คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : ตอนที่ 7 กำแพงที่มองไม่เห็น 1 โดย มาร์ค รีไรท์
ตอนที่ 7
กำแพงที่มองไม่เห็น 1 โดย มาร์ค
ตุบ ตุบ ตุบ
เสียงลูกบาสกระทบพื้นคือสิ่งแรกที่ได้ยินตอนผมเปิดประตูรถออกมา
ตุบ ตุบ ตุบ
ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู
คนที่จะเล่นเวลาเย็นๆ แบบนี้อาจเป็นคนตัวเล็กข้างห้องผมคนนั้น
ตุบ ตุบ ตุบ
หลังกลับจากพบปะครอบครัวนักธุรกิจที่แสนน่าเบื่อ
การได้เห็นรอยยิ้มสดใสของเด็กบางคน ก็ดูจะเป็นของปลอบใจที่ไม่เลว
“เยส! เข้าแล้วโว้ย” เสียงโห่ร้องทำขาที่กำลังก้าวออกจากโรงรถชะงักไปเล็กน้อย
ไม่ใช่แบมแบม
ผมถอนหายใจ
ผิดหวังนิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้มากมายอะไรนัก เดินสบายๆ ตรงไปลานเล่นบาส
ตรงนั้นมีตัวแสบประจำหอที่กำลังพยายามชู้ตบาสด้วยท่าทางแปลกๆ หลายๆ ท่าสลับไปมา
ดูแจ็คสันจะตั้งอกตั้งใจครีเอทท่าชู้ตบาสใหม่ๆ เสียเหลือเกิน มุมปากผมกระตุกยิ้ม
เกิดความคิดอยากแกล้งอีกฝ่ายขึ้นมาแบบกะทันหัน
ไม่รอช้า
ผมวิ่งเข้าข้างหลังคนเตี้ยกว่า
สอดมือเข้าไประหว่างแขนกับลำตัวของหมอนั่นแล้วปัดลูกบาสออกก่อนจะหมุนตัวไปคว้าไว้อย่างรวดเร็ว
“เห้ย!” คนถูกแย่งบาสไปแบบไม่ทันตั้งตัวหันขวับ
ตุบ ตุบ ตุบ
เสียงลูกบาสกระทบพื้นอยู่ใต้มือผมที่ยืนห่างออกมา
มุมปากยิ้มน้อยๆ
แจ็คสันมองหน้างอ “ฮยอง
มาถึงก็เล่นกันแบบนี้เลยเหรอ”
“แบบไหนล่ะ” ผมถามยิ้มๆ แล้วกระโดดชู้ต
ลูกบาสลงห่วงสวยงาม
“แบบขี้โกงไง
มาไม่บอกก่อนแบบนี้ขี้โกงนี่!”
แจ็คสันโวยวาย พยายามวิ่งไล่จะเอาลูกบาสคืนแต่ผมเลี้ยงหลบ
“นายไม่รู้ตัวเองมากกว่า
ฮึบ” ลงห่วงไปอีกลูกแบบสบายๆ
คนยืนรออยู่แล้ววิ่งจะตามไปเก็บลูก
แต่กลับเป็นผมที่ก้าวถึงก่อนและคว้าลูกมาชูไว้เหนือหัว
“แย่หน่อยนะ” ผมพูดยิ้มๆ
ตามองไปที่ขาอีกฝ่าย
แจ็คสันอ้าปากค้าง
“นะ...นี่ฮยองหาว่าผมขาสั้นเหรอ”
“ฉันยังไม่ได้พูดเลย”
ผมแทบขำก่อนจะตอบ แล้วเลี้ยงบาสหลบไปอีกทาง
“ฮยองมีปัญหาไรกับผมปะเนี่ย”
คนขาสั้นเลิกพยายามแย่งบาส เดินตามต่อว่าผมแทน
“ปัญหาอะไรล่ะ”
“ก็ถึงได้ถามอยู่นี่ไง
ทีกับคนอื่นใจดีด้วยตลอด พี่ชายอบอุ่นที่แสนดี หึ กับผมนี่ทั้งชอบขัด ชอบเบรก ชอบรังแก”
ตาคมเหล่มองงอนๆ หน้าตาออกไปทางเท่ แต่ดันสวนทางกับบุคลิกแบ๊วที่เจ้าตัวชอบทำแบบสุดกู่
อ๊ะ หรือจะเป็นเพราะแบบนี้ผมถึงได้ชอบขัดชอบแหย่หมอนี่นัก
“แจ็คสัน” ผมเรียก
เจ้าของชื่อหันมามอง
ปั้ก
“โอ๊ะ จู่ๆ ก็โยนมา
ถ้าผมรับไม่ได้นี่เข้าหน้าเลยนะ!”
