลั้นไม่อยู่คือเสียงสุดท้ายที่ผมได้ยิน ก่อนที่แบมแบมจะวิ่งออกจากห้องไป

    เหมือนโลกพังทลาย ผมทรุดลงตรงนั้น ร้องไห้อย่างหมดสภาพ ได้แต่กำมือทุบลงไปบนพื้นซ้ำๆ  ผมรังเกียจตัวเอง รังเกียจมือคู่นี้ทำให้แสงสว่างเพียงอย่างเดียวในชีวิตแปดเปื้อน รังเกียจปีศาจร้ายในตัว ผมมันไม่ควรมีใคร คนอย่างผม คนน่ารังเกียจอย่างผมสมควรแล้วกับการต้องอยู่คนเดียว

     

    -----------------------------------------------------------------


    หัวใจปวดหนึบ ภาพเหตุการณ์เมื่อเกือบสามปีก่อนยังคงชัดเจน แบมแบมตอนนั้นยังอายุไม่เต็ม 14 ปีด้วยซ้ำ ยิ่งคิดก็ยิ่งสมเพช ยิ่งรังเกียจตัวเอง

    “ไล่ผมไปแล้วตัวเองมานั่งร้องไห้อยู่คนเดียวเนี่ยนะ”

    เสียงที่ได้ยินทำผมเงยหน้าขึ้นมองอึ้งๆ แจ็คสันยืนอยู่ตรงประตู

    “นาย...กลับมาอีกทำไม”

    “ทำไงได้ ผมมันหน้าด้าน ฮยองก็รู้นี่”

    “หึ” ผมพ่นลมหายใจอย่างอ่อนใจ

    “ผมไม่รู้หรอกนะว่ามันเคยเกิดอะไรขึ้นกับฮยอง แต่ถ้ามันทำให้ฮยองต้องเจ็บปวดขนาดนี้ ผมไม่อยากรู้แล้วก็ได้”

    “ขอบใจ” ผมพูดยิ้มๆ เอามือเช็ดน้ำตาก่อนจะลุกขึ้นยืน “น่าอายนะที่ให้นายมาเห็นในสภาพนี้ ฉันไปล้างหน้าล้างตาก่อนแล้วกัน เดี๋ยวกลับที่ไปห้องนาย”

    “ฮยอง” แจ็คสันจับแขนผมไว้ตอนกำลังจะเดินผ่าน “ผมขอโทษที่ทำให้ฮยองต้องนึกถึงอะไรแย่ๆ ขึ้นมาอีก ผมจะเลิกสงสัยแล้ว เพราะงั้นฮยองลืมเรื่องพวกนั้นไปให้หมดได้หรือเปล่า”

    ผมชะงักนิ่ง มองหน้าคนอายุน้อยกว่าที่มองกลับมาจริงจัง

    “ไม่ได้หรอก” ผมตอบออกไปในที่สุด “ขอโทษนะ แต่ฉันลืมไม่ได้หรอก” เพราะความทรงจำเหล่านั้นคือสิ่งที่มีค่าที่สุดของฉัน ถ้าหากว่าฉันลืม ฉันกลัวว่าความรู้สึกนั้นจะหายไปด้วย ความรู้สึกที่ฉันอยากเก็บไว้กับตัวตลอดไป ความรู้สึกที่ว่า...

                      ฉันรักแบมแบม
      

     

    ------------------------------------------------------------------------------------------------TBC


    เข้ามาเห็นคอมเม้นตกใจ(อีกแล้ว) ขอบคุณสำหรับคอมเม้นยาวๆค่ะ ดีใจมากที่มีคนสังเกตอะไรก็ตามที่เราพยายามแทรกๆใส่ไปในแต่ละตอน เราอ่านทุกคอมเม้น ชอบอ่านค่ะ จะสั้นจะยาวก็อ่าน อ่านไปก็ อุ้ย เดาถูกแฮะ ไม่ก็ อื้ม ดูกันต่อไป (พูดคนเดียว ฮ่าๆๆ) หมายเหตุไว้นิดนึงที่แบมแบมเรียกสองเจว่าแจบอมฮยองกับจินยองฮยองเป็นเพราะตอนนั้นสองคนนี้ยังไม่ได้เข้ามหาลัยค่ะ

    แนะนำเพลงสำหรับตอนนี้ จากฝั่ง 5Live ที่น่าจะออดิชั่นในปีนี้เช่นกันเนอะ


     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×