โวยวายอีกแล้ว
“ก็เพราะนายเป็นแบบนี้ไง”
ผมตอบยิ้มๆ
“หะ”
“ตอบคำถามนาย”
แจ็คสันยกลูกบาสในมือทำท่าเหมือนอยากจะเขวี้ยงใส่หัวผม
“ไปละ” ผมยกมือบอกลา
แต่ยังไม่ทันได้เดินออกจากตรงนั้นแขนกลับถูกดึงไว้
“เดี๋ยวๆ”
“หืม”
หันมาเลิกคิ้วใส่คนรั้ง
“ผมมีเรื่องจะถามหน่อย”
พอเห็นว่าผมรอฟังอยู่ เจ้าตัวก็มองซ้ายมองขวาเล็กน้อยเหมือนกลัวมีคนผ่านมาได้ยิน
“ฮยอง เอ่อ ฮยองว่าที่หอนี้แบบมี... มีสิ่งลึกลับอะไรทำนองนี้ปะ”
“สิ่งลึกลับ?”
“วิญญาณหรือเคยมีใครเป็นอะไรไปที่นี้ไหม
คนอื่นที่เคยอยู่สมัยก่อน” แจ็คสันเข้ามากระซิบใกล้ๆ หน้าตาดูจริงจัง
“พรืด” ผมหลุดขำ
“ผมจริงจังนะ”
“นี่มันดู”
ผมวางมืออีกข้างที่ไม่ได้ถูกจับไว้ลงบนหัวคนตรงหน้า
ก้มหน้าลงให้สายตาอยู่ระดับเดียวกัน “หอนี้อะเคยเป็นของคุณย่าของแทคยอนฮยอง
มันถูกปิดมาตลอดจนกระทั่งแทคยอนฮยองเข้ามาดูแลปรับปรุง
แล้วพอเปิดให้เช่าพวกเราก็คือกลุ่มแรกที่มาอยู่ มันจะไปมีวิญญาณอะไรที่ไหนได้”
แจ็คสันทำหน้ามุ่ย
“นายไปเจออะไรเข้าหรือไง”
“ก็เมื่อคืนผมได้ยินเสียงแปลกๆ
เหมือนคนร้องไห้”
“ยองแจหรือเปล่า”
“ตอนแรกผมก็คิดงั้น
พอตอนเช้าเจอมัน หน้าตามันก็ดูสดใสดี
พอเล่าให้มันฟังมันก็บอกว่าจะร้องไห้เพราะผมพูดเรื่องแปลกๆ ขึ้นมานี่แหละ”
“งั้นนายก็คิดไปเอง”
เจ้ามันดูตัวเกรียนนิ่งคิด
เผลอทำปากยู่แบบแบ๊วๆ โดยไม่รู้ตัว
“หรือจะเป็นคุณย่า!” แล้วก็โพล่งขึ้นตาโต
“เหลวไหล” ผมกำมือแล้วเคาะลงบนหัวคนเพ้อเจ้อเบาๆ
“ปล่อยแขนฉันได้แล้ว ฉันจะกลับห้อง”
แจ็คสันปล่อยมือ
ผมยิ้มให้ก่อนจะหันหลังเดินเข้าหอ
“ฮยอง” เสียงเรียกตามมา
“ผมไปเล่นห้องฮยองได้ปะ”
ผมหันกลับไปมองแจ็คสันที่ยืนอุ้มบาสรอคำตอบ
“ฉันไม่สะดวก”
คำตอบเหมือนเดิม แถมยังเป็นรอบที่เท่าไรแล้วก็ไม่รู้
“ชิ ขี้งก”
ทำหน้าตาเซ็งๆ ใส่ผมแล้วเจ้าตัวก็เลี้ยงบาสไปชู้ตที่แป้นต่อ
ผมหันกลับมาเดินขึ้นบันได
ไม่รู้กี่ครั้งแล้วที่แจ็คสันถามผมด้วยคำถามเดิมๆ ว่าไปเล่นที่ห้องด้วยได้ไหม
ทั้งๆ ที่หมอนั่นเองก็คงรู้ว่าคำตอบที่ได้ก็คือผมไม่สะดวก
แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังถามอยู่แบบนี้ทุกครั้งที่มีโอกาส ผมไม่รู้ว่าทำไม
การพยายามเข้าอกเข้าใจคนอื่นอย่างแท้จริงออกจะเป็นเรื่องลำบากสำหรับผม
แกร๊ก
ก่อนที่ผมจะเดินถึงห้องตัวเอง
ประตูห้องแบมแบมก็เปิดออกมา
ร่างเล็กซึ่งกำลังอุ้มหนังสือไว้เหวอไปเล็กน้อยที่เงยหน้ามาเจอผมยืนอยู่
“เพิ่งกลับมาเหรอฮยอง”
แบมแบมทักทาย
“อื้ม กำลังจะเข้าห้อง
นายล่ะ จะไปไหน” ผมถาม ตามองหนังสือเรียนในมืออีกฝ่าย
“ไปห้องจูเนียร์ฮยอง
ผมกับยูคยอมไปทำการบ้านอยู่นั่น”
“อ่า อืม ไปเหอะ”
แบมแบมยิ้มให้แล้วเดินสวนไป
ในขณะที่ผมกำมือตัวเองเข้าหากัน ชั่วขณะหนึ่งเกิดอยากเอื้อมมือไปจับแขนเล็กนั่นไว้
อยากวางมือลงบนหัวแล้วลูบผมนุ่มนั่น แต่ที่ทำได้กลับมีแค่กำมือไว้แบบนี้
ผมยังคงยืนอยู่ที่เดิม มีความรู้สึกเหมือนแบมแบมที่เดินสวนไปจะหันกลับมามอง
แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่ได้หันไป ไม่มีประโยชน์อะไร
เด็กนั่นอาจแค่เป็นห่วงหรือผมอาจเผลอทำสีหน้าแปลกๆ
เดินไปไขกุญแจห้องก่อนจะเปิดเข้าไป
การเดินทางจากโรงรถมาถึงห้องตัวเองใช้เวลานานกว่าที่คิด ห้องที่ผมอยู่มีสองห้องนอน
มันเหมาะสำหรับอยู่สองคน แต่ถึงอย่างนั้นผมก็เลือกที่จะอยู่คนเดียว เพราะการยังไงเสียการอยู่คนเดียวก็เหมาะกับคนอย่างผมที่สุด
ทันทีที่กดเปิดไฟ แสงสว่างก็สาดส่องให้เห็นสภาพทั่วไปในห้องที่ถูกตกแต่งอย่างเรียบง่าย
มีเฟอร์นิเจอร์ไม่กี่ชิ้น ดูปกติดี
อย่างน้อยก็คงปกติกว่าที่แจ็คสันเคยจินตนาการแล้วตั้งสมมติฐานว่าผมแอบเลี้ยงสัตว์ประหลาดไว้ในห้อง
ผมทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาสีขาวสะอาด
เอนหลังพิงหัวกับพนักก่อนจะหลับตาลงพักสายตา เหมือนจะลืมเรื่องที่บ้านไปตอนแกล้งแหย่แจ็คสัน
แต่พออยู่คนเดียวความรู้สึกเซ็งๆ ก็กลับเข้ามาอีก
ฐานะสมาชิกในตระกูลทำให้ผมไม่สามารถหลีกเลี่ยงการช่วยงานทางบ้านได้
ผมเกลียดการกลับบ้านใหญ่ เกลียดการกลับไปรวมตัวกันที่นั่น
สมาชิกในตระกูลมากมายแต่สำหรับผมทุกคนก็ไม่ต่างจากคนแปลกหน้า สำหรับคนที่ค่อนข้างเงียบและมีโลกส่วนตัวสูงอย่างผม
พอรู้ตัวอีกทีก็เติบโตมาแบบตัวคนเดียวเสียแล้ว
ผมย้ายเข้ามาอยู่ที่หอพักเมี้ยวๆ
เมื่อสามปีก่อน
เพราะคำเชิญชวนจากแทคยอนฮยองที่รู้จักกันโดยบังเอิญในงานเลี้ยงของพวกสายธุรกิจ
ถือเป็นห้องที่สามที่ถูกเช่าหลังจากหอพักเมี้ยวๆ เปิดทำการ
พวกแรกที่เข้ามาคือเจบีจูเนียร์
ตามด้วยแบมแบมเข้ามาเพราะที่บ้านรู้จักสนิทสนมกับคุณฮยอง
เรื่องราวเก่าๆ ไหลผ่านแล้ววนเวียนอยู่ในความคิดจนผมเผลอหลับไปโดยไม่รู้ตัว
ติ๊งต่องๆๆๆ
เสียงกดออดรัวๆ กระชากผมขึ้นมาจากห้วงนิทรา
ยกมือลูบหน้าตัวเองพลางเสยผม กดออดได้เกรียนขนาดนี้คงมีอยู่คนเดียว ผมลุกขึ้นเดินไปเปิดประตู
แล้วก็เจอแจ็คสันที่รีบก้มตัวชะโงกหน้าลอดแขนผมเข้าไป จนผมต้องจับหัวดันออก
“มีอะไร”
“ผมมาตามไปกินข้าว
แล้วก็มีเรื่องจะประชุมกันด้วย คุณฮยองกับแทคยอนฮยองก็มาร่วมด้วยเหมือนกัน”
แจ็คสันพูด ยังคงพยายามเอียงไปมา หาทางมองเข้าไปในห้อง
“ที่ห้องนายน่ะเหรอ”
“อือ เนี่ยมากันหมดละ
เหลือแต่ฮยอง”
“ฉันเผลอหลับ
เดี๋ยวล้างหน้าล้างตาแล้วตามลงไปแล้วกัน”
“ให้ผมรอไปพร้อมกันไหม”
แจ็คสันมองตาปิ๊งๆ รู้เลยว่ากะเข้าห้องผมแน่
“ขอบคุณ แต่ไม่ต้อง”
ผมดันตัวหมอนี่ออกแล้วปิดประตู ได้ยินเสียงโวยวายลอดมาก่อนจะประตูจะปิดด้วย
ส่ายหัวกับตัวเองขำๆ
อะไรจะขนาดนั้น คิดว่าผมเลี้ยงสัตว์ประหลาดไว้จริงๆ หรือไง
“คุณฮยองแบ่งให้เท่าๆ กันไปแล้วเหอะ
นายไม่มีสิทธิ์มากินของฉันนะเว้ย ไอ้หมาบ้านี่!”
ทันทีที่เปิดประตูเข้าไป ก็ได้ยินเสียงเจ้าของห้องโวยวายมาก่อนเลย
“ทำไมฮยองเป็นคนขี้งกงี้นะ
เดี๋ยวผมไปเอาที่ห้องมาคืนก็ได้” ยูคยอมบ่น
“พวกนายเรื่องแค่นี้ต้องทะเลาะกันด้วยเหรอ”
แล้วก็โดนคุณฮยองดุทั้งคู่ “อ้าว มาร์คมาแล้ว”
“มาร์คฮยองมาสักที
จะได้กินข้าว หิวจะตายละ” เจบีลุกขึ้นจากพื้นเดินมากอดคอจูเนียร์ แต่เจ้าตัวกลับค่อยๆ
เบี่ยงออก
ผมเลิกคิ้วให้จูเนียร์
แต่ก็โดนหมอนั่นแยกเขี้ยวใส่แล้วมองเมินไปทางอื่น เจบีมองพวกเรางงๆ แล้วหันไปเกาะไหล่ยองแจแทน
สาบานว่าผมเห็นความหงุดหงิดในแววตาหมอนั่นแว้บนึง
“สรุปว่าวาระการประชุมวันนี้คืออะไร”
แทคยอนฮยองที่พาตัวเองไปนั่งหัวโต๊ะถาม
“จะพูดตอนกินอยู่นี่เลยเหรอฮยอง”
เจบีถามกลับ
“จัดเลยไอ้น้อง”
“โอเค
วันนี้เราจะคุยกันเรื่องงานวันเกิดของชาวกันยายน”
พอพูดจบทุกคนก็ร้องอ๋อขึ้นมาพร้อมๆ กัน จริงสิ ใกล้ถึงวันเกิดผมแล้วนี่
“ในนี้ก็มีมาร์คฮยอง 4
กันยา ยองแจ 17 กันยาแล้วก็จินยอง 22 กันยา” เจบีอธิบาย “แล้วก็เหมือนปีที่แล้วเราจะจัดรวบยอดไปทีเดียวเลยถึงแม้ปีนี้จะมียองแจมาเพิ่มก็ตาม”
“หมายความว่าสเกลงานก็ยังจะเท่าเดิมอยู่ดี
ใช่ไหม” คุณฮยองถาม
“ถูกต้องนะคร้าบ”
เจบีชี้ตะเกียบไป
“ของขวัญซื้อรวมหรือแยกอะ”
แจ็คสันถามบ้าง
“โห ฮยอง
วันเกิดมีปีละครั้ง ใจคอจะไม่ลงทุนหน่อยเหรอ แยกดิ” ยองแจเจ้าของวันเกิดรีบโวย
“ฉันงบน้อยนี่หว่า”
“เอาไปเลี้ยงหญิงหมดอะดิ”
“อย่ามามั่ว
ฉันไม่ได้เลี้ยงอะไรใครเลยช่วงนี้ ยากจนจนแทบจะหันมากินคนในหอแทนข้าวแล้ว”
ว่าแล้วก็หันมาทำท่าจะงับแก้มแบมแบมที่นั่งข้างกัน
“ฮยอง!” ยูคยอมคว้าแขนแบมแบมดึงเข้าหาตัว
รอดพ้นริมฝีปากแจ็คสันหวุดหวิด แต่ก็พ้นไก่ทอดที่เจ้าตัวกำลังจะหยิบเข้าปาก จนไถลไปเลอะแก้มยุ้ยๆ
นั่นแทน
ผมหยิบกระดาษยื่นให้แบมแบมที่รับไปด้วยสีหน้าสุดเซ็ง
เอากระดาษเช็ดแก้มเงียบๆ โดยที่ด้านหลังมียูคยอมกับแจ็คสันกำลังเอาตะเกียบฟาดฟันกันอยู่
ผมยิ้มให้เจ้าตัวเล็กที่ยิ้มแหยๆ กลับมา
ยกมือชี้บอกให้เช็ดสูงขึ้นไปหน่อยแบบเงียบๆ
“ย่าห์ๆๆ
วิญญาณนักฟันดาบเข้าสิงหรือไง นั่นตะเกียบนะไอ้พวกบ้า หยุดเล่นแล้วกินให้มันดีๆ เลย!” ออมม่าของหอออกคำสั่ง
หยุดการละเล่นของสองนักฟันดาบแบบแทบจะทันที
การพูดคุยเรื่องงานวันเกิดเป็นไปแบบไม่มีอะไรซับซ้อน
เพราะก็จัดกันมาตลอดอยู่แล้ว ผมเองก็กลับห้องทันทีหลังจากคุยเสร็จ
ได้แต่หวังว่าวันนั้นจะไม่มีอะไรจากที่บ้านมาทำให้ผมไม่ว่าง
วันที่ 3
ผมกลับหอช้ากว่าปกติเพราะต้องไปทำธุระหลังจากเลิกเรียน กว่าจะถึงหอก็ราวสามทุ่ม
มาถึงอาบน้ำแล้วก็หลับแทบจะทันที มาสะดุ้งตื่นกลางดึกอีกทีตอนได้ยินเสียงโทรศัพท์
-แจ็คสันมันดู-
“ว่าไง”
ผมกดรับเสียงงัวเงีย
“อะไร นี่ฮยองหลับเหรอ
หลับได้ไง!” ปลายสายถามเสียงดัง
“แล้วทำไมฉันจะหลับไม่ได้”
“ก็นี่มันเที่ยงคืนนะ”
“แล้ว?”
“แล้วมันก็วันเกิดฮยองน่ะสิ!”
“หะ อ่า จริงด้วยสินะ”
ผมพลิกตัวนอนหงายก่อนจะลุกขึ้นนั่ง ดูท่าแล้วเจ้าตัวเกรียนคงไม่วางสายง่ายๆ
“มันจะไร้อารมณ์เกินไปแล้วฮยอง
แฮปปี้เบิร์ดเดย์!”
“ขอบใจ
นี่นายโทรมาตอนเที่ยงคืนพอดีเลยเหรอ” ผมยกโทรศัพท์ออกดู ตอนนี้เที่ยงคืน 1 นาที
“ก็ใช่น่ะสิ ผมเจ๋งใช่ไหมล่ะ”
“เจ๋งตรงไหน
นายไม่คิดว่าฉันต้องใช้เวลาแบบนี้คุยกับสาวๆ หรอกเหรอ”
“หะ!” แจ็คสันอึ้งไป “ผมลืมไปเลย ฮยองมีแฟนเหรอตอนนี้”
“อุ๊บ คิกๆๆ”
เชื่อด้วยแฮะ
“ย่าห์! หลอกผมอีกแล้วเหรอ”
“ฉันยังไม่ได้บอกนี่ว่ามีแฟน”
“ชิ นี่ๆ ตอนแรกผมว่าจะให้ยองแจมันมาแฮปปี้เบิร์ดเดย์ฮยองด้วย
แต่มันไม่ยอมตื่นผมเลยไม่รู้จะทำไง”
“จริงๆ นายค่อยบอกฉันพรุ่งนี้ก็ได้”
“วันเกิดมันมีแค่ปีละหนไม่ใช่หรือไง”
ติ๊งต่อง
หืม ผมลุกขึ้นจากเตียง
ใครมาเอาป่านนี้อีก
“แจ็คสัน แป๊บนะ
ใครมาไม่รู้” ผมบอกปลายสายแล้วถือโทรศัพท์เดินไปเปิดประตู
“แฮปปี้เบิร์ดเดย์
ทูมาร์คฮยองงงง” เจ้าคนที่ยืนหน้าประตูห้องและกำลังยื่นกล่องของขวัญมาให้ทำผมอึ้งเล็กน้อย
“แจ็คสัน”
ผมพูดพลางยกโทรศัพท์ในมือขึ้นดู ก็ไม่ใช่ว่าหมอนี่อยู่ห้องตัวเองหรอกเหรอ
“ไหนๆ ผมก็ตื่นแล้วเลยเดินเอามาให้ซะเลย
เอ้า รับไปดิฮยอง ทำหน้าเอ๋ออยู่ได้” คนให้จับของขวัญยัดใส่มือผม
มันเป็นกล่องเล็กๆ ห่อด้วยกระดาษสีแดง
“เห็นสีแล้วนึกถึงตรุษจีนเลย”
ผมพูดยิ้มๆ
“ผมเอากระดาษห่อของขวัญคริสต์มาสของปีที่แล้วมาห่อแหละ”
“นายห่อเองด้วย”
“สวยใช่ปะ”
ผมยิ้มขำ “ขอบใจ”
“อื้อ งั้นผมไปละ
สุขสันต์วันแก่นะฮยอง” แจ็คสันยิ้มทะเล้นแล้วก็ทำท่าจะเดินไปจริงๆ
ออกจะแปลกที่คราวนี้หมอนี่ไม่พยายามจะบุกเข้าห้องผม
“ดูจากกล่องแล้ว
ท่าทางวันเกิดนายฉันคงต้องซื้อของดีๆ ให้บ้างสินะ”
ผมขยับไปยืนกอดอกพิงขอบประตูพูดพลางมองกล่องของขวัญในมือ
“แหงสิ”
คนกำลังจะเดินไปหันมาบอก
“นายอยากได้อะไรล่ะ”
“ฮยองแน่ใจนะว่าจะให้ได้ทุกอย่าง”
แจ็คสันเดินกลับมาถามจริงจัง อ่า ผมเปลี่ยนใจตอนนี้ทันไหมนะ
แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้พูดอะไรออกไป คนตรงหน้าก็พูดขึ้นมาก่อน
“ผมอยากให้ฮยองเลิกยิ้มเครื่องหมายการค้าสักที”
คำตอบทำผมประหลาดใจจนต้องเลิกคิ้วขึ้น
“อ๊า อย่าทำหน้างั้นดิ”
แจ็คสันทำเสียงไม่สบอารมณ์ “ฮยองไม่รู้จริงๆ เหรอว่าไอ้รอยยิ้มเครื่องหมายการค้าของฮยองมันทำผมขนลุกนะ
ดูเสแสร้งไงไม่รู้ เหมือนแบบถ้าฮยองดีใจก็จะยิ้มแบบนี้ หรือต่อให้เสียใจฮยองก็ยิ้มแบบนี้อยู่ดี
ดูไม่จริงใจเลย”
ก็...ไม่จริงใจน่ะสิ
นั่นแหละฉันล่ะ
“รอยยิ้มนักธุรกิจ
นายไม่เคยได้ยินเหรอ”
“นั่นๆ
ฮยองยิ้มเครื่องหมายการค้าอีกละ” เจ้ามันดูชี้ปากผม
“แก้ไม่ได้
ติดเป็นนิสัยไปแล้ว” ผมพูดยิ้มๆ
อีกฝ่ายไม่ได้พูดอะไร
ตาคมมองนิ่งก่อนจะยกมือขึ้นมากางตรงหน้าผม ห่างออกไปสักคืบนึงได้
“กำแพงตรงนี้”
ผมอึ้ง ไม่ได้ตอบอะไร
แจ็คสันเองก็ไม่ได้พูดอะไรอีก หันหลังเดินกลับไปทั้งอย่างนั้น
ผมเดินเข้าห้องปิดประตู
สลัดความคิดเกี่ยวกับคนที่เพิ่งไปออก กลับเข้าไปนั่งบนเตียงนอน
มีข้อความเข้ามาตอนเที่ยงคืนที่ผมยังไม่ได้เปิดอ่าน ส่งมาจากแบมแบม
’สุขสันต์วันเกิดนะฮะ
ผมขอให้ฮยองเจอแต่สิ่งดีๆ ตลอดทั้งปี ผมเตรียมของขวัญเจ๋งๆ ไว้ให้ฮยองด้วย :-)’
รอยยิ้มผุดขึ้นเงียบๆ
ผมอ่านทวนข้อความซ้ำอีกครั้งจนเหมือนเห็นภาพรอยยิ้มสดใสสะท้อนอยู่ในข้อความนั้น
สดใส บริสุทธิ์ แบบที่ผมไม่อาจแตะต้อง
งานวันเกิดของชาวกันยายนถูกจัดขึ้นในวันเสาร์ที่
15 กันยายน
ทุกคนไปรวมตัวกันที่ห้องแจ็คสันยองแจซึ่งถูกประดับตกแต่งด้วยลูกโป่งและกระดาษหลากสี
หลังจากพากันเอาของขวัญมากองรวมไว้แล้ว
แจ็คสันก็บ่นแล้วบ่นอีกว่าเดือนนี้คงได้กินแกลบ
วันนี้ผมใส่สายรัดข้อมือผ้าที่เจ้ามันดูให้เป็นของขวัญมาด้วย
แอบเห็นหมอนั่นยิ้มกว้างทันทีที่เห็น
พูดใหญ่ว่าเพราะสายรัดข้อมือเจ๋งเลยทำให้ผมดูเจ๋งไปด้วย
งานดำเนินไปพวกผู้ใหญ่พากันยกแอลกอฮอลล์จนกรึ่มๆ
ส่วนเด็กๆ ได้แต่นั่งกินโคล่า ผมเองถูกจูเนียร์ท้ากินไปหลายแก้วเหมือนกัน
ได้แต่แอบขู่เจ้านั่นว่าระวังเมาแล้วเผลอไปกระโจนเข้าใส่เจบีจะหาว่าไม่เตือน
ผลคือกลับเป็นผมที่โดนกระโจนขึ้นคร่อมบีบคอเกือบตาย
“แจ็คสันฮยองหายไปไหนอะ”
ใครสักคนพูดขึ้นมา ทุกคนเลยพากันมองหา
“เมื่อกี๊เห็นเต้นบ้าบออยู่กับแทคยอนฮยองนี่”
ยองแจที่กำลังนั่งต่อจิ๊กซอร์อยู่กับกลุ่มเด็กอายุไม่ถึงเกณฑ์พูด
จิ๊กซอร์นั่นเป็นของขวัญจากเจบี
“ไม่ใช่มันเมาจนออกไปแก้ผ้าเต้นอยู่หน้าหอนะ”
เจบีที่กลิ้งเกลือกอยู่กับกองขนมขึ้นพูดเนือยๆ
“เห้ย บ้าแล้ว!” จูเนียร์ค้าน
“ก็เพราะบ้านั่นแหละถึงได้เป็นแจ็คสันฮยอง”
ยองแจปิดท้าย
“เดี๋ยวผมไปดูให้ไหม”
แบมแบมลุกขึ้นยืน หน้าหวานหันมองเลิ่กลั่ก คงเป็นห่วงแจ็คสันขึ้นมาจริงๆ
“เดี๋ยวฉันไปดูเอง
นายไม่ต้องไปหรอก” ผมลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้อง มือล้วงกระเป๋ากางเกงหากุญแจรถเผื่อว่าอาจต้องขับรถออกไปดู
ไม่เจอ!
ผมล้วงหาอีกรอบ ทำตกเหรอ
บ้าน่า มันมีทั้งกุญแจรถ กุญแจบ้าน แล้วก็กุญแจห้องผมเลยนะ กุญแจห้อง
ความคิดบางอย่างวาบขึ้นมา ผมวิ่งขึ้นบันไดกลับไปห้องตัวเอง
ประตูถูกเปิดอยู่
ริมฝีปากเม้มเข้าหากันอัตโนมัติ มันมักจะเป็นแบบนี้เวลาที่ผมเริ่มไม่พอใจกับอะไรบางอย่าง
ผมเดินเข้าไปในห้องที่ไฟเปิดสว่างทั่วทุกที่ ห้องนั่งเล่นไม่มีใคร
ห้องครัวไม่มีใคร เปิดประตูเข้าห้องนอน ตัวการนอนหลับอุตุอยู่บนเตียงผมหน้าตาเฉย
“แจ็คสัน” เรียกเสียงเข้ม
“หวังแจ็คสัน!” คราวนี้ตะคอกทั้งยังกระชากคอเสื้ออีกฝ่ายดึงขึ้นมาด้วย
เจ้าของชื่อกะพริบตาสะลึมสะลือ “มีไรอ่า จะนอน”
“นายเข้ามาทำอะไรในห้องฉัน!”
แจ็คสันนิ่งไปแป๊บหนึ่งก่อนจะลืมตาโพลง
“มาร์คฮยอง!” อุทานมองหน้าผมตาโตเหมือนเพิ่งรู้ตัว
"นายเข้ามาในห้องฉันทำไม"
ผมถามเสียงต่ำ ดูจากสีหน้าเลิ่กลั่กของคนตรงหน้าแล้ว ตอนนี้ผมคงดูดุไม่น้อย
"เอ่อ คือ อ่า ก็
ฮะๆๆ ฮยองปล่อยคอเสื้อก่อนได้ปะ มันรัดคอผมนะ"
ผมปล่อยมือแล้วชี้ไปทางประตู
"ออกไป"
"เดี๋ยวดิ โอเคๆ
ผมผิดเองที่แอบเข้ามา ก็ฮยองอยากทำตัวลึกลับเองทำไมล่ะ
แล้วอีกอย่างในนี้ก็ไม่ได้มีอะไรสักหน่อย ทำไมต้องห้ามไม่ให้ผมเข้ามาด้วย"
คนถือวิสาสะแอบเข้าห้องคนอื่นยกมือสองข้างเชิงขอโทษ
"ฉันว่านายน่าจะรู้จักคำว่ามารยาท"
แจ็คสันอึ้ง
มองผมตาโตก่อนสีหน้าจะค่อยๆ สลดลง ยกขาสองข้างขึ้นมานั่งชันเข่าเอาคางเกย
"ไม่เห็นต้องพูดขนาดนั้นเลย"
น้ำเสียงเต็มไปด้วยความน้อยใจ แต่ผมมัวตกตะลึงกับอีกภาพที่ซ้อนทับมา
"ยังทำงานไม่เสร็จอีกเหรอฮะ"
น้ำเสียงกึ่งน้อยใจนิดๆ ดังสะท้อนขึ้นมา
ใครบางคนเคยนั่งชันเข่าเอาคางเกย มองผมด้วยดวงตากลมแป๋วจากตรงนี้
----------------------------------------------------------------------------------TBC
ในที่สุดแจ็คสันก็เข้ามาในห้องจนได้ แถมเข้ามาแบบเกรียนสุดๆซะด้วย
ความคิดเห็น